ทวงครั้งที่ 12 กุหลาบแดงข้างกาย
“ทำไมพ่อทศไม่มากับเราด้วยล่ะฮะ อลันคิดถึงพ่อทศ”เด็กน้อยผิวขาวแก้มใสเอียงคอถาม
นานนับอาทิตย์แล้วที่พาลูกชายหนีคนคนนั้นมาอีกครั้ง เหมือนกันแต่แตกต่างกันที่ความรู้สึก ความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วง
สั้นๆยังคงค้างคา รอยจูบในคืนสุดท้ายที่เคียงข้างกายยังคงตราตรึงอยู่ข้างในใจ
“เขาเขาติดธุระ ไม่ว่างมากับเรา”
ทั้งหมดที่ทำลงไปเกิดขึ้นจากความสับสน อีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเกิดมาในร่างกายของเขา สิ่งที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของ
เขาให้ต่อติดกับทศกัณฐ์กำลังฝังอยู่ภายในร่างกายของเขาอีกครั้ง
อเลนยังคงไม่ยอมรับตัวเอง และแน่นอนว่าทำใจให้ยอมรับในการมีตัวตนของทศกัณฐ์ไม่ได้ง่ายๆ
“แต่อลันคิดถึงพ่อทศ เรากลับไปหาพ่อทศไม่ได้เหรอฮะ”
“ไม่ได้หรอก อลันไม่คิดถึงคุณตากับคุณยายเหรอครับ”
“คิดถึงฮะ แต่อลันก็คิดถึงพ่อทศ เราบอกคุณตากับคุณยายไม่ได้เหรอฮะว่าอลันมีพ่อแล้ว”อลันมุ่ยหน้า ถามออกมาอย่างไร้
เดียงสา
“ไม่ได้ครับ อลันห้ามบอกใครเด็ดขาด”เพราะทศกัณฐ์เป็นยักษ์ ไม่มีทางที่ครอบครัวของเขาจะยอมรับทศกัณฐ์ได้
แน่นอน
“ฮะ อลันไม่บอกก็ได้”ตอบเสียงอ่อย “แต่อลันบอกได้ไหมฮะว่าอลันกำลังมีน้อง”
คำตอบของอลันทำให้อเลนชะงัก ปากกาในมือร่วงหล่นลงไปบนสมุดโน้ต ดวงตาคมสวยจ้องมองลูกชายทันทีด้วยความ
ประหลาดใจ
“ใครเป็นคนบอกอลัน”
“ก็อลันเห็นน้องในนี้”มือป้อมเล็กแตะลงบนหน้าท้องของอเลนอย่างเบามือ แก้มป่องใสยิ้มจนแก้มเกือบจะปริแตก
“อลันอย่างพึ่งบอกใครนะครับ เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคน ตกลงไหม”
“ตกลงฮะ เอาไว้เซอไพรส์คุณตาคุณยาย”เกี่ยวก้อยสัญญากันเสร็จสรรพ
หัวใจที่อยู่ในอกของอเลนกำลังสั่นถึงแม้จะนานนับอาทิตย์แต่ชื่อของทศกัณฐ์ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับว่ากลิ่นกายเจือ
กลิ่นบุหรี่ของอีกฝ่ายตามหลอกหลอนเขาไปทุกที่ทำให้นึกถึงอีกฝ่ายแทบตลอดเวลา แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ยังคง
หลงเหลืออยู่ เขาคิดเพียงแค่นั้น
เช้าวันถัดมา ทั้งที่เป็นหน้าหนาวแต่อากาศภายนอกทำให้อเลนประหลาดใจ แสดงแดดอุ่นส่องผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่าง
ที่เปิดทิ้งเอาไว้ เรียวคิ้วบางขมวดมุ่น หรือว่าเขาจะคิดไปเองว่าเมื่อคืนเขาได้ปิดหน้าต่างทุกบานในห้องแล้ว
พลันกายโปร่งบางกำลังจะลุกขึ้นมือก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างทำให้สะดุ้งเล็กน้องก่อนจะหยิบยกมันขึ้นมาดูอย่างเบามือ
ดอกกุหลาบไร้หนามสีแดงสด กลีบของมันราวกับสีของเลือดก็ไม่ปาน ทว่ามันมานอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงของเขาได้ยังไง
กัน
ถามคนในบ้านไม่มีใครรู้ที่มาของดอกไม้สีแดงสดแม้สักคนเดียว ความสงสัยยังไม่จบเพียงแค่นั้น ในเมื่อเช้าวันแล้ววันเล่า
ตื่นมาเขาจะพบกับดอกกุหลาบสีแดงเสมือนเลือดวางอยู่บนเตียงข้างกายทุกวัน
เกือบเดือนจนดอกไม้ดอกแรกเริ่มแห้งเหี่ยว อเลนจ้องมองดอกกุหลาบดอกแรกในแจกันที่นำดอกไม้ใส่เอาไว้ กลีบของมัน
ค่อยๆร่วงโรยลงมา และเขาก็จ้องมองมันเช่นนี้ทุกวัน จนกระทั่งกลีบสุดท้ายร่วงหล่นลงสู่พื้น
“อเลน ตื่นรึยังลูก มีคนมาหาแน่ะ”เสียงของพ่อปลุกให้ละสายตาจากกลีบกุหลาบสีน้ำตาลอมแดงบนพื้น
“ใครเหรอครับ”ถามพลางเดินไปเปิดประตู สบตากับผู้เป็นพ่อแล้วส่งยิ้มให้ตามปกติ
“พ่ออยากให้ลงไปดูเองมากกว่า”
“เดี๋ยวผมลงไปครับ”
“เร็วเข้าล่ะ ก่อนที่แม่เขาจะเป็นอะไรไปซะก่อน”คำที่พ่อทิ้งท้ายทำให้เลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าคงจะเป็นเพื่อนหรือญาติ
พี่น้อง ใครสักคนที่มาที่บ้านตามปกติ
ทว่าเพียงก้าวเดียวที่เหยียบย่างเข้าไปในห้องรับแขก ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง ร่างสูงของอมนุษย์ที่คุ้นเคยทำให้หัวใจดวง
เล็กในอกหล่นวูบ นัยน์ตาสั่นระริกกับภาพที่ได้เห็น ถึงแม้จะตอกย้ำว่าเบื้องหน้านั้นคือภาพลวงตา แต่ยิ่งเพ่งมองภาพกลับยิ่งพล่า
เบลอ
ทศกัณฐ์อยู่เบื้องหน้า กำลังจ้องมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มคุ้นเคย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อเลนกวาดสายตาเมื่อทศ
กัณฐ์นั้นนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพรมหนา จ้องมองพานดอกไม้ธูปเทียนเบื้องหน้าของทศกัณฐ์
“มานั่งก่อนสิ ส่วนพ่อหนุ่มก็ลุกขึ้นได้แล้วล่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“มานี่สิอเลน”เมื่อลูกชายนิ่งอึ้งราวกับสติหลุด ผู้เป็นพ่อจึงได้เรียกให้มานั่งข้างกายมารดาผู้มีเชื้อสายต่างชาติ
“แล้วนึกยังไงถึงมารับผิดเอาตอนนี้เสียล่ะ”
“ที่ผ่านมาผมอยากที่จะดูแลอเลนกับลูกมาตลอด ติดแค่ผมหาพวกเขาไม่เจอ”ยักษ์หนุ่มตอบด้วยความสัจจริง ถึงแม้กลิ่น
ของยักษ์นั้นจะรับรู้ได้ไม่อยาก หากแต่การอยู่คนละผืนแผ่นดินทำให้ยากต่อการติดตามลูกเมียได้ง่ายๆ
“แล้วฉันจะเชื่อใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ทำร้ายลูกของเรา”หญิงชาวต่างชาติถามด้วยสำเนียงชัดถ้อยชัดคำราวกับเป็นเจ้าของ
ภาษา ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องยักษ์หนุ่มแน่นิ่งราวคล้ายพยายามจะอ่านความคิดเสียให้ได้
“ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือว่าชาตินี้ ไม่มีวันที่ผมจะทำร้ายเขากับลูกของเรา”
“งั้นก็ดี ดอกธูปเทียนนี่พวกเราจะรับเอาไว้ก็แล้วกัน”
“พ่อ!!”จากที่นั่งเงียบอยู่นานแย้งทันควัน เด็กหนุ่มลูกครึ่งเกร็งตัวเมื่อดวงตาของยักษากำลังจ้องมองมาที่เขา พลันหัวใจก็
เต้นระรัว
“เด็กที่อยู่ในท้องนั่น คิดว่าเมื่อไรจะบอกแม่กับพ่อล่ะ”
“ระ เรื่องนั้น”
“พ่อกับแม่จะรับเอาไว้แค่คำขอขมาและยกโทษในสิ่งที่เขาได้สำนึกผิด พร้อมที่จะให้โอกาสกับคนที่ต้องการ แต่ลูกจะให้
หรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับลูก แต่ยังไงก็ต้องดูอลันกับลูกในท้องอีกคนที่กำลังจะเกิดมา”
“ครับ”
ตอบเพียงแค่นั้นก็ตวัดสายตาไปมองทศกัณฐ์
“พ่อกับแม่ต้องไปธุระข้างนอก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นแขก ดูแลเขาให้ดี ส่วนอลันเดี๋ยวเสร็จธุระแล้วพ่อกับแม่จะรับมา
จากบ้านพี่อลิสเขาให้เอง”
สุดท้ายทั้งที่ไม่ต้องการเผชิญหน้า แต่ก็จำยอมกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เสี้ยววินาทีที่ถูกปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง
ความร้ายกาจของยักษ์หนุ่มมากหน้าก็ปรากฏ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์คลี่ออกมา ดวงตาสีเหลืองอำพันทอประกายวาววับ
“นายหนีฉันสองรอบแล้วนะ รู้ใช่ไหมว่านายตัดโอกาสของตัวนายเอง”
เขาแค่กระพริบตาแค่นั้น อเลนสาบานกับตัวเอง เพียงชั่ววูบร่างกายสูงใหญ่ก็อยู่เบื้องหน้า ร่างของเขาถูกดันจนแผ่นหลัง
บางชิดพนักพิงโซฟา
“จะทำอะ อื้อ”
ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบลงทัณฑ์ลงมาอย่างโหยหา หัวใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ข้างในอกเต้นระรัว รสจูบที่คุ้นเคยปลุกกระตุ้นให้
ความคิดสับสนจนแทบบ้า
เนิ่นนานจนรอยจูบนั้นตราตรึง กลิ่นบุหรี่คุ้นเคยคุกกรุ่นอยู่ในโพลงปากชัดเจนจนคิดว่าต่อให้ทำความสะอาดสักแค่ไหนก็คง
ไม่หมดไป
“นายทำให้ฉันเกือบบ้า”
คุณหมอยักษ์บอกเสียงห้วน ปลายนิ้วสากแตะลงที่คางมนดันให้เงยขึ้นมาสบเข้ากับตาคู่สีอำพัน
“อย่า”
“ฉันควรจะทำยังไงกับนายดี”จะลงโทษยังไงที่ทำให้ทศกัณฐ์คนนี้คลั่งจนฟาดงวงฟาดงากับความโง่ของตัวเอง
“ไม่ คุณไม่ต้องทำอะไร แล้วกลับไปซะ”
“นายคิดว่าฉันถ่อมาถึงที่นี่เพื่อที่จะให้นายไล่รึไง ห่ะ”น้ำเสียงยังคงบ่งบอกถึงความดิบเถื่อนที่มีมานานไม่เคยเสื่อมคลาย
“ต้องการอะไรกันแน่”
“ฉันจะจับนายขังเอาไว้เหมือนที่เคยทำก็ได้ แต่รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ทำ”
“ผมไม่อยากรู้”ตอบเสียงเครือ เบือนหน้าหนี แต่ก็ถูกปลายนิ้มนั้นบังคับให้หันกลับมามอง
“แต่นายต้องรู้”
“ผมบอกว่าผม…ไม่อยากรู้ไงล่ะ เลิกยุ่งและไปจากชีวิตผมกับลูกสักที”
“ดูเหมือนว่าเวลาที่ฉันให้นานมันจะไม่ได้ช่วยอะไร”
“ต่อให้สิบปี ยี่สิบปี หรือแม้กระทั่งหมดชาตินี้มันก็ไม่มีทางช่วยอะไร มันไม่มีทางช่วยให้ผมเลิกเกลียดคนที่ทำให้ชีวิตผม
เป็นแบบนี้”
ทั้งที่ความรักของเขาควรจะได้สมหวังกับคนที่อยู่ในฝันมาตลอด กักขังหัวใจของเขาเอาไว้ให้ไม่มีอิสระ อีกทั้งยังทำให้มัน
สั่นคลอนจนเสียความเป็นตัวตน และคนเดียวที่เขาโทษก็คือทศกัณฐ์
“แล้วฉันจะมาใหม่”
รอยจูบประทับลงบนหน้าผากมน อเลนหลับตาลงเมื่อริมฝีปากนั้นแนบชิด จะต้องทำอย่างไรในเมื่อยิ่งใกล้ชิดหัวใจดวงนี้
มันยิ่งควบคุมไม่อยู่
ถึงแม้สัมผัสของจูบนั้นจะจางลง แต่รอยจูบยังคงตราตรึง เพียงลืมตายักษ์หนุ่มเบื้องหน้าก็อันตรธานหายไป ทิ้งเอาไว้เพียง
กลิ่นกายหอมบุหรี่กับเบื้องหน้าที่ว่างเปล่า หยดน้ำตาเพียงหยดเดียวแต่กลับเปี่ยมไปด้วยสิ่งต่างๆมากมายร่วงหล่นลงมา
เช้าของอีกวัน ทันทีทีตื่นขึ้นมา ดวงตาคู่สวยตวัดมองไปยังข้างกาย เพราะอะไรเขาจึงหวังให้มันเป็นเหมือนกับทุกครั้ง ทุก
ครั้งที่มีดอกไม้สีแดงสดราวกับเลือดวางอยู่ แต่วันนี้กลับว่างเปล่า ความรู้สึกราวกับถูกฉุดให้ร่วงหล่นจากริมผาลงมาสู่หุบเหวลึก
“แม่อเลนฮะ อลันหิวตื่นแล้ว”เสียงเจื้อยแจ้วทักทายยามเช้าขอองลูกชายดังพร้อมๆกับประตูห้องที่เปิดออก เช่นทุกครั้งที่
ลูกชายมักจะเข้ามาปลุก แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
ร่างสูงใหญ่กายกำยำสมบุรุษในชุดลำลองแทรกผ่านประตูเข้ามา ในอ้อมแขนอุ้มอลันเอาไว้ ใบหน้าคมกร้านประดับรอยยิ้ม
เล็กๆที่มุมปากส่งมาให้เขา
“ไง”
คำทักทายสั้นๆปลุกให้หลุดจากภวังค์ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมคุณถึงได้…”
“มันน่าแปลกใจมากนักรึไงที่ฉันจะมาหาลูกเมียของตัวเอง”
“ใครเป็นเมียคุณกันคุณทศ”
“ใครก็ตามที่อุ้มท้องลูกของฉัน”
“หมายถึงใครก็ได้สินะ”ตอบกลับทันทีทันควันโดยไม่ได้ยั้งคิดว่านั่นคือคำประชดประชัน ใบหน้าขาวสะอาดหากไม่มองดูดี
ดีคงจะแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือว่าชายเบือนหน้าหนี
“หึ”ทศกัณฐ์หัวเราะในลำคอ อุ้มลูกเดินเข้าไปหาร่างสูงโปร่งที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับกาย
“แม่อเลนฮะ ไม่ดีใจเหรอฮะ”
“ดีใจเรื่องอะไรกัน”หันมาถามลูกชาย
“ดีใจที่พ่อทศมาหาเราไงฮะ อลันดีใจมากเลย”หน้ากลมใสซบลงบนอกพ่ออย่างเอาใจ
“ก็ไม่นี่ ไม่มีอะไรน่าดีใจ”เบือนหน้าหนีดังเดิม
“จริงเหรอฮะ ทำไมถึงไม่ดีใจล่ะฮะ แม่อเลนเกลียดพ่อทศเหรอฮะ”คราวนี้เด็กน้อยแก้มใสมุ่ยหน้าเงยหน้าขึ้นมาถามทศ
กัณฐ์
“ไม่รู้สิ พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยแม่คงจะไม่รักพ่อ”ทศกัณฐ์แสร้งตีหน้าเศร้าใส่ลูกชาย
น้ำเสียงน่าหมั่นไส้นั้นทำให้อเลนหันขวับมามองการแสดงบทบาทย่อมๆของยักษ์เถื่อนที่กำลังหลอกล่อให้ลูกชายเบ้ปาก
ทำท่าจะร้องไห้เพราะแม่ไม่รักพ่อ
นั่นทำให้อเลนกระวนกระวาย ดวงตาคู่สวยกรอกไปมา
“แม่อเลนไม่รักพ่อทศ”
“มะ มันไม่ใช่อย่างนั้น”รีบแก้ต่างพร้อมกับเหลือกตาขึ้นเมื่อเห็นดวงตาคู่เหลือบอำพันกำลังยิ้มเยาะตนอยู่กลายๆ
“แต่แม่อเลนไม่ดีใจที่พ่อทศมาหา”
“ดะ ดีใจสิ ดีใจครับ”
“นายดีใจแน่นะ”พอได้ทีก็เข้าผสมโรงกันยกใหญ่ทั้งพ่อทั้งลูกทำให้แม่คนนี้กระอักกระอ่วน
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่ผ่านมา ดีกว่าปล่อยให้เขาอุ้มท้องอลันคนเดียวเหมือนกับครั้งดีแล้ว อย่างน้อยในครั้งนี้ทศกัณฐ์ก็ยัง
ตามมา ตามหาตนกับลูก
เขาควรจะทำยังไงกับความสับสนของตัวเองดี ในเมื่อเหตุผลที่หนีมาเป็นเพราะว่าท้องลูกของทศกัณฐ์คนที่สอง ไม่ใช่ว่า
เสียใจ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้ยินยอม เพราะทศกัณฐ์ไม่ได้บอกกล่าวให้เขาได้เตรียมใจและร่วมกันตัดสินใจ มันไม่ใช่การโกรธ
เกลียด แต่เป็นการโกรธเคืองเสียมากกว่า
“อืม”พยักหน้ารับ
“แล้วแม่อเลนรักพ่อทศไหมฮะ”
อลันยิ้มแป้นจนแก้มปริ ถามเสียงใสกอดคอพ่อทศกัณฐ์แน่น แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความนิ่งเงียบครู่ใหญ่จนอลันหน้ามุ่ยอีก
ครั้ง
“ว่าไง ถึงนายไม่ตอบฉัน แต่อย่างน้อยนายก็น่าจะมีคำตอบให้กับลูกของเรา”
“คุณอย่าใช้ประโยชน์อลันในทางที่ผิดได้ไหม”
ไม่ใช่อะไร แค่แอบเห็นสองพ่อลูกขยับตาให้กัน ถึงจะเสี้ยววินาที แต่ก็เห็น จึงได้รู้ว่าสองพ่อลูกเขาแท็กทีมกันมาอย่าง
ดิบดี
อลันเองก็สมบทบาทไม่แพ้พ่อ หรือว่ายักษ์จะเจ้าเล่ห์อย่างนี้ทุกตน เหมือนกับลูกของมณี เด็กแฝดที่กัดคออลันจนเป็นรอย
เพื่อที่จะจองตัวเอาไว้ตั้งแต่เด็ก
อเลนทำท่าจะลุกหนีสองพ่อลูก คำตอบมันมีอยู่ในใจ แต่ไม่อยากตอบเพราะความเจ้าเล่ห์ที่คูณสองกันมา
“พ่อทศฮะ อลันรักพ่อทศนะฮะ”
“พ่อก็รักอลัน”
“แต่แม่อเลนไม่รักพ่อทศ อลันเสียใจ”
“พ่อก็เสียใจ”
สองพ่อลูกพากันตัดพ้อ กอดกันกลม เขาได้แต่ถอนหายใจเดินหนีเข้าห้องน้ำไป พอออกมาสองพ่อลูกก็ไม่อยู่แล้ว
สะดุดตากับดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ เกือบจะใหญ่กว่าตัวของอลันด้วยซ้ำ คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น เหมือนถูกสะกดให้
เดินเข้าหาช่อดอกกุหลาบสีเลือดช่อนั้นที่วางอยู่บนที่นอน
หยิบยกมันขึ้นมาอุ้ม กดจมูกดอมดมกลิ่นหอมเคล้ากลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นเฉพาะกายที่ทำให้รู้สึกว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ
ชีวิตของเขาไปเสียแล้ว กระดาษการ์ดสีแดงถูกพลิก ข้อความ
‘ฉันจะขอร้องนายเป็นครั้งสุดท้าย รีบรับรักฉันสักที ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน’
ให้ตายเถอะ นี่มันเรียกว่าประโยคขอร้องซะที่ไหน สงสัยจะอายุเยอะจนหลงลืมไปรึเปล่าว่านี่มันประโยคคำสั่งที่เอาไว้ข่มขู่
กัน
นาฬิกายังบอกเวลาเช้าอยู่เลย แต่สองพ่อลูกก็ทำให้เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า อเลนหอบดอกไม้ลงมาจากชั้นบน
ของบ้าน ใบหน้าบึ้งตึง
ตาคู่สวยกวาดมองไปยังโต๊ะอาหาร เห็นพ่อกับแม่และอลันนั่งประจำที่ แต่ที่เกินมาก็คือทศกัณฐ์
ร่างสูงใหญ่กำลังขะมักเขม้นกับการประกอบมื้ออาหารอยู่เบื้องหน้าเตา ใบหน้านั้นกำลังจริงจังอยู่กับวัตถุดิบและเครื่องปรุง
อลันเองยังคงจ้อกับคุณตา ส่วนแม่ของเขาก็กำลังมองทศกัณฐ์อย่างพออกพอใจ
สร้างภาพ!! นี่คงเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดเสียล่ะมั้ง
“ทำไมลงมาช้าจัง มาสิ พ่อทศเขาเป็นพ่อครัวเองเลยนะวันนี้”พ่อบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วนั่นดอกไม้อะไรกัน สวยเชียว”แม่เอ่ยชมดอกไม้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
ทุกคนต่างก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ายิ่งเหนื่อยหน่ายใจกับทศกัณฐ์ วางดอกไม้ลงบนโต๊ะ เดินไปหยิบแจกันในตู้ใกล้ๆพลางตอบ
“เขาให้มาน่ะครับ”
“โรแมนติกแต่เช้าเลยนะ”แม่ของเขายังคงชมทศกัณฐ์ไม่ขาดปาก
“ทำไมของผมไม่เหมือนของคนอื่นล่ะ”แย้งเมื่ออาหารตรงหน้าของเขาไม่เหมือนของคนอื่น ไม่ยักรู้ว่าทศกัณฐ์เองก็ทำ
อาหารเป็น และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาหารอิตาเลียนที่ครอบครัวของเขาชอบกินเพราะส่วนผสมส่วนมากจะใช้ชีสที่ได้มาจาก
ฟาร์มของที่บ้าน
“นั่นมันอาหารของคนปกติ”
“แล้วผมไม่ปกติตรงไหน”
“จานที่อยู่ข้างหน้านายสำหรับคนท้อง”ทศกัณฐ์ยิ้ม นั่งลงข้างๆกัน
“ผมท้อง ไม่ได้ป่วย”
“นายอาจจะลืมว่าฉันเป็นหมอ”เถียงไม่ออกเพราะว่าทศกัณฐ์เป็นหมอจริงๆ ถึงแม้จะไม่ใช่หมอแบบธรรมดาทั่วไปก็ตาม
“ดูท่าลูกคนนี้คงจะแข็งแรงกว่าอลันเสียล่ะมัง”พ่อของอเลนหัวเราะ
“นั่นสินะคะ ดูแลกันดีขนาดนี้”
“คุณตากับคุณยายต้องรักน้องเท่ากับอลัน ห้ามรักมากกว่านะฮะ”อลันรีบออกตัว ตากลืมโตเบิกกว้างหน้ามุ่ย
“รักเท่ากันนั่นแหละน่าเจ้าเด็กคนนี้”
“อลันก็รักน้องเหมือนกันฮะ”อลันยิ้มแก้มปริตักอาหารคำโตเข้าปากเคี้ยวตุ้ย
“ออกมาคุยกับผมหน่อย”หลังจากมื้อเช้าจบลงทุกคนก็ไปรวมกันอยู่ที่ห้องนั่นเล่น เว้นเสียแต่ทศกัณฐ์ที่ถูกดึงออกมาเสีย
ก่อนที่จะทำเหมือนส่าเข้ากับครอบครัวของเขาได้ดีไปมากกว่านี้
“คำตอบของฉัน?”
“ห่ะ?”เอียงคอขึ้นปรายตามองอีกฝ่าย ใบหน้าคมสวยยิ่งหน้าบึ้งไม่พอใจ จนป่านนี้ยังกล้าจะมาเอาคำตอบจากเขาทั้งที่ตั้ง
คำถามแบบไม่มีที่มาที่ไป
“ฉันไม่ได้ใจเย็นพอที่จะให้เวลานายมากขนาดนั้นหรอกนะ”
กายสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ดันให้แผ่นหลังของอเลนแนบชิดกับผนังห้องครัว ใบหน้าคมดุโน้มเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะลง
บนหน้าผากมน ลมหายใจร้อนเป่ารดได้กลิ่นควันบุหรี่จางๆ
“ช่วยถอยออกไปก่อนจะได้ไหม”
เพราะว่าหัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกจ้องด้วยสายตาแบบนั้นในระยะใกล้ขนาดนี้ ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำมองปลายเท้า
ตัวเอง
“ว่าไงล่ะ คำตอบของฉัน”
“คำถามของคุณมันไม่ใช่คำถาม”
“ไม่ใช่คำถามแล้วมันคืออะไร นายกำลังจะทำให้ฉันหมดความอดทนนะ”จมูกโด่งไล่ลงมาเฉียดผิวแก้ม
“ถอยออกไป”ดันแผงออกของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ไปมากกว่านี้
“ตอบมา”
“มันเรียกว่าข่มขู่ไม่ใช่คำถาม”
“ฉันข่มขู่นายยังไง?”
“ก็ที่บอกว่าจะหมดความอดทนนั่นไง คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
“นายโง่รึไง”
“ใครกันแน่ที่โง่ คุณทศ!!”ผลักอกอีกฝ่ายแรงๆทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันสะทกสะท้านเพราะอีกฝ่ายเป็นยักษ์ แต่ก็อดไม่ไหว เหลือ
อดกับความหน้ามึนเต็มทน “จะให้ผมตอบว่าผมรับรักคุณได้ยังไงในเมื่อคุณเองยังไม่เคยพูดมันออกมาดีดีสักครั้ง”
“นายเอาอะไรมาพูด ฉันบอกกับนายทุกวันเผื่อนายจะไม่รู้”
“คุณบอกตอนไหน?”ถึงแม้จะเจ้าเล่ห์ชอบเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ได้หมายความจะมาโกหกกันซึ่งหน้าอย่างนี้ได้
“ก็ตอนที่นายหลับยังไงล่ะ ฉันบอกนายทุกวัน”ทศกัณฐ์เบือนหน้าหนี กัดฟันกรอดกับบทสนทนาที่ดูจะยืดยาวจนยักษ์ที่
ความอดทนต่ำอย่างเขาแทบจะทนไม่ไหว
“คุณบ้ารึไง”
“กล้าว่าฉันว่าบ้า? ปากนายนี่จริงๆเลยนะ ตอบมาได้แล้วอย่ายืดยาว”
“ผมไม่มีคำตอบให้คุณหรอก”
“นายอย่ามาเรื่องมากได้ไหม”
“คุณนั่นแหละอย่ามาเรื่องมาก แค่บอกรักต่อหน้ามันยากนักรึไงถึงได้บอกตอนหลับ”
“ฉันรักนาย พอใจรึยัง คราวนี้ก็ตอบมาได้แล้วว่านายจะรับรักฉันไหม”
“ถ้าผมตอบว่าไม่ล่ะ คุณจะทำอะไร จะทำร้ายครอบครัวกับลูกผมไหม”
“ถ้าขืนนายตอบว่าไม่”กดเสียงต่ำโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู “ฉันจะจับนายขังเอาไว้ ทำให้นายท้องลูกของฉันคนแล้วคน
เล่า จนกว่านายจะยอม”
“ฮะ ฮึก”
ทั้งน้ำเสียงและประโยคคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ร่างกายมันสั่น ลมหายใจร้อนที่เป่ารดหูทำเอาใจเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ
“ว่าไง ตอบมาก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”ยังคงข่มขู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“อืม”แต่ก็พยักหน้าตอบรับ ใบหน้าคมสวยขึ้นสี ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น
“ก็แค่นั้น”
สิ้นเสียงริมีปากของยักษ์ขวานผ่าซากอย่างทศกัณฐ์ก็ประกบจูบลงมา ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มือยกขึ้นดันไหล่ของทศกัณฐ์
ออกทันทีทันใดเมื่อลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามา
ทำให้กลิ่นบุหรี่ลอยคลุ้งอยู่ในโพลงปาก แต่ยิ่งทำให้ตกใจมากกว่าเก่าจนต้องทุบเข้าที่แผ่นหลังกว้างก็คงไม่พ้นผู้เป็นพ่อที่
เดินเข้ามาในครัว
ทศกัณฐ์ยังคงไม่ยอมปล่อย เอลนเบิกตากว้าง ทว่าผู้เป็นพ่อนั้นกลับเดินเลยผ่านราวกับเขากับทศกัณฐ์เป็นอากาศธาตุ
“หายไปไหนกัน เห็นว่าเดินเข้ามาในนี้ หรือว่าตาฝาด”บ่นพึมพำแล้วเดินกลับออกไป
ตาคู่คมสวยตวัดมองไม่พอใจ แต่ได้คำตองจากดวงตาดุดันเหลือบสีเหลืองทองเป็นประกาย คำตอบที่เหมือนกับว่ากำลัง
หัวเราะเยาะคล้ายกับเป็นเรื่องตลก
ไม่ว่ายังไงเขาก็คงหนียักษ์ตนนี้ไม่พ้น มีแต่จะต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและทำตามความรู้สึกของตัวเอง ปล่อย
อดีตที่ไม่มีวันเป็นจริงทิ้งไป
“ตามมาสิ ฉันมีอะไรจะให้นาย”ถูกดึงให้ตามขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง
กล่องหีบไม้เก้าใบไม่ใหญ่มากถูกยื่นมาเบื้องหน้า เขาได้แต่มองมันด้วยความฉงน
“อะไร”
“รับไปสิ”
“แล้วมันคืออะไร”ถามเพราะมันดูเก่ามากและทองที่ฉลุเป็นลวดลายประดับอยู่รอบๆดูมีค่าทำให้เขาไม่กล้ารับมันมาจากมือ
ของทศกัณฐ์
“บอกให้รับก็รับไปเถอะน่า”
“ใครจะไปกล้ารับทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
“อย่าได้ปฏิเสธเชียว รับไป”ยัดมันใส่มือบาง
ทันทีที่อเลนรับมันมาถือ อะไรบางอย่างข้างในหีบไม้ประดับทองคำกับบุษราคัมดูสูงค่าส่งผ่านมาที่เขา อะไรที่เหมือนกับ
เคลื่อนไหวเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจของเขา
มือข้างที่ว่างแตะลงบนฝาของหีบใบเล็ก พยายามควบคุมไม่ให้มันสั่น หัวใจในอกเต้นโครมครามหวังว่าไม่ให้เป็นอย่างที่ใจ
คิด ค่อยๆแง้มเปิดฝาของหีบไม้ออกมา
ก้อนเนื้อสีแดงสดเต้นตุบๆเสียงก้องหูทำให้อเลนหน้าชา ดวงตาสั่นระริกกับสิ่งที่ได้เห็น
“ทะ ทำไมถึงเอามาให้ผมล่ะ”
ถามเสียงสั่นพล่าจ้องมองสิ่งที่อยู่ในหีบไม้แน่นิ่ง
“มันเป็นของนายแล้ว ดูแลมันดีดีล่ะ”บอกด้วยน้ำเสียงที่เจือความอบอุ่น แตะมือลงบนเส้นผมนุ่มย้ำๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแน่
นิ่งไป
“บ้าไปแล้ว”ถึงจะบ่นอุบอิบแต่ก็ปิดฝาหีบลงแล้วกอดถือมันเอาไว้แน่นเสมือนว่ากลัวมันหายไป
‘หัวใจของทศกัณฐ์’อยู่ในกำมือของมนุษย์อย่างเขา บอกใครใครจะเชื่อ มีเพียงตัวของเขาเท่านั้นที่รับรู้ จะทำยังไงได้
นอกจากดูแลมันอย่างดี ในเมื่อรับเอามาแล้ว ต่อให้มาอ้อนวอนขอคืนก็จะไม่คืนให้แน่
พี่ทศถึงแม้จะดิบๆไม่หวาน แต่พี่แกก็เอาหัวใจให้เลยนะเออ แบบถ้าน้องไม่ยอมพี่ก็จะปล้ำจนกว่าจะยอม 55 น่ารักไหมล่ะ