14
เอาจริงๆ นะ
คุณทำให้ตาคู่นี้ของผม...มองอย่างอื่นไม่ได้นอกจากคุณ
คุณชายทรงโปรดในคราบไม่แตะแอลกอฮอล์ แต่นั่งกอดไหล่ว่าที่คู่หมั้นใช้ตาคมดุๆ จ้องพวกที่มองกระต่ายในอ้อมกอดทำเอาพีชกับจอมภพแทบสำลักน้ำ แทบดื่มแอลกอฮอล์ไม่ลง
นี่สรุปชวนเพื่อนมาผับเพื่อนั่งดูมันสวีทกับแฟนสองคนเหรอวะ
ไม่รู้หรอกว่าเป็นแฟนกันหรือยัง เพราะเวลาที่หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดหลุดปากเรียกว่าเมียออกมาแต่ละทีเนี่ย เจ้าคนผิวขาวตัวดูนุ่มนิ่มก็หันมาตีไหล่กว้างของทรงโปรดทุกครั้ง
เอ้อ เมียกับแฟนมันไม่เหมือนกันนี่หว่า
“ถ้ากูไม่ได้ตาฝาด มึงเห็นรอยจ้ำๆ ที่คอน้องมั้ยวะB1” จอมภพเอาศอกสะกิดแขนเพื่อนที่เป็นเจ้าของสถานบันเทิง
“แสงมันนัวๆ อ่ะ แต่จากประสบการณ์กูว่าชัวร์”
“ว้าว...” จอมภพตาโตยกมือปิดปาก ทำตัวเป็นสาวน้อยที่ไม่ประสาเรื่องแบบนี้
ถึงเสียงเพลงในผับจะดังกลบเสียงคุยกันของจอมภพกับพีช แต่ปากที่ขยับอยู่นั่นน่ะ ไม่พ้นสายตาทรงโปรดหรอก
นี่ก็ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ชวนน้องออกมานั่งเป็นเพื่อนเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจว่าเขาไม่ได้เหลวไหล จากที่น้องต้องคอยหวงคอยดูว่าจะมีสาวๆ เข้าหาหรือเปล่า กลายเป็นว่าเขาเองนี่แหละที่ต้องตาหึงตามหวงจนหน้าหงิก
เอ็นดูนี่โคตรดึงดูดผู้ชายเจ้าชู้เลยจริงๆ
ถึงแม้ว่าทรงโปรดจะโอบจะกอดน้องไว้ แต่ไอ้พวกเจ้าชู้ทั้งหลายก็ยังไม่เลิกส่งสายตาหวานเยิ้มให้เอ็นดูอยู่ดี
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดแทบอยากพาน้องกลับบ้านตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
แล้ววันนี้เอ็นดูก็ดันใส่เสื้อคอกว้างที่เห็นไหล่ขาวๆ หมิ่นเหม่ ถูกใจไอ้พวกผู้ชายเลยแหละ มองกันตาเป็นมัน...สงสัยเหมือนกันว่าน้องไม่อายรอยที่คอแล้วหรือไง
หรือจงใจใส่เสื้อคอกว้างยั่วเขากันแน่
“กลับเลยมั้ย”
“เบื่อแล้วเหรอครับ”
สลับกันไปหมด
เอ็นดูต้องถามเขาสิ ว่ากลับเลยมั้ย ส่วนเขาก็ต้องถามกลับไปว่าเบื่อแล้วเหรอ แต่นี่กลายเป็นคนตัวสูงที่เริ่มถามเอง ดูเอาเถอะว่าเขามันขี้หึงขนาดไหน
“อือ เบื่อแล้ว”
“อ่า...เพราะว่าไมได้ดื่มหรือเปล่าครับ...เลยเบื่อ” เอ็นดูโน้มตัวหยิบขวดไวน์แล้วรินใส่แก้ว แต่น้องไม่ระวังตัวเลย ก้มทีคอเสื้อก็กว้างๆ ก็โหว่ลึกเห็นอกขาวปลั่งเหมือนน้ำนม เดือดร้อนคุณชายทรงโปรดต้องรีบรวบคอเสื้อแนบอกน้อง
“เอ็นดู พี่ไม่ดื่ม”
“ของชอบไม่ใช่เหรอครับ”
“ถ้าเมาแล้วใครจะขับรถกลับ”
“ผมไง”
แวบหนึ่งที่เห็นรอยยิ้มจากมุมปากคนผิวขาว เหมือนเอ็นดูพึงพอใจที่เห็นคนโตกว่ามีอาการร้อนๆ หนาวๆเพราะความยั่วเก่งของน้อง...ทรงโปรดหรี่ตาลง เอียงหน้ามองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตารินไวน์ให้
เขาขยับตัวเข้าใกล้น้องมากกว่าเดิม โน้มหน้าลงตามอีกฝ่าย ใช้จมูกโด่งคลอเคลียแก้มขาวจนน้องเอียงหน้าหนี
“จะมอมเหล้าพี่เหรอ”
น้องตัวโคตรหอม...เขาถึงได้เผลอรังแกจนน้องแทบช้ำ
“ขี้แกล้งนะเรา”
“แกล้งอะไรครับ” ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลั้นยิ้มซะขนาดนั้น
“เอ็นดู ระวังจะไม่ได้นอนนะ”
“อะไรของคุณครับเนี่ย ผมอยู่เฉยๆ นะครับ”
คนผิวขาวเบี่ยงตัวออกจากแขนแกร่ง หนีจมูกโด่งที่คอยแต่จะฝังลงบนแก้มกับซอกคอตลอดเวลา หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดรุ่มร่ามมาก มือไม้ของเขาอยู่ไม่สุขเลยสักนิด
“เฮ้ยยยย สนใจเพื่อนหน่อยดิวะ”
“มีเมียแล้วลืมเพื่อนเหรอไอ้หม่อม”
เสียงแซวของจอมภพกับพีชทำเอาเอ็นดูต้องก้มหน้างุดหลบสายตาที่สองคนนั้นส่งมาหยอกล้อ ส่วนหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดน่ะเชิดหน้าตั้งแล้ว เขาดูภูมิใจเหลือเกินที่โดนเพื่อนแซวแบบนั้น
“ดื่มไปเลยนะคุณ...เลิกทำหน้าแบบนี้ด้วย”
หลังมือขาวกระแทกบนอกแกร่ง น้องช้อนตามองค้อนหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด
“สรุปเราจะมอมพี่จริงๆ ใช่มั้ย”
“ดื่มไปเถอะครับ”
แก้เขินด้วยการบังคับให้เขาดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งแน่นอนว่ามันเข้าทางทรงโปรดอยู่แล้ว...แต่เขากลับส่ายหน้าปฏิเสธ วันนี้เขาไม่อยากแตะแอลกอฮอล์จริงๆ
“ดื่มแทนพี่สิ”
“อะไรล่ะคุณ ไม่ใช่ของชอบผมสักหน่อย”
“แล้วทำไมคะยั้นคะยอให้พี่ดื่ม”
กระชับแขนรั้งเจ้าคนน่ารักเข้ามากอดไว้แน่นจนเพื่อนสองคนที่นั่งมองอยู่ห่างๆ เบือนหน้าหนีพร้อมกัน
“เห็นคุณทำหน้าบึ้ง เลยคิดว่าหงุดหงิดที่ไม่ได้ดื่ม...”
ทรงโปรดส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่หน้าบึ้งเพราะมีแต่คนมองเรา...ถามจริงนะเอ็นดู”
“...”
“เก็บความน่ารักไว้ให้พี่ดูคนเดียวไม่ได้เหรอ”
น้องขมวดคิ้วพลางอมยิ้ม หรี่ตามองคนที่ชักจะงอแงไปกันใหญ่ก่อนหลุดหัวเราะออกมาเมื่อทรงโปรดก้มหน้าวางคางไว้บนไหล่ของเอ็นดู
น้องส่ายหน้า ใช้มือขวาบีบมือหนาเบาๆ ส่วนมือซ้ายยกขึ้นลูบท้ายทอยของคนตัวสูง ปลอบคุณชายตัวโตที่มีนิสัยขี้หึงขี้หวงมากเกินไปแล้ว
“งั้นกลับเลยมั้ยครับ”
“อือ กลับเลย”
“แต่คุณยังไม่ได้คุยกับเพื่อนเลยนี่นา”
“มาให้พวกมันเห็นหน้าก็พอแล้ว”
“อย่างนี้ก็ได้เหรอครับ”
“ได้สิ”
ทรงโปรดหลับตาลงพลางผ่อนลมหายใจรดลำคอที่มีกลิ่นหอมหวาน นี่ขนาดเขากอดน้อง แสดงความเป็นเจ้าของขนาดนี้...ไอ้พวกผู้ชายเจ้าชู้ยังมองกันอยู่เลย
หวงจริงๆ ว่ะ
ไม่อยากให้ใครเห็นเอ็นดู ไม่อยากให้เอ็นดูเห็นใคร
ยอมรับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณชายทรงโปรดไม่เคยหึงหวงใครเท่านี้มาก่อน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมแล้วสุดท้ายถึงได้มาสยบแทบเท้าให้กับคนตัวนุ่มในอ้อมกอด
หรือเขาจะเป็นเสือสิ้นลายแล้วจริงๆ
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเคยได้ยินที่พวกผู้ใหญ่ชอบพูดกัน...คนเจ้าชู้อย่างเขา ถ้าได้เจอของจริงเข้าสักวันคงตกหลุมจนหาทางออกไม่ได้
อือ น้องนั่นแหละคือของจริงที่เขาเจอ
*****
เอ็นดูมองตัวเองในกระจกหลังจากที่ถูกจับให้มานั่งเป็นตุ๊กตาราวสองชั่วโมงแล้ว ขัดใจกับเส้นผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้า แม้ว่าจะถูกเซ็ตด้วยไดร์เป่าผมแล้วก็ตาม...แต่ผมที่ยาวขึ้นกว่าเดิมมันก็ทิ่มเปลือกตาอยู่ดี
หนีงานเลี้ยงสังสรรค์ได้ แต่คราวนี้หนีงานแต่งไม่ได้จริงๆ
เป็นงานแต่งครั้งที่สามของเพื่อนคุณหญิงลักขณา เอ็นดูจำได้ว่าเมื่อสิบปีก่อนตัวเองก็เพิ่งไปงานแต่งของคุณหญิงคนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว
“เรียบร้อยค่ะน้องเอ็นดู”
“ขอบคุณครับ”
“ผิวน้องเอ็นดูนุ่มมากๆ เลยนะคะ เด้งๆ เต่งตึงยิ่งกว่าพวกดาราอีก”
คนถูกชมยิ้มแหย ไม่ใช่อะไรหรอก ก็พี่เขาดันพูดประโยคนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่จับใบหน้าของเอ็นดู พี่ตุ๊กติ๊กเป็นสาวประเภทสอง มีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังของเมืองไทยที่หม่อมราชวงศ์ลักขณาจ้างให้มาแต่งหน้าทำผมไปงานแต่ง
“พี่ขอถามหน่อยได้มั้ยคะ...น้องเอ็นดูมีแฟนแล้วใช่มั้ย”
“เอ่อ...ทำไมเหรอครับ”
คนถูกถามมองหน้าช่างแต่งหน้าผ่านกระจกด้วยสายตาเลิ่กลั่ก แต่แล้วพี่ตุ๊กติ๊กก็ต้องรีบเบิกตากว้าง รีบเม้มปากก่อนก้มหัวโค้งตัวให้เอ็นดู
“ขอโทษค่ะน้องเอ็นดู พี่มันปากเสียละลาบละล้วงเกินไป” พี่ตุ๊กติ๊กตบปากตัวเองจนเอ็นดูต้องยกมือห้าม
“ไม่เป็นไรครับพี่ตุ๊กติ๊ก ผมไม่ได้ถือสาอะไรเลยครับ”
“ไม่โกรธพี่ใช่มั้ยคะ”
เอ็นดูส่ายหน้า ส่งยิ้มกว้างให้พี่ตุ๊กติ๊ก “ไม่โกรธครับ”
“คือว่าาาา ตรงนี้อ่าาาา” นิ้วชี้พี่ตุ๊กติ๊กจิ้มลงบนท้ายทอยของเอ็นดู พี่เขาอมยิ้มเขิน บิดตัวกระสับกระส่ายไปมา “พี่กลบรอยคิสมาร์กให้น้องเอ็นดูที่ท้ายทอยแล้วนะคะ คึคึคึคึ”
พี่ตุ๊กติ๊กเดินหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะประหลาดๆ ของพี่เขา ทิ้งให้เอ็นดูนั่งหน้าเหวอยกมือขึ้นกุมท้ายทอยของตัวเอง คนผิวขาวถอนหายใจ มองสีหน้างุ่นง่านของตัวเองในกระจก
ก็บอกแล้วว่าห้ามทำรอยที่คอ แต่ต้นเหตุของรอยนี้ฟังกันที่ไหน
เอาจริงๆ รอยเดิมมันหายไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้วแหละ แต่ว่า...เมื่อหลายคืนก่อนเอ็นดูดันพลาดท่าให้เขาแกล้งอีกจนได้ มันก็ตามอารมณ์...เล่นกัน จูบกัน ทรงโปรดเป็นฝ่ายปลุกความต้องการของเอ็นดู แล้วพวกเขาก็หวั่นไหวตามอารมณ์ของกันและกันไม่รู้ตั้งกี่รอบ
ฮื่อ ทรงโปรดทำให้เอ็นดูหน้าร้อนผ่าวอีกแล้ว
แต่ไม่รู้ตัวจริงๆ นะว่าเขาแอบทำรอยไว้ตอนไหน เพราะถ้ารู้เอ็นดูคงจะระวังตัวมากกว่านี้ และถึงแม้ว่าท้ายทอยขาวๆ จะมีเส้นผมสีน้ำตาลคลอเคลียอยู่ก็ตาม....แต่แล้วยังไงล่ะ วันนี้ก็มีคนเห็นรอยนั้นอยู่ดี
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดน่าจะเป็นคนโรคจิต...ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบสร้างรอยไว้นักหนา
มันต้องแฟร์ๆ มั้ย เอ็นดูไม่ได้ทำรอยบนตัวเขานี่นา
“หิวหรือยังจ๊ะเอ็นดู”
แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อคุณหญิงลักขณาเดินฉีกยิ้มจากกรอบประตู เอ็นดูไม่รู้ตัวเลยว่าท่านเข้ามาตอนไหน ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูหรืออะไรเลยสักอย่าง
“ยังเลยครับคุณหญิงป้า”
คนตัวบางในชุดสูทดูดีสีขาวลุกขึ้นยืนก่อนยื่นมือไปรับคุณหญิงลักขณาที่เดินอยู่บนรองเท้าส้นสูง
“ตัวหอมจังเอ็นดู เอ...ไม่ได้ใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมแล้วเหรอจ๊ะ”
ท่านขมวดคิ้วทำจมูกฟุดฟิดก่อนคลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง มือเรียวสวยของหม่อมราชวงศ์ลักขณายกขึ้นกุมแก้มกลมของหลานชาย “น้ำหอมชื่อกลิ่นอะไรจ๊ะ ป้าว่าหอมดี...เผื่อได้ซื้อมาใช้บ้าง”
“ความจริงมันไม่มีชื่อครับคุณหญิงป้า”
“อ้าว”
“มันเป็นกลิ่นที่คุณชายโปรดผสมให้น่ะครับ”
ผสมให้เอ็นดูโดยเฉพาะ มีเอกลักษณ์ และเป็นกลิ่นที่เมื่อสูดดมแล้วรู้สึกสดชื่น สบายใจ...
“ว้า...อย่างนี้ป้าก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ด้วยใช่มั้ยเนี่ย”
“ถ้าคุณหญิงป้าอยากใช้ ไว้จะไปขอให้เขาผสมให้อีกนะครับ” พูดจบก็ก้มหน้างุดกลั้นยิ้มเขินเมื่อได้ยินเสียงคุณหญิงลักขณาหัวเราะ
“ป้าแค่หยอกเล่น ไม่เห็นต้องทำหน้าหวงขนาดนั้นเลย” จมูกรั้นถูกคุณหญิงป้าบีบเบาๆ “เจ้าเด็กหวงของ”
“...ไม่ได้หวงนะครับ”
“แหม...เมื่อกี้เราทำหน้างอใส่ป้า ไม่รู้ตัวเลยหรือไงจ๊ะ”
“จริงเหรอครับ ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท”
“ตายๆๆ ไม่ต้องขอโทษป้าเลย” หม่อมราชวงศ์ลักขณาหัวเราะกลั้วเมื่อเห็นว่าหลานชายคนเดียวของตัวเองทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
รู้ว่าหลานชายคนนี้กลัวเธอมาก แต่เอ็นดูคงไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่ตัวเองมีว่าที่คู่หมั้น คุณหญิงลักขณาก็แทบจะไม่ได้เข้มงวดอะไรด้วยแล้ว...ไม่อยากไปงานเลี้ยงก็ไม่บังคับ ยกเว้นแต่งานนี้ที่สำคัญจริงๆ คุณหญิงลักขณาถึงได้ขอให้เอ็นดูมาร่วมงานด้วย
แค่อยากให้มาศึกษาดูเท่านั้นว่างานหมั้นงานแต่งเขาดำเนินงานทำพิธีกันยังไง
พอถึงคิวของตัวเอง...เอ็นดูจะได้ไม่เงอะงะมาก
“เสียดายจริงๆ ที่วันนี้ชายโปรดมาร่วมงานด้วยไม่ได้”
หม่อมราชวงศ์ลักขณาเอาแต่พูดถึงคนที่งานรัดตัว ใจจริงแล้วท่านอยากให้ทรงโปรดมางานแต่งงานด้วย จะได้เปิดตัวหลานเขยให้คุณหญิงคุณนายได้รู้จัก
อือ แต่ดีแล้วแหละที่เขามาไม่ได้ หัวใจของเอ็นดูจะได้หยุดพักบ้าง
โดนเขาหยอดตลอดแบบนี้ไม่ดีเลย เอ็นดูรู้สึกเหนื่อยที่ใจต้องเต้นแรง...แต่ขณะเดียวกันก็ชอบความรู้สึกนั้นมากๆ
ไม่ทันไรเอ็นดูก็ถูกเชิญเข้าไปในงาน แต่กว่าจะเข้ามาในห้องบอลรูมได้บอกเลยว่าต้องฝ่าสมรสุมคุณหญิงคุณนายที่พาลูกชายลูกสาวมาโชว์ตัว โชคดีที่ตอนนี้คุณแม่ของเอ็นดูอยู่ต่างประเทศ ถ้าเกิดว่าท่านมางานแต่งด้วยอีกคนคงได้รวมพลังกับหม่อมราชวงศ์ลักขณา พูดอวดเอ็นดูให้ทุกคนที่อยู่ในงานฟังไม่จบไม่สิ้นแน่นอน
พอโชว์ตัวเสร็จเรียบร้อยก็เข้าสู่ช่วงเวลาอิสระของเอ็นดู โดยปกติแล้วเอ็นดูจะเพลิดเพลินกับอาหารในงานเลี้ยงแทบทุกงาน แต่งานนี้เอ็นดูกลับเมิน...เปลี่ยนเป็นออกมาเดินเล่นข้างนอกแทนที่จะนั่งดูบ่าวสาวกล่าวอะไรต่างๆ บนเวที
คุณหญิงป้ากระซิบบอกเอ็นดูว่าถ้าอยากกลับก็สามารถกลับได้เลย แต่เอ็นดูไม่มีรถเพราะยังจอดซ่อมอยู่ที่ศูนย์ ตอนนี้เลยมายืนรับละอองฝนที่ระเบียงสวนหย่อมของโรงแรมแทน
ก็คงต้องรอกลับพร้อมคุณหญิงป้า แค่ไม่เข้าไปอยู่งานเท่านั้น
เอ็นดูมองวิวกรุงเทพฯ ตอนกลางคืนผ่านม่านฝนที่ตกลงมา...จู่ๆ ก็คิดถึงใครอีกคนที่ติดงานขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าป่านนี้หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดจะเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้คุยกันตั้งหลายชั่วโมง เอ็นดูรู้สึกว่างเปล่าจริงๆ
ทั้งที่ผ่านมาในชีวิตไม่เคยมีคุณชายทรงโปรดเข้ามายุ่งเกี่ยว ตอนนั้นเอ็นดูรู้สึกเรื่อยๆ กับทุกอย่าง คิดว่าพอเรียนจบที่ไทย อาจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ไม่มีเรื่องอะไรให้วุ่นวายสับสนเท่าตอนสอบ...แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คนคนนั้นทำให้เอ็นดูสับสนยิ่งข้อสอบยากๆ ซะอีก
คนผิวขาวเงยหน้า ยืนพิงกำแพงหน้ามองท้องฟ้าสีดำ ไม่มีหรอกหมู่ดาวระยิบระยับ มีแต่สายฝนกับแสงไฟของโรงแรมเท่านั้น เอ็นดูก้มหน้าคลี่ยิ้มให้กับตัวเอง...นอกจากหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด ก็ไม่มีอะไรน่ามองสำหรับเอ็นดูแล้วแหละ
กระทั่งเสียงฝนตกดังปนกับเสียงโทรศัพท์ร้องเรียกว่ามีคนโทรเข้า ดึงความสนใจให้เอ็นดูก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง คนผิวขาวในชุดสูทขาวสะอาดขยับตัวหนีละอองฝน ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือใคร
เอ็นดูกดรับ ยกโทรศัพท์แนบใบหู อมยิ้มรอฟังเสียงทุ้มนุ่มของปลายสาย
[คิดถึงกันมั้ย]
ดูประโยคแรกของเขาสิ...หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเก่งจริงๆ ที่ทำให้เอ็นดูกลั้นยิ้มไม่อยู่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เอ็นดูเลี่ยงตอบคำถาม เพราะเดี๋ยวตอบไปหน้าก็แดงก่ำอีก
[บอกให้ชื่นใจหน่อย]
“ยังไม่เลิกงานอีกเหรอครับ”
[เอ็นดู...ไม่คิดถึงพี่เหรอ]
ถึงจะเกลียดน้ำเสียงอ้อนๆ...แต่เอ็นดูก็ยืนฟังไป อมยิ้มไป
เอ็นดูเดินออกจากระเบียงของโรงแรมกดลิฟต์เพื่อลงไปยังล็อบบี้ กดโทรศัพท์แนบใบหูให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อฟังเสียงปลายสายหายใจ
ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน มันก็ต้อง...คิดถึงสิ
“ครับ”
[ครับอะไร]
“ก็คิดถึง”
[คิดถึงใครเหรอ]
เขาก็เป็นซะอย่างนี้ไง...
“คิดถึงคุณครับ”
[ชื่นใจ]
“ได้แกล้งคนอื่นสนุกมากมั้ยครับ”
[เคยแกล้งซะที่ไหน ทำไมชอบใส่ร้ายพี่]
“คุณว่างแล้วหรือไงครับ เอาเวลาคุยกับผมไปทำงานต่อให้เสร็จดีกว่ามั้ย”
ยังได้ยินเสียงคุยกันของคนประมาณสามสี่คนอยู่เลย พอยกข้อมือมองนาฬิกาข้อมือก็พบกว่ามันดึกพอสมควรแล้ว แต่คุณชายทรงโปรดกับทีมก็ยังไม่ยอมวางมือจากงานสักที
[ตอนนี้เบรคอยู่เลยโทรมาหาเรา ขอกำลังใจหน่อยได้มั้ย พี่ล้าไปหมดแล้ว]
เลิกคิ้วพลางอมยิ้มตอนที่ได้ยินเสียงอ้อนๆ ของคุณชายทรงโปรดเป็นรอบที่สองของวัน เขาก็เป็นแบบนี้แหละ มีวิธีการพูดให้คนฟังหลงใหลและยอมทำตาม
“ไม่ให้หรอกครับ”
[เฮ้อ...งั้นไม่มีแรงทำงานแน่ๆ]
“เรื่องของคุณเลย”
[ทำไมใจร้ายเก่ง...ได้พี่แล้วทิ้งขว้างเลยเหรอ]
“นี่คุณ เลิกพูดแบบนี้เลยนะครับ...เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก”
[ไม่สน คนอื่นจะได้รู้ว่าเมียพี่เป็นคนใจร้าย]
“คุณ!” หายใจฟึดฟัดยืนกระแทกปลายเท้าลงบนพื้นคนเดียว เอ็นดูไม่ได้โกรธหรอกนะที่เขาไม่ยอมเลิกพูดคำนั้นสักที แต่กลับเขินจนตัวแทบม้วน...โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงนี้เลยสักคน ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นเอ็นดูเต้นแร้งเต้นกาแน่ๆ
[เอาไงดีครับเอ็นดู พี่เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว]
ฟังจากน้ำเสียงแล้วท่าทางจะเหนื่อยจริงๆ เอ็นดูรู้สึกสงสารหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดจับใจขึ้นมาเลยแหละ ถ้าอยู่ใกล้กัน...ป่านนี้เขาคงจะเข้ามากอด มาหอม เอากำลังใจจากเอ็นดูไปเต็มปอดแล้วแน่ๆ
ใช่ เอ็นดูก็ไม่ขัดขืนด้วย เพราะการได้ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา...ก็คือการชาร์จพลังของเอ็นดูเหมือนกัน
“จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ...”
[มาหาหน่อยได้มั้ย]
“ให้ผมไปรบกวนเวลางานคุณเหรอ”
[กว่าเรามาถึงพี่คงสรุปงานเสร็จพอดี]
“...”
[เดี๋ยวพี่ให้คนไปรับ]
“ดึกแล้วนะคุณ รบกวนคนอื่นเปล่าๆ”
[งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับเอง]
“ทำงานไปเถอะครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปหาก็ได้”
[รออยู่ที่นั่นแหละ ทำตามที่พี่บอกนะครับ เด็กดี]
“…ก็ได้ครับ”
ก็ยอมเขาอยู่แล้ว
ยอมมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย
*****
เหมือนหัวใจจะหลุดออกจากอกทุกครั้งที่รู้ว่าจะได้เจอหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดในอีกไม่กี่นาที
เอ็นดูเดินตามพี่คนขับรถที่ทรงโปรดส่งมารับ ใช่ ตอนนี้เขาอยู่ในบริษัทที่เป็นตึกสูงใจกลางกรุงเทพแล้ว ไฟบนตึกถูกดับแทบทุกชั้น เหลือเพียงชั้นนี้ที่เปิดสว่างเพราะยังมีพนักงานบางส่วนนั่งทำโอทีอยู่
“คุณชายอยู่ในห้องนี้ครับ”
คนประหม่าสะดุ้งเล็กน้อย เอ็นดูชะลอเท้าเมื่อถึงหน้าห้องที่มีประตูสีกาแฟอ่อนปิดอยู่ คนเด็กกว่าก้มศีรษะเล็กน้อยพึมพำขอบคุณพี่คนขับรถ ก่อนยกมือเคาะประตูสอง-สามครั้ง เม้มปากยืนรอไม่ถึงนาทีประตูก็ถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง
“นี่คุณ...ใจเย็นสิครับ”
ยังไม่ทันได้ยิ้มให้หรือทักทายสักประโยค คนตัวขาวก็ถูกมือหนาดึงเข้าห้อง หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดรั้งคนน่ารักเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่น ฝังจมูกลงบนพวงแก้มขาวซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
ดีนะที่ปิดประตูแล้ว
“พอได้แล้วครับ”
“คิดถึง”
เขารู้ว่าเอ็นดูแพ้คำนี้ก็ยังจะขยันพูดออกมาอยู่ได้
“ใช้น้ำหอมที่พี่ผสมให้ใช่มั้ย”
คนตัวสูงเลิกทำรุ่มร่ามใส่เพราะเอ็นดูดันอกเขาออก หม่อมราชวงศ์เลยกุมมือขาวพาน้องเดินไปนั่งที่โซฟา เมื่อกี้ที่หอมแก้มเอ็นดูเขาได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ ด้วย
“ใช่ครับ”
เอ็นดูคลี่ยิ้มตามเมื่อเห็นว่าหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดระบายยิ้มกลบความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเขา มือขาวๆ ของคนน่ารักเลยยกขึ้นประคองกรอบหน้าของทรงโปรด หรี่ตามองก่อนทำปากมุบมิบ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หลงใหลใบหน้าหล่อเหลาครบเครื่องของเขา
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยอมให้เขามีอิทธิพลในชีวิต
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หลงไปคิดถึงเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รู้สึกกลั้นหายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน
เพราะว่าจะรู้ตัว...ในหัวของเอ็นดูก็มีแต่ภาพเขาลอยวนไปวนมาอยู่ตลอดแล้ว
“คุณหญิงป้าถามด้วยนะครับว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ชื่ออะไร อยากไปซื้อใช้บ้าง”
“แล้วเราตอบคุณหญิงไปว่าอะไร” ทรงโปรดใช้นิ้วชี้แตะปลายจมูกโด่งสวยของน้อง
“ผมตอบไปว่าไม่มีชื่อครับ...เพราะคุณผสมให้”
“จริงๆ มันมีชื่อ”
“เหรอครับ” คนตัวบางเลิกคิ้วสงสัย ก็ไม่เห็นว่าที่ขวดจะมีชื่อน้ำหอมบอกนอกว่าชื่อแบรนด์นี่นา
เอ็นดูทำปากมุบมิบ ก้มหน้ามองมือขาวของตัวเองที่วางทับบนฝ่ามือหนาของทรงโปรด เอ็นดูตีฝ่ามือทรงโปรดเล่นเบาๆ
อือ นั่นแหละ อยู่กับทรงโปรดเอ็นดูเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
อยู่กับทรงโปรดเอ็นดูจะงอแงยังไงได้ จะทำตัวเป็นเด็กยังไงก็ได้
อยู่กับทรงโปรดเอ็นดูสบายใจที่สุดแล้ว
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดใช้นิ้วโป้งคลึงฝ่ามือน้องเบาๆ ส่วนมืออีกข้างเชยคางของคนน่ารักให้เงยขึ้นสบตา
ต่างคนต่างอุ่นวาบไปทั้งหัวใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของกันและกัน
ทรงโปรดยื่นหน้าให้หน้าผากชนกับหน้าฝากของน้องอย่างนุ่มนวล และปล่อยให้มันแนบชิดไว้ เขาคลึงเคล้าคางอีกฝ่าย กระซิบเสียงทุ้มบอกคนที่รอฟังชื่อน้ำหอมกลิ่นพิเศษกลิ่นนี้
“ชื่อกลิ่นว่า...กลิ่นหอมๆ ของหม่อมหลวงจิรา วงศ์ประดิษฐ์”
“...เหรอครับ ชื่อยาวจัง” เอ็นดูหัวเราะ
“มันมีอีกชื่อ”
“อีกชื่อคืออะไรเหรอครับ”
“พี่โปรดรักเอ็นดู”
“...”
“...”
“นั่นชื่อกลิ่นหรือประโยคบอกเล่าครับ”
“ทั้งสองอย่าง”
“...”
“เวลาที่เราหยิบมาใช้ จะได้รู้สึกเหมือนว่าพี่บอกรักเราอยู่”
“...”
“พี่โปรดรักเอ็นดู แบบนี้ชอบมั้ย”
“...”
“...”
“...ชอบครับ”
อือ...ก็ชอบทั้งชื่อกลิ่น ทั้งคนตั้งชื่อกลิ่นน้ำหอมนั่นแหละ
#ทำแบบนี้ขาดอากาศหายใจพอดี
กลิ่นพี่โปรดรักเอ็นดูมันก็จะหอมฟุ้งหน่อย
อย่าเพิ่งเหม็นกลิ่นพี่โปรดรักเอ็นดูกันนะ