Epilogue
ว่ากันตามตรง ถึงทุกอย่างจะคลี่คลายเป็นไปด้วยดีแล้ว ผมกับพี่อินทร์ก็ยังไม่วางใจอะไรทั้งนั้น กระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาลและพี่จิณห์ก็ออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน ตอนนั้นเองที่วางใจได้ว่าทุกอย่างราบรื่นแล้วจริงๆ พี่จิณห์บินกลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรติดค้างกับพวกเราทั้งนั้น แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะเล่าให้เขาฟังอยู่สักหน่อยเหมือนกันว่าเขากับพี่อินทร์และพี่บุศย์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ในเมื่อเขาจำไม่ได้และไม่มีความทรงจำพวกนี้อยู่ในหัวเลย ดังนั้นจึงไม่มีใครไปคาดคั้นหรือเล่าอะไรให้ฟังอีก ทุกคนต่างอยากให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน ผมรู้ดี
ส่วนพี่อินทร์ พอหายดีแล้วก็กลับไปเรียน ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม พาผมไปเที่ยวเล่นบ้างในบางครั้ง ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาพาผมมาเที่ยวบ้านสวน แต่ครั้งนี้ไม่ได้มากันแค่สองคน พ่วงคณะตลกอิเหนาคาเฟ่มาด้วย การมาบ้านสวนในครั้งนี้เลยต่างออกไปจากทุกครั้ง แน่นอนว่ามื้อเย็นของพวกเราก็ไม่พลาดที่จะทำอาหารประจำแก๊งกินกัน
ปาร์ตี้หมูกระทะอีกเช่นเคย...
ถึงมันจะไม่ได้อร่อยอย่างที่ร้านทำเท่าไรนัก แต่ก็เป็นมื้อที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ พวกเราพูดคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อย หยอกกันบ้าง ล้อกันบ้าง ส่งเสียงครึกครื้นจนบริเวณที่เงียบดังก้องไปด้วยเสียงของพวกเรา
แต่...มีเพียงพี่บุศย์เท่านั้นที่ดูไม่ค่อยพูดค่อยจา นั่งกินเงียบๆ ยิ้มรับบ้าง หัวเราะตบมุกคนอื่นๆ บ้างนิดหน่อย ท่าทางของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะออกปากถาม
“พี่บุศย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เงียบผิดปกติ”
เท่านั้นแหละ ทุกสายตาก็เหลือบไปมองพี่บุศย์ทันที เขาส่ายหน้าเล็กน้อย
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่จิเห็นพี่บุศย์ไม่ค่อยคุยเลย”
“พี่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะ เป็นน้องรหัสพี่ยังไม่รู้จักนิสัยพี่ดีอีกเหรอ”
รู้จักดีสิ เขาเป็นคนพูดน้อย จริงๆ การที่เขาไม่พูดแล้วหัวคิ้วดันย่นยู่ตามไปด้วยแบบนี้ นี่แหละที่ผิดปกติล่ะ
“จิเห็นพี่บุศย์ดูเครียดๆ น่ะครับ เหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจ”
พี่บุศย์มองหน้าผม ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“จริงๆ แล้วมีอะไรอยากพูดอยู่เหมือนกัน”
“อะไรวะ”
พี่อินทร์เป็นฝ่ายถาม พี่บุศย์ไม่ตอบในทันที หันไปมองพี่วิญญูเล็กน้อย ตอนนี้เองที่พี่วิญญูก็เงียบ แถมยังก้มหน้างุด คีบหมูเข้าปากทำไม่รู้ไม่ชี้เป็นการใหญ่ พี่บุศย์ก็เลยหันมามองพวกเรา พลันว่าออกมา
“กูมีอะไรจะบอก”
“พูดมาสิ”
“กูกับวิญเป็นแฟนกัน”
พรู่ด!
ทั้งพี่อินทร์ ทั้งสรัลพากันพ่นของกินในปากออกมาอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย แล้วมันเดือดร้อนใครล่ะ
เดือดร้อนกูที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกมันเนี่ย! โว้ย!
แต่ไม่มีใครสนใจผมเลย เอาแต่มองหน้าพี่บุศย์กับพี่วิญญูสลับกันไปมาอย่างอึ้งๆ ขณะที่พี่บุศย์มีสีหน้าปกติ ส่วนพี่วิญญูก็ก้มหน้าก้มตาจ้วงของกินเข้าปากเป็นการใหญ่
“นี่มึงหมายความว่า...” แล้วก็เป็นพี่อินทร์ที่ทำลายความเงียบออกมา “พวกมึงเอาตูดดูดกันจริงๆ เหรอเนี่ย!?”
พรู่ด!
เป็นพี่วิญญูบ้างแล้วพี่พ่นของกินพรวด
“เอาตูดดูดกันบ้าบอคอแตกอะไร!”
“ก็เอาตูดดูดกันแบบเนี้ย มาจิ มาสาธิตให้พวกมันดูหน่อย”
สาธิตคนเดียวสิเว้ย! ไม่ต้องเอากูไปเกี่ยวด้วยเลย!
ผมทุบต้นขาเขาไปที พี่อินทร์เบ้หน้าเหยเก ก่อนพี่บุศย์จะหัวเราะออกมา
“ไม่มีใครเอาตูดดูดใครทั้งนั้นแหละ”
“เอ๊ะ ถ้างั้นใครรุกใครรับล่ะพี่บุศย์”
เป็นสรัลที่ถามบ้างแล้ว พี่วิญญูที่ปั้นหน้าขึงขังเมื่อครู่แก้มแดงกว่าเดิมอีก ทั้งที่ผิวเขาเข้มแท้ๆ ทำไมหน้าถึงได้ออกสีจัดเหลือเกินนะ
“มึงเป็นรับแน่นอนไอ้บุศย์”
พี่อินทร์ว่าอย่างมั่นใจ ชี้หน้าพี่บุศย์ด้วย อารมณ์แบบว่า ‘มึงแน่ มึงเป็นรับแน่ๆ’
พี่บุศย์ไม่ได้ตอบในทันที โน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูพี่วิญญู
“เราพูดได้ไหม”
พี่วิญญูเม้มปากแน่น
“ถ้าไม่อยากให้พูด เราไม่พูดก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร พูดก็ได้”
พี่วิญญูตอบอึกอัก แต่ก็ตอบ ก่อนที่พี่บุศย์จะพยักหน้าแล้วยืดตัวขึ้น
“จริงๆ แล้ว คนที่เป็นรับน่ะ...วิญ”
พี่อินทร์ถึงกับทิ้งช้อนที่อยู่ในมือลงจานทันที ยิ่งพี่บุศย์บอกมาอีกว่า...
“ส่วนกู...เป็นรุก”
พี่อินทร์ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นทาบหน้าอก อ้าปากค้าง ทำท่าโอเวอร์แอ็คติ้งมาก ก่อนจะร้องครางออกมา
“โอ้...มาย...ก็อดดด!” แล้วก็หันไปบอกพี่วิญญูเร็วๆ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมแม่บ้านนะฮ้าวินนี่~”
ท่าทางตอแล้ตอแหล แล้วนี่ไปเปลี่ยนชื่อเขาอีก เดี๋ยวพี่วิญญก็ลุกขึ้นมาเตะก้านคอสลบหรอกเว้ย!
“มึงก็โอเว่อร์ไป แค่เป็นแฟนกัน ทำไมจะต้องโอเว่อร์ขนาดนี้”
พี่บุศย์ยังเห็นด้วยกับผมเลย แม้แต่สรัลเองก็พยักหน้า แต่พี่อินทร์ก็มีคำแก้ตัวให้ตัวเอง
“กูไม่ได้โอเว่อร์เพราะพวกมึงเป็นแฟนกัน แค่เห็นก็พอจะเดาได้อยู่” จากนั้นก็หรี่ตาลง “แต่ที่กูตกใจเพราะรู้ว่ามึงเป็นรุกต่างหากไอ้บุศย์” พลันหันไปมองพี่วิญญูแล้วก็ทำท่าตุ้งติ้ง “ใครจะไปรู้ว่าวินนี่ตัวใหญ่หัวใจยูนิคอร์นฟรุ้งฟริ้งแบบนี้ล่ะฮ้า~”
กูว่าอีกเดี๋ยวมึงได้โดนเตะก้านคอจริงๆ แน่ อย่าไปล้อเลียนสิเว้ย!
พี่วิญญูคว้าผักในกะละมังใกล้ๆ มาขว้างใส่พี่อินทร์แล้ว ทำเอาสรัลต้องปราม
“ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธพี่รหัสหนูกลบเกลื่อนเลยพี่วิญ แหม ใครจะไปรู้ล่ะว่าวิหยาสะกำกับบุษบาหนึ่งหรัดจะมาได้เสียกันชาตินี้ แถมคนเป็นผัวดันเป็นบุษบาด้วย”
“สงสัยอยากโดนผักปาใส่อีกคน ทำมาเป็นล้อพี่ ว่าแต่เราเถอะ เมื่อไรจะมีแฟน หาได้หรือยังสังคังมาระตา”
สังคาเว้ยสังคา!
รู้เลยว่าพี่วิญญูเอาคืน สรัลค้อนประหลับประเหลือกทันที
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงหนูหรอก ถ้าจะมีก็มีเองแหละ หนูเลือกมาก”
“เลือกมากหรือไม่มีให้เลือก เอาดีๆ สรัล อย่างแกเนี่ยมีใครคิดเอาไปเป็นแฟนบ้างไหม”
พี่อินทร์ว่า เลยโดนสรัลค้อนขวับไปอีกคน
“เอ๊ะ นี่หนูเข้าข้างพี่อินทร์นะ น้องรหัสนะเนี่ย ไปช่วยพี่วิญรุมทำไม”
“ฝ่ายไหนดูจะชนะก็อยู่ฝั่งนั้นแหละ”
พี่อินทร์ว่าขำๆ จากนั้นเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุด ผมมองคนนั้นที คนนี้ทีแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา
มีความสุข...
มีความสุขมาก...
อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป...
หลังจากกินอะไรกันเสร็จ พี่อินทร์ก็ชวนผมไปเดินเล่นย่อยอาหารในสวนหย่อมหน้าบ้าน ผมสังเกตเห็นในตอนนี้ว่ามีต้นชบาที่มีดอกสีแดงบานสะพรั่งต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ก่อนจะร้องถามพี่อินทร์
“พี่อินทร์ ปกติแล้วมันไม่มีนี่?”
ใช่ ปกติไม่มี ไม่เคยเห็นเลยว่ามี ขณะที่พี่อินทร์ยิ้มรับ
“อืม พี่เพิ่งให้คนย้ายจากสวนดอกไม้มาลงที่นี่”
ผมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่าทำไม เขาไม่ตอบในทันที เดินเข้ามาหาผมแล้วเด็ดดอกชบาออกมาดอกหนึ่ง
“เพราะเวลามาเที่ยวบ้านสวน พี่จะได้เด็ดเอามาทัดหูให้เจ้าง่ายๆ” พูดพลางทัดหูให้ผมทั้งสองข้าง
ผมยิ้มกว้างออกมาที่จู่ๆ เขาก็พูดสำนวนโบราณ อดไม่ได้ที่จะพูดขำๆ “แต่ถ้าทัดหูออกไปเดินข้างนอกแบบนี้ มีหวังถูกคนมองว่าเพี้ยนแน่ๆ เลย”
พี่อินทร์หัวเราะรับเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้
“แต่สำหรับพี่แล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะมองเจ้าอย่างไร เจ้าก็จะเป็นจรกาคนงามสำหรับพี่เสมอ”
ผมนิ่งไปในจังหวะนี้ สบตาเขาที่ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ นึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วก็ได้แต่ขำตัวเอง ขำเขา ที่ต่างคนต่างโง่เขลากับการกระทำของตัวเอง แต่ในตอนนี้ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมันคงไม่สำคัญแล้วล่ะมั้ง ในเมื่อผมรู้แล้วว่าสิ่งที่อิเหนากระทำทั้งหมดในชาติก่อนเป็นเพราะอะไร
มันเป็นเพราะรัก...
เพราะอิเหนารักระตูจรกามากยิ่งชีวิต...
ถ้าอย่างนั้น ผมก็...
“พี่อยากให้เจ้าเป็นจรกาคนงามของพี่ตลอดไป”
...จะเป็นจรกาคนงามของเขาตลอดไป
ผมเขย่งปลายเท้าดีดตัวขึ้นประทับจูบลงไปบนริมฝีปากเขา ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเต็มใจสุดๆ
“จิจะเป็นจรกาคนงามของพี่อินทร์ตลอดไปครับ”
พี่อินทร์อมยิ้มแก้มตูมเลย พลันดึงผมเข้าไปกอดแน่น ซึมซับเอาความรักจากผมไปจนหมด ก่อนผมจะได้ยินเสียงกระซิบดังขึ้นข้างหู
“แต่ตอนนี้เป็นนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ก่อนได้ไหม นว้องจิน่ายักเกินไป ป่าปี๊ไม่ไหว อยากกลับห้องไปเย้แย้ว”
แล้วก็ทำเสียมู้ดทุกที ไอ้บ๊องเอ๊ย!
ทว่าผมก็หัวเราะให้กับคำพูดนั้น พยักหน้าหงึกหงัก ทำเสียงสองใส่เขาบ้าง
“เย้ก็เย้ ป่าปี๊เลี้ยงนว้องจิดีๆ ด้วยนะฮับ”
พี่อินทร์ถึงกับแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนว่ามันเขี้ยวผมแค่ไหน พลันดึงแก้มผมทั้งสองข้างให้ยืดออก
“ทำตัวน่ารักอย่างนี้ ไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ นว้องจิตัวน่าเย็ก เอ้ย ตัวเย็กๆ”
ไม่ต้องมาแกล้งพูดผิดเลย!
ผมหัวเราะกับความเพี้ยนของเขา ก่อนจะประทับจูบบนริมฝีปากเขาอีกที ผละออกมาก็ส่งเสียงออดอ้อน
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้จรการู้หน่อยว่าอิเหนารักจรกามากแค่ไหน”
พี่อินทร์ยิ้มกริ่ม สายตาแพรวพราว
“แล้วจะรู้ว่าอิเหนารักจรกามากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้อีก”
ผมรู้... รู้อยู่แล้ว และผมเองก็รักเขามากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้เช่นกัน
“ปะ อย่ามัวเสียเวลา ขึ้นห้องๆ”
พี่อินทร์จูงมือผมเดินกลับไปที่บ้านแล้วเรียบร้อย ผมมองตามหลังเขา กระชับฝ่ามือใหญ่ที่จูงผมอยู่ด้วยความสุขใจที่สุดในชีวิต
ไม่ว่าใครจะเคยเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนามาอย่างไร อิเหนาจะเจ้าชู้อย่างไร ท้ายที่สุดจะลงเอยกับสตรีหรือบุรุษคนไหน แต่สำหรับอิเหนาฉบับนี้ คนที่ได้ครอบครองหัวใจอิเหนาแต่เพียงผู้เดียวก็คือผม...จรกาผู้นี้
อิเหนากับจรกา...
ขอให้ความรักของเรางดงามอย่างนี้ตลอดไป...
____________________
จบอย่างเป็นทางการค่ะ เย่~
ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการขอบคุณนักอ่านทุกท่านทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะวางพล็อตซับซ้อนหรือยาวขนาดนี้เหมือนกันค่ะ ขอบคุณนักอ่านหลายๆ ท่านที่ช่วยชี้จุดบกพร่อง ในฉบับจริงคงจะมีการแก้ไขขนานใหญ่และตัดบางฉากที่ยืดเยื้อออกไปเหมือนกัน
ขอบคุณๆๆ แล้วก็ต้องขออภัยที่ในบางครั้งหนูแดงก็มีช่วงไม่น่ารักเหมือนกัน อาจมีช่วงนอยด์บ้างอะไรบ้างให้ขัดอารมณ์ก็ขออภัยกันมา ณ ที่นี้นะคะ
ส่วนเนื้อเรื่องต่อจากนี้จะเป็นในส่วนของตอนพิเศษซึ่งหนูแดงจะไม่ลงให้อ่าน อยากอ่านต้องไปตามเล่มหรือ Ebook เน้อ ออกประมาณงานหนังสือ ต.ค.2561 กับ สนพ.รักคุณค่ะ แน่นอนว่าจะมีพาร์ทของพี่บุศย์พี่วิญญูที่เท้าความตั้งแต่สองคนนั้นรู้จักกันจนเป็นแฟนกัน (ซึ่งไม่ได้ลงรายละเอียดในตอนหลัก แต่ในตอนพิเศษก็จะมีอ้างอิงไทม์ไลน์กันค่ะ) แล้วก็จะมีตอนพิเศษทั่วๆ ไป เน้นตลกโปกฮา ไม่มีดราม่าแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ 555
สำหรับตอนพิเศษที่ลงบนเว็บ (มันมีในหนังสือด้วยนี่แหละ) หนูแดงจะลงให้อ่าน 2 ตอนเป็นการขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ จะมีตอนนึงที่เป็นการโคตัวละครข้ามเรื่อง ซึ่งก็คือ คชา+มาวิน จากแรกพบสบรักค่ะ ถ้าใครเคยอ่านเรื่องนี้จะจำได้ว่าคชานางก็บ้าๆ บอๆ เหมือนพี่อินทร์นี่แหละ เอามาโคกันสักหน่อย เผื่อบันเทิง 555
สุดท้ายแล้ว หนูแดงขอแปะงานที่มีแพลนจะเขียนต่อหลังจากนี้หน่อยค่ะ เผื่ออยากติดตามกัน
Like Daddy, Like Baby #แด๊ดดี้ครับ - เป็นแนวแด๊ดดี้ อีโรมานซ์ ฟีลกู้ด มีแพลนจะออกกับ สนพ.รักคุณ งาน Gen Y เดือน ก.ย.2561 นี้
ณ โชซอน - เรื่องนี้แนวพีเรียดเกาหลี มีแพลนออกกับ สนพ.Deep แต่ยังไม่มีกำหนดการ
ทั้งสองเรื่องจะอัปจนจบเรื่อง แต่บางเรื่องอาจจะต้องมีการปิดตอนตามนโยบาย สนพ.นะคะ
ขอฝากฝังผลงานใหม่ด้วยน้า เสิร์ชหาไปเกาะกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ
แล้วเจอกันในตอนพิเศษออนไลน์อีกสองตอนนะคะ ^^