บทที่ 38 เอย์ตั้น ,ซีซ่าร์Aeton’s Part“เอย์ตัดสินใจแน่นอนแล้วใช่ไหมลูก”
“ครับคุณพ่อ”
ท่านเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาวางลงที่โต๊ะแล้วเลื่อนส่งให้
สมุดบัญชี?
“ถ้าจะออกไปจริง ๆ ไม่ต้องเอาอะไรออกไปทั้งสิ้น ออกไปแต่ตัวทำให้แม่กับคุณย่าเขาเห็น นี่เป็นพันธบัตรกับสลากออมสินที่จะครบกำหนดอีกห้าปีข้างหน้าพ่อซื้อเอาไว้ให้ลูก ทั้งแม่ทั้งย่าเขาคงจะพอใจแน่ถ้าได้รู้ว่าเอย์ไม่ได้เอาอะไรออกไปเลยสักอย่าง เต้นเป็นเจ้าเข้าแน่ล่ะคราวนี้ ลูกรอฟังข่าวดีได้เลย เราจะมาเล่นเกมส์กันสักหน่อย”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ผมหยิบสมุดบัญชีธนาคารที่ท่านส่งให้ขึ้นมาเปิดดู ยอดซื้อไม่น้อยเลย อย่างละยี่สิบล้านบาท
มันมากเกินด้วยซ้ำ
“คุณพ่อครับมันมากเกินไปรึเปล่า”
“ไม่หรอก ลูกยังเบิกใช้ไม่ได้จนกว่าจะครบกำหนดของมัน เผื่อเอาเงินรางวัลที่ลูกจะต้องได้ในทุกๆเดือนอยู่แล้วกับดอกเบี้ยการออมไว้ใช้ในคราวจำเป็น ถ้าเอย์คิดว่าไม่อยากถือไว้ก็ให้แฟนของลูกเป็นคนเก็บ ถือว่าเป็นของขวัญจากพ่อ”
“.........”
ผมเงยหน้ามองท่าน สายตาคุณพ่ออ่อนโยนเสมอ ท่านใจดีตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยนเลย
“ถ้าแม่กับคุณย่าเขาเต้นขึ้นมาจริง ๆ พ่อจะห้ามไว้เอง ลองให้เขาสองคนไม่ได้ดั่งใจดูบ้าง แล้วดูว่าพอลูกไปแล้วเขาจะเป็นยังไงกัน ถึงวันนั้นเชื่อสิเดี๋ยวเขาก็ไปตามเอย์กลับมาเอง”
“คุณพ่อไม่ขัดขวางผมเหรอครับ”
“ถึงอยากจะขัดพ่อก็ขัดไม่ได้หรอกจริงไหมล่ะ? มันช่วยไม่ได้นี่ถ้าขัดขวางแล้วจะทำให้รอยยิ้มของลูกต้องหดหายไป พ่อว่าปล่อยให้ลูกลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจะดีกว่า สัญญากับพ่อนะถึงผลจะออกมาเป็นยังไง เอย์จะต้องยอมรับให้ได้ มั่นใจแล้วว่าคนๆนี้คือคนที่ใช่สำหรับลูกก็จงเดินหน้าต่อไป ขนาดหญิงชายอุปสรรคยังมีมากมาย นับประสาอะไรกับพวกลูก เพราะฉะนั้นจิตใจที่เข้มแข็งและมั่นคงจะทำให้ลูกก้าวเดินต่อไปด้วยกันได้ ต้องอดทนนะลูก”
“คุณพ่อ เอย์ขอบคุณมากครับ” ผมตื้นตันใจมากไม่รู้จะพูดกับท่านด้วยคำว่าอะไร มันจุกอกไปหมดพร่ำพูดแต่คำว่าขอบคุณ
“ไว้พ่อจะแวะไปหา ฝากบอกหนูปิงด้วย”
“คุณพ่อรู้!? รู้จักปิงเหรอครับ!?”
“รู้มาตลอด คอยดูลูกกับคนที่ลูกรักอยู่ตลอด”
“......”
“รักกัน ให้อภัยกัน ดูแลกันให้ดี ทำให้แม่กับคุณย่าเขาเห็น ถ้าเขาจะเล่นไม่ซื่อกับลูกและคนของลูก พ่อจะจัดการให้ไม่ต้องกลัวไม่ปล่อยอีกแล้ว สองคนนั้นทำเกินไปจริง ๆ ลูกทำบริษัทเล็กๆของลูกไป มีบ้านหลังเล็กๆสักหลัง พ่อจะเป็นแบคอัพให้เอง”
ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปหาท่าน คุณพ่อยืนขึ้นแล้ววาดวงแขนกอดผมไว้ มืออบอุ่นและมั่นคงตบลงที่บ่าผมเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ คุณพ่อเป็นแบบนี้เสมอท่านจะคอยดูผมอยู่ห่าง ๆ ถึงเรื่องราวภายในบ้านรวมทั้งผมกับซ่าร์คุณแม่จะเป็นคนคอยดูแลคุณพ่อเดินงานระหว่างประเทศ ไม่บ่อยนักที่ท่านจะอยู่บ้านได้เต็ม ๆ วัน แต่ทุกครั้งที่ผมต้องการกำลังใจและเดินมาจนสุดทางแล้วจริง ๆ ท่านเองก็ไม่เคยทอดทิ้ง
ผมยังจำได้...เมื่อครั้งยังเป็นเด็กคุณพ่อจะปล่อยผมวิ่ง ปีน ไต่ และเล่นซนทุกอย่าง ท่านไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยแม้ว่าผมจะตกลงมาแล้วร้องไห้ ถึงวิ่งแล้วล้มท่านก็ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ตรงนั้นไม่ไกลจากตัวผมแต่ก็ไม่เคยก้าวเข้ามาหา ท่านรอดูจนผมลุกขึ้นได้เองแทบทุกครั้ง ล้มแล้วลุกขึ้นไปเล่นใหม่ ปล่อยผมเล่นจนผมพอใจ มือใหญ่ของคุณพ่อจะยื่นเข้ามาจับจูงมือเล็กๆของผมแล้วพาเดินกลับบ้านเสมอ
ถึงแม้ว่าไม่บ่อยนักเพราะท่านไม่ค่อยมีเวลา ช่วงนั้นธุรกิจบ้านเรากำลังเติบโต แต่ทุกครั้งที่ท่านจูงผมกับซ่าร์ไปเล่นที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน
ผมไม่เคยลืม...
“ถ้าเราเป็นแผลน้องเอย์ต้องหัดใส่ยาเองแบบนี้นะลูก จิ้มยาแดงแล้วทาลงไป เจ็บนิดหน่อยแต่ลูกผู้ชายต้องอดทน เอย์ตั้นไม่ร้องนะครับ”
“ล้มเอง เจ็บเอง ต้องยอมรับแล้วลุกขึ้นเองหากลูกยังอยากจะเล่นต่อไป มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ เอย์ก็ทำพ่อไม่ห้าม พ่อจะไม่บอกว่าสิ่งที่ลูกทำมันถูกหรือผิด เอย์ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง จงเดินหน้าไป มีแต่คนที่เดินไปจนสุดทางเท่านั้น ที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ
พ่อเชื่อใจลูก เชื่อว่าลูกจะเลือกทำแต่สิ่งที่ดี ๆ”
“...คุณพ่อ....”“เป็นคนดี ใช้ชีวิตอย่างสุจริต แค่นั้นเองที่พ่อต้องการ พ่อจะอยู่กับลูกเสมอ”
“.......ขอบคุณครับพ่อ”
ท่านพยักหน้าให้ ผมไหว้ลงที่ลาดไหล่ของท่าน ไหล่กว้างอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เมื่อครั้งยังเด็กทุกครั้งที่ผมร้องไห้คุณพ่อจะอุ้มผมไว้ ผมกอดท่านแล้วซุกหน้าลงไปเสมอ มาตอนนี้ก็ร้องไห้ออกมาอีกแล้ว ไหล่อบอุ่นแข็งแกร่งนี้ยังคงเป็นที่ให้ผมซุกลงไปพักพิงได้
.
.
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมชะเง้อหน้าจากตู้เสื้อผ้าหันไปดู คนเคาะเดินเข้ามานอนแผ่ลงที่เตียง จ้องมองดูผมที่อยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“แปลกว่ะ วันนี้เจอมึงที่บ้าน” เสียงคนถามดังมาจากเตียงผมเอง
ผมไล่สายตาเลือกเสื้อเชิ้ตที่เรียงโทนสีเอาไว้เต็มราวตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้ม ในที่สุดเลือกหยิบออกมาได้หนึ่งตัว พาดลงที่พนักโซฟาแล้วเดินไปจัดการตัวเองที่หน้ากระจก
“กูมาบ่อยนะ มีแต่มึงนั่นแหละ มาทีไรไม่เห็นเคยเห็น” ผมมองคนถามผ่านกระจกเงาบานใหญ่
ซีซ่าร์นอนเอาสองมือหนุนหัวผิวปากด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ไม่นับตอนกลางคืนดิวะ มึงเข้ามาตอนกลางคืนเข้าห้องแล้วก็หลับทุกที แต่ตอนนี้มันกลางวัน มึงเคยเข้ามาเปลี่ยนชุดที่บ้านด้วยอ่อ? แวะคอนโดไม่ง่ายกว่ารึไง”
“รู้ว่าวันนี้คุณพ่ออยู่บ้าน กูตั้งใจมาคุยกับท่าน”
“คุณพ่อเพิ่งกลับมาจากสิงคโปร์เมื่อคืนนี้”
“ใช่ กูรู้ แล้วมึง? ไม่เข้าบริษัทรึไง หรือมีงานถ่ายแบบถ่ายละครอะไรนั่นอีก”
“อืม.....
มันทำท่านึกคำตอบอะไรสักอย่างผมมองไปเห็นมันดิ้นไปมาอยู่บนเตียงทำผ้าปูยับยู่ยี่ไปหมด
“เฮ้ย ซ่าร์มึงอย่ามาทำที่นอนคนอื่นยับนะ นอนลงไปแบบนั้นเสื้อผ้ามึงเองก็ยับไม่รู้ด้วย” ใส่สูทแท้ ๆ ไม่ระวังตัวเองเลย
“จะเนี๊ยบไปไหนวะ มึงนี่มันคุณชายจริง ๆ กูจะเข้าบริษัทเดี๋ยวนี้แหละ เห็นรถมึงเลยเดินขึ้นมาดู จะไปพร้อมกันป่ะ ปิงอยู่ที่นั่นนะมึงไม่เข้าไปหาน้องเหรอ”
“เดี๋ยวจะเข้าไปรับตอนเย็น วันนี้กูมีเคลียร์งานที่ศูนย์รถ”
ช่วงนี้งานผมเยอะมาก พยายามคิดอยู่ตลอดว่าจะเคลียร์ส่งงานภายในสองหรือสามเดือนจะเสร็จไหม คือถ้าจะส่งงานต่อให้คนอื่นทำผมอยากจะให้เขาดูและอ่านได้ง่ายที่สุด ไม่อยากให้เป็นภาระคนมารับช่วงมากเกินไป
“ซ่าร์” ผมเดินเข้ามาหามันที่ข้างเตียง มันเอื้อมมือมาทำท่าจะกระตุกปมผ้าเช็ดตัว ผมคว้าจับมือมันไว้ จ้องหน้าแล้วพูดจริงจัง
“ช่วยดูงานที่บ้านแทนกูได้ไหม กูคิดว่าจะออกไปเปิดบริษัทเล็กๆทำเอง” แววตาเจ้าเล่ห์ซุกซนเปลี่ยนไปทันที มันลุกพรวดขึ้น ผมพยักหน้านิดๆ บอกให้รู้ว่าผมพูดจริงจัง กำลังจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่วางพาดไว้ แต่ถูกมันดึงมือไว้อีก
ซ่าร์ถามหน้าตาตื่น
“เรื่องจริงเหรอที่ว่ามึงพาปิงเข้าไปหาคุณย่า”
“จริง”
“มึงเอาจริงเหรอวะเอย์”
“ใช่” ผมดึงมือตัวเองออกจากมือมันแล้วเดินไปหยิบเสื้อมาสะบัดสวม
“จะออกไปเมื่อไหร่”
“เร็ว ๆ นี้ กำลังเคลียร์ทุกอย่างอยู่”
“แล้วมึงจะไปอยู่ที่ไหน คอนโด?”
“เปล่า กูซื้อที่ ใกล้ ๆ กับบ้านแม่ของปิงไว้แล้ว คิดว่าจะสร้างบ้านหลังเล็ก ๆที่นั่น พื้นที่ใช้สอยไม่มากนักหรอก แต่คิดว่าน่าจะพอดีกับกูสองคน มีหมาอีกสักสองสามตัว ปิงมันชอบหมา”
ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปิงคุยกับพิมเรื่องที่ดิน คุณย่าของพิมใจดีมากแบ่งขายให้ผมแปดสิบตารางวา แม่ปิงตกใจมากพอรู้ว่าผมไปซื้อที่ดินเล็กๆตรงนั้นไว้ เราสองคนคุยกันไว้แล้วว่าจะบอกเรื่องของเรากับท่านช่วงที่บ้านกำลังจะเสร็จ
“เฮ้ยจริงดิ!? จริงป่ะเนี่ย”
“จริง”
มันตบหัวผมมาที
“แล้วมึงมองข้ามหัวกูไปได้ยังไง ใครเขียนแปลนบ้านให้มึง กูเป็นสถาปนิคนะ อยากได้แบบไหนบอกเลยเดี๋ยวกูจัดการ....”
“ไม่เป็นไรซ่าร์” ผมกอดคอมันไว้
“พวกกูไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก ปิงมันอยากได้แนว ๆ รีสอร์ทชั้นเดียวเล็กๆ กูเลยกะว่าจะเขียนแปลนเอง ดูแลกันเอง ขอบใจมึงมาก”
“กูโคตรอิจฉามึงเลยว่ะเอย์ อยากทำอะไรก็ได้ทำ ตั้งแต่เด็กแล้วมึงมักจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอในขณะที่กูถึงเกเรยังไงกูก็ยังต้องทำแต่ในกรอบที่บ้านวางไว้ให้ เพราะว่ากูขาดความเชื่อมั่น เพราะว่ากูไม่เคยมีคู่คิดที่พร้อมจะเดินไปกับกูจริง ๆ เลยสักคน บางที..ถ้าหากกูเจอคนที่เขาจริงจังกับกูบ้างเหมือนมึงเจอปิง กูอาจจะมีคนนำทางให้ออกไปดูโลกภายนอกบ้างก็ได้”
“ขอโทษนะซ่าร์ กูออกไปแบบนี้คนที่ต้องรับภาระทุกอย่างแทนก็คือมึง คนนอกไม่รู้คงจะคิดว่ามึงโชคดี ส่วนกูโง่มากที่ทิ้งทุกอย่างไป แต่จริง ๆ กูรู้ดีว่า ทำให้มึงลำบากแค่ไหน”
“ไอ้น้องเหี้ย” ซ่าร์เสียงสั่นมุดออกจากแขนผม นั่งชันเข่าขึ้นซุกหน้าลงไป
“ขอโทษที่เห็นแก่ตัว” ผมลูบหัวมัน
“ยังไงมึงก็เป็นน้อง ถึงจะแค่ปีเดียวแต่น้องก็คือน้อง กูยอมน้องกูคนเดียว”
มันตาแดงแล้วจริง ๆ ผมเอื้อมมือไปกอดคอมันไว้อีก คราวนี้มันก้มหน้าซุกไหล่ผมกลับมา
“อื้อๆๆๆ” มันฟาดมือลงมาที่หลังผม ทุบๆๆแล้วก็ทุบ ผลักตัวผมออกจ้องสาบเสื้อที่ยังไม่ได้กลัดรังดุมเลยสักเม็ด
“กระดุมเสื้อเนี่ย มึงติดไม่เคยเรียบร้อยหรอก ยับยู่ยี่ประจำให้กูต้องติดให้ใหม่อยู่เรื่อยตั้งแต่เด็กแล้ว” มันว่าแล้วจับกระดุมกลัดให้ใหม่ ทีล่ะเม็ดๆ ก้มหน้าก้มตาติด เรียงลงมาจนถึงเม็ดสุดท้าย มันน้ำตาคลอๆก้มหน้างุดเชียวคงไม่อยากให้ผมเห็น
“แล้วมึงจะแวะมาที่บ้านอีกไหม”
“มาสิ”
“มาหากูเหรอ”มันเงยหน้าทันที
“ใช่ มาหามึง”
“แวะมาจริงนะ”
ผมคว้ามือมันมาจับไว้เมื่อมันเริ่มแกะกระดุมที่ติดแล้วออกอีกครั้งแล้วทำท่าจะติดเข้าไปใหม่ ผมรู้มันทำอะไรไม่ถูก มันรู้สึกถึงความไม่มั่นใจ พอได้ยินเรื่องที่ผมจะออกไปอยู่เองมันคงกลัว คงเหงา คงอะไรหลาย ๆ อย่างคิดในแบบของมัน
ซ่าร์เอามือมาจับปอยผมด้านหน้าที่ปรกลงมาปิดหน้าผากผม
“ผมยาวมากแล้วนะมึง ไปซอยออกบ้างดิ่วะอยากจะหล่อเหมือนกูหรือไง” ผมเสยหัวตัวเองขึ้นแล้วลุกขึ้นมายืนที่หน้ากระจกหยิบกางเกงมาใส่ร้อยสายเข็มขัดให้เรียบร้อย สเปรย์น้ำแร่ถูกฉีดพ่นใส่ฝ่ามือแล้วตบๆให้ละอองน้ำกระจายไปเกาะที่ตัวเสื้อ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ในแบบของผู้ชาย
“แล้วเรื่องของมึงเป็นไงบ้าง?” ผมเดินไปเปิดตู้เล็กเลือกหยิบเนคไทขึ้นมาหนึ่งเส้น
“เรื่องอะไรวะ”ซ่าร์เดินเข้ามาหา มันอาสาผูกให้ ไม่รู้เคยบอกคุณไหมนะซ่าร์ตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อยหุ่นมันพอๆกับปิงนั่นแหละ
“เรื่องคเชนทร์”
“ทำไมอ่ะ” ท่าทางมันตกใจนิด ๆ อ้าปากหวอเลย ผมใช้สายตาบีบมันให้ตอบออกมา บอกให้รู้เป็นนัยว่า อย่ามาทำเนียนรู้ทั้งรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
“ก็...ไม่รู้ดิ ยังไม่มีอะไรแน่นอนหรอก มึงก็รู้กูคบไปเรื่อยไม่เคยจริงจังเป็นชิ้นเป็นอัน” สายตามันดูเศร้านิด ๆ คิดว่าน่าจะมีเรื่องราวระหว่างมันกับเจ้านั่นอยู่
“ชอบมัน?”
“หือ??”
“ทำไมถึงชอบมัน?”
“มะ...ไม่รู้สิ เพราะมันไม่เหมือนคนอื่นมั้ง มันไม่ชอบกูไง”
“อ้อ มึงชอบแบบนั้น? ชอบคนที่เกลียดมึง??”
คุณเชื่อไหม มันผูกไทให้ผมเป็นรอบที่สองแล้ว ทั้งที่รอบแรกก็เรียบร้อยดีแต่มันกลับแกะออกผูกใหม่ ซ่าร์ประหม่ามากจริง ๆ แค่ผมถามเรื่องคเชนทร์
“ก็น่าสนใจดีไม่ใช่ไง อยู่วงการแบบกูเจอแต่คนง่าย ๆ มาเยอะ แค่กูมองก็แทบจะทอดกายให้ ง่ายทั้งชายทั้งหญิง มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะแต่ก็ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ แค่ชื่อของกูบวกกับนามสกุลอัศว มีแต่คนอยากจะจับกินทั้งนั้น กูเห็นมีแต่มันคนเดียวนี่แหละที่ยังดื้อดึงกับกูอยู่”
“เออ มึงก็คงเข้ากับมันดีแหละ ขอให้มันรักมึงไว ๆ ละกัน”
ผมพูดแบบปลง ๆ เห็นมันผูกเสร็จรอบนี้แล้วเลยเลี่ยงออกมา เช็คทุกอย่างที่หน้ากระจกอีกครั้ง หยิบกระเป๋าตังค์กับมือถือ
“น้องเหี้ย! ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของกูเลย กูมันยังแค่เริ่มต้น จริงไม่จริงกูเองก็ยังไม่รู้ เรื่องตัวเองมึงเอาให้รอดเหอะ ปิงมันหล่อนะเว้ยถึงมึงจะเท่มากแต่ระวังน้องให้ดีแล้วกัน ผู้หญิงในบริษัทเราชอบมันเยอะนะกูบอกให้รู้”
ป๊าปปป!!!“กวนตีน” ผมยกขาเตะก้นมันไปแรง ๆ ซ่าร์ด่าผมใหญ่ มันเตะคืนผมรีบหลบ
“ไอ้เหี้ย กูไปแล้ว” คว้าเอาสูทพาดลงที่แขนแล้วเดินออกมา ขณะลงบันไดจัดเนคไทให้เข้าที่อีกครั้ง เสียงตะโกนดังไล่หลังมาติด ๆ
“เอย์ พรุ่งนี้มึงเข้าบริษัทไหม”
มันร้องถามอยู่ที่หัวบันได หน้าตานี่คือแบบ คาดหวังมากอะไรของมันไม่รู้ ผมยังไม่ได้ไปไหนสักหน่อยเลย
“เข้า”
ตอบไปแค่สั้น ๆ คิดว่าจะไม่หันไปแล้วนะ แต่อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปดูนิดหน่อย
พี่บ้ามันจะยิ้มทำไมของมัน อัศวคอนยังไงก็ต้องเข้าไปอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ไม่ว่างแค่นั้นเอง
Ceasar’s Part
ตุ่บบ!!
ผมวางถุงขนมลงที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ เครื่องคอมพิวเตอร์สามเครื่องเรียงเป็นแนวเฉียงจนเกือบจะเต็มความยาว เจ้าของโต๊ะคือแฟนของน้องชายผมเอง
“พี่ซ่าร์?.....สะ....สวัสดีครับ” มันทำหน้าตางง ๆ มองถุงขนมกับหน้าผมสลับกัน
“พี่ซื้อมาฝากผมเหรอพี่?”
“อือ กินดิ่” ผมนั่งลงหน้าโต๊ะน้อง แอบๆมองไอ้เจ้าของโต๊ะใหญ่ตัวข้าง ๆ ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาไม่เห็นว่ามันจะเงยหน้าขึ้นมองผมเลยสักนิด
ให้ตาย ผมนี่มันไม่น่าสนใจขนาดนั้น??
“ขอบคุณครับ” ปิงว่าแล้วทำท่าจะหยิบหมากฝรั่งแท่งใหญ่สีฟ้าที่ผมเจาะจงซื้อมาฝากหมาบ้าบางตัว ผมรีบคว้ามือมันไว้
“เฮ้ยอันนี้ไม่ได้” มันทำหน้าตกใจ
“อันนี้กูซื้อมาฝาก.......”
ผมชะโงกหัวเข้าไปพูดเบา ๆ แทบจะไม่มีเสียง มันพยักหน้ารับประมาณว่าเข้าใจ ผมเลยโยนหมากฝรั่งแท่งนั้นใส่หัวไอ้บ้าที่นั่งสนใจแต่งานของตัวเองอยู่ มันหันมามองผมตาเขียวหน้านี่แบบคือโกรธมาก
“เชี่ย! มึงขว้างมาทำไม กูทำงานอยู่เนี่ย”
“กูพอใจ”
ผมแสยะยิ้มกวนตีนมัน แค่เรียกร้องความสนใจจากมันได้ผมก็รู้สึกว่าผมชนะ คึคึ เชนมันด่าผมก็จริงนะแต่มันยัดหมากฝรั่งเก็บใส่ลิ้นชักไว้ ผมเลยเบะปากใส่มัน มันส่ายหัวทำท่าหงุดหงิด
“เที่ยงนี้มึงไปกินข้าวที่ไหนมา” ผมถาม เพราะเข้ามาก็บ่ายแล้วขึ้นไปจัดการสะสางงานของตัวเอง บ่ายสามขอลงมาพักเบรคสักหน่อย
“......”
“คเชนทร์!” เมื่อถามแล้วไม่ตอบผมเลยเรียกมันอีก
“มึงเกี่ยวไรด้วย”
“กินที่ไหน” ผมดื้อ
“ชั้นสองไง” มันตอบแบบส่ง ๆ
“กินกับใคร”
“ยุ่ง”
“กินกับใคร” ผมถามอีกครั้งลากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ค่อย ๆ กระดื๊บๆเข้าไปหามัน โต๊ะมันกับปิงติดกันมาก เก้าอี้เข้าไม่ได้ ผมเลยได้แต่นั่งจ้องมันที่ด้านหน้า
“ว่าไงล่ะ มึงไปกินกับใคร” ไอ้โต๊ะมันก็ร๊กรก ผมผลักๆหน้าจอให้หันไปทางซ้ายอีกนิดคือมันบังใบหน้าเชนไปเกือบหมด
“กูไม่ตอบ”
มันทำหน้านิ่งตอบกวนโทสะผมมากจริง ๆ ก็รู้หรอกอารมณ์ตัวเองสาวน้อยมากไปหน่อย แต่ผมก็แค่ยากรู้เรื่องของมันนี่
“ปิง” ผมเรียกน้อง หันขวับไปหา เจ้าปิงเงยหน้ามองผมหน้าตาตื่นเพราะโทนเสียงผมเริ่มเปลี่ยน ตาปิงสวยมากนะคุณรู้ยัง มันเป็นเด็กที่ตาโตมาก ๆ
“กินกับผมครับ พี่เชนกับผมลงไปกินด้วยกัน”
“แล้วไป”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”เสียงเชนมันบ่นออกมา ถึงจะเบามากแต่ผมได้ยินเหอะ
“เหี้ย กูโทรหาไม่เคยจะรับหรอก”
“ถ้าเป็นไปได้ ไม่ต้องโทร”
ผมทำมือเป็นปูไต่ ค่อย ๆ ไต่ๆไปหามันจนเกือบจะถึงแป้นคีย์บอร์ดแล้วไต่กลับทำแบบนี้อยู่หลายรอบ มันตวัดสายตามองมาเขียวปั๊ด คุณต้องเข้าใจว่าโต๊ะสองคนนี้คือเต็มไปด้วยเครื่องและอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มากมาย บางครั้งมันใช้หน้าจอหลบหน้าผม ผมก็ปัดๆหน้าจอให้ได้ตำแหน่งดี ๆ เจอมันจิ๊ปากใส่มาทุกครั้ง
“มึงมันใจร้าย”
ผมต่อว่าแล้วนั่งเงียบ จริง ๆ เมื่อเช้าผมเข้าบริษัทสายเพราะเจอเจ้าเอย์อยู่ที่บ้านเราคุยกันสองสามเรื่อง พอจะรู้ความลำบากของมันกับปิงอยู่เหมือนกัน ช่วงบ่ายผมเข้ามาเคลียร์งานอยู่ที่ห้องจนเสร็จคิดถึงหมายักษ์บางตัวเลยเดินลงมา ไอ้ครั้นจะเดินลงมาเฉย ๆ ก็ดูท่าจะแปลก ๆ ผมเองก็อายปิงมันเหมือนกันเพราะงั้นเลยให้เลขาไปซื้อขนมลูกอมจากชั้นสอง แคนทีนและร้านค้าของบริษัทขึ้นมาให้
เสียงต๊อกแต๊กจากคีย์บอรด์และเมาส์ ยังดังเบา ๆ อยู่ที่ห้อง จะว่าไปห้องนี้เย็นจัดเอามาก ๆ ไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่เวรวันนี้มีแค่คเชนทร์กับปิงเท่านั้น สายตาสองคนที่จดจ้องอยู่กับหน้าจอ ผมรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของเขาทั้งคู่มาก ๆ ปิงเลื่อนเก้าอี้เข้าไปหามันยื่นแฟ้มบางอย่างให้ดู เชนกาอะไรลงไปสักอย่าง ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพอสองคนนี้อยู่ด้วยกันทำงานด้วยกันแล้วมันใช่มาก ๆ คือแบบความตั้งใจเหมือนส่งออกมาจากปณิธานและจิตวิญญาณของเขาทั้งคู่จริง ๆ พวกโปรแกรมเมอร์มักเป็นแบบนี้เสมอ??
จริง ๆ แล้วเวลานี้ยูเซย์ค่อนข้างเป็นบริษัทรับออกแบบและติดตั้งระบบฯที่ดังและประสบความสำเร็จมากทีเดียว ยิ่งช่วงหลังมานี่มีข่าวว่ากำลังผลิตซอฟแวร์ให้กับบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่อย่างอัศว ยูเซย์ยิ่งมีแต่คนอยากจะได้ตัว เอย์มันเคยบอกด้วยนะว่ามีบริษัทร่วมทุนของญี่ปุ่นมาทาบทามปิงให้ไปทำงานด้วยแต่พอรู้ว่าปิงเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของยูเซย์ทางนั้นเลยต้องวางมือไป น้องอายุเพิ่งจะแค่นี้แต่ก็มีพรสวรรค์และเก่งมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่เคยได้เรียนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จริงจัง ทุกอย่างศึกษาเองทั้งหมด ปิงเคยบอกผมครั้งนึงว่าคเชนทร์เป็นเหมือนอาจารย์ของมัน