สวัสดีค่า มาต่อตอนต่อไปแล้วนะคะ คงค้างกันใช่ไหม มาอ่านต่อกันเลยเนอะ ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ อา....ไม่รู้จะคุยอะไรต่อแล้ว เอาเป็นว่าฝากติดตามกันต่อไปนะคะ ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าคำว่าขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันนะคะ อยากให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆเลยค่ะ สุดท้ายท้ายสุด คนอ่านโปรดรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รัก ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 28 Say you love me.
Say it again
พูดมันอีกครั้ง
I wanna know that you mean it, this time
ฉันอยากรู้ว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆในตอนนี้
Say it again
พูดมันอีกสิ
I know that I should believe it,but I
ฉันรู้ดีว่าควรจะเชื่อมัน แต่ฉันเอง
Never thought someone would love me like you, say you do
ก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีใครรักฉันอย่างเช่นคำพูดและการกระทำของคุณ
Say it again, and I'll say it back to you
เช่นนั้นพูดมันอีกครั้งและฉันจะตอบกลับไปว่ารักคุณเช่นกัน
“แล้วจะได้ไหม...ถ้าผมจะบอกว่าผมกำลังชอบคุณอยู่”
พระพายถามคำถามออกไปแล้วและรีบก้มหน้าปิดตาแน่นรอคำตอบนั้นอยู่อย่างใจจดในจ่อ ในใจนั้นนึกภาพไปถึงเก้าที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนปลอบใจเพราะมั่นใจว่าต้องอกหักแน่
“พระพาย...นาย...” พิธานนิ่งไปอย่างตกตะลึงในคำถามสุดท้ายของพระพาย คำถามนั้นทำเอาพิธานชะงักจนเกือบจะลืมหายใจ
“นาย...ชอบฉัน” พิธานทวนคำถามนั้นด้วยดวงตาที่ตื่นอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเช่นนี้
“ผมชอบคุณ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่และไม่รู้ยังไง แต่รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้ว” พระพายพูดเสียรัวเร็วทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“แล้วที่บอก...ว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ?” พิธานถามสิ่งที่เฝ้าคิดมาตลอดคือการที่พระพายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
“คนนั้น..ก็คุณนั่นแหละ”
ทันที่พระพายเฉลย พิธานอ้าปากค้าง ใบหูแดงก่ำแน่นอนว่าพิธานตกใจและไม่คาดคิดว่าก่อนว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าเพราะคำสารภาพนั้นทำเอาพิธานหลุดอายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ่อ..”พระพายทำท่าจะพูดพลางเงยหน้าขึ้นมาแต่พิธานกลับร้องขึ้น
“อย่าเงยหน้าขึ้นมา” พิธานบอก
“ทำไม?”
“บอกว่าอย่าเงยหน้าขึ้นมา!!” พิธานร้องบอกเสียงดัง พระพายที่ยิ่งหวั่นใจอยู่แล้วก็ยิ่งหวั่นเข้าไปอีก
“ขอโทษ รู้ว่าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ขอร้อง...อย่าเกลียดกันเลย” พระพายว่า
รู้สึกแน่นในอกจนเหมือนจะหายใจไม่ออก แค่นี้ก็รู้แน่ชัดแล้วว่าพิธานไม่ได้คิดแบบเดียวกันและคงจะเกลียดกันไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเลยเสียด้วยซ้ำฟังจากคำพูดเมื่อครู่นี้
“ไม่ได้เกลียด” เสียงนั้นดูสั่นไปนิดๆในความรู้สึกของพระพาย
“แล้ว..ทำไมถึงไม่ยอมให้เงยหน้าล่ะ” พระพายถาม รู้สึกอยากจะหายตัวไปเสียตั้งแต่ตรงนี้
“ไม่อยาก...ให้นายเห็นฉันในตอนนี้” พิธานบอกเสียงเบาผิดกับเมื่อครู่นี้มาก พระพายเงียบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น..พิธานกำลังหมายถึงอะไรกันแน่
“ไม่ได้โกหกใช่ไหม?” พิธานถาม เสียงยังคงเบาจนพระพายต้องเงี่ยหูฟัง
“ว่าอะไรนะ?”
“ถามว่าไม่ได้โกหกใช่ไหม?”
“มะ..ไม่ได้โกหก มันคือความจริง” พระพายตอบเสียงดังฟังชัด
“บอกอีกครั้งได้ไหม?” พิธานพูด
“หืม?” พระพายกำลังสับสนว่าต้องการให้จะให้พูดอะไร
“พูดอีกทีว่าคิดยังไงกับฉัน”
“ผม...ชอบคุณ”
“พูดอีก...”
“ชอบ....คุณ”
“อีกครั้ง”
พิธานที่พูดอยู่อย่างนั้นและก้าวลงสระน้ำพลางเดินไปหาพระพายที่ยืนก้มหน้าอยู่ พระพายนั้นรู้แล้วว่าตอนนี้พิธานกำลังเดินเข้ามาหา เพราะเสียงน้ำเคลื่อนไหวและปลายเท้าของพิธานที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ...” พระพายเริ่มรู้สึกอายขึ้นมาดื้อๆเพราะตอนนี้พิธานมายืนอยู่ตรงหน้า ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของพิธานที่อยู่ใกล้ๆแถวปลายผม
“พูดสิ” พิธานกระซิบเบาๆข้างหู
“ผมชอบคุณ”
คราวนี้พระพายเสียงดังชัดเจน อายจนชนิดจิกบิดกางเกงขาสั้นเสียแน่น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพบว่าพิธานนั้นหูแดงก่ำอีกทั้งใบหน้านั้นมีริ้วแดงๆอยู่
“เงยหน้าขึ้นมาทำไม?” พิธานถามพลางสบสายตามองพระพายที่ยังคงจดจ้องใบหน้าของพิธานอยู่อย่างนั้น
“คุณ...อายเหรอ?” พระพายไม่อยากจะเชื่อสายตาสักนิดที่เห็นพิธานผู้เย็นชาและวางมาดตลอดจะอายเพียงเพราะเขาบอกว่าชอบ
“ก็เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากให้นายเงยหน้าขึ้นมา” พิธานบอกก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามาอีกจนใกล้เสียตัวชิดติดกัน
“ ชอบฉันจริงๆใช่ไหม?” พระพายพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ทั้งๆที่ตอนเจอกันครั้งแรกมันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่น่ะเหรอ?” พิธานถาม พระพายรู้ดีว่าพิธานคงหมายถึงตอนที่ถูกถ่ายคลิปแบล็คเมล์แน่นอน
“ตอนนั้นผมยอมรับนะ ผมออกจะเกลียดคุณด้วยซ้ำ คุณตอนนั้นชั่วร้ายสุดๆไปเลย”
พระพายยอมรับอย่างตรงไปตรงมา พิธานในตอนนั้นดูร้าย เย็นชาและไม่น่าคบหาเลยสักนิด อีกทั้งทำเรื่องไม่น่าอภัยอย่างการขู่บังคับให้ทำเรื่องที่น่าอายขนาดนั้นอีกด้วย หากใครโดนด้วยตัวเองคงไม่มีใครทำใจยอมรับเรื่องเช่นนั้นได้แน่นอน
“ก็รู้อยู่หรอก” พิธานยอมรับ
“คุณตอนนั้นไม่น่ารักสักนิด ชอบทำให้ผมอายและกลายเป็นคนชอบเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว” พระพายเริ่มปลดปล่อยคำพูดออกมาเรื่อยๆ
“ใครจะไปคิดว่าผมจะเผลอชอบคนที่ทำแบบนั้นกับตัวเองได้” พระพายพยายามพูดถึงสิ่งที่ตัวเองเฝ้าคิดมาตลอด
“แต่ไม่รู้ทำไมพอรู้ตัวอีกที ผมกลับเริ่มคิดแต่เรื่องของคุณ” พิธานพยักหน้านิดๆอย่างรับฟัง พระพายนั้นดูจะลนลานมากขึ้นเมื่อเริ่มพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง
“พอคิดก็เริ่มเห็นว่าคุณ..ดูเปลี่ยนไป ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าคุณใจดีขึ้น มันมีอะไรหลายๆอย่างที่คุณทำ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าคุณคิดยังไง แต่ผมกลับคิดไปแล้ว”
“ไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไรอยู่ หลายครั้งผมก็เข้าข้างตัวเองว่าคุณก็น่าจะชอบผมบ้าง” แววตาดูสับสนจนพิธานยิ่งสนใจในท่าที่ของคนที่กำลังพูดเพราะไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“แต่ถ้าคุณไม่คิดแบบนั้นผมก็ขอโทษด้วยแต่สัญญาระหว่างเรา ผมจะทำมันต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ ระหว่างนี้ก็ช่วยๆลืมไป” พระพายพรั่งพรูคำพูดออกมา แต่คำพูดเหล่านี้นั้นก็ไม่ถึงครึ่งที่รู้สึกมาโดยตลอด พิธานมองพระพายอย่างพิจารณา
“ต่อไปถึงตาฉันตอบคำถามแล้ว” พิธานว่า พระพายกลั้นหายใจเตรียมพร้อมรับฟังสิ่งที่จะตัดสินว่าเรื่องราวมันจะเป็นเช่นไรต่อไป
“ขอโทษ”
พิธานพูดคำนั้นออกมา พระพายรู้สึกเหมือนความหวังดับวูบลงทันที แน่ชัดแล้วว่าพิธานไม่ได้คิดอย่างเดียวกัน จบแล้วกับความรู้สึกข้างเดียว ตอนนี้ร่างกายหนักหน่วงเหมือนอะไรสักอย่างแตกสลายจากภายใน
“ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ขอบคุณที่รับฟัง”
พระพายว่าก่อนที่จะรวบรวมความรู้สึกที่หน่วงไปทั้งกายและใจ เดินหันหลังให้พิธานเพื่อจะออกไปจากที่นี่ตรงนี้ แม้จะบอกว่าตัวว่าไม่ได้คาดหวัง แต่แท้จริงแล้วพระพายก็คาดหวังมันอยู่ดี คาดหวังว่าอย่างน้อยพิธานจะให้โอกาสให้อยู่ข้างๆหรือแค่ให้เวลาศึกษากันสักหน่อย แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่อย่างคิด ความผิดหวังนั้นจึงเกาะกินใจทันทีที่ความหวังพังทลาย
แผ่นหลังที่ดูจะห่อเหี่ยวนั้นหันหลังเดินออกไป พิธานส่ายหน้านิดๆก่อนที่จะก้าวขาไปและดึงพระพายมากอดไว้ พระพายเบิกตาโตขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าตอนนี้กำลังถูกพิธานกอด ความอุ่นวาบเกิดขึ้นในใจราวกับกำลังจะมีความหวังอีกครั้ง
“ฟังให้จบก่อนสิ” พิธานว่า พระพายจึงยืนนิ่งเพื่อรอฟังอย่างที่พิธานบอก
“ขอโทษ...ที่ทำเรื่องแบบนั้นตอนเจอกันครั้งแรก”
นี่คือสิ่งที่พิธานบอก คำขอโทษที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของพิธาน เป็นคำขอโทษถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว พระพายไม่คิดเลยว่าพิธานจะคิดถึงเรื่องพวกนี้ ทั้งๆที่ในตอนนั้นพิธานทำทุกอย่างด้วยสีหน้าและคำพูดที่ร้ายกาจขนาดนั้นแท้ๆ
“ฉันรู้ดีว่ามันช้าไปที่มาขอโทษเอาตอนนี้ แต่ตอนนั้นฉันทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของนายเลยสักนิด” แม้จะฟังแล้วดูแปร่งๆแต่พระพายก็ยังยืนฟังต่อไป
“ที่ผ่านมาฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ต้องการและไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยสักนิด...แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกลับรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับนาย”
“และยิ่งไปกว่านั้น...ฉันกลับเริ่มชอบนายโดยที่ไม่รู้ตัว”
คำว่าชอบเป็นคำที่ทำเอาพระพายอ้าปากค้าง ตาโตขึ้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่..แปลว่า..พิธานก็คิดเหมือนกันอย่างนั้นหรือ นี่คือสิ่งที่พิธานกำลังบอกจริงๆหรือ
“คุณ...ชอบผม?” พระพายดึงมือพิธานออกก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เพิ่งบอกถึงความรู้สึกที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากนั้นจริงๆ
“ใช่” พิธานยืนยันอย่างหนักแน่นจนพระพายกัดปากตัวเองอย่างอดกลั้นความรู้สึกที่กำลังพองโตในใจ
“แล้ว..แล้วทำไมไม่บอกล่ะ?” พระพายถามด้วยความรวดเร็ว
“ฉันไม่กล้าบอกเพราะกลัวนายไม่ได้คิดแบบนั้นกับฉันและยิ่งนายบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วฉันเลยไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ปกติคุณชอบบังคับนี่ ทำไมครั้งนี้ไม่คิดจะบังคับผมล่ะ?” พระพายถาม
“เพราะไม่อยากบังคับนายแล้ว ไม่อยากทำร้ายจิตใจนายอีกแล้ว”
พิธานว่าพลางจ้องมองพระพายก่อนที่จะดึงให้พระพายเข้ามาใกล้ๆ มือนั้นโอบหลังของพระพายให้เข้ามาแนบชิดอีกครั้งก่อนที่จะก้มลงจูบขมับของพระพาย กดจูบลงไปราวกับจะย้ำถึงความรู้สึกที่กำลังบอกอยู่ในตอนนี้
“เป็นแฟนกับฉันไหม?” พิธานเอ่ยขอ
พระพายใจเต้นรัวเร็วเมื่อถูกจูบเช่นนั้น อีกทั้งคำขอเป็นแฟนที่ได้ยินชัดเต็มสองหู พิธานผละออกมาพร้อมจ้องมองเข้าไปในสายตาของพระพายที่สุกวาวเพราะรู้สึกดีใจจนดวงตาเริ่มพร่า
รู้สึกว่าบรรยากาศหวานๆฟุ้งไปรอบกาย เหมือนเคยเห็นในการ์ตูนรักหวานโรแมนติกที่เพื่อนผู้หญิงในมหาวิทยาลัยอ่านกัน เวลาพวกนั้นอ่านหรือดูอะไรทำนองนี้ชอบทำตัวบิดม้วนอย่างเขินอาย ซึ่งพระพายไม่ค่อยเข้าใจนักว่าจะอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้รู้ซึ้งด้วยตัวเองแล้ว...ช่างน่าเขินอายจนอยากกลิ้งตัวม้วนหน้าเลยทีเดียว
“ว่ายังไง?” พิธานถามย้ำ พระพายที่คิดไปไกลจึงดึงตัวเองกลับมาเพราะต้องตอบคำถามที่ทำเอาใจเต้นแรงจนเหมือนเจ้าจะเข้า
“ครับ” พระพายตอบเช่นนั้น พิธานยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่พระพายถึงกับต้องยิ้มตาม เป็นรอยยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่พระพายเคยเห็นมาตั้งแต่อยู่กับพิธาน
พิธานค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปหาพระพายทั้งที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะจูบลงบนริมฝีปากของพระพาย คนถูกจูบหลับตาพร้อมแหงนหน้ารับจูบนั้นอย่างยินยอมและพร้อมใจ ความรู้สึกในจิตใจช่างพองโตเสียจนกลัวว่าระเบิดออกมา ไม่คาดคิดเลยสักนิดว่าจะใจตรงกันทั้งๆที่การเจอกันครั้งแรกนั้นไม่น่าประทับใจอีกทั้งมีแต่ความร้ายของพิธานล้วนๆ
จูบอยู่เนิ่นนานจนพระพายต้องบีบแขนของพิธานเพื่อบอกให้หยุดได้แล้ว พิธานจึงยอมหยุดแต่โดยดี นี่เป็นความแปลกใหม่ที่พิธานนั้นยอมฟังที่พระพายบอกอย่างชัดเจน
“แล้วสัญญาสองเดือนล่ะ?” พระพายถามพร้อมอมยิ้ม
“ร่างสัญญาต่อไหมล่ะ แต่คราวนี้ไม่มีสิ้นสุด” พิธานว่า พระพายถึงกับหัวเราะออกมา
“ต้องร่างยังไงล่ะ?”
“ทำเหมือนที่เจอกันครั้งแรกไง” พิธานว่า สายตากรุ้มกริ่มจนพระพายถึงกับเริ่มหวั่น
“ขออยู่ในโหมดนี้ก่อนได้ไหม?” พระพายขอ
“โหมดนี้มันยังไง?”
“โหมดแบบใสๆไม่มีเรื่องแบบนั้นน่ะ” พระพายว่า พิธานหัวเราะหึทันที
“ฉันเคยทำเรื่องใสๆกับนายเหรอ?”
“เคยสิ คุณแค่ไม่รู้ตัวหรอก”
“ฉันไม่เคยทำหรอกและทำไม่เป็นด้วย”
พิธานบอกเช่นนั้นก่อนที่จะสบตาของพระพาย สายตาหวานเชื่อมที่พิธานส่งมานั้นทำเอาใจเต้นระส่ำ ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะได้เห็นพิธานด้วยสายตาเช่นนี้ อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆว่าอายมากจนจะบ้าแล้ว อายจนเกินกว่าผู้หญิงคนไหนเป็นเสียด้วยซ้ำไป
“ไหนบอกว่าทำไม่เป็น แล้วนี่อะไร” พระพายบ่นอุบด้วยเสียงเบาๆ
พิธานไม่ว่าอะไร ก่อนที่จะจับมือของพระพายขึ้นมาพร้อมกับจูบลงบนหลังมือ พระพายมองภาพนั้นอย่างรู้สึกใจแกว่ง เป็นจูบที่เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่จูบธรรมดา
“ฉันทำตามความรู้สึกที่มีให้นายต่างหาก”
“กลับไปหน้านิ่งเหมือนเดิมก็ได้นะ” พระพายว่า เพราะพิธานที่กำลังยืนตาหวานเยิ้มนี่ทำเอาไม่คุ้นชินเสียเลย
“ฉันก็เป็นฉัน จะมุมไหนก็ยังเป็นพิธานของนายอยู่ดี” พิธานว่าก่อนที่จะดึงพระพายมากอดไว้ พระพายกอดตอบพร้อมโยกตัวพิธานเบาๆอย่างรู้สึกดีใจเสียมากมาย
“ไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นยังไง แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด” พระพายบอกเช่นนั้น พิธานจึงผละออกมาพร้อมมองหน้าของพระพายที่กำลังยิ้มอยู่
“ฉัน..ไม่ใช่คนดีอะไรซึ่งนายก็รู้” พิธานบอก
“ก็พอจะรู้อยู่หรอก” พระพายพยักหน้าอย่างรู้ดีถึงข้อนั้น
“ฉันเป็นคนยึดติดและขี้หวง นายอาจจะรำคาญขึ้นมาในวันใดวันหนึ่งก็ได้” พิธานเอาแต่พูดถึงข้อเสียของตัวเอง
“ผมเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่รู้ว่าคนที่เขาเป็นแฟนต้องทำยังไงกันบ้าง เลยอยากให้คุณบอกผมว่าต้องการแบบไหนยังไง ผมพร้อมจะทำได้ทุกเมื่อ”
“ไม่ต้องหรอก แค่เป็นนายในแบบนี้ก็พอแล้ว” พิธานว่าพลางลูบหัวไหล่ของพระพายเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นมีเรื่องหนึ่งที่อยากขอร้อง ถ้าวันหนึ่งคุณไม่อยากคบกับผมต่อไปแล้ว ขอให้บอกกันตรงๆ” พระพายขอคำสัญญาจากพิธาน สายตานั้นดูจริงจังมาก
“ถ้าวันนั้นมาถึงฉันจะบอก แต่ฉันบอกนายได้ว่าฉันไม่เคยคบซ้อนหรือนอกใจใคร เรื่องนี้ขอให้นายเชื่อใจฉันได้” พิธานพูดราวกับจะให้คำสัญญาถึงการจะคบกันในต่อจากนี้ไป
“จะจริงเหรอ?” พระพายถามพลางเหล่ตามองพิธานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่เชื่อก็ถามไค แต่บอกไว้เลยถ้านายนอกใจฉันศพไม่สวยแน่” พิธานพูด
แววตาที่ดูวับวาวนั้นกำลังบอกว่านี่คือความจริงและจะทำอย่างแน่นอนหากมีการนอกใจเกิดขึ้น พระพายกลืนนั้นลายลงคออย่างหวั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม?” พระพายถาม
“สายไปแล้ว พระพาย”
ถูกเรียกชื่อเช่นนั้นก่อนที่จะที่โดนฉกจูบอีกครั้ง คราวนี้พิธานอุ้มพระพายขึ้นมาจากน้ำและบดจูบด้วยความรวดเร็ว พระพายผวารีบโอบรอบคอของพิธานในทันที จูบไปเรื่อยอย่างเร่าร้อนและพาเดินไปยังขอบสระก่อนที่จะดันให้พระพายนั่งลงและผละออกมา
“จากนี้จะฉลองการเป็นแฟนกันละนะ” พิธานว่า
“เดี๋ยวสิ ขอโหมดหวานอีกนิดก็ยังดี” พระพายร้องขึ้นพลางดันพิธานที่จะเข้าหาอีกครั้ง
“ก็นี่ยังอยู่ในโหมดหวานไง?” พิธานว่าพลางยิ้มกริ่ม
“นี่มันโหมดหื่นชัดๆ” พระพายเถียงทันที
“หวานสิ รับประกันเลย” พิธานว่าก่อนที่จะดันตัวเองขึ้นจากสระแล้วลากพระพายให้ลุกขึ้น
“หยุดก่อน!!!” พระพายไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะแววตาเจ้าเล่ห์นั้นบ่งบอกได้ดีว่าเรื่องต่อจากนี้คือเรื่องหื่นๆแน่นอน
“ทำไมล่ะ จะไม่เข้าห้องเหรอ?” พิธานถาม
“คือมันเปียก...” พระพายว่าพลางก้มมองลงกางเกงขาสั้นของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นตรงนี้เลยก็แล้วกัน..”
“หา!! นี่มันข้างนอกนะ” พระพายร้องเสียงหลงทันที
“ก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน คงน่าตื่นเต้นว่าไหม?” พิธานดูจะสนใจมันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะแววตาดูเหมือนตอนดึงของเล่นออกมาจากกล่องหรรษานั้นไม่มีผิด
“แต่..อาจจะมีใครมาเห็นนะ”
“นี่มันพื้นที่ส่วนตัว ใครจะมาเห็นล่ะ” พิธานหาเหตุผลให้พระพายไม่คิดมาก
“มันจะดีจริงๆเหรอ?” ไม่วายพระพายยังคงหวั่นใจอยู่
“ดีสิ เดี๋ยวนายจะชอบจนร้องเสียงอ่อนอยู่ดีนั่นแหละ” การฉลองเป็นแฟนของทั้งสองคนเริ่มตรงที่สระน้ำในทันที...
Lyrics: Say it again by Frances