SPECIAL DRINKS : SODA VS ICED TEA
โซดากับชาเย็น
รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
ไฟ – นท
“บอกวาอย่าขยี้หัวไงวะ มากับมึงทีไรผมยุ่งตลอด”
“กูบอกว่าจะพาไปซื้อหมวกกันน็อคให้ใหม่ไง อันนี้ของเพื่อนกูมันไม่พอดีกับหัวมึงเนี่ย”
“อันไหนก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ”
“มึงอยากได้แบบที่มีหูแมวเหรอ”
“ไอ้เวรไฟแบ๊วสัสกูไม่ใส่”
“โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอาเรื่องมากจังวะ”
กัลป์ยืนรอทั้งคู่เถียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์นี่ยืนมองอยู่นานเกือบห้านาที แต่ถึงจะเถียงกันทุกประโยคแต่มือไฟก็ยกขึ้นช่วยนทจัดผมให้เข้าที่เข้าทางมีลูบหัวตบท้ายอีกต่างหาก นี่แหละคู่รักเฮดว๊ากวิศวะปีสี่และหนุ่มน้อยลักยิ้มบริหารในตำนาน?ก็คงเรียกว่าคู่รักอ่ะนะทั้งๆ ที่กัลป์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่หลังจากที่ไปฝึกงานที่เดียวกันเมื่อตอนปีสามเทอมสองพอขึ้นปีสี่ก็เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น
เรียกว่าดีขึ้น (มั้ง)
ปีที่แล้วยังมีเรื่องดราม่าน้ำตานองหน้าอยู่เลย
หมายถึง ไฟนะ ที่น้ำตานองหน้าไม่ใช่นท“พี่กัลป์”
“เอาแบบเดิมใช่ไหมทั้งคู่เลย”
“ครับ แบบเดิม”
“ไปจองโต๊ะนะ”
“เดี๋ยวตามไป”
พอไม่เถียงกันก็ดูรักกันดีกัลป์สังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้รุ่นน้องคณะวิศวะเริ่มจะสนิทและทักทายไฟก่อน ทุกทีนี่น้องผู้ชายในวิศวะแทบจะก้มลงไปกราบเบญจางคประดิษฐ์เวลาที่เจอหน้าพี่ไฟเฮดว๊ากสุดโหด
“ดูเป็นที่รักของรุ่นน้องนะเดี๋ยวนี้”
“เพราะใครล่ะพี่”
“น้องไฟแพ้น้ำตาแฟน”
“ถ้าไม่ใช่พี่กัลป์นี่ผมจับทุ่มแล้วเนี่ย”
กัลป์หัวเราะชอบใจเมื่อสามารถแกล้งไฟได้สำเร็จ
ตอนนี้เขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมด รู้จักกันมาสามสี่ปีนี่ไม่เคยจะเห็นไฟในมุมแบบนี้เลยสักครั้ง
“คิดแล้วก็แปลกไฟกับนททำไมมาลงเอยกันได้”
ไฟหันไปมองคนที่กำลังพูดถึงเพราะต้องทำโปรเจคจบนทเลยเอางานมาทำที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ทุกวัน ตอนนี้ก็ยุ่งวุ่นวายกับการเรียงชีทเห็นท่าทางแบบนั้นมันก็ดูน่ารักดีเหมือนเด็กๆ เฟรชชี่ทั้งๆ ที่เรียนอยู่ปีสี่แล้วแท้ๆ ไฟหันกลับมาตรงเคาน์เตอร์อีกครั้ง
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นแบบนี้”
Flashback“นี่สรุปมึงฝึกงานที่นี่เหรอวะ นท”
“เออ ที่นี่แหละกูมั่นใจมากว่าที่นี่ดีที่สุดในแปดบริษัทที่กูตัดทิ้ง”
“เออ ไอ้คนเก่งเจออะไรมาอย่าวิ่งร้องไห้มาหากูนะแล้วนี่ไอ้ไฟรู้ยังว่ามึงเลือกบริษัทนี้”
“ทำไมกูต้องบอกมันวะ”
“อ้าว ก็มึงกับมันดูมีซัมติงเห็นมันมาหามึงบ่อยๆ กูก็นึกว่ามึงกิ๊กกั๊กกับเฮดว๊ากสุดโหด”
“ซัมติงบ้านมึงสิ กูก็แค่ไม่อยากจะซ้ำเติมคนอกหักทั้งๆ ที่ใจจริงกูอยากจะสมน้ำหน้ามันใจจะขาด”
“ระวังเถอะ”
“อ้าว เพื่อนวี”
วียกมือขึ้นมารับหมัดจากไว้ทันก่อนที่นทจะต่อยลงมาเลยผลักหัวเพื่อนตัวเองออกไป นทเป็นพวกปากแข็งแต่ไม่ยอมรับ ขี้โวยวายแต่ใจอ่อน ส่วนไอ้ไฟไอ้โหดวิศวะคนนั้นก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ทำไมถึงเอาแต่ตาม นท แบบนี้ ก็พอรู้ว่านทมันเป็นคนน่ารัก ง๊องแง๊ง งอแงเหมือนเด็กไม่รู้จักโตที่สำคัญใจดีที่หนึ่ง ใครมาขออะไรก็ช่วยหมด
อย่างตอนไฟมีเรื่องกับฟ้าคราม
ก็ยังเห็นว่าเอาสำลีชุบยาไปทำแผลให้ไฟ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปหาไฟเลยสักคน
แต่ที่ทุกคนรู้ไฟชอบสตางค์…ชอบมานานถึงจะไม่เคยมีใครพูด
รู้ว่าการตัดใจสักคนมันไม่ง่ายถ้าไฟแค่ต้องการใครสักคนคอยปลอบใจในช่วงเวลาที่แย่ เขาก็เป็นห่วงนทอยู่เหมือนกัน
นทกำลังตื่นเต้น..
มือไม้นี่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ทั้งๆ ที่ตอนจะก้าวขาเข้ามาที่บริษัทนี่เตรียมตัวเตรียมใจมาอย่างดีแล้วแท้ๆ ถึงแม้ว่าพี่ๆ ในบริษัทจะส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรแต่ในใจมันก็กลัวอยู่ดี เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นนทเลยลุกขึ้นมานั่งหลังตรงตัวตรงเพราะพี่ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องแล้ว
“คุณนวันธรใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับเรียกผมว่า นท ก็ได้ครับ”
“แล้วนักศึกษาอีกคนล่ะมาพร้อมกันไหม”
“ครับ?”
นทเองก็ไม่เข้าใจคำถามสักเท่าไหร่หรือว่าจะมีนักศึกษาจากมหา’ลัยอื่นมาฝึกงานที่นี่ด้วย แต่เพื่อนร่วมคณะมหา’ลัยเดียวกันนี่ไม่มีแน่นอนเขามั่นใจเช็คมาแล้วยังไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพี่พนักงานคนนึงแต่คนที่เดินตามมาด้านหลังทำให้นทต้องนั่งนิ่ง..
“ผมพาน้องนักศึกษาฝึกงานไปฝ่ายวิศวะมาครับ นี่อัคนี”ตัวจริงเสียงจริง
นทรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวที่จะชื่ออัคนีแต่ไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในชุดนักศึกษาเรียบร้อยในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังยืนมองเขายิ้มๆ และไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจที่เห็นเขานั่งหัวโด่อยู่นี่ เป็นคนเดียวกับที่กวนประสาทเขามาตลอดสามปี
ไฟ เฮดว๊ากวิศวะปีสาม“คุณอยู่มหา’ลัยเดียวกันรู้จักกันไหม”
“ก็พอรู้จักครับ”
“เอาเป็นว่าชื่อแซ่ก็คงรู้จักกันแล้วสินะ เออ..เดี๋ยวอาร์ตามภาคย์ให้พี่หน่อย”
พี่ผู้จัดการอธิบายเกี่ยวกับบริษัทคร่าวๆ ดีที่บริษัทไม่ได้เคร่งครัดอะไรนี่ก็บอกให้เขากับไฟทำตัวสบายๆ โดยเฉพาะไฟที่ต้องไปทำงานนอกสถานที่ให้แต่งตัวอะไรมาก็ได้ ยังไงฝ่ายวิศวะก็ไม่ได้แต่งตัวแบบพนักงานออฟฟิตยู่แล้ว แค่เพียงไม่นานคิดว่าพี่ตัวสูงคงเป็นพี่ภาคย์ก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน
ไม่แก่อย่างที่คิด
หน้าตารูปร่างยังกะนายแบบสูงจนหัวเกือบชนโคมไฟ
“นี่ภาคย์เขาจะดูแล นท ส่วนอัคนี ชื่อไฟใช่ไหมเดี๋ยวไปกับอาร์นะมีเพื่อนอยู่ด้วยจะได้อุ่นใจดูท่าทางนทจะตื่นเต้น”
พี่ผู้จัดการตบๆ ไหล่ให้กำลังใจนทที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้มีการร้องโอ๊ะ..บอกว่าเขามีลักยิ้มสองข้างน่ารักดี พี่อาร์พี่ภาคย์ก็เลยชะโงกหน้ามาดูกันใหญ่ทำเหมือนไม่เคยเจอใครที่มีลักยิ้มมาก่อนพี่ภาคย์เจ้านาย(ในตอนนี้) ไม่ดุด้วยท่าทางใจดี ทุกคนที่นี่อารมณ์ดีไม่เครียดอย่างที่คิดยกเว้น....นักศึกษาฝึกงานจากวิศวะที่นั่งหน้านิ่งทำท่าทางเหมือนกำลังว๊ากน้องที่คณะอยู่
น่ากลัว (เล็กน้อย)“นท”
“ทำไมมึงฝึกงานที่นี่วะ กูเห็นวิศวะเพื่อนมึงไปต่างจังหวัดกันหมด”
“กูไม่บอกมึงหรอกไอ้เด็กหัวสมองช้า”
“นี่กูคุยกับมึงดีๆ นะรู้งี้กูจะบอกพี่ภาคย์ว่าไม่รู้จักมึงน่าจะดีกว่า”
“ก็มึงเป็นซะแบบนี้ แล้วก็ไอ้พี่ภาคย์อะไรนั่น...”
“พี่ภาคย์ห้ามไอ้”
“เออ..พี่ภาคย์”
“พี่ภาคย์ทำไมวะ”
“เคยรู้อะไรบ้างไหมวะเนี่ย ช่างเหอะยังไงกูก็อยู่กับมึงอยู่แล้วมันไม่ง่ายหรอกกูบอกไว้ตรงนี้”
ไฟถอนหายใจเมื่อไอ้เตี้ยลักยิ้มทำหน้า งง ระดับสิบคูณแปดล้านและเขาก็จะไม่อธิบายอะไรด้วยให้มันบื้อๆ ไปอย่างนี้แหละ จะบอกไว้ก่อนแล้วกันว่าที่เขามาฝึกงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเขาตั้งใจ..ตอนแรกจะขึ้นเหนืองลงใต้ออกตกแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจอยู่กรุงเทพตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
ว่าทำไมทันทีที่เห็นชื่อ นท ในรายชื่อนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทนี้
เขาถึงเลือกโดยไม่ลังเล
นท บริหารจะเรียกว่าเพื่อนใหม่ก็ไม่ใช่ เพื่อนกันก็ไม่เชิง สถานะตอนนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันไม่เรียกว่าคนคุยกันเรียกว่าคนตีกันซะมากกว่า ไม่เคยจะได้คุยกันดีๆ เจอหน้าก็ทะเลาะกันทุกประโยคคุยในไลน์ก็เถียงกันจนพิมพ์แทบไม่ทัน
หลังจากเรื่องสตางค์กับไอ้เด็กฟ้าครามจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเป็นที่เรียบร้อย เขาเองก็ไม่ใช่พวกแพ้แล้วพาล เขารู้ตัวว่าควรอยู่ตรงไหน ทำตัวยังไง เขายังคุยกับฟ้าครามเลยว่าเขาเข้าใจและจะไม่เข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ถ้าวันไหนเขาทำอะไรที่มันเกินเลยหรือทำอะไรที่มันไม่เหมาะสมให้ฟ้าครามเตือนสติเขาได้เลย
มันต้องใช้เวลาเขาเองก็รู้ไฟยอมรับว่าชอบสตางค์มานาน และเขาก็เริ่มทำใจ
ตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจบอกความรู้สึกกับสตางค์บางทีมันก็คงต้องถึงเวลาที่...ต้องเริ่มใหม่กับใครสักคนบ้างเหมือนกัน
“น้องนท”
สงสัยคงเพราะทั้งคู่หายตัวนานไปหน่อยภาคย์เลยเดินมาตามถึงหน้าห้องน้ำ นทเลยผละตัวออกมาแต่ข้อมือกลับถูกไฟจับไว้แน่นเลยเงยหน้าขึ้นมาจะถามว่ามีอะไรแต่สายตาไฟไม่ได้มองหน้าเขาเลยมันเลยไปมองที่พี่ภาคย์ ส่วนพี่ภาคย์ก็มองกลับมายิ้มๆ ก็ไม่ได้มีอะไรนะ
“ไฟ”
“ไม่มีไร”
…………….
……………………………………………
“เลี้ยวซ้ายไปจะเป็นฝ่ายบัญชี ส่วนตรงนั้นฝ่ายคอมมีปัญหาอะไรก็ไปเรียกพี่เขาได้”
“แล้วฝ่ายวิศวกรนี่อยู่ไกลจากตึกเราไหมครับ”
“ติดเพื่อนเหรอเรา”
ภาคย์ถามเล่นๆ นึกว่าน้องฝึกงานจะแก้ตัวแต่อีกฝ่ายเล่นไม่ตอบ นทเองก็หัวเราะตามมันก็ต้องป้องกันไว้ก่อนเผื่อเขาทำตัวเซ่อๆ ซ่าๆ ทำอะไรพังขึ้นมาหรือทำงานพลาดจนหัวหน้าอยากฆ่าเขาตายเขาจะได้วิ่งไปหาไอ้ไฟทันอย่างน้อยก็เป็นคนเดียวที่รู้จักในเวลานี้ พี่ภาคย์ชี้ไปตรงตึกถัดไปพร้อมกับบอกว่านั่นล่ะเพื่อนเราอยู่นั่น
โอเคค่อยสบายใจ
หมายถึงก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้วิ่งไปที่ไหน
การทำงานนี่มันไม่ง่ายแตกต่างจากตอนเรียนราวฟ้ากับดินคิดถึงเพื่อนเทวดาวีขึ้นมาทันทีคิดว่ารายนั้นคงไปฝึกงานแบบสบายๆ เอฟวี่ติงไอแคนแน่นอน เลยเวลาพักเที่ยงมาเกือบสิบนาทีแล้วเพราะพี่ภาคย์ติดลูกค้าและเขาก็ไม่กล้าจะลุกไปกินข้าวคนเดียวแคนทีนของบริษัทอยู่ชั้นล่างสุดของตึกเดินไม่ไกลมากเลยคิดว่าไปกินข้าวพร้อมพี่ภาคย์น่าจะดีกว่า
สรุปได้กินข้าวเที่ยงครึ่งดีที่พี่ภาคย์บอกว่าไม่ต้องซีเรียสเข้าเลทได้นิดหน่อย พอมาถึงแคนทีนพี่อาร์คนที่เจอเมื่อเช้าก็เรียกให้มานั่งด้วยกัน แน่นอนว่าไฟก็นั่งอยู่ด้วย บรรดาพวกพี่ๆ มองหน้าพี่ภาคย์แล้วยิ้มยิ่งตอนที่พี่ภาคย์แตะข้อศอกให้เขาเดินมาที่โต๊ะนี้ทุกคนก็ส่งเสียงฮิ้วๆ เหมือนอยู่สมัยประถมที่ชอบส่งเสียงแซ็วเพื่อน
ก็พอรู้นะว่าเรื่องอะไรแต่เขาไม่ได้คิดจริงจัง
คิดว่าพวกพี่เขาคงแค่เล่นๆ
“น้องนทพี่ภาคย์ดูแลดีไหมครับ”
“ครับ ดูแลดีครับ”
“อ้าวไอ้ภาคย์กูฟ้องแฟ…”
“พวกมึงนี่ก็....แกล้งกูตลอดนทอย่าไปฟังพวกมันมาก”
“ขอกูนำเสนอน้องไฟว่าที่วิศวกรของกู มาวันแรกสาวๆ ที่บริษัทเราจ้องตาเป็นมัน”
ไฟยกมือพร้อมกับบอกว่าเวอร์ไปพี่อาร์แต่ก็ดูท่าจะจริงอย่างที่อาร์บอกนทเงยหน้าขึ้นมามองๆ รอบแคนทีนมีพนักงานผู้หญิงบางคนมองมาทางนี้มีการยิ้มกรุ้มกริ่มอีกต่างหาก นี่เขากับไฟก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันสักคำยังไม่ทันจะได้เริ่มพูดไฟก็ลุกขึ้นหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสองแก้ว
“มองอะไรชอบไม่ใช่เหรอ อาจจะไม่อร่อยเท่าร้านพี่กัลป์กินไปก่อนแล้วกัน”
นทมองชาเย็นที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะคว้ามาดูดอึกใหญ่พอได้กินเครื่องดื่มสุดโปรดก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไฟอมยิ้มก่อนจะหยิบมะนาวโซดาของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง
“รู้ป่ะมึง ไอ้วีเพื่อนเทวดากูฝึกงานบริษัทที่อยู่ตรงข้ามมหา’ลัยมันเดินไปซื้อกาแฟที่ร้านพี่กัลป์ได้ทุกวันเหมือนเดิม”
“เดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับไปกินร้านพี่กัลป์ก็ได้พี่เขาไม่ได้ย้ายร้านหนีไปไหนมึงก็เวอร์”
“กูกินชาเย็นสองแก้วกูอ้วนตายพอดี”
“ตอนอยู่มหา’ลัยมึงกินวันละสามแก้วด้วยซ้ำ ไอ้อ้วน”
“มึงจะตีกับกูทุกประโยคเลยใช่ไหมวะ”
“นี่กูกับมึงไม่ได้คุยกันปกติเหรอ”
“กวนตีน”
ไฟเลิกเถียงเพราะเห็นว่าถ้ามัวแต่คุยกันอยู่แบบนี้ข้าวปลาไม่ได้กินกันพอดี เลยพักยกแล้วก้มหน้ากินข้าว อาร์กับภาคย์หันมามองหน้าทั้งสองคนที่ตอนนี้เลิกเถียงแล้วต่างคนต่างกินข้าวมันก็เป็นบทสนทนาธรรมดาทั่วๆ ไปแต่ฟังไปฟังมาก็เหมือนว่าทั้งคู่คุ้นเคยกันมานานทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังทำท่าไม่รู้จักกันแท้ๆ
SODA & ICED TEA
“เหนื่อยไหมวันนี้”
“ไม่เหนื่อยครับ ผมยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย”
“เดี๋ยวอยู่ไปจะให้ทำงานจนหัวหมุนแล้วเรากลับไงพี่ไปส่งไหม”
“เกรงใจครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้”
ภาคย์กำลังจะเอ่ยบอกว่าไม่ต้องเกรงใจแต่แต่อยู่ดีๆ ไฟนักศึกษาฝึกงานฝั่งวิศวะก็เดินเข้ามาหายกมือไหว้ยืนถามไถ่เกี่ยวกับงานวันนี้อยู่สักพักก่อนที่ไฟจะขอตัวกลับภาคย์ยืนมองทั้งคู่เถียงอะไรกันอยู่ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างได้ยินแต่คำว่าพี่กัลป์ๆ แล้วทั้งคู่ก็ขอตัวกลับ เป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยที่ดู งงๆ
“กูไม่นั่งมอเตอร์ไซค์มึงนะ หัวฟู”
“ขามึงเหยียบไม่ถึงมากกว่า”
“ทำไมกูถึงต้องมาเจอกับมึงที่นี่ด้วยวะ”
“แต่กูดีใจนะ”คนที่กำลังเดินเลี้ยวไปอีกทางหยุดชะงักมีการเหล่มองคงรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร นทบริหารเก่งเรื่องแกล้งทำเป็นไม่รู้เวลาที่เขาพูดอะไรทำนองนี้เก่งที่สุด บางครั้งก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยพออีกฝ่ายหยุดเดินไฟก็จัดการลากให้ตามมารถยนต์สีดำที่จอดอยู่
“หัวมึงไม่ฟูแน่นอน”
“กูบอกเหรอว่าจะกลับกับมึง”
“อย่าเล่นตัวแก่แล้ว”
“กูไม่อยากไปกับมึงเพราะแบบนี้แหละ กูกลับเอง”
“กูบอกแล้วไงว่าจะแวะไปร้านพี่กัลป์..”
ยังไม่ทันจะพูดจบไอ้คนที่ตอนแรกไม่ยอมขึ้นก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเรียบร้อย ซื้อได้ด้วยของกินจริงๆ ตอนแรกก็แกล้งพูดไปงั้นแต่มาแบบนี้สงสัยคงต้องแวะไปที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ก่อนกลับบ้านพอขึ้นมาบนรถไฟเลยต้องหาเรื่องคุยสักหน่อยเดี๋ยวมันจะเงียบเกินไป
“ฝึกงานเป็นไง”
“ก็ดี ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรมึงอ่ะโดนพี่ผู้หญิงจีบไปกี่คน”
“คิดแต่เรื่องนี้นะมึงกูไม่สนใจใครทั้งนั้น”
“เพราะสตางค์เหรอ”
“..............................................................”
“ไม่ขอโทษหรอกนะ ตั้งใจถาม”
ถามตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดไฟยอมรับว่าสตางค์เป็นแค่ส่วนนึงจะให้ปุบปับแล้วลืมไปเลยมันก็คงไม่ได้ ระดับไฟวิศวะเฮดว๊ากสุดโหดแต่หล่อมากหน้าตาดีขนาดนี้มีคนเข้ามาหาไม่เว้นวันอยู่แล้วหลังจากเรื่องสตางค์กับฟ้าครามเขาไม่ได้คุยกับใครที่ไหนอีกมีอยู่คนเดียวที่เขาเป็นฝ่ายชวนคุย
ไอ้คนที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตอนนี้
“นี่จะกินชาเย็นร้านพี่กัลป์อีกแก้วจริงดิ”
“มึงเปลี่ยนเรื่อง”
“มึงทำออกจะบ่อย”
“กูจะกินถึงอ้วนกูก็จะกิน”
“นท ตอนนี้กูมีแค่มึงนะ”“ชาเย็นร้านพี่กัลป์อร่อยที่สุดในโลกแล้วเว้ย เหมือนกูกับมึงคุยกันคนละเรื่องแต่เสือกเข้าใจ”
ไฟแค่อมยิ้มไม่ได้ตอบรับอะไรต่อแต่คิดว่ามันก็ดีมากแล้ว เขาจะรอให้มันค่อยเป็นค่อยไปไฟบอกตัวเองไว้ตลอดว่าเขาจะไม่เอานทเข้ามาเพื่อลืมสตางค์เราจะเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ถึงการคุยของเรานั่นคือการเถียงทุกประโยคก็ตามแต่คิดว่ามันก็มีความสุขดี คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเวลาเราสองคนพูดกันเพราะๆ มันเป็นแบบไหนคงตลกน่าดู
ฝึกงานมาสองสามอาทิตย์...
รู้สึกตัวเองเติบโตขึ้นเยอะ นทได้เรียนรู้จากพี่ๆ ที่บริษัทหลายอย่างโดยพาะพี่ภาคย์ พี่ภาคย์ทำงานเก่งมากเก่งจนเขาเองยังยกให้เป็นไอดอล อาทิตย์ก่อนมีปัญหาใหญ่แต่พี่ภาคย์สามารถแก้ปัญหาได้หมดทุกอย่างแทบจะเอาพวงมาลัยไปถวายเก่งกว่าอเวนเจอร์อีกแน่นอนยืนยัน..ส่วนเรื่องไฟพี่ภาคย์เคยถามตรงๆ ว่าเขากับไฟเป็นอะไรกัน
“เพื่อนที่มหา’ลัยครับ”
“เพื่อนที่คุยกันอยู่ทำนองนั้น พี่พูดถูกใช่ไหม”คิดว่าพี่ภาคย์รู้อยู่แล้วแต่แกล้งถามไปงั้นจำได้ว่าพี่ภาคย์หัวเราะเสียงดังพร้อมกับบอกว่าเพื่อนเราโคตรโหดเวลาที่มองพี่ทีเหมือนจะเข้ามากระชากคอเสื้อให้มันรู้แล้วรู้รอด พอได้ยินแบบนั้น นท ก็เลยไม่กล้าแก้ตัวอะไรพี่ภาคย์เลยบอกอีกอย่างที่เขาแซ็วๆ กันก็อย่าไปสนใจมันแซ็วอย่างนี้กับทุกคนที่เข้ามาใหม่ในบริษัท
แถมพี่ภาคย์บอกว่าตัวเองมีแฟนแล้วเป็นคุณหมอ
มิน่าล่ะ พี่เขาถึงไปโรงพยาบาลบ่อยๆ นึกว่าป่วย
ส่วนไฟ...เจอบ้างไม่ค่อยได้เจอบ้างไฟต้องออกไปทำงานข้างนอกตลอด กลับมาทีก็มอมแมมคงไปกลิ้งวัดพื้นวัดถนนมาแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเจอกันที่ร้านกาแฟพี่กัลป์เหมือนเดิมทุกวัน มันคงเป็นความเคยชินไปแล้วถ้าไม่ได้กินชาเย็นร้านพี่กัลป์เขาคงนอนไม่หลับ บอกตามตรงสถานะระหว่างเขากับไฟมันเรียกว่าอะไร ยัง งง ตัวเองไม่คิดไอ้คนที่ไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่ปีหนึ่งจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ พอได้คุยกันใช้เวลาอยู่ด้วยกันมันทำให้เห็นอะไรหลายๆ อย่างไฟไม่ได้มีแค่ความโหดอย่างเดียว มีมุมหลายมุมที่เขาเพิ่งเคยเห็น อย่างน้อยก็ชอบดูแลคนอื่นอยู่กับมันเหมือนคุณชายเลยทำให้ทุกอย่างไม่ต้องกระดิกตัวไปไหนมันคงไม่แปลกที่เขาจะหวั่นไหวเหมือนกัน
แต่มันก็ยังมีเรื่องที่เขายังไม่แน่ใจ
แน่นอนว่ามันก็คงไม่พ้นเรื่องสตางค์...เป็นใครก็คงคาใจเรื่องนี้
เขาชอบของเขามาตั้งนานมันก็กลัวว่าเขาจะไม่ยอมลืม
“ติดต่อไฟไม่ได้เหรอ นท”
กัลป์เห็นนทกดโทรศัพท์ย้ำๆ อยู่อย่างนั้นตอนแรกเห็น นท มานั่งที่ร้านเป็นเรื่องปกติเพราะเห็นมาทุกเย็น แต่วันนี้ท่าทางจะเกิดเรื่องขึ้นเพราะทุกทีจะเห็นไฟตามมาทีหลังแต่ตอนนี้ใกล้จะปิดร้านแล้วก็ยังไม่เห็นไฟเดินเข้ามาในร้านสักที ฝนก็ตกหนักด้วย นทเองก็ส่ายหน้าเพราะในไลน์ไฟก็ไม่ได้ตอบ โทรไปก็เหมือนปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นรึเปล่า
“พี่กัลป์จะปิดร้านหรือยังครับ”
นทถามขึ้นเพราะเห็นว่าพี่กัลป์เริ่มเก็ของที่ร้านแล้ว แต่พี่กัลป์ก็บอกให้นั่งรอได้ยังไงฝนตกหนักขนาดนี้คงกลับบ้านลำบาก ชาเย็นและน้ำมะนาวโซดาตรงหน้าละลายจนหยดน้ำหยดลงบนพื้น นทนั่งมองมันอยู่อย่างนั้นเพราะเขาไม่รู้จะทำอะไรได้อีกเสียงกระดิ่งหน้าร้านที่ดังขึ้นทำให้นทหันไปมอง
ไฟ ในชุดที่เปื้อนไปด้วยคราบดำๆ ผมเปียกจนแนบไปกับใบหน้า
หยดน้ำฝนหยดลงพื้นจนกัลป์ต้องยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้ซับ
“นท”
“..........................................................”
“ขอโทษที่ไม่ได้ตอบไลน์ โทรศัพท์แบตหมดพอดีสตางค์โทรมาบอกว่ารถเสีย ฟ้าครามติดเรียนกูเลยไปดูให้ซ่อมอยู่นานสุดท้ายก็ซ่อมไม่ได้ ต้องรอช่างมาลากแล้วตรงนั้นมันเปลี่ยวก็เลยยืนรอเป็นเพื่อนฝนตกหนักอีกนี่รีบไปส่งสตางค์ที่บ้านแล้วรีบมาที่นี่เลย รอนานมากไหม”
“..........................................................”
ไฟตั้งใจจะยื่นมือไปจับข้อมืออีกฝ่ายไว้
แต่นทเป็นฝ่ายที่ก้าวถอยหลังหนีจากการสัมผัส
“กูนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึง มึงหายไปเลยกลัวว่ามึงจะขับรถชนหรือเกิดอะไรขึ้นตอนมึงไปทำงานข้างนอก กูเกือบจะโทรหาพี่อาร์แล้วด้วยซ้ำว่ามึงเป็นอะไรรึเปล่า”
“นท คือสตางค์โทรหากูกูคิดว่ามันซ่อมแปบเดียว รถสตางค์มันเป็นแบบนี้บ่อย”
“..........................................................”
“นท”
“..........................................................”
“ไฟถ้ามึงยังชอบสตางค์หรือมึงยังลืมเขาไม่ได้มึงทำกับกูเหมือนเพื่อนคนนึงหรือแค่คนรู้จักกันก็พอ”“..........................................................”
นทกลับบ้านไปแล้ววีเป็นคนมารับใจจริงอยากจะคุยกับนทให้มันรู้เรื่องแต่เขารู้อารมณ์ตัวเองดี
เขาเป็นคนใจร้อน กลัวว่าถ้ายิ่งคุยจะกลายเป็นการทะเลาะกันมากกว่านี้
“ตอนนี้นทอาจจะโกรธพี่เห็นมานั่งรอเราตั้งแต่เย็นแล้ว รอให้อารมณ์ดีกว่านี้หน่อยแล้วค่อยไปคุย”
กัลป์บอกให้ไฟนั่งอยู่ที่ร้านก่อนเพราะเห็นว่าทำท่าลังเลว่าจะวิ่งตามนทไปดีไหม สุดท้ายไฟก็นั่งลงพร้อมกับถอนหายใจเขารู้เขาเองก็ทำไม่ถูกอย่างน้อยเขาควรจะบอกให้ นท รู้ไม่ใช่ปล่อยให้รอจนถึงป่านนี้
“พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ครับ”
“เรายังชอบสตางค์อยู่เหรอ”
“ผมยอมรับนะพี่มันก็มีบ้างที่คิดถึง แต่ไม่เท่าเมื่อก่อนตอนนี้ผมกับสตางค์เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นท เป็นคนเดียวที่ผมคุยด้วย ผมไม่มีใครคนอื่นเลย ยิ่งเราอยู่ด้วยกันทุกวันคุยกันทุกวันมันยิ่งใช่ว่ะพี่”
“..........................................................”
“แม่งเป็นคนเดียวที่กวนตีนผมแล้วผมมองว่ามันน่ารัก”
“เราก็มุมมนี้เหมือนกันเนอะเห็นโหดๆ มาตั้งแต่ปีหนึ่ง”
“เรื่องความรักผมอ่อนแอนะจะร้องไห้แล้วเนี่ย”
กัลป์หัวเราะเพราะท่าทางหงอยๆ มันไม่เข้ากับไฟเลยสักนิดกะจะปล่อยให้นั่งสงบสติอารมณ์สักพักแต่ตาก็เหลือบไปเห็นว่ามือซ้ายของไฟมีแผลถลอกอยู่เลยลุกขึ้นไปหยิบพลาสเตอร์มาให้ปิดแผลชั่วคราวไว้ก่อน แต่พอกัลป์ยื่นพลาสเตอร์ให้ ไฟกลับหยุดชะงักแล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกัลป์ต้องถามว่าเป็นอะไร
“พี่กัลป์รู้ไหมผมเจอนทไอ้เตี้ยที่มีลักยิ้มสองข้างที่นี่”
“ร้านกาแฟพี่? ”
“ร้านกาแฟพี่กัลป์นี่แหละครับ”ไฟจำได้เพราะว่าวันนั้นตอนอยู่ปีหนึ่งเป็นวันที่เขาเองก็ลืมไม่ลงเช่นกันที่จำได้ไม่ใช่เพราะนทหรอกแต่เป็นวันแรกที่โดนรุ่นพี่ต่อยเหตุผลน่ะเหรอรุ่นพี่บอกว่าเขาหน้าตากวนตีนเวลาถามอะไรก็ตอบแบบไม่เต็มใจเลยโดนซัดมาสองหมัด ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหรุ่นพี่เลยสักนิดแต่บุคลิกเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
เขาไม่ได้โกรธรุ่นพี่
คิดว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปอธิบายแล้วขอโทษ
วันนั้นยังไม่อยากกลับบ้านเพราะกลัวว่าแม่จะเห็นแผลเลยมานั่งที่ร้านกาแฟพี่กัลป์ พยายามก้มหน้าหลบบรรดานักศึกษาในร้านพอนั่งลงที่โต๊ะไม่ถึงสิบนาทีก็มีบางอย่างยื่นมาตรงหน้าพอหันไปมองก็เห็นเป็นคนตัวเล็ก (เตี้ยเลยล่ะ) จริงๆ ก็คงไม่เตี้ยแต่สำหรับเขาที่สูง183 ต่ำกว่า 180 ก็ถือว่าเตี้ยหมด คนตัวเล็กยื่นพาสเตอร์ลายเบนเทนสีเขียวมาให้พร้อมกับชี้ที่มุมปาก
ตอนนี้ไฟบอกได้เลยว่า หน้าเขานิ่งมาก นิ่งชนิดที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยด้วยแน่นอนแต่ไอ้เตี้ยนี่ดูจะไม่กลัวเขาเลยสักนิดแถมยังใจดีให้พลาสเตอร์ลายตัวการ์ตูนเขียวอี๋นี่อีกต่างหาก ไฟไม่ได้พูดอะไรแค่เอื้อมมือไปรับมาถือไว้เขาไม่คิดจะติดหรอกนะลายเด็กอนุบาลขนาดนี้
ตั้งใจจะเอ่ยขอบใจใครก็ไม่รู้ไม่รู้จัก
แต่พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มลงทั้งสองข้าง ไฟก็เลือกที่จะเงียบ
ไอ้เตี้ยมีลักยิ้มสองข้าง..“ทำไมตอนนั้นไม่ตกหลุมรัก นท ล่ะซีนนิยายมาก”
“มันเป็นแค่ความประทับใจเองพี่ ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำนึกขึ้นได้ตอนที่นทมาทำแผลให้ผมตอนมีเรื่องกับฟ้าคราม ไอ้พลาสเตอร์เบนเทนยังอยู่ในลิ้นชักที่บ้านผมอยู่เลย โยนไว้ตั้งแต่ตอนนั้น”
ลายมันเด็กเกินไปใครจะไปกล้าติดเขียวอี๋ซะจนน่ากลัว เสียงไอ้แพทผู้ช่วยตะโกนถามว่าจะทำอะไรอีกไหมเพราะจะเก็บของแล้วกัลป์มองไปยังมะนาวโซดาที่วางอยู่ตรงหน้าไฟพร้อมกับถามว่าจะให้ทำให้ใหม่รึเปล่าเพราะแก้วนี้ นท สั่งไว้ให้นานแล้วแต่ไฟส่ายหน้าพร้อมกับหยิบแก้วมะนาวโซดาที่คิดว่าตอนนี้คงจะจืดเหมือนน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
“ผมจะกินแก้วนี้แหละ พี่กัลป์ไม่ต้องชงใหม่แล้ว”กัลป์ไม่รู้ว่าเฮดว๊ากวิศวะสุดโหดตั้งใจจะสื่ออะไร
แต่คิดว่าต่อให้น้ำมะนาวโซดาแก้วนี้น้ำแข็งละลายจนแทบไม่มีรสชาติไฟก็ยังคงจะดื่มมัน
SODA & ICED TEA
นทใจแข็งมาก
ไลน์ไปไม่ตอบ โทรไปไม่รับ ไปหาที่หน้าบ้านก็ไม่ยอมลงมาหา เจอที่บริษัทก็เอาแต่เดินหนี ดีที่วันนี้ไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอกขนาดพี่อาร์ยังถามว่าเล่นไล่จับกันเหรอไงหนีกันข้ามตึกเป็นหนังอินเดียเลย ตอนพักกลางวันนั่งโต๊ะเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำนทเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน
“ไฟ ว่างเปล่าวะไปช่วยเช็คของในโรงงานหน่อย”
“ได้ครับ”
อย่างน้อยมีอะไรให้ทำบ้างก็ดีไม่งั้นฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้แน่ๆ
.....................................
.....................................................................
..............................................................................................