ลงเรื่อย ๆ เรื่องนี้มี 8 ตอนจบ อาจจะสั้น แต่ตอนพิเศษ เพียบ --. (ถนัดเขียนเป็นตอน ๆ จบก็งี้ล่ะค่ะ)----------------------
Chp.5
เวลา 16.30 น. ของวันเดียวกันนั้น…
ยูยะนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเซ็ง ๆ กว่าจิมมี่จะกลับมาก็คงราว ๆ ห้าโมงเย็น เพราะวันนี้หมอนั่นมีซ้อมจับเวลาของชมรมกรีฑาที่เจ้าตัวเป็นสมาชิกอยู่
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เขาลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมชั้นล่าง แต่ก็ยังไม่พบว่าจะมีใครกลับมาสักคน เจ้าตัวจึงเดินออกไปเรื่อยเปื่อย ผ่านหอพักของพวก ม.4 และ ม.6 ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ ติด ๆ กัน ไปจนกระทั่งถึงสวนพักผ่อนริมสระน้ำ ซึ่งจัดไว้สำหรับเด็กหอ Z โดยเฉพาะ
ยูยะมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ เด็กทั้งหอ จะพร้อมใจกันทำกิจกรรม ไม่ก็ติดงาน ติดธุระบางอย่าง จึงไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเลยแม้แต่คนเดียว เด็กหนุ่มเลือกนั่งบนม้านั่งยาวริมสระน้ำ พลางมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอยอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่ง…
อ้อมกอดแผ่วเบานุ่มนวลจากเบื้องหลังที่จู่ ๆ ก็โผล่มาโอบกระชับรัดร่างของเขา ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มอันแสนคุ้นเคย จะกระซิบค่อย ๆ ที่ข้างใบหูนั้นอย่างอ่อนโยน
“ยังไม่หายดีแล้วออกมานั่งที่นี่คนเดียวทำไมกันล่ะหือ …นาโอกิ”
“อะ..อาจารย์”
ยูยะพูดขึ้นตะกุกตะกัก พยายามเบี่ยงตัวหนีจากอ้อมกอดนั้นทันทีหากแต่อีกฝ่ายยังคงกอดแน่นอยู่เช่นนั้นไม่ยอมปล่อย
“อาจารย์…ปล่อยเถิดครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
แต่มอร์เฟียซก็ไม่ยอมฟัง แถมยังก้มหน้าลงซุกไซ้ ที่ซอกคอขาวนั้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะขบเม้มแรง ๆ ลงไปครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เรียกเสียงครางเบา ๆ จากร่างเล็กได้ทันที จากนั้นชายหนุ่มจึงยอมคลายอ้อมแขนของตน และขยับกายมายืนที่เบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม ซึ่งบัดนี้มีสีหน้าแดงระเรื่อทีเดียว
… บ้าชะมัด! ทำไมถึงเผลอเคลิ้มตามไปได้นะ ต้องเป็นเพราะความฝันเมื่อเช้าแน่ ๆ …
“ยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะนาโอกิ ทำไมถึงมานั่งอยู่ที่นี่กันล่ะ”
เด็กหนุ่มก้มหน้าอึกอัก พยายามหลบสายตาคมกริบของคนตรงหน้า หากแต่ว่ามอร์เฟียซก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นได้ ชายหนุ่มทรุดนั่งลงคุกเข่าให้สายตาเสมอกับอีกฝ่าย
“รู้ไหมว่าเธอทำให้ฉันเป็นห่วงจนไม่เป็นอันจะสอนเลยนะ เรื่องที่เธอไม่มาโรงเรียนในวันนี้ ตกลงเป็นยังไงกันแน่ หายดีแล้วหรือยัง”
ยูยะหลุบเปลือกตาลงต่ำ เจ้าความฝันเมื่อคืนมันยังคอยตามมาหลอกหลอนเขาไม่เลิก และยิ่งอยู่ต่อหน้ามอร์เฟียซ คาเตอร์ตัวจริงแบบนี้ มันยิ่งทำให้ความคิดของเขาฟุ้งซ่านหนักยิ่งขึ้นไปใหญ่
เด็กหนุ่มยังคงไม่ยอมตอบ แถมยังไม่ยอมสบตาของอีกฝ่ายตรง ๆ เช่นเคย การกระทำเช่นนั้น ทำให้มอร์เฟียซยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พลางประกบริม ฝีปากของอีกฝ่ายแรง ๆ เป็นการลงโทษที่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้ความร่วมมือเวลาที่เขาต้องการคำตอบ
“อื้ม..อาจารย์ เดี๋ยว อืม…” ริมฝีปากที่เป็นอิสระพอที่จะประท้วงได้ชั่วครู่ ถูกกดทับปิดลงไปใหม่อีกครั้ง คราวนี้ร่างสูงค่อย ๆ ยันกายขึ้น มือข้างหนึ่งดันพนักพิงเก้าอี้ ส่วนมืออีกข้างช้อนที่ใต้ศีรษะอีกฝ่าย เพื่อรองรับการรุกรานอย่างเร่าร้อนจากริมฝีปากของเขา
และก่อนที่ร่างตรงหน้าจะอ่อนระทวยเลื่อนลงไปกองกับพื้นด้าน ล่าง อ้อมแขนแข็งแกร่งก็ช่วยโอบประคองเอาไว้ได้ทันท่วงที
ร่างสูงใหญ่จัดการอุ้มร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งบนตักของเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเริ่มต้นการจูบที่แสนหวานอีกครั้ง โดยคราวนี้อีกฝ่ายยอมให้ความร่วมมือโดยไม่อิดออดเช่นก่อนหน้า
“อืม…อาจารย์….”
ยูยะครางออกมาเบา ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนชื้นเลื่อนลงมาขบเม้มอ้อยอิ่งที่แอ่งชีพจรของเขา
“เวลาแบบนี้ เรียกชื่อฉันสิ …นาโอกิ”
น้ำเสียงแหบพร่าออกคำสั่ง พร้อมกับทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออกจนหมดสิ้น ยูยะแหงนหน้าไปด้านหลัง พลางร้องครางออกมา ดัง ๆ เมื่อหน้าอกขาวเนียน ตอนนี้กำลังถูกไล้เลีย ด้วยเรียวลิ้นอุ่นชื้นจนทั่ว
“อา…..มอร์เฟียซ”
และขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่อาจารย์หนุ่มบรรจงมอบให้ เขาก็ต้องพบกับความแปลกใจเป็นที่สุด เมื่ออยู่ดี ๆ อีกฝ่ายก็หยุดการกระทำทั้งสิ้นทั้งปวงลงทันที แถมยังช่วยติดกระดุมเสื้อคืนให้กับเขา แล้วจัดการดูแลความเรียบร้อยให้กับร่างบนตักอีกครั้งหนึ่ง
“…มอร์เฟียซ…ทำไม” ยูยะเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างนึกขัดใจ สัมผัสอันรัญจวนนั้นยังคงอยู่ในความรู้สึกเขาอย่างไม่จางหาย
“เธอกลับห้องของเธอไปดีกว่านะนาโอกิ มานั่งตากลมแบบนี้เดี๋ยวไข้กลับพอดี”
คำพูดตัดบทนั้นทำเอาเด็กหนุ่มแทบคลั่ง หมอนี่จะเอายังไงกันแน่
อยู่ดี ๆ ก็มาปลุกอารมณ์ให้เขา … ค้าง …แล้วก็คิดจะตัดบทหนีเอาเสียดื้อ ๆ อย่างนี้น่ะหรือ
“หรืออยากให้ทำต่อล่ะ?”
คำพูดต่อมาของชายหนุ่ม ทำให้นาโอกิ ยูยะ ฉุนจัด เจ้าตัวดันกายลุกขึ้นจากตักของอีกฝ่าย ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความฉุนเฉียว ที่ตัวเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะอะไร
“ไม่ต้อง! ผมจะกลับล่ะ!!”
อาจารย์หนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินลงส้นไปด้วยความโกรธอย่างนึกขำพลางคิดในใจ
... จะรุกคนอย่างนาโอกิ ยูยะ มันต้องเล่นวิธีนี้แหละนะ…
มอร์เฟียซ คาเตอร์ เคยดำเนินการผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง จนทำให้เขาเกือบจะเสียความไว้วางใจของร่างเล็กตรงหน้านี้ไป หากแต่คราวนี้มันจะไม่เป็นอย่างเดิมอีกแล้ว ชายหนุ่มมั่นใจว่า อีกไม่นานหรอก เด็กหนุ่มต้องเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาหา และขอร้องให้เขามอบความรักให้ ในไม่ช้านี้แน่นอน…
กลางดึกคืนนั้นเอง..
“อ๊าก!!!!!! ม่าย!!!!!!!!”
เสียงตะโกนโหยหวน ที่ดังขึ้นลั่นหอ ทำเอาทุกคนสะดุ้งตื่นแทบทันทีแล้วต่างพากันวิ่งออกมานอกห้อง เพื่อมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“อะไรน่ะ! เมื่อครู่นี้! นั่นมันเสียงยูยะไม่ใช่หรือไง!!”
จิมมี่วิ่งพรวดพราดออกมาอย่างตกใจ เด็กผู้ชายทุกคนในที่นั้น ต่างหันมามองหน้ากัน ก่อนจะยกโขยงตรงไปที่ห้องของยูยะ พลางทุบประตูเรียกเจ้าของห้องดังลั่น
“ยูยะ! ยูยะ! เป็นอะไรไปหรือเปล่า! เฮ้! ตอบด้วยสิ!”
เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบ และขณะที่ทุกคนลงความเห็นว่าจะช่วยกันพังประตูเข้าไปนั้น เสียงลูกบิดประตูห้องก็เปิดขึ้นเบา ๆ พร้อมกับร่างเล็ก ๆ ที่บัดนี้มีใบหน้าซีดเผือด เดินก้าวออกมา
“โฮ!!! จิมมี่”
ทุกคนตกตะลึง ที่อยู่ดี ๆ นาโอกิ ยูยะ ก็โผเข้ากอดเด็กหนุ่มผมแดง พลางร้องไห้โฮลั่นเหมือนเด็ก ๆ จิมมี่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นการปลอบ
“เป็นอะไรยูยะ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”
ยูยะซึ่งบัดนี้เริ่มที่จะสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว เขาสะอื้นเบา ๆ พลางมองไปรอบ ๆ เห็นเพื่อน ๆ ทุกคนมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงระคนสงสัย เด็กหนุ่มอึกอักไม่กล้าสบตาใครสักคน ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา
“ขะ …ขอโทษ ทุกคน ฉันแค่ฝันร้ายไปหน่อยเท่านั้นเอง ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง …เอ่อ กลับไปนอนกันเถอะ ฉันจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”
ทว่า จิมมี่ยังคงสงสัยไม่หาย ฝันร้ายแบบไหนกัน ที่ทำให้ นาโอกิ ยูยะ เพื่อนรักของเขาถึงกับร้องไห้โฮออกมาแบบนั้น
“ยูยะ บอกหน่อยได้ไหมว่าฝันอะไร”
ยูยะหน้าแดงก่ำทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ตอบอุบอิบ ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
“ขะ ขอโทษนะ..พอตื่นมามันก็ลืมไปหมดแล้ว...ระ รู้ อยู่อย่างเดียวว่ามันเลวร้ายเอามาก ๆ เลย…คือ พวกนายกลับไปนอนกันเถอะ …ขอโทษอีกครั้ง ที่ทำให้เดือดร้อน”
เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวตัดบท ไม่ยอมพูดต่อ ทุกคนเลยหันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้ารับรู้เบา ๆ แล้วจึงแยกย้ายกันกลับไปนอน โดยที่ยูยะรีบปิดห้อง ก่อนจะฟุบหน้าลงบนเตียงของตนทันที
… บ้าชะมัด! บ้าที่สุด! ฝันแบบนั้นไปได้ยังไงกัน ฝันว่า …
อีกครั้งที่ใบหน้าหวาน ๆ เริ่มแดงระเรื่อไปทั่ว ความฝันที่เลยเถิดไปได้ถึงขนาดนั้น ทุกอย่างมันเกิดจากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นนั่นทีเดียว ฝีมือของมอร์เฟียซ คาเตอร์ เจ้าซาตานในคราบเทพบุตร นั่นแหละ!!!
และแล้วคืนนั้นทั้งคืน ยูยะก็ไม่ได้นอนอีกเลย เพราะกลัวว่า หากเผลอหลับไปเมื่อไหร่ เจ้าซาตานร้ายนั่น จะกลับมาหาเขาในฝันอีก แถมที่เลวร้ายไปยิ่งกว่านั้น ตัวเขาในความฝัน ยังตอบสนองเจ้าปีศาจบ้ากามนั่นเป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะฉะนั้นคืนนี้ ต่อให้ง่วงนอนขนาดไหน เขาก็จะถ่างตาตื่นมันทั้งคืนแบบนี้ล่ะ!!
“ฮ้าววววววว!!”
เสียงหาวยาวดังมาจากเด็กหนุ่มที่เงยหน้าจากการสัปหงก ก่อนที่จะฟุบหลับไปอีกครั้ง โดยที่ อลัน วิลเลียม ได้แต่มองตาปริบ ๆ พูดอะไรไม่ออก
“อาจารย์ครับ คือเมื่อคืนนี้ยูยะตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะฝันร้ายน่ะครับ ดูท่าฝันจะน่ากลัวมาก เลยทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน อีกอย่างเขาก็เพิ่งจะหายป่วยด้วย อาจารย์อย่าว่าเขาเลยนะครับ”
จิมมี่ ชไนเดอร์ ทำเสียงวิงวอน ขอร้องแทนเพื่อนรัก คนอื่น ๆ ในห้องก็ช่วยกันสนับสนุน ซึ่งอาจารย์หนุ่มผู้ถูกเรียกว่าเป็นพ่อพระของเด็ก ๆ ก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกขัดตาไปบ้าง ที่มีเด็กนักเรียนนอนหลับในชั่วโมงเรียนของตนก็ตามที
“เอ่อ…ครูว่า ใครก็ได้พาเพื่อนเธอไปนอนพักที่ห้องพยาบาลดีกว่า ไม่ได้นอนทั้งคืนแบบนี้ ถึงตื่นมาก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นล่ะ”
อลันออกความเห็นเมื่อสังเกตว่า คนที่นอนหลับลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นพัก ๆ ก่อนจะฟุบลงไปโขกกับโต๊ะ 2 – 3 หนแล้ว
“ผมพาไปเองครับ!” จิมมี่ยกมืออาสา ก่อนจะตรงไปสะกิดเพื่อนสนิทของเขาให้ตื่นขึ้น
“ยูยะ ..ยูยะ ไหวหรือเปล่า ตื่นแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไปนอนต่อที่ห้องพยาบาลแทน”
ยูยะลืมตาเบลอ ๆ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ จิมมี่ เดินประคองเด็กหนุ่มไปด้วยกันอย่างไม่ลำบากมากนัก ทั้งนี้เพราะว่ายูยะตัวเล็กกว่าเขามากนั่นเอง
มอร์เฟียซ คาเตอร์ ที่กำลังเดินออกมาจากห้องทำงานของตน ถึงกับหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างสองร่างที่ประคองกันเดินมาตามระเบียง
“เกิดอะไรขึ้น ชไนเดอร์! นาโอกิ เป็นอะไรงั้นหรือ!”
อาจารย์หนุ่มจ้ำพรวดเดียวก็มาถึงเด็กทั้งสอง จิมมี่ยืนอึ้งอ้าปากค้าง ส่วนยูยะฟุบหลับลึกอยู่ตรงไหล่ของเขา
“คะ..คือ ยูยะ ไม่ค่อยสบายครับ คือ…เขานอนไม่ค่อยพอ ผมกำลังจะพาไปห้องพยาบาล”
มอร์เฟียซมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ที่มองใบหน้าหวาน ๆ ที่หลับสนิทนั้น เขาคว้าร่างเล็กมาจากอีกฝ่าย ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นแนบอก
“เธอกลับไปเรียนได้แล้ว ฉันจะพาเขาไปเอง”
แล้วก็ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสซักถาม หรือปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น โดยชายหนุ่ม เดินอุ้มร่างบอบบางในอ้อมแขนตรงไปยังห้องพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้จิมมี่ยืนตกตะลึงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง อยู่บนทางเดินตามลำพัง
“อ้าว มอร์เฟียซ เกิดอะไรขึ้นคะ เอ๋? เด็กนั่น นาโอกิ ยูยะ ม. 5 / Z ใช่ไหมคะเนี่ย”
หญิงสาว ผมทอง นัยน์ตาสีฟ้า ซึ่งเป็นอาจารย์สาวสวยประจำห้องพยาบาล กล่าวทักขึ้น มอร์เฟียซยิ้มเก้อ ๆ ตอบรับ เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นห่วงเด็กหนุ่ม จนเผลอตัวทำแบบนี้เข้าต่อหน้าคนอื่นได้ แถมอีกฝ่ายยังเป็นอาจารย์ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกันมา อย่าง เคธี่ มิลเลอร์ อีกด้วย
“เขาเป็นอะไร งั้นหรือคะ”
หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม ซึ่งนั่นก็ล้วนอยู่ในสายตาของอาจารย์สาวตลอดเวลา
“เห็นบอกว่านอนไม่พอ … แล้วก็อ่อนเพลียน่ะ”
มอร์เฟียซอ้อมแอ้มตอบโดยไม่ยอมมองตา ซึ่งนั่นก็ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับหญิงสาวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“แปลก..” เคธี่ พึมพำออกมาเบา ๆ ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองเธอทันที
“อะไรแปลก เด็กนี่เป็นอะไรนอกจากนี้ยังงั้นหรือ”
น้ำเสียงนั้นแฝงแววตระหนกจนเห็นได้ชัด เคธี่เบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ที่ฉันบอกว่าแปลกน่ะ หมายถึงคุณต่างหากมอร์เฟียซ ฉันแปลกใจที่ร้อยวันพันปี ไม่เห็นคุณจะเอาใจใส่เด็กนักเรียนคนไหนเป็นพิเศษมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกนะ ที่ฉันเห็นคุณอุ้มนักเรียนหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องพยาบาลแบบนี้ …เด็กคนนี้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือคะ”
กระแสเสียงหยอกเย้า หากคำพูดยิงเข้าประเด็นตรงจุด มอร์เฟียซ พึมพำเบา ๆ กับตัวเองอย่างหงุดหงิด เคธี่ มิลเลอร์ สมกับเป็นคนที่เขาไม่อยากยุ่งด้วยเป็นอันดับ 2 ของอีเดนแห่งนี้เลยจริง ๆ
“น่าเสียดาย…ถ้าชางอยู่ด้วย คงจะสรุปได้ดีกว่าฉันเยอะ”
หญิงสาวเอ่ยยิ้ม ๆ แค่ท่าทางของคนตรงหน้าก็คาดเดาได้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร… ยังไงก็คบเป็นเพื่อนรู้ใจกันมาเกือบสิบกว่าปีแล้วนี่นา
“อย่าพูดถึงหมอนั่นได้ไหม เคธี่ ได้ยินชื่อหมอนั่นทีไร ผมพาลจะประสาทกินทุกที”
มอร์เฟียซกระแทกเสียงใส่ รู้สึกเสียหน้าที่โดนอ่านความในใจได้ทะลุปรุโปร่งแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยามปกติแล้ว คนที่ชอบอ่านความรู้สึกคนอื่น มักจะเป็นฝ่ายเขาเสียมากกว่า
“หึ ๆ ค่ะ ไม่พูดก็ไม่พูด ว่าแต่คุณเถอะมอร์เฟียซ มีสอนเช้าไม่ใช่หรือคะ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะดูแลเขาเอง”
มอร์เฟียซอยากจะอยู่เฝ้าดูอาการของยูยะอีกสักพัก หากแต่เมื่อเห็นหญิงสาวยืนยันเช่นนั้น ก็ทำให้เขาจำต้องออกมาจากห้องพยาบาลด้วยความไม่เต็มใจนัก
“ลี ชาง อยากให้คุณมาเห็นมอร์เฟียซ คาเตอร์ ตอนนี้จริง ๆ เลย ให้ตายสิ!”
เคธี่ มิลเลอร์ กล่าวกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความขบขัน ก่อนจะลากเก้าอี้ไปนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ เด็กหนุ่มคนพิเศษของเพื่อนชายคนสนิท พร้อมกับจ้องมองร่างที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างเอ็นดู
… อืม…หลับสบายดีแฮะ… ว่าแต่…ทำไมเรามานอนอยู่อย่างนี้ล่ะ …เราน่าจะอยู่ในห้องเรียนไม่ใช่หรือตอนนี้….
นาโอกิ ยูยะ พยายามลำดับความทรงจำอันแสนสับสนของเขาทีละนิด ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองรอบด้านช้า ๆ
...ห้องพยาบาลนี่นา เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน….
“อ้าว…ตื่นแล้วหรือจ๊ะ นาโอกิ”
น้ำเสียงหวาน ๆ ที่คุ้นหู ทำให้ยูยะหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วก็พบว่าอาจารย์สาวประจำห้องพยาบาล กำลังเดินตรงมาหาเขา ด้วยใบหน้า ยิ้มแย้ม
“มิสเคธี่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”
ยูยะเรียกชื่อของหญิงสาว เหมือนดังเช่นนักเรียนคนอื่น ๆ ในโรงเรียนเรียก ซึ่งเธอเองก็ชอบให้ทุกคนเรียกชื่อต้นของเธอมากกว่า อาจารย์มิลเลอร์ หรือ มิสมิลเลอร์ ที่เป็นนามสกุลของเธอ
“ก็มอร์….เอ่อ อาจารย์คาเตอร์อุ้มเธอมาส่งให้ฉันน่ะสิจ๊ะ…”
ยูยะใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มพยายามหันหน้าหลบไปอีกทางเพื่อซ่อนความรู้สึกของเขา หากแต่ทุกปฏิกิริยา ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของอาจารย์สาวไปได้แม้แต่น้อย
และก่อนที่เคธี่จะเอ่ยปากพูดอะไรกับเด็กหนุ่มต่อไปนั้น เธอก็สะดุดเข้ากับรอยบางอย่างตรงซอกคอของอีกฝ่าย หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วพิจารณาดูให้แน่ชัด ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
...ตายจริง มอร์เฟียซ นึกไม่ถึงเลยว่า จะก้าวหน้าไปถึงขั้นนั้นแล้ว หึ ๆ น่าสนุกจริง ๆ เลยแฮะ…
“อุ๊ยตายแล้ว! นาโอกิ คอเธอไปโดนอะไรมาจ๊ะเนี่ย ดูซิ ช้ำเป็นรอยจ้ำแดง ๆ เชียว”
เสียงหวาน ๆ ของนางฟ้า(?) ประจำห้องพยาบาล แสร้งทำเป็นสงสัย สุดฤทธิ์ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีแล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ตาม
ยูยะใจหายวูบ หันขวับกลับมาทันที มือจับต้นคอตรงตำแหน่งรอยแดงนั่นโดยอัตโนมัติ
“อ่า…คือ…เอ่อ” เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก ซึ่งเคธี่เห็นดังนั้น ก็ซ่อนยิ้มไว้ในหน้า ก่อนจะชวนอีกฝ่ายพูดคุยเรื่อย ๆ เหมือนปกติ
“เอ สงสัยจะโดนแมลงอะไรกัดเข้าล่ะมั้ง แย่จังเลยนะจ๊ะ”
ยูยะรีบพยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับทันที ให้เข้าใจว่าเป็นรอยแมลงกัด ยังดีกว่าให้รู้ว่าเป็นรอยคิสมาร์ก นั่นล่ะ
“เฮ่อ…เธอต้องระวังหน่อยนะ นาโอกิ แมลงพวกนี้มันร้ายนัก ยิ่งเจ้าตัวที่มีพิษแล้วเธอแพ้เข้าจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะหากโดนเจ้าพวกนั้นกัดเข้าล่ะก็ ไม่จบแค่รอยที่คอนี่อย่างเดียวแน่ ๆ จ้ะ”
ยูยะรับฟังเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้เท่าทันความนัยของประโยคนั้น หญิงสาวส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังห้อง
“จะเที่ยงแล้ว เธอคงหิวแล้วสินะ ค่อยยังชั่วแล้วหรือยังจ๊ะ ถ้ายังฉันไปเอาข้าวเที่ยงมาให้เธอที่นี่แทนดีไหม”
“..ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปกินเองได้ อะ.. ผมขอตัวไปเลยดีกว่า ขอบคุณนะครับมิสเคธี่”
เด็กหนุ่มรีบยันกายลุกขึ้น แต่เขากลับรู้สึกหวิว ๆ ชอบกล แต่ถ้าเทียบกับเมื่อเช้านั่นนับว่ายังดีกว่ามากนัก
“ดูเธอยังไม่ค่อยดีเลย ฉันว่านอนพักอีกหน่อยดีกว่า นาโอกิ ฉันจะไปเอาข้าวเที่ยงมาให้นะ”
และขณะที่ยูยะกำลังจะปฏิเสธนั้น เสียงทุ้มนุ่มที่แสนจะคุ้นเคยก็ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ขึ้นมาเสียก่อน
“งั้นคุณจะว่าอะไรไหม มิสเคธี่ ถ้าผมจะขอเฝ้าเด็กคนนี้แทน ระหว่างที่คุณไปเอาข้าวเที่ยงมาให้เขาน่ะ”
มอร์เฟียซ คาเตอร์ ยืนพิงประตูห้องพยาบาล พลางจ้องมองมาที่ร่างเล็ก ๆ ซึ่งรีบหลบสายตาคมกริบนั้นทันที
เคธี่มองไปที่ร่างสูง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับอีกฝ่าย
“ได้สิคะ… อาจารย์คาเตอร์ ฝากด้วยแล้วกันนะคะ”
และระหว่างที่เดินสวนกันนั้น หญิงสาวก็แอบกระซิบอะไรบางอย่าง กับชายหนุ่ม ซึ่งนั่นก็ทำให้มอร์เฟียซถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“หึ ๆ ไปล่ะค่ะ… นาโอกิ รอฉันสักแป๊บนะจ๊ะ แล้วจะรีบกลับมาจ้ะ”
ยูยะอยากจะตะโกนเรียกให้เธออย่าพึ่งไป หากแต่ก็ติดอยู่ที่อีกคนซึ่งมองมาทางเขาเขม็ง จนทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
“ค่อยยังชั่วแล้วหรือยัง” น้ำเสียงอ่อนโยนจากคนที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ เตียงถามขึ้น
“เอ่อ…ครับ” ยูยะก้มหน้าตอบอุบอิบ ยิ่งนับวัน เขายิ่งไม่กล้าจะสบตากับคนข้าง ๆ มากขึ้นทุกที ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
“ทำไมถึงนอนไม่หลับ เป็นอะไรไปงั้นหรือ”
ใบหน้าคมเข้มก้มลงมากระซิบถามใกล้ ๆ เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่ปะทะมายังใบหน้าของเขา ดวงหน้าหวาน ๆ ของเจ้าตัวแดง ระเรื่ออีกครั้ง ก่อนจะพยายามเบือนหลบไปอีกทาง
“คือ ผะ..ผม ฝันร้ายครับ เลยไม่อยากนอน”
มอร์เฟียซเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะใช้มือใหญ่จับคางกลมมน บังคับให้ใบหน้านั้นหันกลับมาสบตาเขาขณะที่พูด
“ฝันร้ายแบบไหน …ฝันถึงฉันอย่างนั้นหรือเปล่า”
ยูยะหลุบเปลือกตาหลบ หากเด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่า ใบหน้าของตนยามนี้มันยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก แดงเสียจนคนข้าง ๆ เริ่มชักจะอดใจไว้ไม่ไหว
“ว่าไงล่ะนาโอกิ…ฝันถึงฉันใช่ไหม…หือ”
ยูยะไม่ยอมตอบ นั่นก็ทำให้ริมฝีปากหนานุ่มนั้นโน้มลงมาประกบกับริมฝีปากบางแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจูบที่แก้มเนียนนุ่ม และเปลือกตาของอีกฝ่ายช้า ๆ
“ฝันว่าฉันทำแบบนี้กับเธอใช่ไหม?…”
ร่างสูงลุกขึ้นมาคร่อมร่างเล็กบนเตียง มือใหญ่เอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด ก่อนจะลูบไล้หน้าอกขาวเนียนนั้นเล่นไปทั่ว
“แล้วก็ทำแบบนี้….”
ริมฝีปากอุ่นร้อนเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะย้ายมาหยอกเย้ากับยอดอกสีชมพูเข้มเล็ก ๆ นั่น
“หรือแบบนี้…” มืออีกข้างรูดซิบกางเกงของร่างข้างใต้ลง ก่อนจะล้วงเข้าไปหยอกเย้ากับแก่นกายข้างใน จนเรียกเสียงครางอย่างลืมตัวจากอีกฝ่ายที่พยามอดกลั้นไว้จนได้
“อา…อ๊า…อย่า…อาจารย์..”
“หือ …เรียกฉันว่ายังไงนะ” ชายหนุ่มขบเม้มที่ยอดอกของร่างเล็ก แรง ๆ เหมือนจะกลั่นแกล้ง ยูยะหายใจหอบ ๆ ก่อนจะครางออกมาอีกครั้ง
“…..อา…มอร์เฟียซ…”
มอร์เฟียซ คาเตอร์ก็เริ่มชักจะทนไม่ไหวเหมือนกัน หากแต่ก็ต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อนอย่างนึกเสียดาย เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เป็นสัดส่วนพอ ที่จะทำให้เขากระทำเรื่องอย่างว่ากับคนบนเตียงได้
“เย็นนี้มาหาฉันที่ห้องนะ นาโอกิ แล้วฉันสัญญาว่า คืนนี้ฉันจะทำให้ เธอนอนหลับฝันดีทีเดียว”
มอร์เฟียซก้มลงจูบที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นหนัก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะช่วยจัดการแต่งตัวให้ร่างเล็ก ที่นอนกึ่งเปลือย ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยตามเดิม และเมื่อชายหนุ่มห่มผ้าห่มให้กับอีกฝ่าย ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ เคธี่กลับมาพร้อมกับอาหารกลางวันหนึ่งชุด
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนล่ะนะมิสเคธี่ ฝากดูแลเขาด้วยล่ะ”
อาจารย์หนุ่มรีบขอตัวออกจากห้องพยาบาลทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายซักถามหรือพูดจาอะไรทั้งนั้น เสียงหัวเราะใส ๆ ดังตามออกไปอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อสังเกตเห็นคนที่อยู่บนเตียงนอนหน้าแดงก่ำ หายใจหอบ ๆ ขณะที่คนซึ่งปลีกตัวหนีไปแล้วนั้น กลับตีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นภายในห้องนี้ก่อนหน้านั้น
--- TBC ---