(ไอ้พระเอกครับ มึงลืมสเก็ตบอร์ดไว้ที่ห้องกูรู้เรื่องมั้ยครับ) เสียงแหลมๆ ดังออกมาจากโทรศัพท์จนวันศุกร์ต้องดึงโทรศัพท์ให้ออกจากหู
(ขี้ลืมจังวะมึง ยังไม่แก่เลยนี่)
“เออ ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวนัดเจอกันอีกที”
(พูดมาได้ เหมือนมึงมีคิวว่างให้กูเดือนละสามครั้งงี้)
“แล้วทำไมต้องพูดมากด้วย แค่ฝากของนะไม่ได้ยืมเงิน”
(ไอ้สัด เข้าใจเปรียบเทียบ)
วันศุกร์นั่งตัวลีบๆ บนโซฟาราคาแพงที่ตั้งอยู่ปลายเตียงคิงไซส์ เขาหลบเข้ามาอยู่ในห้องนอนของคุณชายทรงเพลิงได้สักพักหลังจากที่หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์มาตรวจร่างกายให้ ปล่อยให้พี่น้องได้อยู่คุยกันตามลำพัง
จะว่าไปแล้ว คุณชายทรงเพลิงเนี่ยเว่อร์มากๆ วันศุกร์ไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนเลยด้วยซ้ำแต่กลับเรียกหมอมาตรวจ
(แล้วนี่มึงถึงคอนโดแล้วใช่ป่ะ วันนี้วันศุกร์รถติดมั้ยวะ)
“อ่อ อื้อ...ติดนิดหน่อยมั้ง”
(เอ้า อะไรของมึงวะ)
วันศุกร์เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้ตอนที่ตอบคำถามของปัน ไม่อยากบอกไปตรงๆ หรอกว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้คุยกันยาวไม่จบไม่สิ้น
(สรุปติดไม่ติด)
“ติดๆ เพิ่งถึงเนี่ย จะอะไรนักหนา”
(มึงโม้เปล่าวะ วันนี้คนทั้งประเทศรีบกลับบ้านไปดูละครที่มึงเล่น...มันไม่น่าติดป่ะ)
“ก็วันนี้วันศุกร์ไง รถติดธรรมดา”
วันศุกร์กลั้นใจตอบด้วยอาการที่นิ่งสงบที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกจับได้
(ตลก ตั้งแต่ละครมึงฉายวันศุกร์แห่งชาติรถก็ไม่ติดอีกต่อไป ไว้ละครมึงจบเมื่อไหร่เถ๊อะ ผมนี่ร้องเลยครับ)
“...”
(เฮ้ยมึง คือกูอยู่ล็อบบี้ว่ะ แล้วเมื่อกี้เห็นคุณชายทรงเพลิงลงมากับผู้ชายคนหนึ่งอ่ะ โห มีรถหรูรับผู้ชายคนนั้นถึงหน้าคอนโดเลยว่ะ)
วันศุกร์ฟังน้ำเสียงตื่นเต้นแบบโอเว่อร์ของปันด้วยความตลก แต่ก็ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้เพราะกลัวว่าปลายสายจะสงสัย รายนั้นไม่ได้สนใจเรื่องรถติดหรือไม่ติดแล้ว วันศุกร์เบาใจไปได้ตั้งเยอะ
(ญาติเขาเหรอวะ ดูดีกันทั้งบ้าน กูนี่อยากเห็นหมาบ้านเขาเลยว่าจะดูดีด้วยมั้ย)
“วังคุณชายไม่เลี้ยงหมา มีแต่ปลาคาร์ฟตัวละหลายแสนอ่ะ”
(มึงรู้ได้ไง ไปเกาะกำแพงวังเขามาหรือไง)
ก็คุณชายทรงเพลิงเคยบอกไง
วันศุกร์ตอบปันในใจไปแบบนั้น ตอนที่ยังคบกันอยู่คุณชายทรงเพลิงเคยเล่าเรื่องในวังให้ฟังหลายครั้ง หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องสัตว์เลี้ยงด้วย
วังภัสร์ฤทัยไม่เลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นเลยนอกจากปลาคาร์ฟที่ว่ายอยู่ในบ่อสุดหรูหลังวัง คุณชายทรงเพลิงบอกท่านพ่อของเขาชอบปลาคาร์ฟมากๆ เลยทำเป็นบ่อเลี้ยงเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
อือ ก็มีหลายเรื่องเลยแหละที่วันศุกร์รู้
มันเป็นเรื่องของคุณชายทรงเพลิงทั้งนั้น
วันศุกร์รู้อย่างดีเลย
“ก็เดาเอา คิดว่าคนรวยๆ แบบนั้นน่าจะเลี้ยงอะไรแพงๆ”
(มึงอย่าเอาคำว่ารวยเป็นมาตรฐานดิวะ บ้านกูก็รวยไม่เห็นจะต้องเลี้ยงปลาคาร์ฟเลย)
“จ้า พ่อคนรวยมาก”
ปลายสายหัวเราะกลั้วใส่เพราะได้ยินเสียงถอนหายใจจากเขา วันศุกร์เงียบไปพักหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรต่อ อยากกดวางสายแต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะน้อยใจไปซะก่อน
ถึงปันจะเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมแต่ก็ขี้เหงา เพื่อนเยอะแต่ก็ไม่มีใครที่คุยด้วยแล้วสบายใจเท่าเขา...ไม่ได้คิดไปเองนะ ปันเคยบอกวันศุกร์แบบนี้จริงๆ
“แล้วมึงลงไปทำอะไรที่ล็อบบี้”
(มืดๆ ค่ำๆ แบบนี้อ่ะ กูชอบลงมานั่งส่องเว้ย)
“นั่งส่อง? ส่องอะไร”
(ก็ส่องไปเรื่อย เห็นอะไรดีๆ เยอะแยะ)
“โรคจิตรึเปล่าไอ้ปัน ขึ้นห้องไปได้แล้วไป”
(มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว นั่งตรงล็อบบี้มุมดีสุดๆ เมื่อสามวันก่อนกูเห็นดาราที่เล่นเป็นน้องสาวมึงมาที่นี่ด้วยนะเว้ย แต่ไม่รู้มาห้องใครว่ะ)
“เขาอาจจะพักที่นี่ก็ได้ มึงนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันเลยนะ”
ยิ่งกว่าปาปารัชซี่ก็ปันนี่แหละ นิสัยขี้เหงาแต่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็ยกให้ปันที่หนึ่งเหมือนกัน
วันศุกร์ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของคุณชายทรงเพลงขณะที่มือก็ยังคงจับโทรศัพท์แนบหูอยู่ รู้สึกคอแห้งเพราะมัวแต่คุยกับปัน คนตัวขาวค่อยๆ ก้าวลงบันไดมาที่ชั้นล่างของเพนต์เฮ้าส์ก่อนจะรีบสาวเดินไปตรงแพนทรี่แล้วเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำมารินใส่แก้ว
ปันกำลังบ่นอะไรสักอย่าง วันศุกร์ฟังไปดื่มน้ำไปด้วยก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนกับว่ามีสายซ้อนเข้ามา
วันศุกร์ผละโทรศัพท์ออกจากใบหูมาเพ่งดูบนหน้าจอ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามีคนโทรเข้ามาอีกสายจริงๆ แถมยังเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้อีกด้วย
คนตัวขาวรีบกดรับทันทีเพราะคิดว่าเป็นพี่ๆ โทรเข้ามาติดต่อเรื่องงาน วันศุกร์คลี่ยิ้มพร้อมกับเปล่งเสียงนุ่มๆ ให้ปลายสาย
“สวัสดีครับ”
(ผมเอง)
คนฟังย่นคิ้ว ในหัวกำลังคิดอยู่ว่า ผมเอง เขาคือใคร
(เพลิงครับ)
“ชะ...” เชี่ย
คนตัวขาวรีบเม้มปากแน่นเพราะรู้ว่าคำที่มันจะหลุดออกไปคือคำที่ไม่เหมาะสม ในตอนนั้นเองเจ้าของเบอร์ที่เขาไม่ได้เมมชื่อไว้เปล่งเสียงบอกชื่อตัวเองทำให้คนฟังหัวใจสั่น วันศุกร์เกือบจะทำแก้วน้ำหลุดมือไปแล้ว
“คุณชายมีเบอร์ผมได้ยังไงครับ”
แล้วก็ถามคำถามโง่ๆ ออกไปเพราะความอยากรู้จากใจจริง วันศุกร์เปลี่ยนเบอร์มือถือ เปลี่ยนไลน์ เปลี่ยนทุกอย่างหลังจากที่จบความพันธ์กับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ตัดช่องทางติดต่อทุกอย่าง มีแต่คุณชายเขาที่ยังไม่เปลี่ยนอะไรเลยสักอย่าง
วันศุกร์เพิ่งนึกออกเมื่อกี้ เบอร์นี้ก็เบอร์เดิมของคุณชายเขา ไลน์ก็ใช้ไลน์เดิม
ขนาดรูปโปรไฟล์ ยังเป็นรูปเดิมที่วันศุกร์ถ่ายให้ตั้งแต่ตอนที่ยังคบกันอยู่
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
(ผมขอมาจากเลขา)
“ขอตอนดึกเนี่ยนะครับ”
(เปล่า ขอไว้นานแล้ว)
“...คุณชายมีอะไรเหรอครับ”
วันศุกร์ไม่อยากถามต่อว่าขอมาทำไม เขาไม่ได้อยากรู้เพราะกลัวว่าอาการจะแย่ไปกว่านี้ แค่นี้ก็แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว
(ผมเพิ่งนึกได้ว่าคุณต้องกินยา เลยจะออกไปหาซื้อของกินรองท้องให้ คุณอยากกินอะไร)
“ผมไดเอตอยู่ครับ กินตอนนี้น้ำหนักขึ้นแน่”
(กินอะไร)
“นี่คุณชาย”
(วันศุกร์)
“ผัดไทได้มั้ยล่ะครับ”
(เจ้าเดิมใช่มั้ย)
“คุณชาย ผมพูดเล่น กลับขึ้นมาเถอะครับ ดึกป่านนี้แล้วคุณชายจะออกไปทำไม”
(คุณต้องกินอะไรรองท้องก่อนกินยา)
“ฝนตกนะคุณชาย ลำบากเปล่าๆ”
วันศุกร์ส่ายหน้า คุณชายทรงเพลิงทำเกินเหตุตั้งแต่ให้คุณหมอมาดูอาการเขาแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ยังยืนยันว่าจะให้หมอมาตรวจ ทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย ตอนนี้ก็ด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเป็นคนบอกวันศุกร์เองแท้ๆ ว่าไม่ให้กลับคอนโดเพราะฝนตก ขับรถตอนนี้อันตราย...แต่กลายเป็นคุณชายเองที่จะฝ่าฝนออกไปข้างนอก
“คุณชาย ผมไม่กินครับ แล้วคุณชายก็กลับขึ้นมาพักผ่อนด้วย”
(...)
“ถ้าคุณชายออกไปผมงอนนะ” ประโยคสุดท้ายวันศุกร์ไม่ได้ตั้งใจพูดออกไปแบบนั้น เขาจะพูดว่าถ้าคุณชายออกไปผมจะกลับบ้าน แต่ในหัวเขามีแต่คำว่างอนเต็มไปหมด มันเลย...
(งอนไปก่อน เดี๋ยวผมกลับไปง้อ)
วันศุกร์อ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อปลายสายก็ตัดสายทิ้งไปซะดื้อๆ ทิ้งให้คนที่ได้ยินประโยคนั้นเต็มสองหูยืนนิ่งหน้าร้อนผ่าว
จู่ๆ คุณชายทรงเพลิงก็เล่นงานกันแบบนี้
บอกตรงๆ เลยว่าตั้งตัวไม่ทัน เขาไม่แข็งแรงพอที่จะรับมือกับคุณชายทรงเพลิง
คำพูด การกระทำ ทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำให้ ถ้ามันดีมากเกินไป สุดท้ายมันอาจจะเป็นวันศุกร์ที่แพ้ภัยตัวเอง
*****
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันศุกร์เพิ่งจะเคยดูละครที่ตัวเองเล่นผ่านจอทีวีที่ฉายออกสู่สาธารณะครั้งแรก เป็นเพราะว่าเขายุ่งเกินกว่าที่จะมานั่งดูละครแบบนี้ได้ พอมีเวลามาทำอะไรแบบนี้มันเลยรู้สึกไม่ชิน
แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูละครที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่ใจก็ไม่ได้โฟกัสอยู่กับทีวีเลยสักนิด วันศุกร์เหม่อลอยและมีสติเป็นพักๆ ก็ตอนที่ก้มหน้ามองเวลาในโทรศัพท์ หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วที่คุณชายทรงเพลิงออกไปข้างนอกแล้วยังไม่กลับเข้ามาสักที
ละครที่เรตติ้งดีที่สุดในประเทศไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลย วันศุกร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ละครตรงหน้ากำลังเข้มข้นมากแค่ไหน เขาแค่เห็นว่าตัวเองกำลังเล่นซีนดราม่ากับดารารุ่นใหญ่ที่รับบทเป็นแม่ก็เท่านั้น จิตใจมันลอยไปอยู่กับใครบางคนที่ออกไปกลางดึกเพื่อหาซื้อของกินให้
คุณชายทรงเพลิงชอบเอาตัวเองไปลำบากเพื่อเขาจริงๆ ตอนคบกันก็เป็นแบบนี้ประจำ
ภาพของคนที่กำลังนึกถึงกับน้ำเสียงทุ้มที่บางทีก็แข็งกร้าวลอยเข้ามาในหัว วันศุกร์ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมคุณชายทรงเพลิงรั้งให้เขาอยู่ที่นี่ด้วยทั้งๆ ที่จะปล่อยให้กลับบ้านแล้วไม่ได้สนใจกันก็ยังได้ ทำแบบนี้แล้วไม่คิดบ้างหรือไงว่าทำให้คนที่จิตใจอ่อนไหวง่ายอย่างเขากำลังแย่ลงไปทุกที
วันศุกร์รู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ สักวันเถอะ...ความรักมันต้องก่อขึ้นในใจเขาอีกครั้งแน่ๆ
แล้วถ้าถึงตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นตัวเองมั้ยที่เอ่ยปากขอร้องให้คุณชายกลับมารักกันอีก ทั้งที่ก็เป็นฝ่ายบอกเลิก เป็นฝ่ายตัดความสัมพันธ์ทั้งที่ทุกอย่างในตอนนั้นเรียกได้ว่า...ระหว่างเรามันดีมากๆ
วันศุกร์หลับตาลงช้าๆ เอนศีรษะพิงโซฟาเหมือนคนที่อ่อนล้าจากการคิดอะไรในหัววุ่นวายมาทั้งวัน
มาจนถึงตอนนี้แล้ว คงต้องยอมรับแบบคนแพ้
ว่ายังรัก และอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆ
ที่ผ่านมามันเป็นอะไรที่เขาคงพูดได้แค่คำว่าเสียใจ และผิดหวังที่ตัวเองไม่กล้าพอที่จะจับมือคุณชายให้แน่นกว่านี้
ทั้งๆ ที่คุณชายทรงเพลิงเป็นฝ่ายจับมือเขาแน่นมาโดยตลอด
ช่วงเวลาปีกว่าที่คบกัน คุณชายทรงเพลิงเสียสละให้เขามากมายจนบางครั้งวันศุกร์ก็ดูเหมือนเป็นคนที่เห็นแก่ตัว
เขารู้ดีว่าคนที่เป็นแฟนกันมันไม่มีอะไรที่พิเศษไปกว่าการที่ให้คนรอบข้างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ดีๆ แบบนี้ แต่วันศุกร์ก็ให้คุณชายไม่ได้ เขาขอให้คุณชายเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เงียบมากที่สุด ซึ่งคุณชายก็ยอมแต่โดยดี
ชีวิตของวันศุกร์ไม่มีอะไรพิเศษ ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ ไม่ได้รวยล้นฟ้า ไม่ได้เป็นคนที่เหนือกว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงสักอย่าง
แต่คนคนนั้นก็ยังให้เกียรติ และยอมเขาไปซะทุกเรื่อง
ยิ่งคิดยิ่งรู้ว่าตัวเองโง่เง่ามากแค่ไหน
“...”
มันเป็นตอนที่เสียงจากทีวีดังขึ้นในความดังคงที่ แต่มีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมาจากประตูของเพนต์เฮ้าส์ วันศุกร์ยังนั่งอยู่ที่เดิมและไม่ได้ลุกขึ้นไปดู ดวงตาเรียวรีจับจ้องทางเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับประตู ตอนแรกที่ได้ยินเป็นเหมือนเสียงสแกนนิ้ว แต่ตอนนี้วันศุกร์ได้ยินเป็นเสียงคนเปิดประตูเข้ามาแทน
เขาวางรีโมททีวีที่อยู่ในมือไว้บนโซฟาก่อนจะลุกขึ้น วันศุกร์กระชับเสื้อคลุมเล็กน้อยแล้วสาวเท้าที่กำลังสวมด้วยสลิปเปอร์ราคาแพงไปยังประตู แต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบางคนเดินหิ้วถุงเข้ามาใกล้ๆ
แววตากับสีหน้าเรียบเฉยทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนดูดีจนหาที่ติไม่ได้ เวลาที่ไม่ยิ้มหรือทำหน้านิ่งแบบนี้ก็ดูหยิ่งแบบที่ถ้าใครไม่รู้จักคงคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่เคยมีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนหน้า ดวงตาคมเฉียบของคุณชายทรงเพลิงน่ะแทบจะฆ่าคนมองได้เลย
แต่เชื่อเถอะว่าบทจะอ่อนโยน
ดวงตาของคุณชายเขาก็ฆ่าให้วันศุกร์ตายได้เหมือนกัน
“เดี๋ยวผมช่วยถือครับ”
“ไม่เป็นไร คุณไปนั่งรอที่โต๊ะก็พอ”
วันศุกร์หลีกทางให้เจ้าของเพนต์เฮ้าส์เดินเข้ามา คนสูงกว่าสาวเท้าไปยังแพนทรี่ แผ่นหลังของคุณชายทรงเพลิงอยู่ในสายตาของวันศุกร์ตลอด
เดาว่าคุณชายทรงเพลิงคงไม่ได้พกร่มไปด้วยผมถึงได้เปียกแบบนั้น วันศุกร์ค่อยๆ ย่ำเท้าเดินตามคุณชายทรงเพลิง ก่อนจะยืนอยู่ห่างๆ ตรงเคาน์เตอร์แล้วปล่อยให้เจ้าบ้านหยิบจับถ้วยชามด้วยตัวเอง
ผัดไทที่ถูกหิ้วมามีสองห่อ นอกจากนั้นในถุงอื่นๆ ยังมีขนมไทยที่วันศุกร์ชอบกินอีกด้วย คนตัวขาวขมวดคิ้ว นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าดึกป่านนี้แล้วคุณชายเขาไปหาซื้อของพวกนี้มาจากที่ไหน
“ผมขอช่วยนะครับ”
ทนยืนดูเฉยๆ ไม่ได้หรอก แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว
วันศุกร์เดินเข้าไปช่วยแกะหนังยางที่รัดห่อกระดาษใส่ผัดไทออกก่อนจะเทมันลงจานทั้งสองใบ เขาหันไปยิ้มแหยให้คุณชายทรงเพลิงที่ถูกแย่งงานแล้วกำลังยืนกอดอกมองดูเงียบๆ
“ตากฝนมาเหรอครับ ผมเปียกเชียว”
“ผมลืมเอาร่มไป ตอนลงไปสั่งผัดไทเลยเปียกฝน”
“งี้ก็แย่เลย เดี๋ยวคุณชายต้องไม่สบายแน่ๆ”
“...”
“งั้นคืนนี้ก็มีคนกินยาเป็นเพื่อนผมแล้ว”
พูดไปแบบนั้นแล้วเงยหน้าส่งยิ้มบางให้คนตัวโต คุณชายทรงเพลิงแค่ยกยิ้มตอบกลับแล้วเข้ามาช่วยวันศุกร์แกะบรรดาขนมหวานใส่จานกับถ้วย
ยิ้มแค่นี้คนมองก็ดีใจแล้ว
“เจ้าเดิมเหรอครับ ผมไม่ได้กินนานแล้วนะเนี่ย”
“ผัดไทเจ้าเดิม แต่พวกขนมผมแวะซื้อหน้าคอนโด”
“หน้าคอนโดมีขายด้วยเหรอครับ”
“ขายสักพักแล้ว แต่ไม่เคยลองซื้อมากิน”
วันศุกร์พยักหน้าตาม แล้วก็เดาเอาเองว่าคุณชายไม่ได้ชอบขนมไทยมากมายขนาดนั้น ถ้าไม่มีคนชวนกินคงไม่กิน ถ้าไม่มีคนที่กินเก่งอย่างเขาอยู่ด้วย...คุณชายคงไม่ซื้อมา
เนี่ย ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปหมด
“ถ้าอร่อยเดี๋ยวผมไปอุดหนุนบ่อยๆ” บอกแบบนั้นแล้วส่งยิ้มตามสไตล์วันศุกร์ตบท้าย ก่อนจะหมุนตัวเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเหยือกน้ำมาวางบนเคาน์เตอร์อีกที
วันศุกร์หยิบถาดมาใส่จานอาหาร ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคุณชายทรงเพลิงที่กำลังยืนเทขนมหวานใส่ถ้วย ทุกซอกทุกมุมในแพนทรี่วันศุกร์จำได้หมดว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่เคยเปลี่ยนตำแหน่ง ของมันอยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
“ไปนั่งกินหน้าทีวีได้ใช่มั้ยครับ ตรงนี้มันไกลทีวีมากๆ...คือผมอยากดูละครที่ผมเล่นด้วยน่ะครับ”
“ตามสบายครับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยกถาดมาถือไว้เองหลังจากที่จัดการกับขนมหวานเสร็จแล้ว คนตัวสูงถือถาดอาหารไปวางบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ก่อนจะหันมาเหลือบมองวันศุกร์ที่ถือเหยือกน้ำกับแก้วเปล่าเดินตามมาติดๆ
ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อไม่มีใครฝืนก็ไม่มีใครอึดอัด หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงพอใจที่วันศุกร์ไม่ต่อต้าน และวันศุกร์เองก็พอใจที่คุณชายทรงเขาไม่บึ้งตึงใส่เหมือนครั้งแรกที่เจอกันในรอบสองปี ถึงจะมีเส้นบางๆ ของคำว่าแฟนเก่ากั้นอยู่ แต่วันศุกร์ก็เบาใจมากกว่าเก่าที่ยังสามารถคุยกันได้แบบไม่ต้องเกร็งจนตัวสั่น
“คุณชายเคยดูมั้ยครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ถ่ายไปออนแอร์ไป มันทำงานลำบากกว่าถ่ายไว้ก่อนแล้วค่อยออนแอร์...แต่พอเห็นเรตติ้งแล้วก็หายเหนื่อยเลยครับ”
น้ำเสียงสดใสกับใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนกำลังภูมิใจกับความพยายามที่เห็นผลสำเร็จทำให้คุณชายทรงเพลิงมองไม่ละสายตา พอเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็ยิ้มตาม
“คุณแม่กับพี่สาวผมชอบดู ติดงอมแงม”
“เหรอครับ ดีใจจัง”
ในขณะที่ดวงตาสวยๆ ทอประกายความดีใจออกมา หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็จ้องแววตาคู่นั้นไปด้วย สลับกับก้มหน้าปรุงผัดไทไปด้วยเช่นกัน เขาปรุงรสเดิมที่วันศุกร์ชอบกิน ใช่...ทุกครั้งที่กินอะไรที่ต้องปรุงรสวันศุกร์มักจะให้เขาปรุงตลอด เพราะอีกฝ่ายเคยบอกว่าฝีมือการปรุงของเขาอร่อยถูกปาก
“เสร็จแล้ว” สะกิดคนที่เอาแต่จ้องทีวีให้หยิบจานผัดไทขึ้นไปตักกิน หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงวางส้อมกับช้อนไว้ให้วันศุกร์แล้ว เหลือก็แต่น้ำที่ยังไม่ได้เทลงแก้ว
“ขอบคุณนะครับคุณชาย”
คนโตกว่าเหลือบตามองคนที่หันมาขอบคุณ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วเปล่าแล้วหยิบไปตั้งไว้บนโต๊ะกระจก วางลงบนตำแหน่งที่คิดว่าอีกฝ่ายจะหยิบขึ้นมาดื่มง่ายๆ ก่อนที่เขาจะค่อยก้มหน้ามาปรุงผัดไทของตัวเองบ้าง
วันศุกร์ลืมเรื่องไดเอตไปชั่วคราวเพราะทนของอร่อยไม่ไหว เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเมื่อไหร่ที่อยู่กับคุณชายทรงเพลิงเรื่องปากท้องไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณชายเขาจะพากินให้ครบสามมื้อ แถมยังพากินไม่อั้น พากินของที่ชอบอีกด้วย
อือ ก็คุณชายทรงเพลิงเคยบอกวันศุกร์แล้วครั้งหนึ่งว่าถ้าจะลดน้ำหนักให้ออกกำลังกายเอา ห้ามอดอาหาร...แต่วันศุกร์ก็ไม่เคยฟังเลยสักครั้ง
“...”
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงตักเส้นผัดไทเข้าปาก เขาเหลือบตามองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังตั้งใจกินและตั้งใจดูไปพร้อมกัน ละครเรื่องนั้นที่กำลังฉายหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเคยดูแล้ว ไม่ใช่แค่หม่อมปนัดดากับหม่อมราชวงศ์รฐาที่ติดงอมแงม เขาเองก็ด้วย
“เป็นพระเอกแต่ร้องไห้เก่งกว่านางเอก อย่างนี้จะปกป้องคนรักได้เหรอ”
“ได้สิครับ ตัวของบดินทร์ในเรื่องเจออะไรแย่ๆ ในชีวิตตั้งมากมาย แต่ที่เขาร้องไห้ก็ร้องเพราะนางเอกกับแม่นี่นา”
“งั้นปลายปีนี้คุณคงได้รับรางวัลพระเอกร้องไห้เก่งแห่งปี”
“เว่อร์แล้วคุณชาย ชีวิตจริงผมไม่ได้ร้องไห้เก่งขนาดนั้นสักหน่อย” ทำหน้ายุ่งๆ ใส่คุณชายที่จู่ๆ ก็วิจารณ์ตัวละครตัวเอกที่เขาแสดง ก่อนจะก้มหน้ากินผัดไทต่อจนมันพร่องไปเกินครึ่ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหิวหรือเพราะว่าอยากกินมานาน วันศุกร์เลยกินไม่คิดว่าวันพรุ่งนี้ยังมีถ่ายละครตอนเช้า เขารู้ตัวว่าการกลับมากินแบบพายุเข้ามันเสี่ยงต่อการเกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์มากเลยทีเดียว แต่ให้ทำยังไงได้ พออาหารเข้าปากวันศุกร์ก็พ่ายแพ้ไปหมดแล้ว
แล้วในที่สุดผัดไทก็หมดห่อในเวลาอันรวดเร็วจนเขาเองยังตกใจ วันศุกร์เหลือบมองคุณชายทรงเพลิงที่ค่อยๆ ตักกินแบบผู้ดีของแท้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้นั่งอยู่ในท่าที่สุภาพเพราะดันยกข้าข้างหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนเบาะ แม้ว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะไม่ได้นั่งหลังตรงแต่ก็ยังดูดีมีชาติตระกูลสมกับที่เป็นคุณชายจริงๆ
“มองอะไร” คนกำลังกินถามขึ้นเพราะถูกจ้องจะๆ แบบนั้น วันศุกร์ยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าพัลวัน ละสายตาจากคุณชายทรงเพลิงแล้วไปจดจ้องกับละครที่ตัวเองเล่นต่อ
“อิ่มมั้ย”
“แน่นเลยครับ” ยกมือลูบพุงน้อยๆ ของตัวเอง
วันศุกร์คิดไว้แล้วว่าถ้าปิดกล้องละครเรื่องนี้เมื่อไหร่เขาจะไปออกกำลังฟิตหุ่นให้มีซิกซ์แพ็กส์แบบบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไปเลย
“ช่วยกินหน่อย ผมอิ่มแล้ว”
“อ้าวคุณชาย อิ่มแล้วซื้อมาทำไมตั้งสองห่อครับ”
“ตอนแรกหิว”
“เฮ้อ เอามาครับ เสียดายของนะเนี่ย”
วันศุกร์ปากไม่ตรงกับใจเขารู้ตัวดี ความจริงตอนนี้ให้กินสักสี่ห่อก็ยังได้ แต่ในเมื่อเอ่ยปากบอกไปแล้วว่าไดเอตอยู่วันศุกร์เลยต้องทำฟอร์มไปสักหน่อย
และไม่ว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะรู้หรือไม่ แต่วันศุกร์ก็ส่งสายตาขอบคุณไปหลายครั้งแล้ว
“ฝากขนมด้วย ผมจะขึ้นไปอาบน้ำ”
“อ้าว ไม่กินสักนิดเหรอครับ”
“ไม่ ผมง่วง อยากนอนแล้ว”
คนที่บอกว่าง่วงพูดแค่นั้นแล้วหยิบจานผัดไทของวันศุกร์ที่กินหมดไปแล้วรอบแรกขึ้นมาถือไว้ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังแพนทรี่ วันศุกร์หันมองตามช้าๆ ก็พบกับคุณชายทรงเพลิงกำลังแช่จานผัดไทอยู่
“คุณชาย”
คนผิวขาวเรียกเจ้าของร่างสูงที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ความประหม่าเกิดขึ้นตอนที่สบสายตากับเขา หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไร และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังรวบรวมความกล้าเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาทันที
ไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีมั้ย
แต่ก็
“คุณชายจะนอนก่อนมั้ยครับ”
พูดออกไปแล้ว
“ทำไม”
“ก็...ผมจะได้รีบกินรีบขึ้นไปนอน”
เพราะเมื่อก่อนเรานอนหลับไปพร้อมๆ กัน วันศุกร์ยังจำอ้อมแขนอุ่นๆ ใต้ผ้าห่มของคุณชายทรงเพลิงได้ดี ยังจำเสียงทุ้มที่กระซิบบอกว่าฝันดีได้ มันชัดเจนอยู่ในหัวเหมือนว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ไม่ต้องรีบ”
“...”
“ผมรอได้”
*****
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองคนที่นอนอยู่บนเตียงคิงไซส์ผ่านแสงไฟสลัวสีเหลืองนวลที่เขาตั้งใจเปิดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบแบบนี้ ไม่มืดจนมองไม่เห็น ไม่สว่างจนนอนไม่ได้
ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะหลับไปแล้วแต่คุณชายทรงเพลิงก็ยังไม่วายทำตามใจวันศุกร์อยู่ดี
วันศุกร์เข้านอนเร็วกว่าที่คิดไว้ ทีวีภายในห้องนอนถูกปิดหลังจากที่พระเอกตัวจริงของเรื่องหลับปุ๋ย เขาจำได้ว่าวันศุกร์รีบกินผัดไท ขนมหวาน แล้วล้างปากรีบขึ้นมานั่งหลังตรงแด่วบนเตียงและเอ่ยปากขอให้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเปิดทีวีช่องที่ยังออนแอร์ละครแม้จะดูบ้างไม่ดูบ้างก็ตาม
สุดท้ายคงง่วงจนสู้ต่อไม่ไหว ตอนนี้เลยนอนขดตัวใต้ผ้าห่มบนตำแหน่งเดิมที่เคยนอน
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานที่อยู่อีกมุมของห้อง ประสานมือบนตักเอนกายไปกับเก้าอี้มองคนตัวขาวนอนนิ่งๆ อย่างนั้น
ที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงบอกว่าอยากนอนกับวันศุกร์คือเรื่องจริง หัวใจเขาเรียกหาแต่ความนุ่มนิ่มอบอุ่นจากร่างกายของวันศุกร์ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันดีแค่ไหนตอนที่เนื้อกายสัมผัสกัน
“คุณชาย...คุณชาย”
แล้วเสียงเล็กๆ กับมือสองข้างที่ยกขึ้นปัดป่ายอากาศทำให้เจ้าของร่างสูงที่นั่งเอนกายบนเก้าอี้รีบลุกขึ้นยืนแล้วแทบจะถลาตัวไปที่เตียงทันที หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงขยับตัวนั่งลงบนเตียงข้างวันศุกร์ที่นอนละเมอ มือไม้ของคนตัวขาวกำลังไขว่คว้าอะไรบางอย่าง
“วันศุกร์...” เรียกชื่ออีกคนพร้อมกับจับมือวางลงบนเตียงไปด้วย แต่พอปล่อยมือไม่ทันไรคนที่หลับตาย่นคิ้วอยู่ก็หันมาคว้าเอวหนาของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเข้าไปกอดไว้หลวมๆ คนตัวเล็กกว่าขยับตัวเข้าใกล้ก่อนจะเกยแก้มกลมๆ ไว้บนตักของคุณชายทรงเพลิง
เจ้าของดวงตาคมกริบนั่งนิ่ง ยกมือค้างไว้เพราะไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน
“เพลิง” คนละเมอเรียกชื่อเล่นของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง เป็นคำที่เขาคุ้นหูมากที่สุด
“ครับ”
รู้ดีว่าวันศุกร์ไม่มีสติ คนที่หลับฝันถึงอะไรบางอย่างในห้วงสีดำคงไม่รู้ว่าเขากำลังตั้งใจคุยด้วย
“เพลิงโกรธผมมั้ย”
“...”
“ผมขอโทษนะ” เสียงอู้อี้บนตักที่พอจะฟังออกทำให้คุณชายทรงเพลิงตัดสินใจวางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะกลมๆ ของคนที่กำลังนอนละเมออยู่ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงส่ายหน้าแทนคำตอบ ก้มลงต่ำมองคนที่หลับตาแน่น คิ้วขมวดไม่ยอมคลายออกสักที
“ผมเสียใจ เพลิงอย่าโกรธผมได้มั้ย”
“...”
“ผมกลัวนะเพลิง กลัวตลอดเลยว่าจะไม่มีคุณอยู่ข้างๆ”
“กลัวแล้วทำไมถึงทิ้งผม”
“...”
คำถามที่ไม่ได้คำตอบทำให้คนถามยกยิ้มมุมปาก แขนที่คล้องเอวแกร่งของเขาไว้แน่นตั้งแต่แรกค่อยๆ คลายออกแล้วตกลงบนฟูกในเวลาต่อมา แค่นั้นก็รู้แล้วว่าป่านนี้วันศุกร์คงหลุดจากฝัน
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงลูบผมที่คลอเคลียแก้มใส เขาจับเส้นผมบางกลุ่มทัดใบหูคนเด็กกว่า มองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม
ไม่ได้ลดน้อยลง แต่มากขึ้นเรื่อยๆ
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงโน้มใบหน้าลงต่ำเรื่อยๆ จนปลายจมูกเฉียดแก้มนุ่มๆ ของคนที่หลับไม่รู้เรื่อง เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าสถานะตอนนี้คืออะไร รู้แค่ว่าตอนนี้...เขาอยากทำตามใจตัวเองมากมายเหลือเกิน
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของวันศุกร์ต่างจากลมหายใจร้อนๆ ของคุณชายทรงเพลิง กระทั่งความร้อนจากปลายจมูกแนบลงบนแก้มใสจนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงสูดดมความหอม ความโหยหาตามที่ใจตัวเองต้องการก่อนจะผละออกช้าๆ แล้วกระซิบตอบคำถามคนที่กำลังหลับฝัน
“ผมไม่เคยโกรธคุณ”
“...”
แม้ว่าคนที่อยากฟังคำตอบจะไม่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของวันศุกร์ก็ยกขึ้นช้าๆ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงรวบตัวคนผิวขาวขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะประคองให้คนที่ตัวเล็กกว่านอนลงบนเตียง แขนแกร่งของคุณชายทรงเพลิงสอดใต้ท้ายทอยทำหน้าที่แทนหมอน มืออีกข้างยังคงลูบเส้นผมนุ่ม
ตาคมมองคนที่หลับไปแล้วอย่างนั้นเรื่อยๆ
“ฝันดีครับ”
เขาไม่รู้ว่าจะเป็นคืนเดียวหรือเปล่าที่เกือบจะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้
และไม่รู้ว่าจะเป็นคืนเดียวหรือเปล่าที่ได้กอด ได้ทำในสิ่งที่อยากทำให้วันศุกร์อีกครั้ง
แต่คืนนี้ ก็เป็นคืนที่ดีที่สุดสำหรับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงแล้ว
คืนวันศุกร์ของเขา
#หวนกลิ่นรัก