คาถาที่ ๓ [100%]เสียงหอบหายใจของผู้ชายสองคนดังระงมไปทั่วห้องหลังเสร็จกิจรอบที่ห้าของวันนี้ เป็นเรียวจันทร์เองที่เสนอให้ เนื่องจากถือว่าห้าล้านคือห้ารอบ แล้วก็เป็นนางเองที่ตอนนี้นอนคว่ำหมดแรงอยู่บนโซฟาตัวใหญ่สีดำในห้อง โดยมีร่างใหญ่หนาของจอมทัพนอนทับอยู่ด้านบนอีกที คนตัวโตใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมตรงหลังคออุ่นๆ ของคนตัวเล็ก แขนขวาเรียวจันทร์ห้อยตกลงจากโซฟา แขนซ้ายพาดอยู่บนขอบกั้นโซฟาอย่างปวกเปียก จอมทัพถอนอาวุธออกจากตัวเรียวจันทร์ ดึงถุงยางที่เต็มไปด้วยน้ำรักออกจากความเป็นชายแล้วโยนลงถังขยะข้างโซฟา
“ลุกออกไปหน่อยได้มั้ย คุณตัวพอๆ กับช้างเลย” เรียวจันทร์บอกเสียงอ้อแอ้ ค่อยๆ ปรับลมหายใจของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง จอมทัพลุกขึ้นนั่งแล้วดึงให้เรียวจันทร์ขึ้นมานั่งตักตัวเอง น้ำในตัวของเรียวจันทร์กระจัดกระจายเต็มโซฟา
“นั่งเองได้น่า” นายแบบหนุ่มกระเถิบลงไปนั่งข้างๆ คนตัวใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ห่างมาก เพราะโดนแขนหนาเกี่ยวเอวไว้ จอมทัพก้มลงจูบริมฝีปากสีชมพูสดหนึ่งทีแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกชื่นมื่น
“ค้างกับผมเถอะ” คนถูกชวนส่ายหัวด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย หันรีหันขวางมองหานาฬิกา ก็เห็นว่าติดอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามที่เขานั่งอยู่
“โห จะสามทุ่มแล้วเหรอเนี่ย” มาตั้งแต่ช่วงบ่าย รู้ตัวอีกทีทำไมเวลาถึงได้ผ่านไปเร็วจนน่าตกใจ มัวแต่สนุกจนลืมมองเวลา อีกอย่างในห้องไม่ได้เปิดม่านไว้แล้วไฟก็เปิดตลอดเวลาเลยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
“ถึงได้บอกไงว่าค้างกับผมเถอะ” จอมทัพหอมแก้มนวลข้างขวาไปหนึ่งที เรียวจันทร์หันไปยิ้มเพลียใจให้กับความเจ้าชู้ของอีกฝ่าย คือเสี่ยแกก็ไม่ได้เจ้าชู้อะไรมากหรอก แค่ชั่วโมงบินสูงมากจริงๆ
“ไม่เอาละ ฉันมีนัดกับเพื่อนต่อตอนสี่ทุ่ม” เพื่อนที่ไหนกันล่ะ แจเร็ดต่างหาก วันนี้จะไปนอนกับอีกฝ่าย แล้วพรุ่งนี้จะไปส่งหนุ่มอิตาลีกลับเมืองโรมิโอแอนด์จูเลียต เสี่ยจอมทัพมองหน้าเรียวจันทร์ด้วยความเสียดาย ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ถ้าผมคิดถึง ผมไปหาคุณได้มั้ย”
“ลดไปห้าล้านแล้ว ถ้าได้กันอีกสิบห้าครั้ง หนี้หมดแล้วนะ” เรียวจันทร์ยิ้มแซว จอมทัพยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าไปจูบขมับอีกฝ่ายหนึ่งที
“แบบนั้นคุณก็มาเป็นเมียเสี่ยจอมทัพดีกว่า” หนุ่มหน้าหวานย่นหน้าแล้วส่ายหัว ถ้าไม่ติดว่าผู้ชายคนนี้ชั่วโมงบินสูงจนน่าหวั่นใจละก็ อาจจะมาเป็นนะ แต่อันนี้แค่สนุกด้วยกัน แถมหนี้ยังลดลงอีก ก็เลยไม่ปฏิเสธ
“ช่วงพักยกก็บอกคุณแล้วไง ถ้าให้เป็นมากกว่านี้ ฉันขอบาย ผู้ชายอย่างคุณน่ะไว้ใจยาก” แถมดูท่าทางจะขี้เบื่อง่ายอีกต่างหาก
“คุณก็ให้โอกาสผมพิสูจน์ตัวเองสิ” เรียวจันทร์ถอนหายใจเบาๆ บิดตัวเข้าหาอีกฝ่าย ใช้มือซ้ายไปลูบไล้กล้ามท้องสีเข้มของจอมทัพ ดวงตาคู่สวยก็มองอ้อน
“เชื่อสิ เราไม่เหมาะจะจริงจังกันหรอก” เรียวจันทร์ยื่นหน้าไปจูบสันกรามของผู้ชายร่างโต เสี่ยทัพได้แต่ถอนหายใจปลงๆ
“ผมยังไม่อยากยอมแพ้หรอกนะ เอาเป็นว่าทำตามที่คุณต้องการก่อนแล้วกัน ไปเอาที่ดินตรงนั้นมาให้ได้…” เรียวจันทร์พยักหน้ายิ้มกริ่ม มือซ้ายบีบๆ รูดๆ ความเป็นชายของเสี่ยเล่นไปเรื่อย
“…อย่างที่ผมบอกไปตอนช่วงเบรก คุณเตรียมตัวไว้แล้วกัน” คนฟังพยักหน้าอีกครั้ง นางตอบตกลงจะไปเอาที่ดินตรงนั้นมาให้เสี่ยจอมทัพ เพราะคิดว่ามันคือทางออกที่ไม่ยากเย็น จอมทัพให้เหตุผลว่าส่งคนไปมากมาย แต่โดนปฏิเสธกลับมาหมด เลยคิดว่าคงต้องส่งคนที่อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่าจะมาสนใจเรื่องที่ดิน
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ใช้เสน่ห์ของคุณให้เป็นประโยชน์” ลูกชายของเสี่ยทัพเริ่มจะกลับมาตั้งตระหง่านอีกครั้งเพราะโดนเรียวจันทร์จับๆ คลำๆ มันอาจจะไม่ตั้งง่ายขนาดนี้หรอกถ้าคนที่บีบๆ จับๆ ลูกเขาอยู่ไม่ใช่คนที่เขาอยากฟัดมานานแล้ว
“แหม ให้ไปเป็นเมียไอ้เจ้าของที่ดินเลยมั้ยล่ะ แล้วก็ให้เขาทำพินัยกรรมมรดกยกที่ดินให้” จอมทัพยกมือขวามาลูบเคราใต้คางอย่างครุ่นคิด
“ก็ไม่แน่นะ อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่ก็เป็นไปได้…” เขาลดมือขวาลงไปวางข้างตัว มองหน้าเรียวจันทร์อย่างเทิดทูน แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นบูชา
“…ใครได้คุณเป็นเมีย คงถวายให้ทุกอย่าง ขนาดผมยังอยากถวายให้หมดเลย” เรียวจันทร์กะพริบตาปริบๆ หัวใจพองโต รู้สึกเหมือนเป็นคนที่สวยที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น แต่นี่แหละเป็นกับดักอันร้ายกาจของตาเสี่ยจอมทัพ ปากหวาน ไม่รู้ว่าก้นจะเปรี้ยวรึเปล่า ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ เพราะไม่ได้ชิม
“ไม่แปลกใจเลยที่เด็กๆ จะเข้าหาคุณ หยอดเก่งจริงนะ” หนุ่มหน้าหวานแกล้งบีบรัดทัพน้อยจนทัพใหญ่ถึงกับส่งเสียงซี๊ดออกมา
“คุณลองอ่านประวัติของ
ไอ้คมเขี้ยวเจ้าของไร่ก่อนก็ได้นะ” เรียวจันทร์รู้สึกสะดุดหูกับชื่อเจ้าของไร่มาก นางขมวดคิ้วแล้วยิ้มงงๆ
“ชื่อแปลกดี” จอมทัพพยักหน้า รู้สึกปวดหนึบตรงนั้น แต่เรียวจันทร์ก็ยังคงบีบๆ คลำๆ ต่อไป
“ในซองมีประวัติคร่าวๆ ของมันอยู่ ลองอ่านดู จะได้เตรียมตัวถูก” ร่างบางขมวดคิ้ว รู้สึกนึกประหลาดใจอยู่ในใจตนเอง
“มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมถึงอยากได้ที่ดินตรงนั้นจัง” จอมทัพยกยิ้มมุมปาก แวบหนึ่งเรียวจันทร์เห็นแววตาเหี้ยมเกรี้ยมของอีกฝ่าย
“เพราะว่าผมอยากได้น่ะสิ”
“อ้อ เพราะความอยากล้วนๆ สินะ” เรียวจันทร์ยักคิ้วหนึ่งที พยักหน้าหงึกหงักอืมๆ ไม่คิดถามต่อ เพราะถ้าตอบมาแบบนี้ก็ไม่ได้มีเหตุผลยิ่งใหญ่อะไรมากมาย นอกจากอยากได้มากจริงๆ
“เหมือนที่อยากได้คุณนั่นแหละ” จอมทัพจ้องเรียวจันทร์ด้วยสายตาคมกล้า เปลือกตาไม่ขยับ จนเรียวจันทร์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ปั้นยิ้มแกนๆ ออกมา มือซ้ายที่บีบคลำจับรูดความยาวใหญ่โตของอีกฝ่ายอยู่คลายออก ปล่อยให้มันแข็งแนบไปกับกล้ามท้องของจอมทัพ
“ฉันกลับก่อนดีกว่า”
“ทำลูกผมตั้งแล้วก็จะหนีกลับเนี่ยนะ” เรียวจันทร์ยิ้มยั่ว ขยิบตาซ้ายให้หนึ่งวิ้ง ยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากสีชมพูคล้ำของคนตัวโต
“จะได้ไม่ลืมฉันไง” ร่างบางลุกขึ้นยืนไปหยิบกางเกงมาสวมใส่ คนตัวโตนั่งมองแล้วยิ้มอารมณ์ดี กัดริมฝีปากล่าง ไล่สายตาสำรวจร่างกายขาวผ่องของคนตัวเล็ก เอาศอกซ้ายยันพนักพิงโซฟาไว้แล้วใช้มือลูบหนวดใต้คางเบาๆ
รูปลักษณ์ ลักษณะนิสัยเหมาะที่จะมาอยู่ข้างเขาซะเหลือเกิน
“ถ้ามีอะไรสงสัยจะโทรหาแล้วกัน” เรียวจันทร์พูดพลางจัดเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่เข้าทาง เอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารขึ้นมาจากบนโต๊ะ ก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องไหล่
“นอกเวลาสงสัยก็โทรหาผมได้” จอมทัพยิ้มเจ้าชู้ เรียวจันทร์ยิ้มบางตอบกลับไป ก้าวเท้าเตรียมตัวเดินออกจากห้องทำงานของจอมทัพ
“อ้อ มีอะไรจะบอกอย่างนึง” เรียวจันทร์หยุดเดินแล้วหันไปเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายที่ยิ้มทะเล้นน้อยๆ
“อะไรเหรอ”
“แม่คุณติดหนี้ผมแค่สิบล้านนั่นแหละ” คนที่ยืนอยู่ทำหน้างงๆ ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ในตอนแรก แต่พอได้สติคิดตามก็เบิกตากว้างมองไอ้คนตัวโตผิวเข้มที่นั่งอ้าซ่าโชว์ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่บนโซฟา
“ไอ้เสี่ย!!” เรียวจันทร์ตะวาดแว้ด จอมทัพหัวเราะเสียงทุ้ม ยักคิ้วซ้ายหนึ่งที หน้าหวานของเรียวจันทร์ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ให้ไปแล้วอะ! โหย!
“สรุปหนี้ไม่ได้ลดลงเลยเหรอ?!” จอมทัพส่ายหัวกลับมาหน้าตาย รอยยิ้มหยันน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้าเข้มๆ
“เอาน่า จะรีบใช้หนี้ไปทำไม อยู่เป็นลูกหนี้ของผมไปนานๆ แบบนี้แหละ ผมชอบ” เรียวจันทร์กำหมัดแน่น ได้แต่แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายด้วยโมโห
“งั้นห้ามคิดดอกเบี้ย!”
“งั้นคุณก็ต้องมานอนกับผมตามที่ผมต้องการ” มุมปากทั้งสองข้างของคนตัวโตยกขึ้นเป็นรอยยิ้มมาดร้าย ทำสีหน้าว่าไม่แคร์แล้วยักไหล่สองข้างหนึ่งที เรียวจันทร์ถลึงตามองไอ้เสี่ยจอมโกหก
“ก็ได้! ดอกเบี้ยตามเดิม ไม่มีเพิ่มเติม แต่ห้ามยุ่งกับบ้านฉันนะ!” จอมทัพลุกขึ้นยืน เดินเปลือยเข้ามากอดเอวบางของเรียวจันทร์ เจ้าตัวทำสะดีดสะดิ้งเล็กน้อยให้ดูไม่ยอม แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ขัดขืนนักหนาหรอก นางไม่ใช่คนบื้อ เสียตัวให้เขาแล้วยังทำดัดจริตบิดตัวหนี มันไม่สมเหตุสมผลมะ ?!
“ไม่ยุ่งกับบ้านคุณ แต่ห้ามสั่งผมเลิกยุ่งกับคุณนะ โอเคมั้ย” เรียวจันทร์ถอนหายใจ กลอกตาไปหนึ่งที
“นี่ฉันกำลังขายตัวให้คุณอยู่รึเปล่าเนี่ย” คนตัวโตกว่าก้มลงหอมหน้าผากมน แล้วยิ้มหล่อคล้ายว่าจะล่อใจ
“ไม่น่า ผมไม่ได้ให้เงินคุณสักบาท แต่ถ้าอยากได้อะไรบอกแล้วกัน เดี๋ยวซื้อให้” นี่หลงถึงขั้นไหนกันถึงจะยอมซื้อนั่นซื้อนี่ให้
ก็แบบนี้แหละนะ ช่วงแรกๆ ก็หลงจนไม่อยากจะโงหัวขึ้นมามองเดือนมองตะวันหรอก
“อ้อ ฉันมีสิทธิปฏิเสธมาพบคุณนะ ถึงจะเป็นลูกหนี้ แต่เจ้าหนี้ก็ไม่มีสิทธิบังคับ เชื่อว่าคุณแฟร์มากพอนะคุณจอมทัพ อย่าทำลายความเชื่อของฉันทิ้งซะล่ะ” เรียวจันทร์ช้อนตามองดวงตาสีนิลคล้ายจะมีแววขู่นิดๆ จอมทัพกระตุกยิ้มนุ่มๆ ที่มุมปากซ้ายหนึ่งที
“เสี่ยจอมทัพไม่ใช่คนแฟร์เท่าไหร่ด้วยสิ ยิ่งอะไรที่เป็นผลประโยชน์กับตัวเองก็ยิ่งอยากตักตวง” เรียวจันทร์ยกมือซ้ายทุบอกหนาแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไปหนึ่งที เล่นเอาเสี่ยจอมทัพทำหน้าจุกไปนิด
“เด็กคุณก็ตั้งเยอะ เรียกมาสักคนสิ ไม่ใช่มาเรียกแต่ฉัน!” ทำอย่างกับตัวเองอดอยากปากแห้งลำบากในการหาใครสักคนมาช่วยปลอดปล่อยอย่างนั้นแหละ
“แต่ผมติดใจเด็กคนนี้” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วมองใบหน้าเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ก็ดีอยู่หรอกนะมีคนคลั่งรักขนาดนี้ แต่นางเอาแค่สนุกๆ ไง
“กลับก่อนดีกว่า ป่านนี้ลูกค้าคุณเข้ามาเต็มร้านแล้วมั้ง” เลือกที่จะตัดบทสนทนา เพราะถ้ายังพากันเถียงไปมา คาดว่าคงจบลงที่โดนเอาอีกรอบแน่ เพราะจอมทัพน้อยพร้อมออกรบมาก แนบหน้าท้องนางอยู่นี่ไง
“เดี๋ยวผมลงไปส่ง” ร่างใหญ่ผละออกจากร่างเล็ก หันไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายขึ้นมาสวมใส่บนร่างกายเปลือยเปล่า
“ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวลงไปเอง”
“ผมจะพาคุณออกทางด้านหลัง จะได้ไม่ต้องเดินผ่านไอ้พวกเฒ่าหัวงู” ว่าไปก็ดึงกางเกงยีนขึ้นแล้วติดกระดุมให้เรียบร้อย ลูกชายของเขาค่อยๆ สงบลงแต่ยังคงดุนดันเป้ากางเกงจนมันตุงอยู่บ้าง
“คุณไม่เฒ่าเลยงั้นสิ” จอมทัพยิ้มกว้างขบขันพลางติดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนหมด เดินเข้ามามาแตะเอวเรียวจันทร์แล้วพาเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปส่งว่าที่เมียที่เขาหมายตาเอาไว้ให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
เรียวจันทร์มาถึงคอนโดแจเร็ดในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ถือถุงอาหารสำหรับทานกันสองคนขึ้นลิฟต์มาด้วย ไม่ได้ซื้ออะไรมาเยอะแยะ ก็แค่อาหารง่ายๆ สำหรับทานมื้อดึกกับมื้อก่อนไปสนามบินวันพรุ่งนี้ ไม่ได้มีคนไปส่งแจเร็ดมากมาย ก็แค่นางกับเพื่อนๆ แก๊งค์แจเร็ดเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือบางข้างที่ถือของน้อยกว่ายกขึ้นเคาะประตูห้อง รอไม่นานใบหน้าหล่อเหลาของแจเร็ดก็โผล่มาพร้อมรอยยิ้มจริงใจจนหัวใจของเรียวจันทร์กระตุกวูบแปลกๆ แต่ก็กลบเกลื่อนด้วยการปั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเร็ว
“เฮ้ ไอซื้อของกินมาฝากด้วย” ชูถุงอาหารในสองมือขึ้นโชว์อีกฝ่าย
“แจ๋ว เก็บของทั้งวัน ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักนิด” เรียวจันทร์เดินผ่านเจ้าของห้องเข้าไปด้านใน เลี้ยวเข้าครัวด้านซ้ายมือเพื่อจัดแจงอาหารใส่ถ้วย ใส่จาน ให้เรียบร้อย ของในครัวไม่ได้ถูกเก็บไปด้วย แจเร็ดถึงขั้นทิ้งห้องไว้ให้นางใช้ด้วยซ้ำ ข้าวของที่เก็บไปส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นต่อหนุ่มอิตาลีมากกว่า
“เก็บของใกล้เสร็จหรือยัง” ถามไปพลางเทอาหารใส่ถ้วย ใส่จานไปด้วย
“เกือบแล้วละ จริงๆ ของไม่เยอะ ไออ้อยอิ่งเองแหละ” เรียวจันทร์หันไปมองรอยยิ้มน่ารักๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้มตาม
“ให้ช่วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก แค่ยูมาไอก็ดีใจแล้ว” แจเร็ดมายืนซ้อนหลังร่างบางแล้วก้มลงหอมแก้มไปหนึ่งฟอด เรียวจันทร์เม้มปาก แววตามีแววรู้สึกผิดแวบไปแวบมา หัวใจเต้นจังหวะแผ่วเบา แต่กระนั้นก็ยังพยายามยิ้ม
“ไอซื้อไวน์แดงมาด้วย ดื่มสักแก้วมั้ย” หันไปถามคนที่ยืนซ้อนร่างตัวเองอยู่ด้านหลัง ทำให้ปลายจมูกสัมผัสกับแก้มเนียนของอีกฝ่าย
“เอาสิ” เรียวจันทร์ยกยิ้มอ่อน จัดการหยิบขวดไวน์สีดำออกมาจากถังน้ำแข็งที่เตรียมมาพร้อม หยิบแก้วสำหรับดื่มไวน์ในครัวออกมาหนึ่งใบ แล้วเทให้แจเร็ดหนึ่งแก้ว
“ไอไปเก็บของก่อนนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวมาอยู่เป็นเพื่อน” เรียวจันทร์ยิ้มมุมปาก พยักหน้าให้กับท่าทีกระตือรือร้นของนายแบบตัวหนา ไม่ถึงกับน้ำตาจะไหลออกมา แต่มันเป็นความรู้สึกจุกที่อก
นางกับแจเร็ดไม่ใช่แฟนกัน ต่างยังมีสิทธิที่จะมีพื้นที่ส่วนตัว เพียงแต่เรียวจันทร์รู้สึกเศร้าใจกับความรัก ความจริงใจที่อีกฝ่ายมอบให้ ไม่อยากให้แจเร็ดให้มามากมาย เพราะผู้ชายอย่างแจเร็ด ดีเกินกว่าที่จะมอบสิ่งมีค่าให้กับคนอย่างนาง ร่างบางถอนหายใจพร้อมหน้าตาครุ่นคิดที่คิดมาก แต่ไม่นานก็สะบัดหัวหนึ่งทีไล่ความคิดต่างๆ ออกไป หันไปจัดการเทอาหารใส่ถ้วยกับจานจนเสร็จเรียบร้อย ยกทุกอย่างไปไว้ที่โต๊ะทานอาหาร ระหว่างที่รอแจเร็ดเก็บของ ก็หยิบซองเอกสารจากจอมทัพขึ้นมาอ่านไปพลางๆ
“คมเขี้ยว พยัคฆ์เกรียงไกร…” ริมฝีปากสีชมพูสดพึมพำเสียงแผ่วเบา ไล่สายตาอ่านประวัติคร่าวๆ ของชายหนุ่มที่ยังไม่ได้เห็นหน้า ในประวัติที่จอมทัพให้มาไม่ได้ละเอียดลออถึงขั้นว่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือมีนิสัยแบบไหน เวลาว่างทำอะไร บอกแค่ชื่อพ่อ ชื่อแม่ วันเดือนปีเกิด แล้วก็หน้าที่การงาน แจกแจงกิจการทั้งหลายที่ชายหนุ่มผู้นี้ครอบครองอยู่ เรียวจันทร์ได้แต่ส่งเสียงอู้หูเมื่อพบว่าพ่อคมเขี้ยวนั้นร่ำรวยไม่ใช่เล่น แบบว่าพี่แกไม่ได้มาเล่นๆ พี่แกมาเพื่อชนะได้เลยทีเดียว
“กรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินติดอุทยานแห่งชาติจำนวนหกหมื่นไร่ อื้อหือ…” คงจะเป็นที่ตรงนี้หรือเปล่าที่จอมทัพต้องการเหลือเกิน มันสวยงามขนาดไหนกันเชียว ถึงต้องส่งคนเข้าไปกลมกลืนกับคนพวกนั้น
“เจ้าของฟาร์มม้า วัว แพะ แกะ โอ้ย เลี้ยงกี่ชนิดกันเนี่ย เปิดสวนสัตว์หรือเปล่า” อ่านข้อมูลไปก็บ่นงึมงำกับตัวเองไป พลิกอ่านกระดาษเอสี่สี่ห้าแผ่นอย่างเชื่องช้า ส่วนมากมีแต่ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจแล้วก็ที่ดินของหมอนี่ แล้วก็แผนที่ของฟาร์ม ซึ่งใหญ่โตมโหฬาร แต่คิดว่าคงไม่ใช่ใหญ่ที่สุดในประเทศหรอก
“มีรูปมั้ยเนี่ย” เรียวจันทร์แหวกซองเอกสารเพื่อหารูป แต่ก็ไม่มี คิดว่าจอมทัพคงไม่ถึงขั้นส่งคนไปแอบถ่ายรูปพ่อเขี้ยวคมคนนั้นหรอกนะ นางถอนหายใจเซ็ง ถ้าได้เห็นหน้าสักหน่อยก็คงจะดี บางทีอาจจะนึกแผนอะไรออกบ้าง
“กูเกิ้ลๆ” พอนึกได้ว่าถ้าจอมทัพไม่มีรูปให้ ก็หาจากคุณปู่กูเกิ้ลเนี่ยแหละ ท่าทางหมอนั่นก็ดูจะดังในโลกธุรกิจมากอยู่เหมือนกัน ต้องมีใครเคยไปสัมภาษณ์หรือถ่ายรูปมาให้บ้างแหละน่า นิ้วเรียวยาวพิมพ์ชื่อกับนามสกุลลงไปในช่องค้นหา รอไม่นานก็ปรากฏภาพถ่ายของชายหนุ่มขึ้นมา แต่ก็ยังเห็นไม่ชัด แต่ดูแล้วก็มีเค้าโครงความหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย เรียวจันทร์เลื่อนดูลิงก์ต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมาหน้าเว็บไซต์ ที่น่าทึ่งอย่างไม่คาดคิดคือหมอนี่มีแฟนเพจด้วย คนกดไลค์ครึ่งแสนเลยทีเดียว อ่าฮ่า! ไม่ธรรมดานะเนี่ย
“โอ้ว หล่อแฮะ…” พอกดเข้าไปดูรูปใหญ่จากนิตยสารของสังคมธุรกิจและไฮโซก็ต้องอุทานเบาๆ เมื่อได้เห็นหน้าคมเข้มด้วยหนวดเคราของพ่อคมเขี้ยวที่อยู่ในชุดเสื้อลายสก็อตสีฟ้าคู่กางเกงยีนสีดำ รองเท้าบู๊ทหนังและหมวกคาวบอย ในรูปดูดีมาก และคาดว่าตัวจริงน่าจะไม่ต่างจากในนี้นักหรอก ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวเชียวนะ เทียบกับจอมทัพที่มาแนวคมเข้มเหมือนกันแล้ว พ่อเขี้ยวคมก็ดูจะแซ่บไม่แพ้กัน
“เฮ้!” เสียงแจเร็ดดังมาจากด้านหลัง เรียวจันทร์ไม่ได้ลนลานกดปิดหน้าจอเหมือนโดนผัวจับได้ว่ามีชู้ ก็แค่หันไปยิ้ม นิ้วก็กดออกหน้าเว็บตามปกติแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างจานอาหาร
“รอนานมั้ย” แจเร็ดถามพลางนั่งลงตรงข้ามกับเรียวจันทร์ คนถูกถามส่ายหัวพร้อมส่งยิ้มละมุนให้
“ไม่นานหรอก”
“แล้วนี่อะไรเหรอ” แจเร็ดบุ้ยปากไปตรงกองกระดาษเอกสาร หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวผัดปูเข้าปากหนึ่งคำ
“เอกสารเรื่องงานน่ะ ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก” เรียวจันทร์ตัดบท ไม่ได้โกหก ก็เรื่องงานจริงๆ แล้วก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหนาด้วย ก็แค่ภารกิจที่ต้องไปพิชิตให้สำเร็จเท่านั้นเอง
“นี่ ถ้ายูว่างๆ แล้วอยากไปพักผ่อนที่อิตาลี บอกไอนะ เดี๋ยวออกค่าตั๋วให้” เรียวจันทร์ยิ้มตาเป็นประกายแล้วยกไวน์ของตัวเองขึ้นจิบ
“ว้าว จริงเหรอ ไอไปได้จริงๆ เหรอ”
“จริงสิ แม่ไออยากเจอยูด้วยนะ ไอส่งรูปยูให้ดู เขาชมว่ายูเป็นผู้ชายที่สวยมากเลย” คนถูกชมว่าสวยหัวเราะน้อยๆ อย่างมีจริต
“ได้สิ ถ้ามีเวลาจะไปนะ ไอเองก็ยังไม่เคยไปอิตาลีเลย คงต้องสวยมากแน่ๆ” แจเร็ดกลืนข้าวลงคอแล้วยกไวน์จิบตามลงไป
“รับรองยูจะต้องติดใจจนไม่อยากกลับ เดี๋ยวไอพาไปเวโรน่า พาไปลูบนมจูเลียต” เรียวจันทร์หัวเราะอารมณ์ดี ทำให้แจเร็ดหัวเราะตามไปด้วย เรียวจันทร์นั่งฟังแจเร็ดพูดถึงบ้านเกิดด้วยความสนใจ มีถามแทรกบ้างเป็นบางช่วง แจเร็ดพูดซะจนเห็นภาพชัดเจน ทำเอาอยากจะบินตามไปด้วยเลย
“ไปมั้ยล่ะ เดี๋ยวไอเลื่อนวันกลับได้” เรียวจันทร์ยิ้มอ่อนโยน มองหน้าแจเร็ดด้วยหัวใจที่บีบรัด รู้สึกอึกอักในอกกับการที่อีกฝ่ายใส่ใจ สนใจตัวนางเหลือเกิน
“ไม่เป็นไร ยูรีบกลับบ้านเถอะ นัดครอบครัวไว้แล้ว อย่าผิดคำพูดเลย” แจเร็ดยิ้มเซ็งหน่อยๆ แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะชวนคุยไปเรื่องงานที่ต้องทำในช่วงที่อยู่อิตาลี ซึ่งก็เกี่ยวกับนายแบบนางแบบ
เรียวจันทร์ยิ้มตามกับรอยยิ้มสดใสของอีกฝ่าย ในอกอึดอัดน้อยๆ ไม่ได้ถึงขั้นรู้สึกผิดมากหรือรู้สึกร้ายแรงกับตัวเองเหมือนว่าได้หักหลังคนอื่นอย่างรุนแรง เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้พูดความจริงที่ว่า นางกับแจเร็ดไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่นอนด้วยกัน แล้วคุยๆ กันอยู่ ยังไม่ทันเดตกันด้วยซ้ำ ไม่มีสถานะใดๆ ต่อกัน ก็คงไม่ผิดนักที่จะพูดแบบนี้
ขอโทษนะแจเร็ดที่ดันมารักคนแรดอย่างเรียวจันทร์
ฟาดไปห้ารอบ แล้วเสนอให้เขาเองด้วย 55555 แต่ท้ายสุด ขุ่นแม่ก็โดนเสี่ยตลบหลัง ก๊ากกก
พี่คมเขี้ยวโผล่มาแล้วนะ ฮี่ๆ แม้จะยังไม่เจอหน้ากัน แต่ก็ได้รู้จักผ่านอากู๋ละ อิๆ
ตอนหน้าเจอกับพี่เขี้ยว มาดูซิว่าพี่เขี้ยวจะมาแนวไหน ถ้าใสๆ จะเอาเรียวจันทร์อยู่มั้ย
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ แล้วเจอพี่เขี้ยวตอนหน้านะคะ อิๆ