ครึ่งวันเช้าสุทธิรักษ์ทำงานแทบไม่รู้เรื่อง แต่หลังจากถูกหัวหน้าเรียกไปตักเตือนเรื่องงบจัดซื้ออุปกรณ์ที่รวมตัวเลขผิดพลาด เขาพยายามตั้งสมาธิให้ดีอีกครั้งด้วยการปัดคุณหมอกวินออกไปจากความคิด แล้วการทำงานก็ลื่นไหลไปได้ดังที่ผ่านมาทุกวัน พอครึ่งวันบ่ายเขาก็ยุ่งหัวหัวหมุนจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากงาน
หมอกวินโทรเข้ามาเมื่อใกล้เวลาเลิกงานเพื่อถามสถานที่นัดหมาย แต่เขาที่กำลังยุ่งหัวปั่นกับเอกสารด่วนของลูกจ้างที่ต้องส่งกระทรวงฯ ในวันพรุ่งนี้เช้าจึงออกปากปฏิเสธไปเพราะคิดว่าคงต้องเลิกงานช้าอย่างน้อยเกือบครึ่งชั่วโมง แต่คุณหมอก็ยังยืนยันที่จะอยู่รอ เขาไม่ได้คัดค้านอะไรเพียงคิดว่าพอถึงเวลาเข้าจริงๆ คุณหมออาจจะรอไม่ไหวแล้วไปก่อนเอง
ไม่คิดว่ายี่สิบนาทีต่อมาคุณหมอจะยังรออยู่จริงๆ
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมพับแขนขึ้นดูสบายๆ ขับเน้นรูปร่างตึงแน่นกับแผงอกกว้างแบบคนออกกำลังกาย กางเกงผ้าสีน้ำเงินเข้มกับสลิปออนคู่สวยสีเดียวกับเสื้อ ช่วงขาวยาวนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่ราวกับหลุดออกมาจากนายแบบนิตยสาร สายตากำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ราคาแพงในมือ ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังยืนจ้องอยู่แม้แต่น้อย
สุทธิรักษ์ยืนค้างกลางประตู สองตามองคุณหมอประจำใจด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งขัดเขินทั้งซึ้งใจในคราวเดียวกันจนปั้นสีหน้าตัวเองไม่ถูก เขาคิดจริงๆ ว่าคุณหมอคงกลับไปแล้วและเขาก็ไม่โกรธด้วยถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น แต่อีกฝ่ายกลับนั่งรอเขาเงียบๆ ไม่มีการส่งข้อความไปเร่งเร้าเขาสักประโยค และการที่ปวดหัวกับงานมาทั้งวันแล้วได้พบกับสิ่งที่ทำให้เจริญตาเจริญใจแบบนี้นับว่าเป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่าทีเดียว
“ยืนขวางประตูเพื่อ” เสียงคุ้นหูไล่หลังมา เรียกให้สายตาคนรอคอยเงียบๆ ละความสนใจจากมือถือได้ในที่สุด สุทธิรักยิ้มตอบคุณหมอรูปหล่อเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาให้พ้นทางรุ่นพี่ที่อยู่ทำงานเกินเวลาเหมือนกัน หากพออีกฝ่ายเดินออกมาแล้วเห็นคุณหมอเท่านั้น สองเท้าก็พลันชะงักงันรีบถอยกลับไปหารุ่นน้องที่ยังคงยืนเก้กังไม่ไปไหน
“หล่อบาดขั้วหัวใจเจ้ไปเลย” สาวโสดวัยล่วงสามสิบต้นๆ นามนันทวรรณเอ่ยกระซิบกับรุ่นน้อง สองตาที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีพราวระยับด้วยไม่ค่อยพบเจอของดีราคาแพงในโรงพยาบาลชั้นสองแบบนี้ บรรดาหนุ่มๆ ที่เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ไม่เรียกว่าหน้าตาด้อยแต่อย่างใด หากพอเห็นกันทุกวันจนชินตารู้นิสัยกันมากเข้าความหล่อมันก็ลดลงไปจนไม่น่าตื่นเต้นในที่สุด
“มาติดต่อเรื่องอะไรรึเปล่านะ” สาวสวยพึมพำกับตัวเอง ไม่ได้สนใจรุ่นน้องที่กำลังอึกอักอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย
“เสร็จงานแล้วหรือครับ” เป็นหมอกวินที่ลุกขึ้นทักทายทำลายความประดักประเดิด ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มพิฆาตที่ทำเอาคนมองทั้งสองตาพร่าไปชั่วขณะ เขาถือว่าตัวเองมีภูมิดีกว่าอีกคนตรงที่เห็นมาหลายครั้ง ผิดกับสาวคนข้างๆ ที่แอบเขย่าแขนเขาพร้อมกับส่งเสียงร้องเบาๆ อย่างอดไม่อยู่
นั่นคืออาการที่เขาอยากจะทำตอนที่เห็นรอยยิ้มของคุณหมอครั้งแรกเหมือนกัน
“เราไปกันเลยไหมครับคุณรัก” สิ้นคำของแขกแปลกหน้า นันทวรรณถึงกับใช้สายตาหรี่เล็กหันมาจ้องเขา
“อะไรยังไง? เป็นเพื่อนกันก็ไม่บอก” รุ่นพี่สาวส่งเสียงขัดใจหากสายตายังคงเหลือบมองคนตัวสูง
“คือว่า...” สุทธิรักษ์เกิดอาการอึกอักอย่างแท้จริง เขาไม่รู้จะบอกความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ยังไงดีจริงๆ เป็นแค่คนรู้จัก? ก็ดูจะหยามน้ำใจคุณหมอเกินไป หรือจะให้บอกว่าเป็นเพื่อน? มันก็ยังไม่สนิทชิดเชื้อกันถึงขนาดนั้น
คิ้วเรียวขมวดมุ่นขณะใช้ความคิด แต่ดูท่าจะไม่จำเป็นต้องอีกแล้ว เพราะคนที่กำลังมองด้วยสายตาขบขันระคนเอ็นดูนั้นตัดสินใจเดินหมากหนึ่งตา แม้จะตั้งใจเก็บไว้ใช้ในโอกาสที่ดีกว่านี้ก็ตามที
“ผมกวินครับ เป็นเพื่อนกับคุณรัก” กวินหันไปบอกหญิงสาวตรงหน้า หากสายตาก็ยังเอาแต่เหลือบมองชายหนุ่มอยู่ตลอด
“...และผมก็หวังว่าคุณรักจะยอมให้เราพัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้นไปอีก”
ทันทีที่พูดจบ ปฏิกิริยาของคนฟังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวที่นับว่าหน้าตาสะสวยตรงหน้าหลิ่วตามองรุ่นน้องสลับกับเขาอย่างทราบถึงความนัยน์ ส่วนอีกคนนั้นบัดนี้ถูกความขาวพาให้สีแดงระเรื่อฉาบทับสองข้างแก้ม สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มดูอดทนข่มกลั้นได้อย่างน่ามองเหลือเกิน หากเพียงครู่เดียวเท่านั้น ระบบความคิดก็คงเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งส่งผลให้คิ้วคู่งามขมวดผูกปม แสดงสีหน้าราวกับถูกเขากลั่นแกล้งเสียใหญ่โต
“พี่ไปก่อนนะรัก สาวโสดอย่างพี่ทนเหม็นกลิ่นความรักไม่ค่อยไหว” กวินยิ้มขันกับท่าทางปัดอากาศไปมาของหญิงสาว ทำเอาคนข้างตัวออกอาการกินปูนร้อนท้องขึ้นมา
“พี่นัน!! มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ!!”
“จ้าๆ ไปก่อนนะคะคุณกวิน” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยตอบกลับคำลา ต่อเมื่อหญิงสาวเดินจากไปแล้วก็เหลือเพียงชายหนุ่มตัวเล็กที่แสนจะมีน้ำมีนวล ท่าทางกระฟัดกระเฟียดที่เห็นนั้นไม่ได้ช่วยให้คนทำดูน่ากลัวเลยสักนิด แต่กลับดูน่ารักด้วยแก้มเต่งตึงที่คล้ายจะเป่งขึ้นกว่าเดิม ไหนจะริมฝีปากอิ่มสีชมพูธรรมชาติที่ขยับไปมาไม่หยุดราวกับสบถใส่เขาอีก
มันน่าดูน้อยเสียเมื่อไหร่
“คุณหมอล้อเล่นแบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ!”
“แย่ยังไงครับ” เขาถามกลับเสียงซื่อ ทั้งที่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มกับท่าทางอีกมุมที่เพิ่งจะเคยได้เห็น
“ผมต้องโดนล้อไปอีกนานแน่เลย” คนน่ารักโอดครวญ “ไม่คิดเลยว่าคุณหมอจะขี้แกล้งแบบนี้”
กวินหัวเราะเบาๆ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เขาอุตส่าห์ยอมรุกเดินก่อนเวลาแล้วแท้ๆ แต่คนตัวเล็กกลับคิดว่าเป็นการหยอกเล่นเสียได้ ดูเอาด้วยสองตาก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้กันแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมเข้าข้างตัวเองเอาเสียบ้าง คอยแต่จะหนีห่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงจะคิดเองเออเองว่าเขามีไมตรีให้เพราะเป็นคนรู้จักกัน
ถ้าเขาอยากจะเป็นแค่นั้น คงไม่ลงทุนแอบปล่อยลมจักรยานจนแบนแต๊ดแต๋แบบนั้นหรอก!
“ไปกันเถอะครับ” ฝ่ามือใหญ่แตะแผ่นหลังของอีกคนแผ่วเบาให้ออกเดินไปพร้อมกัน อมยิ้มยามสุทธิรักษ์ปล่อยลมหายใจออกมายาวเหยียดคล้ายกับยอมรับชะตากรรมในที่สุด “คุณรักอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?”
“ตอนนี้ไม่มีครับ เลือกร้านที่คุณหมอชอบได้เลยครับผมกินง่ายสบายมาก”
“งั้นเป็นชาบูนะครับ ผมยังไม่ได้กินกลางวันมาด้วย ตอนนี้หิวจนเห็นคุณรักเป็นเนื้อชาชูไปแล้ว”
“คุณหมอ~ ล้อผมอีกแล้ว” คนข้างกายโอดครวญเสียงสูงน่าฟัง หากครู่เดียวสีหน้าก็พลันรู้สึกผิด “...ขอโทษนะครับ เพราะต้องมารอผมแท้ๆ”
“ผมเต็มใจครับ”
“..........”
อา...เมื่อไหร่เขาจะได้ฟัดแก้มแดงๆ นั่นจนหนำใจได้นะเมื่อมาถึงซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ละแวกบ้าน เราก็มุ่งลงชั้นใต้ดินอันมีร้านอาหารหลากหลาย เมื่อพบร้านเป้าหมายก็ตรงเข้าไปอย่างไม่ลังเล พนักงานพามานั่งโต๊ะพร้อมกับแจกเมนู ต่างคนต่างเปิดหน้าเลือกสรรสิ่งที่ต้องการชนิดที่ไม่มีการปรึกษากันให้เสียเวลาเล่นเอาพนักงานบันทึกออเดอร์ในเครื่องมือเป็นระวิง
“เท่านี้ก่อนครับ” กวินปิดเมนูเล่มใหญ่หลังจากสั่งไปไม่ต่ำกว่าสิบรายการ
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?” พนักงานถามเป็นอย่าสุดท้าย
“ผมขอน้ำแตงโมครับ” สุทธิรักษ์ตอบด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันมามองเขา “คุณหมอเอาเหมือนกันไหม?”
ผมยิ้ม หากส่ายหน้าแล้วบอกพนักงาน “ขอชามะนาวครับ”
“ผมนึกว่าคุณหมอชอบน้ำแตงโมซะอีก” สุทธิรักษ์รอจนกระทั่งพนักงานเดินจากไปถึงได้ถามตามความสงสัย คำถามนั้นออกจะทำให้คนรับฟังขัดเขินได้ไม่น้อย อีกคนคงคิดเอาเองตามสิ่งที่เคยเห็นแต่คงต้องโทษตัวเขาเองที่ทำให้ถูกเข้าใจเป็นอย่างนั้น ก็เขาเห็นว่าสุทธิรักษ์ชอบน้ำแตงโมเสียเหลือเกิน มาซื้อน้ำหน้าคลินิกเขาทีไรก็สั่งแต่น้ำแตงโมปั่นสีหวานๆ สมหน้าตา ไอ้เขาก็อยากให้อีกฝ่ายสนใจบ้างก็เลยลองสั่งเหมือนกันไป
“ที่จริงผมชอบดื่มกาแฟครับ หรือไม่ก็ต้องเป็นน้ำที่มีรสเปรี้ยวสักหน่อยถึงจะถูกปาก” กวินอมยิ้มพลางเอ่ยต่อ “เห็นคุณรักชอบสั่งแต่น้ำแตงโมปั่น ผมอยากรู้ว่ารสชาติแบบไหนที่คุณรักชอบ วันนั้นก็เลยลองสั่งดูบ้าง”
“แล้วเป็นไงครับ?”
“อืม...ก็หวานชื่นใจดีครับ ดื่มแล้วคิดถึงคุณรักเลย”
“..........”
พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟได้เวลาถูกใจคนขี้อาย สุทธิรักษ์เลยได้โอกาสหาอะไรทำกลบเกลื่อนความขัดเขินที่กระจายบนใบหน้า ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้ม เขาเองก็ไม่อยากรุกหนักให้อีกฝ่ายลำบากใจจนเกินไปเลยทำมองเมินเปลี่ยนมาให้ความสนใจกับอาหารแทน
และเขาก็ได้รู้...เนื้อตัวที่ช่างมีน้ำมีนวลน่าจับต้องนั้นไม่ได้มาเพราะความหนาของมวลกระดูกแน่ๆ
สุทธิรักษ์กินง่ายอย่างปากว่า แถมยังกินน่าอร่อยไปเสียทุกอย่าง ทำเอาเขามองเพลินจนกินเกินพอดีตามไปด้วย ดีแค่ไหนแล้วที่อีกฝ่ายกินดุขนาดนี้แล้วยังตัวไม่อวบอ้วน คงต้องขอบคุณระบบเผาผลาญอันดีเยี่ยมในร่างกายล่ะนะ เพราะสังเกตจากเนื้อนิ่มๆ ไร้กล้ามเนื้อแล้วนั้น สุทธิรักษ์คงไม่ใช่นักออกกำลังกายที่ดีแน่นอน
กวินรีบชิงออกค่าอาหารทั้งหมดเมื่ออิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า แม้จะถูกคัดค้านอย่างหนักแต่เขาก็ยื่นคำขาดในการให้อีกคนเป็นเจ้ามือบ้างในครั้งหน้าเอาตัวรอดมาได้อย่างสบาย หลังจากนั้นก็พากันเดินไปเลือกรถเข็นคนละคันแล้วเข้าสโตร์เพื่อเลือกซื้อของ เพื่อเป็นการเว้นระยะให้ความเป็นส่วนตัวทั้งสองจึงตัดสินใจแยกกันเดินหลังจากนัดแนะจุดนัดพบในอีกสี่สิบนาทีข้างหน้า
ชายหนุ่มเข็นรถไปยังโซนอาหารสัตว์ก่อนเป็นอันดับแรก ออกแรงยกกระสอบใบเล็กสองลูกสำหรับอาหารสุนัข และหนึ่งลูกสำหรับอาหารแมว และยังมีถุงเล็กใหญ่อีกหลายถุงไว้ให้คุณๆ ที่บ้านได้ผลัดเปลี่ยนรสชาติบ้าง เขายังวนเวียนดูอาหารเสริมกับขนมสำหรับสัตว์อีกหลายนาทีก่อนจะโกยลงรถมาได้หลายกล่อง ถัดจากนั้นก็ไปหยิบอาหารปลาทองอีกสองถุงใหญ่ก็เป็นอันจบ
เหลือเวลาอีกตั้งยี่สิบกว่านาที แต่คนไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อแล้ว กวินเข็นรถไปตามทางเรื่อยเปื่อยพลางสอดส่องมองหาของน่าสนใจ เดินไปจนถึงโซนอาหารก็ไปกวาดอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็งมาได้อีกหลายถาด ได้ผักไว้แกล้ม กับผลไม้อีกสองสามชนิด รวมถึงนมและธัญพืชอีกเล็กน้อย
พอถึงเวลาไปจุดนัดพบ สุทธิรักษ์ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วกึงกับอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นรถเข็นของเขาเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย กวินออกจะขัดเขินตัวเองไม่น้อย คราแรกก็ตั้งใจหาเรื่องมากับสุทธิรักษ์จะได้เพิ่มความสนิทสนม ไปๆ มาๆ กลับได้ของกลับบ้านมากกว่าอีกคนซะอีก
“ทำไมอาหารแช่แข็งเยอะขนาดนี้ล่ะครับ” คนตัวเล็กเอ่ยถามขณะรอต่อคิวชำระเงิน
“ก็ผมเป็นชายโสดที่ทำอาหารเลี้ยงดูปากท้องตัวเองไม่เป็นนี่ครับ”
“แต่ร้านอาหารตามสั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคลินิกเองนะครับ”
“พอดีว่ารสมือไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไหร่น่ะ” กวินตอบ หากความจริงต้องบอกว่ารสมือของป้าคนนั้นนับว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว แต่เสียตรงที่ว่าไม่ค่อยดูแลสภาพร้านสักเท่าไหร่ สัตว์เลี้ยงไม่ได้รับเชิญเลยมากมายจนเห็นเดินผ่านไปมาต่อหน้า วันหนึ่งที่เขาไปนั่งรอสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นแมลงสาปตัวโตกำลังเดินผ่านกองผักที่ล้างตั้งไว้บนลังน้ำแข็ง
เขาไม่ได้แพร่งพรายออกไปก็จริง แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่กินอาหารร้านนั้นอีกเลย
จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็ถึงคราวขนย้าย กวินรวบรวมทุกอย่างให้มาอยู่ในรถคันเดียวกันเพื่อเข็นไปยังลานจอดแล้วช่วยกันจัดวางลงบนหลังรถโดยมีถุงกระสอบของเขาปูรองเป็นฐานให้ทุกสิ่งอย่าง เขาวางกระสอบอาหารแมวของสุทธิรักษ์ไว้อีกมุมหนึ่ง อดประเมินน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยความชุ่มชื่นใจไม่ได้ อาหารแมวยี่ห้อนี้ไม่นับว่าดีที่สุดก็จริง แต่ถือเป็นระดับกลางที่ดีเกินกว่าจะซื้อเลี้ยงแมวจรจัดหลายตัวได้
กวินรักสัตว์ถึงได้เลือกเรียนสัตวแพทย์และเลือกหากินกับสายอาชีพนี้ด้วยความรัก เขาเคยคบหากับคนที่ถูกใจแต่ไปกันไม่รอดเพราะความรักในสัตว์เลี้ยงมีไม่สมดุลกันก็มาก แต่ครั้งแรกที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งมองแมวกินข้าวอยู่นานสองนานก็ให้ดึงดูดความสนใจ อาศัยที่บ้านของเพื่อนสนิทอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยทำให้มีโอกาสเห็นภาพนั้นอีกหลายครั้ง
ภาพใบหน้าอิ่มเอิบมองฝูงแมวด้วยรอยยิ้ม ภาพขณะดูแลเปลี่ยนชามน้ำใหม่ทุกวันหลังฝูงแมวจากไป ภาพยามผ่อนคลายกับสายลมและต้นไม้ร่มรื่นในสวนสาธารนะกลางหมู่บ้าน วิถีชีวิตแสนจะเรียบง่ายที่เขาเห็นมาหลายเดือน กระทั่งคืนที่บังเอิญเห็นอีกฝ่ายวิ่งหอบเหนื่อยแทบขาดใจไปตามทางสลัว
หากเป็นคนอื่นเขาอาจจะปล่อยผ่านไป
แต่เมื่อเป็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยกวินจึงไม่รีรอที่จะหยุดถาม และภาพที่เขาเห็นเบื้องหน้าคือใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อโทรมกาย ลมหายใจกระแทกหนักหน่วงหวิดขาดใจ หางเสียงสั่นไหวด้วยความกลัวที่ส่งขึ้นไปถึงแววตา
ทั้งหมดเพียงเพราะแมวที่ถูกทำร้ายในอ้อมอก
วินาทีนั้นกวินได้ตัดสินใจ...เขาจะไม่ปล่อยคนๆ นี้หลุดมือไป
“คุณรักทำอาหารเป็นไหมครับ?” คุณหมอหนุ่มชวนคุยขณะติดไฟแดงอยู่บนท้องถนน หากเป็นเมื่อก่อนคงได้หงุดหงิดเล็กน้อย แต่มาตอนนี้เขากลับอยากให้ไฟแดงยืดระยะเวลาออกไปเรื่อยๆ
“พอได้ครับ พอดีว่าครอบครัวผมเปิดร้านอาหารสืบต่อกันมาหลายรุ่นก็เลยได้เรียนรู้มาบ้าง”
“ร้านอะไรหรือครับ? คราวหน้าคราวหลังผมจะได้ตามไปชิม”
“ชื่อร้านหอมมะลิครับ มีทั้งอาหารไทย อาหารจีน ไว้ผมจะพาคุณหมอไปเลี้ยงตอบแทนนะครับ”
“อันนี้เข้าตำราเรือล่มในหนองทองจะไปไหนหรือเปล่าเนี่ย” กวินหัวเราะพลอยให้อีกคนยู่ปากราวกับถูกจับได้ แต่เขาก็ทราบดีว่าค่าอาหารที่อีกคนว่าจะตอบแทนคงเทียบกันไม่ได้ ราคาที่เขาจ่ายไปมื้อนี้ไม่ถึงพันบาท หากไปกินร้านอาหารที่ว่าไม่แน่เงินสามพันจะเพียงพอหรือเปล่าด้วยซ้ำ
เขาเคยไปทานร้านหอมมะลิอยู่สองสามครั้ง มื้อหนึ่งแม้จะผ่านการหารกันมาแล้วก็ยังตกคนละพันนิดๆ แม้จะเป็นสวนอาหารที่ค่อนข้างราคาสูงแต่วัตถุดิบทุกอย่างก็สดใหม่จัดหนักทุกจาน ยิ่งตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจด้วยแล้วนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถ้าไม่ได้จองโต๊ะล่วงหน้าอาจไปเก้อก็ได้
รถยนต์คันใหญ่ขับล่วงหน้ามาจอดหน้าบ้านหลังประจำ ชายหนุ่มดับเครื่องก่อนจะลงมาเปิดประตูหลังเพื่อจัดการแยกถุงสินค้า ซึ่งไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าของบ้านก็ปั่นจักรยานมาถึงด้วยรอยยิ้ม
“คุณรักเปิดบ้านเลยครับ เดี๋ยวผมช่วยขนเข้าไปให้”
“...ขอบคุณครับ” สุทธิรักเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนหันไปรีบเร่งไขกุญแจเปิดรั้วให้กว้าง
กวินตรงเข้าอุ้มกระสอบข้าวแมว ปล่อยให้คนตัวเล็กหิ้วถุงของใช้น้ำหนักเบาเดินนำเข้าบ้านไป กลับออกมายังช่วยเข็นจักรยานเข้าที่เก็บให้อีกต่างหาก
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ คุณหมอใจดีมากๆ เลย”
“ผมเต็มใจครับ”
“..........”
เป็นอีกครั้งที่เขาได้โลมเลียความน่ากินของผิวแก้มแดงระเรื่อผ่านทางสายตา
เมื่ออิ่มหนำทางใจเต็มที่ กวินก็เดินกลับไปที่รถ เปิดช่องเก็บของหยิบซองสีขาวที่เตรียมเอาไว้ออกมา แล้วล้วงหยิบธนบัตรสีม่วงหนึ่งใบจากในกระเป๋าเงินออกมารอท่า เขาเดินกลับไปหาเจ้าของบ้านแล้วยื่นทั้งหมดส่งให้
“อ...อะไรครับเนี่ย!?” ใบหน้าชวนมองบัดนี้เหรอหราเช่นเดียวกับที่เขาคิดเอาไว้
กวินชี้ไปที่แบงค์สีม่วงเป็นอันดับแรก “วันนั้นที่ร้านน้ำคุณให้เงินไว้แล้วก็เผ่นไปเลย ผมเลยอาสารับเงินทอนมาให้แต่ก็ลืมไปทุกที”
“แต่นี่?” สุทธิรักษ์ชูเงินเต็มใบที่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเงินทอน
“ไว้คุณรักเลี้ยงผมคืนแล้วกันนะ” พูดจบก็จุดรอยยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าอย่างว่าง่าย คราวนี้เขาชี้ไปที่ซองสีขาวที่เหลือ “ส่วนนี่เป็นเงินค่ารักษาเจ้าเหมียวครับ ผมบอกแล้วว่าคุณไม่ต้องจ่ายก็ยังแอบไปชำระเองอีก”
“แต่ว่าผมเป็นคนพาไปนะครับ ต้องออกค่ารักษาเองถึงจะถูก” ครานี้รอยยิ้มของกวินไม่อาจจบเรื่องได้ง่ายๆ เช่นเคย “มันไม่ใช่พันสองพันนะครับแต่ทั้งหมดตั้งหมื่นกว่าบาท แถมคุณหมอยังรับเลี้ยงเจ้าแมวต่ออีก เลี้ยงดีจนมันอ้วนกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“ผมเต็มใจนี่ครับ”
“
ไม่ครับ!!”
กวินเกาหัวแกร่กๆ นัยน์ตาคมจับจ้องคนตีหน้าขึงขังอย่างอ่อนใจ ทุกครั้งเห็นว่าตามน้ำไปกับเขาตลอดไม่คิดว่าจะมีส่วนดื้อแบบนี้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็พอให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบเอาเปรียบใคร
“รับเงินไปเถอะนะครับคุณหมอ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้าสู้หน้าคุณได้หรอก” สุทธิรักษ์ยังคะยั้นคะยอไม่เลิก พยายามยัดซองเงินให้เขาที่เอาแต่ปัดป้องท่าเดียว
“แต่ผมตั้งใจเอามาคืนคุณรักนะครับ ถ้าคุณไม่รับก็เท่ากับว่าความตั้งใจของผมไร้ความหมายแล้ว” คำตัดพ้อได้ผล คนตัวเล็กนิ่งเงียบไปในทันใด ส่งเสียงอ้อมแอ้มตอบอย่างรู้สึกผิด
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ”
“อืม...เอางี้ไหมครับ” กวินเสนอหนึ่งในความคิดที่แล่นเข้ามาในหัว “ถ้าคุณรักไม่อยากรับเงินส่วนนี้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นค่าจ้างผูกปิ่นโตกับคุณดีไหม”
“หืม?” คนฟังเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ น่ารักเสียจนคนมองต้องเผยยิ้มออกมา
“ผมเองก็ไม่อยากกินอาหารแช่แข็งบ่อยๆ หรอกนะครับ แต่ยังหาร้านข้าวใกล้ๆ ที่ถูกใจไม่เจอ ทีนี้คุณรักทำอาหารเป็น ผมก็เลยอยากฝากท้องไว้ด้วยคน ไม่ต้องทำทุกวันทุกมื้อหรอกครับ แค่ช่วงเวลาที่คุณรักว่างก็พอ จะได้ไม่รบกวนคุณรักมากไป”
“แต่...ถ้าผมทำไม่ถูกปากคุณหมอล่ะครับ?”
“คุณรักไม่มั่นใจตัวเองหรือครับ?” คุณหมอหนุ่มย้อนถามด้วยรอยยิ้ม ปลุกความเชื่อมั่นของคนฟังเสียไฟลุกพลุ่งพล่าน “ถ้ามื้อไหนคุณรักจะทำปิ่นโตมาก็ไลน์บอกผมก่อนผมจะได้หิ้วท้องรอ และเผื่อวันไหนไม่สะดวกจะได้รู้ล่วงหน้ากันก่อน ...ดีไหมครับ?”
“ดีครับ” สุทธิรักษ์พยักหน้าเห็นชอบ ริมฝีปากอิ่มเม้มกลั้นรอยยิ้มจนสองแก้มเต่งใสอย่างกับแป้งฮะเก๋า
“คุณรักครับ...” หมอกวินเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม สองตาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววปรารถนา อยู่มาตั้งหลายสิบปีเพิ่งจะมีครั้งนี้ที่ความรักจู่โจมเขาได้อย่างหนักหน่วงที่สุด
“เรื่องเมื่อเย็น...ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ”
ใบหน้าขาวใสเงยขึ้นสบสายตาสับสน หากใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็คล้ายจะนึกถ้อยคำที่ผ่านมาของเขาออก แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อยามประมวลข้อความเมื่อกี้เข้าไว้ด้วยกัน
“ผมอยากให้เราเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน...หวังว่าคุณรักจะให้โอกาสผมนะครับ”
คลับคล้ายจะมีบางอย่างระเบิดปุ้งในหัว
สุทธิรักษ์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ตอบอะไรออกไปหรือไม่ ในหัวสมองตอนนี้นั้นขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก เขาถูกคนที่แอบชอบไปรับที่ทำงาน พาไปกินข้าว ไปซื้อของ พูดคุยกันมากมาย เขาถือว่าเป็นความสุขทิ้งทวนก่อนจากกันแท้ๆ แต่... แต่เขาไม่คิดเลย...
คุณหมอชอบเขาอย่างนั้นเหรอ!?
เรื่องที่เป็นไปไม่ได้จนไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น!
มันเกิดขึ้นจริงๆ เหรอ...
“เข้าบ้านเถอะครับ” เขาถูกเสียงนุ่มชักจูงอย่างว่าง่าย
สุทธิรักษ์เดินกลับเข้าไปรูดรั้วเหล็กแล้วจัดการล็อกบ้าน เขาทำทุกอย่างราวกับราวกับอยู่ในความฝัน เดินล่องลอยเข้าบ้านไปโดยที่ลืมบอกลาคุณหมอเสียด้วยซ้ำ กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเรียบร้อยก็ยังมึนงงไม่หาย จนล้มตัวลงบนที่นอนก็ยังรู้สึกว่าทุกถ้อยคำเป็นเพียงจินตนาการ
ดวงตาเรียวกระพริบมองเพดานอย่างเลื่อนลอย เขาอยากจะหลับฝันไปทั้งแบบนี้เหลือเกิน...
สุทธิรักษ์จำใจกระชากตัวเองออกจากความฟุ้งซ่านชั่วครู่เพื่อคว้าโทรศัพท์มาตรวจเช็คข้อความอย่างที่ทำประจำ และบนหน้าจอนั้นก็ปรากฏข้อความเดียวจากคนที่ทำให้เขาเพ้อหนักขนาดนี้
WIN_KaWIN [ผมจะรอคำตอบจากคุณนะครับ]
WIN_KaWIN [ราตรีสวัสดิ์]
WIN_KaWIN [ฝันถึงผมบ้างนะครับ...ที่รัก]
ระเบิดอีกลูกพุ่งลงกลางสมอง
เขาเดาว่าวันรุ่งขึ้น ข้างบ้านคงจะมาสอบถามเรื่องเสียงกรีดร้องของเขาในคืนนี้อย่างแน่นอน
• • • • • • • • • • • • • โปรดติดตามต่อ•วันอังคารหน้า • • • • • • • • • • • • •
เปิดตัวแมวหนุ่มนาม ‘อัลโทนีโอ บวารี่ คูเท่น เดอ มองฟรัวร์ ที่แปด’ อย่างเป็นทางการ
ชื่อยาวจริ๊งงงง และโปรดอย่าถามหาความหมาย 555
เขาตัวนี้จะยืนในตำแหน่งไหนของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์สองคน
โปรดติดตามนะจ๊ะ
เผื่อใครไม่รู้ว่าน้องแมวสายพันธุ์ RAGDOLL เป็นยังไง
นี่คือรูป ref.ของคุณโทนี่เขาล่ะค่ะ หล่อเหลาเอาการเลยใช่มั้ย
[รูปตัวอย่างจ้า ขออภัยเจ้าของภาพ หาเครดิตต้นทางไม่เจอจริงๆ]