Chapter 14
คนที่จะเริ่มต้นใหม่
“ ยังชอบกินแต่ผักอยู่เหมือนเดิมเลยนะ ”
“ ก็เหมือนเดิมแทบทุกอย่างนะ ” เธอขำเมื่อผมพูดไปแบบนั้น ขำอะไรอะผมจริงจังนะเนี่ย
ตอนนี้เรากำลังกินชาบูอยู่ครับ เธอบ่นว่าอยากพาผมมาเลี้ยงเนื่องในวันเกิดซึ่งผมก็ว่างพอดีเพราะอาจารย์เพิ่งยกคลาสคาบบ่ายไปแต่ต่อให้มีเรียนผมก็หาทางมาอยู่ดีนั่นแหละ
“ ปกติมาบ่อยไหม ”
“ ชาบูอะนะ ” เธอพยักหน้า
“ นานๆทีน่ะ ” ครั้งล่าสุดก็ตอนที่มากับพวกไอ้จิน
“ พาสาวมากินอะดิ ”
“ อย่างเราเนี่ยนะจะพาสาวมา ”
“ ก็ไม่แน่นะ เธอน่ะฮอตจะตาย ” ผมส่ายหัวแล้วมองเธออย่างขำๆ
เธอและผมต่างคนต่างเงียบก่อนจะจัดการกับชาบูตรงหน้า
ไลน์~
A_d: ทำอะไรอยู่
เสียงไลน์ทำให้ผมหันมาสนใจมือถือ
“ เธอ ”
“ หืม ” ขณะที่ผมกำลังจะตอบแชทไอ้อิฐก็ต้องเก็บมือถือแล้วหันมาสนใจเธอแทน
เธอบอกผมเสมอว่าเวลากินห้ามเล่นมือถือ
ผมจำได้ทุกอย่าง ทั้งที่ควรจะลืมมันไปตั้งนานแล้ว
“ กินเสร็จเราไปดูหนังกันไหม ”
“ ได้สิ วันนี้เราว่างทั้งวันแหละ ”
“ ไม่ใช่ว่าโดดเรียนมาอยู่กับเราหรอกนะ ” เธอรู้ทันผมอีกแล้ว
ผมมีความสุขจนเหมือนกับว่าตอนนี้กำลังฝัน ผมมองเธอก่อนจะยิ้มออกมาไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็คือคนที่อยู่ในใจผมเสมอแต่เธอไม่ได้เลือกผมเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน
ผมมองแผ่นหลังของคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีที่กำลังยืนซื้อตั๋วหนังอยู่ก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับมาหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใครต่อให้เคยเจอก็จำหน้าไม่ได้
พาสาวมาดูหนังสินะ…
“ ดูเรื่องไหนดี ” ผมถูกดึงความสนใจจากคนข้างๆก่อนจะได้คิดอะไรต่อ
“ หนังรักตัดทิ้งแล้วกันเนาะ ” เธอไม่ชอบหนังรักเธอเคยบอกว่ามันโรแมนติกเกินไป
แต่หนังรักมันก็ไม่ได้โรแมนติกทุกเรื่องสักหน่อยนะผมว่า
“ เอาเรื่องนี้แล้วกัน ” เธอชี้ไปยังโปสเตอร์เรื่องที่เกี่ยวกับแฟนตาซีเรื่องหนึ่งผมจึงเดินไปซื้อตั๋วให้ ส่วนคนที่ผมเห็นเมื่อกี้ก็หายไปแล้วสงสัยคงเข้าโรงหนังไปแล้วมั้ง
“ เข้าไปกันเถอะ ” เธอพยักหน้าก่อนเราสองคนจะเดินเข้าไปในโรงหนัง
ดูท่าทางหนังเรื่องนี้จะเป็นที่สนใจของหลายๆคนเพราะคนเกือบเต็มดีที่ผมยังซื้อตั๋วทัน
ผมเดินเข้าไปที่นั่งของตัวเองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่นั่งถัดไปคือไอ้อิฐและผมก็เห็นว่าคนที่นั่งถัดไปคือเพื่อนไอ้อิฐ ไอ้อิฐมากับเพื่อนด้วยสินะไม่ได้มากับผู้หญิงแค่สองคน
อยู่ๆผมก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ นั่งลงสิเธอ ” เสียงเธอทำให้ไอ้อิฐหันมาเห็นผมพอดี เหมือนมันจะตกใจแวบหนึ่งแล้วก็ทำหน้านิ่งใส่ผม
“ ทำไมไม่ตอบไลน์ ” พอผมนั่งลงมันก็ขยับมากระซิบ
“ ลืมอะ โทษที ” ผมตอบตามความจริงแต่ดูเหมือนว่าความจริงจะทำให้ไอ้อิฐไม่พอใจสักเท่าไหร่
“ อ๋อ…ลืมไปว่าไม่สำคัญ ” ผมหันไปมองหน้ามันทันทีมาแนวนี้ไม่ใช่ว่ามันจะงอนผมหรอกนะ
“ งอน? ” ถามทั้งที่รู้ว่ามันต้องงอนผมแน่ๆ
“ เปล่า ” ปากบอกเปล่าแต่ไม่หันมามองหน้าผมเลยสักนิด
“ แน่ใจ? ” ผมพยายามพูดให้เบาที่สุดเพราะกลัวจะไปรบกวนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
เธอที่พอหนังเริ่มฉายก็หลุดเข้าไปในโลกของหนังโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ เงียบน่าจะดูหนัง ” น่าจะงอนแบบจริงจังเลยครับรุ่นนี้
ในเมื่อมันบอกให้ผมเงียบผมจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วทักไลน์มันไปซะเลย
LM: เดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงข้าว
ไอ้อิฐหันมามองผมถึงในโรงหนังจะมืดแต่ผมเห็นหน้ามันชัดเจน เหมือนกับว่ามันจะเริ่มสนใจผมขึ้นมาบ้างแล้ว
“ อย่าลืมซะล่ะ ” มันพูดแค่นั้นก่อนจะตั้งใจดูหนังต่อ
อย่างน้อยมันก็ยอมรับข้อเสนอของผมล่ะนะ…
“ เธอ...มีแฟนรึยัง ” เธอถามแล้วหันหน้ามามองผม
“ ไม่มีหรอก...แล้วเธอล่ะ ” เธอยิ้มก่อนจะเอ่ยประโยคที่ไม่ได้เกินความคาดหมายของผมเท่าไหร่
“ มีแล้ว”
“ เขาดีใช่ไหม ” ถามว่ารู้สึกเสียใจไหมคงตอบไม่ได้เต็มปากว่าไม่ แต่มันก็คงดีสำหรับผมที่จะเลิกยึดติดกับเธอสักที
“ ดีมากเลยล่ะ ”
“ ดีแล้ว...ที่มีคนดูแลเธอ ” ผมยิ้มให้เธอที่ไม่ใช่การฝืนยิ้มแต่มันเป็นยิ้มจากใจจริงๆ
“ แล้วเธอไม่คิดจะหาคนดูแลบ้างหรอ ”
“ ตอนนี้คงยังล่ะมั้ง ”
“ เริ่มต้นใหม่แล้วมีความสุขเถอะนะ ”
เธอหวังดีกับผมเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนี้ก็เช่นกัน
และผมก็ได้รู้ว่าผมไม่เหมาะที่จะยืนเคียงข้างเธอ เมื่อก่อนผมไม่ยอมรับแต่ตอนนี้ผมยอมรับมันแล้ว
“ เราจะกลับพรุ่งนี้ตอนเย็นนะ ”
“ เดี๋ยวเราไปส่งเธอที่สนามบินนะ ”
“ งั้นเราจะรอนะ ” ผมพยักหน้าให้เธอ
“ เข้าไปข้างในเถอะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ”
เธอพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะโบกมือให้ผมแล้วเดินเข้าไปข้างในโรงแรม
แค่สองวันมันคงทดแทนที่ผมรอมาเกือบสามปีได้ล่ะมั้ง...
.................
“ ขอบคุณที่มาส่งนะ ”
“ ครับ ” ผมยื่นถุงที่ข้างในมีกล่องของขวัญให้เธอ
“ อะไรหรอ ”
“ ตอนนั้นเราไม่ได้ให้ แต่ตอนนี้เธอรับมันไว้ได้ไหม ” ของขวัญที่อยู่กับผมมาเกือบสามปีได้ถูกส่งไปยังมือของคนที่ควรจะได้รับมันไปตั้งนานแล้ว
“ ตอนนั้น...เราขอโทษนะ ” เธอมองผมแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เราไม่ได้โกรธเธอเลยนะ ”
ผมถอดสร้อยที่ใส่มันตลอดจนถึงตอนนี้หวังจะคืนให้กับเธอ เป็นสร้อยที่เธอให้ตอนวันเกิดเมื่อหลายปีก่อน
“ เราว่าเราคงเก็บมันไว้ไม่ได้แล้วล่ะ ” เธอรับสร้อยจากผมแล้วเปิดดูสมุดวาดรูปที่มีแต่รูปเธอจนกระทั้งน้ำใสๆหยดลงใส่ภาพวาด
เธอร้องไห้...
“ เราขอโทษนะ ฮึก ”
“ อย่าโทษตัวเองเลย ” ผมคว้าเธอมากอดก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ
“ รักษามันไว้ด้วยนะถือว่าเป็นความทรงจำระหว่างเรา ”
ที่พูดไปก็เหมือนบอกตัวเอง จากนี้เธอจะอยู่ในความทรงจำของผมและผมก็หวังว่าผมจะอยู่ในความทรงจำของเธอเช่นกัน
“ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะ ”เธอผละออกแล้วเช็ดน้ำตาพอลวกๆ
“ เราควรพูดประโยคนี้มากกว่านะ เพราะเธอเราถึงเป็นคนที่ดีขึ้นอยู่ทุกวันนี้ ”
“ เปล่าหรอก เพราะเธอดีอยู่แล้วต่างหาก ”
“ พูดแบบนี้เราก็เขินแย่ดิ ” ผมทำท่าเขินแล้วเธอก็ขำออกมา อย่างน้อยก็เป็นการจากลาครั้งที่สองที่ไม่ได้เศร้าเหมือนครั้งแรกล่ะนะ
“ ยิ้มเยอะๆนะ กิมบอกว่าเธอไม่ค่อยยิ้มเลย ”
“ ทำไมคุยกับไอ้กิมแต่ไม่คุยกับเราล่ะ ” ไอ้กิมยิ่งดูเหมือนไม่น่าไปคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ
“ กิมเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ”
“ ไอ้กิมมันรู้อยู่แล้วรึเปล่าว่าเธอจะมา ”
“ เปล่าหรอก กิมเพิ่งรู้ตอนเรามา ” ถึงมันจะรู้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะแค่ถามเฉยๆ
“ ใกล้ถึงเวลาแล้วเราไปแล้วนะ…ดูแลตัวเองดีๆนะ ”
“ เธอก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองดีๆ ”
ไม่มีใครชอบการจากลาหรอกครับ ผมก็เช่นกัน
“ มีความสุขเยอะๆนะ! ” เธอหันมาตะโกนแล้วโบกมือให้ผม
ผมโบกมือกลับก่อนจะตะโกนกลับไป
“ เธอก็เหมือนกันนะ! ”
เธอไปแล้ว
ผมมองแผ่นหลังที่ค่อยๆลับตาไปเรื่อยๆก่อนจะรู้สึกว่าใจที่มันหนักอึ้งเริ่มเบาลง เหมือนกับความรู้สึกทั้งหมดมันได้ปลดล็อคแล้วหลงเหลืออยู่แค่ความผูกพันธ์ เธอเริ่มใหม่ได้แล้วเหลือผม
ที่ต้องเริ่มต้นใหม่และเดินต่อไปให้ได้สักที
หวังว่าเธอจะมีความสุขรวมถึงตัวผมด้วย
เธอเป็นเหมือนสายลมที่พัดพาความสุขมาแล้วพอถึงเวลาก็จากไป
สายลม ที่เป็นทั้งชื่อของผมและคำนิยามที่ผมให้เธอ
ผมยืนอยู่จนกระทั่งเครื่องบินขึ้น
ขอให้เธอโชคดี....
ผมหันหลังกลับหวังจะเดินไปหารถแล้วกลับหอ แต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้า
ไอ้อิฐ
“ ทีหลังถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องนัด คนอื่นจะได้ไม่ต้องรอ ” มันพูดแค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินออกไปทันที สีหน้ามันเอาเรื่องมากพร้อมกับเสียงนิ่งๆนั้นยิ่งทำให้มันดูน่ากลัว
ผมประมวลคำพูดมันสักพักก่อนจะนึกได้ว่าผมนัดมันกินข้าว
ชิบหาย!!!
คิดได้ดังนั้นผมจึงหยิบมือถือออกมาดูทันที
ชิบหายจริงๆแล้วไหมล่ะ ทั้งไลน์ทั้งโทรมาแต่ผมกลับไม่รู้เรื่องเลยเพราะวันนี้ผมดันปิดเสียงไว้
เวรแล้วไอ้ลมเอ้ยย
ผมจะไม่ร้อนใจเลยถ้าผมไม่ได้นัดมันตอนเช้าแล้วผมดันลืม และตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว!
ก๊อก ก๊อก
ไม่มีเสียงตอบรับเหมือนครั้งล่าสุดที่มา คือตอนมันไม่สบายซึ่งนานพอสมควร
และไม่มีการเปิดประตูออกมาตอนผมจะหันหลังกลับเหมือนเมื่อก่อนเพราะผมยืนอยู่หน้าห้องมันมาพักใหญ่แล้ว
ไลน์ไปขอโทษก็ไม่ตอบ โทรหาก็ปิดเครื่อง
เกมแล้วมึงไอ้ลม
แล้วผมจะทำยังไงวะเนี่ยงานช้างซะแล้วสิ เล่นปิดเครื่องใส่แบบนี้มันงอนผมนานแน่ๆ
“ ไอ้อิฐมันมาถามหามึงอะ กูเลยบอกมันไปแล้วสรุปได้เจอกันปะ ” พอผมเดินเข้ามาในห้องไอ้ไม้ก็ถามทันที แปลก วันนี้มันไม่ไปเที่ยว
“ เจอ ”
“ ดีละ ” ดีกับผีอะดิ มันงอนกูอยู่เนี่ย
“ ไอ้ไม้ ”
“ อะไร ทำหน้าจริงจังอะไรของมึง ”
“ เวลาเพื่อนงอนนี่ต้องง้อยังไงวะ ” ถามมันน่าจะดีที่สุดเพราะมันง้อคนบ่อย
“ ไอ้อิฐงอนมึงหรอเดี๋ยวมันก็หายน่า มันเคยงอนมึงได้นานชะที่ไหน ”
“ แต่ครั้งนี้มันปิดมือถือหนีกูเลยนะ ”
“ แบตหมดรึเปล่า ” อันนี้น่าคิดแต่มันน่าจะชาจแล้วสิผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนะ
“ กูว่ามันปิด ”
“ มึงคิดในแง่ดีหน่อยดิ ”
“ นี่มึงจะไม่ช่วยกูคิดใช่ปะ ” ผมเริ่มคิดแล้วนะว่ามันกวนตีน
“ ทำไมมึงดูแคร์มันจังวะ ทีกูยังไม่เห็นจะง้อเลย ”
“ กล้าพูดนะมึงใครวะที่ตามซื้อขนมไปง้อตอนมึงงอนเนี่ยไอ้สัส ” อารมณ์ที่หงุดหงิดบวกกับมันกวนตีนทำให้ผมหยิบหมอนแล้วปาใส่หน้ามันโดนเต็มๆเลยครับ สะใจ
“ เอาน่าถ้ามันตอบค่อยขอโทษมัน แต่ถ้าไม่ตอบก็ไปหามันเลย ”
มันต่างจากที่ผมทำตรงไหนวะเนี่ย
พอหยิบมือถือมาดูก็ไม่มีวี่แววของคนที่ผมอยากให้ตอบกลับมาเลย
ไว้ค่อยคิดก็แล้วกันยังไงวันนี้มันคงไม่ตอบแชทผมแน่ๆ
“ ไอ้ลม มึงไม่ได้มีซัมติงอะไรกับไอ้อิฐใช่ปะ ” อยู่ๆมันก็พุ่งมาหาผมและดูคำถามมันครับ
“ กวนตีน ”
“ กูว่ากูดูออก ” ไปดูแฟนมึงนู่นไอ้ห่า
“ ว่างก็ไปหาอะไรยัดปากไป ”
“ เขินแหละดูออก ” ผมเกลียดคำว่าดูออกของมันชิบหายเลยครับ ดูออกทั้งปีทั้งชาติ
ผมเลิกสนใจมันแล้วนอนแผ่ลงบนเตียง เหมือนว่าจะโล่งอกเรื่องหนึ่งแต่ต้องมาหนักใจอีกเรื่องหนึ่ง
ให้ตายสิขออะไรที่มันง่ายกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ!