ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน
เช้าวันเสาร์ที่พระอาทิตย์เพิ่งจะส่องแสงโผล่มาให้มนุษย์โลกทั้งหลายได้รับรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้วแต่ผมยังนอนเล่นบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ทำงานมาทั้งคืน เช้าวันเสาร์แบบนี้อยากนอนตื่นสาย ๆ บ้าง เพราะวันธรรมดาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวทั้งไปโรงเรียนของตุลย์กับการไปทำงานของตัวเอง
มองดูนาฬิกาแล้วได้แต่มุดศรีษะลงไปในผ้าห่มผืนหนาเพื่อซุกหาความอบอุ่น ซึ่งปกติเช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ เป็นวันที่ผมอนุญาตให้ตัวเองตื่นสายกว่าวันทำงานได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะถ้ามากกว่านี้ตุลย์จะมาโวยวายเรื่องอาหารเช้า แต่ถ้าผมตื่นแล้วแค่นอนเล่นไปมาไม่กี่นาทีก็ต้องลุกขึ้นมาแล้วล่ะ ก็เพราะมันเป็นนิสัยแล้วนะสิที่ว่าตื่นแล้วมันจะนอนต่อไม่ได้อีก
นี่ก็นอนพลิกตัวได้สามรอบถ้วน ก็ลุกขึ้นมาเก็บผ้าห่มและเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวจากนั้นเดินลงไปหน้าบ้านออกมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย เดินไปที่ก็อกน้ำที่มีม้วนสายยางอยู่ก็จัดการดึงสายยางออกมา กดหัวฉีดให้เป็นละอองฝอย เพื่อรดน้ำต้นไม้กับหญ้าที่สนามไม่ให้มันเหี่ยวเฉาไปมากกว่านี้
พลางมองดูรอบ ๆ บ้าน สังเกตว่าต้นไม้ที่โครงการปลูกให้มีบางต้นที่เริ่มเหี่ยวแห้งตายไปบ้าง คงต้องถึงเวลาสะสางแล้วหามาปลูกเพิ่มเติมแล้วมั้งงานนี้ ฉีดน้ำไปที่สนามหน้าบ้าน ก็สูดเอาอากาศยามเช้าเข้าปอดไปด้วย นาน ๆ ตื่นมาเจออากาศดี ๆ แบบนี้ก็สดชื่นไปอีกแบบ
เสียงตึงตังดังออกมาจากตัวบ้านพร้อมเสียงตะโกนเรียกหาผมลั่น แต่ผมก็ไม่ได้ขานรับหรอก ให้วิ่งออกมาหานั่นแหล่ะดีแล้ว จะได้ออกมาข้างนอกบ้านตอนเช้า ๆ มั่ง
“น้ากันต์ ๆ ๆ อยู่ไหนค้าบบบบ” เสียงเรียกยังดังต่อเรื่อย ๆ
“แฮ่ก ๆ ๆ อยู่นี่เอง ตุลย์เรียกก็ไม่ขานตอบอ่ะ” ร่างอวบกลม วิ่งมาหยุดอยู่ข้างผม ผมทำเพียงแต่หันไปมองแล้วหันมารดน้ำต้นไม้ต่อเท่านั้นเอง
“ว่าไง แล้วจะเรียกทำไมเสียงดัง น้าได้ยินอยู่แล้ว แต่อยากให้ตุลย์มาหาตรงนี้เองแหล่ะ”
“น้ากันต์ทำอะไร รดน้ำต้นไม้เหรอ มันจะตายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นสวยเหมือนที่บ้านเก่าเราเลยเนอะ ที่นั่นนะดอกไม้ที่แม่ปลูกสวยกว่านี้ตั้งเยอะ หอมกว่าด้วย” สายตาของตุลย์มองไปรอบ ๆ พร้อมกับบ่นออกมา
“แล้วตุลย์อยากปลูกเหมือนที่บ้านเก่าเราไหมล่ะ” ผมหันไปถามเจ้าตัวอ้วน
“อืม อยากปลูกให้เหมือนที่แม่ปลูกเลยนะ บ้านเราจะได้หอม ๆ สวย ๆ น้ากันต์ส่งสายยางมาตุลย์ช่วยรดน้ำให้” มืออ้วน ๆ ยื่นมาขอสายยางกับผม ซึ่งผมก็ยื่นให้
“งั้นวันไหนว่าง ๆ เราไปซื้อต้นไม้มาปลูกกันใหม่แล้วกัน วันนี้รดน้ำแล้วเดี๋ยวค่อยถอนเอาต้นที่ตาย หรือใกล้ตายทิ้งไปก่อน” ผมยกหน้าที่รดน้ำต้นไม้ไปให้ตุลย์ส่วนตัวเองก็เดินไปหาอะไรมาขุดดินเพื่อเอาต้นไม้ที่ตายออกมากองรวมกันไว้ แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนจะทำงานเราควรต้องทานอาหารเช้ากันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหมดแรงกันไปก่อนงานจะเสร็จ
“ว่าแต่หิวหรือยัง น้าว่าไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวหมดแรง”
“ดีเหมือนกัน ตุลย์เริ่มหิวแล้ว วันนี้กินข้าวผัดกุ้งได้ไหม ขอไส้กรอกกับไข่ดาวด้วยนะน้ากันต์ เพิ่มพลังเยอะ ๆ จะได้ช่วยน้ากันต์ทำสวนให้สวย ๆ” เสียงตอบกลับมาพร้อมวางสายยางที่ฉีดน้ำรดต้นไม้ลงบนพื้น
“ได้ ตุลย์ไปล้างมือแล้วนั่งดูการ์ตูนรอก่อนไปเดี๋ยวน้าไปทำข้าวผัดให้เสร็จแล้วจะเรียก” ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับหลานชายตัวอ้วนกลมซึ่งวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ ส่วนตัวผมล้างมือในอ่างเรียบร้อยจึงเปิดตู้เย็นหยิบเอาวัตถุดิบต่าง ๆ ที่จะต้องเป็นส่วนประกอบของอาหารมื้อเช้ามาวางบนโต๊ะ
สักพักได้ยินเสียงตุลย์เดินมาเปิดตู้เย็นหยิบเอานมสดออกมาเทใส่แก้ว แล้วถือเดินไปนั่งหน้าโทรทัศน์ดูการ์ตูนหรืออะไรที่เจ้าตัวอยากดูระหว่างรอมื้อเช้า ใช้เวลาไม่นานในการจัดการทำข้าวผัด ทอดไส้กรอกและไข่ดาวสำหรับเราสองคนน้าหลาน
“ตุลย์มากินได้แล้ว ข้าวผัดเสร็จแล้ว” ผมเรียกตุลย์ให้มาทานอาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วและกำลังส่งกลิ่นหอมออกมาทั่วห้องครัว
“มาแล้ว ๆ หือออออออ หอมมากน้ากันต์ ขอบคุณมากครับ” ตุลย์ยกมือไหว้เมื่อผมยื่นจานข้าวผัดส่งให้เจ้าตัว พร้อมรินน้ำเปล่าใส่แก้วมาวางไว้ให้ จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามเพื่อทานข้าวเช้าด้วยกัน
“อย่ารีบ เดี๋ยวสำลักข้าว เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนด้วย” ไม่ลืมที่จะเตือนตุลย์เพราะกลัวว่าไอ้ท่าทางที่รีบกินจะทำให้เจ้าตัวสำลักอาหารได้
“รู้แล้วครับ ก็มันอร่อยนี่นา ตอนแรกตุลย์ก็ว่าตุลย์ไม่หิวนะน้ากันต์ แต่พอได้กลิ่นข้าวผัดเท่านั้นแหล่ะ ถึงได้รู้ว่าหิวมากกกก” เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พร้อมคำตอบ
“ก็มันจะ 8 โมง อยู่แล้วก็ต้องหิวเป็นธรรมดา ปกติตุลย์กินตอน 6 โมงครึ่งนี่ วันหยุดตื่นสายแถมยังออกไปรดน้ำต้นไม้ใช้แรงไปนิดหน่อย ไม่หิวสิแปลก ผิดปกติสำหรับตุลย์เลยล่ะ กินให้หมดวันนี้เราต้องเป็นคนใช้แรงงาน ต้องเหนื่อยอีกเยอะ” จากนั้นเราสองคนน้าหลานก็นั่งทานข้าวจนหมดจานทั้งสองคน อิ่มมากครับบอกเลย
“เฮ้ออออออ อิ่มมากน้ากันต์ พุงตุลย์จะแตกไหมเนี่ย” ว่าพลางลูบพุงกะทิน้อย ๆ ของตัวเองไปด้วย
“เก็บจานมาน้าจะล้าง ตุลย์ไปนั่งย่อยอาหารก่อนสักครึ่งชั่วโมงนะ แล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาตัวที่ไม่ค่อยได้ใส่เพราะเดี๋ยวลุยแล้วจะสกปรกซักยาก” ผมลุกเดินไปล้างจานที่อ่างล้างจานแล้วบอกให้ตุลย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใส่ตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะงานทำสวนคงเป็นอะไรที่มอมแมมน่าดู
ล้างจานเสร็จผมเลยเดินขึ้นไปเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกันสวนกับตุลย์ที่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว คงเดินไปนั่งดูทีวีเพื่อรอผมแหล่ะ ผมเดินเข้าห้องไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือก ๆ ดูได้เสื้อยืดคอกลมสีกรมท่าลายกราฟฟิกมาตัวนึง ส่วนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้นเลยเข่ามานิดหน่อยสีเทา เสร็จแล้วจึงเดินลงมาข้างล่าง
“ย่อยหมดยังตุลย์จะได้เริ่มงานเป็นคนสวน” ผมเดินมาหยุดหลังโซฟาที่ตุลย์นั่งอยู่แล้วส่งเสียงทักออกไป ตุลย์หันหลังกลับมามองแล้วยิ้มให้
“พร้อมนานแล้วน้ากันต์ ป่ะไปกันดีกว่า” แล้วเจ้าตัวก็หยิบรีโมทมากดปิดทีวีแล้วเดินนำหน้าผมออกไปที่สวนหน้าบ้าน
“เราจะเริ่มตรงไหนกันก่อนอ่ะ มันเหมือนจะตายตั้งหลายต้นนะ ดูสิน้ากันต์เหี่ยวหมดแล้วเนี่ย ต้นอะไรก็ไม่รู้ดอกก็ไม่มี”
“ริมรั้วก่อนแล้วกัน ตรงนั้นไม่ร้อน เดี๋ยวน้ากันต์ไปหาอะไรที่พอจะขุดต้นที่มันตายออกมากองไว้” ผมเดินไปทางหลังบ้านที่มีห้องเก็บของแล้วไปรื้อ ๆ ค้น ๆ ก็ได้เสียมอันเล็ก ๆ ที่เอามาจากบ้านหลังเดิมพร้อมเจอถุงมือไหมพรมพอที่จะใส่ไม่ให้มือเจ็บได้ด้วย ดีเลยนึกว่าไม่มีซะแล้ว
“เอานี่ใส่ถุงมือก่อนเดี๋ยวมือเจ็บ น้าจะขุดรอบ ๆ แล้วตุลย์ค่อยเป็นคนถอนต้นที่มันตายมากองไว้นะ” ผมยื่นถุงมือให้ตุลย์คู่นึง ส่วนตัวใส่ไว้ด้วย
“น้ากันต์ถอนออกหมด แล้วค่อยไปหาต้นไม้ที่มีดอกกับหอม ๆ มาปลูกไม่ได้หรอ ต้นพวกนี้ตุลย์ไม่เห็นว่ามันจะสวยตรงไหน มีแต่ใบ” ตุลย์ส่งเสียงถามขึ้นมาคงอยากได้ดอกไม้สวย ๆ
“จะว่าได้ก็ได้นะ แล้วแต่ตุลย์เลย อยากได้ต้นอะไรล่ะ งั้นริมรั้วฝั่งนี้เราปลูกมะลิดีไหม หอมด้วยเหมือนที่แม่ปลูกไว้ที่บ้านเก่าไง” ผมคิดว่าจะปลูกอะไรดี นึกถึงว่าเราเคยปลูกมะลิไว้ที่บ้านเพราะพี่สาวผมชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ โดยเฉพาะดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม มะลินี่ชอบเป็นพิเศษวันพระไหนมะลิออกดอกเยอะพี่ก็จะเด็ดมาร้อยมาลัยถวายพระ
“ดี ๆ ตุลย์ชอบ ตกลงเอามะลิมาปลูกตรงนี้แล้วกัน ปลูกยาวไปถึงหลังบ้านเลยนะ เวลาออกดอกเยอะ ๆ จะได้หอม เผื่อแม่จะได้กลิ่นด้วย แม่ชอบ” ผมยิ้มให้กับความคิดหลานชาย ที่ว่าจะปลูกมะลิให้แม่
“โอเค ตามนั้นเลยตุลย์ งั้นน้ารื้อต้นไม้เล็ก ๆ แถวนี้ออกหมดเลยนะ ตุลย์มาคอยลากไปรวมกันไว้ก็แล้วกัน” จากนั้นเราสองน้าหลานก็สวมหน้าที่คนสวนเต็มตัว ผมขุดตุลย์ลากไปรวมกันไว้กลางสนามหญ้า ขุดต้นไม้มันเหนื่อยเหมือนกันนะครับเนี่ย แค่ต้นเล็ก ๆ ทำไมมันใช้แรงเยอะขนาดนั้นด้วย
“เหนื่อยแล้วอ่ะตุลย์ ไม่คิดว่าจะใช้แรงเยอะแบบนี้ต้นก็เล็ก ๆ เอง” ผมบ่นไปพลางใช้ไหล่เช็ดเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้าออกอย่างไม่สนใจเท่าไรนัก
“เฮ้อ ตุลย์ก็เหนื่อย อ่ะน้ากันต์ ยังไม่ถึงไหนเลย ได้แค่ครึ่งเดียวเองแล้ววันนี้มันจะเสร็จไหม” สายตาผมเลื่อนตามแปลงต้นไม้ที่อยู่ริมรั้วไปก็พบว่าเราขุดมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง ทำไมมันยาวอย่างนี้ตอนซื้อบ้าน บ้านมันก็หลังเล็ก ๆ เองนี่ แต่พอมาลงแรงอะไรแบบนี้ทำไมกำแพงบ้านมันถึงได้ยาว
“ตุลย์ไปพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าทำต่อเอง แค่นี้สบายมากเดี๋ยวก็เสร็จ เหลืออีกครึ่งเดียวเอง แดดก็เริ่มร้อนแล้วเดี๋ยวตุลย์ไม่สบาย” ผมไล่ให้ตุลย์ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ที่พอจะมีร่มเงาบังแดด
“เดี๋ยวตุลย์ไปเอาน้ำมาให้นะ ร้อนหิวน้ำแล้วด้วย” พูดจบก็วิ่งพาร่างอวบอ้วนเข้าบ้านไป ผมเลยต้องหันมาขุดต้นไม้ออกเพื่อจะได้ให้เสร็จก่อนที่แดดจะแรงไปกว่านี้ แต่ดีนะที่ตำแหน่งที่นั่งขุดต้นไม้อยู่ตรงนี้ ตัวบ้านที่บังแสงแดดได้ดีทำให้สามารถนั่งทำงานได้จนกว่าจะเที่ยงกันเลยทีเดียว แต่ผมไม่ทำถึงเที่ยงหรอกนะครับมันร้อน
“น้ากันต์ ดื่มน้ำก่อนตุลย์เอามาให้แล้ว” ร่างของตุลย์เดินมาพร้อมกับขวดน้ำกับแก้วน้ำในมือ ผมจึงลุกขึ้นถอดถุงมือแล้วคว้าเอาขวดน้ำมารินใส่แก้ว พลางยกขึ้นดื่ม
“ขอบใจมากตุลย์ อ่ะ เอาไปวางไว้ที่โต๊ะนั้นก่อน” ได้น้ำเย็น ๆ แก้วนึงนี่มันชื่นใจเสียจริง ๆ เลย
หันไปมองกองต้นไม้ที่ถอนออกมาแล้วตุลย์ลากไปกองรวมกันไว้ก็เห็นว่ามันเยอะเหมือนกันนะ จะเก็บไปทิ้งที่ไหนคงต้องไปถาม รปภ.หน้าหมู่บ้านเพราะอย่างนี้มันใส่ถังขยะไม่ได้ซะด้วย
“น้ากันต์ เราจะไปซื้อต้นไม้กันที่ไหน แล้วไปวันไหน ตุลย์จะไปช่วยเลือกต้นมะลิ เอาอย่างอื่นด้วยได้ไหมน้ากันต์แต่ตุลย์ไม่รู้ว่าต้นไหนหอม ต้นไหนดอกมันจะออกมาแล้วสวย แม่จะได้ชอบดอกไม้ที่ตุลย์ปลูก” เสียงของตุลย์ทำให้ผมต้องหันไปมองหลานชายก็พบว่าตุลย์นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ เอามือท้าวคางไว้บนหัวเข่าไว้ แต่ใบหน้าตุลย์มีแต่รอยยิ้ม ผมจึงได้ยิ้มตามไปด้วย ไม่คิดว่าตุลย์จะจริงจังขนาดนี้
“ไปจตุจักรแล้วกัน เผื่อเราอยากได้อย่างอื่นด้วยเพราะมันขายของหลายอย่างเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปกัน วันนี้ทำแค่ตรงนี้ให้เสร็จก่อนต้องเตรียมพื้นที่ ที่จะเอาต้นไม้มาลง”
“มันไกลไหมน้ากันต์ จตุจักรเนี่ย” พลางทำท่าคิดไปด้วย เหมือนจะรู้จักเนอะอ้วนเนอะ
“ไม่ไกลเท่าไรถ้ารถไม่ติดนะ แต่เราไปเช้า ๆ แดดไม่ร้อนคงไม่ติดเท่าไรหรอก” ผมตอบข้อสงสัยให้ตุลย์
นั่งถอนต้นเกือบเสร็จหมดแล้วเหลืออีกเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้นที่หน้าบ้าน เราสองคนมองหน้ากัน ตุลย์ยักไหล่เบะปากใส่ ประมาณว่าไม่รู้ใครมาน้ากันต์ไปดูเอาเองละกัน ผมเลยได้แต่ชะโงกหน้าไปมองก็ไม่เห็นจึงต้องลุกเดินไปทางประตูหน้าบ้าน คนมาเยือนส่งเสียงออกมาทักก่อนที่ผมจะเดินถึงประตูเสียอีก
“น้ากันต์ครับ ๆ เปิดประตูให้ฟ้าเข้าไปหน่อย” เสียงเล็ก ๆ เรียกผมให้เร่งมาเปิดประตูให้เจ้าตัวที่ยืนเกาะประตูเล็กอยู่หน้าบ้านผม
“อ้าว น้องฟ้า มาได้ยังไงครับ แล้วมากับใคร” ผมเอื้อมมือไปบิดตัวล็อกประตูเพื่อเปิดให้น้องฟ้าเข้ามาข้างในบ้านพร้อมกับส่งคำถามไปให้
“มากับคุณพ่อครับ คุณพ่อพาไปขี่จักรยานที่สวนหย่อมในหมู่บ้าน แล้วฟ้าอยากมาหาน้ากันต์กับตุลย์เลยให้คุณพ่อพามา” เสียงของน้องฟ้าดังขึ้นอย่างรื่นเริง แล้วไหนคุณพ่อของน้องฟ้าละครับน้ากันต์ไม่เห็น แต่พอมองไปด้านข้างจึงพบกับร่างสูงของคุณภูยืนจูงจักรยานแอบอยู่อีกด้านหนึ่ง เสาประตูรั้วบ้านมันบังอยู่นี่เอง มิน่าตอนแรกถึงมองไม่เห็นแล้วจะยืนแอบทำไม
“อ้อ สวัสดีครับคุณภู เข้าบ้านก่อนครับ” ผมเปิดประตูให้กว้างสุดเพื่อให้ทั้งสองพ่อลูกจูงจักรยานของตัวเองเข้ามาจอดไว้ในบ้าน ทั้งสองคนเดินเข้ามาข้างในบ้านพร้อมกับจักรยาน คุณภูอยู่ในชุดเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้นเลยเข่า เนื้อผ้าบางเบาดูสบาย ๆ เห็นอย่างนี้แล้วผมว่าดูน่าเข้าหามากกว่าวันทำงานเสียอีก ส่วนน้องฟ้า ชุดที่ใส่เป็นกางเกงขาสามส่วนสีขาวสวมเสื้อสีฟ้า ลายการ์ตูนน่ารัก
“น้ากันต์ทำอะไรกันอยู่ครับ” น้องฟ้าถามขึ้นมา ผมเดินตามสองพ่อลูกเข้ามาหลังจากปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว
“กำลังขุดต้นไม้ออกครับ ว่าจะปลูกต้นไม้ใหม่ เพราะต้นที่โครงการปลูกไว้ให้บางต้นมันตาย บางต้นมันก็เริ่มเหี่ยวแล้วอีกไม่นานมันน่าจะตายเหมือนกัน” ผมอธิบายให้น้องฟ้าฟัง แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะฟังไปด้วย ทางด้านตุลย์ที่มองเห็นว่าใครมากดออดหน้าบ้าน ก็วิ่งดีใจยิ้มแป้นเข้ามาหาน้องฟ้าด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล่ป
“ช้า ๆ ตุลย์เดี๋ยวล้ม ไม่ต้องรีบก็ได้น้องฟ้าไม่ได้จะรีบไปไหนเสียหน่อย” ผมต้องส่งเสียงห้ามไม่ให้ไอ้อ้วนของผมวิ่งเร็วเกินไปเพราะกลัวว่าจะสะดุดล้มไปเสียก่อน
น้องฟ้ายิ้มรับรอยยิ้มของตุลย์ที่ส่งมาให้พร้อมเดินเข้าไปหา ผมหันไปมองหน้าคุณภูก็ไม่พบอะไร พบแต่ใบหน้าที่ดูจะร้อนเหงื่อซึมออกมานิดหน่อยตามไรผม
“คุณภูนั่งที่เก้าอี้นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม” พูดจบผมก็เดินหายเข้าไปในบ้านทันทีไม่รอให้ร่างสูงตอบรับหรือปฏิเสธ เมื่อได้น้ำดื่มกและแก้วสำหรับสองพ่อลูกแล้วผมก็เดินออกมา แต่พบว่าร่างสูงเดินไปหยุดที่กองต้นไม้ที่ผมถอนออกมากองรวมกันไว้ที่สนามหญ้า พลางกอดอกมองนิ่ง ๆ
“น้ำได้แล้วครับ น้องฟ้ามาดื่มน้ำก่อนเพิ่งขี่จักรยานมาเหนื่อย ๆ แต่ค่อย ๆ จิบนะครับเดียวจะจุกเอาได้ นี่ของคุณภูครับ” ผมจัดการยื่นแก้วน้ำที่รินไว้ให้ทั้งสองคน ซึ่งน้องฟ้านั่งอยู่ข้างกับตุลย์ที่ม้านั่งยาว
“นี่นายทำไมต้องถอนออกหมด แค่ถอนต้นที่มันตายแค่นั้นก็พอไม่ใช่หรือไง” เสียงทุ้มถามออกมาพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“ผมกะว่าจะปลูกต้นไม้ใหม่นะครับคุณภู ตุลย์เค้าอยากได้ดอกมะลิที่เหมือนกับบ้านหลังเดิมของพวกเรา แล้วคงหาอย่างอื่นมาลงด้วยแต่คงเป็นพวกไม้หอม ไม้ดอกมากกว่าไม้ใบน่ะครับ” ผมอธิบายถึงเรื่องที่ต้องถอนต้นไม้ออกมาทั้งหมดแถวริมแนวกำแพงบ้านเช่นนี้
“ใกล้เสร็จแล้วนี่ เหลืออีกนิดเดียว ฉันช่วยจะได้เสร็จไว ๆ” ภูดิสว่าพลางวางแก้วแล้วเดินไปที่แถวต้นไม้ที่รอคิวถอนอยู่ซึ่งมันก็เหลือไม่เยอะแล้ว
“ไม่ต้องหรอกครับเหลืออีกนิดเดียวเองผมทำเองได้ เดี๋ยวชุดคุณเปื้อน” ผมบอกปฏิเสธไป แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่ฟังอะไรผมเลยสักนิดกลับเดินไปหยิบเสียมมาเพื่อลงมือขุดดินรอบ ๆ ต้นไม้นั้นออก
“ฉันบอกว่าจะช่วยนะดีแล้ว แล้วก็ถอดถุงมือนายมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ส่วนนายคอยเก็บต้นไม้พวกนี้ไปกองรวมกันก็พอ” ร่างสูงหันมาทำตาดุใส่ผมพร้อมกับบังคับให้ผมถอดถุงมือให้เจ้าตัว ซึ่งผมจ้องตากลับไม่ยอมทำตามที่สั่ง จนร่างสูงทนไม่ไหวคว้ามือผมได้ก็ใช้มือใหญ่ของเจ้าตัวแหล่ะบังคับถอดถุงมือแล้วเอาไปใส่เสียเอง
“น้องฟ้านั่งรอพ่ออยู่ตรงนี้นะครับ พ่อจะขุดต้นไม้ ตรงนั้นมันร้อนไม่ต้องออกไปนะ” คุณภูหันไปสั่งให้น้องฟ้านัน่งอยู่กับที่ แต่กับที่นั้นคือข้าง ๆ ตุลย์นะครับ สงสัยจะลืมว่าเคยหวงลูกชายจนไม่ให้ใครเข้าใกล้
“งั้นน้องฟ้าเข้าไปดูการ์ตูนข้างในบ้านรอก่อนก็ได้นะครับ ตุลย์ด้วยเข้าไปล้างหน้าล้างมือ พาน้องฟ้าไปด้วยเหงื่อออกเต็มตัวแล้วก็หาขนมในตู้เย็นมากินรอได้เลยนะ”
“ครับน้ากันต์ ไปกันเถอะน้องฟ้า เดี๋ยวตุลย์พาไปดูการ์ตูนกับกินขนมอร่อย ๆ กันดีกว่า ตรงนี้ร้อนน้องฟ้าจะไม่สบาย” เฮ้ย ๆ น้อย ๆ หน่อยไอ้อ้วน นั่นไปจูงมือลูกชายเขาอีกเดี๋ยวพ่อเขาก็หันมากัดเอาหรอก ยิ่งดุ ๆ อยู่ด้วย
“ส่วนนายมาช่วยฉันขนต้นไม้นี่ไปได้แล้ว” หันกลับมาเจอกับต้นไม้ที่ถูกขุดออกมาหลายต้นแล้ว ทำไมไวจังวะ ทีผมขุดตั้งนานกว่าจะได้แต่ละต้น แต่นี่อะไรคุณภูขุดแป๊บเดียวได้เยอะแล้ว ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน หรือดินตรงนี้มันจะขุดง่ายกว่าตรงที่ผมขุด
“อ้าว ยืนเหม่อทำอะไรอีก มาเร็ว ๆ สิ ชักช้าอืออาด เมื่อไรมันจะเสร็จ” เสียงทุ้มเร่งให้ผมเดินเข้าไปช่วยพร้อมกับเหน็บผมกลับมาอีก
“ครับ ๆ รู้แล้ว ขนเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ”
“แล้วนายรู้เหรอว่าจะเอาต้นไม้พวกนี้ไปทิ้งที่ไหน”
“ไม่รู้หรอกครับ เดี๋ยวค่อยไปถามรปภ.เอาก็ได้” ผมตอบร่างสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาขุด ส่วนผมก็หอบเอาต้นที่ขุดแล้วไปกองไว้
“เฮ้อ ฉันคิดไว้แล้วว่านายต้องไม่รู้ ช่างมันเหอะ เดี๋ยวจะให้คนสวนที่บ้านมาขนออกไปทิ้งให้แล้วกันจะได้ไม่เปื้อนรถนายด้วย” โอ๊ะ ใจดีผิดปกติ แต่น้ำเสียงติดจะรำคาญนะนั่นน่ะ
“ขอบคุณครับ ดีเลยผมก็ไม่รู้จะเอาไปทิ้งยังไงเหมือนกัน นึกว่าจะต้องขนใส่ท้ายรถไปทิ้งหลายรอบเสียแล้ว”
“จะไปซื้อต้นไม้ที่ไหนมาปลูกแทนต้นพวกนี้” ถามสั้นได้อีกนะครับคุณ
“ก็ว่าจะไปจตุจักรแหล่ะครับ ง่ายดีไม่ไกลด้วย เผื่อออยากได้อะไรเพิ่มเดินหาเอาก็พอมีเพราะมันขายหลายอย่าง อีกอย่างผมก็ไม่ได้ไปจตุจักรนานแล้วไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปเยอะไหม” ผมตอบอีกคนไปพลางก้มลงไปหอบต้นไม้อีก 2-3 ต้นที่อีกฝ่ายขุดมากองไว้ข้างตัว
“อืม จะซื้อเยอะไหม”
“ไม่แน่ใจ ก็ว่าจะปลูกมะลิให้ตลอดริมกำแพงฝั่งนี้ เพราะปลูกเยอะ ๆ เวลาออกดอกมันหอมดี ตุลย์ชอบ”
“งั้นเดี๋ยวขุดเสร็จแล้วไปอาบน้ำเตรียมตัวฉันจะมารับไปซื้อต้นไม้”
“ห๊ะ!!! ว่าอะไรนะครับไปซื้อต้นไม้ คุณภูจะไปด้วยเหรอ” ผมตกใจถามออกไปพร้อมกับทำหน้าแหย ๆ
“ทำไมไปกับฉันไม่ได้หรือยังไง หรือว่ามีใครไปด้วยแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมาดูหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ผมถามกลับไปว่าจะไปด้วยกันเหรอ
“ไม่มีใครไปด้วยหรอกครับเพราะว่าไม่ได้นัดใครไว้ แต่ที่ถามเพราะว่าคุณภูจะไปจริงเหรอ จตุจักรมันร้อนนะไม่น่าจะเหมาะกับคุณภูเท่าไร”
“นายรู้ได้ไงว่ามันไม่เหมาะ แล้วฉันเดินจตุจักรไม่ได้รึไง” ทีนี้หันมาจ้องหน้าผมเต็ม ๆ เลยครับ
“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าอย่างคุณภูเดินตลาดนัดเหมือนกับคนอื่นเขาได้ด้วย นึกว่าเดินช็อปอยู่แต่ในห้างอย่างเดียวนี่ครับ” ผมตอบอย่างหวาด ๆ นิดหน่อย
“สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยมาเดินกับพวกเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอก เพราะส่วนมากก็อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ ซื้อของในห้างเพราะมันใช้ทนกว่ากัน” อธิบายมาให้ผมเข้าใจว่าเจ้าตัวก็เคยเดินตลาดนัดเหมือนกัน
“งั้นก็ตามใจเลย อยากไปก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกันนะครับ”
ผ่านไปเกือบชั่วโมงต้นไม้ตลอดแนวกำแพงบ้านก็ถูกร่างสูงของคุณภูถอนออกมาจนหมด ซึ่งผมมีแค่หน้าที่หอบไปกองไว้เท่านั้นเอง แดดเริ่มแรงขึ้น อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นตามเวลาที่สายขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งยอง ๆ ขุดต้นไม้เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลมาตามไรผมลงมาถึงคาง หยดลงสู่พื้นดิน
เห็นแบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปในบ้านหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเดินกลับออกมาที่ตำแหน่งของร่างสูงนั่งอยู่ ผมเอื้อมมือที่มีผ้าอยู่ในมือไปซับเหงื่อที่ไหลลงมาอย่างเบา ๆ แต่ใบหน้าคมเข้มก็กันมาเสียก่อน สายตาดุจ้องมองผมที่กำลังเช็ดหน้าให้ แต่ผมก็ไม่ได้หยุดมือที่ทำอยู่ ใบหน้าของคุณภูสีแดงระเรื่อเพราะร้อนและเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ร้อนมากเลยล่ะสิ เหงื่อเต็มหน้าเลย อยู่นิ่ง ๆ นะผมจะเช็ดให้ ”
ผมเช็ดจากแก้มซีกซ้ายแล้วจึงย้ายไปด้านขวา จากนั้นจึงเลื่อนมือไปซับเหงื่อที่หน้าผากให้ คุณภูหลับตาเพื่อให้ผมเช็ดเหงื่อให้สะดวกและกันไม่ให้เหงื่อไหลเข้าตา เช็ดจนหมดแล้ว ดวงตาที่หลับอยู่ก็ลืมมาสบเข้ากับดวงตาของผมที่มองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลานั้นอยู่ก่อนแล้ว
ร่างสูงยกยิ้มออกมาน้อย ๆ ดวงตาดุดูมีประกายแปลก ๆ จากนั้นมือใหญ่ของคุณภูจึงยื่นมาแย่งเอาผ้าผืนเล็กนั้นมาแล้วเอื้อมมือมาเช็ดหน้าผม
“นายก็มีเหงื่อเหมือนกัน แถมยังมีรอยเปื้อนดินด้วย” มือใหญ่ไล่เช็ดไปตามแก้มผมอย่างเบามือ ไม่นึกว่าผู้ชายที่ดูดุ เงียบขรึมเช่นนี้จะทำแบบนี้ได้ ผมไม่ได้หลับตาเหมือนคุณภูตอนที่ผมเช็ดหน้าให้หรอกนะครับ แต่ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างสูงตรงหน้าผม ดวงตาดุเข้มนั้นตอนนี้ทำไมมันไม่ได้ดูน่ากลัวสักนิดกลับดูเหมือนกับว่าผมถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดให้เข้าไปหา
ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้กว่าที่มือใหญ่จะละออกจากใบหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเมื่อสักครู่ ซึ่งนั้นทำให้ใบหน้าผมเริ่มร้อนขึ้นมา เอ ....อากาศมันร้อนขึ้นมากระทันหันหรือเปล่าวะ ทำไมหน้ามันดูเหมือนจะร้อนผ่าวพิกล
“เสร็จแล้ว นายไปเรียกตุลย์ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเดี๋ยวฉันมารับไปซื้อต้นไม้ด้วยกัน” เสียงทุ้มปลุกให้ผมออกจากห้วงความคิดบางอย่าง
“ครับ” ผมตอบรับคำเดียวอย่างสมองเบลอ ๆ พลางนึกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับผม เลยได้แต่ลุกตามแรงฉุดของร่างสูง ปล่อยให้มือใหญ่จับจูงมือผมเดินเข้าไปข้างในบ้าน
“น้องฟ้า กลับบ้านกันได้แล้วลูก” เสียงคุณภูเรียกให้น้องฟ้าที่กำลังนั่งดูการ์ตูนกับตุลย์ให้ลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน
“นายอาบน้ำรอเลยเดี๋ยวฉันมารับ ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง แค่นั้นคงพอนะ” สั่งอีกทีแล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมกับลูกชายของตนเอง
“ตุลย์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปซื้อต้นไม้กันเลย” ผมเรียกให้ตุลย์ไปจัดการตัวเอง ร่างอ้วนดีใจรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งผิดกับผมที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้า
ตึก ตึก ตึก เสียงอะไรดังขึ้นข้างในอกผม อาบน้ำไปก็คิดถึงดวงตาคู่นั้นที่เผลอจ้องไปเสียนาน เหมือนจะถูกดูดให้เข้าไปในดวงตาดุคู่นั้น ได้แต่สะบัดศรีษะไล่ความคิดสับสนออกไปจากหัว แล้วอาบน้ำแต่งตัวลงมานั่งรออยู่ข้างล่าง ซึ่งพอลงมาก็พบกับร่างของตุลย์ที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอกนนั่งรอเรียบร้อยมาก
“เสร็จแล้วไปกันเลยน้ากันต์ ตุลย์พร้อมแล้ว” ร่างอ้วนกลมลุกขึ้นมาจูงมือผมให้ออกเดินแต่ผมยื้อไว้
“เดี๋ยวก่อน รอน้องฟ้ากับพ่อน้องฟ้าก่อน บ้านนั้นเขาจะไปกับเราด้วย” ผมบอกตุลย์แล้วจึงนั่งลง ฝ่ายตุลย์ได้ยินก็ดีใจ
“น้องฟ้าไปกับเราด้วยเหรอน้ากันต์ ดีจัง งั้นนั่งรอก่อนก็ได้เนอะ จะได้ไปเดทกับน้องฟ้าด้วย โชคดีอะไรอย่างนี้พี่ตุลย์เนี่ย อิอิ” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะไอ้อ้วน แล้วการที่เขาไปซื้อต้นไม้ด้วยเนี่ยเรียกว่าเดทเหรอ
*******************************************************************
ตอนใหม่มาแล้วจ้าาาา ตอนนี้แอบใส่ความหวานเข้าไปนิดนึงเรียกน้ำย่อย เฉย ๆ เพราะกลัวว่าถ้าหวานกว่านี้จะผิดคอนเซ็ปของคุณภูที่ต้องออกแนวดุ เก็ก ๆ ขรึม ๆ
ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ รักทุกคนค่ะ
พูดคุยผ่านเพจกันได้นะคะ
https://www.facebook.com/YAOI.rak/