05
ความรู้สึกที่ชัดเจนกว่าใช้กล้องส่องทางไกล
ส่องใจแล้วเจอแต่หน้าคุณ
“สร้อยข้อมือเส้นนี้ขาด ผมอยากซ่อมให้ใช้ได้อีกนานๆ”
“มันขึ้นอยู่กับการใช้งานของคนใส่ ถ้าใส่แล้วเกี่ยวนู่นเกี่ยวนี่แป๊บเดียวก็ขาดอีก”
ทรงโปรดพิงสะโพกบนโต๊ะทำงานสีน้ำตาลเข้ม กอดอกใช้ลิ้นดุนแก้ม
“เดี๋ยวพี่ส่งซ่อมให้ ว่าแต่นี่สร้อยโปรดเหรอ”
“เปล่าครับพี่คุณ ไม่ใช่ของผม”
หม่อมราชวงศ์ทรงคุณที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เงยหน้ามองน้องชาย ก่อนคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่ามุมปากของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดกำลังยกยิ้ม
ทรงคุณหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องดูเนื้อสร้อยข้อมือ แค่สัมผัสเขาก็รู้สึกถึงความนิ่มของสร้อย ไม่แข็งบาดเนื้อ แต่ถนอมผิวของคนที่ใส่...สร้อยเส้นนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหลักแสนแน่นอน
และเขาก็ต้องขมวดคิ้ว เงยหน้ามองน้องชายอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสร้อยเส้นนี้มีป้ายสลักชื่อเจ้าของเอาไว้
♥ เอ็นดู“อ่อ ของว่าที่คู่หมั้น”
เขาหยอกน้องชายที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่แต่งงานก่อนพี่ๆ ทั้งสามคน แต่ไปๆ มาๆ ก็กลับได้ยินข่าวว่าผู้ใหญ่กำลังหาฤกษ์หมั้นหมายซะแล้ว
และปกติคุณชายทรงโปรดไม่ค่อยกลับวัง จะมาที่นี่เฉพาะเวลาที่คุณแม่บอกให้มาเท่านั้น แต่คืนนี้ทรงโปรดโผล่หน้าโผล่ตาให้ทรงคุณเห็นที่วัง พร้อมเอาสร้อยข้อมือของว่าที่คู่หมั้นติดตัวมาด้วย...
มาทำธุระสำคัญให้คนในหัวใจ
“พี่ถามจริงเถอะโปรด ไปคบกับน้องตอนไหน ทำไมถึงปิดเงียบ”
“ยังไม่ได้คบครับพี่โปรด แต่จะคบในอนาคตเร็วๆ นี้”
“อ้าว ไม่ได้คบกันแล้วไปหมั้นกันทำไม”
“พี่คุณเคยรู้สึกรักใครตั้งแต่แรกเจอมั้ยครับ”
“พรหมลิขิตหรือไง”
ทรงโปรดก้มหน้าหัวเราะเบาๆ เขาจะบอกเรื่องนี้กับพี่ชายยังไงดี บอกว่าเป็นพรหมลิขิตตั้งแรกเจอ พรหมลิขิตที่พาเขามาพบกับเอ็นดูอีกครั้งในงานเลี้ยงวันนั้น
แล้วทรงโปรดก็ล็อกคนคนนี้ไว้กับสายตา บอกตัวเองว่าอีกไม่นาน…
หัวใจของเขาดวงนี้จะมีเจ้าของที่ชื่อว่าเอ็นดูมาครอบครอง
“โปรดพูดคำว่ารักออกมาเองนะ”
“ครับ ผมพูดเอง”
“ถ้าโปรดรู้สึกแบบนั้นก็ดี พี่นึกว่าคลุมถุงชนซะอีก”
สำหรับหรับเขา ความรู้สึกที่ก่อตัวรวดเร็วกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ถือว่าเป็นการคลุมถุงชน แต่เป็นทางชี้แนะของผู้ใหญ่ที่เขาเองก็เห็นว่ามันดีและไม่ผิดอะไร ถ้าหมั้นกันแล้วก็กลายเป็นคนรัก จากนี้เขาจะได้ไปมาหาสู่ห้องน้องได้โดยไม่ต้องกังวลว่าน้องจะเสียหาย
แต่เอ็นดูเถอะ คิดเหมือนกันหรือเปล่า
ไม่ใช่ว่าป่านนี้นอนร้องไห้ตาบวมไปแล้วเหรอ
ทรงโปรดมองนาฬิกาข้อมือ Rolex เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มเศษ ตั้งแต่กลับจากคอนโดของเอ็นดูตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้เจอหน้าเจ้าคนน่ารักอีกเลย
นี่ก็เข้าวันที่สามแล้ว
คิดถึงจะแย่
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์มือถือก่อนปลดล็อกแล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นแชต เลื่อนดูรายชื่อเพื่อนที่เพิ่งเพิ่มล่าสุดเมื่อวามวันที่แล้ว หลุดยิ้มออกมาทันทีที่ตาคมเห็นรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปเซลฟี่ของเจ้าตัว
N-Doo
เขายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี หลังจากที่คุกเข่าเล่าความเท็จให้ผู้ใหญ่ฟัง คุณหญิงลักขณานัดแนะเชิญครอบครัวของเขาเข้าเยี่ยมวังวงศ์ประดิษฐ์ที่เขาใหญ่ จุดประสงค์หลักก็เพื่อหาฤกษ์ยามดีๆ เพื่อทำพิธีหมั้น และอยากให้เขาเห็นชีวิตการเป็นอยู่ของเอ็นดูสมัยยังอยู่ในวังด้วย
ก่อนกลับ ทรงโปรดรีบปลีกตัวไปคุยกับเจ้ากระต่ายน้อยของเขาที่เอาแต่ทำหน้ามู่ทู่ เขาสนใจสีหน้าที่แสดงออกว่าไม่พอใจกับเหตุการณ์ครั้งนั้น…แต่เอ็นดูก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ เลยได้แต่ทำหน้าตาน่าหยิกแบบนี้
เขายื่นไอโฟนให้น้อง เปิดไลน์พร้อมกับเข้าหน้าต่างค้นหาเพื่อน
‘อะไรครับ’
‘ขอไลน์’
‘...’
‘เบอร์โทรด้วย’
‘เอาไปทำไมครับ’
‘อัพเดตเรื่องสร้อยข้อมือ’
‘ไม่เป็นไรครับ ถ้าซ่อมเสร็จแล้ว...คุณค่อยเอามาให้ผมก็ได้’
‘เอามาให้ที่คอนโดเราใช่มั้ย’
‘เอ่อ...’
‘อยากชวนขึ้นห้องอีกใช่มั้ยล่ะ เลยไม่ยอมให้ไลน์’
‘นี่คุณ พูดเบาๆ สิครับ เดี๋ยวคุณหญิงป้าได้ยิน’
เขายกยิ้ม สนที่ไหนล่ะ ยังไงก็ต้องได้หมั้นกันอยู่แล้ว ถ้าคุณหญิงลักขณาได้ยินคงไม่เสียหายอะไร
‘ได้ แต่ถ้าไม่ให้ไลน์ ต้องบอกเรื่องที่ผับ--’
‘ผมก็จะบอกคุณหญิงป้าว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณก็แค่โกหก’
‘เชื่อได้เหรอ หลักฐานคาตาขนาดนั้น’
เอ็นดูหน้าง้ำงอ ขมวดคิ้วชนกันในขณะที่เขาเลิกคิ้วกระตุกยิ้มร้ายส่งให้
‘ไม่เป็นไร ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร’
เขาทำท่าจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่จู่ๆ เจ้ากระต่ายน้อยก็เดินมาดักหน้า เอ็นดูเม้มปาก ก้มหน้าประหม่า ก่อนแบมือขอโทรศัพท์จากเขา
‘เอามาสิครับ ผมจะได้แอดไอดี’
ทรงโปรดทำหน้านิ่งก่อนยื่นโทรศัพท์ให้เอ็นดู ปลายนิ้วนุ่มสัมผัสกับมือหนาตอนที่น้องหยิบโทรศัพท์ไปครอบครองไว้ เอ็นดูก้มหน้าพิมพ์ไอดีของตัวเอง กดแอดเองเสร็จสรรพแล้วส่งคืนทรงโปรด
ตั้งแต่วันที่ได้ช่องทางการติดต่อมา ทรงโปรดก็เอาแต่เปิดดูรูปโปรไฟล์ของน้อง สลับกับโพสต์ในไทม์ไลน์ เขาหลุดยิ้มทุกครั้งที่เห็นว่าไทม์ไลน์ของเจ้าคนน่ารักมีแต่รูปที่โชว์รอยยิ้มสวยๆ ไว้พิฆาตคนมอง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทรงโปรดหลงเครื่องหน้าที่น่ารักของน้องไปแล้ว
และเอ็นดูยิ้มสวยมาก แต่ไม่เคยที่จะฉีกยิ้มสวยๆ ให้เขาสักครั้ง
ทรงโปรดไม่ได้ทักแชตน้องไปเพราะเอาแต่ส่องรูป ส่วนเอ็นดูก็ไม่ได้ทักแชตเขาเหมือนกัน แล้ววันนี้เขาก็เพิ่งได้มีโอกาสกลับวังตอนดึกเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาส่งให้พี่ชายไปซ่อม
เขาเลิกงานตอนสามทุ่ม พอเสร็จงานก็รีบตรงมาที่วังทั้งที่ฝนยังตก
“กลับก่อนนะครับพี่คุณ ดึกแล้ว”
“โอเค ขับรถกลับดีๆ ล่ะ”
“ครับพี่คุณ ผมฝากสร้อยข้อมือด้วยนะครับ”
“ได้เลย พี่จะหาช่างฝีมือดีๆ ให้”
เขายกมือไหว้ลาพี่ชาย รบกวนเวลาพักผ่อนของหม่อมราชวงศ์ทรงคุณแล้วก็รีบเดินออกจากวังภัสร์ฤทัย ทรงโปรดกดรีโมทรถกับรีโมทประตูวังพร้อมกัน เขาเคลื่อนตัวเข้าไปนั่งในเบนซ์คันหรูที่ไม่เคยให้คนอื่นขึ้นมาโดยสารนอกคุณแม่และเอ็นดู ดึงเบลท์คาดลำตัว กำลังจะเข้าเกียร์ D แต่เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้นซะก่อน
ปกติคุณชายทรงโปรดไม่ค่อยสนใจเสียงไลน์เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขากลับหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วเข้าหน้าแชต ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาเพอร์เฟ็กต์ของทรงโปรด
จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง ก็คนที่เขาคิดถึงดันส่งแชตมาหา
ไม่รู้ว่ามือลั่นหรือเปล่า แต่หลังจากที่อ่านข้อความแล้วน่าจะไม่ คงไม่มีใครลั่นออกมาเป็นข้อความยาวๆ
มันคือกระแสของพรหมลิขิตเปล่าวะ
กระแสที่คิดถึงปุ๊บ ทักแชตมาปั๊บ
N-Doo: คุณ สร้อยข้อมือเป็นยังไงบ้างครับ ซ่อมได้หรือเปล่า
N-Doo: ขอโทษนะครับที่ทักมาดึกๆ ผมไม่รู้ว่าคุณนอนหรือยัง ถ้านอนแล้วขอโทษด้วยนะครับ
Prod: สร้อยเพิ่งส่งให้พี่คุณซ่อม พอดีเพิ่งว่าง ขอโทษที่ตอบช้า
Prod: พี่ยังไม่นอน ยังไม่ถึงบ้านเลย
ขึ้น Read เร็วจนอดคิดไม่ได้ว่าเจ้ากระต่ายน่ารักของเขาอาจจะจดๆ จ้องๆ หรือรอการตอบกลับอยู่ ทรงโปรดกำลังจะทิ้งโทรศัพท์ไว้บนเบาะข้างคนขับ แต่ไลน์ก็เด้งข้อความของน้องขึ้นมาอีก
N-Doo: อ่า ครับ
N-Doo: คุณจะไปผับเหรอครับ
นั่นแหละ ทรงโปรดต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้อีกครั้ง
Prod: เห็นพี่เป็นคนชอบเที่ยวหรือไง
N-Doo: ครับ
N-Doo: เอ้ย
Prod: เพิ่งทำงานเสร็จ แล้วก็แวะมาหาพี่คุณ เอาสร้อยมาให้ซ่อม
Prod: ตอนนี้กำลังจะกลับแล้ว กำลังจะขับรถกลับแต่มาตอบแชตเราก่อน
Prod: ไม่ได้แวะผับหรือเที่ยวที่ไหน
ปกติเขาไม่ชอบพิมพ์อะไรยาวๆ แต่เพราะกลัวว่าเอ็นดูจะเข้าใจผิดเลยอธิบายยาวเหยียดไป
ขนาดยังไม่คบ ยังไม่หมั้น เขายังทำขนาดนี้
ถ้าได้เป็นเจ้าของใจน้องขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องรายงานสามเวลาเลยเหรอวะ
N-Doo: ขับรถดีๆ นะครับ ถนนมันลื่น
N-Doo: ฝันดีนะครับคุณ
Prod: จะนอนแล้วเหรอ
N-Doo: ยังครับ
Prod: ทำอะไรอยู่ ทำไมนอนดึก
N-Doo: กำลังท่องบทพรีเซนต์งานพรุ่งนี้อยู่ครับ
Prod: นอนได้แล้ว
N-Doo: ยังจำไม่ได้เลยครับ เดี๋ยวค่อยนอนตอนห้าทุ่มครึ่ง
Prod: อืม
Prod: พี่ก็น่าจะถึงห้องตอนนั้นพอดี
N-Doo: อ่า
Prod: รอมั้ย
N-Doo: รออะไรครับ
Prod: รอกลับถึงห้องก่อน เดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่
N-Doo: ทพ
ทรงโปรดยิ้มกว้างให้กับตัวอักษร ทพ ไม่รู้ว่าทำไมเอ็นดูถึงตอบมาแบบนั้น แต่ถ้าให้เดา ขอเดาว่าน้องคงจะเขินจนมือสั่นแล้วเผลอพิมพ์ผิด
N-Doo: ทำไมต้องรอด้วย
Prod: ไม่อยากรอก็ไม่ต้องรอ
Prod: ฝันดีล่วงหน้าครับ
เอ็นดูส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีที่มีข้อความว่า ‘ขับรถดีๆ นะ’ มาให้
ทรงโปรดวางโทรศัพท์ลงบนเบาะอีกครั้ง จากที่ตั้งใจว่าจะเหยียบคันเร่งสักหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อให้กลับถึงเพนต์เฮ้าส์ก่อนห้าทุ่มครึ่ง เห็นทีคงต้องขับสักแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแทน
*****
00:00 am
สารภาพว่ารอ เกือบจะรัวข้อความไปถามตั้งแต่ห้าทุ่มครึ่งแล้ว
เอ็นดูปิดสคริปต์บนหน้าจอแล็ปท็อป พับฝาจอลงเมื่อมันไม่มีความหมาย ท่องเท่าไหร่ก็ไม่จำใส่ใจ เพราะสมองมัวแต่กระวนกระวายคิดแต่เรื่องคนอื่น
ฝนตกหนักอีกแล้ว และคืนนี้ควรจะเป็นคืนที่เอ็นดูสามารถเดินไปล้มนอนลงบนเตียงนุ่มๆ ได้อย่างสบายใจ แต่กลับมานั่งขมวดคิ้ววุ่นวายเพราะห่วงเขา
เป็นห่วงจริงๆ
เอ็นดูยังถามตัวเองอยู่เลยว่าทำไมต้องเป็นห่วงคนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่วัน แถมคนที่ห่วงอยู่นี่ยังชอบแกล้งตัวเองอีกด้วย
เอ็นดูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง สติ๊กเกอร์หมีขับรถดีๆ นะ ที่ส่งไป ทรงโปรดก็แค่อ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับ
คนผิวขาวหลับตาลงช้าๆ กำลังทะเลาะกับความคิดของตัวเองอยู่ว่าจะเอายังไงดี...จะทักไปก่อน หรือรออีกสักหน่อย
ไม่รู้แหละ ตอนนี้เอ็นดูปิดไฟที่ห้องนั่งเล่นแล้วพาตัวเองเดินเข้าห้องนอนแล้ว ไปนอนกลิ้งบนเตียงคงดีกว่านั่งหลังแข็งแบบนี้
แต่พอล้มตัวนอนบนเตียง มือก็เผลอไปกดโดนปุ่มคอลล์ในแอพแชต เอ็นดูมองตาค้างอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งปลายสายกดรับถึงได้เอื้อมมือกดตัดสายอย่างตกใจ
เมื่อกี้เอ็นดูได้ยินเสียงทุ้มๆ ของทรงโปรดดังลอดผ่านลำโพงด้วย
ฮือ ทำไงดี ไม่ได้ตั้งใจโทรหาเขานะ
คนตัวเล็กหยิบหมอนขึ้นมาปิดหน้า เอ็นดูคลี่ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าปลายสายคงไม่ได้เกิดอันตราย
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงแชตดังขึ้น เอ็นดูดึงหมอนออกจากหน้า เหลือบมองโทรศัพท์ก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมากดตอบเมื่อตัวเองถูกกล่าวหา
Prod: ไง คิดเหรอถึงคอลล์มา
N-Doo: เปล่านะครับ นิ้วไปโดนต่างหาก
Prod: เหรอ
เอ็นดูยู่ปาก พูดความจริงเนี่ยไม่ค่อยจะเชื่อกันเลย
N-Doo: ไหนคุณบอกว่าจะถึงห้องห้าทุ่มครึ่ง
N-Doo: นี่เที่ยงคืนแล้วนะครับ
Prod: มีคนแถวนี้บอกให้ขับรถดีๆ เลยถึงห้องช้าไปหน่อย
N-Doo: คุณขับรถเร็ว คนนั่งด้วยหัวใจจะวายตาย
Prod: มีอยู่สองคนเท่านั้นแหละที่พี่ขับรถให้นั่ง
เอ็นดูกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้พิมพ์อะไรกลับไป แต่กำลังคิดอยู่ ที่ทรงโปรดบอกแบบนั้น พูดเล่นหรือพูดจริง
Prod: สรุปรออยู่ใช่มั้ย
คนผิวขาวสะดุ้งเบาๆ เมื่อหน้าจอไอโฟนเด้งแชตต่อมา
N-Doo: เพิ่งท่องสคริปต์เสร็จต่างหาก
Prod: ดึกๆ แบบนี้ท่องไปจะจำอะไรได้
ก็จริงอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ ดึกๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับการท่องจำอะไรเลย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วย ท่องสิบครั้งก็ลืมสิบครั้ง
เอ็นดูบอกตัวเองแล้วแหละ...พรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มใหม่
N-Doo: ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนี่ครับ
เอ็นดูเม้มปาก หลังจากข้อความนั้นที่พิมพ์ลงไปทรงโปรดเพียงแค่อ่าน เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย คนผิวขาวก้มมองข้อมือของตัวเอง ข้อมือข้างซ้ายที่เคยมีสร้อยของคุณพ่อสวมอยู่ตอนนี้มันว่างเปล่า เอ็นดูไม่ชินเลยจริงๆ
N-Doo: คุณ ผมขอถามเรื่องสร้อยอีกได้มั้ยครับ
N-Doo: คุณพอจะบอกได้มั้ยว่าสร้อยจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่
Prod: คิดถึงสร้อยแล้วเหรอ
Prod: พี่ขอซ่อมด่วนที่สุด น่าจะไม่เกินสามวัน
N-Doo: อ่า ขอบคุณนะครับ
ค่อยเบาใจหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องรอสร้อยข้อมือเป็นเดือนเหมือนที่เคยส่งซ่อม
N-Doo: ถ้าอย่างนั้นฝันดีนะครับ
Prod: เดี๋ยวสิ
Prod: เพิ่งถึงห้อง ยังไม่ได้อาบน้ำเลย
Prod: ข้าวก็ยังไม่ได้กิน
คนที่นอนอ่านแชตอยู่ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าทรงโปรดจะบอกทำไม แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาเรียวก็จดจ่ออยู่กับหน้าแชตของเขามากๆ
เอ็นดูแค่รู้สึกว่า
การได้คุยกับทรงโปรดทำให้รู้สึกสบายใจ
N-Doo: ครับ
Prod: อะไรคือครับ
N-Doo: ก็รับรู้ไงครับ
Prod: รับรู้แล้วยังไงต่อ
Prod: ยังไม่ได้กินข้าว มาทำกับข้าวให้กินหน่อย
N-Doo: ดึกแล้วนะคุณ
N-Doo: หาอย่างอื่นรองท้องไปก่อนสิครับ
Prod: แสดงว่าถ้าไม่ดึกจะมาทำให้กินใช่มั้ย
N-Doo: เฮ้อ
N-Doo: แล้วแต่คุณจะคิดเลย
N-Doo: ไปนอนแล้วนะครับ
Prod: เอ็นดู
Prod: พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง
N-Doo: ถามทำไมครับ
Prod: อยากรู้
ทำหน้ามู่ทู่ กำลังจะวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง เอ็นดูไม่อยากสนใจว่าเขาจะพิมพ์อะไรต่อ ตอนนี้ตาเริ่มปรือ แล้วเอ็นดูก็ง่วงมาก ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ยิ่งเหมาะกับการนอนเพื่อที่จะตื่นเช้าๆ มาท่องสคริปต์อีกรอบ
เอ็นดูขยับตัวบนเตียงให้อยู่ในท่าที่สบาย เอื้อมมือปิดไฟบนหัวเตียง แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นข้อความของทรงโปรดเด้งขึ้น
Prod: เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไปหาที่คอนโด
Prod: อย่าเพิ่งหนีไปเรียนก่อน
Prod: ไม่งั้นจะโดนตี
“ชอบแกล้ง”
คนผิวขาวพึมพำ นอนตะแคงมองโทรศัพท์ของตัวเองที่มีแสงสว่างบนหน้าจอ ก่อนที่มันจะดับลง
ถ้าเป็นคืนก่อนๆ ในชีวิตปกติของเอ็นดู ก็คงจะนอนมองเพดานสีครีมที่อยู่ในความมืด หลับตาแล้วหลับไป แต่ผิดกันกับคืนนี้ เป็นคืนแรกที่เอ็นดูนอนมองแชตของทรงโปรดเป็นสิ่งสุดท้าย แล้วค่อยหลับตาลง
แล้วแต่เขาก็แล้วกัน อยากมาก็มา
ยังไงเอ็นดูก็ต้อนรับอยู่แล้ว
*****
พอรู้ว่าตู้เย็นไม่มีของสดสำหรับทำกับข้าวมื้อเช้า เจ้าของห้องก็รีบคว้ากุญแจรถแล้วขับออกไป Foodland ที่อยู่ใกล้ๆ คอนโดตั้งแต่ตีห้าครึ่งท่ามกลางฝนในกรุงเทพฯ ที่ยังพรำลงมา
เอ็นดูคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรให้ทรงโปรดกินดี
และไม่รู้ด้วยว่าทำไมตัวเองต้องตื่นเต้นกับการมาของเขาด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้อาหารมื้อเช้าที่เอ็นดูตื่นขึ้นมาทำก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ตลกตัวเองเหมือนกันที่ดันตื่นมาเตรียมทุกอย่างให้เขาซะพร้อมไปหมด กับไอ้แค่ประโยคหนึ่งๆ ที่บอกว่าเช้านี้จะมาหาก็ทำให้เอ็นดูมีแรงกระตุ้นขึ้นมา ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ภาพที่เขากระตุกยิ้มต่อหน้าจะปรากฏขึ้นในหัว สามวันที่ไม่ได้เจอกัน...คุณชายทรงโปรดวนเวียนในความคิดของเอ็นดูตลอดเลย
เป็นสามวันที่เอ็นดูเปิดดูรูปโปรไฟล์ของเขาแทบทุกเวลาที่ว่าง
รูปโปรไฟล์ของทรงโปรดดูดีเหมือนตัวจริง ทรงโปรดใส่สูทดำ เขายกยิ้มให้กล้อง และรอยยิ้มร้ายๆ ของเขาก็ทำเอาคนมองไม่อยากจะละสายตา
เอ็นดูไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าสามวันที่ผ่านมานี้ นอกจากจะส่องโปรไฟล์ของเขา ยังเผลอกดเข้าหน้าไทม์ไลน์ของทรงโปรดที่ไม่มีอะไรอัพเดตเลยสักอย่าง
และครั้งสุดท้ายก็คือเมื่อคืน กว่าจะรวบรวมความกล้าทักแชตถามเรื่องสร้อยข้อมือได้ก็เสียเวลาไปตั้งหลายชั่วโมง สารภาพเลยว่าที่ท่องสคริปต์ไม่จำขึ้นใจสักที ก็เพราะในหัวดันมีเรื่องของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดวนอยู่เต็มไปหมด
เอ็นดูส่ายหน้าเบาๆ เงยหน้ามองนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่บนผนังในครัว เขาใช้เวลาสำหรับเช้านี้ในการทำอาหารเพื่อรอคนที่บอกว่าจะมาหาราวสามชั่วโมง ตอนนี้แปดโมงกว่าแล้วยังไม่เห็นวี่แววของทรงโปรดเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าจะต้องรอจนอาหารเย็นชืดไปเลยหรือเปล่า
จนกระทั่งเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น คนที่ยืนพิงกำแพงห้องรีบหันมองก่อนสาวเท้าไปที่ประตู แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาทันทีเมื่อจอสี่เหลี่ยมที่ติดอยู่ข้างประตูแสดงใบหน้าของคนที่เอ็นดูกำลังรอ
เอ็นดูกลืนน้ำลายเบาๆ เป่าลมออกปาก แล้วเม้มริมฝีปากกลั้นรอยยิ้มของตัวเองไว้ไม่ให้เขาเห็นก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องเข้าหาตัว
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ” เอ็นดูพึมพำสวัสดีกลับเมื่อคนตัวสูงทักทายขึ้นมาก่อนพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก มือขาวจับประตูไว้ ก่อนจะดันมันปิดสนิทเมื่อทรงโปรดเดินเข้ามาในห้อง
“โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย”
“ปิดเสียงไว้เลยไม่ได้ยินครับ”
ทรงโปรดระบายยิ้มกว้างเมื่อเดินนำเจ้าของห้องมาถึงแพนทรี่แล้วพบกับอาหารเช้าหอมกรุ่นหน้าตาหน้าทานวางอยู่บนเคาน์เตอร์ประมาณสามอย่าง เขาคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าเอ็นดูจะทำอาหารเช้ารอจริงๆ
มือหนายกขึ้นลูบหน้าท้องแกร่งที่มีกล้ามเนื้อจางๆ อยู่บนนั้นก่อนจะหันมามองเจ้าของห้องที่ยืนทำหน้านิ่ง
“ทานข้าวเลยมั้ยครับ หรือคุณจะดื่มกาแฟก่อน”
“มีกาแฟด้วยเหรอ”
“ผมเพิ่งซื้อเครื่องทำกาแฟมา”
“...”
“จริงๆ มันชงชาเขียวกับโกโก้ได้ด้วย ทำได้หลายอย่างดีเลยซื้อมาน่ะครับ”
เจ้าเด็กน่ารักเดินไปกอดเครื่องชงกาแฟสีดำที่วางใกล้ๆ กับไมโครเวฟ ท่าทางเลิ่กลั่กที่ดูก็รู้ว่าน้องไม่ได้ซื้อเครื่องชงกาแฟมาเพื่อชงชาเขียวหรือชงโกโก้อย่างเดียวหรอก
ชื่อมันก็บอกอยู่ว่าชงกาแฟ
และทรงโปรดก็ชอบดื่มกาแฟ
เข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่าน้องซื้อเครื่องนี้มาเพื่อชงกาแฟให้โดยเฉพาะ
“กินข้าวก่อนดีกว่า ส่วนกาแฟค่อยดื่มตอนกินข้าวเสร็จ”
“คุณดื่มกาแฟหลังกินข้าวประจำเหรอครับ”
“เปล่า ปกติไม่กินข้าวเช้า”
“...”
“ดื่มแต่กาแฟกับขนมปังก็อยู่ได้ยันเย็นแล้ว”
“ระวังปวดท้องนะคุณ”
“ทำไงได้ ไม่มีคนทำมื้อเช้าให้กิน”
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย คุณแวะซื้ออะไรกินก่อนทำงานก็ได้นี่ครับ”
ทรงโปรดอมยิ้ม ยืนมองคนน่ารักที่ค้านการอดมื้อเช้าของเขา
“ถ้าไม่อยากปวดท้อง ต่อจากนี้ก็กินอาหารเช้าด้วยนะครับ มื้อเช้าสำคัญที่สุด”
“งั้นเอ็นดูก็ทำมื้อเช้าให้พี่กินทุกวันสิ”
คนน่ารักช้อนตามอง เอ็นดูเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากจิ้มลิ้มเหมือนจะยกยิ้มแต่ก็ไม่...ทรงโปรดเห็นอาการประหม่าของเอ็นดูเต็มสองตา และเขาก็ชอบอาการประหม่านี้มากๆ
เพราะมันทำให้ทรงโปรดมั่นใจว่า...เอ็นดูกำลังหวั่นไหวไปกับเขา
“เรื่องอะไรล่ะครับ”
“เรื่องของว่าที่คู่หมั้น”
ทรงโปรดหย่อนกายลงบนเก้าอี้สตูลบาร์หน้าเคาน์เตอร์ เขาทิ้งประโยคให้อีกคนขมวดคิ้ว ส่วนตัวเองก็นั่งเท้าคางมองอาหารน่ากินที่เอ็นดูทำ
“นี่คุณ ผมไม่หมั้นกับคุณนะ”
ทรงโปรดหัวเราะหึในลำคอ คิดไว้แล้วว่าเอ็นดูคงไม่ยอม
“แล้วจะทำยังไง คุณหญิงป้าของเราดูเชื่อในสิ่งที่เห็นขนาดนั้น”
“เป็นเพราะคุณดันไปบอกกับคุณหญิงป้าว่าเราเป็น--” น้องกัดริมฝีปากเบาๆ ถอนหายใจก่อนพูดต่อให้จบ “เป็นแฟนกัน”
“แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ครับ”
“ที่นอนเตียงเดียวกัน กอดกันคืนนั้น...หมายความว่าไง”
“ผม...คืนนั้น คุณอยากแย่งหมอนข้างผมไปทำไมล่ะ”
“รู้มั้ย พี่ได้หอมแก้มเราด้วยนะ”
“นี่คุณ”
ทรงโปรดยังจำสัมผัสนุ่มนิ่มกับกลิ่นหอมๆ ของน้องได้อยู่เลย คืนนั้นที่เขาขับรถมาส่งเอ็นดูถึงห้องและนอนร่วมเตียงเดียวกัน เอ็นดูหยิบหมอนข้างมาวางแบ่งเขตไว้ตรงกลาง แต่เขาก็หยิบออกแล้วเอาไปก่ายแทน พอตกดึกขึ้นมาหน่อย คนที่นอนแทบติดขอบเตียงในตอนแรกก็ขยับตัวมาพาดแขนบนตัวของเขา
ไม่พอแค่นั้น น้องยังขยับตัวซุกอกของเขาอีกต่างหาก มั่นใจว่าคนหลับปุ๋ยไม่รู้ตัวและคิดว่าเขาคงเป็นหมอนข้างไปแล้วแน่ๆ
แต่หมอนข้างใบนี้มีมือมีแขนที่สามารถกอดรัดน้องไว้ในอ้อมกอดได้
ทรงโปรดยอมรับว่าเขาแอบฉวยโอกาสด้วยการหอมเบาๆ บนหน้าผาก ตอนแรกเขาจะยับยั้งชั่งใจ แต่กลิ่นหอมของเอ็นดูยั่วยวนอารมณ์เขาเหลือเกิน จากหน้าผากก็เลื่อนไปที่จมูก ทรงโปรดพรมจูบเบาๆ บนแก้มนุ่มของน้อง จูบย้ำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเลื่อนมาหยุดตรงริมฝีปากเอิบอิ่ม
ตรงนี้เขาละไว้ อดใจไว้ก่อน
รอสัมผัสตอนที่น้องรู้สึกตัว ตอนที่น้องสามารถตอบสนองได้ดีกว่า
“อย่าทำแบบนี้เลยครับ คุณกับผมไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ไม่รู้สึกอะไรกับพี่เลยจริงๆ เหรอ”
“ไม่เลยครับ”
“มีคนบอกว่าเวลาพูดโกหกมักจะหลบตา”
“...”
“เอ็นดูหลบตาพี่”
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปหาคนที่เอาแต่ก้มหน้าขมวดคิ้วอยู่ตรงเครื่องชงกาแฟ พอน้องเห็นว่าเขาเดินมาก็ทำท่าจะถอยหนี แต่แขนแกร่งของทรงโปรดรวบเอาตัวของคนน่ารักไว้ให้ตกอยู่ในอ้อมกอด เอ็นดูร้องฮือ พยายามดันไหล่กว้างให้ออกห่าง แต่ยิ่งน้องดิ้น เขาก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม
“ปล่อยเลยนะคุณ”
“สบตาก่อน แล้วบอกว่าไม่รู้สึกอะไรกับพี่เลย”
คนในอ้อมกอดไม่ยอมเงยหน้าขึ้นแม้แต่องศาเดียว แต่กลับก้มหน้า แนบแก้มกลมบนอกของเขาเพื่อหลีกหนีการสบตาพูดความจริง มือขาวที่เคยผลักไหล่เปลี่ยนเป็นกำแน่นแล้ววางทาบไว้นิ่งๆ แทน เอ็นดูส่ายหน้าช้าๆ
“คุณขี้โกง”
ขี้โกงมากๆ ด้วย
“ขี้โกงยังไง”
“คุณได้เปรียบ แต่ผมเสียเปรียบตลอด”
เสียเปรียบที่ตัวเองยอมตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาง่ายๆ
และยังรู้สึกดีกับกอดอุ่นๆ ของเขา
“ถ้าเงยหน้าแล้วตอบคำถามตามความรู้สึก พี่คิดว่าเราน่าจะเป็นคนที่ได้เปรียบมากกว่า”
“แล้วถ้าไม่ตอบล่ะครับ”
“ก็จะทำให้ตอบจนได้ แล้วต้องตอบว่ารู้สึกดีกับพี่ด้วย”
“การกระทำคุณเหมือนจีบ แต่คำพูดคุณเหมือนจะง้างปากผม”
“รู้ด้วยเหรอว่าพี่จีบ” เสียงทุ้มนุ่มเปล่งขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถาม
“ก็ คุณแสดงออกขนาดนั้น”
“แสดงว่าพี่ชัดเจนใช่มั้ย”
ขนาดนี้แล้ว...เป็นใครก็ต้องดูออก
“ผมไม่รู้...”
แต่น้องก็ยังทำปากแข็ง
ทำเป็นไม่รู้
“เอ็นดู เงยหน้ามองกันหน่อย...แล้วรู้ไว้ด้วย”
เขาผละตัวออกเล็กน้อยให้มีระยะห่างเพื่อที่จะก้มมองหน้าคนตัวเล็กกว่า ทรงโปรดอมยิ้มเมื่อเห็นว่าแก้มสองข้างของน้องแดงระเรื่อ เอ็นดูกัดริมฝีปากแน่น หันหน้าหนีเมื่อมือหนาเชยคาง แต่สุดท้ายก็เสียเปรียบเมื่อทรงโปรดล็อกใบหน้าหวานๆ ไว้ด้วยมือของเขา
“พี่กำลังจีบเรา”“...”
“ถ้าตอนนี้เอ็นดูไม่รู้สึกอะไรอย่างที่พูด”
“...”
“พี่จะทำให้เรารู้สึกเอง”
เตรียมตัวไว้เลยหม่อมหลวงจิราคนน่ารัก : )
#ทำแบบนี้ขาดอากาศหายใจพอดี