น้องหมอ กะ พี่วิศวะ 27.2เขาเคยเกลียดทะเลตอนกลางคืน เพราะมันทั้งมืดและน่ากลัว
เสียงคลื่นที่ซัดสาดท่ามกลางความเงียบและมืด
มันเหมือนจะยิ่งตอกย้ำทั้งความเศร้าและความเหงาให้ทวีมากขึ้น
ลมแรงๆมันไม่เคยพัดทั้งความเศร้าและความเหงาทิ้งไป
แต่มันเหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงให้เจ็บไปทั้งใจและกาย
ตอนที่โดนผู้ชายคนนั้นบอกเลิก บอกเหตุผลกับเขาว่า เพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิง แต่งงานไม่ได้ มีลูกก็ไม่ได้
ถึงจะเป็นลูกชายของคนที่มีหน้ามีตาทางสังคม แต่ก็ควงออกหน้าออกตาตามงานสังคมไม่ได้
เขาเข้าใจดีทุกอย่าง แต่มันก็เจ็บมากๆ ตอนที่ยังไม่มีความรัก ก็ไม่เข้าใจว่าคนออกหักหรือโดนทิ้ง
ทำไมต้องมาทะเลกันด้วย อาจจะเพราะอยากให้สายลมแรงๆกับคลื่นทะเลซัดความรู้สึกเศร้าๆออกไปมั้ง
ตอนนั้นที่โดนทิ้ง เขาก็ตัดสินใจไปทะเลแห่งหนึ่งคนเดียว เพราะหวังที่จะให้เป็นอย่างนั้น
อยากให้มันซัดความเจ็บปวดในตอนนั้นออกไปให้หมด แต่มันก็ไม่ใช่...
เขาขับรถไปถึงทะเลตอนกลางคืน ขับรถหาบังกะโลที่อยู่ติดกับทะเลที่สุด
แล้วก็เจอที่ที่หนึ่ง พอเช็คอินเรียบร้อย เขาเดินไปที่ทะเลยามค่ำคืนนั้น
มันทั้งมืดและหนาว เขาถอดร้องเท้าเอาไว้บนผืนทราย ก่อนจะเดินไปให้น้ำทะเลเซาะเท้า
ยิ่งโดนน้ำทะเลยิ่งหนาว ยิ่งโดนลมยิ่งเจ็บ ยิ่งเงียบยิ่งเหงา น้ำตาของเขาไหลอาบหน้าอีกครั้ง
หลังจากที่มันแห้งไปตั้งแต่นอนร้องไห้ในบ้านมานานเป็นวัน จนนึกว่าน้ำตาจะหมดไปแล้ว
ตอนนั้นหายไปนานหลายวัน ทั้งแม่และเพื่อนโทรหากันให้วุ่น แต่มือถือแบตหมด เลยไม่มีใครเลยที่รู้ว่าเขาหายไปไหน
พอรู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปสี่วันแล้วที่จมอยู่กับความรู้สึกเฮงซวยแบบนี้ ก็เปิดโทรศัพท์ มิสคอลหลายร้อยสาย
เปิดเครื่องได้ไม่นาน สายแรกที่โทรเข้ามาคือแม่ เขากดรับทันที เสียงที่เปล่งออกไปช่างแหบแห้ง
แม่ถามคำถามต่างๆนาๆด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ทั้งแม่และเขาถนัดกัน เธอพูดไปร้องไห้ไป
ตอนนี้เขาต้องเป็นฝ่ายปลอบแม่ให้หยุดร้องไห้และบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขากำลังจะกลับบ้านแล้ว
เขารักแม่ที่สุดในโลก แม่ที่ตอนนี้อยู่ที่ญี่ปุ่นหลังจากหย่ากับพ่อของเขาแล้ว ตอนนี้เขาอยากจะไปหาแม่
อยากจะเข้าไปกอดผู้หญิงตัวเล็กๆที่มักจะใส่แต่กิโมโน เพราะเธอเป็นเจ้าของร้านขายกิโมโนที่ใหญ่และดีที่สุด
แต่ก็ไม่อยากจะไปหาแม่ที่นั่นด้วยสภาพแบบนี้ ไม่อยากจะให้แม่ต้องเป็นห่วง จึงต้องพูดแค่ว่าไม่เป็นไรแล้วครับ
แม่รู้เรื่องที่เขาเป็นเกย์ เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่รู้ และแม่ก็รับได้โดยไม่มีท่าทีเสียใจอะไรทั้งสิ้น
และบอกกับลูกชายคนเดียวคนนี้ว่า จะเป็นอะไรก็ช่างแม่รับได้ เพราะลูกก็คือลูก
หลังจากครั้งนั้น เขาบอกกับตัวเองว่า จะไม่คบกับผู้ชายที่ไม่ใช่เกย์อีก
เพราะผู้ชายพวกนี้ ซักวันก็ต้องคิดที่จะแต่งงานมีลูก และเขาก็จะต้องเจ็บปวดอีก
แต่ก็ดันมีไอ้เด็กปีหนึ่ง ที่เรียนหมอ เข้ามาบอกว่าชอบ
มันหน้าตาดี เรียนเก่ง ครอบครัวดี เป็นคนร่าเริงต่างจากเขา
และที่สำคัญ มันไม่ใช่เกย์
ทั้งๆที่บอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่มีทางชอบไอ้เด็กนี่ เพราะยังไงสักวันนึง
คนที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังก็ต้องเป็นเขาแน่นอน พยายามแล้วที่จะออกห่างและปฏิเสธ
ไอ้พวกเพื่อนตัวดีก็เชียร์กันจัง แต่ปัญหามันคงจะอยู่ที่เขามันใจอ่อนเอง
ในที่สุด เขาก็ยอมเปิดใจรับไอ้เด็กนี่เข้ามาได้ง่ายๆ ทั้งๆที่คิดเอาไว้แล้ว ว่ายังไงก็ไม่
แต่ทุกสิ่งที่มันทำ ทุกการกระทำที่มันแสดง ทุกๆอย่างที่เป็น มันทำให้ใจเขาโอนเอน
ยอมเสี่ยงที่จะรักดู ถ้าโดนทิ้งอีก ก็คงจะไม่รักใครแล้ว
“นี่” พี่ยูที่ตอนนี้นั่งบนหาดทรายโดยมีไอ้หมอนั่งซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง และกอดเอาไว้จนน่าอึดอัด พูดขึ้นมาทำลายความเงียบที่มีมานานออกไป
“ครับ”
“มึงรู้มั้ย...ว่ากูเกลียดทะเลตอนกลางคืนมาก”
“...”
“เพราะมันทำให้กูนึกถึงเรื่องแย่ๆตอนที่กูโดนทิ้ง” ไอ้หมอรัดวงแขนแน่นขึ้นเมื่อเขาพูดถึงเรื่องเก่าๆ
“...”
“แต่เพราะมึงนะ” พี่ยูเอี้ยวตัวหันไปมองหน้าคนที่รัก
“เพราะผม”
“เพราะมึงทำให้กูเริ่มรู้สึกดีกับมันมากขึ้นเยอะ” เพราะเหตุการณ์ตอนนั้น ตอนที่มันลักไก่พาเขามาที่นี่ แล้วสัญญาอะไรต่างๆมากมาย มันทำให้เขาตื้นตันใจจริงๆ
“แล้วก็คิดว่า ทะเลมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป” ยิ้มให้ไอ้หมอที่ยังดูงงๆอยู่
“ขอบคุณมาก” ยื่นหน้าเข้าไปจูบ
“กูรักมึงนะ”
ครั้งแรก...ที่พี่ยูพูดคำว่ารักออกมาให้ไอ้หมอได้ยิน
คำที่รอมานาน...ไม่เคยเรียกร้องให้พูด...ในที่สุดก็ได้ยินซักที
พี่ยูพลิกตัวกลับมานั่งคุกเข่าเช็ดน้ำตาให้ไอ้หมอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไม่มีคำพูดใดๆออกมาหลังจากคำๆนั้นของพี่ยู
พี่ยูกอดไอ้หมอเอาไว้แนบอก กอดเอาไว้อย่างอ่อนโยน
รู้สึกขอบคุณออกมาจากใจจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ เขาขอบคุณมากๆ
ขอบคุณจริงๆ...
TBC,,,ตกใจที่เค้ามาเร็วละซี๊~~ ก็ช่วงนี้ไฟแรงอ่ะเนอะ คริ คริ
เอาตอนนี้มาขัดขวางความหื่นของทุกคนก่อน
ตอนของตาลุงกะเนศต้องรอตอนหน้า คือตอน 27.3
มาดูกันว่า จะ "รอด" หรือจะ "ลอง" หึหึหึ
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่า