มาจนถึงในเรื่องราวของชีวิตพี่เอ็มในตอนใหม่นี้.. ดูจะผ่อนคลายลงบ้างและเริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับตัวละครปอนซึ่งในตอนนี้จะได้เห็นถึงความสำคัญของตัวละครนี้มากขึ้นนะครับ ในตอนใหม่นี้ผมแก้ไขหลายครั้งมาก พยายามเขียนเพื่อจะสื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จน.. ผลออกมา.. ตอนใหม่นี้ยาวมากกกก ยาวเป็นกิโลฯเลย แฮ่ๆ ยังไงก็.. ถ้าได้อ่านแล้ว ช่วยติชมกันบ้างนะครับ แหะๆ ผมจะได้รู้ว่า.. ที่ผมตั้งใจทำขนาดนี้ ผมทำได้ขนาดไหนอ่า จะได้เป็นแนวทางเอามาปรับปรุงงานเขียนของผมต่อไปคร้าบบ แง่มๆ แหะๆ ติดตามกันต่อได้เลยครับผม ^^เรื่องราวของเอ็ม (2)
เรื่องราวของพี่เอ็มในภาพนิมิตที่ชีวินแลเห็นยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ต่างๆดูจะคลี่คลายลงบ้าง จากในคราแรกที่ดูจะเศร้าสะเทือนใจเหลือเกิน แต่.. เมื่อปรากฏบุคคลอีกคนที่มาเกี่ยวข้องในชีวิตในครั้งอดีตของพี่เอ็ม บุคคลที่ชีวินสังหรณ์ใจลึกๆว่า.. น่าที่จะเป็นคนพิเศษของพี่เอ็ม ทำให้ชีวินรู้สึกว่า.. ในความเลวร้ายในชีวิตของพี่เอ็มในครานั้น ยังพอจะมีสิ่งดีๆที่มาหล่อเลี้ยงจิตใจพี่เอ็มให้พอชุ่มชื่นได้บ้าง เขาแอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อสถานการณ์ดูจะคลี่คลายและผ่อนคลายลง เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อนะ? ชีวินรู้สึกสนใจใคร่รู้มากขึ้นไปอีก เขาตั้งใจดูภาพในภาพนิมิตนั้น ที่ปรากฏเป็นสถานที่ใหม่อีกครั้ง และเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องต่อจากนั้นอีกครั้งเช่นกัน พี่ปอนคนนี้.. ดูจะเป็นบุคคลที่พิเศษของพี่เอ็มจริงๆ ชีวินคิดเช่นนั้นเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่ปรากฏต่อจากนั้น..
.
.
.
.
“ เอาละ ถึงแล้ว นี่ไง.. รังหนูของเรา ไงก็.. ช่วยทนๆอยู่หน่อยนะเอ็ม หึหึ เดี๋ยวเราขออาบน้ำก่อนนะ รู้สึกเหนียวตัวจัง ทำตัวตามสบายนะเอ็ม ”
ปอนกล่าวภายหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่ดูจะรกรุงรังของเขา จากนั้น.. ปอนก็ปลีกตัวไปปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ เอ็มแลเห็นปอนรื้อค้นอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยิบของบางอย่างนั้นเดินเข้าห้องน้ำไป จากนั้น.. เอ็มจึงมานั่งเล่นบนเตียงแล้วมองสภาพแวดล้อมภายในห้องที่ดูจะรกรุงรังนั้นอย่างรู้สึกขัดตาอยู่เล็กน้อย เขาคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปจัดเก็บของบางอย่างที่ดูจะเกะกะตานั้นเพื่อฆ่าเวลาที่รอปอนซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ปอนก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จเสียที เขานึกแปลกใจว่า.. ทำไม? ปอนจึงอาบน้ำนานขนาดนั้น เขารู้สึกว่า.. มันดูจะนานจนเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย จวบจนเขาจัดเก็บอะไรต่างๆในห้องของปอนจนดูเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางขึ้นบ้างแล้ว ห้องรกๆนั้นก็ดูจะเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นแล้ว เขาจึงมานั่งคิดอะไรเล่นๆบนเตียงอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปอีกชั่วครู่ ปอนก็ออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่วร่าง และหอมละมุนกรุ่นกลิ่นอ่อนๆของสบู่
“ อาบน้ำนานมากเลยปอน นานจนผิดสังเกตเลย นี่นาย.. เอ่อ.. ว่าวอยู่หรือไง? ถึงได้อาบนานขนาดนั้น? ”
เอ็มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจและอมยิ้มเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย เขาคิดในใจว่า.. ปอนคงจะ.. แน่นอน
“ จะบ้าเหรอ? เราโตป่านนี้แล้ว เลิกว่าวไปนานแล้ว เราอาบน้ำเย็นๆแล้วมันรู้สึกสบาย ก็เลยอาบนานไปหน่อยไง หึหึ แล้วนี่ โอ้โห!! นายช่วยจัดห้องให้เสียเรี่ยมเลย แบบนี้ค่อยดูเป็นห้องน่าอยู่มากขึ้นมาหน่อย หึหึ ”
ปอนตอบกลับมาด้วยดวงตาที่เยิ้มฉ่ำ และมองดูคล้ายกำลังอยู่ในอาการมึนเมา จากท่าทีที่ดูแปลกๆแบบนั้น ทำให้เอ็มรู้สึกสะดุดในท่าทีที่ดูแปลกไปแบบนั้น เขาคิดว่า.. นี่ปอน เสพยาหรือเปล่าหนอ? มันดูเหมือนเคลิ้มๆ เหมือนจะเมาๆอย่างไรชอบกล มิน่า.. ถึงได้อาบน้ำนานขนาดนั้น.. ข่าวลือจากเพื่อนบางคนที่เคยบอกเขาว่า.. ปอนติดยานั้น มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่าหนอ? แต่.. คงไม่หรอก เขาพยายามเปลี่ยนความคิด เขาอาจจะคิดไปเอง ถึงจะมีข่าวลือแว่วๆมาเข้าหูเขาในเรื่องของปอนแบบนี้ก็ตาม แต่.. มันคงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก ก็.. ปอนยังดูสดใส ไม่ได้ดูทรุดโทรมในแบบที่ควรจะเป็นของคนติดยาเลยนี่นา ปอนอาจจะทำกวนๆขี้เล่นไปแบบนั้นตามลักษณะนิสัยขี้เล่นของเขาก็ได้ ตอนนี้.. เขารู้สึกเหนียวตัวและอยากอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง แต่.. ดูเหมือนว่า.. เขาจะไม่มีอะไรติดตัวมาเลย นอกจากเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่อยู่ในตอนนี้ เขาจึงเอ่ยกับปอนด้วยน้ำเสียงที่ดูค่อนข้างจะเกรงใจกับปอน
“ ปอน เราขออาบน้ำบ้างนะ ว่าแต่.. เราไม่มีเสื้อผ้าเลย ออกมาแต่ตัว ไม่มีอะไรเลย วันนี้.. เอ่อ.. เราขอยืมใส่ของนายหน่อยก็แล้วกัน นายคงไม่ว่านะ ”
“ ได้เลย ไม่ใช่ปัญหา เอ็มไปอาบน้ำเถิด เดี๋ยวปอนจะหาเตรียมให้ ถึงปอนจะเป็นคนไม่ค่อยมีระเบียบ แต่ปอนก็เป็นคนสะอาดนะ เสื้อผ้าน่ะใช้ด้วยกันก็ได้ถ้าเอ็มไม่รังเกียจ ว่าแต่.. ตอนนี้ผ้าเช็ดตัวมีแค่ผืนเดียวเอง วันนี้ใช้ร่วมกับเราไปก่อนได้ไหม? ตอนนี้อาจจะชื้นๆไปแล้วสักหน่อย ทนๆใช้แก้ขัดไปก่อนได้ไหม? นายคงจะไม่รังเกียจเพื่อนนะเอ็ม เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปหาซื้อเพิ่ม คงต้องหาซื้อของใช้เพิ่มอีกหลายอย่างเลย ”
“ ไม่เป็นไรหรอก เราก็เป็นคนง่ายๆ ไม่ได้เรื่องมากอะไรนักหรอก เอามาเถิด เราใช้ได้ ขอบใจนะปอน ”
“ ถ้างั้นรอเดี๋ยวนะ เราขอเช็ดตัวเดี๋ยวหนึ่ง ”
กล่าวจบปอนก็ปลดผ้าออกจนเปลือยเปล่าต่อหน้าเอ็มในตรงนั้นเลยด้วยท่าทีที่ดูเหมือนกับว่า.. การปฏิบัติตัวแบบนี้ของเขา มันดูจะธรรมดามากๆ แล้วเขาก็เช็ดตัวแบบรีบๆอยู่ครู่หนึ่งพอให้ผิวกายหมาดลงจากความเปียกชื้น จากนั้น.. ปอนจึงส่งผ้าผืนนั้นให้เอ็ม ทั้งที่เขายังอยู่ในสภาพที่เปลือยกายอยู่เช่นนั้น เอ็มรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ที่ดูเหมือนกับว่า.. ปอน ดูจะไม่ค่อยอายเขาเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่า.. ปอนคงจะเห็นว่าเป็นเพื่อน และเห็นว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน กระมัง? เขาคงจะทำตัวแบบง่ายๆสบายๆด้วยความเคยชินแบบนี้ตามนิสัยของเขานั่นเอง เอ็มรับผ้ามาจากปอน แล้วเขาก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก เอาผ้าขนหนูผืนนั้น พันกายส่วนล่างแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป..
.
.
.
.
ในห้องน้ำ.. เอ็มรู้สึกเหมือนกับว่า.. เขาได้กลิ่นเอียนๆแปลกๆชอบกล และแล้ว.. เขาก็มั่นใจแล้ว ว่าปอนต้องเสพยาเมื่อเขาพบร่องรอยสิ่งของบางอย่าง ถึงแม้ว่า.. เอ็มจะไม่เคยเสพยามาก่อน แต่เขาก็พอจะเดาออกถึงสิ่งที่เห็นในเวลานี้.. เมื่อเขาเห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน เขายืนคิดอะไรนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น... เขาจึงหันไปชำระร่างกายจนสะอาดเอี่ยมหอมกรุ่น แล้วก็.. เปิดประตูพร้อมกับ..ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ..
.
.
.
.
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เอ็มเหลือบมองไปทางปอน ก็พบว่า.. ปอนกำลังอยู่ในอริยบทสบายๆนุ่งกางเกงขาสั้นหลวมๆบางเบาและไม่สวมเสื้อด้วยว่า.. คงจะเพื่อเตรียมเข้านอนในแบบสบายๆที่เขากระทำอยุ่เป็นประจำกระมัง? ปอนกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงด้วยอาการเคลิบเคลิ้มมึนเมา เขาเห็นดังนั้น.. ก็จึงหันมาผลัดเปลี่ยนสวมใส่เสื้อผ้าแบบสบายๆที่ปอนเตรียมไว้ให้จนเรียบร้อยดี จากนั้น.. เขาจึงเอ่ยขึ้นกับปอนว่า..
“ ปอน นี่นายเสพยาใช่ไหม? เราได้กลิ่น และเห็นอาการนายแบบนี้ เราว่าต้องใช่แน่ๆ ”
“ อืม.. ก็ใช่ เราก็เลวแบบนี้แหละ แต่เราก็จริงใจกับเอ็มนะ ถึงเราจะเลวแสนเลว แต่นายก็เป็นเพื่อนที่เรารักที่สุด เราเป็นห่วงและหวังดีกับนายมาโดยตลอด หวังว่า.. เรื่องแค่นี้.. คงไม่ทำให้นายอยากเลิกคบกับเรานะ ”
“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกปอน เราก็รักนาย แต่.. มันเป็นของไม่ดีนะ นายเลิกได้ไหม? เราเป็นห่วง ”
“ ก็พยายามแล้ว แต่มันติดแล้ว มันเลิกยาก ขอบใจนะเอ็มที่เป็นห่วง เอาเป็นว่า.. เราจะพยายามเลิกแล้วกัน เพื่อนาย ”
“ ถ้าปอนทำแบบนั้นได้เราจะดีใจที่สุดเลย ว่าแต่.. มันมีอะไรดีนักหนา รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นของไม่ดี แล้วยังจะเสพทำไม? ”
“ ก็ใช่ มันเป็นของไม่ดี แต่.. อย่างน้อย มันก็พอช่วยให้เราผ่อนคลาย ทำให้เรามีความสุขบ้าง ชีวิตเราก็เจ็บปวดมามากนะ นายก็เห็น.. ว่าเราต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดขนาดไหน? ของสิ่งนี้.. มันทำให้ เราพอจะลืมๆความทุกข์ลงได้บ้าง ”
“ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด งั้น.. เราขอลองบ้างได้ไหม? เราก็กำลังทุกข์ใจมากๆเช่นกันนะ เราก็อยากจะลืม ”
“ อย่าเลยเอ็ม เดี๋ยวติดนะ ให้เราเลวของเราแบบนี้คนเดียวก็พอแล้ว นายอย่ามาทำตัวเลวแบบเราเลย ”
“ ขอลองหน่อย ได้โปรด เราไม่ติดหรอก เราสัญญา ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เราอยากลืมความเศร้า ”
“ สัญญาแล้วนะ แค่ครั้งเดียวนะ ถ้างั้น.. ก็ได้ นี่เราเห็นว่านายกำลังเศร้าหรอก จึงยอมให้ ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางที่เราจะชักนำนายแบบนี้แน่นอน ”
“ ขอบใจนะปอน.. แล้วนี่.. ต้องทำอย่างไรบ้าง? ”
หลังจากที่เอ็มกล่าวจบ ปอนก็จัดการสิ่งต่างๆให้เอ็มด้วยท่าทีที่ชำนาญ โดยมีเอ็มลอบบมองอยู่เงียบๆ จนเมื่อทุกอย่างพร้อม เขาก็บอกวิธีละเลียดความสุขจากสิ่งเสพติดนั้นให้แก่เอ็ม..
.
.
.
.
ควันสีขาวละเอียดถูกสูดเข้าปอด ครั้งแล้วครั้งๆเล่า ทั้งคู่ต่างผลัดกันละเลียดความสุขจากการเสพนั้น .. เพียงชั่วเวลาไม่นาน เอ็มเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งสู่ห้วงลึกแห่งอารมณ์ ความเศร้าสะเทือนใจ และความทุกข์โศกต่างๆนานามัน มันได้มลายหายสิ้นไปจนหมด มันเป็นแบบนี้เอง มันให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้นี่เอง เอ็มเข้าใจแล้ว เขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม ตัวเบาหวิว เหมือนดังกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ เมื่อสติอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม จนเหมือนกับว่า.. จะเกินการควบคุม เขาเริ่มรู้สึกหวามหวิว อารมณ์ปรารถนาซ่อนเร้นในส่วนลึกของเอ็มก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยด้วยความมึนเมา เขาลอบมองปอนที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย ที่มีเพียงกางเกงบางเบาสวมติดกายอยู่เช่นนั้นอยู่เพียงตัวเดียวด้วยตวงตาฉ่ำเยิ้ม ผิวกายที่ขาวเนียนละเอียดกลิ่นกายที่หอมกรุ่นอ่อนๆของกลิ่นสบู่ของปอน มันดูช่าง.. สุดแสนจะน่ารัญจวนใจ เขาเริ่มรู้สึกวาบหวาม และ.. ต้องการปอน เขาอยากที่จะ.. เอาใบหน้าไปซุกไซร้ สูดดม โลมไล้แผงอกที่ขาวเนียนละมุมนั้นของปอนเหลือเกิน เวลานี้.. เขาอยากปลดปล่อยความปรารถนาลึกเร้น ที่เริ่มก่อต่อมากขึ้นทุกทีนั้น.. กับ.. ปอน.. เป็นที่สุด ปอน.. เพื่อนชาย เพื่อนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนคนนี้ คนที่เขาแอบพึงใจอยู่ลึกๆในตัวปอนมาเนิ่นนานแล้ว
“ เมาละสิ หึหึ ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ ”
“ อืม.. มันหวิวๆ แปลกดี มันทำให้เราลืมความทุกข์ได้จริงๆ และมันก็.. รู้สึก.. เอ่อ.. ”
กล่าวได้เพียงแค่นั้น เอ็มก็รู้สึกถึงไฟราคะของตนเองเริ่มคุโชนขึ้นทุกที เขารู้สึก.. เกินที่จะควบคุมตนเองได้อีกต่อไป เขากระเถิบกายไปเคียงชิดใกล้เพื่อนรักมากขึ้นด้วยอารมณ์วาบหวามเสน่หา ในส่วนลึกของจิตใจ.. เขาก็แอบพึงใจเพื่อนรักเขาอยู่ไม่น้อยเลย จนเมื่อ.. ถึงอารมณ์นี้.. เขาก็เกินที่จะห้ามใจได้อีกต่อไป และ.. เขาก็ไม่คิดที่จะห้ามใจอีกต่อไปแล้ว แรงปรารถนาได้เข้าครอบคลุมจิตใจ จนเขา.. เริ่มปฏิบัติตอบสนองความต้องการของเขาในทันที เขาเอาศีรษะไปซบไหล่ของปอนที่กำลังนอนเคียงกับเขาอยู่บนเตียง เอาจมูกคลอเคลียและสูดดมกลิ่นกายที่หอมละมุนอ่อนๆของปอน จากนั้นเขาก็เอามือลูบไล้แผงอกเปล่าเปลือยที่ขาวเนียนของปอนอย่างหลงใหล มันเป็นความรู้สึกที่ต้องการ.. ต้องการมากเหลือเกิน มันช่างยากที่จะหักห้ามใจและควบคุมตัวเองได้อีก เขารู้แต่เพียงว่า.. ทำแบบนี้.. เขามีความสุขเหลือเกิน นี่มัน.. เป็นเพราะความมึนเมา หรือความปรารถนาอันซ่อนเร้นลึกๆในใจเขากันแน่นะ หรือว่า.. มันทั้งสองอย่างประกอบกัน? อารมณ์หวามหวิวเริ่มก่อตัวมากขึ้น และมากขึ้น มากขึ้นเสียจน.. อวัยวะส่วนนั้นของเขาเริ่มชูชันขึ้นมาทีละน้อย จนกระทั่ง.. ร้อนระอุและตื่นตัวเต็มที่ ปอนเหลือบมองท่าทีของเพื่อนรักด้วยอารมณ์ที่หวามไหวจากรสสัมผัสนั้นไม่น้อยเช่นกัน เขาเอ่ยเบาๆด้วยน้ำเสียงรัญจวนใจ และดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มจากความมึนเมาและกำลังเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาลึกเร้นด้วยเช่นกัน..
“ มีอารมณ์ละสิ ”
“ อา.. ก็.. อืม.. ”
“ ถ้างั้น.. ก็ปลดปล่อยออกมาเลยเอ็ม ”
กล่าวจบ ปอนก็เอาจมูกคลอเคลียสูดดมกลิ่นแก้มของเอ็มอย่างรัญจวนใจ แต่แล้ว.. เอ็มก็ขืนตัวออก ดูเหมือน.. เขาจะเริ่มรู้สึกตัว และ.. เขารู้สึกผิดเช่นไรไม่รู้ เขาเอง.. ก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเองเท่าไรนัก เพียงแต่.. ความรู้สึกถึงปรารถนานั้น.. มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วนี่.. นี่เขากำลังจะทำอะไร? คนที่เขารู้สึกเคลิบเคลิ้ม ถวิลหาอยู่เมื่อครู่ คือ.. เพื่อนรักของเขานะ ความคิดขัดแย้งเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเอ็ม ปอนเห็นกริยาแข็งขืนของเอ็มเช่นนั้นก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ก็ในเมื่อ.. เมื่อครู่ เอ็มยัง.. เหมือนจะต้องการเขาอยู่เลยนี่นา
“ ทำไมล่ะเอ็ม? ”
“ เราเป็นเพื่อนกันนะปอน มาทำอะไรแบบนี้.. มันดูจะ.. ”
“ เป็นเพื่อนแล้วไง? ถ้ามีใจตรงกัน มีความต้องการตรงกัน การที่จะมีอะไร? ทำอะไร? กันในแบบที่.. เอ่อ เกินเพื่อน มันไม่ได้เลยเหรอ? การมีความสุขร่วมกันแบบนี้มันผิดตรงไหนเอ็ม? ”
“ ก็.. ก็.. เรารู้สึกเหมือน..เหมือนจะผิด เหมือนจะ.. ไม่ค่อยสบายใจ เอ่อ.. ว่าแต่.. ปอน นาย.. นายเป็นเกย์เหรอ? ”
“ ที่เราแสดงออกต่อนายเมื่อครู่ นายยังดูไม่ออกอีกเหรอเอ็ม? ”
“ ก็พอรู้.. แต่เราไม่แน่ใจ ว่า.. มันเป็นความรู้สึกจริงๆของปอน หรือ.. เป็นเพราะความเมายา? ที่.. ที่.. ทำแบบนั้น.. เพราะความเมา? เอ่อ.. แล้ว.. นี่นายคิดกับเราแบบไหน? ”
“ บอกตามตรงเลยนะ เรารักเอ็ม รักมาก.. รักมานานแล้วด้วย เราถึงแคร์และอยากอยู่ใกล้ชิดกับเอ็มเสมอ ยังเคยแอบหวังลึกๆด้วยเลยว่า.. เอ็มน่าจะมีใจแบบเดียวกับเรา มีใจให้กับเราบ้าง.. เราอยาก.. เอ่อ.. อยากจะ.. จะมีอะไรแบบ.. เอ่อ.. เมื่อกี้ที่เรา ที่เรา.. เอ่อ.. กับเอ็ม.. มาตั้งนานแล้ว ”
“ แล้ว.. แล้วทำไม? ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่าทีของนายที่มีต่อเรา มันไม่เคยแสดงออกแบบนั้นกับเราเลย ว่า.. เอ่อ.. นายรู้สึกกับเราเช่นไร? มันดูเหมือนแค่.. เป็นเพื่อนสนิทกันธรรมดา ”
“ ตอนแรกเราไม่มั่นใจ ว่านาย.. เอ่อ.. จะมีใจให้เราบ้างไหม? เราคิดว่า.. เอ็มอาจจะไม่ได้มีใจให้เราแบบนั้น เราก็เลยพยายามตัดใจ และจะขอคบแบบเพื่อนก็ได้ แต่จากสัมผัสเมื่อครู่ มันทำให้เรามั่นใจแล้ว ว่า.. เรามีใจตรงกัน ความรู้สึกที่มีต่อกัน.. เป็นแบบเดียวกัน อย่ากังวลอะไรมากเลยเอ็ม มันไม่ได้ผิดอะไรและมีอะไรเลยเลวร้ายหรอก มันจะเป็นความสุขนะ อีกทั้ง.. เรา 2 คน ต่างก็ยังไม่มีใครเลยนี่นา จริงไหม? ”
จริงสิ.. เอ็มเข้าใจแล้ว ความจริง เขาก็แอบพึงใจปอนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ถ้าการที่จะมีอะไรกับปอนแบบนั้น แล้วมันจะเป็นการเสียหายอะไร? เรื่องแบบนั้น.. เขาก็เคยผ่านมากับพ่อเลี้ยงที่เขารู้สึกชิงชังด้วยความไม่เต็มใจมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วนี่นา แล้วถ้า.. เขาจะมีอะไร ทำอะไร กับคนที่เขาพึงใจบ้าง มันจะเป็นไรไป คิดได้ดังนั้น เขาจึงโอบกอดปอนแล้วหอมแก้มเนียนใสนั้นเบาๆ มือก็เคล้นคลึงส่วนนั้นของปอนเบาๆ จน.. รู้สึกว่าปอนเริ่มที่จะมีอารมณ์คุกรุ่นเต็มที่แล้วเช่นกัน แล้ว.. ปอนก็เบี่ยงกายเพื่อปลดเปลื้องอาภรณ์บางเบาที่มีติดกายอยู่เพียงชิ้นเดียวนั้นออกจนร่างเปลือยเปล่า เอ็มเหลือบแลมองร่างเปลือยสมส่วนที่มีผิวขาวเนียนละเอียดน่าลูบไล้ของปอนนั้นอย่างหลงใหล แล้ว.. ปอนก็ขยับกายมานอนเคียงจนชิดใกล้เอ็มมากขึ้น เขาเอามือโลมไล้ไปทั่วร่างเอ็มอย่างบรรจงและทะนุถนอม พลางค่อยๆปลดอาภรณ์ห่อหุ้มกายของเอ็มออกจนเปลือยเปล่าในเวลาไม่นานเช่นกัน ปอนส่งสายตาวาบหวามโลมไล้ร่างเปลือยที่สมส่วนของเอ็มที่มีผิวสีคล้ำกว่า แต่.. กลับดูคมขำและช่างมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน แล้วเขาก็เอามือลูบไล้ผิวสีแทนที่เนียนลื่นของเอ็มเบาๆเพื่อสร้างความรัญจวนใจให้เอ็มมากขึ้น ดูเขาจะเชี่ยวในเรื่องของลีลารักเหลือเกิน เพราะ..จากรสสัมผัส มันให้เอ็มรู้สึกวาบหวิวจนสุดที่จะบรรยาย จากนั้น.. ร่างเปลือย 2 ร่างก็กระหวัดเกี่ยวกอดรัดกันแน่นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นในแรงปรารถนาแห่งราคะ แล้ว.. ปอนก็เอาริมฝีปากที่อ่อนนุ่มหวานฉ่ำแดงระเรื่อของเขาประกบปากจูบฉ่ำๆหวานๆของเอ็มอย่างดูดดื่ม อ่อนหวานและรัญจวนใจ และแล้ว.. บทเพลงแห่งกามรมณ์ก็เริ่มบรรเลงอย่างต่อเนื่อง ต่างผลัดกันเป็นผู้นำ และผู้ตาม ในลีลารักที่มิได้เอาเปรียบกันเลย กลับถ้อยทีถ้อยอาศัย และผ่อนปรนกันอยู่ในที ตอบสนองความสุขในเพศรสโดยมิได้กำหนดบทบาทให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้อย่างตายตัว ต่างบำรุงบำเรอสนองสุขให้กันและกันอย่างเต็มที่ จวบจน.. บรรลุถึงความสุขสมอารมณ์หมาย.. ในกัน.. และกัน
.
.
.
.
ร่างเปลือยสองร่างนอนอิงแอบแนบชิดกัน ภายหลังจากชำระคราบไคลแห่งธารรักจนสะอาดเอี่ยมจากความสุข ความหฤหรรษ์ในลีลารักเมื่อครู่ที่ได้จบลง เอ็มนั่งอิงซบปอนนิ่งๆอยู่เช่นนั้นโดยมิได้กล่าวสิ่งใด และแล้ว.. ความรู้สึกเอ่อท้นจนท่วมในอกก็กลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากที่.. ความมึนเมาในยาที่เสพ ได้เบาบางลง น้ำตาของเอ็มค่อยๆเอ่อจนเต็มหน่วยตา จากนั้นมันก็รินไหลเป็นสายจนอาบแก้ม พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆของเอ็ม
“ เอ็มร้องไห้ทำไม? เสียใจเหรอ? ที่มาทำอะไรกับเราแบบนี้? ”
“ เปล่าหรอกนะ มันดีต่างหาก ที่เราได้รู้.. และมีปอนเคียงข้าง เราไม่ได้เสียใจในเรื่องนี้หรอก เราแค่.. กำลังคิดว่า.. ชีวิตเราต่อไปจะเป็นอย่างไร? เราดูเหมือน.. จะไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิต ”
“ เรื่องนั้นใช่ไหม? ที่ทำให้นายอยากคิดสั้น? ”
“ ใช่ ”
“ อยากระบาย อยากพูดอะไรไหม? ถ้ามันพอจะทำให้เอ็มสบายใจขึ้นบ้าง ก็ปล่อยมันออกมา ”
เอ็มพยายามกลั้นสะอื้น และทำใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น.. ก็เขาก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ปอนฟัง ปอนคนนี้.. คนที่เขารู้สึกเชื่อใจในความจริงใจที่มีให้เขาตลอดมา เขาแน่ใจได้เลยว่า.. ปอนจะไม่มีวันที่จะซ้ำเติม เรื่องราวชีวิตที่แสนจะน่าอดสูของเขาอย่างแน่นอน เขากล่าวเล่าถึงเรื่องราวของเขาไป พลางก็สะอื้นไป ด้วยน้ำตาที่เนืองนองใบหน้า ปอนนิ่งฟังเงียบๆ พลางลูบหัวเขาเบาๆอย่างปลอบประโลม จนกระทั่ง.. เอ็มได้เล่าเรื่องราวของเขาจบลง ปอนก็เอ่ยกับเอ็มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นเชิงปลอบใจเอ็มว่า..
“ อยู่กับเราจนกว่าจะสบายใจ แล้วค่อยกลับบ้านไปคุยกับแม่นะ ”
“ เราคงไม่กลับไปอีกแล้ว เรากลับไปไม่ได้อีกแล้ว แม่ไม่เชื่อเรา แม่เห็นไอ้สารเลวนั่นดีกว่าเรา เราไม่อยากเจอไอ้สารเลวนั่นอีก เราเกลียดมัน เราขยะแขยงมัน ”
“ อย่าคิดแบบนี้สิเอ็ม เราว่า.. แม่คงเชื่อนายนะ แต่.. ที่แม่แสดงออกมาแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะ.. แม่นายคงจะทำใจไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกระมัง? พอเวลาผ่านไปสักพัก พอให้ใจสงบลงได้บ้าง เราว่า.. น่าที่จะคุยกันได้นะ การได้คุยกัน มันอาจจะช่วยผ่อนปรนและหาทางออกที่ดีได้นะเอ็ม ”
“ นายคิดแบบนั้นเหรอ? หรือว่า.. นายกลัวว่า.. เราจะมาเป็นภาระให้นาย นายถึงอยากให้เรากลับบ้าน? ไหนนายบอกว่า เราจะอยู่กับนายนานเท่าไรก็ได้ไง? แล้วทำไม? นายจึงมาพูดแบบนี้? ”
“ ไม่ใช่แบบนั้นนะ เราแค่คิดว่า.. เรื่องน่าที่จะเคลียร์กันได้ ก็แค่นั้นเอง เอาเถิด ไม่กลับก็ไม่กลับ อยู่กับเราตลอดไปก็ได้ เราจะดูแลนายเอง ก็เราเป็นของกันและกันแล้วนี่นา จนถึงตอนนี้.. ที่เราได้รับรู้ความในใจของกันและกันแบบนี้แล้ว เรารักเอ็มมากนะ เราคงจะขาดเอ็มไม่ได้อีกต่อไป เราจะไม่มีวันทอดทิ้งเอ็ม ”
“ จริงนะ นายสัญญานะ ว่านายจะไม่ทอดทิ้งเรา สัญญานะ ว่า.. เราจะรักกันตลอดไปนะปอน ”
“ อืม.. เราสัญญา เอาละ ดึกมากแล้ว เราเข้านอนกันเถิดนะ วันนี้นายก็เจออะไรแรงๆมาเยอะแล้ว หลับให้สบายเถิด เราจะอยู่ข้างๆนายแบบนี้ไม่ไปไหน? ”
กล่าวจบ ปอนก็จุมพิตหน้าผากของเอ็มเบาๆ จากนั้น.. ทั้งคู่ก็เอนกายลงนอนเคียงกัน และโอบกอดกันหลวมๆแต่ดูอบอุ่นใจ เพียงชั่วเวลาไม่นาน ทั้งคู่ก็หลับลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ในยามค่ำคืนของคืนนั้น คืนที่เปลี่ยนชีวิตของเอ็มโดยสิ้นเชิง..
********
*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^