=19=
---RRR---
" มาแล้วครับ " เจตน์กดออดเรียกที่ด้านล่างของอพาร์ตเมนต์อารยะรันพร้อมกับถุงของกิน
"ขึ้นมาซิ่" เสียงนุ่มที่กรอก ลงไปตามสายอินเตอร์ คอมนั้น ดู จะฟังดูอารมณ์ดีมากกว่า ทุกที
ประตูหน้าห้องที่คุ้นเคยเปิดออกก่อนที่ ชายหนุ่มร่างสูงจะได้ยกมือขึ้นเคาะห้องเสียงอีก
"มาแล้ว เหรอ เข้ามาก่อนซิ่ นี่ กำลังหิวพอดีเลย"
" ทายารึยัง? " เจตน์ถามเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่บวมนั้นไม่ค่อยลดลงเท่าไหร่เลย
"อื้ม...ว่ากำลังจะทา แต่กินข้าวก่อน" อารยะตอบ พลางยิ้ม
" รอผมมาก่อนน่ะดิ " เจตน์เดินเข้าครัวไป " ข้าวต้มไหม? "
"อืม...แล้วแต่พ่อครัวเถอะ " ชายหนุ่มร่างบางว่า พลาง เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา ส่วนตัวเขา ก็ เดินไปนั่งที่โซฟายาว ร่างเพรียว เอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอน กับโซฟานุ่ม
"เจ็บ...จัง " มือเรียวแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มของ ตัวเอง
ไม่นานนักกลิ่นข้าวต้มหอมๆก็ลอยมาเตะจมูก " เสร็จแล้วครับ " เจตน์ยื่นถ้วยข้าวต้มให้คนตรงหน้าที่โซฟา ก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวต้มยื่นให้อีกฝ่าย
"ไม่ใช่เด็กซักหน่อย " ชายหนุ่มร่างบาง หัวเราะเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่าย ราวกับจะถามเล็กน้อย
" กินเร็วๆจะได้ทายาไง พี่หน้าบวมแบบนี้ผมเป็นห่วงนี่นา "เจตน์ยื่นช้อนเข้าไปใกล้ปากอีกฝ่าย
"ถ้าจะว่า ว่า ไม่หล่อแล้ว กินเอง ก็ได้นะ" ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ก็ยอมทานข้าวต้มที่อีกฝ่าย อุตส่าห์ทำมาให้แต่โดยดี
================
" หกล้มยังไงให้กระแทกหน้าเนี่ย? "ปลายนิ้วไล้เบาๆแล้วป้ายเนื้อครีมที่แก้มอีกฝ่าย
"ก็...คนมันจะล้มนี่ กำหนดได้ด้วย หรือยังไง " อารยะว่าพลางขมวดคิ้วใส่อีกฝ่าย
" นี่ไม่ยอมทายามาตั้งแต่เมื่อวานรึไงเนี่ย ทำไมบวมตุ่ยเลย " ดูเหมือนเจตน์จะสนใจกับแก้มบวมๆของอารยะมากกว่าเสียอีก
"ก็มันต้องทำงานนี่ ไม่มีเวลkหรอก" คนถูกถามเฉตอบไปเรื่อย
" ไปกับใครมาถึงไม่มีเวลาล่ะ? " เจตน์ถามขึ้นมาลอยๆขณะที่เก็บยาให้เรียบร้อย
"เปล่า...ก็ไม่ได้ไปกับใครนี่ งานมันเยอะ "คำถามของอีกฝ่ายทำให้ดวงตาคู่สวยต้องหันไปเพ่งหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย "ทำไมอย่างนั้นเหรอ "
" เผื่อว่าพี่มีอะไรจะบอกผมไง " เจตน์ที่นั่งพื้นเงยหน้ามองคนที่นั่งโซฟาแล้วยิ้มให้
"เปล่านี่...เมื่อคืน พอนายกลับไป ก็มัวแต่วิ่งเก็บข้าวของอยู่..แล้วก็ลื่นหกล้ม เท่านั้นเอง" อารยะยังคงโกหกหน้าตายต่อไป
เจตน์พยักหน้าก่อนจะขยับไปแตะแก้มอีกฝ่ายเบาๆ " อยู่แบบนี้พี่ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่แฮะ "
"น่ากลัว??...ฉันเนี่ยนะ น่ากลัว" อารยะ หัวเราะออกมาเบาๆ
" ผมไม่ได้อยากจะมีแฟนไว้เดาใจนี่ "เจตน์ตอบไปตามตรง " อยากได้อะไร ไม่ชอบอะไรก็พูดมาตรงๆ แมนดีออก "
"ฉัน..." คำพูดของอีกฝ่ายทำให้คนที่พยายามจะปั้นหน้ายิ้มมาตลอดต้องหุบยิ้มทันที
" พี่น่ะ..ไม่เคยอยากจะให้ผมรู้จักตัวพี่เลยซักนิด "เจตน์ถอนหายใจ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เขาพูดออกไปแบบนั้น " พี่ไม่เข้าใจเหรอว่าทุกวันนี้ผมพยายามจะทำอะไร "
"เห็นแต่นาย หนีไปทุกที... " ร่างบางพึมพำออกมาเบาๆเหมือนอย่างทุกที ที่รู้สึก ไม่ค่อยพอใจ
" ใช่ ! ผมหนีการที่จะต้องมีอะไรกับพี่ทั้งๆที่เป็นแบบนี้ไง " เจตน์โพล่งออกมา มือทั้งสองข้างกำแน่น
"นั่นก็เพราะว่านายเองก็ คิดเองเออเองอยู่ได้นั่นล่ะ..." ใบหน้ามนเบือนหน้าไปอีกทาง
" แล้วไงล่ะ พอผมถามตรงๆก็บอกให้คิดเองเอง ! "เจตน์เผลอบีบแขนอีกฝ่ายแน่น
"ก็รู้จักคิดให้มันดีๆหน่อยซิ่ เจ็บ...ปล่อยนะ..." อารยะเองก็ขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายเหมือนกัน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เพราะรอยช้ำจากชายแก่เมื่อวานยังไม่จางหายไปไหน
แต่เจตน์กับยิ่งบีบแน่นขึ้นไปอีก คำพูดแบบนั้นเขาเกลียดที่สุด
" เจ็บตรงนี้ โดนใครทำอะไรมา? .. พี่ไปกับใครมา? "เจตน์ตวาดใส่อีกฝ่าย
"ได้...เมื่อคืนฉันออกไปข้างนอกมา ...ดื่มแก้เซ็ง คนเดียว!! พอใจรึยัง "อารยะแทบจะตะโกนใส่อีกฝ่าย
" ไปเจอพี่คิมมาใช่ไหม? " เจตน์ถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแต่กำลังสะกดอารมณ์ตนเองเอาไว้อย่างหนัก
"....ใช่...บังเอิญ เจอกันที่ร้าน ทำไม" เสียงที่ดังอยู่เมื่อครู่ดูเหมือนว่าจะแหบพร่าลงไปเลยทีเดียว
ชายหนุ่มรุ่นน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
" วันหลังอยากเที่ยวก็บอกผมซิ " มือแกร่งลูบผมนุ่มนั้นเบาๆ
" ไปคนเดียว..หกล้มแก้มบวมแบบนี้ก็แย่ซิ "
"ก็..ฉันเครียดนี่" อารยะว่าพลางหันหน้าหนีไปอีกทาง "เจ็บนะ..จะปล่อยแขนได้รึยัง?"
" โทษฮะ "เจตน์รีบปล่อยมือ ก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ " ดึกแล้วนะเนี่ย คงต้องไปแล้วละ "
"อืม..."อารยะพยักหน้ารับคำก่อนจะถอยออกมาจากอีกฝ่ายเล็กน้อย
...เจ็บชะมัด...
" ก่อนนอนทายาด้วยนะ " เจตน์ย้ำ " แล้วข้าวต้มที่เหลือเก็บไว้ให้แล้ว ใส่ไมโครเวฟก็กินได้แล้ว "เขาว่าพลางเก็บของ
"นี่...เจตน์" ร่างบางเดินไปหาอีกฝ่าย มือเรียวแตะไหล่กว้างของอีกฝ่ายเบาๆ
" หืม? "เจตน์หันมาหาอีกฝ่ายขณะที่กำลังเดินไปที่ประตู
ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเจ้าของห้องแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของเจ้าของชื่อ
"ขอบใจนะ " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบตาอีกฝ่าย
" ไว้เจอกันครับ "
================
"เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจดังขึ้นแทบจะทันที ที่ประตูปิดลง
...นี่แสดงว่า มีใครหลุดปากอะไรออกไป...
อารยะคิดพลางกุมขมับ
"แต่ก็ช่างสิ คนอย่างฉันจะจริงจังกับใครได้" อารยะหัวเราะในลำคอ
================
เช้าวันรุ่งขึ้น อารยะเดินทางไปทำงานโดยหอบหิ้วเอาความสงสัยติดตัวไปด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่อยากใส่ใจมากนัก แต่เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเอาเรื่องของคิมหันต์ไปบอกให้เจตน์ฟัง
"อรุณสวัสดิ์ ชิน" และคนแรกที่อารยะ เดินเข้าไปหา ก็คงจะหนีไม่พ้น ร่างอวบอ้วนของรุ่นน้อง
"ค...ครับ" ชินดนัยสะดุ้งโหยง
"วันก่อนนาย...ได้เข้าไปที่ห้องเอกสารบ้างหรือเปล่า " อารยะว่าพลาง โน้มตัวลงไปมองหน้าชายหนุ่มรุ่นน้อง ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต จ้องราวกับจะเค้นเอาคำตอบ
"ผม...เอ่อ....ผม"ชินดนัยเหงื่อแตกซิก อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เมื่อนึกถึงภาพที่ได้เห็น ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
"อยู่นี่เอง อารยะ .. มาคุยกันหน่อยสิ "ชายสูงวัยท่าทางใจดีเรียกอารยะไว้ พลางเดินไปที่โต๊ะทำงาน
"อ่ะ...ครับ" อารยะว่าพลางหันมาทองหน้าของชินดนัย อีกครั้ง
"เดี๋ยวพี่มา... "ว่าแล้วก็เดินตามหัวหน้าแผนกเข้าไปในออฟฟิศ
================
" มีหนังสือภายในจากแผนกต่างประเทศมาถึงผมเมื่อวานเย็น " หัวหน้าแผนกเอกสารยื่นสำเนาบันทึกนั้นให้อีกฝ่าย
" ขอตัวคุณไปกลับไปที่แผนกต่างประเทศ "
"เห?...ทำไมครับ...ผมนึกว่าเขาไม่อยากจะได้ผมไปเสียอีก " อารยะขมวดคิ้วพลางเหน็บแนมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
" ช่วยไม่ได้นี่นา อยู่ที่นี่คุณก็ไม่ใช้ความสามารถเต็มที่ ยินดีด้วยนะ "หัวหน้าแผนกตัดบท
" ผมส่งตัวคุณวันนี้เลยก็แล้วกัน ที่ผ่านมาขอบคุณมาก "
"อ่ะ...เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ หัวหน้า? " อารยะ อึ้งไปกับความรวดเร็วที่เกิดขึ้น
...ให้ตาย นี่มันอะไรกันเนี่ย..
================
ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน โต๊ะ ใหม่ ที่ถูกจัดขึ้นในแผนก และ คนที่ขนของย้ายเข้ามาก็เรียกความฮือฮาให้กับแผนกได้ไม่น้อย สายตาทิ่มแทง ที่ถูกมองมาจากหลายคนทำให้คนที่เพิ่งจะถูกย้ายแผนกรู้สึกว่า ควรจะเอาเวลามากลุ้มกับเรื่องนี้มากกว่า เรื่องของ ชินดนัยเสียแล้ว
"มองอะไรไม่ทราบ ครับ" อารยะว่าพลางวางกล่องเอกสารที่จำเป็นลงบนโต๊ะทำงาน ตัวใหม่
" พี่อาร์ต? " เจตน์รีบเดินเข้ามาทักพนักงานใหม่ของแผนก " พี่เองเหรอ? "
"อื้ม...เห็นว่า ทางนี้ เขาอยากได้ตัว ทางนั้นก็เลยส่งมา ด่วน" อารยะ ไม่มีอารมณ์จะหันไปคุยเล่นกับอีกฝ่ายเหมือนทุกที ในใจนึกด่า กร่น หัวหน้าแผนกที่ส่งลูกน้องอย่างกับส่งของแบบนี้
" อ้อ บอสงั้นเหรอ?" เจตน์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
" เขาอยู่ในห้องน่ะ ไปทักทายหน่อยสิ "
"ก็ว่าจะไปดูหน้าอยู่เหมือนกัน" อารยะว่าพลางเดินไป ที่ออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแผนก แต่ก่อนจะได้เดินเข้าไปร่างบางก็ต้องหยุด ในใจนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อน
....หวังว่าคราวนี้ คงไม่มีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นเพราะหัวหน้าแผนกอีกนะ....
================
" Welcome back Khun Araya " เสียงห้าวแบบอเมริกันแท้ดังขึ้นมาจากในห้อง
"อ่ะ...It's a pleasure to meet you,sir."เจ้าของชื่อตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ พลางยื่นมือไปทักทาย
" ตามสบายๆ ผมพูดไทยได้ นั่งสิ .. ปีเตอร์ แมคเคย์แกน ยินดีที่รู้จัก " เขาจับมืออีกฝ่าย
"อ่ะ... ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณแมคเคแกน" อารยะว่าพลางยิ้มให้กับหัวหน้าแผนกคนใหม่ ที่เป็นชายชาวอเมริกันร่างสูง ดูๆแล้ว อายุก็คงจะมากกว่าเขาอยู่เกือบรอบทีเดียว แต่คิดว่าคงจะไม่ได้เป็น คน ที่ เคร่งครัดอะไรนัก เมื่อดูจากผมสีบลอนด์นั่นก็ยาวจนระต้นคอแล้ว
" อยู่กันแบบสบายๆนะ ไอ้ระเบียบที่ไม่ได้ช่วยให้องค์กรเจริญขึ้นมาแบบที่หัวหน้าแผนกคนก่อน..ใครนะ.. " หัวหน้าคนใหม่ทำท่านึก
"เอ่อ...คุณอิทธิพลครับ" อารยะกัดฟันเอ่ยชื่อของตาแก่ที่พยายามจะทำทุกอย่างให้ได้เขาไปอยู่บนเตียงขึ้นมา
" ใช่ ปลดเกษียณไปได้ซะก็ดี .. เอาเป็นว่าอยู่กันแบบไม่เครียดนะ ดูประวัติการทำงานเก่าๆของคุณ เนี่ยช่วยผมได้เยอะ ผมจะให้คุณทำเรื่องที่เรากำลังติดต่อกับบริษัทที่อังกฤษก็แล้วกันส่วนพาร์ทเนอร์.. " ปีเตอร์ทำท่าคิดก่อนจะกดโทรศัทพ์สายใน
" คิม เข้ามาหน่อย "
และคนที่เข้ามาในห้องหัวเน้าแผนกก็คือหนุ่มลูกครึ่งเพียงคนเดียวในแผนกนี้ .. คิมหันต์..
"สวัสดี..." อารยะทักทาย อีกฝ่าย
" มีอะไรครับ บอส? " คิมหันต์นั่งลงข้างๆอารยะ
" รู้จักกันแล้วใช่ไหม? อารยะจะเป็นพาร์ทเนอร์ของนาย OK? "
คิมหันต์หันไปทางอารยะเล็กน้อยก่อนจะก้มศีรษะให้เล็กน้อย
" จากนี้ไปก็รบกวนด้วยนะครับ "
"อ่ะ...เช่นกันครับ" อารยะเองก็ก้มให้กับอีกฝ่ายตามมารยาทเช่นเดียวกัน เป็นอีกครั้งของวันที่ในใจของเขานึกต่อว่า เจ้านายร่างสูงคนนี้
...เข้าใจเลือกคนได้ถูกจังหวะ จริงๆ...
================
แต่เมื่ออกมาจากห้องทำงาน คิมหันต์ก็ไม่ได้พูดอะไรกับอารยะอีก ในเมื่องานที่กองอยู่เต็มโต๊ะขนาดนั้นคืองานที่เขาต้องการผู้ช่วยเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วใช้คอมพิวเตอร์ทำงานต่อไป
"ถ้ามีอะไรให้ทำก็บอกนะ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน อาจจะไม่ค่อยเข้าใจระบบใหม่มากนักแต่...ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยก็แล้วกัน" อารยะเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างๆโต๊ะของอีกฝ่าย
" ช่วยย้ายโต๊ะมาอยู่ตรงนี้เถอะนะครับ ตรงนั้นมันไกลไปน่ะ "คิมหันต์ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
" แล้วผมจะอธิบายงานให้คุณเข้าใจให้เร็วที่สุด "
"อ่ะ...อื้ม" อารยะว่าพลางเดินไปย้ายของเป็นหนที่สองมานั่งข้างๆกับอีกฝ่าย ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า นั่นจะต้องเป็น ภาพที่ใครอีกคนจะต้องเห็นอยู่เป็นแน่
คิมหันต์เอาปึกเอกสารวางที่โต๊ะของอารยะทันทีที่เขาจัดของเสร็จ
"โอเค พร้อมฟังเหมือนกัน ว่ามาเลย "ถึงจะรู้สึกหวั่นใจ กับ บรรยากาศ รอบ ตัว ชายหนุ่มร่างสูง แต่ในเมื่อเป็นงาน มัน ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องสนใจเรื่องนั้นมากกว่า
" อ่านก่อนเถอะ ไว้คุณอ่านเสร็จค่อยคุยดีกว่า " คิมหันต์ตัดบท
"อ่ะ... ฟ" ทั้งๆที่เตรียมพร้อมแล้วกลับถูกตัดบทอย่างไม่เหลือเยื่อใยแบบนี้ ทำให้อารยะต้องขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันมาเจอเอกสารกองโต และเมื่อมองดูเวลาด้วยแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนี้ได้อยู่ทำโอทีเป็นแน่
ซึ่งเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนเย็น งานที่ยังไม่เสร็จเลยทำให้พวกเขาไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งค่ำ
คนอื่นๆออกจากห้องกันไปหมดแล้ว ส่วนเจตน์เมื่อไม่ได้ไปกินข้าวกับอารยะก็รีบวิ่งไปห้องเอกสารซะอย่างนั้น
================
"โอ้ย...กว่าจะจบ" เสียงโอครวญดังขึ้น พร้อมกับร่างบางที่เอนตัวยืดเส้นไปทางด้านหลัง เพราะนั่งอ่านเอกสารอยู่อย่างนั้นอยู่หลายชั่วโมงทีเดียว
" คุณจะกลับก็กลับเถอะ " คิมหันต์พูดขึ้นมาลอยๆ
"กลับอะไร ไหนว่า อ่านจบแล้วจะพูดเรื่องงานไง"อารยะหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย
" ตอนนี้คุณคงฟังไม่ไหวหรอก..ไว้ค่อยคุยกัน " คิมหันต์ลุกขึ้นจากที่นั่ง มือของเขาปัดกับกล่องใส่ปากกาตกลงที่พื้นเพราะความเครียดจากงานที่ต้องรับผิดชอบ " บ้าชะมัด "
"แค่นี้ก็สบถแล้ว..." เสียงนุ่มดังขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมมาช่วยหยิบปากกา"แบบนี้ใครกันล่ะที่เหนื่อย ..." สิ้นประโยคริมฝีปากบางก็คลี่เป็นรอยยิ้มให้กับอีกฝ่าย
คิมหันต์ก้มลงรวบปากกานั้นไว้ มือของทั้งสองคนแตะกันทำให้คิมหันต์เงยหน้ามองอีกฝ่าย
"เหนื่อยเหรอ...หรือว่ากลุ้มใจ ที่ฉันมา"
คิมหันต์ไม่ตอบอะไรเขาดึงมือของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ก่อนจะแตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายปลายลิ้นสอดเข้าไปอย่างเย้ายวน
"อืม... "เสียงตอบรับสัมผัสนั้นดังขึ้นในลำคอ มือเรียวที่จับปากกาที่เก็บเมื่อครู่กำปากกาแน่น
เรียวลิ้นสัมผัสโต้ตอบเย้ายวนราวกับโหยหามานาน จนเจ้าตัวเองยังรู้สึกแปลกใจ ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้จะห่างจากคิมหันต์ไปนาน ขนาดนั้น แต่กลับยิ่งรู้สึกอยากจะสัมผัสอีกฝ่าย
...เพราะอะไรกัน หรือแค่ทนไม่ได้ที่ถูกทำเมินใส่อย่างนั้น...
แต่คิมหันต์กลับผละออกจากอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย " ผมกลับล่ะนะ "
"นี่... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลขมวดคิ้ว ด้วยความไม่เข้าใจพลางยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ยังคงเปียกชื้น
"งานก็อธิบายไม่เสร็จ เริ่มก่อนแล้วจะกลับอีก...เนี่ยนะ"
" นี่กำลังชวนอยู่รึไง? "คิมหันต์ยักไหล่ แล้วเดินไปเก็บของบนโต๊ะ
"ไม่ ฉันกำลังพูดเรื่องงานอยู่ดีๆ นายก็มาทำแบบนี้เอง ... ใช่สิ ฉันมันไม่มีอะไรดีหรอก ทำอะไรมันก็จะมีแต่ยั่ว...ขอโทษนะ ที่ความตั้งใจกับความหวังดีมันกลายเป็นแบบนี้ไปซะหมด สงสัยต้องไปถลกหน้าตัวเองทิ้งด้วยล่ะมั้ง" คำพูดประชดประชันพร่างพรูออกมาจากริมฝีปากบาง ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขาถึงรู้สึกเหมือนกับกำลังโดน อีกฝ่ายปั่นหัวอยู่แบบนี้
...เจ็บใจนัก...ทุกทีมันต้องเป็นฉันไม่ใช่หรือไงกัน....
" ไม่ได้ชวนใช่ไหม? งั้นก็กลับเถอะ "คิมหันต์ตอบกลับมาแบบง่ายๆ แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
"โอ้ย..." อยู่ๆเสียงร้องก็ดังขึ้น
" เจ็บใจเหรอครับ ร้องซะดังเลย "คิมหันต์หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยังไม่ได้ออกจากห้องไป
"บ้าดิ่...หมุดตำมือ เนี่ย" ว่าพลางก็ยกมือขึ้นมาดู รอยแผลจากหมุดปักกระดาษทำให้เลือดไหลซิบออกมาจากมือบาง...
"ซวยชะมัด เดี๋ยวโดนต่อย ย้ายงาน หมุดยังจะมาตำมืออีก" อารยะว่าพลางลุกขึ้นยืน คว้าเอากระเป๋าเอกสาร ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง
"บ้าชะมัด" ว่าพลางก็ยกมือขึ้นเลียเลือดที่ไหลออกมา
คิมหันต์กลับคว้ามืออีกฝ่ายไว้แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตรงที่หมุดตำนั้นให้อีกฝ่าย
" ลงทุนขนาดนี้เลยนะครับ "
"ลุงทุน? อะไร"คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน พลางดึงมือออกจากมือของอีกฝ่าย ด้วยกลัวว่าคิมหันต์จะเล่นบ้าๆให้เขารู้สึกแปลกๆอีกครั้ง
" ลงทุนให้ตัวเองเจ็บ จะได้เรียกผมไว้ได้ไงล่ะ .. ทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ .. ผมก็แค่คู่ขาคุณไม่ใช่เหรอ? " มือทั้งสองข้างจับแขนของอารยะไว้
"ใคร...ใครมาลงทุนบ้าอะไรกัน หมุดบ้านั่นก็แค่ไปตกอยู่ตรงนั้นเฉยๆ " อารยะเบือนหน้าหนีไปอีก ทางถึงจะรู้ว่ากลบยังไงก็กลบไม่มิด สิ่งที่ตัวเองพูดไปก็ดีแต่จะกลับตัวเองทั้งนั้น
...ก็นายอยากมาทำท่าแบบนั้นใส่ฉันก่อทำไมเล่า ไอ้บ้าเอ้ย...รู้ทันอีก....
" ว่าไงล่ะ ชวนรึเปล่า?..ในฐานะคู่ขา จะทำให้หายค้างก็ได้นะ " คิมหันต์ยื่นหน้าไปใกล้อีกฝ่าย
"ไม่..." อารยะเบือนหน้าไปอีกทาง "ฉันไม่ได้มั่วอยากกับนายไปทุกที่หรอกนะ..."
ใบหน้ามนของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงก่ำ ด้วย ความโมโห ระคนไปกับความอาย วันนั้น ในห้องเอกสารหากจะให้พูดจริงๆ เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนั้นในบริษัทเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันถูกจุดขึ้น รวดเร็วเหลือเกิน
"บ้าเอ๊ย นายนี่มัน!" มือข้างที่ว่างวาดลงกระทบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง
ใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงคิมหันต์หันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปทันที
ทิ้งอารยะไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง
================
talk : คนเขียนหายไปนานจริงๆค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ออกทริปอีกแล้วเพิ่งได้กลับมานี่ล่ะค่ะ // กรี๊ดคิมหันต์