๑๔
รพีพันธ์ หันกลับไปมอง ‘เตียง’ ที่เขานอนอยู่เมื่อคืนนี้ แท่นหินสี่เหลี่ยมพื้นผิวด้านบนราบเรียบ กว้างพอที่จะนอนได้ ๒ คนอย่างสบาย ปูไว้ด้วยผ้านวมผืนใหญ่และหนา ผนังที่อยู่ด้านนั้นเป็นลอนเหมือนผ้าม่านที่ถูกรวบมัดไว้ แล้วมองไปที่ก้อนหินที่เป็นเหมือนโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งอยู่กลางถ้ำ มีก้อนหินที่เป็นเก้าอี้รายรอบอยู่ ๔ ตัว ตำแหน่งนั้นสว่างไสว เพราะแสงที่อาทิตย์ลอดผ่านโพรงขนาดใหญ่บริเวณเพดานถ้ำ ชายหนุ่มมองขึ้นไป ก็มองเห็นบริเวณปากโพรงนั้นมีต้นไม้เล็กๆขึ้นอยู่โดยรอบ
“ล้างหน้าที่ตรงนี้”ชายหนุ่มหันกลับมามอง ก็เห็นก้อนหินขนาดย่อม ๒ ก้อน ก้อนหนึ่งสูงระดับเอว ด้านบนวางอ่างขนาดย่อม บรรจุน้ำสะอาดไว้เกือบเต็ม มีกิ่งข่อยและถ้วยเล็กๆวางอยู่ข้างๆ หินอีกก้อนหนึ่งเตี้ยกว่าก้อนแรกที่อยู่ติดกันเกือบครึ่ง สามารถใช้แทนเก้าอี้ได้
“ล้างหน้าที่นี่เหรอ แล้วจะบ้วนน้ำตรงไหนล่ะ” รพีพันธ์ ถามอย่างสงสัย เพระปรกติแล้วจะมีอ่างเปล่าไว้สำหรับน้ำทิ้งด้วย
“ที่ร่องน้ำด้านนี้” จันทริ ชี้ไปด้านใน ชายหนุ่มเดินเข้าไปดู ก็เห็นเป็นร่องน้ำเล็กๆมีน้ำไหลอยู่ มองไปทางต้นน้ำก็เป็นแอ่งน้ำเล็กๆขนาดใหญ่กว่าอ่างอาบน้ำเล็กน้อย มีน้ำไหลมาจากร่องน้ำที่อยู่ถัดขึ้นไปอีก เขาสังเกตเห็นไอน้ำบางเบาลอยกรุ่นอยู่เหนือน้ำในแอ่งน้ำนั้น เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความสงสัย พลางจุ่มมือลงไปในน้ำ
“บ่อน้ำร้อนนี่” ชายหนุ่มอุทาน เมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิของน้ำ และมองเห็นพรายน้ำผุดขึ้นมาจากหลุมเล็กๆ ๒-๓ หลุมจากก้นแอ่ง
“ท่านจะอาบน้ำที่นี่เลยก็ได้ ปรกติข้าก็อาบที่นี่”
“ดีเหมือนกัน งั้นผมแปรงฟันก่อน”
ชายหนุ่มเดินกลับมาแปรงฟัน เมื่อเสร็จแล้วก็ถอดเสื้อออก วางลงไปบนก้อนหิน แล้วเตรียมจะถอดกางเกงออก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักลงเหมือนคิดอะไรได้
“จันทริ ขอผ้าให้ผมหน่อย ผมจะนุ่งอาบน้ำ” เขาตะโกนบอก จันทริ ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหิน
จันทริ หันมามองด้วยใบหน้าแสดงความสงสัย แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้ามาจากบริเวณปลายเตียง เดินมายื่นให้เขา
“มิเห็นจำเป็นต้องผลัดผ้า ที่นี้ไม่มีใครเข้ามาดอก มิเหมือนที่แม่น้ำ” จันทริ พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ก็มีคุณอีกคนนี่ จะให้ผมแก้ผ้าต่อหน้าคุณได้ยังไง” ชายหนุ่มพูดพลางเอาผ้าพันร่างท่อนล่างไว้ แล้วเริ่มถอดกางเกงออก แต่ก็เอะใจในความเงียบ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็น จันทริ ขมวดคิ้ว
“หรือคุณจะให้ผมแก้ผ้าให้คุณดู” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ
“มีอันใดมิได้” จันทริ พูดอย่างสงสัย “ร่างกายส่วนใดของท่านที่ข้ามิเคยเห็น”
“เฮ๊ย...” ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจ พลางเอามือกุมผ้าไว้อย่างไม่รู้ตัว “คุณว่าอะไรนะ คุณเห็นอะไรผม แล้วเห็นได้ยังไง”
“ข้าบอกว่า ข้าเห็นร่างกายของท่านหมดทุกส่วนแล้ว มีอันใดประหลาด” จันทริ ยังคงทำหน้าสงสัยอยู่ “ตอนที่ข้านำท่านขึ้นมาจากสายน้ำ ข้าเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่าน เป็นคนทำความสะอาดร่างกายท่าน และตลอดเวลาที่ท่านนอนป่วยอยู่ ข้าก็คอยเช็ดตัวให้ท่านทุกวัน”
ขณะที่พูดนั้น น้ำเสียงของ จันทริ นั้นบริสุทธิ์จริงใจ และแววตาใสซื่อ ทำให้ รพีพันธ์ หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วจู่ๆ จันทริ ก็ก้มหน้าหัวเราะด้วยความขบขัน
“คุณหัวเราะอะไร”
“ข้าเข้าใจแล้ว” จันทริ มองหน้าชายหนุ่ม พลางยิ้มให้ แล้วเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆอีกครั้ง “ท่านกำลังเขินอายข้านั่นเอง ถ้าเช่นนั้นท่านอาบน้ำให้สบายเถิด ข้าจะไปอยู่ทางด้านนั้น” พูดจบ จันทริ ก็เดินกลับไปที่โต๊ะหิน แล้วหยิบกรอบผ้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วหันมาหัวเราะให้ รพีพันธ์ อีกครั้ง ก่อนจะนั่งหันหลังให้
“ฮึ ... หัวเราะเข้า ไม่โดนมั่งให้มันรู้ไปสิ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ แล้วก็เดินไปแช่ตัวในแอ่งน้ำ “อุ่นกำลังดีเลยนะเนี่ย”
รพีพันธ์ แช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ พลางขัดถูร่างกายไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็เริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้
หลังจากที่ดื่มเหล้ากันไปอีกสักพักหนึ่ง จนเขารู้สึกว่าเมาพอสมควร จันทริ ก็ลุกขึ้นประคองให้เดินไปทางผนังผา จึงได้เห็นว่า มีปากถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไป ก็พบกับถ้ำกว้าง สว่างไสวเพราะแสงจันทรท์ที่ส่องผ่านโพรงขนาดใหญ่ด้านบน สะท้อนกับผนังที่เป็นประกายแวววาว จันทริ ประคองเขาไปนอนที่เตียงหิน ถอดรองเท้าให้อย่างเรียบร้อย แล้วถอดรองเท้าตนเองก่อนจะขึ้นมานั่งลงบนตียง
“ที่นี่ที่ไหน” เขาถามออกไป
“วิหารจันทรา ที่อยู่ของข้า ตอนนี้จักเป็นที่อยู่ของท่านด้วย” จันทริ ตอบมาเบาๆ
“วิหารจันทรา เหรอ ... เหมือนผมเคยได้ยินมาก่อนนี้นะ”
“ข้าเคยพูดให้ท่านฟังครั้งหนึ่ง เมื่อท่านมาถึงที่นี้ใหม่ๆ”
“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้นอีก แต่ผมนึกไม่ออก”
“มิเป็นไรดอก เมื่อถึงเวลาท่านคงคิดขึ้นได้ ดึกแล้วท่านพักผ่อนเถอะ”
“คุณบอกว่าพวกเราแต่งงานกันแล้วเหรอ”
“ใช่” เสียงตอบอย่างแผ่วเบา
“ฮ่าๆๆ... อย่างนั้นคุณรู้มั๊ยคู่แต่งงานเค้าทำอะไรกันบ้าง” เขาถามด้วยความคะนองจากความเมา
“ทำอะไรหรือ”
แทนคำตอบ เขารวบร่าง จันทริ ลงมากอดแนบอก แล้วพลิกตัวขึ้นทาบทับ พลางซุกจมูกไปที่ซอกคอ ที่กระจายกลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วลากไล้จมูกไปตามลำคอ
“หอมจัง” เขาพึมพัม
... แล้วเขาก็หลับไป ในขณะที่ซบใบหน้าอยู่กับซอกคอของ จันทริ แบบนั้น ...
“เฮ้ย ... เวรแล้ว” รพีพันธ์ อุทานเบาๆเมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เพราะร่างกายบางส่วนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
“เอาไงดีวะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ พลางหันหน้าไปมอง จันทริ ซึ่งกำลังนั่งปักผ้าอยู่ที่โต๊ะหิน