ชอบติน...อย่างนั้นหรือ?
ถึงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่สงสัย แต่ภาพที่เห็น รวมถึงสายตาที่มองพี่ชายของผมด้วยความรู้สึกโหยหาแบบนั้น มันก็ไม่อาจหาคำตอบไหนมาแก้ขัดได้
“ท่าทางสนิทกันดีนี่” ผมพูดขึ้น แล้วหรี่ตามอง “กอดไหล่กันแน่นเชียว”
“คิดอะไรของมึงอยู่เนี่ย” ตินว่า พร้อมกับคลายวงแขนของตัวเองออก แล้วโยนถุงกระดาษมาให้ผมแทน “ของฝาก”
ผมไม่ได้สนใจจะเปิดดูสิ่งที่ได้รับมา แต่หันไปมองเตยที่ยังทำหน้านิ่งอยู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองผมเพียงครู่เดียว ก่อนจะหันไปมองตินต่อ
“ไม่รู้ว่ามาก่อนว่ามีน้องด้วย” เตยพูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่าผมจะมีท่าทีอย่างไร
“พอดีมีน้องชายที่ไม่ค่อยน่าอวดเลยไม่เคยพูดถึงน่ะ” ตินตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วยิ้มมองผม “แล้วมารอตั้งแต่กี่โมงล่ะ”
“ยังมีหน้ามาถามอีก” ผมว่ากลับ แล้วเมองพี่ชายอย่างไม่พอใจนัก
“สมน้ำหน้า” ตินว่ากลั้วหัวเราะ ก่อนจะเข้ามาตบหัวของผม “มันยังน้อยกว่าเวลาที่กูติดต่อมึงไม่ได้ก็แล้วกัน”
ผมเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางเตย เมื่อยังเห็นท่าทางที่เหมือนเป็นอากาศของอีกฝ่าย ผมถอนหายใจเล็กน้อย แล้วหันมามองพี่ชายของตัวเอง
“กลับได้หรือยัง กูง่วงแล้วเนี่ย” ผมบ่นออกมา แล้วลอบมองเตยอีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่น้องเขาหันมามองผมพอดี แววตาอ่อนโยนเมื่อมองพี่ชายของผมก่อนหน้านี้ กลับนิ่งเรียบเหมือนน้ำในทะเลสาบ
“เออๆ แต่มึงไม่ต้องขับนะ กูยังไม่อยากตาย” ตินพูดขึ้น แล้วหันไปทางเตยต่อ “เตยก็กลับด้วยกันนะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับแท็กซี่” เตยบอก สายตาเฉยชาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนใสอย่างชัดเจน พร้อมกับรอยยิ้มที่แต้มอยู่บนริมฝีปากเรียวได้รูป
ยิ้ม...
นี่ผมตาฝาด เพราะไม่ได้นอนหรือเปล่าครับ ที่เห็นเสือยิ้มยาก ยิ้มออกมาง่ายๆ แบบนี้!
“เกรงใจอะไร เดี๋ยวไปพักที่ห้องของไอ้แทมก่อน” ตินบอกด้วยรอยยิ้ม “พี่จะทำอะไรให้กิน แล้วค่อยกลับ”
คำชักชวนนั้นถูกตอบรับด้วยการยอมให้ตินจับแขนพาเดินออกไป ใบหน้าที่มักจะเรียบนิ่งอยู่เสมอ ในเวลานี้กลับดูนุ่มนวลชวนมองด้วยรอยยิ้มที่ประดับจนไม่อาจละสายตาได้
ยิ้มอีกแล้ว...
ผมได้แต่มองอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วเก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้ ผมตั้งใจแล้วว่าจะไปถามรายละเอียดเรื่องของเตยกับตินทีหลัง
อยากจะรู้ว่า...มันใช้วิธีไหน สร้างรอยยิ้มแบบนั้นขึ้นมา
รอยยิ้มที่ผมไม่เคยได้รับ...
พวกเราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงรถยนต์ที่ผมจอดเอาไว้ หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย ตินก็ขอกุญแจรถจากผม และในขณะที่พี่ชายคนดีกำลังเปิดประตูฝั่งคนขับออก เสียงทุ้มของเตยก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวผมขับให้ดีกว่า ตินเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ”
“ไม่เป็นไรๆ”
“เอาไว้ค่อยทำข้าวเช้าเลี้ยงทีเดียว"
บทสนทนาจบลง เมื่อคนดื้อด้านฉวยกุญแจรถไปอย่างที่ตั้งใจไว้ แล้วทิ้งให้ตินยืนทำสีหน้าอ่อนใจออกมา ผมที่เหมือนถูกลืม ก็เลยต้องสละที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับให้พี่ชาย แล้วย้ายมานั่งด้านหลังแทนด้วยความหงุดหงิดที่ยังหาสาเหตุไม่ได้
++++++++++
"ตอนนั้นคิดว่าหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว แต่พอเอามือไปทาบดู ก็รู้ว่ามันเต้นเร็วสุดๆ เลยต่างหาก"
ประโยคที่เจือด้วยเสียงหัวเราะดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบในรถยนต์ที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ ผมกำลังนั่งฟังพี่ชายพล่ามเรื่องราวที่เพิ่งวิ่งหนีตำรวจท้องถิ่นได้อย่างหวุดหวิด เพราะมันดันไปพ่นสีบนกำแพงบ้านของคนรวยในละแวกนั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเหนื่อยใจ
"มันไม่ตลกเลยนะ" ผมว่าเสียงเรียบ แล้วมองคนเล่าอย่างตำหนิ
"ก็สนุกดีนี่หว่า มันยิ่งกว่าได้โดดบันจี้จัมป์อีก" ตินหันมาบอก แล้วมองมาอย่างวางท่า "ที่สำคัญก็ไม่ได้ทำร้ายใคร เหมือนที่มึงชอบหาเรื่องหรอก"
"กูทำเพราะป้องกันตัว ส่วนมึงหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ" ผมว่าต่อ แล้วถอนหายใจออกมา
"ศิลปะกับชีวิตมันแยกกันไม่ออกอยู่แล้ว พวกไร้จินตนาการอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก" ตินพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
"ถ้าถูกจับได้ จินตนาการมึงจบเห่แน่ติน" ผมว่าต่ออย่างเหลืออด
"กูเอาตัวรอดได้หรอกน่า" ตินบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก "เคยพลาดที่ไหนกัน"
ผมถอนหายใจรับคำตอบนั้น ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา รับรองได้เลยว่าพ่อกับแม่ได้มีคำสั่งกักบริเวณมันแน่นอน ซึ่งนั่นก็เหมือนฆ่าตินที่รักอิสระให้ตายทั้งเป็นนั่นแหละ
"เอาไว้มึงปิดเทอม กูจะพาไปดูอนาคอนด้า มึงอาจจะเข้าใจชีวิต ศิลปะการเอาตัวรอดและธรรมชาติมากขึ้น" ตินบอกกลั้วหัวเราะ “วิ่งหนีงูยักษ์เหมือนในหนัง คงมันดี”
"ไอ้ประสาท" ผมว่าพี่ชายอย่างอ่อนใจ
ผมมองตินที่หัวเราะรับคำพูดของผมอย่างไม่ถือเป็นเรื่องจริงจัง ก่อนจะมองไปทางเตยที่ยังขับรถเงียบไม่พูดอะไรออกมา เพียงไม่นานรถยนต์ก็เลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถของคอนโดมิเนียมของผม
เมื่อรถยนต์จอดสนิท ผมก็ต้องกุมขมับของตัวเองอย่างปลงตก เมื่อเห็นตินออกจากรถไปยกกระเป๋าดินทางของตัวเองหน้าตาเฉย
ผมชักไม่แน่ใจว่า มันจะรอดในการตะลอนโลกกว้างได้นานเท่าไรกัน เพราะแค่ระยะทางจากสนามบินกลับมาห้องของผม มันยังไม่เอะใจอะไรที่ผิดปกติสุดๆ
ผมออกจากรถมามองเตยที่กำลังช่วยตินยกกระเป๋า ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองผม ก่อนจะโยนกุญแจรถคืน ซึ่งผมก็รับเอาไว้ได้ ก่อนที่ผมจะเดินผ่านสุดหล่อ แล้วพูดให้ได้ยินกันสองคน
“ไม่รุ้จักกันมาก่อน แต่ก็มาห้องพี่ถูกนะ”
++++++++++
ผมเดินเข้ามาในห้อง โดยลอบสังเกตท่าทางของตินกับเตยเป็นระยะ แต่ดูเหมือนพี่ชายของผมจะไม่ได้สงสัยอะไรกับการรู้เส้นทางของเตยเลยสักนิด
ตินเป็นคนไม่คิดอะไรมากและยังเชื่อใจคนที่รู้จักอย่างน่ากลัวอีกด้วย มันคงวางใจจนไม่ทันได้สนใจ เพราะเตยก็ไม่ได้ถามทางด้วยล่ะมั้ง ในทางกลับกัน ถ้าหากมันคิดมากหรือสงสัยอะไร พี่ชายคนนี้จะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจนั่นแหละครับ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าตินที่คิดน้อยกับตินที่คิดมาก แบบไหนดีกว่ากัน
ผมลอบถอนหายใจและตั้งใจเก็บสิ่งที่คาใจเอาไว้ทีหลัง เพระเมื่อพบกับบรรยากาศที่คุ้นเคย ความง่วงที่หยุดทำงานก็เร่งเร้าให้ผมมุ่งตรงไปที่เตียงหลังใหญ่ในห้องนอนราวกับมีแรงดึงดูด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวไปถึงหน้าประตูห้องนอน เสียงของตินก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน
“นี่มึงจะไม่สนใจดูแลพี่ชายที่มาเยี่ยมหน่อยหรือไง”
“โตเป็นควายแล้ว ดูแลตัวเอง”
ผมหันไปว่าพลางถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของตินแต้มไปด้วยความยียวนอย่างไม่ปิดบัง ห้องพักของผมก็เหมือนห้องของมัน เพราะตั้งแต่ผมได้ห้องนี้มา ตินก็เป็นคนดูแลทั้งหมดครับ โชคดีที่มันออกแบบห้องนี้ด้วยสไตล์เรียบง่ายตามใจผม ไม่ได้ทำตามใจลูกบ้าที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอย่างที่มันชอบอ้าง แวลาตั้งใจจะยัดเยียดผลงานให้ผมได้ชื่นชม
"ไอ้แทม แล้วมึงมีอะไรในตู้เย็นบ้าง" ตินพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปมองดูรอบๆ อย่างสำรวจ
"ไปดูเอาเองแล้วกัน" ผมตอบเสียงเรียบ แล้วหมุนตัวพุ่งตรงไปยังเป้าหมายเดิมที่เป็นประตูห้องนอนอีกครั้ง
ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจแล้วว่าพี่ชายและเพื่อนรุ่นน้องของมันจะทำอะไรกันต่อ สิ่งเดียวที่ผมรับรู้ คือ การได้นอนบนเตียงนุ่มในห้องอย่างสงบสุขเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าความปรารถนาอย่างลึกล้ำคงจะไม่สำเร็จโดยง่าย เมื่อผมรับรู้ได้ถึงการเหนี่ยวรั้งด้วยเสียงจากแขกกิตติมศักดิ์
"วีนัสหมายเลขสามของกูอยู่ไหน"
ผมชะงักความหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้น เมื่อระลึกถึงคำตอบที่พี่ชายคนดีได้ถามออกมา ความง่วงที่มีก่อนหน้านี้ถูกปัดออกจากสมอง เมื่อข้อเท็จจริงบางอย่างกำลังทำงานอยู่ในความคิด
TBC ++++++++++
Marionetta ::: ดีค่ะ ^^ มนที่สุดก็มีโอกาสได้มาลงต่อสักที หวังว่าจะไม่นานเกินรอนะคะ
สำหรัยตอนนี้ก็มีตัวละครเพิ่มมาอีกแล้ว ฮ่าๆ
ซึ่งเป็นคนที่น้องเตยเขาเคนเพ้อๆ มาตั้งแต่แรก นั่นก็คือ พี่ตินคนนี่้นี่เอง!!!
เป็นอีกตัวละครที่อุ้มท้องมานานแล้ว แต่เพิ่งจะได้คลอด แฮะๆ พี่ตินเขาน่ารักนะ อิอิ
บรรยากาศตอนนี้จะดูอึนๆ ไปบ้าง เพราะอยุู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
สามารถแนะนำและติชม เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไปค่ะ
ยังไงก็ช่วยติดตามพี่แทมกับน้องเตยไปด้วยกันนะคะ
ขอบคุณค่ะ