DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ END  (อ่าน 6378 ครั้ง)

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2020 23:23:43 โดย SUNSCREEN50 »

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #1 เมื่อ24-08-2019 00:30:16 »

DREAM

#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ


"ความฝัน คือการแสดงออกของความนึกคิด ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมอง คนเรามักจะฝันคืนละ 4-6 ครั้ง และคนกว่า 90% ทั่วโลก มักจะลืมความทรงจำเกี่ยวกับความฝัน หลังจากที่ตื่นนอนภายในเวลา 10 นาที ซึ่งเหตุการณ์นี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ความฝันก็เป็นสิ่งที่ลึกลับน่าค้นหา และมนุษย์ก็พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันมานานหลายพันปีแล้ว

ชาวโรมัน เชื่อว่า ความฝันคือสารจากพระเจ้า

ชาวอียิปต์ เชื่อว่า ผู้ที่จดจำความฝันได้คือผู้มีพลังพิเศษ

ส่วนชาวเม็กซิกันที่เจริญแล้ว เชื่อว่า ความฝันคือโลกคู่ขนานที่พยายามเชื่อมต่อกับเรา"

 
นี่คือบทความบทหนึ่งบนเว็บไซต์ที่ผมเปิดอ่าน หลังจากพบว่าตัวเองมักจะฝันถึงคนคนนึงที่ไม่เคยรู้จักอยู่ซ้ำๆ

ผมไม่เชื่อในพระเจ้า เพราะฉะนั้นพระเจ้าคงไม่ส่งสารอะไรมาให้ผม

ผมไม่ได้มีพลังพิเศษ แต่ผมกลับจำเรื่องราวในความฝันของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

หรือว่าตอนนี้โลกคู่ขนานกำลังพยายามเชื่อมต่อกับผมอยู่


 

///เรื่องแรกกับที่นี่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
หวังว่าทุกคนจะชอบกันค่ะ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
1 พฤศจิกายน

“ปอนด์"

ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ปลายสายคือเพื่อนสนิทตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย จนตอนนี้ผมมาเปิดบริษัทรับงานเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนมาเอง ก็ได้มันนี่แหละมาช่วยดูแลให้

"กูฝันถึงคุณคนนั้นอีกแล้วว่ะ”

ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเล่าเรื่องที่ผมฝันถึงคนคนนึงมาตลอด 2 ปีให้ไอ้ปอนด์ฟังไปแล้วกี่ครั้ง ฝันอยู่แค่เรื่องเดิม คนเดิม สถานที่เดิม และเหตุการณ์เดิม เหตุการณ์ที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เลย ถึงแม้ผมและเขาจะไม่รู้จักกันก็ตาม

“กูว่ามึงต้องไปหาหมอว่ะกราฟ”

และนี่ก็เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้เหมือนกัน ที่ไอ้ปอนด์มันบอกว่าผมควรที่จะไปปรึกษาจิตแพทย์ เพราะในความฝันของผมมันไม่ได้จบแบบแฮปปี้เหมือนฝันของหลาย ๆ คน แต่มันกลับทำให้ผมเกิดความเครียดทุกครั้งที่ผมฝัน ในฝันผมไม่สามารถช่วยอะไรคุณคนในความฝันได้เลย และเพราะในความฝันมันเหมือนจริงมาก เหมือนซะจนผมสะดุ้งตื่น แล้วคืนนั้นผมก็หลับต่ออีกไม่ลงเลย

“กูรู้จักหมอเก่งๆ อยู่นะมึง อยากให้กูนัดให้ไหม ขืนมึงยังปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ กูว่ามึงเองนั่นแหละ ที่จะตายเอาซะก่อน”

“ปอนด์ มึงว่ากูลองแอดไลน์คุณคนนั้นไปดูดีไหม”

ครับ ในฝันของผมเริ่มต้นที่ผม เห็นว่าตัวเองกำลังแอดไลน์ของคุณคนนั้นอยู่ ไอดีไลน์ที่ผมแอดในฝันมาตลอด 2 ปี จนตอนนี้แม้แต่กระทั้งตอนที่ผมตื่นอยู่ ผมก็ยังสามาถรจำมันได้แม่น เพราะมันนี่แหละที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ในฝันของผมทั้งหมด

“นี่มึงยังไม่ได้ลองแอดไปอีกหรอ กูบอกมึงไปตั้งนานแล้วนะว่าให้ลองแอดดู”

“ก็ตอนแรกกูคิดว่ามันไร้สาระ แต่ตอนนี้กูคิดว่ากูกลัว ถ้าเกิดแอดไปแล้วเกิดมีคนใช้ไอดีไลน์นี้ขึ้นมาจริงๆ ล่ะ กูต้องทำยังไง”

พูดจบผมก็ระบายความเครียดลงที่หัวของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เส้นผมที่ถูกมือยีจนไม่เป็นทรงลงมาปรกที่หน้า ทำให้ต้องใช้มือเดียวกับที่ขย่ำหัวตัวเองเมื่อครู่นั้นเสยผมขึ้นแบบลวกๆ

"มึงจะกลัวทำไมวะ พอแอดไม่เจอมึงจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดกับเรื่องความฝันอยู่แบบนี้ไง หรือถ้าเจอมึงก็แค่บอกกับคนในฝันของมึงว่าให้ระวังตัว แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอวะ”

ผมเม้มปากตัวเองแน่น ในหัวก็กำลังคิดคล้อยตามไอ้ปอนด์ไป ถ้าแอดไปแล้วไม่เจอก็จะได้รู้ว่ามันก็แค่ความฝัน แล้วอีกอย่าง ใครกันจะฝันเห็นไอดีไลน์คนอื่นถูก

"อือ เดี๋ยวบ่ายกูเข้าบริษัท กูคุยกับไอ้แจงเสร็จแล้วจะลองแอดไปดู มึงอยู่ใช่ไหม"

"เออ เข้ามาให้เด็กๆ มันเห็นหน้ากันบ้าง ลืมหน้าคนจ่ายเงินเดือนกันหมดแล้วมั้ง เดี๋ยวกูรอ"



ลูกรักของผมถูกขับมาจอดที่หน้าบริษัทของตัวเอง ถึงจะเป็นแค่บริษัทเล็กๆ แต่ก็ยังพอเป็นที่รู้จักกันในแวดวงเดียวกันอยู่บ้าง ผมมีหน้าที่ลงมือทำ ส่วนปอนด์ก็ออกไปหาลูกค้า หางานเข้าบริษัทให้ มีน้องๆ ในบริษัทอีก 7 คน ที่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นรุ่นน้องจากที่มหาลัยของผมกับไอ้ปอนด์นั่นแหละ การทำงานในบริษัทเลยกลายเป็นเหมือนธุรกิจในครอบครัวซะมากกว่า บางวันไอ้จุ๊บแจงที่เป็นฝ่ายบัญชียังโทรมาด่าเจ้าของบริษัทแบบผมเอาซะอย่างนั้น อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน คุณจุ๊บแจงเธอโทรมาหาผมตั้งแต่เช้า บอกว่ามีเอกสารที่ผมจะต้องเซ็นด่วน และไม่มีใครว่างเอามาให้เซ็นที่คอนโด วันนี้มันใช้คำว่ารบกวนให้ผมเข้ามาเซ็นเอกสารให้มันหน่อย ปกติมีที่ไหนที่ไอ้แจงมันจะใช้คำพูดเป็นทางการแบบนี้กับผม แสดงว่าวันนี้มันอารมณ์ดีเป็นพิเศษหรือไม่ก็โกรธผมมากเป็นพิเศษ ผมเลยไม่อยากขัดใจให้มันด่าเอา เลยได้แต่ตอบตกลงกลับไปแต่โดยดี ถือโอกาสเข้ามาดูแลความเรียบร้อยอื่นด้วย เพราะถ้าจำไม่ผิดครั้งล่าสุดที่เข้าออฟฟิศมาก็น่าจะตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว

ผมเข้ามานั่งในห้องทำงานเปิดแอร์ยังไม่ทันที่ความเย็นจะมากระทบกับผิว ไอ้แจง หรือว่าน้องจุ๊บแจง รุ่นน้องจากคณะบัญชี ดีกรีเกรียรตินิยมอันดับ 2 และหลีดคณะ ก็เปิดประตู้เข้ามาในห้องทันทีโดยไม่มีการส่งสัญญาณใดใดให้คนในห้องรู้ทั้งนั้น จนผมต้องพูดปรามออกไป

“มารยาท” มันหันมาทำตาขวางใส่ผมก่อนจะรัวคำพูดออกมาเป็นชุด

“ยังต้องการอีกหรอ เคยได้ไหมก่อน แล้วนี่แจงบอกไปแล้วว่าเอกสารด่วน นี่มันบ่าย 2 แล้วพี่กราฟ ทำไมเพิ่งจะมา โทรไปตามตั้งแต่ 8 โมงแล้วไหม”

“แจงมึงจะด่ากูไม่ว่าเลยนะ แต่ลดเสียงลงนิดนึงได้ไหม หูกูจะแตก”

จังหวะที่ผมพูดจบประโยคแฟ้มเอกสารในมือไอ้แจงก็กระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าผมดังป๊าบ ลมที่ผ่านหน้าไปหวืดนึง ทำเอาผมรู้สึกเสียวที่สันดั้งของตัวเองอยู่ในใจ เพราะอีกนิดเดียวก็คือจมูกผมนี่ได้ติดไปกับแฟ้มด้วยแล้ว

“ก็ชอบทำให้โมโหกันอ่ะ เป็นเหมือนกันทั้งบริษัท เร็วๆ เลยลูกค้ารออยู่”

“มึงให้เวลากูอ่านบ้างสิ จะให้มาเซ็นอะไรมั่วๆ ได้ไง เดี๋ยวมึงหลอกให้กูเซ็นโอนเงินทั้งหมดที่กูมีไปเข้าบัญชีมึงทำไง”

“แจงไม่เอาหรอก สงสาร ลูกก็ไม่มี เมียก็ไม่มี เดี๋ยวแก่ไปพี่กราฟจะไม่มีตังค์จ่ายค่าบ้านพักคนชรา”

ผมหัวเราะก่อนจะจรดปากกาเซ็นลายเซ็นของตัวเองลงบนกระดาษ หลังจากกวาดสายตาอ่านข้อความในเอกสารไปคร่าวๆ ระหว่างรอไอ้แจงบ่น

จุ๊บแจงเป็นคนปากร้ายแบบนี้แหละครับ แต่จริงๆ แล้วมันรักผมจะตาย แต่รักในที่นี้ไม่ได้รับแบบชู้สาวนะครับบอกไว้ก่อน ที่บอกว่ามันรักผมเนี่ย ก็เพราะก่อนที่ผมจะมาเปิดบริษัท ตอนนั้นเป็นปีที่ไอ้แจงกำลังจะเรียนจบพอดี แล้วที่บ้านมันดันมีปัญหาเรื่องเงินพอดี เพราะแม่ของแจงป่วยแล้วต้องเข้าผ่าตัดด่วน ผมเลยตัดสินใจให้แจงยืมเงินค่าผ่าตัดแม่ไป ทั้งที่จริงแล้วตอนนั้นผมไม่ได้สนิทกับแจงเลยสักนิด จะเรียกว่าเป็นแค่คนรู้จักก็ไม่น่าจะผิด เรียนก็เรียนกันคนละคณะ แถมผมยังจบออกมากก่อนตั้ง 3 ปี เคยเห็นหน้ากันแค่ 4 รึ 5 ครั้ง คุยกันก็แทบนับคำได้ รู้จักกันผ่านไอ้ปอนด์ที่กำลังไปตามจีบเพื่อนของแจงมันอยู่ ตอนแรกแจงมันก็จะไม่รับ เพราะก็อย่างที่ผมบอกว่าเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน ผมเลยยื่นข้อเสนอไปให้ว่า เงินที่ยืมผมไปยังไม่ต้องใช้คืนก็ได้จนกว่ามันจะเรียนจบ แต่ต้องมาทำงานที่บริษัทของผมเพื่อใช้หนี้แทน ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เปิดบริษัทของตัวเองรึเปล่า สัญญาก็ไม่ได้ทำ เงินก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ถ้าไอ้แจงมันจะหนีผมไปเลยก็ทำได้ แต่นี่มันใช้หนี้ผมจนหมดแล้วก็ยังไม่ยอมลาออกไปไหนสักที แถมยังรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองดีเหมือนเป็นเจ้าของบริษัทซะเองอีก ผมเลยถือว่าการซื้อใจแจงในครั้งนั้นผมได้กำไรมาเต็มๆ

“แจง เสียงมึงดังไปยันข้างล่างอ่ะ”

เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นทำเอาผมกับแจ้งต้องหันไปดู แล้วก็พอกันเลยทั้งบริษัทแบบที่ไอ้แจงว่าจริงๆ คิดจะเดินเข้ามาก็เข้า ไม่มีใครเคาะประตูกันสักคน

“มารยาท”

เสียงแหลมๆ ของไอ้แจงถูกส่งไปหาปอนด์ที่กำลังเดินมานั่งที่โซฟากลางห้อง ที่มึงพูดนี่มึงคุ้นๆ ไหมแจง เหมือนที่กูพูดกับมึงไปเมื่อกี้เลยนะ

“ถามหามารยาทกับพี่หรอน้อง ไม่มีจ่ะพี่บอกไว้เลย”

“เบื่อผู้ชายออฟฟิศนี้ว่ะ พี่กราฟเซ็นเสร็จแล้วก็เอาคืนมา” มันดันแขนผมที่วางทับแฟ้มอยู่ออก แล้วก็กระชากแฟ้มไปกอดเอาไว้ “อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ดูแลตัวเองซะบ้างนะพี่กราฟ แม่ฝากกับข้าวมาให้ด้วยอยู่ในตู้เย็น ก่อนกลับก็อย่าลืมไปเอา แจงไปทำงานก่อน”

“เออ ฝากไปขอบคุณแม่ด้วย”

เห็นไหมครับ ผมบอกแล้วว่าไอ้แจงอ่ะมันรักผม แล้วที่จริงเอกสารที่ผมเซ็นไปเมื่อกี้ ก็ไม่ใช่เอกสารด่วนอะไรด้วย มันก็แค่ข้ออ้างให้เข้ามาเอากับข้าวที่แม่มันฝากมาเท่านั้นแหละ

“ไงมึง นอนไม่หลับใช่ไหม ตามึงแย่มากอ่ะ”

ปอนด์ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาหันมาถามผม ก่อนจะออกจากบ้านผมก็ส่องกระจกอยู่ครับ พอจะรู้อยู่ว่าตัวเองสภาพเป็นอย่างไง ไหนจะรีบปั่นงานส่งลูกค้า พอไม่มีงานให้ทำก็ดันฝันถึงแต่เรื่องนั้นขึ้นมาอีก ผมเลยลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ ปอนด์แล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเองขึ้นมา ปลดล็อกได้ก็กดเข้าแอปพลิเคชันไลน์เพื่อเพิ่มเพื่อนใหม่จากไอดี

“แม่งกูลุ้นว่ะ”

เสียงของไอ้ปอนด์ที่ชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของผม ทำเอาผมเองก็ตื่นเต้นตามไปด้วยจนมือเริ่มสั่น เหงื่อนี่ชุมมือไปหมด ผมกลั้นใจบรรจงกรอกตัวอักษร 6 ตัวที่จำได้อย่างแม่นยำลงไปในช่องค้นหา

ICEECI

กดค้นหาไปยังไม่ทันจะได้กระพริบตา การค้นหาก็เสร็จสิ้น ผมกับไอ้ปอนด์ก็มองหน้ากันทันทีและนิ่งกันแบบนั้นอยู่เป็นพัก เพราะตกใจที่ไอดีที่กรอกลงไปนั้นกลับมีคนใช้อยู่จริงๆ แต่ที่ปอนด์ยังไม่รู้ก็คือ ผู้ชายที่เราเห็นในรูปโปรไฟล์นั้นก็คือคนคนเดียวกับที่ผมเห็นในฝันไม่มีผิด

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งดีใจ เสียใจ ความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด ผมเลยทำได้แค่จ้องหน้าจอโทรศัพท์นิ่ง จนมันกลายเป็นสีดำสนิทไป

“เจอจริงๆ ว่ะ แต่ก็อาจจะบังเอิญรึป่าววะ มึงดูรูปดิว่าใช่คนเดียวกันรึป่าว อาจจะเป็นคนละคนก็ได้”

“ใช่” ผมตอบกลับไปสั้นๆ ทั้งที่ตายังไม่ละจากจอโทรศัพท์อันดำมืดนั้น

“มึงอำกูแล้ว ไอ้กราฟ”

“กูมีวิธีพิสูจน์”

ผมปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์อีกรอบ กดเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของไอดีไลน์นั้นไป แล้วก็กดล็อกหน้าจออีกครั้งทันที

“ในฝันพอกูกดแอดเพื่อนแล้ว เดี๋ยวเขาจะทักกูกลับมาว่า ‘คุณคือคนในฝันใช่ไหมครับ’ เดี๋ยวก็รู้ว่าใช่ไม่ใช่”

“แม่งเอ้ย ลุ้นกว่าหนังที่กูไปดูมาเมื่อวันก่อนซะอีก”

ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกลางข้างหน้า ลูบมือที่ชุ่มเหงื่อไปตามขากางเกงตัวเองเพื่อเอาความชื้นออก แต่ตาก็ยังคงไม่ละจากหน้าจอดำสนิทนั้น

“ปอนด์ ถ้าเกิดเขาทักกลับมาจริงๆ กูต้องทำยังไงวะ แล้วถ้าเกิดเขาพิมพ์ตามที่กูบอกมาเป๊ะๆ อีก แม่งทำไมกูตื่นเต้นวะปอนด์”

“กูว่าไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าทักมาแบบนั้นจริงๆ ต้องบ้ามากแน่ๆ กราฟมึงเลิกเขย่าขาก่อน มึงต้องใจเย็นๆ เพื่อน หายใจเข้าออกลึกๆ”

ปอนด์เอื้อมมือมาจับที่ขาของผมเอาไว้ ตอนตื่นเต้นผมมักจะเป็นแบบนี้ทุกที ขามันขยับไปเองอย่างอัตโนมัติ ผมพยายามทำตามที่ปอนด์บอก หายใจเข้าลึก หายใจออกลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ก็อย่างที่ปอนด์บอก มันอาจจะแค่เรื่องบังเอิญ แค่บังเอิญใช้ไอดีเดียวกัน แค่บังเอิญหน้าคล้ายกัน และบังเอิญที่ที่ตอนนั้นเอง เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นมาพอดี หน้าจอจากที่ดำสนิทสว่างขึ้น พร้อมกับแถบแจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความมาหาผมทางไลน์ ผมรีบคว้าเอาโทรศัทพ์ตรงหน้ามาปลดล็อกแล้วเข้าไปไปดูทันที ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันส่งมาจากใคร และจะใช่คนที่ผมกำลังรออยู่หรือป่าว

ICE : คุณคือคนในฝันใช่ไหมครับ

“ไอ้เหี้ย!!”

นั่นไม่ใช่เสียงผมครับ เพราะตอนนี้สมองผมกำลังเบลอ ความคิดในหัวพันกันยุ่งเหยิงวุ่นวาย ตอนนี้ผมไม่ได้ฝัน ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ออฟฟิศของตัวเอง และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่กับไอ้ปอนด์

ความฝันของตัวเองค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวผมทีละฉาก จนมาถึงตอนจบ ผมปล่อยโทรศัพท์ให้หล่นลงจากมืออย่างไม่ใยดี ใช้สองมือกุมที่ขมับของตัวเองแล้วแหงนหน้าพิงไปกับพนักพิง ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ได้แต่จ้องมองฝ้าเพดานนิ่ง ไอดีเป็นไอดีจริง รูปในโปรไฟล์ก็คือคนในฝันผมจริงๆ แถมยังส่งข้อความเหมือนกับในฝันมาหาผมอีก แล้วเหตุการณ์ต่อไปจากนี้ล่ะ มันจะเป็นความจริงด้วยไหม

“ในฝันๆ มึงต้องตอบเขาแบบในฝันมึง ตอบเขาไปเร็วๆ ไอ้กราฟ”

“กูจะไม่ตอบเขาว่ะ” ตัวผมตั้งตรงขึ้นอีกครั้ง ค่อยๆ เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากไอ้ปอนด์ที่ดูแล้วมันก็คงตกใจไม่แพ้กันมาถือไว้ในมือ

“แต่มึงต้องเตือนเขาไง”

"กูตอบเขาไม่ได้"

"ทำไมวะ มึงอยากให้เขาเป็นแบบในฝันมึงรึไง"

“ก็ในฝันของกู เขาจะถูกรถชนหลังจากเขาอ่านข้อความที่กูส่งไป”

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
“เพราะในฝันของกู เขาจะถูกรถชนหลังจากเขาอ่านข้อความที่กูส่งไป”

“คนเราจะฝันเห็นอนาคตได้จริงหรอวะ”

“กูออกไปหาเขาก่อนนะ”

พูดจบผมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกไป ก็ถูกไอ้ปอนด์รั้งแขนเอาไว้ซะก่อน สีหน้าตอนนี้ของมัน ไม่ใช่เพียงแค่ความตกใจ แต่มันกำลังเป็นห่วงผมสินะ

“แล้วมึงจะไปหาเขาทำไมไอ้กราฟ มึงรู้หรอว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“กูฝันถึงเขาแบบนี้มา 2 ปีแล้วนะปอนด์ กูฝันจนกูเลิกนับไปแล้วว่ากี่ครั้ง ทำไมกูจะไม่รู้ว่าที่นั่นคือที่ไหน กูไปก่อนนะ” ผมสะบัดแขนออกจากปอนด์ แล้วก้าวเท้าออกไปจากห้องทันที

“กราฟ! แล้วในฝันมึงไม่ได้เป็นอะไรไปด้วยใช่ไหม ไอ้กราฟ!!”



ผมกลับมาถึงคอนโดเอาก็ตอนเกือบจะ 3 ทุ่ม หลังจากวิ่งวนตรงจุดเกิดเหตุในฝันนั้นอยู่หลายรอบ แต่ผมก็ไม่พบกับคุณคนนั้น มันไม่เหมือนในฝัน ไม่เกิดอุบัติเหตุใดใดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นอยู่ดี หย่อนก้นลงที่โซฟาได้ผมก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแจ้งเตือนต่างๆ เพราะหลังจากที่วิ่งออกมาจากออฟฟิศได้ผมก็ไม่ได้แตะโทรศัพท์อีกเลย โดยปกติแล้วถ้าโทรศัพท์ของผมจะมีแจ้งเตือนก็ไม่มีใครหรอกครับ นอกจากจะเป็นที่บ้าน ไอ้ปอนด์ ไอ้แจง แล้วก็น้องๆ ที่ออฟฟิศ แต่วันนี้มันดันไม่ปกติ เพราะมันดันมีแจ้งเตือนนอกเหนือจากคนที่ผมบอกไปขึ้นมาด้วย

แจ้งเตือนจากคุณคนนั้น

ICE : อ่านแล้วไม่ตอบเหมือนในฝันเลยครับ

ICE : ไม่เป็นไรคุณ ผมรอได้

ICE : เดี๋ยวคุณก็ต้องทักผมมา

ICE : ผมแค่จะบอกว่า

ICE : ถ้าคุณไปตามหาผมที่นั่น

ICE : ผมไม่ได้ไปนะครับ

อ่านข้อความทั้งหมดจบผมก็รีบกดโทรหาไอ้ปอนด์จากแจ้งเตือนสายไม่ได้รับในทันที รอสายเพียงแค่อึดใจ ไอ้ปอนด์ก็รับสาย แล้วรีบถามหาความปลอดภัยของผมเพราะความเป็นห่วง

‘เป็นไงมึง เจอไหมวะ แล้วเขาเป็นอะไรเหมือนในฝันมึงรึป่าว แล้วมึงล่ะโอเคไหม’

“ไม่เจอว่ะ”

‘กูว่าและ แม่งใครจะไปฝันเห็นอนาคตได้วะ ดีแล้วแหละมึงที่ไม่มีใครเป็นอะไร’

“ปอนด์กูมีอะไรให้มึงดู เดี๋ยวส่งไปให้ทางไลน์”

ผมสลับหน้าจอเข้าไปแคปเอาภาพจากห้องแชทของคุณคนนั้น แล้วกดส่งไปให้ปอนด์ดู พอเห็นขึ้นว่ามันเปิดอ่านแล้ว ผมเลยเดินออกมาถือสายรอให้มันอ่านข้อความทั้งหมดให้จบตรงระเบียงคนโด แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มืดสนิท ไม่มีแม้แต่ดาวสักดวงให้เห็น ใครจะไปฝันเห็นอนาคตได้อย่างนั้นน่ะหรอ ก็คุณคนนั้นไง

‘แปลว่าเขาก็ฝันถึงมึง นี่มันอะไรกันวะกราฟ มึงไม่ได้แกล้งอำอะไรกูใช่ไหม’

“เขารู้ว่ากูไปตามหาเขา เขาบอกว่าเหมือนในฝัน แต่ฝันของเขากับกูแม่งไม่เหมือนกัน”

‘มึงควรไปตอบเขากราฟ มึงควรคุยกัน มึงควรต้องรู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของพวกมึง’

“กูไม่กล้าคุย”

‘ไม่กล้าคุยอะไรของมึงวะ นี่ไม่ได้ฝันถึงกันจนสนิทกันไปแล้วหรอ จะมาไม่กล้าอะไรอีก’

“มันไม่เหมือนกันนะมึง ในฝันก็คือในฝันสิวะ”

‘ใช่ ฝันก็คือฝัน ถ้าพวกมึงสองคนไม่ได้ฝันแล้วแม่งกลายมาเป็นเรื่องจริง ถ้ามึงไม่คุยส่งมาให้กู เดี๋ยวกูคุยให้’

“ทำไมกูต้องให้มึง ถ้าจะคุยกูคุยเองก็ได้”

‘ก็กูสัมผัสได้ถึงความน่ารักของคุณคนนั้น กราฟเดี๋ยวกูคุยให้ นะเพื่อนนะ’

"กูก็จริงจังอยู่ มึงนี่ก็นะ"

‘นี่กูช่วยเพื่อนนะ เพื่อนไม่กล้าไง’

"ไม่ต้อง เดี๋ยวกูคุยเอง แค่นี้! "

ได้ยินเสียงมันโวยวายอะไรกลับมาสักอย่าง แต่ก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะผมกดวางสายจากไอ้ปอนด์มันไปแล้ว และตอนนี้ผมกำลังมีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่าไอ้ปอนด์อยู่

ผมนั่งนึกอยู่นานว่าผมควรจะทักเขาไปว่ายังไงดี ถ้าผมทักเขาไปว่า 'คุณกำลังจะมีเคราะห์' แบบนี้เขาจะคิดว่าผมเป็นหมอดูรึป่าว หรือว่าผมควรจะบอก 'คุณห้ามออกจากบ้านในช่วงนี้นะ ไม่งั้นอาจเป็นอัตรายถึงชีวิต' แล้วถ้าเขาต้องไปทำงานล่ะ ใครจะไปอยู่แต่บ้านได้ หรือถ้าจะทักไปบอกตรงๆ เลยว่า 'ผมฝันว่าคุณกำลังจะโดนรถชน' แต่อยู่ๆ ถ้าผมบอกออกไปแบบนี้ใครเขาจะไปเชื่อกันล่ะ สุดท้ายคำที่ทักไปก็เป็นแค่คำง่าย แค่คำว่า 'คุณ'

พอกดส่งข้อความไปมันก็ขึ้นว่าคนรับอ่านข้อความแล้วในทันที และไม่นานคุณคนนั้นก็ส่งข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขากำลังรอผมอยู่

ICE : ผมชื่อไอซ์ครับ

รู้สึกแปลกๆ อยู่นิดหน่อย ที่ต้องมาคุยกับคนตัวเองที่ฝันถึงมาตลอด มันไม่รู้ว่าควรจะใช้คำพูดแบบไหน ถึงผมจะฝันเห็นเขามาตลอด 2 ปีก็จริง แต่มันก็แค่ในความฝันเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วคนที่เจอกันมา 2 ปีนี่เขาน่าจะกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วรึป่าว

เห็นเขาแนะนำตัวมาแบบนั้น ผมเลยพิมพ์ชื่อของตัวเองกลับไปบ้าง หลังจากข้อความของผมถูกอ่าน ไอซ์ก็รัวข้อความกลับมาหาผมเป็นชุด บอกว่าเขาขอบคุณที่ผมแอดไลน์เขาไป ขอบคุณที่ผมจำไอดีไลน์เขาได้ ขอบคุณที่ผมอยากเจอและออกไปตามหาเขา และคำขอบคุณอีกมากมาย จนผมต้องขัดไป ผมไม่เข้าใจว่าเขา จะขอบคุณอะไรผมเยอะขนาดนั้น นี่ผมแค่แอดไลน์เขาไปเองนะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

ICE : ผมอยากให้คุณรู้ ว่าผมดีใจขนาดไหน

ดีใจ

ดีใจที่ได้คุยกับผมน่ะหรอ

ข้อความที่ไอซ์ส่งมาขอบคุณผมก่อนหน้านี้มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเขาดีใจจริงๆ และตอนนี้ผมกำลังยิ้มอยู่ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ายิ้มทำไม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความฝันของผมไม่เป็นความจริง ไม่มีใครต้องประสบอุบัติเหตุอะไร หรือว่าจะเป็นเพราะคำที่เขาบอกว่าเขาดีใจที่ได้คุยกับผมกันแน่

ไอซ์เล่าว่าเขาก็ฝันถึงผมมาตลอดเหมือนกัน ระยะเวลาที่เริ่มฝันก็ใกล้เคียงกัน แถมยังบอกด้วยว่าเขาอยากให้ฝันของเขาเป็นจริง เพราะว่าอยากเจอผมจริงๆ ไม่ใช่แค่ในฝัน

ผมถามเขากลับไปว่า ถ้าอยากเจอผมขนาดนั้นแล้วทำไมเขาถึงไม่แอดไลน์มาหาผม และนี่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าฝันของเราสองคนไม่เหมือนกันเลย ไอซ์บอกกับผมว่าเขาไม่รู้ไอดีไลน์ผม เพราะในฝันของเขาผมเป็นคนที่แอดไป เขาเลยทำได้แค่รอให้ผมแอดไปหา แถมยังตัดพ้อผมมาด้วยว่า ผมปล่อยให้เขารอผมมา 2 ปีแล้ว ก็ถ้าผมรู้ว่าแอดไปแล้วจะเจอเขาแบบนี้ ผมก็คงไม่รอให้ผ่านมานานขนาดนี้เหมือนกัน

ส่วนเรื่องวันนี้ที่ผมออกไปตามหาเขาที่นั่นก็อีก ผมฝันเห็นว่าไอซ์โดนรถชน แต่เขากลับฝันเห็นว่าผมไปวิ่งวนหาเขาตั้งหลายรอบ ส่งข้อความมาบอกแล้วแต่ผมก็ดันไม่อ่าน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปตามหา ถึงเราสองคนจะฝันถึงกันก็จริง แต่ผมฝันอย่าง ส่วนไอซ์ก็ฝันอีกอย่าง แต่จุดเริ่มต้นความฝันของเรา ก็คือผมแอดไลน์ไปหาไอซ์ก่อนเหมือนกัน

ไอซ์ถามผมว่าผมฝันถึงเขาว่าอะไร ทำไมผมถึงต้องออกไปวิ่งตามหาเขาด้วยหน้าตาตื่นขนาดนั้น ผมไม่ได้บอกกับไอซ์ไปหรอนะครับ ใครจะไปกล้าบอกกัน ว่าผมฝันเห็นเขาถูกรถชนหลังจากอ่านข้อความของผม ผมบอกกับไอซ์ไปแค่ว่า มันเป็นฝันไม่ดี ผมไม่อยากพูดถึง ไม่อยากให้เกิดขึ้น แล้วก็บอกไปด้วยว่าดีใจมากๆ ที่ฝันของเขาเป็นจริง แทนที่จะเป็นฝันของผม

ICE : ในเมื่อเหตุการณ์ในฝันของผมเกิดขึ้นแล้ว

ICE : อย่างนี้คุณว่า

ICE : เราจะฝันถึงกันอีกไหม

Graph : ไม่รู้สิคุณ

Graph : ถ้าเราไม่ฝันถึงกัน

‘ผมจะทักไปหาคุณอีกได้ไหม’ ผมอ่านทวนประโยคที่ผมเพิ่งพิมพ์เสร็จอีกรอบ

ไม่ใช่สิ

มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทักเขาไปอีกเลยด้วยซ้ำ

ICE : ครับ?

ว่าแล้วผมก็จัดการลบข้อความนั้นทิ้ง แล้วเริ่มคิดประโยคใหม่ แต่ก็ไม่ทันไอซ์ เป็นเค้าพิมพ์ข้อความกลับมาหาผมก่อน

ICE : ถ้าเราไม่ฝันถึงกัน

ICE : ผมจะทักไปหาคุณอีกได้ไหมครับ

ประโยคที่ไอซ์พิมพ์มามันเป็นประโยคเดียวกับที่ผมตั้งใจจะพิมพ์ส่งให้ไอซ์เมื่อกี้นี้เป๊ะเลยครับ อันนี้คือเขาก็เห็นในฝันด้วยหรอ ถ้าเขาเห็น งั้นก็ต้องเป็นผมสิที่พิมพ์ไป ไม่ใช่เขาพิมพ์มาหาผมแบบนี้

ICE : ถ้าคุณไม่สะดวก

Graph : ไม่คุณ

Graph : เอ้ย

Graph : ไม่ใช่ๆ

Graph : ผมจะบอกว่าได้สิคุณ

ลนครับ นั่นลนที่สุดแล้วครับ ถึงกับพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกเลยทีเดียว นึกแล้วผมก็ขำตัวเอง ที่จริงก็ไม่เห็นจะต้องรีบพิมพ์ขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ นี่ผมไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่าผมไม่อยากคุยกับเขาขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย

ICE : งั้นเดี๋ยวไปเจอกันในฝันคืนนี้นะครับ

Graph : ถ้างั้นก็

Graph : ฝันดีนะคุณ

ICE : ฝันดีครับ

หลังจากผมกับไอซ์บอกลาด้วยประโยคฝันดีแล้ว ผมก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกรอบเหมือนกับตอนที่เดินออกมาตรงนี้ตอนแรก ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทเหมือนเดิม แต่แปลกที่ตอนนี้ผมกลับมองเห็นดวงดาวดวงเล็กๆ บนท้องฟ้านั้น ดาวที่หากไม่สังเกตดีดีก็จะไม่รู้เลยว่ามันมีอยู่ ว่าแล้วผมก็ยกเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในมือขึ้นมาถ่ายรูปดาวดวงนั้นเอาไว้

รูปท้องฟ้าที่มืดสนิท และดวงดาวจุดเล็กๆ เมื่อครู่ ถูกโพสต์ลงในไอจีส่วนตัวของผม พร้อมกับแคปชั่นว่า

‘นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้บอกคำว่าฝันดีกับใครสักคน’




#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2019 14:02:09 โดย SUNSCREEN50 »

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

2 พฤศจิกายน

ผมออกมานั่งอยู่ที่ระเบียงตั้งแต่ตี 3 หลังจากนอนไป 2 ชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จนตอนนี้ก็เกือบจะ 8 โมงเช้าแล้วครับ หันไปมองกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่อย่างระเกะระกะข้างๆ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เตรียมลุกออกจากบีนแบคที่กำลังนั่งอยู่เพื่อเก็บเอากระป๋องเบียร์ไปทิ้ง แต่เสียงของโทรศัพท์ก็กลับดังขึ้น อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้ว ว่าโทรศัพท์ผมน่ะ ไม่ค่อยจะมีแจ้งเตือนเท่าไหร่หรอก และถ้าจะเป็นสายเรียกเข้าด้วยแอปไลน์แบบตอนนี้ ก็คงจะเป็นไอ้เพื่อนตัวโย่งของผมเองนี่แหละ ผมกลับไปนั่งในท่าเดิม แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ที่วางคว่ำไว้ขึ้นมาดู คิ้วของผมถูกยกขึ้นในทันที่ เพราะตกใจกับชื่อของสายที่โทรเข้ามา กดรับสายยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยทักทายอะไร คนปลายสายก็เป็นฝ่ายส่งเสียงมาหาผมก่อน

'คุณ! เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ'

ผมยิ้มให้กับน้ำเสียงตื่นเต้นของไอซ์ที่ส่งมา

เมื่อคืนนี้ ผมเองก็ฝันถึงไอซ์เหมือนกันครับ และก็เพราะผมฝันถึงเขานั่นแหละ เลยทำให้ผมต้องออกมานั่งที่ระเบียงตั้งแต่ตี 3 กินเบียร์เพื่อให้เมาแล้วง่วง แต่เบียร์หมดไปแล้วเกือบ 10 กระป๋องแล้ว ผมก็ยังไม่ยอมง่วงนอนสักที เพราะผมดันไปฝันว่าผมกับไอซ์ทะเลาะกันนี่แหละ

ในฝันผมกำลังตามง้อไอซ์อยู่ครับ ผมพยายามที่จะตามหาเขา แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที พยายามที่จะส่งข้อความไปขอให้เขาบอกผมว่าเขาอยู่ที่ไหนและสบายดีไหม ไอซ์อ่านข้อความผมนะ แต่ทำยังไงไอซ์ก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักที แล้วในฝันผมก็ไม่รู้ด้วยว่าเราทะเลาะกันเรื่องอะไร ผมรู้อยู่แล้ว ว่าความฝันของผมไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน เพราะผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องไปทะเลาะกับไอซ์

แต่ทั้งๆ ที่รู้มันก็อดนอยด์เพราะเรื่องนี้ไม่ได้

“ผมก็ฝันถึงคุณเหมือนกัน”

ไอซ์ยิ่งทำเสียงตื่นเต้นขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้ยินว่าผมเองก็ฝันถึงเขาเหมือนกัน แล้วก็เริ่มเล่าความฝันของตัวเองให้ผมฟังก่อน ไอซ์บอกว่าผมกับไอซ์จะได้เจอกัน จะเดินสวนกันกลางถนนที่ไหนสักที แล้วก็กลับมาถามผมว่า ผมฝันว่าอะไร ผมตอบกลับไปสั้นๆ แค่ว่า ผมฝันว่าผมกับเขาทะเลาะกัน ไอซ์ยังหัวเราะกับสิ่งที่ผมฝันเลยครับ แถมยังบอกด้วยว่าเราจะทะเลาะกันได้ยังไง ไอซ์ถามผมอีกว่า ผมคิดว่าความฝันของไอซ์มีสิทธิ์จะเป็นจริงไหม ผมเองก็บอกไอซ์ไปตามที่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นจริง เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของผม ผมไม่มีแพลนไปไหน และส่วนใหญ่ถ้าเป็นวันหยุดผมจะนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ ยาวๆ ไม่ออกไปไหนและไม่ทำอะไรเลย

'อะไรกันล่ะคุณ ไม่หาเรื่องออกมาเจอผมหน่อยหรอ'

เสียงที่เต็มไปด้วยความงอแงของไอซ์ทำให้ผมอยากเห็นสีหน้าที่เค้าทำอยู่ในตอนนี้เลยครับ อยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไงอยู่

“ถ้าคุณอยากเจอผมขนาดนั้น เรานัดเจอกันก็ได้นะ ไม่เห็นต้องรอให้เดินสวนกันเลย”

'ไม่ได้สิคุณ เราจะได้พิสูจน์ไง ว่าความฝันของผมจะเป็นจริงหรือป่าว มันอาจจะไม่ใช่วันนี้ อาจจะพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือว่าวันอื่นๆ วันไหนสักวันเราต้องได้เดินสวนกันที่ไหนสักที่แน่นอน'

“มั่นใจจังนะคุณ” น้ำเสียงของไอซ์ฟังดูมั่นใจว่าฝันของเขาจะต้องเป็นจริงแน่ๆ จนผมอดแซวออกไปไม่ได้

ไอซ์ยังคงยืนยันคำเดิม ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ก่อนจะขอวางสายไป บอกว่าจะไปอาบน้ำแต่งตัวรอ เตรียมตัวเผื่อได้ออกไปข้างนอกแล้วไปเจอผม

ดูเขาสิครับ

ผมบอกแล้วว่าผมไม่ออกไปไหนแน่ๆ แต่ก็ยังบอกว่าจะไปเตรียมตัวรออีก

อะไรของเขา



พอวางจากสายไอซ์ผมก็เห็นว่าตัวเองจะต้องไปนอนสักที ผมว่าหลังจากได้คุยกับไอซ์ไอ้อาการนอยด์ของผม มันก็หายไปจนแทบไม่เหลืออยู่อีก พอเป็นอย่างนั้นผมก็เกิดอาการง่วงขึ้นมาทันที ลุกขึ้นยืนเตรียมจะก้มเก็บกระป๋องเบียร์ไปทิ้งก็มีเสียงให้ต้องทิ้งกระป๋องเบียร์พวกนั้นไว้ก่อนอีกครั้ง

ผมเดินไปเปิดประตูห้อง คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงจากในโทรศัพท์แล้วครับ แต่มาเป็นตัวเป็นๆ เลย ไอ้ปอนด์ที่ยืนถือถุงกับข้าวเต็มสองมือยืนฉีกยิ้มอยู่หน้าห้องของผม จะมันไล่กลับไปก็ยังไงอยู่ เลยปล่อยให้มันแทรกตัวเข้าห้องมาแต่โดยดี

ไอ้ปอนด์บอกเมื่อวานผมรีบออกมาจนลืมเอากับข้าวของแม่ไอ้แจงกลับมาด้วย พอไอ้แจงเปิดตู้เย็นแล้วเจอว่ากับข้าวของแม่มันยังอยู่ทั้งที่ตัวผมออกมาแล้ว ไอ้แจงก็ไปบ่นกับมันชุดใหญ่เพราะอยู่ใกล้กับมันที่สุดตอนนั้น แถมยังสั่งให้ไอ้ปอนด์เอากับข้าวนั้นมาให้ผมอีก แต่เมื่อวานเย็นที่คุยกันไอ้ปอนด์มันก็ลืม เลยได้เอามาให้ตอนเช้าแทน แต่ผมว่านั่นก็ไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่มันขับรถมาหาผมแต่เช้าแบบนี้แน่

“กราฟเอาตรงๆ เลยนะ กูอยากเสือก” มาแล้วครับประโยคเกริ่นนำของไอ้ปอนด์มัน

ผมชอบนิสัยของปอนด์อยู่อย่าง ก็คือมันเป็นคนตรงๆ อยากได้อะไรก็พูด ไม่ชอบอะไรก็บอก ผมว่าแบบนี้ดีกว่าที่จะต้องมานั่งเดาใจกันไปมาเป็นไหนๆ ผมกับมันก็เลยคบกันมาได้ยาวขนาดนี้

“กูอยากรู้ว่าเมื่อคืนมึงฝันถึงคุณไอซ์อีกรึป่าว”

“ฝัน”

“เฮ้ย ฝันเหมือนเดิมรึป่าววะ”

“ไม่เหมือน แต่ก็ไม่ดีเหมือนเดิม” ผมเล่าความฝันทั้งของตัวเองแล้วก็ของไอซ์ให้ปอนด์ฟัง ขณะที่กำลังกินข้าวกันไปด้วย

"ฝันถึงกัน แต่ทำไมเรื่องมันต่างกันคนละโยชน์แบบนี้วะ งั้นวันนี้ มึงก็มีโอกาสที่จะได้เจอคุณไอซ์ใช่ไหม"

"แต่วันนี้วันหยุดกู"

"อ๋อ มึงก็เลยจะอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ไม่ล้างหน้า ไม่แปรงฟัน ไม่ออกนอกผ้าห่มงี้"

"รู้ดี"

"ใครจะไปรู้วะ บางทีมึงอาจจะมีเรื่องให้ต้องออกไปข้างนอกก็ได้"

"ไม่มีทาง อิ่มแล้วก็กลับไปได้แล้วไป กูจะนอน"



หลังจากที่ไล่ไอ้ปอนด์กลับไปได้ ก็ถึงเวลานอนของผมสักที ผมก้าวขึ้นเตียงทั้งที่ยังใส่ชุดนอนตัวเมื่อคืน หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง ฟันก็ยังไม่ได้แปรง ตามที่ไอ้ปอนด์ว่าจริงๆ ดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมได้ผมก็ชัดดาว์นตัวเองลงทันที ตื่นมาอีกทีตอนนี้ 2 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ผมเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์ที่ก่อนนอนวางเอาไว้ข้างๆ ตัว มาเช็คโน่นเช็คนี่ได้สักพัก ก็มีสายจากไอ้ปอนด์เข้ามาทำให้หงุดหงิดเล่น นี่มันคงจะโทรมาถามแน่นอนว่าผมได้ออกไปไหนมารึป่าว

"เพื่อน กูมีธุระสำคัญมากจริงๆ กูอยากให้มึงช่วย"

ผิดคาดครับ มันโทรมาเรื่องงานจริงๆ เห็นบอกว่าบริษัทที่กำลังจะไปดิวงานด้วยล่าสุด จะให้คนเอาเอกสารด่วนมาส่ง ไอ้บริษัทนี้มันไม่หยุดงานกันรึไงวะ แล้วนี่มันก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ยังจะมาส่งเอกสารอะไรกันตอนนี้อีก

คุยไปคุยมาคือผมมีเวลา 10 นาทีก่อนถึงเวลานัด ยังดีที่สถานที่คือร้านกาแฟตรงข้ามคอนโดของผมเอง แต่จะให้มาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ออกไปแค่ 10 นาทีก็คงจะไม่ทัน ผมเลยทำได้แค่ลุกไปล้างหน้าแปรงฝัน เสื้อผ้าไม่ต้องเปลี่ยนก็น่าจะโอเคอยู่ เสื้อยืดกางเกงวอร์มแบบนี้ใครๆ ก็ใส่กัน

พอเสร็จผมก็รีบวิ่งมาหน้าคอนโด หันซ้ายหันขวาเตรียมจะข้ามถนนด้วยอาการกระหืดกระหอบเพราะตอนนี้ถึงเวลานัดแล้ว พอข้ามมาได้ก็ตรงเข้าไปในร้านที่ปอนด์บอกไว้ทันที ตอนนี้รู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือสั่นแล้วก็หยุดไป สงสัยจะเป็นข้อความจากใครสักคนส่งมา แต่ผมยังไม่มีเวลามาสนใจข้อความนั้นหรอกครับ ผมขอมองหาผู้หญิงใส่เสื้อสีชมพูที่ผมต้องไปเอาเอกสารมาจากเธอก่อน เหมือนจะง่ายใช่ไหมครับ แค่มองหาผู้หญิงใส่เสื้อสีชมพู แต่ก็อย่าคิดว่าง่ายนะครับ เพราะตอนนี้ในร้านมีผู้หญิงใส่เสื้อสีชมพูอยู่ 4 คน แล้วยังไงล่ะทีนี้ ผมควรจะเข้าไปหาคนไหนก่อน

ยืนงงอยู่ได้ไม่นานก็มีผู้หญิงใส่เสื้อสีชมพูคนนึง ที่ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าผมเดินยิ้มเข้ามาหา

"ใช่คนที่คุณปอนด์ให้มารับเอกสารไหมคะ"

เธอพูดกับผมด้วยน้ำเสียงรื่นหู แถมใบหน้าก็ยังยิ้มแย้ม ไม่ได้มีสีหน้าของคนที่ต้องแบกตัวเองให้มาทำงานตอน 2 ทุ่มเลยสักนิด ผมเลยต้องยิ้มกลับไปให้เธอบ้าง ส่งเอกสารให้ผมแล้ว ขอบคุณผมเสร็จเธอก็หายออกจากร้านไป แล้วผมจะยืนอยู่ทำไมล่ะครับ รีบกลับห้องบ้างดีกว่า

นึกขึ้นได้ว่าต้องบอกกับปอนด์ว่ารับเอกสารมาให้เรียบร้อยแล้ว ก็ตอนที่มายืนรอข้างถนนเพื่อจะข้ามฝั่งกลับไปที่คอนโด แต่แทนที่จะได้ส่งข้อความหาไอ้ปอนด์ผมดันเห็นแจ้งเตือนข้อความของอีกคนนึงขึ้นมาซะก่อน

ICE : ผมเจอคุณแล้วนะครับ

เห็นแบบนั้นผมก็แทบไม่ได้คิดอะไรเลยครับ รีบกดโทรกลับไปหาไอซ์ทัน ระหว่างที่รอสายก็นึกถึงความฝันของไอซ์ที่เขาเล่าให้ฟังเมื่อเช้า ไอซ์บอกว่าเราจะเดินสวนกันกลางถนน ซึ่งวันนี้ผมเพิ่งข้ามถนนแค่ครั้งเดียว นั่นก็คือที่ข้ามมารับเอกสารเมื่อกี้ ในเมื่อเพิ่งผ่านไปไม่นาน งั้นก็แสดงว่าไอซ์ยังอยู่แถวนี้

"คุณ คุณอยู่ที่ไหน" พอเห็นว่าตัวเลขเวลาขึ้น ผมก็ไม่รอให้ปลายสายได้พูดอะไร ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูได้ก็ถามไอซ์ออกไปทันทีว่าเขาอยู่ตรงไหน

'คุณจะมาหรอ'

"คุณจะมาเจอผมแค่คนเดียวได้ยังไง ผมไม่ยอมนะ"

'ไม่ยอมก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ผมเจอคุณแล้ว ผมโอเคแล้ว' ผมได้ยินเสียงไอซ์หัวเราะออกมาเบาๆ มันยิ่งทำให้ผมอยากเจอไอซ์ ผมอยากรู้ว่าตอนนี้ไอซ์กำลังทำหน้าแบบไหนอยู่

"ไอซ์"

'ครับ'

"ผมอยากเจอคุณ"







#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #5 เมื่อ29-08-2019 09:09:19 »

 :ruready :ruready

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #6 เมื่อ29-08-2019 12:40:13 »

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #7 เมื่อ29-08-2019 14:50:15 »

 :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #8 เมื่อ29-08-2019 19:08:31 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
"ผมอยากเจอคุณ"



ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าอะไรดลใจให้ผมพูดแบบที่คิดออกไป แต่ก็นั่นแหละครับ เพราะผมพูดออกไปแบบนั้น ตอนนี้ผมเลยได้วิ่งมาอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างคอนโด 2 แห่ง และหนึ่งในนั้นก็คือคอนโดของผมเอง

ถึงตอนนี้จะมึดมากแล้ว แต่ในสวนก็ยังคงเปิดไฟเพื่อให้แสงสว่างอยู่โดยรอบ ถึงแม้จำนวนคนจะไม่ค่อยเยอะเท่ากับช่วงเช้าหรือว่าช่วงเย็น แต่ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ผมพยายามมองหาคนที่เพิ่งวางสายจากกันไป พร้อมกับอาการเต้นแรงของหัวใจ ที่ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะว่าเหนื่อย หรือเป็นเพราะผมตื่นเต้นที่จะได้เจอกับไอซ์กันแน่ คำถามที่ไอ้ปอนด์เคยถามเอาไว้ ลอยเข้ามาในหัวอีกรอบ

ใครจะไปฝันเห็นอนาคตได้น่ะหรอ

ผมว่านอกจากไอซ์อาจจะมีคนที่ฝันเห็นอนาคตของตัวเองอีกก็ได้

ระหว่างที่สอดสายตาหาไอซ์ที่บอกว่าตัวเองนั่งรออยู่ที่นี่ สายตาผมก็ไปหยุดที่ผู้ชายคนหนึ่งเข้า เขานั่งอยู่ที่ม้านั่งและกำลังก้มหน้าก้มตาสไลด์โทรศัพท์ในมืออยู่ ผมจึงหยุดวิ่ง แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาแทน ถึงแม้จะนั่งอยู่ในที่ที่ไม่สว่างมากนัก แต่ก็เห็นได้ว่าผิวของเขาขวาขนาดไหน ถึงจะดูตัวเล็กก็จริง แต่ดูแล้วก็น่าจะสูงน้อยกว่าผมแค่ไม่กี่เซ็น ทรงผมที่ดูแล้วต่างจากในฝันอยู่นิดหน่อยเพราะไม่ได้เซ็ต แต่ว่าหน้าแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ นี่คือไอซ์ คนที่ผมฝันถึงมาตลอด 2 ปีไม่ผิดแน่ๆ

ไอซ์เงยหน้าขึ้นมาจากมือถือเมื่อผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่รอยยิ้มที่เขาส่งมาให้จะทำเอาผมเองก็ยิ้มตามเขาไปแบบไม่รู้ตัว

เป็นแบบนี้เองสินะ รอยยิ้มของเขา

รอยยิ้มที่ผมว่ามันดู

น่ารัก

“อย่าบอกนะว่าคุณวิ่งมา”

“ก็กลัวคุณจะรอนาน”

ผมถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ไอซ์ รอยยิ้มเมื่อกี้เล่นเอาผมไม่กล้าที่จะมองหน้าคนข้างๆ ไปเลยครับ ได้แต่นั่งหอมแล้วก็มองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว

“ไหนคุณบอกว่าจะไม่ออกมาข้างนอกไง”

“เพื่อนผมให้ออกมาเอาเอกสารสำคัญให้น่ะ คุณดูสิ นี่ชุดที่ใส่นอนตั้งแต่เมื่อคืนเลยนะ น้ำผมก็ยังไม่ได้อาบ”

“อย่าเข้ามาใกล้ผมนะครับถ้างั้น”

ถ้ารู้ว่าออกมาแล้วจะได้มาเจอเขา ผมก็คงจะอาบน้ำออกมาก่อนนั่นแหละ แล้วไอ้การออกมาเอาเอกสารแค่ตรงข้ามคอนโดตัวเองเนี่ย เปอร์เซ็นที่จะมีโอกาสเจอกันมันเท่ากับศูนย์เลยไม่ใช่หรอ ดูสิกลับมาทำท่ารังเกียจกันเพราะผมไม่อาบน้ำเนี่ยนะ

“ก็ไม่รู้นี่ว่าจะได้เจอคุณจริงๆ ไม่งั้นก็จะอาบน้ำแต่งตัวรอตามคุณแล้ว”

“ผมล้อเล่นน่ะคุณ คุณอยู่เฉยๆ นะ”

ห๊ะ

อะไรคือบอกให้ผมอยู่เฉยๆ กัน ผมไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยหันไปหาเขากะว่าจะถาม

“อยู่นิ่งๆ สิคุณ”

นิ่งครับ นิ่งเลยครับทีนี้ เพราะไอซ์ยื่นมือมาปาดที่หางคิ้วของผม ในขณะที่ผมยังคงจ้องหน้าเขาอยู่ ตอนนี้มันนึกอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องนิ่งอีกนานแค่ไหน ขยับตัวได้แล้วรึยังด้วยซ้ำ ไอซ์บอกแค่ให้ผมอยู่นิ่งๆ แต่ทำไมผมดันกลั้นหายใจด้วยก็ไม่รู้

“ขอโทษนะคุณ ผมกลัวเหงื่อมันจะไหลเข้าตาคุณน่ะ ผมก็เลย..”

“อ่อ ขอบคุณครับ”

แล้วทีนี้ก็กลายเป็นนิ่งกันไปทั้งคู่เลยครับ ไม่พูดไม่จากกันแบบนั้นอยู่นานจนเป็นผมเอง ที่ทนความอึดอัดไม่ไหวเลยต้องชวนไอซ์คุยขึ้นมาก่อน

“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่หรอ”

“ไฟที่คอนโดผมดับน่ะ ผมเลยออกมาเดินเล่น”

“คุณอยู่แถวนี้”

“ครับ” ไอซ์ตอบรับมาสั้นๆ แล้วชี้มือไปที่คอนโดที่หน้าต่างทุกช่องดำสนิทด้านข้าง และมันก็ไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นคอนโดตึกตรงข้ามกันกับที่ผมอยู่นี่เอง

“บังเอิญจังเลยนะคุณ ตึกตรงข้ามนั่นก็คอนโดผมเอง”

ครับ บังเอิญกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ผมกลับไม่เคยเจอไอซ์เลยสักครั้ง นี่เขาไปซ่อนอยู่ที่ไหนมากัน

“ว่าแต่คุณกินข้าวเย็นรึยัง”

“ยังเลยครับ นี่คุณกำลังจะชวนผมไปกินข้าวสินะ”

“เดี๋ยวนะ นี่คุณเห็นในฝันหรอ”

“อันนี้ผมเดาเล่นๆ ครับ” ไอซ์ส่ายหน้าแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ไปไหมคุณ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนสายๆ พลังงานที่เหลืออยู่ก็หมดไปกับการวิ่งมาหาคุณเมื่อกี้แล้วด้วย” พูดไปผมก็เอามือลูบท้องตัวเองไปด้วยเพื่อเรียกคะแนนความเห็นใจ

“นี่คุณจะไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเนี่ยหรอ จะดีใช่ไหม”

“นี่คุณรังเกียจกันจริงๆ สินะ” ผมพูดพร้อมกับเอนตัวเข้าหาไอซ์ หวังจะแกล้งคนที่ตั้งท่ารังเกียจที่ผมไม่อาบน้ำ ผมก็แค่ไม่ได้อาบน้ำเองนะ แล้วผมก็อยู่แต่ในห้องตลอดด้วย เหงื่อยังไม่ออกสักหน่อย จะมีก็แค่ตอนที่รีบวิ่งมาหาเขาเมื่อกี้นี่แหละ

“ผมไม่ได้รังเกียจ แต่แค่สงสารคนที่ต้องมานั่งกินข้าวข้างๆ เฉยๆ” ไอซ์หัวเราะอีกแล้วครับ “ไปคุณกินข้าวกัน”

“ผมขอกลับไปอาบน้ำก่อนนะ”

พูดจบกำลังจะหันไปหาไอซ์เพื่อชวนไปรอบนห้องผม แต่กลับต้องมานั่งนิ่งโดยที่อีกคนยังไม่ได้สั่ง ไอซ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ กับซอกคอผม ใกล้ซะจนถ้าเกิดมีใครสักคนขยับตัว เราก็จะรับรู้ถึงสัมผัสของกันและกันได้

“ไม่ต้องหรอกคุณ ยังหอมอยู่เลย”

“คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังทำผมเขิน”

“ตอนแรกก็ไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้ผมว่าผมก็เขินไปด้วยแล้ว”







ร้านอาหารตามสั่งข้างคอนโดของผม คือที่ที่ผมกับไอซ์มากินข้าวกัน ถึงร้านจะเล็กไปสักนิด แต่บอกเลยว่ารสชาติของอาหารเด็ดมาก ไม่อย่างนั้นคนคงจะไม่เยอะขนาดนี้ ผมกับไอซ์สั่งอาหารของตัวเองเสร็จก็มานั่งรอที่โต๊ะ ระหว่างนั้นไอซ์หยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่น ผมเห็นเขาเข้าไปเช็คเมล ไม่ได้เข้าโซเชียลเหมือนที่คนทั่วๆ ไปเขาทำกัน ท่าทางตั้งใจอ่านข้อความในอีเมลของเขาทำเอาผมเองก็ไม่กล้าขัด เลยหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่นบ้าง แต่ผมไม่ได้เข้าไปเช็คเมลแบบไอซ์หรอกนะครับ เพราะวันนี้วันหยุดของผมไง ทำงานมาทั้งอาทิตย์แล้ว วันหยุดผมก็อยากจะให้เป็นวันหยุดจริงๆ บ้าง

แอปที่ผมกำลังเข้าใช้งานอยู่ตอนนี้ก็คือ แอปกล้องถ่ายรูปที่ติดมากับโทรศัพท์นั่นเอง แล้วสิ่งที่ผมจะถ่าย ก็คือคนตรงหน้าผมนี่แหละ แอบถ่ายไปได้ไม่กี่รูป ผมก็ต้องรีบลดโทรศัพท์ของตัวเองลงอย่างไว เพราะแบบของผมดันเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ของเขาซะก่อน ไอซ์หันหลังกลับไปมองทางป้าเจ้าของร้านที่กำลังยืนผัดอาหารในกระทะ เหมือนกำลังจะลุ้นให้ถึงคิวของตัวเองไวไว สงสัยคงจะหิวแล้ว ผมที่เห็นท่าทางแบบนั้นของไอซ์ก็หลุดหัวเราะออกมา

“หัวเราะอะไรคุณ หน้าผมตลกหรอ”

“หน้าคุณเหมือนเด็กงอแงอยากกินข้าว หิวรึไงคุณ”

“คุณก็ดูสิ กลิ่นหอมขนาดนี้ นี่ไม่ต้องกินยังเดาได้เลยว่าอร่อย”

พูดจบไอซ์ก็ก้มลงไปอ่านข้อความในมือถือต่อ ปล่อยให้ผมนั่งเหงาอยู่คนเดียว เลยต้องเข้าโซเชียลเพื่ออัปเดทสถานการณ์บ้านเมืองบ้าง

ผมกดเข้าแอปไอจี โซเชียลช่องทางเดียวของผมขึ้นมา ผมไม่ได้ตั้งให้แอปแจ้งเตือน เลยไม่รู้ว่าหลังจากโพสต์รูปไปเมื่อคืนนี้มีใครเข้ามาคอมเม้นท์อะไรบ้าง แต่เห็นจากแจ้งเตือนในตอนนี้แล้วเหมือนผมทำอะไรพลาดไปสักอย่าง

คอมเม้นท์ส่วนมากก็จะมาจากรุ่นน้องในคณะ เพื่อนในมหาลัย แล้วก็รุ่นพี่ผม แต่ละคอมเม้นท์ก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็คืออยากรู้ว่าผมไปบอกฝันดีใคร เพราะตั้งแต่ผมเลิกกับแฟนคนล่าสุดไปตั้งแต่ปี 3 ผมก็ไม่ได้คบกับใครอีกเลย ไม่ใช่ว่าเข็ดที่โดนเขาทิ้งไปอะไรนะครับ แต่ผมว่าผมยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า ก็เลยไม่อยากเสียเวลา แต่ที่บอกว่าเหมือนว่าผมทำผิดเนี่ย ก็เพราะคอมเม้นท์ของไอ้ปอนด์ ไอ้เพื่อนตัวดีของผมนี่แหละครับ มีคนแท๊กไปถามมันว่ารู้ไหม แล้วดูคำตอบของมันสิครับ

‘สำหรับคนที่อยากรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร ต้องขอโทษด้วยครับที่ปอนด์บอกอะไรมากไม่ได้ แต่คอนเฟิร์มได้แค่อย่างเดียวว่า น่ารักมาก’

คนถามก็ดันถามถูกคนซะด้วยนะครับ เพราะไอ้ปอนด์นี่แหละรู้เรื่องของผมดีที่สุดแล้ว แต่อะไรคือ ‘น่ารักมาก’ วะ แค่น่ารักมากมันยังอธิบายความน่ารักของไอซ์ตอนนี้ได้ไม่ถึงเสี้ยวนึงเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้น ภาพที่ผมเพิ่งแอบถ่ายไว้เมื่อครู่เลยถูกโพสต์ลงไอจีของผม พร้อมกับแคปชั่นว่า

‘ไม่ได้น่ารักมาก แต่น่ารักมว๊ากกกกกก ต่างหาก’





ตอนนี้อาหารในจานของผมกับไอซ์ถูกจัดการไปเรียบร้อย ไอซ์บอกว่าอยู่แถวนี้แต่ไม่เคยมากินร้านนี้เลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ามีร้านอร่อยๆ ซ่อนอยู่ รู้สึกพลาดมากๆ ต่อไปนี้ต้องมาบ่อยๆ ซะแล้ว ไม่ต้องบอกผมก็เชื่อครับว่ารสชาติอาหารคงจะถูกปากเขาจริงๆ ก็เล่นกินซะเกลี้ยงขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ป้าก็ให้ข้าวไม่ใช่น้อยๆ ไอซ์คงเป็นพวกกินเก่งแต่ว่าไม่อ้วนสินะ ตัวถึงได้ดูเล็กขนาดนี้ พอยืนข้างกันแล้วผมบังเขาได้มิดเลย

“คืนนี้เราก็น่าจะฝันถึงกันอีกแน่นอน คุณว่าไหม” ไอซ์ถามขึ้นพร้อมพยายามใช้หลอดสอดเข้าไปในรูของน้ำแข็งเพื่อเอาน้ำแข็งขึ้นจากแก้ว

“ไม่เบื่อรึไงคุณ ต้องมาฝันถึงผมทุกวันแบบนี้”

“ไม่นี่ครับ ถ้าเลือกได้จริงๆ ก็อยากฝันถึงคุณนั่นแหละ”

“ไอซ์ คุณสัญญากับผมได้ไหม เวลาที่ผมไลน์ไปหาคุณ แล้วคุณไม่ได้อยู่ในที่ปลอดภัย อย่างกำลังข้ามถนนหรือขับรถอะไรประมาณนี้ ต่อให้เรื่องที่ผมส่งไปมันจะสำคัญแค่ไหน คุณก็ห้ามอ่านไลน์ผมนะ”

ผมพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังที่สุดใจชีวิต ถึงแม้ว่าความฝันของผมจะไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เลยก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะเตือนเขา อีกอย่างถ้าเขาสัญญา ผมเองก็อาจจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นด้วย

“นี่คุณฝันอะไรกันแน่”

“คุณรู้แค่ผมเป็นห่วงคุณก็พอ สัญญากับผมได้ไหมคุณ”

“ครับ ผมสัญญา”

“แล้วนี่ถ้ากลับไปแล้วไฟยังไม่มา คุณไปรอห้องผมก่อนได้นะ”

“คิดอะไรกับผมรึป่าวคุณ มาชวนผมขึ้นห้องเนี่ย”

“เมื่อกี้ก็ยังไม่ได้คิดหรอกนะ แต่ถ้าคุณจะทำแบบนี้บ่อยๆ ผมก็ว่าจะเริ่มคิดแล้ว”

“งั้นเอาไว้คิดก่อนนะครับค่อยมาชวนใหม่นะครับ” พูดจบไอซ์ก็หัวเราะออกมา “ผมล้อเล่นนะคุณ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ยังครับ ไอซ์ยังคงไม่เลิกหัวเราะ นี่ผมต้องทำหน้าตลกขนาดไหนกัน “ผมบอกเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปนอนด้วย”

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”

“ไม่เป็นไรคุณเดี๋ยวเพื่อนผมมารับ อยู่ใกล้ๆ นี่เองอีกเดี๋ยวคงถึง คุณรีบกลับไปอาบน้ำเถอะ”

“ไหนบอกว่ายังหอมอยู่ไงคุณ นี่ไม่ใช่ล้อผมเล่นอีกนะ”

ผมรีบยกเอาแขนตัวเองขึ้นมาดมทันที ส่วนไอซ์ก็เอาแต่หัวเราะ ยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมา เขาก็ต้องกดรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาซะก่อน ตอนนี้เพื่อนของไอซ์มารออยู่หน้าคอนโดแล้วครับ เราเลยต้องรีบออกมาจากร้านกัน คอนโดของผมถึงก่อน ไอซ์เลยบอกให้ผมขึ้นไปได้เลยไม่ต้องไปส่ง แต่ผมรึจะปล่อยให้เขาไปคนเดียว ยังดื้อที่จะตามมาส่งเขาจนขึ้นรถไปจนได้ แล้วค่อยเดินกลับห้องของตัวเอง





กลับมาถึงห้อง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาที่ระเบียง โดยไม่ลืมหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาด้วย คอนโดฝั่งตรงข้ามที่ก่อนนี้ไม่เคยได้รับความสนใจจากผมเลยสักครั้ง แต่วันนี้มันกลับทำให้ผมยิ้มได้ เพราะนึกถึงใครบางคน รู้สึกเลยว่าวันนี้ผมจะยิ้มเยอะเป็นพิเศษ แล้วเสียงข้อความที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์ในมือ ก็ทำเอาผมต้องระบายยิ้มออกมาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง กับประโยคง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พิมพ์ส่งให้กัน...

ICE : ขอบคุณที่เลี้ยงข้าว แล้วก็ที่อยู่เป็นเพื่อนด้วยนะคุณ

ICE : เดี๋ยวไปเจอกันในฝันนะ

ICE : ฝันดีคุณกราฟ

ICE : สติ๊กเกอร์บราวนอนห่มผ้า

...แต่ทำไมพอเป็นไอซ์พิมพ์มาแล้ว...มันมีผลกับใจผมแปลกๆ



Graph : ฝันดีครับไอซ์



#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

งื้ออออออ เข้ามาพร้อมกับความตกใจที่มีคนมาเม้น
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจด้วยคะ //ก้มลงกราบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #10 เมื่อ30-08-2019 20:30:05 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
3  พฤศจิกายน



วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อเอาเอกสารที่ไปรับจากพี่ผู้หญิงชุดชมพูเข้ามาให้ไอ้ปอนด์  จอดรถเดินเข้าออฟฟิศมาได้ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างพี่พุ่งตรงเข้ามาหา  จนผมถึงกับต้องร้องทัก

“อะไร  มองเหมือนกับจะฆ่าจะแกงกูอ่ะ”  ไม่ใช่วิญญาณอาฆาตหรือผมมีสัมผัสพิเศาอะไรหรอกครับ  แต่มันคือไอ้แจงเอง  มันคงยังโกรธเรื่องที่ผมลืมกับข้าวของแม่มันไว้แน่ๆ

“ใครจะไปฆ่าท่านประธานได้ล่ะคะ  เข้าออฟฟิศแต่เช้ามีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”  เป็นไงล่ะ  ไหนจะท่านประธาน  ไหนจะดิฉันอีก  ความห่างเหินนี้นั้น  แหม  เดี๋ยวนี้ไอ้แจงมันล้ำว่ะ

“น้องจุ๊บแจงของพี่  วันนี้พี่อารมณ์ดีมากนะพี่บอกไว้ก่อน  อย่ามาทำให้พี่มีน้ำโห  เข้าใจ๊”

“เพราะรูปที่โพสต์ลงไอจีเมื่อคืนนี้หรอ  ใครอ่ะพี่กราฟ  บอกแจงหน่อยดิ  แจงจะไม่เอาไปบอกกับใครเลยสัญญา”  เอ้า  ไหงอารมณ์มันเปลี่ยนไวแบบนี้วะ

“ไม่บ๊อก  อ่ะเอาเอกสารไป  ฝากให้ไอ้ปอนด์มันด้วยเห็นบอกว่าเอกสารด่วน”



ผมยัดซองเอกสารใส่มือไอ้แจงได้  ก็รีบจ้ำออกมาจากอย่างเร็วที่สุด  ขืนอยู่ต่อมีหวังไอ้แจงมันได้ซักผมจนสะอาดแน่ๆ  พลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา  ก็เห็นว่านี่มันก็สายมากแล้ว  ทำไมคนที่ผมฝันถึงเมื่อคืนถึงได้ยังไม่ส่งข่าวมาหาผมอีก  ว่าเขาฝันถึงผมด้วยรึป่าว  หรือว่าเขาจะไม่ฝัน  หรือว่าจะมีแค่ผมคนเดียวอย่างนั้นหรอที่ฝัน  หรือว่าผมควรจะโทรไปเล่าให้เขาฟังก่อนดีไหม  ว่าผมฝันถึงเขาว่าอะไร  หรือจะแค่ลองส่งข้อความไปถามเขาก่อนดี  ว่าเขาฝันถึงผมรึป่าว

แล้วทำไมผมต้องคิดเยอะขนาดนี้ด้วย  โทรไปหาเลยแล้วกัน  จะได้จบๆ

ผมนั่งฟังเสียงสัญญาณรอสายมาครู่นึงแล้วครับ  แต่ไอซ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรับสาย  ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูเตรียมจะตัดใจกดวางสายอยู่แล้วเชียว  ดีที่เห็นตัวเลขเวลาขึ้นมาซะก่อนเลยยกเอามันขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง

“คุณทิ้งเบอร์ไว้ในไลน์ผมหน่อย  เดี๋ยวอีก  15  นาทีผมโทรกลับ”

ไอซ์รับสาย  แล้วพอพูดกับผมเสร็จ  เขาก็วางสายไปทันที  ดูเหมือนเค้ากำลังยุ่งอยู่รึป่าว  นี่ผมไม่ได้โทรไปรบกวนเขาใช่ไหม  ความรู้สึกเกรงใจผุดขึ้นมาในทันที  เลยไม่กล้าที่จะพิมพ์เบอร์ตัวเองส่งให้กับไอซ์  แต่เหมือนว่าอีกคนจะรู้ทันเลยส่งข้อความมาย้ำผมกับผมอีกรอบ

ICE :  ไปเปิดเบอร์ใหม่หรอคุณ  ทำไมนาน 

ICE :  อย่าบอกนะว่าจำเบอร์โทรตัวเองไม่ได้

ICE :  สติ๊กเกอร์บราวกับเครื่องหมายคำถาม

คนเราจะน่ารักแม้กระทั้งตัวหนังสือก็ได้ใช่ไหมครับ

พิมพ์เบอร์โทรของตัวเองส่งไปเสร็จ  ทีนี้ก็ทำได้แค่รอเวลาแล้วแหละครับ  ความรู้สึกของผมในตอนนี้ลุ้นกว่าตอนรอลูกค้าตัดสินใจหลังจบพรีเซนต์งาน  ว่าจะงานจะผ่านและร่วมทำโปรเจคกับบริษัทผมรึป่าวอีก

ผมตั้งใจจะหาอะไรทำฆ่าเวลา  เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน  แต่ก็ไม่มีสมาธิเลยสักนิดเดียว  เผลอเป็นต้องหยิบเอาโทรศัพท์มาดูตลอด  ว่าอีกคนมีความเคลื่อนไหวอะไรรึป่าว  หรือว่าจะโทรมาแล้วแต่ผมไม่ได้ยิน  โทรมาแล้วโทรศัพท์ไม่เตือน  เหมือนเป็นโรคจิตนิดๆ  แล้วครับตอนนี้



และแล้วก็ผ่านไปครบ  15  นาที  โทรศัพท์ของผมดังขึ้น  แต่คราวนี้ไม่ใช่จากแอปไลน์แล้วครับ  เป็นสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์เลย  เบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อเอาไว้โทรเข้ามาแบบนี้  ไม่ขายประกันก็คนที่ผมเพิ่งให้เบอร์ไปเมื่อกี้นี้นี่แหละครับ  ผมรอให้สายดังอยู่แบบนั้นสักพัก  เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าผมรอสายจากเขาอยู่  กระแอมวอร์มเสียไปหนึ่งที  ก่อนจะสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย

อาการหนักแล้วจริงๆ ไอ้กราฟ

ไอซ์ยุ่งอยู่จริงๆ  ครับ  เห็นบอกว่าต้องเตรียมเอกสารเพื่อเข้าประชุมอะไรสักอย่างอยู่  มีเวลาคุยกับผมไม่นาน   เดี๋ยวก็ต้องเข้าประชุมแล้ว  แต่เขาก็ยังอุตส่าห์หาเวลามาคุยเรื่องความฝันกับผมเนี่ยนะ  เขาต้องน่ารักกับผมขนาดไหนกัน

'ไม่เอาอ่ะ  วันนี้คุณเล่าก่อนนะ'

แปลกครับ  แปลกมากๆ  ครับ  ทั้งที่ปกติแล้วไอซ์จะตื่นเต้นและคิดว่าฝันของตัวเองตัองเป็นจริงแน่ๆ  แต่มาวันนี้กลับไม่อยากเล่าความฝันของตัวเองให้ผมฟัง  แต่ก็ไม่เป็นไรครับ  เพราะผมเห็นแก่ไอ้เสียงอ้อนๆ  ท้ายประโยคเมื่อกี้นี้หรอกนะ  ผมถึงได้ยอม

"อ่ะ  ผมเล่าก่อน  ผมฝันว่าคุณกับผมจะไปงานวันเกิดไอ้ปอนด์ด้วยกัน  ไอ้ปอนด์ก็คือเพื่อนของผมเอง  จบ"

'อะไรคุณ  ทำไมสั้นจัง  คุณเล่าไม่หมดใช่ไหม  ขี้โกงนี่หน่า'

"ถึงเล่าละเอียดไปมันก็ไม่เกิดขึ้นไงคุณ  เพราะวันเกิดไอ้ปอนด์ไม่ใช่วันนี้  ตาคุณแล้วครับ"

ยิ่งไอซ์ทำน้ำเสียงอิดออดไม่อย่าเล่าให้ผมฟังเท่าไหร่  นั่นก็ยิ่งทำให้ผมอยากรู้มากเท่านั้นว่าเขาฝันว่าอะไร  จนผมต้องหาเหตุผลล้านแปดมาอ้างเพื่อให้เขายอมเล่าให้ฟัง  และสุดท้ายไอซ์ก็ต้องยอม  แต่พอผมได้ฟังความฝันของเขาแล้ว  ก็พอจะเข้าใจแหละครับ  ว่าทำไมไอซ์ถึงไม่อยากเล่า  ก็เพราะเขาฝันว่าเขาจะได้มาค้างห้องผมนี่สิครับ  ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีเลย  เพราะไอซ์น่ะก็ไม่อะไรหรอกครับ  เขาแค่เกรงใจผมเฉยๆ  เลยไม่อยากจะเล่า  แล้วกลายเป็นว่าจะต้องมารบกวนผม

ส่วนผมน่ะหรอ  ที่น่าสงสารก็คือ  ผมกำลังกลัวว่าเขาจะไม่มาอยู่นี่ไง

'ไม่ดีกว่าคุณ  ไฟที่ห้องผมจะดับรึป่าวก็ยังไม่รู้เลย'

“เมื่อวานคุณยังมั่นใจอยู่เลยนะ  ว่าฝันตัวเองต้องเป็นจริงแน่ๆ  ไม่รู้แหละ  ผมมองจากคอนโดผมก็เห็นคอนโดคุณแล้วนะ  ถ้าผมมองออกไปเห็นไฟดับแล้วคุณไม่มาละก็  ผมจะงอนคุณ  จะไม่เล่าความฝันให้คุณฟังอีก”

'ความฝันคุณไม่เคยเกิดขึ้นอยู่  แล้วผมไม่ฟังก็ได้นะ'

“งั้นผมต้องเอาอะไรมาอ้างดี  คุณถึงจะยอมมา”

'รอให้ไฟดับจริงๆ  แล้วผมหาที่นอนไม่ได้  ผมจะนึกถึงคุณเป็นคนแรกเลย'

“แบบนั้นเค้าเรียกคนสุดท้ายหรอกคุณ  ไม่ใช่คนแรกสักหน่อย”



เราคุยกันได้อีกไม่กี่ประโยค  ไอซ์ก็ขอไปทำงานต่อ  แล้วก็นั่นแหละครับ  ผมคือตัวเลือกสุดท้ายของไอซ์ในคืนนี้ถ้าไฟเกิดดับขึ้นมาจริงๆ  ที่เหลือก็คือต้องอธิฐานเอาแล้วล่ะครับ  ว่าขอให้ไอซ์หาที่นอนไม่ได้

“นั่งเหม่ออะไรของมึง”  ความคิดฟุ้งซ่านของผมจบลงเมื่อไอ้ปอนด์ส่งเสียงเข้ามาขัด  “แจงบอกมึงอารมณ์ดีจัด  เป็นยังไงไหนเล่ามาสิ”

“ปอนด์  มึงเกิดเดือนนี้ใช่ไหม”

“แม่ง  จำวันเกิดกูได้ด้วย  สุดยอด”

“แล้วมึงมีแพลนที่จะจัดวันเกิดอยู่ใช่ไหม”

“เห้ย  มึงรู้ได้ไงเนี่ยกูยังไม่ได้บอกกับใครเลยนะ  อย่าบอกนะว่ามึงฝัน”

เมื่อคืนผมฝันว่าผมกับไอซ์ไปงานวันเกิดปอนด์ด้วยกันครับ  ในฝันไอซ์กำลังยื่นกล่องของขวัญขนาดเท่าฝ่ามือให้กับไอ้ปอนด์  กล่องของขวัญสีขาวผูกริบบิ้นสีน้ำเงินเข้มที่เป็นสีโปรดของไอ้ปอนด์มัน  ทำเอาคนรับดีใจออกนอกหน้า  ตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดดูของข้างใน  แถมในฝันผมยังเห็นสองคนนี้คุยกันเหมือนกับสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนอีก

“นี่มึงฝันเห็นล่วงหน้านานขนาดนั้นเลยหรอวะ  งี้ก็แปลว่าฝันของมึงมีโอกาสที่จะเป็นจริงใช่ไหม”

“ฝันเห็นล่วงหน้าหรอ  ไม่รู้ว่ะ  มันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้”

“แล้วคุณไอซ์ของกู  ฝันถึงมึงรึป่าววะ”

“ฝัน  ถ้าฝันของไอซ์เมื่อคืนเป็นจริง  คืนนี้ไอซ์จะมาค้างห้องกู”

“ไอ้กราฟ  กูไปนอนกับมึงด้วย  กูอยากเจอคุณไอซ์  คุณไอซ์น่ารัก”

“มึงเคยเจอเขาหรอ  ถึงรู้ว่าเขาน่ารัก  แล้วไอ้ที่ไปเม้นท์ในไอจีกูนั่นอีก  เห็นแค่รูปในไลน์เอง  ทำเหมือนรู้ดี”

“แหม๋  เพื่อนก็มาแก้ให้แล้วไง  ว่าไม่ได้น่ารักมากเฉยๆ  แต่น่ารักมว๊ากกกกก  นะกราฟนะ  ให้กูไปนอนด้วยนะ  กูจะไม่ดื้อไม่ซนเลย  สาบาน”

“ไม่ต้องเสือก”

“กราฟ  กูขอนะ  กูไปนอนด้วย  กราฟมึงอย่ามาเดินหนีกู  ให้กูไปนอนด้วย  ไอ้กราฟ  ไอ้ขี้หวง  ไอ้หมากราฟ  กูงอนมึง  พรุ่งนี้ไม่ต้องมาเล่าอะไรให้กูฟังเลยนะ”

เรียกดังแค่ไหนผมก็ไม่สนใจแล้วครับตอนนี้  เรื่องอะไรต้องให้มันมานอนด้วย  แค่เห็นมันคุยกับไอซ์ในฝันเมื่อคืน  ผมยังรู้สึกหงุดหงิดเลย  ตอนนี้ออฟฟิศไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้วครับ  ขอกลับไปสำรวจความเรียบร้อยที่ห้องรอไอซ์ดีกว่า  เผื่อว่าไอซ์ได้มาจริงๆ  จะได้ไม่อายที่ห้องรก





ผมกลับมาถึงห้องได้สักพัก  แล้วตอนนี้ผมก็เจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้วครับ  คอนโดที่ผมอยู่มี  2  ห้องนอนก็จริง  แต่ตอนนี้ผมใช้อีกห้องเป็นห้องเก็บของไปแล้ว  นั่นก็แปลว่าตอนนี้เหลือห้องนอนแค่ห้องเดียว  ถ้าให้เดา  ไอซ์ก็คงจะไม่ไปนอนเตียงเดียวกับผมแน่  ถึงผมจะบอกว่าเตียงผมใหญ่แค่ไหน  และนั่นก็แปลว่าโซฟาที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้จะต้องถูกใช้เป็นเตียงนอนของใครคนใดคนนึงแน่  และไอซ์ก็คงจะไม่ยอมให้เจ้าของห้องแบบผมต้องออกมานอนที่โซฟาแน่ๆ  แล้วผมจะใจร้ายปล่อยให้ไอซ์มานอนที่โซฟาได้ยังไงกัน  ที่เตียงนอนด้วยกันไม่ได้  โซฟาก็ไม่อยากให้มานอนกลัวจะเหมื่อยอีก  ชักไม่อยากให้มาก็ตอนนี้นี่แหละครับ  กลัวทำเขาลำบาก

ท้องฟ้าข้างนอกมึดสนิทแล้วครับ  แล้วตอนนี้อาหารที่ผมทำไว้รอไอซ์ก็ใกล้เสร็จจะแล้วด้วย  เมื่อกี้ผมออกไปส่องดูคอนโดของไอซ์มาแล้ว  ไฟดับจริงๆ  ด้วยครับ  แต่จนตอนนี้เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมโทรหาผม  คงจะกำลังไล่โทรหาเพื่อนเขาอยู่นั่นแหละ  ไม่เป็นไรหรอกครับ  ให้เขาลองพยายามไปก่อน  เพราะว่ายังไงผมก็มั่นใจครับ  ว่าวันนี้ไอซ์ได้มานอนห้องผมแน่ๆ  ถึงได้กล้าทำอาหารรอเขาเยอะขนาดนี้

ตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทแบบจริงจัง  ผมก็ไม่เคยทำอาหารอีกเลยครับ  ทั้งที่เพื่อนๆ  ทุกคนที่เคยได้ชิม  ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  ถ้าผมเปลี่ยนอาชีพไปเป็นเชฟอาจจะรุ่งยิ่งกว่าตอนนี้ก็ได้

นึกถึงก็มาแล้วครับเสียงโทรศัพท์  เป็นไอซ์แน่นอนไม่ต้องสืบ  พอหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เป็นไอซ์จริงๆ  ครับ  กดรับสายได้ผมก็แซวไอซ์ออกไปทันที

“ได้ข่าวว่าไฟที่คอนโดดับนะคุณ  ยังไงดีครับ  ให้ไปรับไหม”

'ผมยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไปค้างด้ว'

“ก็คุณฝันว่าได้มา  ก็ต้องได้มาสิคุณ  วันนี้ผมอารมณ์ดีขนาดลงมือทำอาหารเองเลยนะคุณ  มาวันนี้ได้กินอาหารฝีมือผมด้วย  โชคดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”

'หือ...คุณขอโทรหาเพื่อนก่อน  คนสุดท้ายแล้ว  ถ้าคนนี้ไม่ว่างอีกคงต้องไปรบกวนคุณจริงๆ'

“ผมจะรอนะคุณ  เพื่อนคุณไม่ว่างแน่ๆ  อ่ะ”

'เนี่ย  กำลังใจมาเต็มเลยคุณ  เดี๋ยวผมจะโทรกลับไปบอกว่าจะไปค้างห้องเพื่อน  คุณคอยดู'

ไอซ์ทำเสียงงอแงใส่ผมก่อนจะวางสายไป  ผมเองก็กลับไปสนใจกับอาหารเมนูสุดท้ายของผมต่อ  แต่ผ่านไปไม่น่าจะถึง  10  นาที  เพราะตอนนี้อาหารยังไม่ทันเสร็จเลยครับ  สายจากไอซ์ก็ดังขึ้นอีกรอบ

'คุณ'  ดูเขาทำเสียงเข้าสิครับ  แบบนี้นี่โดนเพื่อนปฏิเสธมาแน่

“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะคุณ  เพื่อนไม่ว่างใช่ไหม  แต่ตอนนี้ผมยังไปรับไม่ได้นะ”

'ผมอยู่ล๊อบบี้คอนโดคุณแล้ว'

“คุณขึ้นมาเลย  ห้องผม  1107”

'ผมรู้'

“แนะ  รู้ยันเลขห้อง”

'รหัสเข้าก็รู้ครับ'

“เห้ยคุณ  ฝันละเอียดขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”

'ทีคุณยังฝันเห็นไอดีไลน์ผมเลยนี่ครับ  เดี๋ยวผมไปถึงคุณค่อยเปลี่ยนรหัสแล้วกันนะ  ถึงจะเกรงใจแต่คืนนี้ก็รบกวนด้วยนะคุณ'

"ออกจากลิฟท์เลี้ยวขวานะคุณ  อ่อ  ลืมไป  คุณคงฝันเห็นแล้วสินะ  แล้วเรื่องรหัสน่ะ  คงไม่ต้องเปลี่ยนหรอกครับ   เพราะนอกจากตัวแล้วก็หัวใจของผมแล้ว  ในห้องผมก็ไม่มีของมีค่าอะไรเลย"

'พอขึ้นไปถึงคุณทวงเงินผมด้วยนะ'

"เงินอะไรครับ"

'ก็ค่ามุขของคุณเมื่อกี้ไง  ผมจะซื้อแล้วเอาไปทิ้ง'

ไม่ได้นับแล้วครับว่าผมใช้คำว่าน่ารักกับไอซ์ไปกี่ครั้งแล้ว

ทำไมเป็นคนที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองขนาดนี้






#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #12 เมื่อ03-09-2019 19:15:45 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #13 เมื่อ04-09-2019 15:37:01 »

 :pig4:

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

“คุณ...มันดีมากเลยอ่ะ  นี่คุณเป็นเชฟใช่ไหม  อยู่โรงแรมไหน  ผมจะตามไปเป็นลูกค้าประจำคุณ”

ไอซ์พูดขึ้นหลังจากตักข้าวคำแรกเข้าปาก  ตางี้เป็นประกายเลยครับ  ท่าทางรสชาติจะถูกปากจริงๆ  นี่ไม่รู้ว่าไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยรึป่าว  เพราะขอข้าวเพิ่มเป็นจานที่  2  แล้วด้วย

ผมนั่งดูไอซ์ที่พยายามใช้ช้อนกับค่อยๆ  แงะเอาหางกุ้งออกจากส่วนเนื้ออย่างทุลักทุเลมาสักพัก  เลยต้องตักกุ้งตัวนึงในถ้วยต้มยำขึ้นมา  แล้วจัดการเอาหางกุ้งออก  ก่อนจะเอากุ้งที่ไม่มีหางแล้ว  ไปวางไว้ในจานของอีกคน  ไอซ์ชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองที่ผมนิ่ง  ผมได้แต่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเพราะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร  จนไอซ์ก้มหน้าลงมองกุ้งที่ผมให้ไปอีกครั้ง  แล้วตักกุ้งตัวที่เขาแกะค้างไว้นั่นแหละมาใส่ไว้ในจานผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้  ไอ้ผมเนี่ยคิดเอาเองไปแล้วเรียบร้อยครับ  ว่าผมได้รอยยิ้มนั่นเป็นสิ่งตอบแทนที่แกะกุ้งให้  ส่วนกุ้งที่ไอซ์ตักมาวางไว้ในจาน  เอาหางออกแล้วผมก็คงต้องส่งคืนให้เจ้าของเขาไป  เห็นกินได้เยอะแบบนี้ก็ไม่อยากจะแย่งเลยครับ  เดี๋ยวจะไม่อิ่มเอา





อิ่มมากอ่ะคุณ  อิ่มมากๆ  อิ่มสุดๆ  ไอซ์พูดคำพวกนี้มาสักพักแล้วครับ  บ่นมาตั้งแต่ก่อนเราจะมานั่งดูทีวีกันที่โซฟานี่ซะอีก  พูดไปก็เอามือคลำท้องของตัวเองไปด้วย  เชื่อแล้วครับว่าอิ่มจริงๆ  เพราะผมเห็นท้องเขานูนออกมานิดนิดด้วย  ก็เล่นกินซะกับข้าวที่ผมทำไม่เหลือเลยสักอย่าง  ถ้าผมเป็นเชฟจริงๆ  ผมคงจะปลื้มน่าดู  ที่ลูกค้ากินอาหารเกลี้ยงขนาดนี้

“คุณ  แล้วให้ผมนอนที่ไหนอ่ะ”

มาแล้วครับปัญหาใหญ่ของผม  ผมคิดออกตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วนะครับ  ว่าจะทำอย่างไรกับปัญหานี้ดี  แต่ตอนนี้ต้องขอไปรับสายจากไอ้ปอนด์ก่อน  มันโทรมาหาผมตั้งแต่เย็นแล้วครับ  ไอ้ผมก็อุตส่าห์ไม่รับสายแล้วนะ  คิดว่าจะเบื่อแล้วก็เลิกโทรไปเอง  มันก็ยังจะโทรมาอยู่นั่น  นี่ก็เกือบจะ  10  สายเข้าไปแล้ว  ถ้าผมยังไม่รับสายมันอีก  ปอนด์มันก็คงไม่ยอมหยุดโทรง่ายๆ

“อะไรของมึงเนี่ย” 

ไอซ์หันควับมามองหน้าผมทันที  คงจะคิดว่าผมตอบคำถามเขาละมั้งครับ  หน้างี้เหว๋อไปเลย  เห็นแล้วผมก็อดขำไม่ได้  ผมเลยต้องยกโทรศัพท์ให้เขาดู  เจ้าตัวเลยยิ้มออก  แล้วก็หันกลับไปสนใจทีวีข้างหน้าต่อ

‘ตกลงคุณไอซ์มาค้างห้องมึงรึป่าววะ”

เดาไว้ไม่มีผิดเลยครับว่ามันโทรมาหาเรื่องอะไร  ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะครับ  ผมถึงไม่รับสายมัน

“ทำไม”

‘พูดงี้แสดงว่ามา  กราฟให้กูไปนอนด้วยดินะๆ ๆ ๆ’

“ไฟบ้านมึงก็ดับเหมือนกันรึไง”

‘ใช่เพื่อน  เนี่ยร้อนมากเลย  จริงๆ  นะ’

“แต่เสียงมึงนี่ปลอมมากเลย  จริงๆ นะ”

‘เออ  กูอยากเจอคุณไอซ์จบไหม’

“อยากเจอทำไม  ไม่ต้องมา  ไม่มีธุระใช่ไหม  แค่นี้  แล้วมึงไม่ต้องโทรมาอีกนะ”

ผมกดวางสายใส่ไอ้ปอนด์มันไปแล้วครับ  เรื่องอะไรต้องให้มันมาด้วย  ไม่รู้ว่าจะอยากเจออะไรนักหนา  วอแวผมมาตั้งแต่เช้าแล้ว  ผมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองต้นเหตุที่นั่งอยู่ข้างๆ  แต่กลับเจอสายตาของไอซ์ที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคุณ”

“ก็เพื่อนผมมันเซ้าซี้ผมมาตั้งแต่เช้าแล้ว  ว่าจะมานอนด้วย”

“เอ้าคุณ  แล้วทำไมไม่ให้เพื่อนคุณมาล่ะ  เค้าอาจจะต้องการความช่วยเหลือแบบผมก็ได้นะ  สงสารเข้าออก”

“มันแค่อยากมาเจอคุณ”  ตอนนี้คิ้วของไอซ์ผูกกันเป็นโบว์แทนผมไปแล้วครับ  เป็นใครก็คงจะงงแหละว่าเพื่อนผมจะไปอยากเจอเขาทำไม  “ฟังไม่ผิดหรอกคุณ  มันอยากมาเจอคุณนั่นแหละ”

“ก็ให้มาดิคุณ  เจอกันก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ  หรือว่าคุณขี้หวง”

“ใช่  เอ้ย!  หวงอะไรล่ะคุณ  ทำไมผมต้องหวงคุณด้วย  แค่ไม่อยากให้มันมารบกวนคุณเฉยๆ  ไอ้ปอนด์มันน่ารำคาญจะตาย”

“ครับๆ  ไม่หวงก็ไม่หวง  แต่พอคุณทำแบบนี้  ผมชักรู้สึกว่าอยากจะเจอคุณปอนด์ขึ้นมาซะแล้วสิ”

“ไม่ต้องมาจ้องผมแล้วยิ้มแบบนี้เลยนะคุณ  หันกลับไปดูหนังของคุณนู่น”

ยังครับ  ถึงจะหันหน้าไปแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดยิ้ม  หวงอะไรกันล่ะครับ  ผมไม่ได้หวงไอซ์เลยสักนิด  ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  จะไปมีสิทธิ์หวงเขาได้ยังไง  หงหวงอะไรกัน  ไม่มี๊





ตอนนี้  5  ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วครับ  และตอนนี้  ผมกำลังยืนต้มมาม่าอยู่ในครัว  แล้วก็ไม่ใช่ผมด้วยนะ  ที่อยากกิน  แต่เป็นคนที่ยืนชะโงกหน้ามาดูมาม่าในหม้อที่กำลังเดือนปุดๆ  อยู่ข้างๆ  นี่ต่างหาก  ไม่รู้ว่าจะลุ้นอะไรนักหนา

เมื่อกี้ไอซ์งอแงว่าหิว  ทั้งที่เมื่อเย็นก็กินข้าวไปตั้งเยอะ  ผมเลยบอกให้เขาเข้ามาหาอะไรในครัวกินได้เลยตามสบาย  ไม่ต้องเกรงใจผม  ผมไม่ถือ  อยากทำอะไรทำได้เลย  แต่พูดไปขนาดนั้น  แล้วทำไมผมต้องมายืนต้มมาม่าให้ไอซ์อยู่นี่น่ะหรอ  ก็เพราะแค่ไอซ์พูดว่า  ‘อยากให้กราฟทำให้ครับ’  เท่านั้นแหละ  ชื่อผมที่ออกมาจากปากไอซ์  ทำไมมันทำให้ผมรู้สึกว่าชื่อตัวเองฟังดูเพราะกว่าปกติ  แต่น้ำเสียงออดอ้อนระดับ  10  นั้น  ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งครับ  ท่าไม้ตายมันอยู่ที่ท่างุ้ยปากแล้วกระพริบตาปริบๆ  นั่นต่างหาก  หนังจะมันส์  หรือผมจะขี้เกียจขนาดไหน  ผมก็ยอมแล้วครับนาทีนั้น

โต๊ะกินข้าวถูกใช้เป็นครั้งที่สองตั้งแต่ไอซ์มา  แถมยังห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงด้วย  มาม่า  2  ห่อสำหรับผู้ชาย  2  คนต้องถือว่าน้อย  แต่บอกเลยครับ  เครื่องแน่นมาก  ทั้งกุ้ง  ทั้งไส้กรอก  สามชั้นสไลด์  แล้วไหนจะหมูเด้ง  แถมด้วยไข่อีก  2  ฟอง  ยิ้มเลยครับทีนี้  ไม่ใช่ผมนะ  ไอซ์ต่างหาก  อารมณ์ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

คราวนี้ไอซ์รู้หน้าที่แล้วครับ  เขาเขี่ยกุ้งทั้งหมดมาที่ฝั่งผม  ถ้าเมื่อกี้ไม่ได้คุยกันก่อน  ผมจะคิดว่าเขากำลังประชดผมอยู่นะเนี่ย  คือเมื่อกี้ผมกับไอซ์เพิ่งเถียงกันไปครับ  ว่าทำไมผมไม่เอาหางกุ้งออกก่อน  จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแกะ  กินกุ้งไม่มีหางมันก็ไม่ได้ฟีลสิครับ  เพราะผมเป็นคนกินหางกุ้ง  มันต้องโดนหางกุ้งแทงกระพุ้งแก้มให้พอสะดุ้งบ้าง  แล้วการกินกุ้งถึงจะอร่อยขึ้น

พอเห็นแบบนั้นผมเลยสอนวิธีเอาหางกุ้งออกแบบโปรๆ  ของผมให้กับไอซ์  ผมแค่ใช้ซ่อมกดตรงส่วนเนื้อกุ้งเอาไว้  แล้วใช้ช้อนกดลงไปตรงๆ  ที่เปลือกข้อที่ติดอยู่กับหาง  กดแค่พอสุด  อย่าให้มันขาดออกจากกันก่อนนะครับ  หลังจากนั้นก็แค่เลื่อนทั้งสองส่วนออกจากกัน  แค่นี้เองครับง่ายๆ

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ  เพราะผมทำได้ผมเลยคิดว่ามันง่าย  พอผมให้ไอซ์ลองทำบ้าง  มันกลับดูไม่ง่ายเหมือนที่ผมทำเลยสักนิด  บางตัวหางหลุดก็จริง  แต่ส่วนเปลือกดันติดไปกับเนื้อด้วย  กุ้งบางตัวแยกได้อย่างสวยงาม  แต่นู้นครับโดดออกไปนอกจานนู้นแล้ว  หลังจากขำกันอยู่เป็นพัก  ผมก็เลยอาสาจะแกะหางกุ้งให้เขาเอง  ขืนปล่อยให้ไอซ์แกะต่อคงไม่ได้กินกันพอดี  แล้วตอนนี้ผมก็อยากให้เรากินเสร็จกันให้เสร็จไวไวแล้วด้วย  เพราะอะไรน่ะหรอ  ไม่ใช่เพราะผมต้องมานั่งแกะกุ้งให้ไอซ์แน่นอน  แกะกุ้งไม่ได้ทำให้ผมลำบากอะไรอยู่แล้ว  จะลำบากนิดหน่อยก็ตอนที่ไอซ์คอยส่งยิ้มมาให้กำลังใจผมนี่แหละ

ต้องมาคอยแสดงว่าไม่ได้เสียอาการเพราะรอยยิ้มของเขาแบบตอนนี้  ผมว่า

มันลำบากมากจริงๆ





“คุณนอนไม่หลับหรอ” 

"คุณก็นอนไม่หลับหรอ ส่งสัยแปลกที่ละมั้ง"

“เพราะคุณนั่นแหละ  คุณย้ายไปนอนในห้องสิ  จะมานอนด้วยกันตรงนี้ทำไม”

ไอซ์ไม่ยอมไปนอนในห้องด้วยจริงๆ  ตามคาดเลยครับ  ทำยังไงก็ไม่ยอม  อธิบายยังไงก็จะนอนโซฟาท่าเดียว  เขาบอกว่าแค่นี้ก็เกรงใจผมจะแย่แล้ว  ไม่อยากไปนอนเบียดกับผมบนเตียงอีก  ทั้งที่เตียงผมก็ออกจะกว้าง  เอาไอ้ปอนด์มานอนด้วยก็ยังได้เลย  และในเมื่อไม่มีใครยอมใคร  ก็นอนมันด้วยกันตรงนี้นี่แหละ

ตอนนี้ผมขนเอาหมอนและผ้าห่มของตัวเองออกมานอนที่พื้นข้างโซฟาเป็นเพื่อนไอซ์ครับ  เป็นไงล่ะวิธีการแก้ปัญหาของผม  มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ  ก็แค่พื้นมันไม่นิ่มเหมือนกับนอนบนเตียงเท่านั้น  และด้วยความไม่ชินทำให้ผมเอาแต่พลิกไปพลิกมา  เพื่อหาท่าที่ตัวเองจะนอนสบายที่สุด  เลยอาจจะไปทำให้คนที่นอนอยู่บนโซฟาพลอยนอนไม่หลับไปด้วย

“ก็ผมชวนคุณไปนอนเตียงนุ่มๆ  ด้วยกันแล้วคุณไม่ไป  ก็นอนมันด้วยกันตรงนี้นี่ไง  พรุ่งนี้ก็คงจะแค่ปวดหลังนิดหน่อย  หรือถ้าหนักก็อาจจะเขียนงานไม่ได้เป็นอาทิตย์  แต่ผมไม่เป็นไรนะ  คุณนอนเถอะ”

“ผมกำลังพยายามอยู่  คุณอย่างพูดแบบนี้ได้ไหม  มันทำให้ผมรู้สึกผิด”

“พยายามหรอ  พยายามอะไรอ่ะคุณ  หรือว่า...”

ผมลุกพลวดขึ้นมาแล้วหันไปมองหน้าไอซ์ทันที  ถึงจะมืด  แต่เพราะตอนนี้ตาปรับสภาพในที่มืดได้แล้ว  ผมเลยเห็นไอซ์กำลังเม้มปากตัวเองแน่น  เตรียมจะหันหน้าหนีผมเข้าพนักพิงโซฟาแล้วครับ  นี่ไม่ใช่ว่ากำลังพยายามไม่ทำตามความฝันของตัวเองอยู่ใช่ไหม

“ไปคุณ  เข้าห้อง”

“ผมบอกว่าผมกำลังพยายามอยู่ไงคุณนี่  เข้าใจผมหน่อยสิ”

“จะเดินเข้าไปเอง  หรือจะให้ผมอุ้มเข้าไปดี”  หน้ายู่เลยครับทีนี้  เหมือนตอนนี้ไอซ์กำลังช่างใจว่าจะพยายามต่อไป  หรือจะทำตามที่ฝันดี

“แต่ผมเกรงใจ”

“งั้นคุณก็ช่วยเกรงใจหลังผมด้วยนะครับ  ไปลุก”  ผมไม่รอคำตอบจากไอซ์แล้วครับ  คว้าเอาผ้าห่มทั้งของผมและของไอซ์มากอดเอาไว้เรียบร้อย  “เนี่ยเล่าความฝันไม่หมดใช่ไหม  คืนนี้ถ้าฝันถึงผมอีกเล่าให้ละเอียดเลยนะ”

“ใครจะไปพูดกันล่ะคุณ  ให้บอกว่า  คืนนี้เราจะนอนเตียงเดียวกัน  ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกัน  แล้ว”

“แล้ว  แล้วอะไรคุณ  ผมทำอะไรคุณรึป่าว  ไม่ใช่ไหม”

“ทำอะไรเล่า  คุณนี่  จะเข้าห้องก็รีบไปเลยนะ  ไม่งั้นผมจะปล่อยให้คุณนอนปวดหลังอยู่ตรงนี้แหละ”

ไอซ์ลุกขึ้นหยิบหมอนทั้งสองใบขึ้นมาถือไว้บ้าง  แล้วก็ดันผมให้หันกลับไปทางห้องนอน  ผมว่า  เมื่อกี้ผมเห็นไอซ์เขินครับ  ถึงจะมืด  แต่ผมว่าไอซ์กำลังเขินอยู่แน่ๆ  ไอซ์ยังเล่าไม่หมดใช่ไหม

มันต้องมีอะไรมากว่านี้แน่

ต้องมีแน่นอน





#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
4  พฤศจิกายน



ปกติแล้วมนุษย์เราหัวใจเต้นกี่ครั้งต่อนาทีกัน  แล้วถ้ามันเต้นเร็วกว่าปกติติดต่อกันเป็นเวลานานๆ  ล่ะ  หัวใจจะทำงานหนักเกินจนหยุดเต้นไปรึป่าว 

ผมว่าตอนนี้ผมกำลังมีปัญหากับอัตราการเต้นของหัวใจครับ  ถึงจะไม่ได้นับว่ามันเต้นกี่ครั้งต่อนาที  แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันทั้งเต้นแรงและเร็วกว่าปกติมาก  แรงจนผมคิดว่าถ้ามันเต้นแรกกว่านี้อีกสักนิดมันคงจะได้เด้งออกมาเต้นอยู่ข้างนอกแน่ๆ

ผมที่ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากหลุดออกจากความฝันของตัวเอง  แล้วต้องมาเจอกับไอซ์ที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ  แถมยังเอาหัวมาซุกอยู่ที่ไหล่ของผม  แต่ก็ยังไม่ช็อคเท่ากับท่านอนคุดคู้แล้วเอาแขนทั้งสองข้างมากอดแขนผมเอาไว้นี่เลยครับ  เพราะนั่นมันทำให้ตอนนี้  มือของผมถูกต้นขาทั้งสองข้างของไอซ์หนีบเอาไว้ด้วยนี่สิ  กลุ่มผมสีอ่อนโชยกลิ่นหอมของแชมพู  แม้ไม่ได้ตั้งใจสูดดม  แต่กลิ่นก็ลอยเข้ามาปะทะกับจมูกผมอย่างเลี่ยงไม่ได้  ลมหายใจที่รินรดอยู่ที่ไหลต่อให้มีเสื้อกั้นเอาไว้  แต่ทำไมผมยังรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนกัน  ไหนจะสัมผัสจากอ้อมแขนของไอซ์ที่กอดแขนผมเอาไว้  แล้วยังจะสัมผัสอุ่นและนุ่มที่มือของผมนั่นอีก  ทำยังไงล่ะครับทีนี้

ก่อนอื่นผมคงต้องหาทางเอามือออกมาก่อนเป็นอันดับแรก  ถึงมันจะเป็นแค่ต้นขา  แต่รีบเอาออกมาก่อนน่าจะดีที่สุด  ผมค่อยๆ  ขยับมือออกทีละนิด  เพื่อให้รบกวนคนที่หลับอยู่ให้น้อยที่สุด  แต่ยังไม่ทันที่มือจะหลุดออกมาได้  ไอซ์ก็ขยับตัวขึ้นมาซะก่อน  โชคดีที่ไอซ์เปลี่ยนท่านอนตอนนี้พอดี  มือของผมเลยหลุดออกมาได้เรียบร้อย  แล้วผมก็ใช้จังหวะนี้  รีบเอามือทั้งสองข้างของตัวเองมากุมกันไว้แน่นที่หน้าอก  แต่ก็ใช่ว่าชีวิตนี้ทุกคนจะเจอแต่โชคดีใช่ไหมล่ะครับ  มีโชคดีก็ต้องมีโชคร้ายกันเป็นธรรมดา  และโชคร้ายของผมในตอนนี้ก็คือ  ขาของไอซ์ข้างนึงงอขึ้นมาก่ายอยู่บนต้นขาของผมแทนไง  ตื่นเลยครับทีนี้  ตื่นเต็มตาเลยครับ  เกร็งไปหมดแล้วด้วย  นี่ไอซ์เขาจะรู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้ผมใจเต้น  เขากำลังทำร้ายหัวใจผมอยู่

พอผมเริ่มชินกับวิกฤตหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  สิ่งต่อมาที่ต้องเผชิญก็คือการข่มตานอนต่อเท่าไหร่  ก็หลับไม่ลงสักทีนี่แหละครับ  ถ้าใครได้ลองมาเป็นผมเอาจริงๆ  ก็คงไม่มีใครหลับลงหรอก  ทั้งโดนกอด  โดนก่าย  แถมคุณไอซ์เธอยังขยับตัวบ่อยมาก  เดี๋ยวพลิกซ้าย  เดี๋ยวพลิกขวา  แล้วไม่นานก็กลับมาก่ายผมให้สะดุ้งเล่นอีก  นี่ถ้าไม่ติดว่าไม่ได้เป็นอะไรกันนะ  ผมจะจับมารัดเอาไว้ไม่ให้ได้กระดิกเลยทีเดียว  แต่ก็นั่นแหละครับ  ในเมื่อทำแบบนั้นไม่ได้ก็ต้องอดทนเอา  นอนแข็งเป็นหินให้อีกคนก่ายเล่นได้ตามสบาย  แต่ในใจนี่พนมมือภาวนาให้พระอาทิตย์โผล่มาไวไวแล้วครับ  กลัวตัวเองจะทนไม่ไหวแล้วได้ไปจับไอซ์มารัดไว้ซะจริงๆ

ตอนแรกผมก็มัวแต่ตกใจที่โดนไอซ์กอด  จนเกือบจะลืมว่าตัวเองเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน  นึกถึงเรื่องความฝันเมื่อครู่อยู่สักพัก  ก็ต้องถอนหายใจยาวๆ  ออกมา  จะว่าฝันดีไหม  มันก็ดีสำหรับผมแหละครับ  แต่มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับไอซ์  แล้วมันก็ติดอยู่แค่นิดเดียว  ก็ตรงที่ไม่ว่ายังไงความฝันของผมก็ไม่มีทางเกิดขึ้นในความจริงนี่แหละ  แล้วทำไมผมถึงต้องเอาแต่ฝันถึงเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้อยู่ตลอดด้วย  นอกจากเรื่องที่ผมแอดไลน์ไอซ์ไปแล้ว  ก็ไม่เคยมีคืนไหนเลยที่ฝันของผมจะเป็นจริงขึ้นมาอีก  แต่ถึงแม้มันจะเป็นแค่ความฝัน  แต่ผมสัญญาเลยครับ  ว่าไอซ์จะไม่รู้ความฝันของผมในคืนนี้แน่นอน  ขืนผมเล่าออกไปไอซ์คงได้คิดว่าผมเป็นโรคจิต  หรือแอบคิดมิดีมิร้ายกับเขาอยู่แม้กระทั้งในฝันแน่ๆ 





ตอนนี้เช้าแล้วครับ  ผมรอดตาย  และตอนนี้ไอซ์ก็ไม่ได้นอนกอดผมอยู่แล้วด้วย  ผมเอาหมอนที่ผมใช้หนุนนี่แหละ  ไปให้เขากอดแทน  ไม่ไหวจริงๆ  ครับ  พอยิ่งใกล้สว่างเท่าไหร่  ผมก็ยิ่งโดนไอซ์เล่นงานหนักขึ้นเท่านั้น  ขืนปล่อยเอาไว้  ก้อนหินแบบผมก็อาจจะทนไม่ไหวเอาง่ายๆ  ผมเลยจับหมอนของตัวเองยัดใส่แขนไอซ์ไป  จังหวะที่เขาขยับตัวเปลี่ยนท่า  ตอนนี้ก็นอนหนุนแขนตัวเอง  นอนตะแคงมองสำรวจหน้าคนที่กอดหมอนเอาไว้แน่น  ตอนตื่นว่าน่ารักแล้ว  ทำไมตอนนอนถึงได้ดูน่ารักกว่าอีก  แถมยิ้มแบบนี้นี่  กำลังฝันดีอยู่รึป่าว

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของไอซ์ดังขึ้น  เพียงแค่ไม่ถึง  10  วินาที  เจ้าตัวก็ลืมตาตื่นขึ้นทันทีราวกับว่าถูกตั้งโปรแกรมให้ไวแค่กับเสียงนาฬิกาปลุกเอาไว้  ไอซ์ลืมตามาเห็นหน้าผมปุ๊บก็ขมวดคิ้วของตัวเองทันที  ก่อนจะลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังกอดหมอนเอาไว้  แล้วหยิบเอาโทรศัพท์มากดหยุดเสียงของนาฬิกาปลุก

“นอนมองหน้าผมทำไมคุณ  แล้วทำไมนอนทับแขนตัวเอง  หมอนคุณไปไหน”  นั่น  ดูเขาถามสิครับ  หมอนผมไปไหนน่ะหรอ  ก็ไอ้ที่กอดอยู่นั่นไงล่ะครับคุณไอซ์  หมอนผม

“จริงๆ  แล้วไม่ใช่เล่าความฝันไม่หมด  แต่เพราะคุณติดหมอนข้างใช่ไหม  เลยไม่อยากเข้ามานอนในห้องกับผม”

“ผมกวนคุณหรอ”

“มากเลยแหละคุณ  คุณหลับสนิท  แต่ผมมเนี่ย  นอนไม่ได้เลย  เดี๋ยวก็กอด  เดี๋ยวก็ก่าย  อดทนได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”

ผมแกล้งบ่นไอซ์ไป  แต่ก็ใช่ว่าคุณเขาจะขอโทษหรืออะไรนะครับ  เขาสมน้ำหน้าผมนี่แหละ  ก็เขาบอกแล้วว่าไม่อยากเข้ามา  เพราะฉะนั้นคนที่ผิดคือผม  จะไปโทษเขาไม่ได้  ผมเลยบอกให้เขามานอนบ่อยๆ  ผมจะได้ชิน  ไอซ์หันมามองผมแล้วย่นจมูกใส่  และนั่นคือภาพสุดท้ายที่ผมเห็น  ก่อนที่หมอนทั้งใบจะถูกโยนมาอยู่บนหน้าผม  ดึงเอาหมอนออกได้  ไอซ์ก็หนีผมลงจากเตียงไปหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ  ที่เขาเอามาด้วยเรียบร้อยแล้ว

ทำธุระเสร็จ  ออกมาจากห้องน้ำได้  ไอซ์ก็เริ่มคุยถึงเรื่องความฝันเมื่อคืนกับผมทันที

“ผมฝันถึงคุณด้วย”

“ผมก็ฝันถึงคุณหมือนกัน  แต่ผมไม่เล่านะ  เพราะความฝันผมไม่เคยเกิดขึ้นอยู่แล้ว  เล่าไปก็เท่านั้น  ฟังของคุณดีกว่า”

“เราจะไปดูหนังกันครับ”

“ดูหนัง  โห  ผมไม่ได้ดูหนังในโรงมานานมาก  ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย  นี่คุณฝันจริงรึป่าวเนี่ย  ไม่ใช่อยากให้ผมพาไปดูหนังแล้วมาบอกว่าฝันแบบนี้นะ”

อาจจะ  3  หรือ  4  ปีแล้วรึป่าว  ที่ผมไม่ได้เข้าไปดูหนังในโรง  เพราะไม่ค่อยได้ตามหนังใหม่เท่าไหร่  ดูท่าแล้วฝันของไอซ์จะไม่เกิดขึ้นเอาก็วันนี้แหละครับ

“มันใช่ไหมล่ะ  คุณไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ  ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”  ทำปากงุ้ยๆ  อีกแล้วครับ  ไอ้ท่าแบบนี้ของไอซ์ผมว่ามันดูน่าหมั่นเขี้ยว

“คุณฝันแค่นี้หรอ  ทำไมวันนี้จบไวจัง  หรือว่าบอกไม่หมด”  ผมจ้องไปที่หน้าอีกคนเพราะต้องการคำตอบ  แต่เหมือนว่ามันมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น  “เดี๋ยวนะ  คุณหน้าแดงหรอ  ทำไมคุณต้องหน้าแดงด้วยอ่ะ”

ผมพยายามจะเอียงตัวลงไปดูหน้าไอซ์ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าหนีผมอยู่  แต่ก็ไม่ทันแล้ว  ไอซ์เดินไปเก็บของที่เขาเอามาด้วยนู้นแล้ว

“จะกลับห้องแล้วนะครับ  ผมต้องไปทำงาน  ขอบคุณนะครับที่ให้มาค้างด้วย”

“เดี๋ยวสิคุณ  จะไม่บอกกันจริงๆ  หรอ  ทำให้ผมอยากรู้มากกว่าเดิมอีกนะเนี่ย”

“ไม่บอกแล้วครับ  เดี๋ยวจะหาว่าอยากให้ทำ  เอาไว้ถ้ามันเกิดเดี๋ยวคุณก็รู้เอง”





หลังจากไอซ์กลับไป  ผมก็ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวบ้าง  ไหนๆ  ก็ตื่นแต่เช้าแล้วเข้าบริษัทแต่เช้าสักวันดูสิจะเป็นไรไป

เข้ามาในออฟฟิศได้  ก็บรรยากาศเดิมเลยครับ  สายตาแบบนี้  ความรู้สึกแบบนี้  ใครให้เอาโต๊ะไอ้แจงมาไว้ตรงนี้กัน  เข้ามาปุ๊บต้องเจอมันก่อนเนี่ย  หลอนชะมัด

"พี่กราฟ"  อุตส่าห์ไม่แวะทักมันแล้วนะ มันยังเดินตามมาอีก เอากับไอ้แจงมันสิ

"อะไร"

"มาทำอะไรแต่เช้าอ่ะ  แล้วมาทำไมไม่บอกก่อน"

"ทำไมต้องบอก  แล้วมาทำงานแต่เช้านี่ผิดมากรึไง"

"กล้าถามอ่ะ  ปกติไม่ตามคือไม่เข้าไม่ใช่หรอ  หรือว่าไม่ปกติ  พี่เป็นไรป่าวอ่ะ  ทำใจดีดีก่อนนะ  เดี๋ยวแจงโทรหาพี่ปอนด์ก่อน  แล้วเดี๋ยวเราไปหาหมอกัน"

ผมว่าแจงมันอาการหนักขึ้นทุกวันแล้วครับ  หน้าผมนี่เหมือนคนกำลังจะตายหรอ  ถ้าจะตายจริง  ผมตายไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว  ไม่มายืนขอบตาดำอยู่ตรงนี้หรอก  สงสัยแจงมันจะอยู่กับไอ้ปอนด์มากไป  นั่นก็ขี้โวยวายเป็นที่หนึ่ง

เดินเถียงกับมันมาจนมาถึงห้องทำงานผม  อธิบายแล้วอธิบายอีกกว่ามันจะเข้าใจก็เล่นเอาเกือบหมดแรง  กูแค่ไม่ได้นอนแจง  แค่ไม่ได้นอนเฉยๆ  มันยังมีการมาถามผมต่อด้วยนะ  ว่าทำงานหนักไปรึป่าว  แถมไล่ให้ผมไปพักร้อนอีก  ถ้าไม่มีเพื่อนไปก็ให้ปิดบริษัทพาพนักงานไปเที่ยวกันสักอาทิตย์นึงก็ได้  เอ้า  นี่ไม่ใช่อยากไปเที่ยวเองใช่ไหมแจง

ยังไม่ทันที่จะสบัดไอ้แจงหลุดได้  ไอ้ตัวก่อกวนหมายเลขหนึ่งก็เดินตามเข้ามาติดๆ  กะจะเข้ามาเคลียงานที่จะส่งอาทิตย์หน้า  ไม่ต้องทงต้องทำมันแล้ววันนี้

“อะไรกับกูอีกอ่ะ  มึงนี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”

“มึงมันไอ้เพื่อนใจร้าย  มีคุณไอซ์แล้วลืมกูหรอ  กูอุตสาห์จะเอาของดีดีมาให้มึงนะ”

“คุณไอซ์นี่คือใครหรอพี่ปอนด์”

“อ๋อ  คุณไอซ์น่ะหรอ”

“ไอ้ปอนด์!”

โห  เกือบเบรคมันไม่ทันเลยครับ  เห็นผมขึ้นเสียงแบบนั้นไอ้แจงก็ยู่หน้าใส่ทันที  ไม่ได้น่ารักสักนิดเลยแจงเอ้ย  แถมมันยังว่าผม  ว่าหัดมีความลับกับมันอีก  โอ้ยปวดหัว  ถ้าไอ้ปอนด์คือตัวก่อกวนหมายเลขหนึ่ง  ไอ้แจงก็คือหมายเลขสองนี่แหละครับ  ตอนนี้มันงอนผมเดินสะบัดตูดหนีไปนู่นแล้ว  แต่ระดับแจงงอนนี่ไม่ต้องง้อให้เสียเวลาครับ  มันงอนได้ไม่นานหรอกนะ  อีกเดี๋ยวมันก็ลืมแล้วก็กลับมาวุ่นวายกับชีวิตผมใหม่

คราวนี้ก็ได้เวลากำจัดไอ้ตัวก่อกวนอีกตัวที่ยังอยู่ในห้องตอนนี้นี่แหละ  ผมไม่รีรอที่จะถามไอ้ปอนด์ว่ามันเอาอะไรมาให้  รีบๆ  รับมาแล้วจะได้เริ่มทำงานสักที  มันก็ยังไม่บอกนะ  ยังจะเอาแต่ถามถึงเรื่องไอซ์อยู่นั่น  อยากรู้ไปหมดว่าเมื่อคืนทำอะไรกันบ้าง  แล้วผมไปแอบทำอะไรไอซ์ตอนเขาหลับรึป่าว  โถ  กูจะกล้าไปทำอะไรเขารึไงล่ะ  ไอ้นี่ก็ถามไม่คิด

พอจบเรื่องของไอซ์ไป  คราวนี้ก็วนมาเรื่องความฝันของผมอีก  ผมถอนหายใจออกมา  ก่อนจะเล่าความฝันของผมออกไป  กับไอ้ปอนด์ไม่มีอะไรต้องปิดมันอยู่แล้ว  ยิ่งปิดมันก็ยิ่งเค้นอยู่นั่น  เค้นจนผมรำคาญสุดท้ายก็ต้องบอกมันอยู่ดี  สู้บอกๆ  ไปให้จบเลยดีกว่า

เรื่องฝันเมื่อคืนของผมกับไอซ์ก็คือ  ผมฝันว่าเราจูบกันครับ  ไม่รู้เกิดขึ้นได้ยังไง  แต่ที่จำได้ก็คือมันหอมกลิ่นสตรอเบอร์รี่  รสก็หวานๆ  เปรี้ยวๆ  เหมือนสตรอเบอร์รี่  แล้วอีกอย่างก็คือ  ปากไอซ์ก็นุ่มมาก  แค่นั้นเลยครับ  พอได้ฟังแบบนั้น  ไอ้ปอนด์มันก็โวยวายใส่ผมทันที

“ไอ้กราฟ  ไอ้เลว  มึงทำแบบนี้กับคุณไอซ์ของกูได้ยังไง  จิตใจมึงทำด้วยอะไร  ไม่ยอม  กูไม่ยอม”

“มึงจะโวยวายทำไมเนี่ย  กูก็แค่ฝันไหม  มึงก็รู้ว่าฝันกูไม่เคยเกิดขึ้นจริง  ต้องฝันไอซ์นู่น แม่นชิป”

“แล้วคุณไอซ์ฝันว่าอะไรวะ”

“ฝันว่าจะได้ไปดูหนังด้วยกัน”

“เหี้ย”

“มึงด่ากูทำไมเนี่ย”

“กูไม่ได้ด่า  กูอุทาน”  แล้วปอนด์มันก็หยิบเอาแผ่นกระดาษอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นมาตรงหน้าผม  “เนี่ยมึงดูดิ  ของที่กูบอกว่าจะเอามาให้มึง  คุณไอซ์ฝันแม่นจัดอ่ะ  แต่กูจะไปด้วย  กูอยากเจอคุณไอซ์”

“งั้นกูไม่เอา  กูไปซื้อตั๋วดูเองก็ได้ไม่กี่บาท”

“งั้นกูก็จะแอบตามมึงไป  จะไปซื้อตั๋วทั้งข้างซ้ายข้างขวาที่มึงซื้อเลย  คุณไอซ์นั่งตรงไหนกูนั่งฝั่งนั้น”

“กูต้องทำยังไงดีปอนด์”

“ยังไงอะไร”

“กูต้องทำยังไงให้มึงไม่ต้องไปด้วยอ่ะ”

“ไอ้กราฟ  กูเพื่อนมึงเนี่ย  จะหวงอะไรนักหนา”

“กูไม่ได้หวง  กูก็แค่...ไม่อยากให้มึงไปรบกวนเขา”

“โอ้ย  เนี่ยมึงหวง  กูไม่ไปกับมึงหรอก  ถ้ากูไปได้กูจะเอามาให้มึงไหมล่ะ  คิดสิคิด​  มึงไปชวนคุณไอซ์เหอะ  เขาคงกำลังรอมึงอยู่  แล้วอย่าลืมมาเล่าให้กูฟังด้วยนะว่าเป็นไงบ้าง”

เอาตั๋วหนังฟาดหน้าผมเสร็จมันก็เดินออกจากห้องไป  ทิ้งผมไว้กับตั๋วหนังฟรีสองใบในมือ  ผมวางตั่วหนังลงบนโต๊ะทำงานหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป  แล้วกดส่งรูปนั้นไปหาคนที่ต้องไปดูหนังกับผมวันนี้ทันที  พร้อมกับข้อความที่ว่า  ‘ไปทำความฝันคุณให้เป็นจริงกัน’  ไม่นานครับ​  ไอซ์ก็โทรกลับมาหาผม

“อะไรคุณ​  ไม่ต้องทำให้ฝันผมเป็นจริงก็ได้นะ  ไม่อยากไปไม่ใช่หรอ​”  เหมือนผมจะสัมผัสได้ถึงความน้อยใจที่ออกมาจากน้ำเสียงของไอซ์เลยครับ

“ผมได้มาฟรี​  ไม่ได้ซื้อ​  ไปด้วยกันไหมครับ”

“ไม่ไปได้ไหมครับ”

“ไม่ได้สิคุณ  คุณห้ามปฏิเสธ  สักทุ่มนึงผมไปรอที่คอนโดคุณนะ”

“แล้วจะถามทำไมกันครับว่าไปไหม  ถ้าคุณจะไม่ให้ผมตัดสินใจ”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ปฏิเสธผมหรอก  โอเคนะคุณเดี๋ยวผมทำงานก่อนนะ”

“ครับ”

ไอซ์วางสายจากผมไปแล้วครับ  มันเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหม  เรานัดกันเสร็จก็วางสายจากกันไปปกติ  ถ้าผมไม่ได้รับข้อความจากไอซ์หลังจากนั้น

ICE :  ขอบคุณที่ทำให้ความฝันผมเป็นจริงนะคุณ

ICE : แล้วเจอกันครับ

แล้วเจอกันครับ

แล้วเจอกันครับหรอ

เฮ้อ  ไอซ์กำลังทำผมใจเต้นอีกแล้วครับ  ใจเต้นแค่กับประโยคธรรมดาๆ  ของเขานี่แหละ  หรือว่าก่อนกลับผมจะแวะไปหาหมอหัวใจก่อนดี  รู้สึกว่ามันจะทำงานหนักมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว






#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

วันนี้ไอซ์ดูจะแปลกตาไปสักหน่อยสำหรับผม  เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นไอซ์ในชุดทำงาน  เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพอดีตัวที่ถึงแม้ตอนนี้แขนเสื้อจะถูกพับขึ้นมาจนเกือบถึงข้อศอก  แต่ชายเสื้อก็ยังคงอยู่ในกางเกงสีน้ำเงินเข้มเรียบร้อย   ดูจากรอยยับของเสื้อที่ใส่จากด้านหลังแล้ว  ถ้าจะให้เต็มจริงๆ  ก็คงจะต้องมีสูทสวมทับด้วยใช่ไหม  แต่งตัวเรียบร้อยซะจนผมต้องก้มมองชุดที่ตัวเองใส่มาเลยทีเดียว  เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เน่าๆ  ของผมกับชุดของไอซ์ตอนนี้  ดูไม่น่ามาด้วยกันได้เลยจริงๆ

“ดูเรื่องอะไรดีคุณ”  ไอซ์ถามขึ้นขณะที่เราทั้งสองยืนอยู่หน้าป้ายแสดงรอบหนังที่กำลังเข้าฉายอยู่

“คุณเลือกเลย  แต่ไม่เอาหนังผีนะ”     

“งั้นเอาเรื่องนี้  หรือไม่ก็อันนี้”

ไอซ์หัวเราะ  ก่อนจะชี้ไปที่โปสเตอร์หนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง  และโปสเตอร์อีกเรื่องที่ไม่รู้ว่าเป็นแนวไหนที่อยู่ข้างๆ  กัน  แต่แค่เห็นโปสเตอร์มันก็ไม่น่าดูแล้วครับ  โทนสีขาว  สีดำ  แล้วก็สีแดงแบบนี้  อารมณ์ของภาพหลอนๆ  แบบนี้  ถึงจะไม่มีอะไรที่ชี้ได้แน่ๆ  ว่าเป็นหนังผี  แต่ผมก็ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า  ผมไม่ใช่คนกลัวผีนะครับ  ให้ไปไหนหรือทำอะไรดึกๆ  คนเดียวก็ได้หมดไม่มีปัญหา  แต่ผมแค่ไม่ชอบให้ตัวเองตกใจตอนที่มีอะไรต่อมิอะไรโผล่มาในหนังก็แค่นั้น  หนังผีเลยเป็นอย่างสุดท้ายที่ผมจะเลือกดู

“ก็บอกว่าไม่เอาหนังผีไงคุณ  นี่จะแกล้งกันหรอ”

“ก็คุณดูสิ  มันมีแต่หนังรัก  คุณจะเข้าไปนั่งดูหนังรักกับผมงั้นหรอ”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คุณ  กลัวเขินรึไงดูหนังรักกับผม”

“ใครจะไปเขินกัน  คุณนั่นแหละ  ถ้าหนังมันน่าเบื่ออย่าหลับในโรงก็แล้วกัน”

“ในฝันของคุณ  ผมหลับหรองั้นหรอ”  ไอซ์พยักหน้า  “ผมจะตั้งใจดูให้สุดๆ  ไปเลยครับ  จะไม่หลับแน่นอน”  อุตส่าห์ได้มาดูหนังที่โรงในรอบ 4 ปีทั้งที  หลับก็แย่แล้ว



ตอนนี้ผมกับไอซ์กำลังเดินเข้ามาในโรงหนังกันแล้วครับ  อาจจะเป็นเพราะหนังที่ไอซ์เลือกเป็นหนังรักที่เพิ่งเข้ารึป่าว  เลยทำให้คนเข้ามาดูเยอะ  และเพื่อนดูหนังของผมในวันนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคู่รักกันทั้งนั้น  ผมพอจะเข้าใจคำถามของไอซ์แล้วแหละครับ  เรื่องที่ไอซ์ถามว่าจะเข้ามาดูหนังหนังรักกับเขาหรอ  ก็เพราะตอนนี้สายตาของคู่รักหลายคู่ที่ผมกับไอซ์เดินผ่าน  ถูกดึงมารวมกันไว้ที่เราสองคนนี่แหละครับ  ตอนแรกก็ไปแซวไอซ์ว่าเขาจะเขิน  แต่เหมือนตอนนี้จะเป็นผมที่เขินเองซะแล้วสิแฮะ

น้ำอัดลม  2  แก้วถูกวางประจำตำแหน่ง  ส่วนป๊อปคอร์นถังใหญ่ที่ซื้อเข้ามาพร้อมกันนั้น  ตอนนี้มันตั้งอยู่บนตักของผมเองครับ  ยังไม่ทันที่หนังจะเริ่มฉาย  ป๊อปคอร์นก็หมดไปแล้วเกือบครึ่งโดยฝีมือของผมเอง  ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้ว  ว่าผมไม่ค่อยได้ตามหนังใหม่เท่าไหร่  ป๊อปคอร์นตรงหน้าเลยน่าสนใจกว่าหนังตัวอย่างที่กำลังฉายโปรโมทอยู่  พอหันไปมองคนข้างๆ  ก็ดูจะใจจดใจจ่อกับตัวอย่างหนังเสียเหลือเกิน  ผมเลยแกล้งหยิบเอาป๊อปคอร์นหนึงเม็ดไปชูไว้ข้างหน้าไอซ์ในระดับสายตา  หวังแค่จะบังไม่ให้เห็นภาพบนจอข้างหน้า  แต่ไม่คิดว่าจะโดนคว้าเอามือเข้าไปใกล้ๆ  แล้วงับเอาป๊อปคอร์นชิ้นนั้นเข้าปาก

เดี๋ยวนะ  ไอ้สัมผัสนุ่มๆ  ที่นิ้วมือผมนั่นมัน  สัมผัสของริมฝีปากไม่ใช่หรอ  แล้วมือผม  แล้วปากไอซ์  แล้วเดี๋ยวก่อนนะ  ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วย

แต่ก็ดูเหมือนจะมีแค่ผมเท่านั้นแหละครับ  ที่ตื่นเต้นตกใจไปกับสัมผัสเมื่อครู่  เพราะพอไอซ์งับเอาป๊อปคอร์นเข้าปากไปแล้ว  เขาก็ปล่อยมือผมออก  ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ตาก็ยังคงจ้องอยู่ที่จอข้างหน้าเหมือนเดิม  ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจผมสักนิด  ว่าตอนนี้ใจผมเนี่ยมันย้วยไปไหนต่อไหนหมดแล้ว 



มารู้สึกตัวอีกทีว่าตัวเองเอาแต่มองเหม่อลงไปในถังป๊อปคอร์น  ก็ตอนที่ไอซ์ยืนสะกิดที่แขนตอนเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น  ผมเลยรีบลุกขึ้นยืนตาม  พอได้นั่ง  ไอซ์ก็เอื้อมมือมาจะหยิบเอาป๊อปคอร์นไปกินบ้าง  เขาทำหน้าตกใจเพราะเห็นว่าป๊อปคอร์นในถังขนาดใหญ่มันหายไปมากกว่าครึ่ง  ก่อนจะเอี้ยวตัวมากระซิบที่ข้างหูผม

“นี่คุณหิวหรอ”  ตอนแรกก็คงใช่ครับ  แต่ถ้าเป็นตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ  นอกจากหอม  กลิ่นน้ำหอมของไอซ์ลอยชัดเข้ามาปะทะกับจมูก  หอมชัดกว่าตอนที่แค่นั่งข้างกันเฉยๆ  อีก  ผมก็เข้าใจนะครับว่าคุยกันในโรงหนังมันรบกวนคนอื่นเขา  ไอซ์เลยต้องกระซิบ  จากที่นั่งใกล้กันมากอยู่แล้ว  ก็ยิ่งใกล้กันมากขึ้นไปอีก  ใกล้จนผมคิดว่าบางทีมันก็ใกล้เกินไปด้วยซ้ำ  “ไว้ขากลับแวะไปกินข้าวร้านป้าคนนั้นกันนะ  ผมอยากกิน”

ครับ

ยอมหมดแล้วครับตอนนี้ 

จะให้พาไปกินที่ไหนก็พาไปหมดแหละครับ  แต่ช่วยขยับ​ออกไปก่อนได้ไหมล่ะคุณ

บอกตามตรงเลยครับว่าตอนนี้หนังไม่ได้เข้าหัวผมเลยสักนิด  เพราะตอนนี้ตาผมใกล้จะปิดเต็มทีแล้ว  ลืมไปซะสนิทว่าเมื่อคืนตัวเองแทบจะไม่ได้นอน  อยู่จนถึงตอนนี้ได้ก็เก่งแค่ไหนแล้ว  นี่ถ้าเชื่อไอซ์ไปดูหนังผีกันซะตั้งแต่แรก  ผมว่ามันคงไม่ง่วงขนาดนี้นี้  ป๊อปคอร์นก็ไม่มีให้เคี้ยวแล้ว  จะดูดแต่น้ำก็กลัวจะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ  กลายเป็นรบกวนคนอื่นไปอีก  ผมเลยตัดสินใจเลิกฝืนตัวเอง  ปล่อยให้หนังตาค่อยๆ  ปิดลงช้าๆ  จนหลับไปในที่สุด





รู้สึกตัวเอาก็ตอนที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ  ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วขยับมาโดนขาผม  ผมค่อยๆ  ลืมตาขึ้น  แล้วหยัดตัวให้ตั้งตรง  ก่อนจะหันไปมองรอบๆ  เห็นคนอื่นเริ่มทยอยลุกออกจากที่นั่งกันแล้ว  ตอนนี้หนังคงจบไปแล้ว  หันกลับมาอีกทีก็เห็นไอซ์ยกมือของเขาเองชูขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว  ผมว่ามันแปลกๆ  ครับ  ทำไมมือไอซ์ถึงมืออีกมือนึงกุมอยู่ด้วยกัน  แล้วมือนั่นก็เหมือนกับ

“เฮ้ย!  โทษทีคุณ  ไม่รู้มันไปจับไว้ได้ไง”  ผมรีบปล่อยมือตัวเองออกจากมือไอซ์ทันที

“ไปคุณ  หิวแล้ว”  ไอซ์​ไปแล้วครับ  เดินหนีผมไปโน่นแล้ว  ไม่หันกลับมาดูผมด้วยนะว่าตามเขาไปรึป่าว  ไอซ์ไม่ได้โกรธที่ผมจับมือเขาหรอกครับ  ผมว่าเขาก็แค่...เขิน



“หนังสนุกไหมคุณ”  ผมถามไอซ์ขณะที่เรากำลังเดินกลับไปที่รถ 

“หึ  ไหนล่ะครับจะตั้งใจดู  หลับตั้งแต่หนังฉายยังไม่ครบชั่วโมง  เหมือนมาดูหนังคนเดียวเลยผม”

“ก็ผมง่วงอ่ะ  เมื่อคืนผมไม่ได้นอนเพราะคุณกวนผมไง  คุณจำไม่ได้หรอ”

“ผมปวดไหล่ไปหมดแล้วเนี่ย  ตัวคุณก็อย่างหนัก  ไหนจะละเมอจับโน่นจับนี่อีก  คุณแก้แค้นผมหรอ”

“นี่อย่าบอกนะว่าผมหลับแล้วเอนไปพิงไหล่คุณ”

“ก็ใช่สิครับ”

“แล้วผมก็ละเมอไปจับมือคุณไว้ด้วยอีก”  ไอซ์ไม่ตอบครับ  แถมยังหันหน้าหนีผมไปอีกทางด้วย  แต่ไอซ์คงไม่รู้ตัวใช่ไหมว่าตอนนี้หูเขาแดงมาก  คุณครับแบบนี้ผมก็จะเขินตามด้วยน่ะสิ​ครับ  “แล้ว...มือผมนุ่มไหมคุณ”

“ไม่รู้ครับไม่ได้สังเกต”

“แล้วคุณเคยสังเกตไหม​  ว่าเวลาคุณเขินแล้วหูคุณแดงมากอ่ะ”  ไอซ์รีบเอามือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้  แล้วหันมาทำหน้าดุใส่ผมทันที  “แต่มือคุณนุ่มนะ  เนี่ย  หอมด้วย  ยังได้กลิ่นอยู่เลย”

“คุณเอามือออกไป”  ไอซ์ปัดมือผมที่ยื่นไปให้เขาดมกลิ่นหอมที่ยังคงติดอยู่ที่มือออก

“ทำไมล่ะคุณ  ลองดมดูสิ  เนี่ย  ห๊อม  หอม”

“คุณ!”  ผมโดนไอซ์ดุครับ  “ผมไม่เล่นนะ”  ไม่ได้เล่นแล้วครับ  โดนดุจริงๆ อันนี้

“ขอโทษ  ผมแหย่แรงไปหรอ  คุณคุยกันก่อน”  ผมยื่นมือไปคว้าแขนไอซ์ไว้เพื่อให้หยุดเดิน  "ผมขอโทษ"

“ผมแค่...โอ้ย”

จู่ๆ​ ไอซ์ก็เซถลาเขามาหาผมทั้งตัวเพราะแรงชนจากด้านหลัง​  ผมเลยต้องรีบคว้าตัวไอซ์มากอดเอาไว้แน่น​  เพราะกลัวว่าเขาจะล้มลงไปกองที่พื้น  แต่ด้วยความสูงที่ไม่ห่างกัน  เลยทำให้ปลายจมูกของผมดันไปสัมผัสกับกลุ่มผมของไอซ์ช่วงขมับเข้าพอดี

“พี่!  ขอโทษนะคะ  พวกหนูไม่ได้ตั้งใจค่ะ”

เงยหน้าขึ้นมาก็เจอน้องนักศึกษาหญิงสองคนยกมือขึ้นไหว้ขอโทษกันยกใหญ่  จริงๆ  ผมเองก็ผิดที่ดึงให้ไอซ์หยุดกระทันหัน  ผมเลยบอกปัดไปว่าไม่เป็นอะไร  แถมยิ้มให้น้องเขาไปอีกหนึ่งที  น้องทั้งสองมองมาที่ผมกับไอซ์ก่อนจะหันกลับไปมองหน้ากัน​  แล้วค่อยหันกลับมาส่งรอยยิ้มกรุ่มกริ่มให้ผม  ก่อนจะกล่าวขอโทษอีกครั้งและรั้งมือพากันวิ่งหายไป

“ปล่อยได้แล้วคุณ”

พอคนในอ้อมแขนร้องประท้วงผมก็รีบอ้าแขนทั้งสองข้างของตัวเองออกจากไอซ์ทันที  ก็ว่าแล้ว  ว่าทำไมน้องผู้หญิงสองคนนั้นมองมาที่เราแล้วก็ยิ้มแบบนั้น  ไอซ์ผละออกจากตัวผมไป  ท่าทางเขาเองก็ดูเหมือนกับทำอะไรต่อไม่ถูกเหมือนกัน  เรายืนมองหน้ากันอยู่แบบนี้อยู่หลายอึดใจ  จนผมต้องหาอะไรมาพูดเพื่อทำลายความอึดอัดนี้

“ไม่ใช่แค่มือนะคุณ  หัวก็หอมแหะ” คราวนี้ไม่แดงแค่หูแล้วครับ แก้มขาวๆ ของไอซ์ก็เริ่มขึ้นสีด้วย​  “อ้าวคุณ  เดินหนีเลยหรอ  เดี๋ยวสิคุณ  เดินหนีไปก็ไปเจอกันที่รถอยู่ดีนะคุณ  ไอซ์”

ไอซ์ชะงักฝีเท้าทันทีหลังจากได้ยินผมเรียกชื่อเขา  ทำเอาผมที่รีบเดินตามมาเกือบจะชนเขาซ้ำอีกรอบ  ผมไม่เห็นหน้าไอซ์เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่  นี่คงไม่ได้โกรธผมจนไม่อยากจะคุยไปแล้วใช่ไหม  ผมรอดูท่าทีว่าไอซ์จะทำยังไง  แต่แล้วไอซ์ก็เลือกก้าวเท้าเดินหนีผมไปอีก 





เหมือนงานจะเข้าผมแล้วครับตอนนี้

ตอนนี้ผมกับไอซ์เรามานั่งกันอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่งร้านเดิม  แต่ตั้งแต่ที่เราออกมาจากจุดเกิดเหตุนั้น  จนขึ้นรถมา  จนมาถึงร้าน  และจนมานั่งรอข้าวอยู่ตอนนี้  มีเพียงแค่ผมคนเดียวยังพยายามชวนไอซ์คุยไม่หยุด  และไอซ์ก็ยังไม่ยอมพูดกับผมเลยสักคำ  จะมีก็แค่ชำเลืองตามามองผมบ้าง  แต่แล้วก็หลบสายตาไป  ในหัวผมนี่คิดไปต่างๆ นานาแล้วครับ  หรือว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน  สงสัยผมคงจะทำตัวสนิทกับไอซ์มากเกินไปหน่อย  และสงสัยว่าผมจะสนิทกับเขาอยู่แค่คนเดียวด้วย  เลยทำให้เขาโกรธผมขนาดนี้

“คุณ  จะไม่คุยกันจริงๆ  หรอ  เนี่ย  โกรธกันเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อยนะ”  ไอซ์เงยหน้ามามองหน้าผมแว็บนึงแล้วก็ก้มลงไปอ่านข้อความในโทรศัพท์ของเขาต่อ  “คุณ  มาดีกันเร็ว”

แต่ถ้าคนโกรธกันจริงๆ  ก็คงไม่มานั่งทนรอกินข้าวด้วยกันหรอกจริงไหมครับ  อีกอย่างหูไอซ์ยังคงมีสีแดงระเรื่ออยู่  แต่ว่าหน้าไอซ์ตอนนี้ก็ไม่ได้ดูเขินอะไร  หรือว่าหูแดงจะไม่ได้แปลว่าเขิน  นี่ใจคอจะนั่งเงียบๆ   กันแบบนี้จริงหรอเนี่ยคุณไอซ์

“คุณ  ไม่คุยกันมาตั้งนานแล้วนะ  หายโกรธผมเถอะ”

“ผมไม่ได้โกรธ”  โห​  ในที่สุดไอซ์ก็ตอบผมแล้วครับ

“ไม่ได้โกรธแล้วทำไมไม่ตอบผมล่ะคุณ  หน้าก็ไม่มองด้วย  ผมใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย  ผมขอโทษ  ผมนึกว่าเราสนิทกันแล้ว  ก็เลยเล่นกับคุณมากไปหน่อย  ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้นะคุณ  แล้วก็”

“ผมเขิน​”  ห๊ะ

“เขิน”

“ครับ  ผมเขินคุณ”  ไอซ์มองหน้าผม  ก่อนจะยกทั้งสองมือขึ้นมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้

“โถคุณ  ทำไมน่ารัก”

“อย่าพูดนะคุณ”

“คุณรู้หรอว่าผมจะพูดอะไร”

“ไม่​  ไม่รู้ครับ  แต่ห้ามพูดนะ  ไม่งั้น..”

“ไม่งั้น”

“ไม่งั้นผมจะเดินกลับเลยจริงๆ​  ด้วย”

“โอเค  ไม่พูดก็ไม่พูด  แต่ว่าเราดีกันแล้วใช่ไหมคุณ  คุณอย่าเล่นแบบนี้บ่อยๆ  นะ  ผมจะตายเอา”

"คุณก็อย่าทำให้ผมเขินบ่อยๆ​  สิ  ห้ามพูดอะไรอีกนะ  นั่งเงียบๆ ไปเลยคุณน่ะ”

ผมเห็นไอซ์ถอนหายใจ  แล้วก็เอามือจับที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองด้วยครับ  ผมเลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับท่าทางของไอซ์  คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแล้วแหละที่หัวใจทำงานหนัก​  คนตรงหน้าผมเองก็คงจะมีอาการคล้ายๆ​  กัน​

ตอนนี้ไอซ์ก้มลงไปสนใจโทรศัพท์อีกแล้วครับ  พยายามหลบหน้ากันสุดๆ  นี่เขากลัวว่าผมจะพูดอะไรกัน  แล้วผมในตอนนี้อยากบอกอะไรกับไอซ์งั้นหรอ  ผมอยากบอกว่าเขาน่ารัก​  อยากบอกว่าดีใจที่ได้เจอเขา​  อยากขอบคุณ​ที่เขายอมให้ผมเข้ามาในชีวิต​  แต่ที่ผมอยากจะบอกเขามากที่สุดในตอนนี้​  คงจะมีแค่เรื่องเดียว

Graph :  คุณฝันเห็นแล้วสินะ

ข้อความของผมขึ้นว่าไอซ์เปิดอ่านแล้วครับ  แล้วผมก็ยังเห็นว่าไอซ์เปิดหน้าแชทของผมค้างอยู่ด้วย

Graph :  แต่ผมก็เก็บเอาไว้ไม่ได้หรอก

Graph :  ผมว่า

ไอซ์ยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอนิ่ง คงจะกำลังรอข้อความต่อไปจากผมอยู่

“ผมชอบคุณ”  หลังจากจบประโยค  ไอซ์ก็เงยหน้าขึ้นมองผมทันที 

“คนบ้า  ก็บอกแล้วไงว่าอย่าพูด” 

"แต่ว่าผมอยาก"

"คุณ!"

ไอซ์ลุกขึ้นยืนเตรียมจะก้าวเท้าหนี  หน้างี้ขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด  ผมรีบเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของไอซ์เอาไว้  แล้วใช้อีกมือปิดปากตัวเองทันที  ไอซ์มองหน้าผมก่อนจะหลบสายตาไป  แต่เขาก็ยอมกลับมานั่งลงที่เดิมแต่โดยดี

Graph :  ไม่ให้พูดงั้นผมพิมพ์

Graph :  ผมชอบคุณ

ICE :  รู้แล้วครับ

ICE :  รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแลัว

Graph :  ตอนนี้หน้าคุณแดงมากอ่ะ

ICE :  คุณ

Graph :  โอเค  เปลี่ยนเรื่องเนาะ

ICE :  ดีมาก

Graph :  ถ้างั้นเป็น

Graph :  ผมขอจีบคุณได้ไหมครับ

ข้อความของผมขึ้นว่าอ่านแล้วครับ  แต่ไอซ์ไม่ยอมตอบกลับมา  ตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอนิ่ง  นิ่งซะจนผมร้อนใจทนรอต่อไปอีกไม่ไหว​  เลยต้องเอ่ยปากถามไป  ทั้งที่ไอซ์กำชับว่าไม่ให้ผมพูด  ตอนนี้จะโกรธก็ไม่เป็นไรแล้วครับ  เดี๋ยวค่อยไปง้อเอาก็ได้

“อย่าเงียบสิคุณ  ตื่นเต้นจะแย่แล้วนะ”

“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้นี่ครับ”

ไม่ได้บอกว่าไม่ได้  ถ้าจะพูดง่ายๆ  ก็คือ ได้ ใช่ไหม  เขาให้ผมจีบแล้วใช่ไหม   บ้าอ่ะ  มันบ้ามากเลยด้วย  นี่คือความฝันของไอซ์เมื่อคืนหรอ  เค้ารู้ทุกอย่างว่าผมจะพูดอะไร  จะทำอะไร  แล้วคือเขาก็เขินรอผมไปก่อนแล้วอย่างนี้น่ะหรอ  ที่ไม่คุยกับผมก็เพราะเขินผมอย่างนี้น่ะหรอ  ผมว่าไอซ์จะน่ารักเกินไปแล้วแหละครับ   น่ารักเกินไปมากจริงๆ





#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
5  พฤศจิกายน



เช้านี้ผมตื่นมาแบบมีความสุขที่สุดครับ  ใจผมนี่อยากจะโทรไปเล่าให้ไอซ์ฟังตั้งแต่ลืมตาตื่นเลยด้วยซ้ำ​  ว่าผมฝันดีขนาดไหน  แต่ตอนนี้ดันทำได้แค่รอให้สายกว่านี้อีกนิด  เพราะไอ้ผมดันตื่นมาตั้งแต่ตี​  5  นี่แหละ  เมื่อคืนก็ใช่ว่าจะเข้านอนเร็วอะไรเลยนะ  กว่าจะแยกกับไอซ์​  กว่าจะอาบน้ำเสร็จ​  แล้วก็กว่าจะมัวคิดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งจะสารภาพว่าชอบไอซ์​ไปอีก​  นอนดึกขนาดนั้นแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบตื่นขึ้นมาทำไม 



เมื่อเห็นว่านอนต่อไม่ได้แล้วแน่ๆ  ผมเลยลุกไปอาบน้ำแต่งตัว  พยายามทำทุกอย่างแบบอ้อยอิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้  แล้วก็ขับรถออกมาออฟฟิศ 

แต่ดูเหมือนผมจะมาเช้าไป  เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครมาถึงออฟฟิศเลยสักคน  แม้แต่ป้าแม่บ้านที่ปกติมาทำงานเช้าที่สุดก็ยังมาไม่ถึง   

ผมว่าผมไม่ไหวแล้วครับ  อารมณ์มันแบบ  อยากเล่าให้ใครสักคนฟังใจจะขาด  อยากอวดให้โลกได้รู้ว่าผมฝันว่าได้เป็นแฟนกับไอซ์​  ถึงแม้มันจะเป็นแค่ความฝันก็เถอะ  พลิกข้อมือดูนาฬิกาอีกทีก็เพิ่ง  7  โมงครึ่ง  ไอซ์น่าจะตื่นแล้ว  เพราะตอนที่ไอซ์มาค้างห้องผม  เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน  7  โมง  แต่ว่าเขาจะว่างรับสายรึป่าว  ไอซ์อาจจะกำลังเตรียมตัวไปทำงานอยู่  คิดไปคิดมาผมเลยทำได้แค่ส่งข้อความไปหาแล้วก็รอเวลาให้เขาตอบกลับ

ผมไม่ได้ออกจากหน้าแชทที่กดส่งข้อความไปหาไอซ์  ยังคงรอให้ไอซ์อ่านข้อความอย่างใจจดใจจ่อ  คอยเอานิ้วสัมผัสที่หน้าจอเป็นระยะ  เพราะกลัวว่าหน้าจอจะดับแล้วล๊อก​ไป  แต่​ระหว่างที่จ้องหน้าจอรอความเคลื่อนไหวของอีกฝั่งอยู่นั้น  เสียงเคาะกระจกรถฝั่งที่ผมนั่งอยู่ก็ดังขึ้นอย่างแรง  เล่นเอาผมสะดุ้ง  พอหันไปมองก็ไม่ใช่ใครครับ  ไอ้แจงเอง  ผมกดลดกระจกลง  แต่ยังไม่ทันถึงครึ่ง  แจงมันก็ส่งเสียงเข้ามาทักทายผมก่อน

“พี่กราฟ  อาการหนักขนาดนี้แล้วหรอ”  อาการหนักอะไรของมัน  “เดี๋ยวนี้มาออฟฟิศบ่อยจัง  อยู่คนเดียวแล้วเหงาใช่ไหม  วัยทองแล้วสินะ”

“เออ  กูเหงา  อยู่คอนโดไม่มีเพื่อนคุย”  ผมพูดประชดไอ้แจงออกไป​

“พี่กราฟ  ต้องไม่ใช่แบบนี้ดิ” เอ้า  ไม่ใช่อะไรอีก  แล้วทำไมมันต้องปากสั่น  “ปกติพี่ต้องด่าแจงแล้วอ่ะ”  ผมเห็นตามันเริ่มแดง​  เริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาแล้วด้วย  เดี๋ยวก่อนแจง  นี่มึงเป็นอะไรเนี่ย

“แจง  นี่มึงร้องไห้หรอ”  ผมนี่รีบออกมาจากรถทันทีเลยครับ  “เป็นอะไร”

“พี่กราฟไปหาหมอกันนะ  แจงพาไป”  ร้องหนักเลยครับทีนี้  โอ้ย  ผมจะทำยังไงกับมันดี

“กูไม่ได้เป็นอะไรแจง  มึงหยุดร้อง”

“แต่พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้นะ  พี่ไม่ปกติอ่ะ  มีอะไรก็บอกกันดิวะ”

“แจงมึงตั้งใจฟังกูนะ​  กูไม่ได้ป่วย​  กูไม่ได้เป็นอะไรเลย  ที่วันนี้กูมาไวเนี่ยเพราะกูฝันดี”

“ฝันดี”  มันเงยหน้ามามองผมทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด

“เออดิ  ดีมากด้วย”

“เนี่ย  พี่หน้าแดงอ่ะ  อยู่ๆ  ก็หน้าแดง  เป็นไข้รึป่าว”

ก็จะไม่ให้น่าแดงได้ยังไงกันครับ  ก็ผมดันไปนึกถึงหน้าไอซ์ในฝันเมื่อคืนซะได้  เห็นเขาเขิน  ไอ้ผมก็ดันเขินตามไปด้วยอีก  ผมว่าไอซ์น่ารักเกินไป  แต่ยังไม่ทันที่จะได้แก้ตัวอะไรกับไอ้แจงออกไป  เสียงไอ้ปอนด์ก็ดังแทรกเข้ามาซะก่อน

“ไอ้กราฟ  มึงแกล้งอะไรแจงซะร้องไห้เลยวะ”

“มาพอดีเลยมึง  มึงมาช่วยกูหน่อย  บอกมันสิว่ากูไม่ได้เป็นอะไร  แม่งกลัวแต่กูจะตาย”

“แล้วทำไมมึงมาออฟฟิศแต่เช้า”

“ใช่  มาทำไมแต่เช้า”  ไอ้แจงปาดน้ำตาพร้อมกับหันมาเค้นเอาคำตอบจากผม

“ก็กูฝัน”

“นี่มึงฝันร้ายอีกแล้วหรอ”

“ไม่อ่ะ  ช่วงนี้กูฝันดีแล้ว”  นึกถึงความฝันผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ 

“คนใกล้ตายที่ไหนจะยิ้มหน้าบานขนาดนี้  ดูแล้วท่าจะตายยากด้วย  มึงหยุดสะอื้นได้แล้วแจง  ห่วงอะไรมันนักหนา  หน้าเละหมดแล้ว  ไปเข้าข้างในกัน  พวกมึงมายืนคุยกันข้างนอกให้​ร้อนเล่นกันทำไมเนี่ย  ไป  ไปเข้าออฟฟิศ​”



ดีที่ไอ้ปอนด์มาไกล่เกลี่ยเรื่องไอ้แจงได้  ไม่งั้นผมคงต้องได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับมันแน่ๆ  เข้ามาในออฟฟิศได้  ผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าข้อความที่ผมส่งไปก่อนหน้านี้ว่ามันถูกเปิดอ่านรึยัง  แต่แล้วก็ยังครับ  ไม่มีการตอบกลับใดใด​  ไม่มีแม้แต่การเปิดอ่านข้อความของผมด้วย  สงสัยคงจะยุ่งละมั้ง  ไม่เป็นไร  รออีกหน่อยแล้วกัน

แล้วตอนนี้ผมก็นั่งมองโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างหน้ามาชั่วโมงกว่าแล้วครับ  ไอซ์ก็ยังไม่ยอมเปิดอ่านข้อความของผมสักที  ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะหลบหน้าผมหรอ  หรือว่าเขามาหลอกให้ผมชอบแล้วก็หนีผมไปหรอกนะ  แล้วก็เป็นผมเองที่ร้อนใจจนทนไม่ไหว  เลยต้องกดส่งข้อความไปหาไอซ์อีกรอบ  คราวนี้ผมแกล้งตัดพ้อเรื่องที่เขาใจร้ายไม่อ่านข้อความของผมเลย  แล้วยังแกล้งขู่ไปด้วยว่า  ถ้ายังไม่ยอมเปิดอ่าน  ผมจะไปหาเขาถึงที่เลย

ICE :  คุณรู้หรอว่าผมอยู่ไหน

มันได้ผลครับ  ไอซ์ตอบข้อความกลับมาแล้ว  และผมก็ไม่รอช้าที่จะกดโทรกลับไปหาเขาในทันที

“คุณ  ผมรอคุณมาตั้งแต่ตี  5  แล้วนะ”  ผมส่งน้ำเสียงที่แสดงความน้อยใจขั้นสุดออกไป

“ตี  5  อะไรกัน  คุณเพิ่งจะทักมาเมื่อชั่วโมงก่อนนี่เองนะ”

“เนี่ย  เห็นตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมตอบ  เตรียมสตาร์ทรถแล้วนะผมอ่ะ”

“ทำเหมือนรู้ว่าผมอยู่ไหน”

“ก็ไม่รู้หรอกครับ  แต่ถ้าคุณบอก  ผมจะรีบไปหาคุณทันทีเลยนะ”

“ไม่อยากเจอครับ”  ผมยิ้มให้กับคำพูดของไอซ์  ถึงจะหมายความว่าแบบนั้น  แต่น้ำเสียงไม่ได้แสดงออกว่าไม่อยากเจอผมเลยสักนิด

“อย่าพูดทำร้ายจิตใจผมขนาดนั้นสิคุณ  ให้ผมรอได้ตั้งนาน  แค่นี้ผมก็คิดถึงจะแย่แล้วนะ”

“เวอร์แล้วคุณ  คิดถึงอะไรกัน  พูดไปเรื่อย”

“จริงนะคุณ  เรื่องตี  5  ก็ด้วย  ผมตื่นมาแล้วก็อยากจะโทรหาคุณเลย  อยากเล่าให้คุณฟังว่าผมฝันอะไร  แต่กลัวโทรไปกวนคุณ  เมื่อคืนนี้คุณฝันถึงผมไหม”

“ฝันครับ”

“นี่คุณคิดถึงผมขนาดเก็บเอาไปฝันเลยหรอ  ดีใจจัง”

“ขนาดไม่ได้คิดถึงก็ยังฝันเลยครับ  หลอนจะแย่แล้ว”  ผมหัวเราะเบาๆ  ออกไป  “แล้วสรุปคุณฝันอะไรครับ  ถ้าไม่เล่าผมจะวางแล้วนะ”

“เล่าๆ  เล่าสิคุณทำไมใจร้อนละครับ  เมื่อคืนนี้ผมฝันว่า…เดี๋ยวก่อนนะ   เรามาตกลงกันก่อน  คุณฟังแล้วห้ามเขินผมแล้ววางสายไปเลยนะ  สัญญากับผมก่อน”

“ไม่สัญญาครับ”

“เอ้า  คุณ”

“คุณรู้ได้ไงครับว่าผมจะเขิน  ก็แค่ความฝันของคุณเอง”

นั่งสิครับ  ก็แค่ความฝันของผมเอง  ฝันที่ไม่เคยเป็นจริง  ทำไมเจ็บขึ้นมานิดๆ  ซะแล้ว  ผมเล่าเรื่องความฝันของผมทั้งหมดเมื่อคืนแบบละเอียดยิบให้ไอซ์ฟัง  เล่ายันดีเทลเสื้อผ้า  หน้าผม  สถานที่  แม้กระทั้งทุกคำพูด  ผมไม่เคยอยากเล่าความฝันของตัวเองให้ใครฟังแบบนี้มาก่อนเลยครับ  นี่แค่นึกถึงเรื่องในฝันหัวใจผมยังเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ  แล้วถ้าวันไหนผมกับไอซ์ได้เป็นแฟนกันขึ้นมาจริงๆ  ละก็  ใจผมต้องเต้นแรงแค่ไหนกัน  ไม่อยากจะคิด

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมอยากให้ฝันผมเป็นจริงอ่ะ”

“เสียใจด้วยนะครับที่ฝันคุณไม่เคยเป็นจริงเลย  คราวนี้ก็คงเป็นแบบนั้น”

“ใครจะไปรู้ล่ะคุณ  ทุกฝันของผมไม่ต้องเป็นจริงก็ได้  แต่ฝันคราวนี้แหละผมต้องทำให้เป็นจริงให้ได้  ผมจะจีบคุณให้ติด  คุณไม่รอดแน่  คุณคอยดูเลย”

“คุณ!  ผมจะวางแล้ว”

“เนี่ย  คุณเขิน  แล้วผมจะจีบคุณได้ยังไงอ่ะ  ในเมื่อคุณเขินแล้วก็จะไม่คุยกันตลอดเลย”

“ก็ดูคุณพูดเข้าสิ  ผมยังไม่ชินนะ”

“อ่ะงั้นเปลี่ยนเรื่อง  เล่าเรื่องที่คุณฝันดีกว่า”

“ไม่เล่าครับ”

“เอ้าคุณ  ได้ไงอ่ะ  วันนี้เราจะไปทำอะไรกันบอกหน่อย  หรือว่าในฝันผมทำให้คุณเขินอีกแล้วหรอ”

“ไม่ใช่ครับ  แต่วันนี้ผมอยากให้มันเกิดเพราะคุณทำให้มันเกิด  ไม่ใช่เพราะมันเป็นความฝันของผม”

“คุณ...ทำไมผมตื่นเต้น  แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ  ไม่ใบ้ให้หน่อยหรอครับ”

“ไม่ครับ  แล้วผมก็จะวางแล้วด้วย  ต้องไปทำงานแล้วครับ  พี่นุชเรียกแล้ว”



ลากันอีกไม่กี่ประโยคไอซ์ก็วางสายไปเพราะโดนพี่ที่ชื่อนุชเรียกเป็นครั้งที่สอง  ทิ้งให้ผมนั่งกุมขมับ  สงสัยว่าวันนี้ผมจะไปทำอะไรกับไอซ์  แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก  ในหัวผมตอนนี้โล่งไปหมด  ห่างหายจากเรื่องนี้มาหลายปี  เล่นเอาหัวตื้อไปเลยเหมือนกัน  ไปดูหนังก็ไปดูด้วยกันมาแล้ว  กินข้าวก็ดูจะธรรมดาไป  แล้วคนที่เขาจีบกันนี่เขาต้องทำอะไรกันบ้างล่ะนี่ย  ยากจังแฮะ  นี่ผมคงไม่ถึงกับต้องไปหาข้อมูลวิธีจีบในอินเตอร์เน็ตใช่ไหม 

“ไงมึง  เมื่อเช้ายังยิ้มหน้าบานอยู่เลย  ตอนนี้คิ้วผูกกันเป็นปมแล้ว”

เหมือนเสียงสวรรค์เลยครับ  ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ปอนด์ที่เดินเข้าห้องผมแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง  ถ้าเป็นปกติผมก็คงจะด่ามันไปแล้ว  แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ครับ  ตอนนี้ปอนด์คือเพื่อนที่ดูแล้วน่าจะมีประโยชน์กับผมมากที่สุด  เพราะถึงแม้มันจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขา  แต่ก็มีสาวๆ  ในสต๊อกอยู่เป็นกระบุง  ไอ้ปอนด์นี่แหละครับตัวช่วยชั้นดีของผม

“เพื่อนปอนด์  มาพอดีเลย  นั่งๆ”

“มีอะไรให้กูช่วยรึไง  บอกมาเลย  ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดี”  เป็นไงล่ะเพื่อนผม  แค่นี้ก็รู้แล้วว่าอยากให้ช่วย

“คือกราฟอยากจะถามเพื่อนปอนด์ว่า”

“กราฟ  เอาปกติ  กูไม่ชิน”

“เออ  กูแค่จะถามว่า  ถ้าจะจีบใครสักคนนี่มันต้องทำยังไงวะ”  นิ่งไปเลยครับ  “เอ้า  มึงจะอึ้งทำไมเนี่ย  ตอบมา”

“กูงงกับมึงเนี่ย  มึงเป็นอะไร  ทำเหมือนไม่เคยจีบใคร  เป็นบ้าไปแล้วไง  สงสัยกูต้องพามึงไปหาหมอแบบที่ไอ้แจงมันบอกแล้วมั้ง”

“ปอนด์  กูจริงจัง”

“กูก็จริงจัง  มีแฟนมากี่คนแล้วยังจะถามว่าจีบยังไงอีกบ้าป่าววะ”

“แต่กูไม่เคยมีจีบผู้ชายนะ”

“จะไปยากอะไรวะ  จีบผู้ชายก็…ห๊ะ  เดี๋ยวนะ  ไอ้กราฟมึงอย่าบอกนะ”  หรือว่าไอ้ปอนด์มันจะรู้แล้วครับว่าผมจะจีบไอซ์  นี่มันต้องกำลังคิดคำด่าผมอยู่แน่ๆ  “มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะจีบกู”  เออ  เอาเข้าไป  ผมถึงกับต้องยกมือขึ้นมานวดวนที่ขมับตัวเองแรงๆ  “ไม่ใช่หรอ  งั้นใครวะ  พวกเพื่อนๆ  เราแม่งก็มีเมียกันไปหมดแล้ว  หรือว่า”

“พอ!  มึงไม่ต้องเดาแล้ว  กูจะจีบไอซ์”

“อ๋อ  คุณไอซ์...เฮ้ย  ไม่ได้ดิ  ไอ้กราฟ  คุณไอซ์ของกู  มึงห้ามมายุ่ง”  ผมขอเกลียดการทำหน้าจริงจังของไอ้ปอนด์  ตอนที่บอกว่าไอซ์เป็นของมันได้ไหมครับ  เกินเบอร์ไปมาก

“กูไม่น่าเสียเวลาคุยกับมึงเลยจริงๆ  ไว้เจอกันปอนด์  กูกลับและ”  ผมถอนหายใจก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้องทันที  ขอกลับไปคิดคนเดียวที่คอนโดดีกว่า  ขืนอยู่ต่อ  พอไอ้ปอนด์ออกไป  เดี๋ยวไอ้แจงก็เข้ามาอีกไม่มีสมาธิกันพอดี

“เฮ้ย  ไอ้กราฟ  กลับมาคุยกับกูก่อน  มึงจะจีบคุณไอซ์ไม่ได้นะ  ไอ้กราฟ”



ผมขอถอนคำพูดเรื่องที่บอกว่าไอ้ปอนด์เป็นตัวช่วยชั้นดีแล้วกันนะครับ  เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ  แถมตอนนี้มันยังไม่หยุดส่งข้อความมาขู่ให้ผมเลิกยุ่งกับไอซ์ของมันอีก  ไอซ์ของมันที่ไหน  ไอซ์กำลังจะเป็นของผมต่างหาก   เพราะแบบนี้ผมเลยต้องมาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง  คิดว่าวันนี้ผมต้องไปทำอะไรกับไอซ์อยู่นี่แหละ  แต่เหมือนยิ่งคิดก็ยิ่งมืดแปดด้าน  ผมไม่รู้อะไรเลย  ไลน์ไปหาไอซ์ถามว่ากินข้าวกลางวันรึยัง  แล้วก็บอกให้ไอซ์บอกใบ้ให้ผมหน่อย  แต่ผมก็ได้คำตอบเดิมกลับมา  ว่าให้ผมคิดเอง  นี่ก็จวนจะเย็นอยู่แล้ว  ผมยังนึกอะไรไม่ออกสักอย่าง  สงสัยเรื่องที่ไอซ์ฝันคงจะไม่ใช่วันนี้  แต่ถ้าไอซ์บอกว่าไอซ์ฝัน  ปกติมันก็จะเกิดขึ้นเลยไม่เคยเกิดข้ามวันนี่หน่า  แสดงว่าวันนี้ผมกับไอซ์ต้องไปทำอะไรด้วยกันสักอย่าง  แต่มันคือที่ไหนล่ะ  คิดสิไอ้กราฟคิด

ผมเดินวนเป็นหนูติดจั่น  คิดแต่ว่าจะมีโอกาสเกิดอะไรขึ้นได้บ้างจนเหนื่อย  เลยหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟา  ปล่อยตัวเอนไปตามพนักพิง  แหงนหน้าขึ้นมองเพดานนิ่ง 

เฮ้ย!

ทำไมผมถึงเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้กัน  นี่มันง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีก  ว่าแล้วผมก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาไอซ์ทันที  ผมมั่นใจว่าต้องใช่ที่นี่แน่ๆ  ไม่ผิดแน่นอน  ที่ที่ผมกับไอซ์ไปด้วยกันในฝันของไอซ์

“คุณไปดูดาวกันไหม”

“กว่าจะนึกออก  เกือบจะหมดวันเลยนะครับ”





#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ตอนที่ 10

“คุณรู้ไหมตอนเด็กๆ  ผมมาที่นี่บ่อยมาก”

ผมพูดขึ้นขณะที่เปิดประตูและก้าวลงมาจากรถ  ที่นี่คือสนามเด็กเล่นส่วนกลางของหมู่บ้านเก่าที่ผมเคยอยู่ครับ  ผมอาศัยอยู่ที่นี่จนผมเรียนจบประถม  6  ที่บ้านก็พากันย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังที่ใหญ่กว่าและใกล้บริษัทของพ่อมากกว่า  ปล่อยที่นี่ให้ว่างไปเฉยๆ  แต่ก็ยังจ้างให้คนมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ  วันไหนผมนึกครึ้มอกครึ้มใจก็หนีกลับมานอนค้างที่นี่บ้าง  ซึ่งจากครั้งล่าสุดที่กลับมา  ก็น่าจะผ่านไปเกือบ  3  ปีแล้ว  ที่นี่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะมาก  ไม่ว่าจะเป็นของเล่นสำรับเด็ก  หรือพวกต้นไม้ประดับต่างๆ  จำได้ว่าตอนนั้นพวกของเล่นเด็กไม่ได้เยอะขนาดนี้  ของเล่นบางชิ้นหายไป  แล้วถูกแทนที่ด้วยของที่ใหม่และดูทันสมัยขึ้นกว่าแต่ก่อน  มีเพิ่มโซนเครื่องออกกำลังกายหลากสีสันอยู่อีกมุมนึงของสวน  แถมม้านั่งปูนเปลือยนี่ด้วย  ดูแล้วก็มีเพิ่มมาตั้งหลายตัว  เด็กๆ  แถวนี้คงตื่นเต้นกันน่าดู

แต่ถึงจะมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไป  ก็ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย  นั่นคือที่นี่มองเห็นดาวชัดมาก  เรียกได้ว่าชัดอย่างน่าตกใจ  ห่างจากตัวเมืองแค่  40  กว่านาที  แต่ก็ไกลพอที่จะไม่มีแสงจากตึกสูง ๆ  รบกวน  แล้วคนแถวนี้ก็ปิดไฟเข้านอนกันไวมาก  เพราะส่วนใหญ่ต้องออกไปดูแลสวนในตอนเช้ามืด

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละครับ  ถ้าไม่เคยมาก่อน  ก็คงไม่พาผมมาไกลขนาดนี้ถูก”

ไอซ์เดินตามมานั่งข้างผมที่เก้าอี้ปูนเปลีอยตัวหนึ่งในสนาม  ผมเอนหลังพิงกับพนักพิงที่ยังคงคลายความร้อนออกมาไม่หมด  แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ  ราวกับต้อนรับการมาของผมกับไอซ์  พลันทำให้นึกถึงตอนที่ผมมาที่นี่ครั้งแรกในตอนที่ผมยังเป็นเด็ก  วันนั้นดาวก็สวยเหมือนในวันนี้ไม่มีผิด

“ตอนเด็กๆ  คุณเป็นแบบไหนหรอ”  ผมหันไปถามคนที่กำลังมองสำรวจไปรอบๆ

“ไม่รู้สิครับ  ที่จำได้ก็มีแต่คนบอกว่าน่ารักแล้วก็แก้มนุ่ม  มีแต่คนเข้ามาบีบแก้มผม  แล้วผมก็ไม่ชอบเลยด้วย  มันเจ็บ”

“อืม...โตมาก็ยังน่ารักอยู่นะคุณ  แต่แก้มนี่ไม่แน่ใจว่านุ่มรึป่าว  ยังไม่เคยลองจับ”

“อย่าคิดจะมายุ่งกับแก้มผมเชียวนะคุณ”  ไอซ์ยกมือข้างที่อยู่ฝั่งเดี๋ยวกับผมขึ้นมาปิดแก้มตัวเองเอาไว้  เชื่อแล้วครับว่าไม่ชอบจริงๆ  “แล้วคุณล่ะ  ตอนเด็กๆ  เป็นแบบไหนหรอ”

“ผมหรอ  ก็หล่อมาตั้งแต่เด็กแหละ  ไม่มีอะไรมาก”

“ไม่  น่า  เชื่อ”  ไอซ์ปรายตามามองหน้าผม  แล้วก็หันกลับไป  ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“หลักฐานอยู่บนหน้าชัดขนาดนี้คุณยังไม่เชื่ออีกหรอ”  ผมตั้งข้อศอกลงที่เข่าทั้งสองข้าง  แล้วเสนอหน้าของตัวเองไปให้ไอซ์ดูเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในความหล่อของตัวเอง  ไอซ์เลยทำหน้าเหม็นใส่ความมั่นหน้าของผมหนึ่งที  แล้วก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าบ้าง

“ใช่…ผมเชื่อคนยาก”

“แต่ผมเชื่อคนง่ายนะ”

“คุณเนี่ยนะ”

“ผมเนี่ยแหละ  ถ้าไม่เชื่อคุณลองสั่งให้ผมทำอะไรสักอย่างดูสิ  ผมจะเชื่อคุณทุกอย่างเลย”

“ยิ่งไม่น่าเชื่อไปกันใหญ่  ที่นี่ดาวสวยเนาะคุณ”

ดาววันนี้สวยมากจริงๆ  แต่ก็ขอสารภาพตรงนี้  ว่าผมแทบจะไม่ได้แหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้าเลย  เพราะข้างๆ  ผมมีอะไรที่น่าดูกว่าดาวบนฟ้าตั้งเยอะ  ลองมาคิดดูแล้ว  มันต้องบังเอิญแค่ไหนกันที่ผมดันฝันเห็นไอดีไลน์ของไอซ์  ต้องบังเอิญแค่ไหนกันที่ฝันผมดันเป็นจริง  และต้องบังเอิญแค่ไหนกันถึงทำให้ผมได้มานั่งดูดาวกับคนที่ผมฝันถึงอยู่ตอนนี้

“ผมดีใจนะ  ที่คนที่ผมฝันถึงเป็นคุณ” 

“ผมก็ดีใจเหมือนกันครับ” 

“คุณรู้ไหม  ตอนผมฝันถึงคุณครั้งแรก  ผมร้องไห้เลยนะ”

“คุณยังไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลยนะ  ว่าคุณฝันว่าอะไร”

“ไม่เล่าครับ  ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น  และต่อให้มันจะเกิดขึ้นจริงๆ  ในอนาคต  ผมจะปกป้องคุณเอง”

“เป็นซุปเปอร์ฮีโร่หรอคุณน่ะ”

“ถึงไม่ใช่แต่ผมก็ปกป้องคุณได้นะ  แถมหาเงินเก่งด้วย  เปย์คุณได้ตลอดชีวิตเลย  เป็นแฟนผมรับรองสบาย  เพราะฉะนั้น  รีบใจอ่อนไวไวนะครับ”

“จนกว่าจะถึงตอนนั้น  ก็พยายามเข้านะครับ”

ผมยิ้มให้กับประโยคของคนที่เอาแต่แหงนหน้าขึ้นมองดาวบนฟ้า  จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองบ้าง  ไม่รู้ว่าดาวสวยจนละสายตาไม่ได้  หรือเพราะเขินจนต้องหลบตาผมกันแน่  ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง  ไอซ์ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างจากผมในตอนนี้  จะให้ไอซ์หันมาสบตาผมตอนนี้ผมเองก็คงจะเขินจนต้องหลบตาเขาเหมือนกัน

 

ลมเย็นๆ  ที่พัดโชยมา  หอบเอากลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ  ของคนข้างๆ  มาหาหาผมด้วย  ทุกครั้งที่เจอกันไอซ์จะใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ตลอด  มันไม่ได้เป็นกลิ่นยอดนิยมของผู้ชายทั่วไปแน่  กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น  แต่ก็แฝงไปด้วยความน่าค้นหา  ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคือกลิ่นอะไร  ไม่แน่ใจด้วยว่าถ้าเป็นคนอื่นฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้มายืนใกล้ๆ  จะทำให้ผมรู้สึกว่ามันหอมได้แบบไอซ์รึป่าว

แสงสีเหลืองของดวงดาว  ทำให้ท้องฟ้าที่น่าจะมืดสนิทในเวลากลางคืนของที่นี่  กลับดูสว่างไสวมีชิวิตชีวาขึ้นมาทันที  ถึงจะเป็นท้องฟ้าเดียวกัน  แต่ก็สวยกว่าตอนผมมองจากระเบียงคอนโดของตัวเองเป็นไหนไหน

 “วันนี้เป็นวันของพระจันทร์ผู้ชายสินะ”

นั่นคือคำพูดที่อยู่ๆ  ก็หลุดออกมาจากปากของผม  เพราะดันไปนึกถึงเรื่องที่เคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตเมื่อนานมาแล้ว  แว๊ปเข้ามาในหัว  ทำให้ไอซ์ถึงกับต้องหันมาถาม

“อะไรคือพระจันทร์ผู้ชายครับ”

“คุณไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าของพระจันทร์หรอ...” 

ผมเองก็จำเรื่องที่แน่นอนไม่ได้  เพราะเคยแค่อ่านผ่านตามานานมาก  เลยเล่าให้ไอซ์ฟังไปตามที่ยังพอนึกออก

มีคนบอกเอาไว้ว่า  เมื่อก่อนนี้พระจันทร์สองดวงไม่ใช่แค่ดวงเดียวแบบตอนนี้   พระจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย  ส่วนอีกดวงหนึ่งเป็นผู้หญิง  และพระจันทร์สองดวงนี้ก็เป็นแฟนกัน  ต่อมาพระจันทร์ผู้หญิงดันไปเจอกับดวงอาทิตย์เข้า  เลยเกิดหลงรักแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์  พระจันทร์ผู้หญิงจึงค่อยๆ  เคลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไปเรื่อยๆ  จนหายไป  พระจันทร์ผู้ชายเลยออกตามหาพระจันทร์ผู้หญิง  แต่ตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ  จึงตัดสินใจระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กๆ  เพื่อหวังจะแยกกันออกตามหาพระจันทร์ผู้หญิง  แต่แล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกัน

ต่อมาพระจันทร์ผู้หญิงก็รู้ว่า  พระอาทิตย์ถึงจะมีแสงเจิดจ้าก็จริง  แต่ก็ไม่ได้ส่องแสงนั้นมาที่พระจันทร์ผู้หญิงเพียงคนเดียว  พระจันทร์ผู้หญิงเลยกลับมาหาพระจันทร์ผู้ชาย  แต่ก็ต้องพบว่าพระจันทร์ผู้ชายไม่อยู่แล้ว  เพราะตอนนี้พระจันทร์ผู้ชายได้กลายเป็นดาวดวงเล็กๆ  กระจัดกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า

“...วันไหนที่พระจันทร์ส่องแสงสว่าง  วันนั้นเราก็จะไม่เห็นดาว  แต่ถ้าวันไหนที่เรามองเห็นดวงดาว  วันนั้นก็จะไม่เห็นพระจันทร์  ทั้งคู่เลยไม่ได้เจอกันอีกเลย”

จำได้ว่าตอนที่ผมอ่านเรื่องนี้  ผมรู้สึกประทับใจมาก  ประทับใจในความเป็นพระจันทร์ผู้ชาย  ที่ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งระเบิดตัวเองเพื่อตามหาพระจันทร์ผู้หญิง  ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่า  ถ้าหากคนรักของผมเกิดหายไปแบบพระจันทร์ผู้หญิงบ้าง  ผมจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อออกตามหาแบบพระจันทร์ผู้ชายรึป่าว  ผมเล่าไปก็แหงนหน้าขึ้นมองดาวบนท้องฟ้าไป  เลยไม่ได้สังเกตว่าไอซ์นั่งมองหน้าผมมานานแค่ไหนแล้ว

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคุณ”

“ไม่น่าเชื่อเรื่องที่ผมเล่าหรอ”

“ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะโรแมนติกขนาดนี้”

“ผมก็แค่เคยไปอ่านเจอมาน่ะคุณ” 

“แต่ผมว่า  ที่บอกว่าทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน  ไม่น่าจะใช่นะครับ”  คราวนี้เป็นไอซ์บ้างที่แหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า  “อย่างน้อย  พระจันทร์ทั้งสองดวงก็ได้อยู่ข้างๆ  กัน  ถึงแม้จะมองกันไม่เห็นกันก็เถอะ”

“ก็จริงของคุณ  หรือไม่พระจันทร์ผู้หญิงอาจจะรู้ก็ได้  ว่าดาวคือพระจันทร์ผู้ชาย  เพราะตลอด  30  วัน  จะมีแค่วันเดียวเท่านั้นที่พระจันทร์ส่องแสงสว่างที่สุด  ยังไงก็ต้องได้เจอกันบ้างแหละ  คุณว่าไหม”

“นั่งสิครับ  อย่างวันนี้  เราก็เห็นทั้งดาว  เห็นทั้งพระจันทร์นี่นะ”

พูดจบไอซ์ก็ส่งยิ้มมาให้กับผม  แต่เหมือนกับเขาจะทำไปเพราะลืมตัวมากกว่า  พอนึกขึ้นมาได้ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกรอบทันที

“เลิกคุยเรื่องพระจันทร์แล้วมาคุยเรื่องของเรากันดีกว่าคุณ”

พอได้ยินคำว่าเรื่องของเรา  ไอซ์ก็ตัวตั้งตรง  เปลี่ยนระดับสายตาของตัวเอง  จากที่ดูดาวอยู่  กลายเป็นพุ่งตรงไปที่พื้นข้างหน้าในทันที

“ดึกแล้ว  เรากลับกันไหมครับ”  ไอ้การชวนเปลี่ยนเรื่องนี่ก็อีก  ทำแบบนี้มันก็ยิ่งน่าสงสัยไม่ใช่หรอ

“อะไรกันคุณ  ทำไมรีบกลับ  เพิ่งมาเองนะ  มีอะไรใช่ไหม”  ไม่ตอบครับ  ทำเหมือนกับไม่ได้ยินที่ผมพูด  แถมยังแกล้งหันไปมองรถที่จอดอยู่อีกฝั่งด้วย  “อย่าหันหน้าหนีสิคุณ  ว่าไงครับ  ตกลงมีอะไรใช่ไหม”

“ไม่มี”

“แต่คุณหน้าแดง”

“มึดขนาดนี้คุณรู้ยังไงว่าผมหน้าแดง  มั่วแล้ว”

“ก็มึดขนาดนี้ผมยังเห็นว่าคุณหน้าแดงอ่ะ  ถ้าไม่มึดจะแดงขนาดไหน  เขินอะไรคุณ  จะมาเขินอยู่คนเดียวไม่ได้นะ  บอกผมบ้าง”

“ทำไมวันนี้คุณพูดเยอะจัง  นั่งเงียบๆ  บางก็ได้นะ”  ไอซ์หันมาทำหน้าดุใส่ผม

“เอางั้นหรอคุณ  นั่งเงียบๆ  ใช่ไหม  แล้วทำไรต่ออ่ะ  นั่งเฉยๆ  เนี่ยหรอ  ก็ไม่น่าเขินนะ”  ผมยังคงจ้องหน้าไอซ์เพื่อหาสาเหตุของอาการเขินของเขา

“เงียบแล้วก็แหงนหน้าดูดาวสิคุณ  มามองหน้าผมทำไม  ชวนมาดูดาวไม่ใช่หรอ”

“อ่ะๆ  ดูดาวก็ดูดาว  ผมจะนั่งดูเงียบๆ  เลย  คุณเองก็ห้ามพูดเหมือนกันนะ”

“รู้แล้วน่า”

“จริงนะ”

“จะเงียบได้รึยังคุณน่ะ”

“โอเค  เงียบ”

ผมเงียบจริงๆ  ครับ  ปากนี่เม้มเข้าหากันแน่นแบบที่เรียกว่า  แน่นกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว  แต่มือเจ้ากรรมผมนี่สิ  มันดันเลื่อนเข้าไปหามือเรียวที่วางอยู่ข้างๆ  เองอย่างอัตโนมัติ  สัมผัสแรกที่มือของเราโดนกัน  ไม่ได้เป็นการบังเอิญแต่อย่างไร  แต่เป็นผมที่ตั้งใจจะจับมือไอซ์

ใช่ครับ

ผมตั้งใจเอามือของตัวเองกุมมือของไอซ์เอาไว้  จนอีกคนสะดุ้งและหันมามองหน้าผม

“คุณ!”

“ชู่ว…เงียบสิคุณ  ดาวสวยออก  ดูดาวกันเงียบๆ  เนาะ”  ผมพูดทั้งที่ยังคงแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“คนขี้โกง”

ผมได้แต่ยิ้ม  แล้วมองดาวอยู่เงียบ  เลยไม่ได้เห็นว่าตอนนี้ไอซ์ทำหน้าแบบไหนอยู่  แต่ที่แน่ๆ  ตอนนี้มือของเราสองคน  จากที่ในตอนแรกผมเป็นฝ่ายกุมมือของไอซ์อยู่ฝ่ายเดียว  กลายเป็นทั้งสองมือสอดผสานกันแน่น  แบ่งปันความอุ่นจากมือของกันและกัน  ทั้งที่ไม่มีใครสักคนรู้สึกหนาว 

ก็แปลกดีนะครับ

จับที่มือ  แต่ทำไมมันดันไปรู้สึกยุบยิบยุบยิบที่ตรงหัวใจ





กว่าจะกลับมาถึงคอนโดเวลาก็ผ่านไปจนเที่ยงคืนกว่า  บอกตามตรงว่าผมไม่อยากจะลุกออกมาจากตรงนั้นเลยครับ  ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปเตรียมพรีเซนต์งานตั้งแต่ตอนสายๆ  และไอซ์ก็มีงานสำคัญตอนเช้าแล้วล่ะก็  ผมคงได้ชวนไอซ์นอนค้างที่บ้านสวนแน่ๆ  แต่ก็ไม่เป็นไรครับ  กลับมาแล้วก็ใช่ว่าจะไม่ได้ไปอีกซะเมื่อไหร่  ผมสัญญากับตัวเองไว้ในใจเลยว่า  จะพาไอซ์กลับไปอีกเร็วๆ  นี้แน่

ผมขึ้นมาที่ห้องหลังจากไปส่งไอซ์เสร็จ  อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกมานั่งที่บีนแบคริมระเบียง  มุมเดิมที่ตัวเองใช้มองดูดาวเกือบทุกวัน  ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะเข้านอนเร็วๆ  สักวัน  แต่ผมคงนอนไม่หลับ  ถ้ายังเอาแต่นึกถึงสัมผัสของมืออีกคนที่เพิ่งละจากกันไปอยู่  เลยตัดสินใจหยิบเอาโทรศัพท์ที่ถือติดมือออกมา  ลองส่งข้อความเรียกคนที่อยู่คอนโดตรงข้าม  ด้วยคำเรียกที่เราใช้แทนกันบ่อยๆ  ในใจไม่ได้หวังว่าจะได้รับข้อความตอบกลับ  เพราะคิดเอาไว้ว่าไอซ์คงหลับไปแล้ว  แต่ขอแค่ให้ผมได้บอก  ความรู้สึกของผมในตอนนี้ให้ไอซ์ได้รับรู้ก็น่าจะพอ 

ICE :  ผมยังไม่คิดถึงนะ  เพิ่งจะแยกกันเมื่อกี้

แต่ก็ผิดคาดครับ  ไอซ์ยังไม่นอน  แถมยังรู้ก่อนอีกแล้ว  ว่าผมกำลังจะบอกว่าคิดถึงเขา  ถึงจะเพิ่งแยกกันเมื่อกี้แบบที่ไอซ์บอกก็จริง  แต่มันก็รู้สึกคิดถึงอยู่ดี  จากที่จะบอกว่าผมคิดถึงเขา  เลยกลายเป็นการแหย่ไปกลายๆ  ว่า  เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็รู้  ว่าเขาคิดถึงผมรึป่าว  แต่เหมือนไอซ์จะรู้ทันครับ  ว่าผมหมายถึงการที่เราฝันถึงใคร  ก็แปลว่าเราคิดถึงคนคนนั้นมาก  มากซะจนเก็บเอาเขามาฝัน  เลยดักทางผมกลับมา  แต่ผมว่า  นั่นมันเป็นการเปิดทางให้ผมมากกว่าจะเป็นการดักทางซะอีก

ICE :  อย่างนี้ก็แปลว่าคุณคิดถึงผมทุกวันเลยสิ

Graph :  ใช่  คุณก็รู้นี่

ICE :  แต่เราอาจจะไม่ฝันถึงกันอีกแล้วก็ได้

Graph :  แบบนั้นผมคงเหงาแย่

Graph :  ชีวิตผมคงเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

ICE :  ตัวจริงก็มีให้เจอ  ทำไมถึงอยากจะเจอในฝันกันนะ  คุณนิ

เจอข้อความนี้ของไอซ์ไป  ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดีเลยครับ  ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังแพ้  เลยได้แต่ยิ้ม  แล้วก็มองจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น  จนข้อความชุดใหม่ของไอซ์เด้งขึ้นมา

ICE :  ไปนอนไหมคุณ  พรุ่งนี้พรีเซนต์งานไม่ใช่หรอ

Graph :  ครับ

Graph :  งั้นฝันดีนะคุณ

ICE :  ฝันดีนะครับกราฟ

คุณเอ้ย  แทบทรุดเลยครับทีนี้  ผมรู้สึกว่าตัวเองมีปฏิกิริยาเป็นพิเศษเวลาโดนไอซ์เรียกชื่อครับ  เราไม่ค่อยได้เรียกชื่อกันบ่อยๆ  ปกติจะแทนกันว่าคุณซะมากกว่า  พอเขาเรียกชื่อผมที  มันก็เลย...จะว่ายังไงดี  จะว่ามันแปลก  ก็ไม่เชิง  จะว่าไม่ชิน  ก็น่าจะใช่  จะว่าเขิน  ก็นิดนึงละมั้ง  ไม่รู้สิครับ  คงเพราะนานๆ  เรียกทีละมั้ง  มันเลยเป็นคำพูดที่ดูเหมือนมีพลัง   เรียกทีผมนี่เหมือนกับโดนป้ายยา  ผมจำได้ว่าเคยเป็นแบบนี้ตอนไอซ์ขอให้ผมไปต้มมาม่าให้กิน  ผมนี่รีบลุกเข้าครัวไปอย่างไว  นี่ไอซ์คงไม่ได้จับจุดอ่อนผมได้ใช่ไหมครับ  ไม่อย่างนั้นผมต้องแย่แน่ๆ





เมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้  หลังจากเจอคำว่า  'ฝันดีนะครับกราฟ'  จากคุณไอซ์เข้าไป  ก็ปาเข้าไปเกือบตี  3  ไม่น่าแปลกใจเลยครับที่ผมจะตื่นขึ้นมาอีกทีตอน  10  โมง  ยังดีที่ไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้  ผมนัดเข้าไปเจอกับไอ้ปอนด์ที่ออฟฟิศตอน  11  โมงเพื่อดูความเรียบร้อยของงานเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนจะออกไปหาลูกค้าในตอนบ่าย  อันที่จริงผมควรจะต้องรีบลุกออกจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปทำงานได้แล้ว  แต่เพราะความฝันเมื่อคืน  ทำให้ผมจำเป็นต้องโทรหาคนที่ผมฝันถึงซะก่อน  ทั้งที่ตัวเองกำลังจะสายอยู่รอมร่อ  ผมกดโทรศัพท์เพื่อโทรออกหาไอซ์  ไม่นานปลายสายก็รับ  ผมเลยพูดเข้าเรื่องทันทีโดยไม่การเกริ่นนำใดใดทั้งสิ้น

“คุณ  คุณฟังผมนะ  ผมฝันถึงคุณ  ในฝันผมเห็นว่าตัวเองกำลังพรีเซนต์งานอยู่  และคุณรู้ใช่ไหมว่าวันนี้ผมมีนัดพรีเซนต์งานจริงๆ  วันนี้ผมต้องออกไปหาลูกค้าจริงๆ  แล้วคุณรู้ไหม  ว่าลูกค้าในฝันของผมคือใคร”

“ลูกค้าของคุณ...ก็คือผม”







#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ vermilion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #19 เมื่อ27-09-2019 22:30:19 »

กราฟต้องฝันย้อนหลังจากอนาคตไล่มาถึงปัจจุบันแน่เลย  :hao5:

ชอบรายละเอียดที่ใส่ลงไปในการเชื่อมความฝันกับเหตุการณ์จริงมากเลยฮะ อ่านเพลินมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-09-2019 22:30:19 »





ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
6  พฤศจิกายน



“แล้วคุณรู้ไหม  ว่าลูกค้าในฝันของผมคือใคร”

“ลูกค้าของคุณ...ก็คือผม”

เราสองคนต่างก็เงียบใส่กัน  สมองของผมกำลังประมวลผลเรื่องความฝันของตัวเอง  รวมทั้งเรื่องที่ไอซ์รู้ว่าลูกค้าในฝันของผมเป็นใคร  ทั้งที่ผมยังไม่ได้เล่าอีก  ซึ่งนั่นก็มีอยู่แค่ทางเดียวเท่านั้นที่น่าจะเป็นไปได้

เมื่อคืนผมกับไอซ์ฝันเหมือนกัน

“อย่าบอกนะว่าคุณก็ฝันเหมือนผม”

“คุณนัดลูกค้าตอนบ่าย  2  รึป่าว”

“ใช่เลยคุณ”  ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเข้าใจความรู้สึกไอซ์มาก่อน  ว่าการที่เขาฝันเห็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นเขาจะรู้สึกยังไง  แต่วันนี้ผมกำลังจะไปพรีเซนต์งานให้เขาฟัง  แค่คิดว่าเขาต้องมานั่งจ้องหน้าฟังผมพูด  แล้วอีกเดี๋ยวเขาจะต้องพูดแบบนั้น  อีกเดี๋ยวเขาจะต้องทำแบบนี้  ผมว่าผมเข้าใจที่ไอซ์เขินรอแล้วแหละครับ  “รู้สึกแปลกๆ  เลยอ่ะคุณ  ตอนฝันคุณเป็นจริงคุณคงรู้สึกแปลกๆ  แบบผมตอนนี้ไหม”

“ตอนแรกก็ตื่นเต้นดีครับ  บางทีก็รู้สึกเขินเป็น  2  เท่า  แต่บางทีก็ไม่อยากทำตามความฝัน  หรือบางทีก็อยากให้ถึงตอนที่ฝันไวไว  หลายความรู้สึกอ่ะ”

“นี่คุณกำลังทำให้ผมตื่นเต้นมากกว่าเดิมนะ  ผมไปเตรียมตัวดีกว่า  วันนี้เจอลูกค้าคนสำคัญซะด้วย”

“ยังไม่เที่ยงเลยคุณ  ไม่ค่อยรีบเลยนะ”

“คุณต้องให้เวลาผมไปทำใจบ้างสิ  นี่ฝันผมกำลังจะเป็นจริงเลยนะ”

“ครับๆ  แล้วเจอกันนะคุณ”



หลังจากวางสายจากไอซ์  ผมก็ไปจัดการอาบน้ำแต่งตัว  ผมมีเวลาอีก  ครึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัดกับปอนด์  มันไม่ได้มาก  แต่ก็ไม่ได้น้อยไปที่ใช้เวลานั้นในการเซ็ตผม  หรือแม้แต่การเลือกชุดตัวที่คิดว่าดีที่สุดออกมาใส่  ระหว่าที่ค่อย ๆ  ไล่ติดกระดุมเสื้อ  ในหัวก็พลางคิดไปถึงเรื่องในฝัน  นอกจากไอซ์แล้วยังมีคนอื่นนั่งฟังอยู่ด้วย  พี่คนนึงผมเคยเจอมาก่อน  เขาคือคนเดียวกับที่มาฝากเอกสารให้กับไอ้ปอนด์ตอนที่ผมได้เจอกับไอซ์วันแรก  แล้วผู้ชายอีกคนคือใคร  ดูท่าทางสนิทกับไอซ์อยู่ไม่น้อย  แถมยังมองไอซ์ด้วยสายตาแปลกๆ  อีก  แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง  ผมไม่อยากทำอะไรเปิ่นๆ  ต่อหน้าคนที่ไอซ์รู้จัก  ไม่อยากให้ไอซ์ต้องอายเพราะรู้จักกับผม  วันนี้จะต้องเป็นอีกวันที่การพรีเซนต์งานของผมออกมาดีที่สุด





“โอ้ย!!  กูตื่นเต้น”  ผมแทบจะยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเอง  ยังดีที่นึกขึ้นมาได้ซะก่อนว่าวันนี้เซ็ตผมมา

“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย”

ตอนนี้ผมกับปอนด์นั่งกันอยู่ในรถ  ที่กำลังค่อยๆ  คลานไปยังที่นัดหมายในการพรีเซนต์งานครั้งนี้  คงเป็นเพราะรถติด  เป็นเพราะอากาศร้อน  และเพราะผมเอาแต่คิดถึงเรื่องความฝัน  เลยทำให้ผมแทบสติแตก  จนต้องตะโกนออกมาดังๆ  เพื่อเป็นการระบาย

“ไอ้ปอนด์  มึงรู้ไหมว่าลูกค้าวันนี้เป็นใคร”  ผมหันไปถามไอ้คนขับรถที่ยังคงฮัมเพลงอารมณ์ดีอยู่ได้แม้เวลานี้รถจะติดหนักขนาดนี้

“ก็พีเจกรุ๊ปไง  ในเอกสารมึงก็เห็นอยู่”

“อันนั้นกูรู้แล้ว  แต่วันนี้อ่ะ  มึงนัดคุยงานกับใครไว้”

“พี่ปุ๊กไงมึงก็เคยเจอ  คนที่เอาเอกสารไปฝากวันนั้น  แล้วก็มีผู้บริหารหนึ่ง  กับเลขาอีกหนึ่งนะถ้าจำไม่ผิด”  ผู้บริหารกับเลขาหรอ  ถ้าดูจากที่นั่งในที่ประชุมในความฝันของผมเมื่อคืนนี้แล้ว  ไอซ์นั่งอยู่ตรงกลาง  พี่ปุ๊กอะไรนั่นนั่งฝั่งซ้าย  แล้วผู้ชายอีกคนนั่นก็นั่งทางขวา  ไม่ผิดแน่  ไอซ์คือผู้บริหารของงพีเจที่ผมกำลังจะไปเจอแน่นอน  ส่วนไอ้ผู้ชายคนนั้นก็แค่เลขา  แต่ทำไมต้องทำตัวสนิทสนมกับไอซ์แบบนั้นด้วย

“ปอนด์  กูฝัน”

“แล้วยังไง  ในเมื่อฝันมึงไม่เคยเป็นจริงอยู่แล้ว”

“แต่เมื่อคืนกูกับไอซ์ฝันเหมือนกัน”

“เฮ้ย  จริงดิ  ครั้งแรกที่ฝันเหมือนกันใช่ไหม  มึงฝันว่าอะไรวะ”

ผมเล่าความฝันให้ไอ้ปอนด์ฟังอย่างละเอียด  เพื่อจะหาตัวช่วยคลายความตื่นเต้นของตัวเอง  แต่ดูแล้วไอ้คนข้าง ๆ  นี่แหละ  ที่มันทำให้ผมตื่นเต้นมากกว่าเดิม

“คุณไอซ์คือผู้บริหารคนนั้นหรอวะ  แต่กูเคยได้ยินมานะเว้ย  ว่าผู้บริหารพีเจที่ดูแลเรื่องงานสร้าง  แม่งอย่างเคี่ยว   มึงคิดดูดิ  ขนาดงานเรายังโดนแก้ไปตั้งหลายหรอก  นึกไม่ออกเลยว่าถ้าคุณไอซ์อยู่ในโหมดทำงานจะเป็นแบบไหน”

“มึงก็อย่างมาบิ้วกูไอ้ปอนด์  กูยิ่งตื่นเต้นอยู่  เดี๋ยวจากที่แก้งานหลายรอบ  จะกลายเป็นงานหลุดไปซะก่อน”

“มึงพรีเซนต์งานอย่างเทพ  ลูกค้าเจอมึงเข้าไปก็จบทุกราย  จะกลัวทำไมวะ”

“แต่นี่ไอซ์ไงมึง  ไม่ใช่ลูกค้าธรรมดา  กูตื่นเต้น”

“เพื่อน  มึงต้องใจเย็นก่อนนะ  ไม่ใช่เป็นคุณไอซ์แล้วจะง่ายขึ้นหรอวะ  มึงก็คิดแบบนี้สิ  คนกันเองทั้งนั้น”

“แล้วมึงไม่คิดว่ากูจะเขินบ้างหรอ”

“อ๋อ  นี่มึงไม่ได้เครียดเรื่องงาน  แต่มึงเขินที่จะเจอคุณไอซ์เนี่ยนะ”  ไอ้ปอนด์หันมามองหน้าผมแล้วก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง  ไอ้นี่มันจงใจกวนผมชัดๆ  “จะว่าไปกูกำลังจะได้เจอกับคุณไอซ์แล้วหรอวะเนี่ย  คิดไปคิดมา  กูก็ชักจะตื่นเต้นแล้วเหมือนกันนะ  ไอ้กราฟมึงว่ากูหล่อยังวะ  เวลายังเหลือ  กูแวะซื้อชุดใหม่ดีกว่าป่าววะ”  ไอ้ปอนด์สาละวนอยู่กับการสำรวจตัวเองจากกระจกมองหลังขณะที่รถกำลังติดไฟแดง  เดี๋ยวหันซ้าย  เดี๋ยวหันขวา  หันแล้วก็หันอีกอยู่นั่น  จนทำเอาผมหมั่นไส้

“มึงอย่ามาเวอร์”

“คุณไอซ์เลยนะมึง  กูอยากเจอมาตั้งนาน  แต่มึงแม่งหวง”

“กูไม่ได้หวง”  อ่อ  มันไม่ได้สนใจคำแก้ตัวของผมหรอกครับ  มันชี้นิ้วออกไปนอกรถนู้น

“เนี่ยๆ  ร้านข้างหน้าก็ตัดผมดีนะมึง  หรือว่ากูจะตัดผมใหม่ดีวะ  ผมกูเริ่มยาวและด้วย  แม่ง  มึงไม่เล่าให้เร็วกว่านี้วะ  กูจะได้มีเวลาเตรียมตัว”

“มึงตื่นเต้นกว่ากูไปอีกไอ้ปอนด์  ตั้งใจขับรถไปมึงอ่ะ  รำคาญ”





ตอนนี้ บ่ายโมงสี่สิบนาทีแล้วครับ  อีกแค่  20  นาทีก็จะถึงเวลานัด  และตอนนี้ผมกับไอ้ปอนด์ก็เข้ามานั่งรออยู่ในห้องประชุมของบริษัทพีเจกรุ๊ปเป็นที่เรียบร้อย  หลังจากที่ได้นั่งรถเงียบๆ  มาสักพัก  ก็พอจะทำให้จิตใจสงบลงมาได้บ้าง  ตอนนี้ผมว่าตัวเองไม่มีอาการตื่นเต้นแสดงอยู่บนหน้าแล้วครับ  จะมีก็แค่

“มึงเลิกเขย่าขาสักทีได้ไหมไอ้กราฟ  กูรำคาญ”

“มึงก็พูดง่ายเนาะ ไม่..”

ผมที่กำลังจะเอ่ยคำด่าใส่ไอ้ปอนด์ต่อก็ต้องชะงัก  เพราะโทรศัพท์ของผมดันส่งเสียงเตีอนขึ้นมาซะก่อน  ตายห่า  ลืมปิดเสียงโทรศัพท์  ดีนะมาดังตอนนี้  ขืนไปดังเอาตอนพรีเซนต์งานอยู่ละแย่แน่ๆ  ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจัดการปิดเสียงปิดสั่น  ก่อนจะเข้าแอปไปดูว่าใครส่งข้อความมาหา  แล้วนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ  เขาก็คือคนที่ทำให้ผมต้องนั่งเขย่าขาเป็นเจ้าเข้าอยู่ตอนนี้นี่เอง

ICE :  เป็นกำลังใจให้นะคุณ

ICE :  สติ๊กเกอร์โคนี่เขย่าแทมบูรีน

ประโยคสั้นๆ  เพียงแค่หนึ่งประโยค  กับสติ๊กเกอร์หนึ่งตัว  ทำเอาหน้าเครียดๆ  ของผมเปลี่ยนไปจนไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ  ยังต้องแซว

“อ่ะ  ยิ้ม  ยังไงมึง”

ไอ้ปอนด์พยายามชโงกหน้าเข้ามาดูข้อความในโทรศัพท์ของผม  ผมเลยต้องเบี่ยงตัวหนี  และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตู้ห้องประชุมเปิดเข้ามาพอดี  พี่สาวเสื้อสีชมพูที่เคยเจอกันครั้งก่อน  วันนี้เธอก็ยังคงใส่เสือสีชมพูเหมือนเดิม  เดินส่งยิ้มพิมพ์ใจเข้ามาในห้อง  ผมกับไอ้ปอนด์เลยต้องเลิกเล่นกัน  แล้วลุกขึ้นยืนทักทายเธอแทน

“สวัสดีครับพี่ปุ๊ก”  แล้วก็เป็นไอ้ปอนด์ที่เป็นฝ่ายทักทายเธอก่อน

“สวัสดีค่ะคุณปอนด์  สวัสดีค่ะคุณ...เอ่อ  ใช่น้องคนที่ไปรับเอกสารวันนั้นไหมคะ”

“ใช่ครับ  ผมกฤตกร  พี่ปุ๊กเรียก  กราฟก็ได้ครับครับ”  ผมแนะนำตัวเองไปบ้าง

“กฤตกร  ตายจริง  ไม่คิดว่าคุณปอนด์จะส่งผู้บริหารไปรับเอกสารเองนะคะเนี่ย  ต้องขอโทษด้วยจริงๆ  ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ปุ๊ก  แล้ว…”

ประตูห้องประชุมถูกเปิดอีกครั้ง  คำถามที่ตั้งใจจะถามหาอีกคนได้ถูกกลืนหายไป  เพราะคนที่อยากจะเจอตอนนี้เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว  พร้อมกับชายหน้าตาดีอีกคนที่ผมรู้สึกไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่ในความฝัน

“นี่คุณอติวิทย์ค่ะ  ผู้บริหารที่จะเข้าร่วมฟังพรีเซนต์งานในวันนี้ค่ะ”  พี่ปุ๊กแนะนำตัวผู้บริหารหนุ่มของพีเจกรุ๊ปให้ผมกับไอ้ปอนด์รู้จัก  ร่างโปร่งในชุดสูทสีเข้ม  ส่งยิ้มบางๆ  มาทักทายผมกับไอ้ปอนด์  “นี่คุณกฤตกรเจ้าของโปรเจ็ค  และคุณปรมะผู้ช่วยค่ะ”

“คุณปอนด์สินะครับ”  ไอซ์กล่าวทักทายปอนด์ด้วยชื่อเล่น  ทำเอาทั้งพี่ปุ๊กและไอ้คุณเลขานั่น  ต่างก็มองหน้ากันไปมา  เหมือนจะตกใจกันอยู่ไม่น้อยที่ทั้งสองคนรู้จักกัน

“คะ..ครับผมปอนด์ครับ”

“ดีใจที่ได้เจอนะครับ”  ไอซ์ส่งยิ้มให้ไอ้ปอนด์  ก่อนจะแบ่งร้อยยิ้มนั้นมาให้ผม  แต่กลับไม่ได้ทักทายอะไรเป็นพิเศษ

“คุณไอซ์รู้จักกับคุณปอนด์มาก่อนหรอคะ  ปุ๊กไม่เห็นรู้มาก่อนเลย”

“แค่เคยได้ยินชื่อมาน่ะครับ  เพิ่งมีโอกาสได้เจอกันวันนี้วันแรก”

“นั่นสิครับผมก็เคยได้ยินแต่ชื่อ  ไม่มีโอกาสได้เจอสักที  ถ้าไม่ใช่เพราะงานก็คงไม่ได้เจอกันเร็วๆ  นี้แน่  คุณไอซ์ว่าอย่างนั้นไหมครับ”

“ดูแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ”

แบบนี่ไม่ได้อยู่ในความฝันของผมครับ  ไม่คิดว่าไอซ์จะเข้ามาทักไอ้ปอนด์แล้วคุยกันอย่างสนิทสนมแบบนี้  ทิ้งให้ผมยืนนิ่ง  ไม่ทักผมสักคำ  แบบนี้มันน่าน้อยใจไม่ใช่หรอครับเนี่ย

“เราเริ่มกันเลยดีกว่าไหมครับ”  อย่าคิดว่าผมเป็นคนพูดออกไปแบบนั้นเชียวครับ  เพราะเสียงนั้นเป็นของคุณเลขาสุดหล่อคนเดิม  ที่ท่าทางเหมือนจะไม่พอใจไอ้ปอนด์เข้าให้แล้ว  ก็คุณไอซ์ของเขาดันเข้ามาทักทายแบบเป็นกันเอง  แถมยังคุยกันดูสนุกสนานแบบนี้  เลยพาลเริ่งให้พี่ปุ๊กเริ่มทำการพรีเซนต์งานขึ้นมาทันที

“อ่อ...ค่ะ  งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะคะ”

คุณเลขาจัดการเลื่อนเก้าอี้รอให้ไอซ์เข้าไปนั่ง  แล้วตัวเองถึงได้นั่งลงข้างๆ  ผมยืนมองทุกการกระทำของไอ้เลขาหน้าหล่อนิ่ง  จนไอ้ปอนด์ต้องเข้ามาสะกิดให้เริ่มการพรีเซนต์งานสักที  และเมื่อแผนงานถูกฉายผ่านโปรเจ็คเตอร์  ผมก็หายใจเข้าและออกอย่างช้าๆ  ตั้งสมาธิอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มการอธิบายแผนงานตามที่เตรียมมาทั้งหมด 





การพรีเซนต์เริ่มต้นขึ้นและจบลงในเวลาเพียง  2  ชั่วโมงนิดๆ  แม้ระหว่างทางจะมีสะดุดอยู่บ้าง  เพราะผมดันเผลอไปสบตากับท่านผู้บริหาร  ที่ดูเหมือนจะตั้งใจมองผมจนเหมือนจะแกล้งกันเข้า  แต่ผมก็สามารถดึงสติกลับมาได้ทุกครั้ง  ถึงแม้มันจะยากอยู่สักหน่อยก็ตาม  ทุกอย่างเป็นไปตามแผน  เป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้  ไม่มีอะไรผิดพลาด  และดูเหมือนว่าทางฝ่ายของพีเจเองก็ดูจะพอใจกับงานครั้งนี้ไม่น้อย  จะมีก็แต่ไอ้คุณเลขานั่นที่เอาแต่ทำหน้าไม่รับแขก  ตอนแรกมันยังทำท่าไม่พอใจไอ้ปอนด์อยู่เลย  แต่ไหงตอนจบกลายมาส่งสายตาเล่นงานผมซะได้

ตอนนี้ไอซ์กับเลขาของเขาพากันออกจากห้องประชุมไปแล้วครับ  แต่ที่ผมกับไอ้ปอนด์ยังต้องรออยู่ก็เพราะสัญญามีการแก้ไขเล็กน้อย  ผมเลยต้องรอรับสัญญาฉบับใหม่กลับไปด้วย  ผมทำได้แค่นั่งรออยู่เงียบๆ  ในห้องประชุม  กำลังคิดอยู่ว่าจะทักไปหาหรือโทรไปหาไอซ์ดีไหม  ในเมื่อเขาก็ไม่ได้เข้ามาทักผมเหมือนอย่างกับที่ทักไอ้ปอนด์

“คุณปอนด์คะ  คุณไอซ์รู้จักกับคุณกราฟด้วยหรอคะ  แปลกมากเลยค่ะ”  เสียงของพี่ปุ๊กที่เดินมานั่งข้างๆ  ไอ้ปอนด์แล้วพยายามกระซิบกระซาบกันเรื่องของผมกับไอซ์ดังขึ้น  แต่ขอโทษทีนะครับ  ถ้ามันจะดังขนาดนี้เรียกผมไปคุยด้วยเลยก็ได้

“แปลกยังไงหรอครับพี่ปุ๊ก”  แล้วเพื่อนตัวดีของผมก็ไม่ปล่อยให้โอกาสดีดีแบบนี้ลอยนวล

“พี่ปุ๊กพูดตรงๆ  เลยนะคะ  พี่ปุ๊กทำงานกับคุณไอซ์มาตั้งหลายปี  ไม่เคยเห็นคุณไอซ์ยิ้มตอนฟังพรีเซนต์งานมาก่อนเลยค่ะ”

“คุณไอซ์นี่โหดมากเลยหรอครับ  หน้าตาออกจะน่ารัก”

“ก็ไม่ได้โหดหรอกค่ะ  แค่งานต้องเนียบเวอร์แค่นั้นเอง  พอเห็นคุณไอซ์นั่งยิ้ม  แล้วยังเห็นคุณกราฟเขินอีก  พี่ก็เลยคิดว่ามันแปลกๆ  น่ะค่ะ  ตอนนั้นพี่ปุ๊กนี่เอามือกุมใจเลยนะคะ  คุณปอนด์รู้เรื่องอะไรรึป่าวคะ  บอกพี่ปุ๊กมาซะดีดี”

“ผมไม่รู้  พี่ปุ๊กก็เห็นว่าผมเพิ่งจะเคยเจอคุณไอซ์ครั้งแรกจะไปรู้อะไรได้ล่ะครับ”

“ก็ใช่นะคะ  แต่อย่างที่เข้าไปทักคุณปอนด์ก่อนเนี่ย  อันนี้ก็ผิดปกติเหมือนกันค่ะ  ปกติคุณไอซ์เธอไม่ทักใครก่อนนะคะ  สงสัยค่ะ  สงสัยมาก  นี่คุณ..”

“พี่ปุ๊กครับ”

เสียงของไอ้คุณเลขานั่นดังขึ้น  พร้อมกับพาเอาร่างของตัวเองเข้ามาขัดจังหวะ  แทนที่จะได้รู้เรื่องไอซ์มากกว่านี้แท้ๆ  จะรีบกลับมาทำไมเนี่ย  กลับบ้านกลับช่องไปได้แล้วไป  ผมคงจะก่นด่าไอ้เลขานั่นในใจไปอีกหลายคำถ้าไม่ใช่เพราะคนที่เดินตามหลังมาคือไอซ์ 

“เดี๋ยวคุณปุ๊กทำรายงานเรื่องโปรเจ็คนี้เข้าที่ประชุมวันจันทร์ได้เลยนะครับ  แล้วก็แจ้งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินงานได้เลยไม่มีอะไรต้องแก้แล้ว”  เวลาไอซ์ทำงานนี่ดูจริงจังเป็นพิเศษจริงๆ  ครับ  ผิดกับตอนที่อยู่กับผมลิบลับ  พอพี่ปุ๊กเธอรับคำ  ไอซ์ก็หันมาพูดกับผมต่อ  “ยินดีที่จะได้ร่วมงานกันนะครับคุณกราฟ”  ในที่สุดคุณเขาก็ทักผมแล้วครับ  แถมยังเรียกชื่อผมซะด้วย  จากหน้าที่นอยด์ว่าไอซ์ไม่ยอมทัก  ตอนนี้หน้าผมคงบานเป็นกระด้งไปแล้วเรียบร้อย  นี่อยากจะเห็นผมลงไปนอนดิ้นตรงนี้หรือไงกัน

“คุณไอซ์จะกลับเลยไหมครับ”  ไอ้เลขาหน้าหล่อของไอซ์ถามขึ้น  ผมว่าเลขาของไอซ์เนี่ยมองผมแปลกๆ  ครับ  สายตาที่มองไปที่ไอซ์นั่นก็ด้วย  ดูก็รู้แล้วครับว่าไอ้หมอนี่ต้องแอบคิดไม่ซื่อกับไอซ์แน่ๆ  นี่คงกำลังคิดจะกันไอซ์ออกจาผมสินะ  แต่แทนที่ไอซ์จะตอบคำถามไอ้เลขานั่น  เขากลับหันมาถามคำถามเดียวกันนั้นกับผมแทน

“คุณจะกลับเลยไหม”  ขอโทษนะคุณเลขา  แต่ผมชนะว่ะ

“ผมมากับไอ้ปอนด์  เอ้ย..มากับคุณปอนด์ครับ”  ไอซ์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

“ผมเลิกงานแล้ว  ถ้าคุณจะกลับเลย  กลับกับผมก็ได้”  ผมหันไปมองหน้าปอนด์  มันก็พยักเพยิดหน้า  เป็นอันรู้กันว่าให้ผมกลับกับไอซ์ได้  “ไปไหมครับ”

“งั้นก็รบกวนคุณด้วยแล้วกัน”

“รบกวนอะไรล่ะครับ  ผมไม่ให้คุณนั่งรถกลับฟรีๆ  หรอกนะ”



ตกลงกับผมเสร็จไอซ์ก็หันไปลาไอ้ปอนด์  แล้วก็พาผมขับรถออกมาจากพีเจกรุ๊ปทันที  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึป่าว  เพราะผมรู้สึกว่าไอซ์กำลังอารมณ์ดีมากกว่าปกติ   ถึงจะเป็นแบบนั้นก็จริง  แต่ตั้งแต่เราออกมา  เรายังไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ  ถึงไอซ์จะดูอารมณ์ดีแค่ไหน  แต่จะให้ผมมานั่งมองไอซ์ยิ้มเฉยๆ  แบบนี้  ผมว่ามันก็จะน่าอึดอัดไปหน่อย 

“ปกติตอนคุณนั่งฟังพรีเซนต์งาน  คุณต้องจ้องคนพรีเซนต์ขนานี้เลยหรอ”

“ผมก็ต้องตั้งใจฟังสิคุณ”  ไอซ์ตอบทั้งที่ตายังคงมองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ

“ไม่ใช่ว่าจะแกล้งผมใช่ไหม  จ้องซะผมเขินเลยนะนั่น”

“ไม่ได้แกล้ง  แต่ตอนคุณเขินคุณก็ดู”  ไอซ์เว้นช่วงไปแล้วหันมามองหน้าผม  “น่ารักดี”  มุมปากที่ยกยิ้มมากขึ้นของไอซ์  พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ  ทำเอาผมเองก็ยิ้มตามไปด้วย  ไหนใครกันที่บอกว่าไอซ์โหด  ไม่เห็นจะมีเลย  คนตรงหน้าผมเนี่ยน่ารักจะตาย

“แล้วทำไมตกลงง่ายจัง  ไม่ถามอะไรเพิ่มสักคำ  ผมไม่เคยเจอลูกค้าจบง่ายแบบคุณเลย”

“ก็งานคุณโอเคแล้วนี่ครับ  ให้แก้ไปตั้งหลายรอบแล้ว  จะไม่โอเคได้ยังไง”

“ต่อให้วันนี้ใครมาก็ผ่านหมดใช่ไหม”

“เป็นเพราะคนพรีเซนต์หรอก”

“จะบอกว่าคนพรีเซนต์พูดดีว่างั้น”

“ก็แค่ส่วนหนึ่งครับ”

“แล้วเพราะอะไรล่ะคุณ  บอกผมหน่อย”  ผมอยากรู้ว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงกับการพรีเซนต์งานของผม  ผมเลยถามไอซ์ออกไป  ผมไปพรีเซนต์ทุกครั้ง  ไม่เคยไม่จบเลยสักครั้ง  และก็เพราะแบบนี้  วันนี้ไอ้ปอนด์เลยให้ผมมาช่วย  ทั้งที่ผมไม่ได้เริ่มงานนี้ตั้งแต่ต้น  แต่เพราะโดนสั่งแก้งานไปแล้ว  4  รอบ  มันเลยไม่อยากแก้งานแล้ว

“เพราะคนพรีเซนต์หล่อครับ”

“อ่า  แบบนี้นี่เอง  ขอบคุณนะครับ”  คำตอบของไอซ์ทำเอาผมถึงกับยิ้มออกมา  ไม่รู้หรอกครับว่าไอซ์พูดเล่นหรือพูดจริง  แต่ตอนนี้ใจผมนี่พองจนจะแตกแล้ว

“นี่คุณไม่คิดว่าผมจะล้อเล่นบ้างหรอ”  ไอซ์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ

“ไม่อ่ะคุณ  ผมเชื่อแบบนี้ผมก็สบายใจดี”

“หลงตัวเองชะมัดเลยนะคุณเนี่ย”

“จริงๆ  ก็อยากให้คุณหลงด้วยนะ  แต่ก็คงจะอีกไม่นานแล้วแหละ”

“ใครว่าล่ะ  คงจะอีกนานเลยแหละ”  น้ำเสียงของไอซ์ดูน่าเชื่อถือมากเลยครับ  ว่าคงจะอีกนานตามที่พูดจริงๆ  ถ้าหูของเขาไม่แดงขึ้นมาให้ผมเห็นซะก่อน 

“อีกนานก็อีกนานซิครับ  ไม่เห็นต้องหูแดงเลย”  ไอซ์ยกมือข้างซ้ายขึ้นมาปิดหูตัวเองเพื่อบังสายตาจากผมทันที

“เลิกจ้องหน้าผมได้แล้วคุณน่ะ  ผมไม่มีสมาธิขับรถ”

“เนี่ย  แก้มก็เริ่มแดงแล้วด้วยนะคุณ  ผมช่วยปิดไหม”  ผมก็ยื่นมือออกไปเพื่อหวังจะปิดแก้มแดงๆ  นั้นเอาไว้  แต่มันดันเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอซ์หันหน้ามาหาผมพอดี  จากที่มือจะสัมผัสกับแก้มใสๆ  นั้น  กลับกลายเป็นสัมผัสนุ่มๆ จากริมฝีปากของไอซ์แทน

เงียบ

เงียบกริบเลยครับทีนี้

ไอซ์รีบหันหน้ากลับไปมองข้างหน้า  ส่วนผมเองก็รีบดึงมือของตัวเองคืนมาเหมือนกัน  ไม่ได้การแล้วครับ  จะปล่อยให้เงียบแบบนี้ต่อไปไม่ได้

“อ่อ..ละ  แล้วที่บอกไม่ให้ผมกลับมาด้วยฟรีๆ  มีอะไรหรอคุณ”

“คือบริษัทที่ดีลงานด้วย  เค้าส่งพวกอาหารทะเลสดมาให้  แต่ผมทำอาหารไม่เป็น  จะปล่อยทิ้งไว้ก็น่าเสียดาย  ผมก็เลย”

ยังดีครับที่บรรยากาศกลับมาเป็นปกติได้ไว  แต่พอฟังไอซ์เล่ามาถึงตรงนี้  ผมว่ามันคุ้นๆ  แล้วแหละครับ  กล่องโฟมขนาดใหญ่  อาหารทะเลฝีมือผม  และห้องบนคอนโดของไอซ์

“คุณฝันถึงเรื่องนี้ไหม”  ผมพูดขัดไอซ์ออกไป  เพราะทนความอยากรู้ของตัวเองไม่ไหว

“เรื่องไหนครับ”

“ก็เรื่องที่คุณกำลังจะชวนผมไปทำอาหารที่คอนโดคุณไง”

“คุณรู้ได้ไงว่าผมกำลังจะชวนไปคอนโดผม  ผมยังไม่ได้...นี่คุณเห็นในฝันหรอ”

“ใช่  ผมมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องที่จะไปพรีเซนต์งานกับคุณ  เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้  อีกอย่าง  ผมคิดว่าคุณเองก็ฝันเหมือนกัน”

“ผมฝันแค่เรื่องที่คุณมาพรีเซนต์งานเอง  มีอะไรต่ออีกหรอคุณ  ทำไมผมถึงไม่ฝันเนี่ย”   ไอซ์เหยียบเบครทันที  แล้วหันมาคาดคั้นกับผมโดยไม่ได้ห่วงรถข้างหลังเลยสักนิด  ดีนะที่รถกำลังชะลอเพราะข้างหน้าเป็นไฟแดงอยู่  ไม่งั้นแทนที่จะได้ไปทำอาหารกินกัน  เราคงได้ไปนั่งทำแผลที่โรงยาบาลแทน  “คุณเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“คุณตั้งใจขับรถสิ  หันมาหาผมทำไม  เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”

“ก็ผมอยากรู้  คุณบอกผมหน่อยสินะ  นะคุณนะ”

“ไม่บอกครับ  ความลับ”  ผมหันไปทำยักคิ้วให้ไอซ์  ก่อนจะหันออกไปนอกหน้าต่างอีกฝั่งอย่างอารมณ์ดี  นี่ถือเป็นการเอาคืนไอซ์ก็แล้วกันครับ  เพราะตอนที่เขาฝัน  ก็มีตั้งหลายรอบที่ไม่ยอมบอกกับผม

“กราฟครับ”

จบกัน

เจอแบบนี้เข้าไปจะไม่ยอมยังไงไหว  ผมว่าไอซ์รู้จุดอ่อนของผมเข้าซะแล้ว  เฮ้อ...






#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและการติดตามด้วยนะคะ อยากเฉลยใจจะขาดแล้ว อยู่เป็นกำลังใจให้กันจนจบเลยนะคะ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ประตูห้องไอซ์ถูกเปิดออก  พร้อมกับไฟภายในห้องที่ค่อยๆ  สว่างขึ้นจนสามารถเห็นทุกอย่างด้านในได้อย่างชัดเจน  ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยสีดำ  เทา  และขาว  เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งน้อยชิ้น  ให้ความโล่งสบาย  แต่ก็ผ่านการเลือกดีไซน์มาเป็นอย่างดี  แสดงให้เห็นว่าเจ้าของห้องมีรสนิยมดีมากถึงมากที่สุด  ห้องถึงได้ออกมาดูดีขนาดนี้ 

“คุณตามสบายเลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ” 

ไอซ์หันมาพูดกับผมก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องทางฝั่งขวา  ทิ้งผมไว้กับสลีปเปอร์ที่เขาหยิบออกมาวางไว้ให้  เปลี่ยนรองเท้าได้ผมก็เดินแยกมาทางฝั่งซ้ายที่เป็นโซนครัวและโต๊ะกินข้าว  ครัวที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเคยผ่านการใช้งานมาเลยสักครั้ง  พลาสติกที่ใช้คลุมของบางชิ้นยังไม่ได้ถูกแกะออกเลยด้วยซ้ำ  ผมลองหันไปเปิดตู้เย็นดูก็เป็นไปตามคาดครับ  ข้างในมีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งให้เลือกมากมายหลายเมนู  แต่ไม่มีของสดแช่อยู่ในตู้เลย  ถึงว่าเมื่อกี้ตอนที่เราแวะซื้อของกัน  ไอซ์ถึงให้ผมเลือกซื้อไปยันเครื่องปรุงด้วย  ก็เพราะที่ห้องเขาไม่มีอยู่เลยสักอย่าง  ไม่ใช่สิ  จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกครับ  เพราะผมเห็นกระปุกน้ำตาลตั้งอยู่ข้างๆ  ขวดกาแฟ  ที่บอกว่าทำอาหารไม่เป็นเลยคงจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงๆ 

ผมค่อยๆ  รื้อเอาเครื่องปรุงที่ซื้อมาออกมาตั้งเรียงไว้ในที่ที่หยิบใช้ได้สะดวก  จัดการนำพวกวัตถุดิบในการทำอาหารที่ซื้อมาออกมาล้าง  ไม่นานเจ้าของห้องที่เปลี่ยนจากชุดทำงานมาเป็นเสื้อยืดแขนยาวสีขาวลายขวางสีน้ำเงินกับกางเกงขาสั้นเรียบร้อยก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ

“คุณเป็นคนแรกที่ได้ใช้ครัวผมเลยนะเนี่ย  ขนาดผมยังไม่เคยใช้เลย”

“ดูจากสภาพครัวคุณ  ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ  ไม่มีร่องรอยของการทำอาหารเลยสักนิด”

“สะอาดกว่าห้องนอนผมอีกอ่ะคุณคิดดู”

“แล้วไหนครับอาหารทะเลที่คุณบอก”

“อ้อ  ผมเพิ่งโทรให้เขายกขึ้นมาให้เมื่อกี้  อีกแป๊บก็น่าจะถึง  อยากกินต้มยำกุ้งฝีมือคุณเร็วๆ  แล้ว”  ร้อยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของไอซ์ทันทีเมื่อพูดถึงเมนูโปรดของตัวเอง

“แต่กุ้งต้องมีหาง”  จากที่ยิ้มๆ  อยู่เมื่อกี้โดนผมทักเข้าไปสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีเลยเหมือนกัน

“ไม่มีได้ไหม”

“เดี๋ยวผมแกะให้”

“ก็เอาแบบ…”

เสียงสัญญาณเตือนจากประตูทำให้ไอซ์ต้องหยุดพูดในสิ่งที่คิดเอาไว้  แล้วหันหลังเดินตรงไปยังต้นเสียงแทน  ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เอาอาหารทะเลขึ้นมาให้  เลยเดินตามไอซ์มาด้วยเพื่อนมาช่วยเขายกเข้าห้อง 

ตอนนี้ผมกำลังตกใจกับภาพตรงหน้า  ลังโฟมขนาดใหญ่ที่กะด้วยสายตาแล้วน่าจะประมาณ  60  คูณ  60  เซนติเมตรถูกวางไว้หน้าห้อง  ดูความใหญ่ของลังโฟมและตัดพื้นที่สำหรับน้ำแข็งที่ใช้อัดมาเพื่อรักษาความสดไปแล้วครึ่งหนึ่ง  พื้นที่ที่เหลืออีกครึ่งก็ยังใหญ่มากสำหรับใส่อาหารทะเลมาอยู่ดี

ผมยกเอาลังโฟมเข้ามาวางในครัว  ไอซ์อาสาที่จะเป็นคนเอาของข้างในออกมาเอง  เห็นเขาอยากทำผมเองก็ไม่อยากขัด  แต่จากที่มองดูแล้วคงไม่น่าจะได้กินเร็วๆ  นี้แน่  เพราะไอซ์ค่อยๆ  ใช้มีดกรีดเทปกาวที่ซีลฝากลังโฟมเอาไว้ช้าๆ  เหมือนกับกลัวว่ามันจะเจ็บ  ผมเลยเข้าไปขอมาทำซะเอง

“ผมอยากลองทำ”

“งั้นวันนี้คุณเป็นคนทำอาหารทั้งหมดเลยดีไหม  เดี๋ยวผมสอน”  ไอซ์ส่ายหัวทันที

“ผมยังอยากกินอาหารอร่อยๆ  อยู่นะคุณ”

“ไม่ยากสักหน่อย  รับรองอร่อยแน่แค่คุณทำตามที่ผมบอก  ลองดูนะครับ”

“ถ้าไม่อร่อยผมจะทำโทษคุณ  ที่ทำให้เสียของ”

“แต่ถ้ามันอร่อย  ผมก็ต้องได้รางวัลใช่ไหม”  ไอซ์ทำท่าคิดตาม  “กลัวจะเสียรางวัลให้ผมรึไงคุณ”

“กลัวอะไรกันล่ะ  ก็ได้ถ้าอร่อยคุณจะได้รางวัล”

“คุณห้ามแกล้งแพ้”

“ใครจะไปทำอย่างนั้นกัน  ก็ผมบอกอยู่ว่าอยากกินของอร่อยๆ”

เหมือนกับคนที่ส่งอาหารทะเลมาให้จะรู้ใจคนรับอยู่ไม่น้อย  เพราะของที่มีปริมาณมากที่สุดก็คือกุ้ง  ตอนที่ผมยกแพ็คกุ้งขึ้นมาจากลังโฟม  ผมยังได้ยินเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นของไอซ์ด้วย  เมนูที่ไอซ์คิดตอนเราไปเดินเลือกซื้อของกันเมื่อเย็นจะเน้นไปที่กุ้งที่เป็นของโปรดของเจ้าของห้องสะส่วนใหญ่  ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้งน้ำข้น  กุ้งอบชีส  กุ้งมะนาว  กุ้งอบวุ้นเส้น  และอีกสารพัดเมนูกุ้ง  ผมเลยต้องเบรคเอาไว้ก่อนที่เมนูกุ้งต่างๆ  จะออกมาจากปากไอซ์อีก 

ตกลงกันไปมา  เมนูเลยกลายเป็นแค่  ต้มยำกุ้งที่ไอซ์อยากกิน  พล่าทะเล  หมึกผัดไข่เค็ม  หอยแมลงภูอบ  ปูนึ่ง  และกุ้งอบเกลือแทน  ตอนแรกผมว่าจะทำแค่ 3 อย่างเพราะเห็นว่ามีกันอยู่แค่ 2 คน  แต่คนข้างๆ  โวยวายไม่ยอมหยุด  เลยสรุปที่จะเอาของทุกอย่างมาทำอาหารอย่างละนิด  ส่วนที่เหลือก็แบ่งไปให้น้องๆ  พนักงานดูแลข้างล่างไป  เพราะไอซ์คงจะไม่ได้ทำอะไรกินอีก

อาหารทะเลสดถูกนำออกมาล้างทำความสะอาด  และหั่นแบ่งไว้เป็นส่วนๆ  เพื่อสะดวกในการนำไปปรุงต่อโดยผม  เมนูหอยอบ  ปูนึ่ง  และกุ้งอบ  สามอย่างนี้เป็นเมนูที่ทำง่ายสุด  ไม่ต้องปรุงอะไรเลยแค่ทำให้สุก  ผมเลยให้ไอซ์เป็นคนจัดการ  ส่วนตัวผมเองก็ละไปทำน้ำจิ้มซีฟู๊ดต่อ 

สิ่งต่อไปที่ผมให้ไอซ์ทำก็คือการลวกของทะเลเพื่อทำพล่า  และเผื่อไว้ทำหมึกผัดไข่เค็มด้วย  แต่ท่าทางเก้ๆ กังๆ  ในการโยนหมึกลงไปในหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่านแล้วรีบดึงมือกลับ  ทำเอาผมถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่  และที่ต้องใช้คำว่าโยนก็เพราะเจ้าตัวกลัวน้ำจะกระเด็นขึ้นมาโดน  ผมเลยได้เห็นไอซ์ทำท่าตลกอย่างที่เห็น

“หัวเราะอะไรคุณ  ผมจริงจังนะเนี่ย”  ไอซ์หันมาค้อนใส่ผมวงใหญ่

“ก็ผมตลกท่าทางจริงจังของคุณไง  มานี่มา  ผมทำเอง”  ผมเอื้อมมือไปเตรียมจะคว้าเอาจานของที่ยังไม่ได้ใส่ลงไปในหม้อ  แต่ไอซ์กลับร้องห้ามเอาไว้

“ผมทำได้  คุณบอกมาว่าต้องทำอย่างไง”

“ใส่ต่ำๆ  ไงคุณ”

“แบบนี้หรอ”

“ต่ำกว่านี้อีก  ยิ่งสูงยิ่งกระเด็นนะคุณ”

“โอ้ย”

ยังไม่ทันขาดคำเลยครับ  น้ำร้อนๆ  ในหม้อกระเด็นขึ้นมาโดนเข้าที่มือของไอซ์  กระนั้นเจ้าตัวก็ยังมีสติพอที่จะวางจานที่ใส่หมึกสดลง  แล้วชักมือกลับมากำไว้ที่อก  ผมเองก็รีบเข้าไปดึงมือไอซ์มาดู  ดีที่ไม่ถึงกับเป็นแผลพุพอง  จะมีก็แค่รอยแดงอยู่แค่  3  จุดเท่านั้น  ผมรีบพอไอซ์ไปที่ซิงค์ล้างจานเปิดน้ำเบาๆ  ให้น้ำไหลผ่านเพื่อช่วยระบายความร้อน  หันกลับไปปิดแก๊ส  แล้วตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อจะเอาน้ำแข็งออกมาประคบให้   

“ไอซ์  อย่าจับแผล”  ผมดุคนที่กำลังจะเอามืออีกข้างไปถูที่แผล  แต่คงจะเสียงดังไปหน่อยเลยทำให้คนเจ็บถึงกับหน้าจ๋อย  “เดี๋ยวผมประคบให้”  น้ำแข็งเย็นๆ  ที่ประคบลงไปบนแผล  ช่วยให้ไอซ์มีสีหน้าดีขึ้น  แต่ก็ยังมีสะดุ้งอยู่บ้างเมื่อผมเลื่อนน้ำแข็งไปโดนบริเวนกลางแผลเข้า

“พอแล้วคุณ  ขอบคุณนะครับ”

“ผมขอโทษ”  ถึงคนไอซ์จะบอกให้พอแล้วแต่ผมก็ยังคงถูน้ำแข็งไปมาแล้วก็จ้องที่แผลไม่วางตา

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

“ก็ทั้งๆ  ที่รู้ว่าคุณทำอาหารไม่เป็นก็ยังปล่อยให้คุณทำอีก  คุณมากไหมครับ”  พูดเสร็จผมก็ก้มลงไปเป่าที่แผลไอซ์เบาๆ  หนึ่งที  แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ  ดังมาจากไอซ์จนต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะคุณ  เป่าแบบนี้มันไม่หายสักหน่อย”

“ผมก็รู้ว่ามันไม่ช่วยให้หายเจ็บ  แต่ผมไม่รู้นี่ว่าจะช่วยคุณยังไงดี  จะเอามาเจ็บแทนก็ไม่ได้อีก”

“จะว่าไปพอคุณเป่าแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยจะเจ็บแล้วเหมือนกันนะ” 

“ผมก็ไม่ใช่เด็กนะคุณ  แต่เดี๋ยวผมทำของอร่อยๆ  ไถ่โทษคุณก็แล้วกัน  คุณนั่งให้กำลังใจผมเฉยๆ  ก็พอ  แล้วก็ห้ามเอามือไปโดนแผลนะคุณ  เดี๋ยวจะยิ่งแย่กว่าเดิม”

ผมก้มลงไปเป่าที่แผลไอซ์อีกที  ก่อนที่จะผละออกมาทำอาหารต่อ  ทำไปได้สักพักก็หันกลับมาดูไอซ์  เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บแผล  พอเห็นว่าเขาสีหน้าปกติแถมยังส่งยิ้มมาให้ผมก็เบาใจแล้วกลับไปทำอาหารของผมต่อ  แต่พอทำต่อไปได้อีกไม่นานก็ต้องหันกลับไปดูไอซ์อีกด้วยความเป็นห่วง  ผมทำแบบนี้สลับไปมาอยู่หลายรอบจนพอเตรียมจะหันกลับไปอีกครั้ง  ก็ดันเจอเจ้าของห้องมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังและชะโงกหน้ามาดูผมทำอาหารอยู่แล้ว  เลยรีบหมุนตัวไปหาพร้อมกับถามอาการไอซ์เพราะความตกใจ

“คุณเจ็บแผลหรอ”

“ป่าวครับ”

“แล้วลุกมาทำไมอ่ะคุณ  หรือว่าหิวแล้ว  ไปนั่งรอก่อนนะ  ใกล้จะเสร็จแล้ว”

“ก็มายืนให้กำลังใจคุณใกล้ๆ  ไง  คุณจะได้ไม่ต้องหันไปหันมา”

ก็นั่นแหละครับ  อยากจะบอกไอซ์เหลือเกินว่ามาให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ  มันก็ดีอยู่หรอก  ถ้าไม่มายืนจนชิดผมขนาดนี้  มันชิดเกินไป  ชิดซะจนรู้สึกถึงลมหายใจที่รดอยู่ที่ต้นคอของผมจนบางทีผมถึงกับชะงัก  ขนนี่พากันลุกเกรียวไปหมด  ผมไม่มีสมาธิทำอาหารนะครับคุณ  อาหารไม่อร่อยอย่ามาโทษผมแล้วกัน



อาหารถูกยกมาวางเรียงบนโต๊ะ  พร้อมข้าวสวยร้อนๆ  สองจาน  โดยมีเจ้าของห้องนั่งตาเป็นประกายกวาดสายตามองไปตามอาหารแต่ละอย่าง  ในมือก็ถือช้อนและซ่อมขึ้นมาเตรียม  รอก็แต่ผมที่กำลังรินน้ำใส่แก้วให้

“กินเลยคุณ”  เสียงของผมดึงไอซ์ออกจากจานอาหารตรงหน้าให้หันมาหา

“คุณนั่งสิ  กินพร้อมกัน”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมเองก็แผดเสียงร้องขึ้นมาซะก่อน  พอหยิบเอามาดูว่าใครโทรมาก็รู้สึกเหมือนกับว่างานจะเข้าผมเข้าแล้ว  เลยกดปิดเสียงแล้วยัดมันกลับไปไว้ที่เดิม

“ไม่รับหรอครับ”  ไอซ์ถามผม

“ไอ้ปอนด์โทรมา  สังหรณ์ใจว่ารับสายแล้วงานจะเข้าผมเลย”

“รับสิครับ  เผื่อคุณปอนด์มีธุระ”

ได้ยินแบบนั้นผมเลยต้องหยิบเอาโทรศัพท์พี่เพิ่งเก็บไปขึ้นมาอีกครั้ง  แล้วก็ยังเห็นว่าไอ้ปอนด์ยังคงโทรเข้ามาอยู่  แบบนี้ถ้ามันไม่ได้อยากสนใจเรื่องของผมก็คงจะมีธุระจริงๆ  ผมสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย  แล้วปลายสายก็ส่งเสียงโวยวายมาหาในทันที

‘ไอ้กราฟ  กูมาหามึง  แต่มึงไม่อยู่  มึงไปไหน’

“อยู่ข้างนอก”

‘กูรู้แล้วว่ามึงอยู่ข้างนอกอ่ะ  กูถามว่าไปไหน’

“ทำธุระอยู่”

‘ไอ้กราฟ  อย่าลีลา’

“กูอยู่กับไอซ์  มีอะไร”

‘ลีลาแบบนี้กูก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกนะเนี่ย  จะกลับรึยัง  เอาเอกสารมาให้เซ็น’

“ด่วนมากเลยหรอ” 

‘เออดิ  ลูกค้าขอพรุ่งนี้เช้า’

“แล้วมึงก็ให้เค้าง่ายๆ  เลยหรอ”  ผมมองหน้าไอซ์ก็เห็นว่าเค้าชี้มือมาที่โทรศัพท์  แล้วก็ทำท่าตักอาหารเข้าปาก  นี่คงอยากให้ผมชวนปอนด์มากินข้าวด้วยใช่ไหม  ไม่ให้มาหรอก  รำคาญมัน  คิดได้แบบนั้นผมเลยพยักหน้าตอบไอซ์ไป  ก็จะไปขัดใจเค้าได้ยังไงกันล่ะครับ  ดูท่าจะหิวแย่แล้ว  ขืนผมไม่ทำอะไรัสักอย่างไอ็ปอนด์มันก็ไม่ยอมวางสายไปง่ายๆ  แน่

‘มึงจะเอาตังค์เค้าไหมล่ะ  เอาก็กลับมาเซ็นไวไว’

“มึงเห็นคอนโดข้างๆ ไหม”

‘เออ  ทำไม’

“ไอซ์ให้ชวนมึงมากินข้าวด้วย  มึงจะไม่มาก็ได้นะ  เดี๋ยวกูลงไปเซ็นให้  รอแปบนึง”

‘อยู่ห้องไหนบอกกูมาเลยเพื่อน  เดี๋ยวกูเอาไปประเคนให้ถึงห้องเลย’



แล้วมืออาหารของพวกเราก็จบลง  ผมกลับมาถึงห้องเอาก็ตอนเกือบเที่ยงคืน  ทั้งที่กินข้าวกันเสร็จตั้งแต่ตอน  2  ทุ่มกว่า  นั่นก็เพราะไอ้เพื่อนสนิทของผมนี่แหละครับ  ชวนไอซ์คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่ได้ไม่ยอมเหนื่อย  ผมที่เพิ่งอาบน้ำและอยู่ในชุดพร้อมนอนออกมานั่งอยู่ที่ระเบียงเหมือนเคย  ป่านนี้ไอซ์ก็คงอาบน้ำเตรียมตัวนอนแล้วเหมือนกัน  ผมไม่ได้อยากจะรบกวนเพราะพรุ่งนี้ไอซ์ต้องไปทำงาน  แต่ก็อดเป็นห่วงแผลที่มือเขาไม่ได้  เลยต้องหยิบเอาโทรศัพท์มาส่งข้อความหา  ทั้งที่ตอนนี้เวลาก็เลยมาเป็นวันใหม่แล้ว

Graph :  อาบน้ำเสร็จรึยังคุณ

ICE :  ครับ

Graph :  ไอ้ปอนด์ฝากมาย้ำคุณว่าต้องไปงานวันเกิดมันให้ได้นะ

ICE :  55555

ICE :  คุณปอนด์ชวนผมมากกว่า  7  ครั้งแล้วนะครับ

Graph :  มันเวอร์ตลอดแหละ

ICE :  ว่าเพื่อนหรอคุณ

Graph :  พูดเรื่องจริงเลยแหละครับ

Graph :  เมื่อกลางวันพอมันรู้ว่าจะไปเจอคุณ

Graph :  ยังชวนผมแวะร้านตัดผมระหว่างทางอยู่เลย

ICE :  คุณปอนด์ตลกดีนะครับ

ICE :  ผมชอบ

Graph :  บอกแบบนี้เดี๋ยวผมก็งอนหรอกคุณ

Graph :  มาบอกชอบคนอื่นต่อหน้าผมได้ยังไง

ICE :  ผมชอบคนตลกครับ

Graph :  ยังอีก

Graph :  สติ๊กเกอร์บราวน์ทำท่าโกรธ

Graph :  แล้วแผลคุณเป็นไงบ้างขอผมดูหน่อย

ICE :  เมื่อกี้ก็เพิ่งดูไปเอง

ICE :  ดูบ่อยก็ไม่ได้หายเร็วขึ้นนะครับ

Graph :  แต่เมื่อกี้คุณยังไม่ได้อาบน้ำ

Graph :  ไม่รู้ว่าแอบไปโดนมันรึป่าว

ไอซ์ก็ถ่ายรูปแผลที่มือของตัวเองมาให้ผมดู   แผลของไอซ์เหมือนจะแดงน้อยลงแล้ว  แต่นอกจากในภาพผมเห็นแผลของไอซ์แล้ว  ผมยังเห็นด้วยว่าเขาใส่ชุดอะไรนอน  และตอนนี้ผมกำลังคิดว่าชุดนี้ของไอซ์มันดูคุ้นๆ  ผมก้มลงมองชุดของตัวเองบ้าง  ซี่งปกติผมก็ไม่ค่อยได้เอากางเกงและเสื้อตัวนี้ออกมาใส่นอนเท่าไหร่  แล้วความฝันเมื่อวันก่อนก็โผล่เข้ามาในหัว  ใช่แน่ๆ  ครับ  ชุดที่ผมใส่อยู่มันคือชุดเดียวกับที่ผมเพิ่งฝันถึงเมื่อคืนก่อน  ของไอซ์เองก็เหมือนกัน  นี่ฝันของผมกำลังจะกลายเป็นจริงอีกอย่างนึงอย่างนั้นหรอ

Graph :  คุณถ้าคุณยังไม่นอนเราไปที่สวนกันสักแป๊บนึงได้ไหมครับ

ICE :  มีอะไรหรอคุณ

Graph :  เรื่องความฝันของผมเมื่อวันก่อน

Graph :  ผมว่ามันคือตอนนี้

ICE :  ตอนนี้?

Graph :  ผมแค่รู้สึกว่ามันจะต้องเป็นตอนนี้

Graph :  เราลงไปเจอกันที่สวนดูได้ไหมคุณ

Graph :  ผมอยากรู้ว่าจะมันจะเป็นจริงไหม




7  พฤศจิกายน


“คุณจะบอกผมได้รึยังว่าคุณพูดถึงเรื่องความฝันของคุณวันไหน”

“วันที่คุณตกลงเป็นแฟนกับผม”

“เดี๋ยวสิคุณ  คุณเพิ่งบอกว่าจะจีบผมไปเองนะ  วันนี้ผมจะตกลงเป็นแฟนคุณแล้วหรอ  ทำไมผมถึงตกลงง่ายจัง”

"นั่นสิคุณ  ไหนๆ  คุณก็จะต้องตอบตกลงอยู่แล้ว  เราเป็นแฟนกันตอนนี้ตรงนี้เลยก็ได้นะคุณ  จะได้ไม่ต้องเดินเข้าไปข้างในด้วย"  ไอซ์หันมาขมวดคิ้วใส่ผม

“ได้ไงล่ะคุณ  ถ้าคืนนี้มันไม่ใช่ในความฝันคุณล่ะ  ผมว่าเรารีบเดินไปข้างในกันเถอะครับ”

“แนะ  อยากเป็นแฟนผมเร็วๆ  แล้วดิ  เร่งใหญ่เลย”

“งั้นกลับห้องครับ  ผมง่วงแล้ว”  ไอซ์หมุนตัวกลับในทันที่ที่พูดจบ  จนผมต้องไปจับที่ไหล่เขาให้หมุนตัวกลับมาทางเดิม  แล้วออกแรงดันให้ไอซ์เดินไปข้างหน้า

“ผมล้อเล่นน่าคุณ  ไปๆ  เข้าข้างในกันเนาะ”




“ผมว่ามันไม่น่าจะมีใครมาเปิดไฟประดับอะไรของคุณตอนนี้นะ”

ในฝันที่ผมเคยบอกไอซ์ไว้ก็คือ  ผมกับไอซ์อยู่ในสวนที่ประดับไปด้วยไฟประดับสีขาว  แต่ตอนนี้ในสวนกลับมืดสนิทจนน่ากลัว  ที่ผมบอกว่าน่ากลัว  ไม่ใช่กลัวว่าจะมีสิ่งลี้ลับออกมาหรอกนะครับ  แต่น่ากล้วว่าฝันผมจะไม่เป็นจริงนี่แหละ  หรือว่าผมจะเข้าใจผิดกัน  ใครจะมาเกินฝันเป็นจริงสองเรื่องในวันเดียวกันได้  ทำไมผมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

ในขณะที่ไอซ์เดินนำผมเข้าไปอีก  2  ก้าว  ผมกลับหยุดเดินและกำลังจะอ้าปากเพื่อชวนเขากลับ  เพราะเห็นว่ามันไม่น่าจะมีไฟประดับอะไรโผล่มาเหมือนกับในฝันได้  แต่จู่ๆ  ทั่วทั้งบริเวณก็สว่างไสวไปด้วยแสงของไฟดวงเล็กๆ  สีขาว  ที่กระพริบสลับกันเป็นจังหวะ  ผิดกับหัวใจของผมที่ตอนนี้กลับเต้นไม่เป็นจังหวะเลยสักนิด  คนที่เดินนำไปก่อนชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามองหน้าผม  เราจ้องตากันนิ่งอยู่สักพักแล้วก็เป็นผมที่เอ่ยเสียงออกมาเพื่อกำจัดความเงียบนี้

“นี่ถ้าคุณปฏิเสธผมเท่ากับคุณทำลายความฝันผมเลยนะ”

“เอาแต่ใจนะครับแบบนี้”

“โธ่คุณ  ก็มากันขนาดนี้แล้ว”

“คุณก็ลองพูดดูสิครับ  เดี๋ยวผมจะลองคิดดู”

“ถ้าคุณยังจำได้  วันก่อนผมเล่าให้คุณฟังไปหมดแล้วว่าผมพูดว่าอะไร  งั้นวันนี้ผมจะขอโอกาสคุณแล้วกัน”

ผมค่อยๆ  เอื้อมมือไปจับมือข้างที่เป็นแผลของไอซ์มากุมเอาไว้โดยไม่ลืมที่จะระวังไม่ให้ไปโดนแผลของเขาเข้า  ผมเข้าใจนะถ้าไอซ์จะปฏิเสธผม  เพราะมันอาจจะเร็วไปที่จะมาเร่งให้ไอซ์ตัดสินใจในตอนนี้  ผมยังมีเวลาอีกเยอะที่จะทำให้ไอซ์เชื่อมั่นในตัวของผม  แต่ก็อย่างที่ผมบอกไหนๆ  ก็มากันขนาดนี้แล้ว  ผมมองเข้าไปในตาไอซ์  สูดลมหายใจเข้าลึก  ก่อนจะพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเองออกมาทางคำพูด 

“ผมเคยบอกว่าผมฝันไม่ดีเกี่ยวกับคุณ  ถึงผมจะต้องตกใจและก็เครียดทุกครั้งที่ฝันถึง  แต่ตอนนั้นมันก็มีความดีใจที่พอผมตื่นขึ้นมาแล้วมันเป็นแค่ความฝันด้วย  แล้วคุณรู้อะไรไหม  ตอนนี้ผมกำลังกลัว  เพราะผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น  ในเมื่อความฝันของผมเริ่มเป็นจริงขึ้นมาทีละอย่าง  ผมกลัวว่ามันจะเป็นเหมือนในฝันครั้งแรกที่ผมฝันถึงคุณ  ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากในฝันนั้นเป็นอย่างไรต่อ  ไม่รู้ว่าผมกับคุณจะยังได้มีโอกาสทำแบบนี้อยู่ไหม  ผมไม่อยากเสียเวลาที่ผมมีโอกาสจะใช้ร่วมกับคุณไป  ความฝันของผมมันอาจจะเกิดขึ้นในวันนี้  พรุ่งนี้  ในอีกไม่กี่วัน  ไม่กี่เดือนข้างหน้า  หรือมันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย  แต่ระหว่างนี้ผมอยากจะดูแลคุณ  อนุญาตให้ผมได้ดูแลคุณได้ไหมครับ”

ไอซ์ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร  มีเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆ  ที่ถูกส่งกลับมาให้  ก่อนที่จะแกะมือของผมที่กุ้มมือเขาเอาไว้ออก  ถึงจะคิดว่าตัวเองไม่ได้คาดหวังอะไรแต่พอไอซ์ทำแบบนี้  ผมรู้สึกเลยครับว่าคำที่เค้าว่ากันว่าหน้าชารู้สึกยังไง  ผมมองหน้าไอซ์นิ่ง  ส่วนไอซ์เองก็ยังคงจ้องมาที่ผมเหมือนกัน  แล้วจังหวะนั้นเองที่ไอซ์ทิ้งตัวโผเข้ามากอดผมเอาไว้ทั้งตัวจนทำเอาผมเกือบเซไปข้างหลัง

“อะไรกันคุณ  ไม่ตอบแต่เข้ามากอดผมแบบนี้เนี่ยนะ”

“ก็นี่ไงคำตอบของผม”

“ยังไม่เห็นตอบเลยคุณ”

“คุณฝันว่าอะไรล่ะ”

“ฝันว่าเราเป็นแฟนกัน”

“ครับ”

“คือ..”

“ฝันของคุณเป็นจริงแล้วครับ”








#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

7  พฤศจิกายน


วันนี้ผมตื่นมาด้วยอาการผิดหวังเล็กๆ เพราะเมื่อคืนเป็นคืนแรกในรอบ 2 ปีที่ผมนอนหลับโดยที่ไม่ฝันอะไรเลย 

ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาผมเอาแต่ฝันถึงไอซ์จนมันเกิดเป็นความเคยชิน พอไม่ฝันถึงเขาแบบนี้ผมก็อดที่จะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาไม่ได้ สำหรับไอซ์ พอความฝันเกิดเป็นจริงขึ้น คืนต่อไปเขาก็จะฝันถึงเรื่องราวในวันถัดไป แต่สำหรับผมนี่สิ พอฝันเกิดเป็นจริงขึ้นมาได้ คืนต่อไปกลับไม่ฝันอีกเลยเอาซะอย่างนั้น

จะว่าไปตอนที่กำลังอยู่ในเหตุการณ์จริงที่เหมือนกับความฝัน พอรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นแบบนั้น มันก็ไม่ดีเหมือนกันแฮะ เหมือนกับว่าความรู้สึกมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เหมือนเรารู้สึกแบบนี้ไปแล้วในฝัน แล้วยังต้องมารู้สึกต่อในความเป็นจริงอีก แต่ถ้าจะถามผม ว่ารู้สึกอย่างไรที่ฝันเป็นจริงน่ะหรอ ตอนนี้ผมก็บอกได้แค่ว่าเขินแหละครับ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอีกทีก็ยังเขินอยู่ไม่หาย ว่าแล้วผมก็ควานหาโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงหัวเตียงมาส่งข้อความหาคนพี่เพิ่งนึกถึงไปเมื่อครู่



Graph :  แผลคุณเป็นไงบ้าง

Graph :  นี่คุณออกไปทำงานแล้วใช่ไหม

Graph :  ไม่ปลุกผมเลยนะ



ผมทิ้งข้อความไว้แค่นั้น แล้วสลับหน้าจอโทรศัพท์เพื่อโทรหาไอ้เพื่อนตัวโย่งของผม เพราะเห็นแจ้งเตือนว่ามันโทรมาหาผมตั้งหลายสาย 

ระหว่างที่รอสายผมก็ลุกออกจากเตียง เดินเสยผมฟูๆ ของตัวเองไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม ที่ไอ้ปอนด์โทรมาหลายสายนี่ก็คงจะไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็คงจะโทรมาถามเรื่องความฝันของผมนั่นแหละ นี่คงจะอยากรู้แย่แล้วมั้ง ว่าผมฝันว่าอะไร มันคงคิดว่าความฝันของผมเมื่อคืนคงจะเกิดขึ้นในวันนี้เหมือนกับความฝันของไอซ์แน่ๆ



‘กูโทรหามึงตั้งแต่เช้า จนกูลืมไปแล้วเนี่ยว่าจะโทรหาเรื่องอะไร’ รับสายไอ้ปอนด์มันก็ใส่ผมทันทีเลยครับ

“งั้นกูวาง”

‘มึงก็ไม่ให้เวลากูได้เล่นตัวบ้างเลยนะ ว่าแต่ว่า เมื่อคืนมึงฝันว่าอะไรวะ’ นั่นไง คิดเอาไว้ไม่มีผิด

“โทรมากูแต่เช้าเพื่อถามแค่นี้ เพื่อนอ่ะ”

‘ไอ้กราฟ มึงอย่ามาลีลา รีบๆ เล่ามา กูต้องรีบไปเจอลูกค้า เดี๋ยวสาย’

“นี่มึงสนใจเรื่องของกูมากกว่าเรื่องงานอีกหรอ กูต้องดีใจไหมเนี่ย”

‘กูรักมึงไงเพื่อน กูก็เลยสนใจมึงเป็นพิเศษ แล้วก็เร็วๆ ด้วย กูเหลือเวลาอีก 5 นาที’

“ไม่ฝัน”

‘ไม่ฝันได้ไงวะ หรือว่าเมื่อคืนมึงไม่ได้นอน’

“นอน แต่ว่าไม่ได้ฝัน”

‘อะไรวะ ไม่หนุกเลย แล้วคุณไอซ์ล่ะ ฝันถึงมึงรึป่าว’

“ไม่รู้ ยังไม่ได้คุย กูตื่นกูก็โทรหามึงเลยเนี่ย กับแฟนกูยังไม่สนใจเท่านี้เลย”

‘โธ่...เพื่อน... มึงไม่มีแฟน’ ดู ดูน้ำเสียงมันครับ

“เมื่อคืนหลังจากมึงกลับไป ฝันกูดันเป็นจริงขึ้นมาอีกอย่างว่ะ”

‘อะไรวะ’

“กูขอคบกับไอซ์”

‘ไหนบอกมึงไม่ฝันไง เนี่ย มึงยังไม่ตื่นอ่ะไอ้กราฟ’ เสียงหัวเราะของไอ้ปอนด์ดังตามมาติดๆ นึกถึงหน้ามันตอนหัวเราะออกขึ้นมาทันทีเลยผม

“แล้วไอซ์ก็ตอบตกลง”

‘ห๊ะ’

“กูรู้มึงได้ยิน ได้ยินแล้วก็ไปทำงานได้แล้วไป เดี๋ยวลูกค้ารอ มีอะไรก็กลับไปคุยกันที่ออฟฟิศ กูกำลังจะเข้าไป แค่ นี้ นะ”



ผมรีบตัดบทวางสายจากไอ้ปอนด์ไปหลังจากได้อวดเรื่องของไอซ์ แต่มันก็ยังไม่วายที่จะส่งข้อความกลับมากวน คราวนี้เป็นการเตือนว่าผมต้องพาไอซ์ไปงานวันเกิดมันให้ได้ ไอ้ปอนด์นี่ก็ไม่รู้จะอะไรกับวันเกิดของตัวเองนักหนา ผมเห็นมันวอแวไอซ์มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เลยแกล้งตอบกลับไปว่า ‘ไม่’ แค่คำเดียวเพราะเริ่มจะรำคาญ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วพาตัวเองไปอาบน้ำ ว่าจะเข้าออฟฟิศไปดูงานที่เพิ่งได้มาหลังจากจบพรีเซนต์เมื่อวาน เพราะงานนี้ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มตั้งแต่แรก แค่ไปพรีเซนต์ให้เฉยๆ อย่างที่บอก เลยอยากจะดูให้แน่ใจว่าน้องที่ทำงานนี้จะทำมันอย่างเรียบร้อยดี และไม่มีอะไรผิดพลาด





วันนี้ผมได้มานั่งที่โต๊ะทำงานได้โดยไม่ต้องผ่านการสัมภาษณ์จากไอ้แจง ที่ไม่รู้ว่าเป็นแผนกบัญชีหรือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์ เพราะวันนี้ไอ้แจงมันลา เพราะต้องพาแม่ไปตามนัดหมอ โล่งหูไปได้เปราะนึง น้องที่นัดเอาไว้ก็บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะตามเข้ามา แล้วผมจะทำอะไรดีล่ะทีนี้

ว่าแล้วก็หยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าส่งข้อความไปหาไอซ์ตั้งแต่เมื่อช่วงสาย นี่ก็ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยงแล้วไอซ์ก็ยังไม่ตอบข้อความผมกลับ จากที่ตั้งใจว่าจะโทรไปหาเขา แต่เห็นว่ายังไม่อ่านยังไม่ตอบข้อความแบบนี้ คาดว่าน่าจะกำลังยุ่งอยู่ ผมเลยต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทนเพื่อฆ่าเวลา

แอพไอจีเลยเป็นที่พึ่งถัดไป เพราะไม่ได้เข้ามาสักพักก็จะมีอะไรให้ดูเยอะหน่อย แต่ไถไปสักพักก็เริ่มรู้สึกเบื่อ เลยเปลี่ยนจากการเลื่อนดูรูปภาพของคนอื่นเป็นการลงภาพของตัวเองบ้าง

ภาพของเปลือกและหางกุ้งกองโต มีแบล็คกราวน์เป็นคน 2 คนซึ่งเบลอจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร ที่ผมถ่ายเอาไว้หลังจากที่แกะให้ไอซ์ทานจนอิ่ม ถูกโพสต์ขึ้นพร้อมกับแคปชั่นว่า



‘เป็นแฟนวันนี้ แถมฟรี!! คนแกะกุ้งตลอดชีวิต’



แล้วเพียงแค่เวลาไม่นานทั้งไลค์แล้วก็คอมเมนต์ก็ค่อยๆ ทยอยเข้ามากันเรื่อยๆ จากพวกหน้าเดิมๆ ที่คอยป่วนไอจีผมอยู่เป็นประจำนั่นแหละ ผมไล่อ่านคอมเมนต์แล้วก็นั่งขำอยู่เงียบๆ คนเดียว บางคนทำตัวเป็นโคนัน เพราะส่วนใหญ่จะรู้ว่าผมกินกุ้งได้ทั้งเปลือก แต่ละคนสันนิฐานกันไปต่างๆ นานา ว่าใครจะเป็นแฟนกับใคร หรือว่าแบล็คกราวน์เบลอๆ ที่เห็นคุยกันอยู่ข้างหลังกองเปลือกกุ้งนั้นคือใคร แต่พอคอมเมนต์ล่าสุดเด้งเตือนขึ้นมา ก็ทำเอาผมต้องขมวดคิ้วตัวเองทันที



‘หนูก็ชอบกินกุ้งค่ะ วันหลังขอตามไปด้วยอีกนะคะพี่กราฟ’



อย่างคิดว่านั่นจะเป็นคอมเมนต์จากสาวที่ไหนเชียวครับ เพราะนั่นคือคอมเมนต์จากไอ้คนที่บอกว่ามีนัดคุยกับลูกค้าเมื่อกี้นั่นแหละ ทีนี้แหละครับไอจีผมแถบแตก ทุกคนพากันไปรุมที่คอมเมนต์ของไอ้ปอนด์ถามว่า 1 ใน 2 คนข้างหลังนั้น คือไอ้ปอนด์ใช่ไหม และผมไปแกะกุ้งให้ใครมากันแน่

ผมกำลังจะพิมพ์ตอบกลับไปแต่ก็ดันมีสายเรียกเข้ามาซะก่อน ตอนนี้คนในไอจีก็ไม่สำคัญเท่าคนที่โทรเข้ามาแล้วแหละครับ

ผมกดรับสายอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดที่จะเล่นตัว ไม่ใช่ไม่อยากปล่อยให้คนโทรเข้ามารอนาน แต่เพราะผมเองนี่แหละ ที่รอสายนี้มาตั้งแต่เช้า



“คิดถึงคุณจัง” ประโยคบอกเล่าที่ผมใช้แทนคำทักทาย ถูกส่งออกไปพร้อมกับร้อยยิ้มทันที ถึงแม้คนปลายสายจะมองไม่เห็น

‘คุณต้องรีบไปไหนหรอ ถึงต้องให้ปลุก’

“ก็ไม่ได้รีบไปไหนหรอกครับ แค่คิดว่าคุณน่าจะอยากคุยกับผมเป็นคนแรกของวันเหมือนกัน”​

‘นี่กำลังจีบผม​อยู่​หรอคุณ ไม่ผ่านนะครับมุกนี้’

“ใครว่ามุกกันล่ะคุณ​ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ​ หรอก ตอนส่งข้อความไปหาคุณ ผมยังไม่ได้ลุกออกจากที่นอนเลยด้วยซ้ำ ตื่นมาปุ๊บก็คิดถึงคุณเลย”

‘ไม่ทำงานรึไงคุณ ตอนนั้นมันสายแล้วนะน่ะ’

“มาถึงออฟฟิศสักพักแล้วครับ คุณงานยุ่งหรอ”

‘นิดหน่อยครับ แต่หลังบ่าย 2 ก็ว่างแล้ว’

“ฮั่นแน่ นี่ตั้งใจจะบอกผมว่าหลังบ่าย 2 อยากไปหาก็ไปได้ใช่ไหม นี่ไม่ได้กำลังจีบผมอยู่ใช่ไหมคุณ”

‘กลับไปจีบกันใหม่ก็น่าจะดีนะครับ’

“เนี่ย ผมก็ล้อเล่นไงคุณ ว่าแต่คุณจะไปไหนต่อรึป่าว”

‘ว่าจะไปหาของขวัญให้คุณปอนด์ครับ’

“งั้นเดี๋ยวผมไปรับนะ จริงสิคุณ เมื่อคืนคุณฝันถึงผมไหม”

‘ไม่ครับ แล้วคุณล่ะ’

“ผมก็ไม่ฝันเหมือนกัน แปลกๆ เนาะ คุณว่าไหม ฝันถึงกันตลอดเลย อยู่ๆ ก็ไม่ฝันซะงั้น ผมรู้และทำไมเมื่อเช้าผมถึงคิดถึงคุณมากขนาดนั้น”


ผมได้ยินเสียงไอซ์ถอนหายใจเบาๆ แล้วว่าผมว่าเวอร์ ก็คงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละครับ ผมไม่ใช่แค่ไอซ์ที่รู้สึก ผมเองยังรู้สึกเลย

ผมคุยกับไอซ์แค่อีกไม่กี่คำเขาก็ขอวางสายไปเพราะต้องไปทำงานต่อ ส่วนทางผมน้องที่นัดไว้ก็เข้ามาพอดี เลยได้เริ่มคุยงานกัน



งานทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องออกไปหาไอซ์ ผมขับรถมาจอดรอไอซ์อยู่ที่หน้าตึกบริษัทพีเจ เพราะด้านหน้าของตึกทั้งหมดเป็นประจกใส ผมเลยเเห็นคุณผู้บริหารเดินมาพร้อมกับไอ้คุณเลขาฯ คนเดิม วันนี้ไอซ์ก็ยังคงอยู่ในชุดสูทเต็มยศ เห็นส่งอะไรให้กันสักอย่างเสร็จไอซ์ก็เดินตรงมาทางที่ผมจอดรถอยู่ทันที

ผมใช้แขนทั้งสองข้างพาดซ้อนกันไว้บนพวงมาลัยแล้ววางคางของตัวเองลงไปเพื่อตั้งใจมองทุกย่างก้าวของไอซ์ จนเมื่อเขาก้าวเข้ามาในรถ ขมับผมก็แนบไปกับท่อนแขนของตัวเองพอดี

“เหนื่อยไหมคุณ” ผมถามไอซ์ทันทีที่เขาปิดประตูรถเสร็จ

“ไม่ครับ” ไอซ์หันมาส่งยิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปดึงเบลท์มาคาดเอาไว้ “แล้วนี่รอนานจนจะหลับเลยหรอคุณ”

“ไม่ได้จะหลับครับ แต่ผมกำลังตั้งใจมองคุณต่างหาก มองตั้งแต่อยู่ในตึกนู้น จนคุณเดินมานั่งตรงนี้” ผมเล่าให้ไอซ์ฟังทั้งที่สายตายังคงจ้องอยู่ที่คนตรงหน้าไม่ละไปไหน

“แล้วเป็นไงบ้างครับ เจออะไรผิดปกติไหม”

“เจอสิ” ไอซ์ไม่ได้มีท่าที่ตกใจที่ผมบอกว่าเขามีอะไรผิดปกติ แต่กลับส่งยิ้มกลับมาให้ผม

“เจออะไรครับ”

“ผมว่าวันนี้คุณน่ารักกว่าเมื่อวาน”

“จีบอีกแล้วหรอคุณ งั้นผมว่าเรา”

“ผมว่าเราควรออกรถ ไปซื้อของกันเนาะคุณ เสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกิน แล้วเดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ห้อง โอเคนะ”

ผมพูดไปพร้อมกับเด้งตัวเองขึ้นมาใส่เกียร์แล้วขับรถออกไปจากตรงนั้นทันที รู้แหละครับว่าไอซ์แค่แกล้งผมเล่น แต่กลัวเขาจะไม่สนุกไง ผมก็เลยเล่นกับเขาด้วย เห็นไอซ์ยิ้มออกมาได้เพราะได้แกล้งผม ผมเองก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย

นี่สินะพลังแห่งความรัก ขนาดโดนแกล้งยังมีความสุขเลยคิดดู





“คุณว่าผมจะซื้ออะไรให้คุณปอนด์ดี” ไอซ์ที่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าแผนกบุรุษของห้างสรรพสินค้าใกล้กับคอนโดหันมาถามผม

“ผมว่าคุณถามผิดคนแล้วแหละ นี่ผมเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งหลายปียังไม่เคยให้ของขวัญมันเลย”

“งั้นตอนนี้คุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”

“ถามผมแต่จะซื้อให้ไอ้ปอนด์หรอคุณ ไม่เอาอ่ะ ผมอิจฉา” ไอซ์ขมวดคิ้วให้กับคำตอบของผม

“เป็นเด็กรึไงกันคุณ”

“ความจริงผมไม่อยากให้คุณไปงานเลยด้วยซ้ำ”

“ทำไมครับ ถ้าคุณอาย ผมไปในฐานะเพื่อนคุณปอนด์ก็ได้นะ แล้วถ้าเจอกันในงานเราก็ไม่ต้องทักกัน” ไอซ์ใช้นิ้วมือชี้ไปทางซ้ายบอกทางให้ผมรู้ว่าเราจะไปทางไหน ซึ่งผมเองก็เดินตามอย่างว่างาย และยังคงอธิบายเรื่องที่เรากำลังคุยกันไปด้วย

“ไม่ใช่แล้วคุณ ที่ผมไม่อยากให้คุณไปก็เพราะผมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักของคุณต่างหาก คุณก็รู้ว่าผมขี้หวง”

ไอซ์ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เห็นหูของเขาเริ่มเปลี่ยนสีผมก็เริ่มรู้แล้วว่าตอนนี้ไอซ์กำลังรู้สึกยังไง ยังดีที่ตอนนี้เขายังไม่ทิ้งผมไว้แล้วรีบเดินหนีไป แต่ถ้าขืนผมยังพูดต่ออันนี้ก็คงไม่แน่

“ไม่ต้องซื้ออะไรดีมากหรอกคุณ ไอ้ปอนด์มันมีตัง อยากได้เดี๋ยวมันก็ซื้อใช้เองแหละ จับมือไหม เดี๋ยวหลงนะ”

พูดจบผมก็ส่งยิ้มกว้างแล้วแบมือของตัวเองยื่นไปหาคนที่เดินอยู่ข้างๆ ทันที แล้วก็เป็นไปตามคาดครับ ไอซ์ฟาดฝ่ามือของตัวเองลงมาที่มือของผม ฟาดที่แปลว่าฟาดจริงๆ ครับ นี่ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย ทั้งที่คนฟาดเดินน้ำผมไปโน่นแล้ว




เราเดินเลือกของกันได้สักพักไอซ์ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อน้ำหอมเป็นของขวัญให้กับปอนด์ เพราะไอซ์บอกว่าคราวก่อนที่เจอกันเขาจำได้ว่าปอนด์ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร ซื้อให้ไปก็น่าจะได้ใช้แน่ๆ ผมนี่ถึงกับตกใจ ขนาดผมยังไม่รู้เลยว่าไอ้ปอนด์มันใช้น้ำหอมอะไร เพราะผมเองก็ใช้น้ำหอมอยู่แค่ไม่กี่กลิ่น นี่ผมปล่อยให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันมากไปจนรู้กลิ่นน้ำหอมกันแล้วหรอ หรือว่าผมจะลองถามไอซ์ดูบ้างว่ารู้ไหมว่าผมใช้น้ำหอมอะไร เขาจะรู้ไหมเนี่ย

ไอซ์เดินหายไปกับ BA ที่ประจำอยู่ที่เค้าเตอร์แบรนด์ได้สักพักก็กลับมาพร้อมกับกล่องของขวัญสีขาวผูกโบว์สีน้ำเงินเข้มขนาดเท่าฝ่ามือ ถึงตอนนี้ผมว่ามันคุ้นๆ แล้วแหละครับ ความฝันของผมเมื่อหลายวันก่อน ผมกับไอซ์จะไปงานวันเกิดปอนด์ด้วยกัน นี่อย่าบอกนะว่าความฝันของผมกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาอีกอย่าง

ถ้าไอซ์ฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าในวันถัดไป ผมก็ฝันล่วงหน้าไปนานกว่านั้นอย่างนั้นหรอ

ไม่จริงน่า

เรื่องนี้มันอาจจะบังเอิญก็ได้ ทางห้างอาจจะมีแค่กระดาษสีนี้ และโบว์สีนี้ก็ได้

แล้วผมก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้ไว้กับตัว แล้วเดินไปหาไอซ์ที่ยืนรอผมอยู่

“เสร็จแล้วใช่ไหมคุณ”

“ครับ คุณหิวรึยัง”

“ก็ยังไม่ค่อย คุณล่ะ”

“ยังเหมือนกัน งั้นเอาเป็นแบบนี้ไหมคุณ เราซื้อของกลับไปทำที่ห้องกัน วันนี้กินอะไรง่ายๆ ก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเยอะ”

“ติดใจฝีมือผมซะแล้วหรอคุณ”

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะครับ”

“ย้ายมาอยู่กับผมไหมล่ะ เดี๋ยวจะทำให้กินทุกวันเลย”

“ไม่ดีมั้งครับ”

“หรือว่าจะให้ผมย้ายไปอยู่กับคุณดี ผมแบบไหนก็ได้นะ ขอแค่มีคุณ”

“หยุดจีบผมได้แล้วคุณ มันเขิน”





ของสดและผลไม้ที่เราสองคนช่วยกันเลือกซื้อมาถูกวางเอาไว้บนโต๊ะกินข้าวที่ห้องของไอซ์ เจ้าของห้องทิ้งผมไว้แล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน ผมเองก็จัดแจงเตรียมทำอาหารง่ายๆ สำหรับเราสองคน เมนูวันนี้ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ข้าวต้มกุ้ย คะแหนงผัดน้ำมันหอย ยำไข่แดงเค็ม แล้วก็สามชั้นทอดน้ำปลา

ไม่นานเจ้าของห้องก็เดินออกมาด้วยชุดสไตล์เดิม เสื้อยืดแขนยาวสีขาวและกางเกงขาสั้นสีเข้มที่วันนี้จะดูคุ้นตาเป็นพิเศษ แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าไปคุ้นกับชุดอยู่บ้านของไอซ์ได้ยังไง เพราะนี่เป็นแค่ครั้งที่สองที่ผมได้มีโอกาสเจอเขาในชุดลำลองสบายๆ แบบนี้

“ให้ผมช่วยอะไรไหมคุณ” ผมหันไปมองไอซ์ที่กำลังรื้อหาสตรอว์เบอร์รี่สดที่ซื้อมา

“แผลเก่ายังไม่หายเลยนะคุณ อยากได้อีกแผลรึไง” ไอ้เบะปากใส่ผมพร้อมกับย้ายกล่องสตรอว์เบอร์รี่ไปที่ซิงค์ล้างจาน

“งั้นผมล้างอันนี้ก็ได้ แล้วก็จะกินคนเดียวให้หมดระหว่างที่รอคุณทำอาหาร”

ผมมองไอซ์ที่เอาสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตไปผ่านน้ำที่ไหลลงมาจากก๊อก สะบัดมันไม่กี่ทีก็ส่งผลไม้สีแดงสดนั้นเข้าปาก มาถึงตอนนี้เองที่ผมรู้แล้วว่าที่ผมคิดว่าชุดของไอซ์คุ้นๆ น่ะไม่ใช่เพราะผมคิดไปเอง ผมเคยเห็นมันในฝันของตัวเองนี่แหละ ทั้งกลิ่นและรสชาติของสตรอว์เบอร์รี่ที่ผมยังคงจำได้ดี แม้จะลืมตาตื่นขึ้นมา

“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมกำลังนึกถึงความฝันของตัวเองอยู่” ผมละจากสิ่งที่ทำอยู่แล้วเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าไอซ์

“ครับ?” ไอซ์ที่เคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่อยู่เต็มปากหันมาเลิกคิ้วถามผม

“คุณรู้ไหมความฝันของผมกำลังจะเป็นจริงอีกอย่างนึงแล้ว” ผมยังคงขยับเข้าไปใกล้ไอซ์เรื่อยๆ จนเขาถึงกับต้องเอ่ยเตือน

“ใกล้ไปแล้วมั้งคุณ”

“ผมกำลังจะบอกคุณไง ว่าผมฝันว่าอะไร”

แล้วผมจรดปลายจมูกของตัวเองลงไปที่แก้มขาวๆ ของคนตรงหน้า แต่แค่ไม่ถึงอึดใจก็ผละออกมา ผมยืนยิ้มมองไอซ์ที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่หู แต่เป็นทั้งหน้าของเขาที่กำลังเปลี่ยนสี เขายังคงยืนมองหน้าผมนิ่งเหมือนกับไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป

“หน้าแดงแล้วคุณ” ได้ยินผมแซวออกไปแบบนั้น ไอซ์ก็ยกมือขึ้นมากุมแก้มข้างที่โดนผมขโมยหอมไปเมื่อครู่

“คุณไม่เคยเล่าให้ผมฟัง ว่าคุณฝันว่าหอมแก้มผม”

“ก็ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงนี่ แต่ผมเล่าให้ไอ้ปอนด์ฟังนะ ถ้าคุณเจอมันลองถามมันดูก็ได้”

“คุณจะให้ผมไปถามคุณปอนด์ ว่าคุณกราฟเคยฝันว่าหอมแก้มผมใช่ไหมครับ แบบนี้หรอคุณ”

“ครับ”

“ใครจะไปทำแบบนั้นกัน”

“แล้วไอ้ปอนด์มันก็จะตอบว่าไม่ใช”

“เอ้า” ไอซ์ส่งสตรอว์เบอร์รี่คำสุดท้ายในมือเข้าปากแล้วเคี้ยว เตรียมจะหันหน้าหนีผม

“มันจะบอกว่าผมฝันว่าเราจูบกัน”

“ผมเนี่ยนะจะ อื้อ”

จังหวะที่ไอซ์หันกลับมาเพื่อจะเถียงกับผม จังหวะนั้นเองที่ผมคว้าเอาต้นคอของไอซ์เข้ามาแล้วกดริมฝีปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากล่างสีระเรื่อนั่น ผมรู้สึกถึงแรงดันของมือทั้งสองข้างของไอซ์ตรงหน้าอก ดวงที่ตาเบิกกว้างเพราะน่าจะตกใจกับการกระทำของผม แต่เพียงแค่ไม่นานไอซ์ก็ยอมรับเอาสัมผัสจากริมฝีปากของผมไป เมื่อได้รับสัญญาณเหมือนเป็นการให้อนุญาต ลิ้นร้อนก็ถูกแทรกส่งเข้าไปในโพรงปากของอีกคนเพื่อทำการสำรวจทันที ลิ้นของเราพันเกี่ยวกันไปมา กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสหวานอมเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รี่ที่ไอซ์เพิ่งเคี้ยว ถูกผมใช้ลิ้นกวาดต้อนมาเก็บเอาไว้จนเสมือนกับเพิ่งได้เคี้ยวมันด้วยตัวเอง มันทั้งหวาน ทั้งหอม ทั้งฉ่ำ แถมริมฝีปากของไอซ์ก็นุ่มกว่าในฝันเป็นไหนๆ

ยิ่งเวลาผ่านไป ผมเองก็ยิ่งรุกล้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนโดนไอซ์ประท้วงด้วยการส่งเสียงในลำคอและออกแรงดันที่แผงอกอีกครั้ง ทำให้ผมต้องค่อยๆ ถอนเอาริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เห็นเขาสูดหายใจเข้าออกถี่ๆ ใบหู และหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างเห็นได้ชัด แถมยังก้มหน้าหลบตากันจนคางแถบจะติดกับคอ ผมเองก็รู้สึกผิดขึ้นมาในทันที ว่าทำไมผมถึงไม่อ่อนโยนกับเขาให้มากกว่านี้สำหรับจูบแรกของเรา แต่ถึงจะคิดแบบนั้นมันก็อดที่จะเอ่ยแซวคนที่ยืนเขินอยู่ตรงหน้าไม่ได้



“สตรอว์เบอร์รี่อร่อยดีนะคุณ”



แล้วผมก็ได้รางวัลจากไอซ์เป็นการฝาดฝ่ามือมาที่ท่อนแขนแรงๆ หนึ่งที ก่อนที่ไอซ์จะหันไปหยิบเอาจานสตรอเบอร์รี่ที่เขาเพิ่งล้างเดินหนีผมไปนั่งหน้าทีวี แล้วเอาแต่กัดสตรอเบอร์รี่คำโตเข้าปากโดยไม่หันกลับมามองผมอีกเลย




#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #23 เมื่อ07-10-2019 19:13:29 »

 :pig4:
 :3123:
 o13

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
8 พฤศจิกายน

“คุณยังไม่เสร็จอีกหรอ”
เสียงคุ้นหูที่แว่วมาจากด้านนอกทำเอามือที่กำลังจัดแต่งทรงผมของตัวเองอยู่เกิดชะงัก ผมรีบเดินตรงไปเปิดประตูห้องนอนเพื่อเป็นการยืนยันทันทีว่าผมไม่ได้คิดไปเอง
..ผมได้ยินเสียงของไอซ์..
แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไอซ์ในชุดสุภาพนั่งอยู่ที่โซฟา แล้วส่งยิ้มกลับมาให้ผม ตรงหน้ามีแก้วน้ำที่พร่องไปแล้วกว่าครึ่ง คงจะเข้ามานั่งรอผมได้สักพักแล้ว
“เข้ามาเงียบๆ แบบนี้ผมตกใจหมดนะคุณ”
“ก็ต้องมาเงียบๆ แบบนี้แหละครับ เผื่อคุณซ่อนใครเอาไว้ผมจะได้เห็นไง”
“แล้วเจอใครไหมครับ”
ผมหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปถามอีกคนใกล้ๆ อาจะเป็นเพราะคนตรงหน้าเพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวมาเหมือนกัน เลยทำให้ได้กลิ่นของน้ำหอมชัดเจนกว่าวันไหนๆ และอดไม่ได้ที่จะยังคงลอบสูดดมกลิ่นประจำตัวของอีกคนต่อถึงแม้จะโดนมองด้วยสายตาคาดโทษก็ตาม


เมื่อคืนผมกับไอซ์ไม่ฝันถึงกันอีกแล้วครับ ไม่ฝันอะไรเลยหลังจากที่ฝันเหมือนกันในวันก่อน ตอนแรกเป็นผมเองงอแงมากเรื่องความฝัน ก็ผมฝันถึงเขามา 2 ปีนี่ครับ อยู่ๆ มาไม่ฝันถึงกันแบบนี้ มันก็ต้องมีบ้างที่จะรู้สึกไม่ชิน แต่ไอซ์ก็ปลอบใจผมด้วยการบอกว่าวันนี้ฝันของผมกำลังจะเป็นจริงอีกหนึ่งอย่าง เอาจริงๆ ผมเองไม่ได้ตื่นเต้นเลยเรื่องความฝันของวันนี้ ถ้าผมไม่ไปถามไอซ์ต่อเรื่องกระดาษห่อของขวัญกับริบบิ้น
ผมถามไอซ์ว่าเขาเป็นคนเลือกกระดาษและริบบิ้นเอง หรือว่าเป็นบริการจากทางห้าง ไอซ์ก็ตอบว่าเขาเป็นคนเลือกเเองเพราะเป็นสีที่เขาชอบ ซึ่งมันดันไปเหมือนในฝันของผมไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นกล่องของขวัญขนาดเท่าฝ่ามือ หรือแม้แต่สีของกระดาษห่อและริบบิ้น ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ปอนด์จะต้องชอบของขวัญของไอซ์มากแน่ๆ เพราะนั่นก็เป็นสีโปรดของมันเหมือนกัน
แต่เรื่องที่ผมกำลังเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้ก็คือ ถ้าลองนึกย้อนความฝันของผมกลับไป เรื่องแรกที่ผมฝันก็คือไอซ์โดนรถชนหลังจากตอบข้อความของผม เราทะเลาะกัน เราไปงานวันเกิดไอ้ปอนด์ด้วยกัน เราจูบกัน เราเป็นแฟนกัน และผมไปพรีเซนต์งานต่อหน้าไอซ์
ถ้าความฝันของไอซ์คือวันข้างหน้า ฝันของผมมันกำลังย้อนกลับรึป่าว
วันนี้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก็คือเราจะไปงานวันเกิดกัน แล้ววันรุ่งขึ้นเราก็จะทะเลาะกันแบบนั้นหรอ แล้ววันต่อมาไอซ์ก็…
“กราฟ!” เสียงเรียกของไอซ์ทำผมหลุดออกจากภวังค์ นี่ผมเอาแต่วนคิดถึงเรื่องความฝันจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้ว “คุณเป็นอะไรรึป่าว”
“คุณว่าอะไรที่จะทำให้เราไม่เข้าใจกันจนทะเลาะกันได้หรอ” ผมมองหน้าไอซ์แล้วรอฟังคำตอบของเขาอย่างตั้งใจ
“คุณกำลังคิดมากเรื่องความฝันที่คุณเคยบอกว่าเราจะทะเลาะกันอย่างนั้นหรอ”
“คุณ..จำได้”
ถึงแม้ในฝันของผมจะไม่ใช่การทะเลาะโดยการสาดคำพูดไม่น่าฟังใส่กันไปมา แต่ภาพที่ไอซ์ค่อยๆ เดินจากผมไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมาฟังคำอธิบาย ถึงผมจะตะโกนเรียกเขาดังขนาดไหนก็ตาม ความรู้สึกของผมในฝันนั้น ยังทำเอาเจ็บแปลบอยู่ในใจถึงจะตื่นขึ้นมาจากฝันแล้วก็ตาม
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องเดียวที่ผมว่าผมรับไม่ได้ก็น่าจะเป็น” คนพูดนิ่งไปแล้วมองหน้าผมนิ่ง น้ำลายก้อนใหญ่ถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก เพียงแค่เขาบอกมา ผมสาบานเลยว่าผมจะไม่ทำ ไม่เด็ดขาด “แค่ไปงานวันเกิดเพื่อนทำไมต้องหล่อขนาดนี้ด้วยคุณ”
“โธ่ คุณแกล้งผมหรอ” ไอซ์หัวเราะออกมาเสียงดัง แต่คนที่โดนแกล้งแบบผมนั้นหัวใจแทบวาย
“แกล้งที่ไหนกัน ก็ดูคุณสินี่ไปงานวันเกิดเพื่อนนะ จะหล่อไปไหน”
“ไม่ได้หรอกคุณ เดี๋ยวแพ้”
“แพ้?”
“ก็วันนี้จะเป็นวันเลี้ยงรุ่นขนาดย่อมๆ เลยไงคุณ เดี๋ยวผมหล่อน้อยกว่าคนอื่น คุณยอมได้หรอ”
“ก็ดีสิครับ จะได้ไม่มีใครมาสนใจคุณ”
“ต่อให้มีใครสักกี่คนสนใจผม แต่ผมก็สนใจแค่คุณนะ คุณไม่ต้องห่วง”
“ให้มันจริงเถอะครับ ถ้าผมยืนอยู่ข้างๆ แล้วคุณยังมัวแต่สนใจคนอื่น ผมคงเสียใจน่าดู”



ตอนนี้ผมกับไอซ์กำลังยืนอยู่หน้าบ้านของไอ้ปอนด์ เสียงเพลงจากด้านในดังอึกกระทึกมาถึงข้างนอก รถหรูที่จอดกันเรียงรายจนล้นออกมานอกรั้ว แสดงให้เห็นว่าผมกับไอซ์เรามาสายกันมากแล้วสำหรับงานในคืนนี้ เสียงเรียกของไอ้ปอนด์ดังขึ้น จนเจ้าของชื่อต้องหันไปตามเสียง ส่วนผมก็ได้แต่ยืนถอนหายใจแล้วก็ส่ายหัวไปมา มีอย่างที่ไหนแทนที่จะเรียกชื่อเพื่อนตัวเอง ไอ้เพื่อนตัวดีของผมมันดันไปเรียกชื่อไอซ์ซะอย่างนั้น
“คุณไอซ์...ดีใจจังครับที่มา มึงอ่ะมาสายไอ้กราฟ คนอื่นแม่งเมากันหมดแล้วเนี่ย” เห็นความสองมาตรฐานของไอ้ปอนด์มันไหมครับ
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณปอนด์ ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ครับ” ไอซ์ยื่นกล่องของขวัญให้กับปอนด์ ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วในฝันของผม เดี๋ยวอีกแป๊บผมก็คงได้เห็นรีแอคชั่นสุดเวอร์วังของไอ้ปอนด์ตามมาแน่นอน
“ขอบคุณนะครับ ถูกใจผมมากเลยครับอันนี้” ไอ้ปอนด์ที่ตอนนี้รับของขวัญมาจากมือไอซ์ ยกกล่องของขวัญอันเท่าฝ่ามือนั้นขึ้น แล้วหมุนไปทางซ้ายที ขวาทีด้วยสายตาเป็นประกายและยิ้มกว้างจนตีนกาขึ้นครบทุกเส้น จนผมคิดว่าไอซ์เองก็น่าจะรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของเพื่อนของผมเหมือนกัน ถึงได้ทำหน้าตาน่าเอ็นดูออกไปแบบนั้น
“แต่คุณปอนด์ยังไม่ได้เปิดมันเลยนะครับ รู้ได้ยังไงว่าจะชอบ”
“แค่เห็นกระดาษห่อผมก็รู้แล้ว ข้างในต้องดีมากแน่ๆ” นั่นไงครับ เหมือนในฝันไม่มีผิด
“พอได้แล้ว เวอร์มากมึงอ่ะ”
“แล้วไหนของขวัญมึง” ไอ้ปอนด์หันมาแยกเขี้ยวใส่ผม
“ก็ไอซ์ซื้อให้แล้วนี่ไง”
“ก็นั่นมันของคุณไอซ์ป่าววะ ไม่ใช่ของมึง”
“เดี๋ยวนี้มึงอ้อนเอาของขวัญจากกูหรอปอนด์”
“คุณไอซ์ดูมันดิ ตั้งแต่คบกันไม่มันไม่เคยให้ของขวัญผมเลยสักครั้ง นี่คุณไอซ์รู้ไหม...”
ไอ้ปอนด์พูดไปด้วยแล้วก็พาไอซ์เดินนำเข้ามาที่โต๊ะที่มันจัดไว้ให้ด้วย ตรงนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะเพื่อนๆ ที่มากันแล้วก็จะไปรวมกันที่สระว่ายน้ำ ปอนด์บอกให้ผมไปหาอะไรให้ไอซ์ทานก่อน แล้วค่อยตามเข้าไปข้างใน เพราะข้างในคนเยอะ กลัวไอซ์ที่เป็นทั้งแฟนผม แล้วก็ลูกค้ารายใหญ่จะไม่สะดวก ไอซ์เองก็ไม่ได้โต้แยงอะไร แถมยังนั่งฟังไอ้ปอนด์โม้อยู่ได้ไม่รู้จักเบื่อ
ผมเดินเข้ามาภายในเพื่อหาอะไรให้ไอซ์ทาน ได้แวะทักทายเพื่อนที่เดินสวนกันไปมาบ้างแต่ก็แค่ไม่กี่ประโยค และที่น่าแปลกใจคือทุกคนที่เข้ามาทักผมจะถามผมถึงเพื่อนอีกคนที่ไม่ค่อยสนิทกัน พร้อมกับทำหน้าตาเหมือนกับลำบากใจอะไรสักอย่าง จนผมเองก็อยากรู้ไปด้วยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนคนนี้โดยที่ผมไม่รู้ แต่เพราะต้องรีบพาตัวเองพร้อมอาหารและเครื่องดื่มกลับมาหาไอซ์ ผมเลยได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ กะเอาไว้ว่าเดี๋ยวค่อยมาถามเอากับไอ้ปอนด์เอา เพราะอย่างไอ้ปอนด์ไม่มีทางที่จะไม่อัพเดทข่าวสารของคนอื่นแน่ๆ
เดินกลับมาเห็นหลังของสองคนที่นั่งรอผมอยู่ข้างหน้าไม่ไกล เท้าของผมมันก็หยุดก้าวต่อไปอย่างอัตโนมัติ เพราะได้ยินชื่อของตัวเองในบทสนทนาของทั้งคู่
“นะครับคุณปอนด์เล่าให้ผมฟังหน่อย เห็นกราฟเขาไม่สบายใจ ผมว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าผมจะรู้ว่ามันคืออะไร”
ถ้าให้ผมเดาไอซ์คงกำลังถามปอนด์เรื่องความฝันของผมแน่ๆ ไม่ใช่ผมอยากจะมีความลับอะไรกับไอซ์ แต่ผมเองไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ ไม่อยากให้เขาต้องมาคอยระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวันข้างหน้าไหมเหมือนกับผม
“จริงๆ แล้วไอ้กราฟมันฝันว่า”
“นินทากูอยู่หรอมึง” เท้าที่หยุดอยู่กับที่เมื่อครู่เริ่มก้าวเดินอีกครั้ง แล้วมาหยุดข้างๆ คนที่มาด้วยกัน ไอซ์ยื่นมือมาช่วยรับอาหารและน้ำที่ผมถือมาเต็มสองมือแล้ววางลงที่โต๊ะ
“เอออ่ะดิ มึงก็ไม่น่ารีบกลับมาเลย เนาะคุณไอซ์เนาะ”
นี่แหละครับไอ้ปอนด์ มันไม่โกหก นินทาก็บอกนินทา แต่ไอซ์กลับมาท่าทางตกใจที่ไอ้ปอนด์ยอมรับว่านินทาผมมาตรงๆ อย่างเห็นได้ชัด
“คุณ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“คือผมไม่ได้ตั้งใจจะ...”
“ไม่เป็นไรเลยคุณ ผมไม่ได้โกรธ คุณกินนี่รองท้องไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวก่อนกลับเราไปแวะร้านป้ากัน”
ผมนั่งลงข้างไอซ์แล้วเลื่อนจานอาหารที่ไปเอามาเมื่อครู่ไปตรงหน้าเขา ผมไม่ได้รู้สึกโกรธไอซ์เลยที่เขาแอบมาถามเรื่องความฝันของผมจากไอ้ปอนด์ เพราะผมรู้ว่าเขาเองก็คงเป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย ในเมื่อเป็นผมเองที่ไม่ยอมเล่าให้เขาฟัง เขาเลยต้องมาถามเอากับคนที่รู้เรื่องนี้ดีมันก็ถูกแล้ว
“ไอ้กราฟ มึงเจอไอ้ต้นรึยังวะ”
“เออ ทำไมมีแต่คนถามกูเรื่องไอ้ต้นวะ เมื่อกี้ไอ้ปุ้มก็ถามว่ากูเจอไอ้ต้นกับแฟนใหม่มันรึยัง ไอ้ต้น มีแฟนใหม่ตอนไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่อง”
“มึงไม่ต้องไปเสือกเรื่องของมันหรอก” ผมมองหน้าไอ้ปอนด์ที่ส่งยิ้มมาให้ ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าไม่ควรถามอะไรต่อ เพราะถ้าเป็นปกติ มันไม่มีทางรอให้ผมได้พูดจนจบประโยคแน่ ป่านนี้คงได้รู้เรื่องของไอ้ต้นไปจนจบแล้ว อาการผิดปกติของมันผมคิดเอาว่าน่าจะเป็นเพราะมีไอซ์นั่งอยู่ข้างๆ ผมด้วย ผมเลยยอมปล่อยผ่านเรื่องของไอ้ต้นไปอย่างง่ายดาย



ผมฝากไอซ์ไว้กับไอ้ปอนด์อีกครั้งเพื่อมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ในตัวบ้าน แต่หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำยังไม่ทันที่จะได้หันกลับไปปิดประตู แรงปะทะก็พุ่งมาหาผมจากทางด้านหลังจนผมถึงกับเซไปข้างหน้า ตอนนี้ผมเห็นเพียงแขนเรียวเล็กที่กอดรัดอยู่ที่รอบเอวของผมเอาไว้ ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเพื่อนผู้หญิงสักคนที่คงจะกำลังคิดจะแกล้งผมกันอยู่ เลยเตรียมจะเอื้อมมือไปแกะเอาแขนที่รัดผมเอาไว้ซะจนแน่นออก แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นรอยสักเล็กๆ ที่ข้อมือด้านในของอีกคนเข้าซะก่อน รอยสักที่แสดงว่าเจ้าของรอยสักชื่ออะไร และรอยสักที่ผมเป็นคนพาเธอไปสักมาเองตอนที่เรายังคบกันอยู่
“พี่กราฟ”
เสียงใสที่เอ่ยออกมาติดจะสั่นเล็กน้อย ก่อนที่แรงกอดจากคนพูดจะเพิ่มมากขึ้นมาอีก ความรู้สึกหลากหลายแล่นเข้ามาปะปนกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกตอนที่ผมเดินไปขอเบอร์เธอครั้งแรก จับมือกันครั้งแรก จูบแรก หรือแม้แต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาขอเลิกกัน ผมเองก็ยังจำมันได้อย่างชัดเจน
“รุ้งคิดถึงพี่กราฟค่ะ”
“ตอนนี้ไอ้ต้นก็คงจะคิดถึงรุ้งอยู่เหมือนกันค่ะ” ปอนด์ที่เดินเข้ามาตอนไหนผมเองก็ไม่รู้ พูดขึ้น
แรกกอดจากรุ้งเริ่มคลายลง แล้วเปลี่ยนมายืนข้างๆ ผมแทน แขนเล็กๆ ที่เคยกอดเอวผมเอาไว้ตอนนี้เปลี่ยนมาคล้องอยู่ที่ท่อนแขนเหมือนอย่างที่เคยทำประจำ ผมมองหน้าไอ้ปอนด์ที่ยืนขมวดคิ้วจนแทบจะชนกันยืนอยู่ตรงหน้า พยายามปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทั้งเรื่องที่ทุกคนถามผมถึงไอ้ต้น และยังเรื่องที่ไอ้ปอนด์พูดเมื่อครู่นี้อีก
“พี่กราฟทั้งเปลี่ยนเบอร์ ทั้งเปลี่ยนไลน์ รุ้งติดต่อพี่กราฟไม่ได้เลยค่ะ”
“ก็ไอ้กราฟมันไม่อยากคุยด้วยแล้วไงคะ ไม่เห็นจะยาก”
“พี่ปอนด์!”
“รุ้ง ไอ้ต้น แฟนใหม่ คือที่พวกมึงพูด” คำถามที่ฟังเหมือนไม่ใช่คำถามหลุดออกไปจากปากผม แต่ไอ้ปอนด์มีหรือจะไม่เข้าใจความหมาย
“เออสิ แล้วตอนนี้มึงก็ควรทำอะไรสักอย่างนะ เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือน” ไอ้ปอนด์ส่งสายตายมาที่มือของรุ้งที่ยังคงรั้งแขนผมเอาไว้แน่น
“รุ้งปล่อยพี่ก่อนนะครับ” รุ้งละมือออกจากแขนผมอย่างว่าง่าย ถึงใบหน้าจะติดไปทางบึ้งนิดหน่อยที่โดนขัดใจ
“รุ้งขอเบอร์พี่กราฟไว้ได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ค่ะ” จากที่รุ้งมองหน้าผมอยู่เพื่ออ้อนขอช่องทางการติดต่อก็ต้องหันควับไปหาไอ้ปอนด์ที่ปฏิเสธขึ้นมาแทนทันที “รุ้งก็รู้ว่าไอ้ต้นมันขี้หึง อย่าทำให้มันเป็นเรื่องได้ไหม”
“พี่กราฟยังไม่เห็นว่าอะไรรุ้งเลยนะคะ พี่ปอนด์ชอบคิดแทนพี่กราฟตลอดเลย”
“ก็เพราะรุ้งรู้ไงว่าไอ้กราฟมันจะไม่ว่า รุ้งเลยกล้ามาทำแบบนี้กับมัน เลิกกันไปแล้วก็อย่ามายุ่งกันอีกดิวะ” รุ้งเอื้อมมือมาเกาะแขนผมเอาไว้อีกครั้ง แล้วเบี่ยงตัวไปด้านหลังเพื่อใช้ผมเป็นที่กำบังเมื่อไอ้ปอนด์เริ่มไม่พูดคะขาเหมือนตอนแรก “ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วย ตรงนี้ไม่มีใครว่างปลอบทั้งนั้น อยากร้องก็ให้ไอ้ต้นพากลับไปร้องที่บ้าน”
“ปอนด์” ผมต้องร้องทักไอ้ปอนด์เอาไว้ เมื่อแรงบีบที่แขนเริ่มเพิ่มขึ้น และได้ยินเสียงสะอึ้นดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปหารุ้งเห็นน้ำตาเธอค่อยๆ เอ่อขึ้นมาก็อดที่จะยื่นมือไปซับให้ไม่ได้ ถึงแม้การซับน้ำตาในครั้งนี้จะไม่ใช่ความรู้สึกแบบคนรักเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ไม่ว่ายังไงรุ้งก็เป็นผู้หญิง ต่อให้คนที่ร้องไห้ต่อหน้าผมตอนนี้ไม่ใช่รุ้ง ผมก็คงต้องยื่นมือไปปลอบเธออยู่ดี
“มึงก็เป็นซะแบบนี้อ่ะไอ้กราฟ จัดการเองแล้วกันถ้างั้นกูกลับไปข้างนอกก่อน บอกว่าจะมาเอาของแป๊บเดียว คุณไอซ์!”
ผมหันไปทางไอ้ปอนด์ทันทีเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคน ถัดไปเป็นไอซ์ที่ยืนมองมาทางผมนิ่ง สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกอะไร แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำเอาใจผมชาไปหมด
“คนนี้เพื่อนพี่กราฟหรอคะ” รุ้งถามทั้งที่ยังไม่ยอมละมือออกจากแขนของผม
“ไม่ใช่ครับ พี่กับไอซ์เรา”
“คุณปอนด์ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายถึงสถานะของผมกับไอซ์ให้รุ้งฟัง ไอซ์ก็หันไปเอ่ยลากับไอ้ปอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้ว
“คุณไอซ์ คือไอ้กราฟ”
“สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ ผมกลับเองได้นะคุณ คุณอยู่กับเพื่อนๆ คุณเถอะ” ประโยคแรกไอซ์พูดกับไอ้ปอนด์ ส่วนต่อมาคือเขาบอกกับผม เมื่อพูดจบไอซ์ก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป  ทั้งท่าทางและน้ำเสียงของเขาไม่ได้ผิดแปลกไปจากปกติของเจ้าตัวเลยสักนิด แต่มันกลับปกติเกินไป เกินไปเสียจนผมเริ่มรู้สึกหวั่นใจเลยด้วยซ้ำ
“ไอซ์ เดี๋ยวก่อน”
ไอซ์หันมาหาผมก็จริง แต่ผมเห็นสายตาของเขาหลุบลงมองที่แขนของผมที่ยังโดนรุ้งรั้งเอาไว้ ก่อนจะแค้นยิ้มให้ผมหนึ่งที แล้วหันหลังกลับไปอีกรอบ ใบหน้าที่ฝืนยิ้มให้กับผมเมื่อครู่ทำให้ผมรู้สึกเสียดในอกขึ้นมาทันที
‘ถ้าผมยืนอยู่ข้างๆ แล้วคุณยังมัวแต่สนใจคนอื่น ผมคงเสียใจน่าดู’
อยู่ๆ คำพูดทีเล่นทีจริงของไอซ์ก่อนที่เราจะเดินทางมาที่งานไหลเข้ามาในหัวผมอีกรอบ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอซ์หันหลังให้ผมแล้วเดินจากไปในความฝัน
ผมพยายามแกะเอามือของรุ้งที่ยังออกแรงรั้งเอาไว้ไม่ปล่อย ภาพในฝันที่ติดอยู่ในความทรงจำ กับภาพของความเป็นจริงที่เกินขึ้นตรงหน้า กำลังจะซ้อนทับกันอย่างพอดิบพอดี และนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป

..ต่อให้ผมจะร้องเรียกไอซ์ดังสักแค่ไหน...ไอซ์ก็จะไม่มีวันหันกลับมา..


#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ


ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

หลังจากที่เคลียร์กับรุ้งจนเธอยอมละออกไปจากผม ผมก็วิ่งตามไอซ์ออกมาจนมาถึงที่ที่รถของตัวเองจอดอยู่ หันมองไปทางซ้ายและขวาอย่างร้อนใจ ก็ไม่เห็นร่างของคนที่เดินออกมาก่อน จึงตัดสินใจวิ่งไปตามถนนในหมู่บ้านของไอ้ปอนด์จนออกมาถึงหน้าหมู่บ้าน

ไอซ์ไม่ได้เอารถมา..

เขามากับผม..

และถ้าจะรีบออกไปจากบ้านไอ้ปอนด์ ยังไงก็มีทางเดียวคือวิ่งออกมาเหมือนกัน และไม่ว่าจะยังไงก็ต้องผ่านทางหน้าหมู่บ้านทางเดียวเท่านั้น

แต่แล้วผมก็ไม่เจอแม้แต่เงาของไอซ์..



ผมค่อยๆ ชะลอความเร็วลง จนหยุดวิ่งในที่สุด ขณะที่กำลังหายใจเข้าออกถี่ๆ เพราะความเหนื่อยก็รู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองกำลังสั่น ผมล้วงมือที่สั่นไม่แพ้กันไปหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอผมก็ไม่รอช้าที่จะกดรับสายทันที แล้วบอกให้กับปลายสายได้รู้ว่าผมกำลังกังวลจนทำอะไรต่อไม่ถูก

“ปอนด์ ไอซ์ไม่อยู่ว่ะ กูหาเขาไม่เจอ ปอนด์กูจะทำยังไงดี กูจะทำยังไงดีวะปอนด์”

‘ไอ้กราฟมึงใจเย็นๆ มึงโทรหาคุณไอซ์รึยัง’ จริงของไอ้ปอนด์ ผมควรจะโทรไปหาไอซ์ ขอแค่เขายอมรับสาย ขอแค่รู้ว่าเขาปลอดภัย ตอนนี้ผมขอแค่เท่านั้นจริงๆ

“ยัง”

‘แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน’

“หน้าหมู่บ้าน”

‘แต่รถมึงอยู่นี่..นี่มึงวิ่งออกไป? ’

“กูวางสายนะ กูจะโทรหาไอซ์”

‘เออ แล้วอยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวกูไปรับ’

ตั้งแต่วางสายจากไอ้ปอนด์ผมก็เอาแต่กดโทรหาไอซ์ไม่หยุด ทั้งโทรไป ทั้งส่งข้อความไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดใดคืนมาจากอีกฝ่ายเลย

ผมเอาแต่นั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ที่ม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลจากป้อมยาม เพราะนึกถึงแววตาขอไอซ์ที่มองมาก่อนจะหันหลังเดินจากกัน จนเห็นแสงไฟจากรถที่กำลังจะแล่นผ่านไปเลยเงยหน้าขึ้นมอง เผื่อว่านั่นจะเป็นคนที่ผมกำลังตามหาอยู่

แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ระหว่างที่รถคันนั้นวิ่งมาลดกระจกลงเพื่อนแลกบัตรเข้าออกหมู่บ้าน ผมเลยสามารถเห็นคนที่นั่งอยู่ทางฝั่งผู้โดยสารได้อย่างชัดเจน

นั่นคือไอซ์..ส่วนคนขับก็คือเลขาของเขานั่นเอง

เมื่อเห็นแบบนั้น ผมก็ตะโกนเรียกชื่อของไอซ์จนสุดเสียง เสียงของผมดังซะจนทั้งพี่ยาม และเลขาของไอซ์หันมามอง แต่เจ้าของชื่อกลับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ผมคงทำไอซ์เสียใจมากจริงๆ สมควรแล้วที่เขาจะเมินหน้าผมแบบนี้

กระจกรถกำลังเลื่อนขึ้นไปแตะด้านบนเหมือนเดิม พร้อมกับการค่อยๆ คลื่นตัวออกห่างออกไปช้า ผมเลยเริ่มก้าวขาออกไปบ้าง และเพราะความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยต้องพยายามวิ่งตามอย่างสุดชีวิต ถึงแม้จะรู้ว่าต่อให้วิ่งไวแค่ไหนก็ไม่มีวันตามทัน

..แล้วแสงสีแดงของไฟท้ายรถก็ค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยและลับตาไปในที่สุด..

ผมหยุดวิ่งแล้วทรุดลงนั่งกับพื้นถนนตรงนั้นอย่างไม่กลัวเปื้อน หอบเอาอากาศเข้าปอดโดยที่ตายังคงมองไปทางที่รถของไอซ์หายไป ด้วยใจที่แอบหวังว่าเขาจะย้อนกลับมา





แต่ดูเหมือนกับว่าผมคงจะหวังมากเกินไป

ผมนั่งอยู่แบบนั้นจน รถของไอ้ปอนด์มาจอดอยู่ตรงหน้า เพื่อนผมรีบวิ่งหน้าตาตื่นลงมาจากรถแล้วทรุดลงนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งที่วันนี้น่าจะเป็นวันที่มันมีความสุข แต่ผมกลับทำให้มันต้องออกทิ้งงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเอง แล้วออกมาตามหาคนไม่เอาไหนแบบผม

“ลุก เดี๋ยวกูไปส่ง”

“ปอนด์ เมื่อกี้กูเรียกเขา กูตะโกนเรียกเขา ทุกคนได้ยิน ทุกคนหันมา กูมั่นใจว่าเขาได้ยิน แต่เขาไม่” ยิ่งพูดเสียงของผมก็ยิ่งสั่น จนไอ้ปอนด์ต้องยืนมือมาตบที่ไหล่เพื่อให้กำลังใจกัน

“ก็คงจะงอนนั่นแหละ ตอนออกมายังบอกลามึงอยู่เลยนี่ อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ไม่งอนนานหรอกเชื่อกู”

“กูกลัวปอนด์ กูกลัวความฝันของกูจะเป็นจริงๆ มึงรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นหมดแล้ว แล้วมึงรู้ไหมว่ามันเหลืออีกแค่อย่างเดียว อีกแค่อย่างเดียวเท่านั้น”

อย่างเดียวที่ผมไม่เคยอยากใหมันเกิดขึ้นเลย..





9 พฤศจิกายน

ตอนนี้ผมพาร่างที่เกือบจะไม่มีสติมาที่ออฟฟิศ ทั้งที่ไม่มีงานด่วน ทั้งที่ไม่มีใครโทรตาม ทั้งที่เข้ามานั่งได้สักพักแล้วก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร แถมยังวนคิดแต่ว่า จะมีวิธีไหนที่จะทำให้ได้เจอกับไอซ์ไม่ยอมหยุด ไม่นานความปวดหนึบบริเวณขมับและหัวคิ้วที่เกิดมาสักพักก่อนหน้านี้ก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ต้องยมมือขึ้นมานวดวนบริเวณนั้นเพื่อบรรเทา

“พี่กราฟ แจงว่าพี่กลับไปนอนเหอะ”

ผมได้ยินเสียงแจงครับ แต่ตอนนี้สมองผมคงจะเบลอเกินไปที่จะตอบอะไรแจงกลับไปได้ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั้งตอนนี้ หัวผมยังไม่แตะถึงหมอน ผมไปดักรอไอซ์อยู่ที่หน้าห้องของเขา แต่ไอซ์ไม่ได้กลับมา เมื่อเที่ยงไปหาที่ทำงานก็โดนสั่งไว้ว่าถ้าไม่ได้นัดไม่ให้เข้าพบ โทรหาเขาก็ไม่รับสาย แต่ผมเลี่ยงที่จะไม่ส่งข้อความหาเขา นั่นก็เพราะผมจำได้แม่นว่าไอซ์โดนรถชนก็เพราะเขาอ่านข้อความของผม ข้อความสุดท้ายเลยถูกส่งไปตั้งแต่เมื่อคืน และมันขึ้นว่าไอซ์เปิดอ่านข้อความของผมแล้ว

และเขาก็ยังคงไม่ได้ตอบกลับมา

ตอนนี้สภาพผมไม่ต่างอะไรกับคนสิ้นไรหนทาง ทำได้อย่างเดียวคือรอให้ไอซ์ติดต่อกลับมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ หรือบางทีเขาอาจจะไม่ติดต่อกลับมาหาผมแล้วก็ได้

“ไหวไหมเนี่ย ให้แจงโทรตามพี่ปอนด์ไหม”

“ไม่ต้อง”

ได้ยินเสียงแจงถอนหายใจก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมรู้ว่าแจงก็เป็นอีกคนที่เป็นห่วงผมไม่ต่างไปจากไอ้ปอนด์ที่คอยส่งข้อความมาหาผมเกือบทุกชั่วโมง

หากเป็นคนที่ไม่รู้มองสภาพของผมในตอนนี้ ผมคงโดนแซวราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกแน่ๆ โดนงอนแค่นี้ทำไมถึงได้ทำเหมือนกับจะเป็นจะตาย ผมเองก็อยากให้เป็นแบบนั้น อยากให้มันเป็นแค่เรื่องตลก อยากให้มันเป็นแค่ความฝัน ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้ผมจะรู้สึกไม่ดีที่ทำให้ไอซ์เสียใจขนาดไหน ผมก็คงฝืนยิ้มออกมาและพูดว่าไม่เป็นอะไร

แต่สำหรับผมในตอนนี้ ผมฝืนยิ้มเพื่อให้ใครสบายใจไม่ได้จริงๆ

“ตอนนี้คุณไอซ์เขากำลังอยู่กับลูกค้าที่นี่” กระดาษแผ่นเล็กๆ ถูกแจงยื่นมาตรงหน้าผม “พี่ปุ๊ก เป็นรุ่นพี่แจงเอง ก็เลยโทรไปถามมาให้ เขาบอกว่าน่าจะเสร็จประมาณทุ่มนึง ถ้าไปตอนนี้ก็น่าจะทัน” ผมเงยหน้ามองแจงด้วยเบ้าตาที่เห่อร้อน แต่คนตรงหน้ากลับทำน้ำตาของตัวเองร่วงเผาะๆ “ไปง้อให้ได้นะพี่กราฟ ไม่อยากเห็นเป็นแบบนี้เลย แจงเป็นห่วง”

พูดไว้แค่นั้นแล้วแจงก็หันหลังกลับไปปาดน้ำตาก่อนจะเดินออกจากห้องผมไป

ผมไม่สงสัยที่แจงจะรู้เรื่องของผมกับไอซ์ ซึ่งนั่นก็คงจะมีแค่จากไอ้ปอนด์คนเดียวเท่านั้น ผมต้องขอบคุณแจงซะอีกที่พยายามที่จะช่วยผม

ผมค่อยๆ ก้มลงมองชื่อสถานที่ที่เขียนไว้ในกระดาษ ยังไม่ทันที่จะได้ไล่สายตาไปยังตัวเลขที่เขียนเรียงกันอยู่อีกบรรทัด ผมก็เด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ คว้ากุญแจรถ และกระเป๋าสตางค์วิ่งออกไปจาห้องทันที

ผมรู้จักร้านนี้..

ผมรู้จักร้านนี้ดีว่ามันอยู่ตรงไหนโดยไม่จำเป็นต้องโทรไปถามทางจากเบอร์โทรที่ให้ไว้เลยด้วยซ้ำ เพราะเคยฝันเห็นมัน..

ผมฝันเห็นมันในทุกครั้งที่ผมฝันถึงไอซ์ก่อนที่เราจะเจอกัน

มันกำลังจะเกิดขึ้น..

ความฝันของผมกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง





ตอนนี้เป็นเวลา 1 ทุ่ม 15 นาที ผมใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ กับการขับรถจากออฟฟิศมาถึง และอีก 20 นาทีในการวนหาที่จอดรถ และเพียงแค่ผมข้ามถนนไปอีกฝั่ง ผมก็จะได้เจอกับไอซ์

นับว่าเป็นโชคดีของผมที่ผมเห็นไอซ์เดินออกมาจากร้านพอดี ข้างกายเขายังคงเป็นพี่ปุ๊ก และคุณเลขาคนเดิม ผมรีบกดโทรศัพท์เพื่อโทรออกหาเขาระหว่างที่ผมรอข้ามถนน เห็นว่าไอซ์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู แล้วถือมันค้างอยู่แบบนั้น เขาไม่ได้กดรับสาย ไม่ได้เคลียร์สายทิ้ง และไม่ได้ละสายตาออกไปจากหน้าจอเลย เมื่อเสียงสัญญาณรอสายถูกตัดไป ผมเลยเปลี่ยนเป็นส่งข้อความหาเขาแทน ทั้งที่เลี่ยงมันมาตลอด



Graph : คุณอย่าเพิ่งข้ามถนนนะได้โปรด

Graph : ผมรู้ว่าคุณเห็นข้อความผม

Graph : ได้โปรดอย่าตอบข้อความผมกลับมา

Graph : และอย่าเพิ่งข้ามถนนนะครับ

Graph : ผมขอร้อง



ข้อความของผมขึ้นแสดงว่าไอซ์อ่านข้อความทั้งหมดแล้ว แต่ตอนนี้ผมกำลังเห็นมือไอซ์กดยุกยิกๆ อะไรสักอย่างในโทรศัพท์

แล้วสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อโทรศัพท์ในมือของผมขึ้นแจ้งเตือนข้อความของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม



ICE : นี่คือ?

ICE : ความฝันของคุณ?



มือผมที่กำโทรศัพท์ของตัวเองเอาไว้จนแน่นเมื่อครู่จู่ๆ ก็เกิดรู้สึกว่ามันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาซะอย่างนั้น

สัญญาณไฟเปลี่ยนสี ผู้คนที่ยืนรอกันอยู่ก็ทยอยเกินเดินขามไปยังอีกฝั่ง ผมเองก็เช่นกัน ผมเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะมุ่งไปยังฝั่งตรงข้ามให้เร็วที่สุด ส่วนทางฝั่งไอซ์ พี่ปุ๊กกับคุณเลขาเดินนำมาก่อนแล้ว แต่ไอซ์ยังคงยืนอยู่กับที่เอาแต่ก้มลงมองที่หน้าจอมือถือไม่ขยับไปไหน ผมเห็นเลขาของไอซ์หันหลังกลับไปหาแล้วไอซ์ก็พยักหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามออกมา แต่ก็ยังก้มลงมองหน้าจอต่อไม่เลิก

ยังไม่ทันที่ผมจะไปถึงครึ่งทาง เสียงระเบิดที่ไม่รู้ว่ามาจากอะไรเกิดดังขึ้น ยังไม่ทันที่เสียงจะหายไป เสียงแตรรถก็ดังขึ้นตามจนทุกคนต้องหันไปทางต้นเสียง

รถบรรทุกเล็ก 6 ล้อสีขาวแบบตู้แห้งที่กำลังเสียการควบคุมกำลังพุงตรงมาทางไอซ์ เจ้าตัวเหมือนจะยังไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ ทั้งที่เสียงกรีดร้องจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดังอื้ออึงไปทั่ว

ผมเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปหาไอซ์ให้เร็วที่สุด ในขณะที่ทุกคนต่างก็วิ่งสวนทางออกมาเพื่อพาเอาตัวเองออกไปยังที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด

ความฝันที่เคยฝันมาตลอด 2 ปีเต็มค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น โดยที่ผมไม่ได้ยินดีแม้แต่น้อย

รถบรรทุกคันเดิมยังคงไม่หยุดส่งสัญญาณให้ผู้คนหลีกให้พ้นวิถีของรถที่ยางเกิดระเบิดแล้วไม่สามารถควบคุมรถได้ และอีกไม่นานคงเข้าปะทะกับอีกร่างตรงหน้า

เสียงแตรรถถูกกดแช่ยาว ไม่ใช่เพียงแค่ส่งการกดเป็นจังหวะเหมือนก่อน

ผมกับไอซ์มีโอกาสสบตากันอีกครั้ง หลังจากที่เค้ามองหน้าผมที่งานวันเกิดไอ้ปอนด์และหนีผมไป

ไอซ์ผุดร้อยยิ้มเล็กๆ ขึ้นมาบนใบหน้าเหมือนกับทุกที ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองผมออกมาเลยแม้แต่น้อย ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น

ผมแค่อยากรักษามันเอาไว้..

แค่อยากรักษารอยยิ้มนั้นของไอซ์เอาไว้



‘เอี้ยดดดดด’



เสียงบดเบียดของยางรถยนต์กับพื้นถนนดังอยู่ใกล้จนแสบแก้วหู ไอซ์ถูกมือทั้งสองข้างของผมผลักออกไปสุดแรง ภาพที่ผมเห็นตอนนี้บิดเบี้ยวไปซะหมด คล้ายกับผมกำลังลอยเคว้งอยู่ในอากาศ ได้ยินเสียงเหมือนกับของหนักร่วงหล่นลงกับพื้นดังตุ๊บ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากรอบตัว ผมรู้สึกชาวูบไปทั้งร่างกาย ไม่นานความเจ็บแปลบก็แล่นลามไปทั่วก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นความปวดร้าว

ไอซ์เข้ามาในสายตาของผมอีกครั้ง ถึงแม้จะอยู่ในมุมมองที่ไม่ปกตินัก แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ดีใจที่ไอซ์ปลอดภัย สีหน้าของไอซ์ดูตกใจจนเห็นได้ชัด ผมยิ้มให้ไอซ์ทั้งที่ใจอยากจะวิ่งเข้าไปกอดเขาซะเต็มแก่ ติดอยู่ที่ผมไม่สามารถสั่งการร่างกายของตัวเองได้เลย

ไม่นานทัศนวิสัยก็ถูกบดบังด้วยน้ำข้นเหนียวอะไรสักอย่างที่ค่อยๆ ไหลลงมาที่ตา จนต้องหลับตาข้างนึงเอาไว้ แต่ผมทำแบบนั้นได้แค่ไม่นาน ดวงตาอีกข้างก็ถูกรบกวนในแบบเดียวกัน ตาของผมเลยค่อยๆ หรี่ลงเรื่อย พร้อมกับสติของผมที่กำลังจะดับไปพร้อมกับการมองเห็นตรงหน้า





เมื่อก่อนผมเคยถามตัวเองว่า ผมจะยอมระเบิดตัวเองเหมือนกับพระจันทร์ผู้ชายรึเปล่า





และตอนนี้ผมคิดว่าผมได้คำตอบนั้นแล้ว...





#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ

อีก 2 ตอนก็น่าจบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #26 เมื่อ30-10-2019 21:29:00 »

 :pig4:
 :3123:
 o13

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


ติ๊ด..ติ๊ด..ติ๊ด..

เสียงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอข้างหู ทำให้ผมพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมการลืมตาตื่นเหมือนกันกับทุกๆ เช้ามันถึงได้ทรมานขนาดนี้ มันยากซะจนรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครมาคอยนั่งเอามือปิดตาของผมเอาไว้ กว่าจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาได้ น้ำตาก็ไหลออกมาจากหาตาทั้งสองข้างจนรู้สึกแฉะไปหมด
นอกจากการพยายามลืมตาแล้ว การพยายามกลืนน้ำลายก็เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่ต่างกัน เพราะผมรู้สึกระคายในลำคอราวกับว่าเคยมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไป ความเจ็บปวดจากทุกส่วนของร่างกายค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทีละนิด จนต้องนิ่วหน้า แต่พอผมทำแบบนั้นกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่ส่วนหัว ตั้งใจจะยกมือขึ้นมาจับตรงที่ปวดตามสัญชาตญาณ ตาที่เพิ่งจะปรับโฟกัสได้ก็เหลือบไปเห็นสายรัดข้อมือที่มีชื่อของตัวผมเองและโลโก้โรงพยาบาลติดอยู่ จากที่จะเอื้อมมือมาแตะตรงที่รู้สึกเจ็บเลยต้องพยามนึกก่อนว่าผมมาทำอะไรที่โรงพยาบาลกัน

รถสีน้ำเงิน

เอี้ยดดดดดด

ตุ๊บ

ภาพในความทรงจำค่อยๆ ผุดขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าของคนที่เข้ามาในระยะสายตาของผมเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะถูกตัดไป
..ไอซ์..
“พี่ปอนด์กลับไปนอนที่บ้านบ้างเถอะ นอนนี่มาตั้งหลายวันแล้ว” เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยที่ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ๆ “กลับไปพักผ่อนบ้าง”
นั่นเสียงไอ้แจง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้มันก็ฟื้นแล้ว ไอ้กราฟมันเก่ง”
“แต่นี่มัน 9 วันแล้วนะพี่ปอนด์ รู้ไหมเนี่ยว่าตัวเองผอมลง เดี๋ยวแจงดูพี่กราฟแทนให้”
9 วัน?
9 วัน คือวันที่ผมมาอยู่ที่นี่หรอ
9 วัน คือวันที่ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลงั้นหรอ
“ปอนด์”
เพราะความแสบแห้งของลำคอทำให้เสียงที่ผมพยายามเปล่งออกไป เบาเสียจนตัวผมเองก็แทบจะไม่ได้ยิน แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้คนที่เฝ้ารอการกลับมาของผมไม่ได้ยินตามไปด้วย เพราะเพียงแค่ไม่นานไอ้ปอนด์ก็ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆ หน้าไอ้ปอนด์ซูบลงตามที่แจงบอกจริงๆ ตาจากที่เคยเป็นสีขาวตอนนี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้น ผมมองงไอ้ปอนด์ที่ตอนนี้กำลังหันซ้ายหันขวาราวกับว่าทำอะไรไม่ถูก
“มึง.. หมอ! ต้องตามหมอ” ไม่นานแจงก็เดินตามเข้ายืนอยู่ข้างๆ อีกคน ไอ้แจงที่ตอนนี้ดูจะมีสติดีกว่าเพิ่อนสนิทของผมอยู่มากเป็นฝ่ายบอกว่าจะไปตามมาหมอมาให้ หลังจากนั้นก็วิ่งหายออกไป เหลือก็แค่ไอ้คนที่กำลังยืนมองผมนิ่งอยู่ตอนนี้
“..น้ำ..”
ผมร้องขอน้ำกับไอ้ปอนด์เพื่อบรรเทาความแห้งผาดในลำคอ ไม่ถึงอึดใจหลอดน้ำก็ถูกจับมาจ่ออยู่ที่ปาก ผมมองหน้าไอ้คนข้างๆ แล้วก็นึกขำ ทำเหมือนกับโกรธอะไรผมอยู่
“ร้องทำไม” พอเห็นตาไอ้ปอนด์แดงขนาดนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะแซวออกไป ก่อนจะเอียงหน้าเพื่อรับหลอดเข้าปาก เดี๋ยวมันต้องด่าผมกลับมาแน่ๆ
“กูดีใจที่มึงฟื้น”
แต่แทนที่ไอ้ปอนด์จะด่า กลายเป็นว่ามันยอมรับมาดื้อเอาซะอย่างนั้นว่าดีใจที่ผมฟื้นขึ้นมา หากผมหลับไป 9 วันตามที่ได้ยินเมื่อครู่จริง คนที่คอยผมกลับมาด้วยความเป็นห่วงคงจะกระวนกระวายไม่น้อย ไม่ใช่ไอ้ปอนด์ แค่นั่นคงรวมถึงคนที่บ้านของผม พ่อ แม่ ไอ้แจง แล้วก็ไอซ์ด้วย
“พ่อกับแม่ล่ะ” ผมรู้สึกชุ่มคอขึ้นมากเลยถามถึงคนที่บ้านเป็นอันดับแรก
“กูให้กลับไปนอนที่คอนโดมึง แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา” ผมพยักหน้านึกขอบใจไอ้ปอนด์
“แล้ว”
“พี่ปอนด์หมอมาแล้วค่ะ!”
ผมกำลังจะถามถึงไอซ์ เพราะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาผมยังไม่เห็นเขา แถมไอ้ปอนด์กับแจงก็ไม่พูดอะไรถึงไอซ์เลยอีก แต่ไอ้แจงดันเข้ามาในห้องพร้อมกับหมอซะก่อน เลยต้องเก็บคำถามที่สงสัยเอาไว้ แล้วปล่อยให้คุณหมอได้ตรวจดูอาการเบื้องต้น
คุณหมอถามคำถามที่บางทีผมก็สงสัยว่ามันเกี่ยวกับอาการของผมด้วยหรอ แต่ก็นั่นแหละครับผมไม่ใช่หมอ เลยได้แต่ตอบไปตามความจริง คุณหมอจดอะไรยุกยิกๆ ลงไปในชาร์ต ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาบอกกับคุณพยาบาลว่าต้องพาผมไปตรวจอะไรต่อบ้าง คุณหมอดูพอใจกับการฟื้นตัวของผมจนออกปากชม แล้วก็เป็นคุณหมอที่เอ่ยถึงคนที่ผมกำลังนึกถึงอยู่เป็นคนแรก
“คนที่คุณช่วยไว้คงดีใจที่รู้ว่าคุณฟื้น”
“เขาปลอดภัยดีไหมครับ”
“ครับ เมื่อกี้ผมให้พี่พยาบาลโทรไปแจ้งแล้ว เขาน่าจะกำลังมา ขอบคุณแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“ครับ”
ผมยิ้มรับคุณหมอไป เพิ่งรู้ว่าไอซ์มีเพื่อนเป็นหมอด้วย จะว่าไปผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไอซ์เลย นอกจากชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน แล้วก็ทำงานอะไร
คุณหมอจดอะไรลงไปในชาร์ตเพิ่มอีกนิดหน่อยก่อนจะขอตัวกลับไป ผมเองก็ขอให้ไอ้ปอนด์ช่วยปรับเตียงขึ้นให้ ส่วนไอ้แจงรายนั้นนั่งไหล่ไหวอยู่ที่โซฟา แจงเองก็เป็นห่วงผมไม่แพ้ใครๆ เหมือนกันอันนั้นผมรู้ดี
“แจง มานี่มา” ไอ้แจงเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยน้ำตาที่อาบอยู่เต็ม 2 แก้ม แต่ก็ยังไม่ยอมขยับไปไหน “จะมานี่เอง หรือว่าจะให้ลงจากเตียงไปหา”
ได้ฟังเพียงเท่านั้นจากที่สองเท้าก็ขยับเข้ามาหาในทันทีพร้อมกับปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จนหลุดเสียงสะอื้นออกมา ไอ้ปอนด์ส่ายหน้าให้กับหน้าตาเหยเกของฝ่ายบัญชีคนสวยของบริษัททีตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับน้องแจงคณะบัญชีที่เอาแต่ร้องไห้อยู่หน้าห้องผ่าตัดแม่เมื่อตอนนั้นเลยสักนิด
“นิสัยไม่ดี”
“แจงว่ามึงอ่ะปอนด์” ผมหันไปโบ้ยให้กับไอ้เพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไปคว้าตัวไอ้แจงเข้ามากอดปลอบ
“ว่าพี่กราฟนั่นแหละ ปล่อยให้คนอื่นรอนานขนาดนี้ได้ยังไง พ่อแม่พี่ก็เป็นห่วง แม่แจงก็เป็นห่วง พี่ปอนด์ก็ไม่ได้นอน” แจงหันมาต่อว่าผมยาวเป็นชุด ก่อนที่แล้วเอ่ยอีกประโยคหนึ่งออกมากทั้งที่หันหน้ากลับไปซุกที่อกไอ้ปอนด์ต่อ “แจงก็เป็นห่วง”
กว่าแจงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นนพัก หยุดร้องไปได้แป๊บหันมามองหน้าผมใหม่มันก็สะอื้นขึ้นมาซะอย่างนั้น พอดีกับฟ้าเริ่มมืดลง ไอ้ปอนด์เลยบอกให้แจงกลับบ้านไปก่อน แถมยังไม่ลิมสั่งว่าพรุ่งนี้ให้เข้าไปดูงานที่ออฟฟิศแทนมัน เพราะมันมีนัดกับลูกค้า พอเสร้จแล้วจะเลยมาหาผมเลย
“ช่วงที่กูหลับไปบริษัทเป็นไงบ้างวะ” ผมถามปอนด์ที่ตอนนี้มานั่งลงอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง
“ก็ยังอยู่ดีเหมือนเดิม มีกูอยู่ทั้งคนห่วงอะไรวะ”
“มีมึงนี่แหละเลยน่าเป็นห่วง”
“ตื่นมาก็ปากดีเลยนะมึง สงสัยได้หลับเต็มตื่นใช่ไหม”
“กูหลับไป 9 วัน งั้นวันนี้ก็วันที่ 18 พฤศจิกาหรอวะ”
ไอ้ปอนด์ขมวดคิ้วก่อนจะตอบคำถามผม “วันนี้วันที่ 10”
“นี่มึงจะอำอะไรกู” ผมยิ้มให้กับคำตอบของไอ้ปอนด์ ทำไมผมจะจำไม่ได้ วันเกิดไอ้ปอนด์วันที่ 8 ซึ่งเป็นคืนที่ผมทะเลาะกับไอซ์ แล้ววันต่อมาก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น
“บ้า กูจะอำมึงทำไม ไม่เชื่อก็ลองดู” ไอ้ปอนด์ส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ผม พอหน้าจอนั้นสว่างมันก็บอกวันที่และเวลาปัจจุบันอย่างชัดเจน
“แต่กูจำได้ว่ากูโดนรถชนวันที่ 9”
ไอ้ปอนด์เริ่มมีสีหน้าเป็นกังวลมากกว่าเดิม “นี่กูต้องตามหมอไหม”
“แล้วไอซ์ล่ะ”
“ไอซ์? ไอซ์ไหนวะ”
“ก็”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะผมอีกครั้ง ผมและปอนด์ต่างก็หันหน้าไปมองทางประตูรอดูว่าใครมา ไม่นานก็เผยให้เห็นชายหน้าตาและรูปร่างคุ้นตาในชุดสูทสุภาพที่อีกคนใส่เป็นประจำ ไอซ์รีบเดินตรงเข้ามายังผมและไอ้ปอนด์ สีหน้าของเขาเหมือนกับภาพสุดท้ายก่อนที่สติผมจะหายไปไม่มีผิด แต่จะติดก็ตรงที่แววตาของเขา ไม่เหมือนกับไอซ์คนที่ผมรู้จัก
“ผมดีใจที่คุณฟื้น ขอบคุณมากๆ นะครับที่ช่วยผมเอาไว้” ไอซ์ยื่นมือของตัวเองมาจับมือของผมเอาไว้พร้อมกับบีบมันเบาๆ ถึงจะแค่ไม่นานก็ปล่อยออก แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าเขาก็เป็นอีกคนที่รอคอยการกลับมาของผม ผมยิ้มให้กับไอซ์เพื่อยืนยันว่าผมเองก็ดีใจเหมือนกันที่เห็นเขามายืนอยู่ข้างๆ อย่างปลอดภัย ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปเพราะประโยคถัดมาของคนที่ผมรัก “ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณก็ยังเสี่ยงชีวิตมาช่วยผมเอาไว้”
ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก ผมกำลังสับสน ไม่รู้ว่าทุกคนกำลังเล่นอะไรกับผมอยู่ ทำไมไอซ์ถึงบอกว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ทำไมวันที่ในความทรงจำของผมถึงคลาดเคลื่อนเมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ไอซ์” ผมคิดอะไรไม่ออกเลยได้แต่เรียกชื่อของคนตรงหน้าไป
“คุณรู้ชื่อเล่นผมได้ยังไงครับ”
“ผมต้องรู้ชื่อคุณสิ ไอ้ปอนด์มึงก็รู้จักไอซ์นี่” ผมหันไปขอความเห็นจากเพื่อนสนิท ไอ้ปอนด์ส่ายหน้ากลับมาแทนคำตอบ สายตาของมันไม่ได้ปนความล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย จนผมอยากจะให้รางวัลการแสดงกับทุกคน แต่พอกันที ผมไม่อยากเล่นเกมนี้แล้ว “โทรศัพท์กูล่ะ โทรศัพท์กูอยู่ไหน”
“เดี๋ยวกูไปเอาให้” ปอนด์เดินไปยังตู้เก็บของที่อยู่อีกฝั่งของเตียง
“คุณเป็นยังไงบ้างครับ” ไอซ์ถามผม
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมหรอ” คำตอบของไอซ์ถูกแทนที่ด้วยคำถามของผม ผมทำให้ไอซ์โกรธจนต้องหนีหน้ากันไปผมเข้าใจ แต่ก็ไม่น่าจะต้องทำเหมือนไม่รู้จักกันขนาดนี้
“อ่ะ โทรศัพท์มึง”
ปอนด์ยื่นโทรศัพท์ของผมมาให้ ฟิลม์กระจกที่ร้าวจนเกือบจะทั้งจอยังคงมีรอยเลือดแทรกอยู่ตามรอยร้าวนั้น แต่มันก็ยังคงใช้งานได้ปกติ ผมรีบกดเข้าแอพพลิเคชั่นที่ใช้คุยกับไอซ์เป็นประจำเพื่อเอาหลักฐานมายืนยันการจบเกมทั้งหมดนี้ ทันที จนลืมดูวันที่ในโทรศัพท์ของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง แต่จะเป็นอะไรไปเพราะถ้าผมเจอข้อความของไอซ์ เรื่องทุกอย่างก็จบ
จากการพิมพ์ชื่อในช่องคนหาเพื่อนทั้งหมด เปลี่ยนมาเป็นค่อยๆ เลื่อนหารายชื่อตั้งแต่คนแรกสุดจนถึงคนสุดท้าย ผมก็ไม่เจอไลน์ของไอซ์อยู่ในรายชื่อเพื่อนเลย ทั้งในประวัติข้อความที่ตอนนี้มีแจ้งเตือนว่ามีคนทิ้งข้อความไว้ให้ผมมากมายเรื่องอาการของผม ก็ไม่เจอว่ามีข้อความของไอซ์อยู่เลย
“มึงลบข้อความในโทรศัพท์กูหรอ” ผมหันไปเค้นความจริงเอากับไอ้ปอนด์ มันเป็นคนเดียวที่รู้รหัสโทรศัพท์ของผม
“ป่าว กูแค่ชาตแบตให้”
“แล้วข้อความที่กูเคยคุยกับไอซ์มันจะหายไปหมดได้ยังไง” ผมเริ่มเสียงดังขึ้น เพราะเริ่มไม่ไหวกับเหตุการณ์ตรงหน้า ถ้านี่คือการเอาคืนของไอซ์ ผมว่าไอซ์กำลังจะทำสำเร็จ
“เราเคย คุยกัน?”
“ใช่ไงคุณ เราคุยกัน ผมฝันถึงคุณ คุณเองก็ฝันถึงผม และผมกับรุ้งเราจบกันไปตั้งนานแล้ว” ผมหันไปอธิบายให้ไอซ์ฟัง หากสาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องผมกับรุ้ง ผมก็หวังว่าเขาจะเห็นใจและยกโทษให้ แล้วกลับมาเป็นไอซ์ที่น่ารักของผมเหมือนเดิม
แต่แล้วความหวังสุดท้ายของผมก็เหมือนจะพังทลายลง เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของทั้งคนรักและเพื่อนของตัวเอง หากทั้งสองคนตรงหน้าผมกำลังเล่นละครเพื่อให้ผมตายใจ ผมบอกเลยว่าทุกอย่างมันเหมือนจริงมาก
มันดูจริงซะจน..ผมจะเริ่มกลัว
“คุณปรมะครับผมว่าตามคุณหมอดีกว่านะครับ”
“ครับ” ไอ้ปอนนด์รับคำก่อนจะก้าวท้าวเตียมออกไปตามหมอพร้อมกับเสียงตะโกนไล่หลังของผม
“กูคุยกับไอซ์จริงๆ นะปอนด์!! เราคุยกันจริงๆ นะคุณ คุณเป็นแฟนผม แล้วเราก็ทะเลาะกัน เราเคยไป”
“แต่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ตอนที่คุณมาช่วยผมเอาไว้นะครับ” ยังไม่ทันที่ผมจะเล่าเรื่องของเราจบ ไอซ์ก็ปิดปากผมเอาไว้ด้วยเหตุผมเดิมอีกครั้ง ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เพื่อบรรเทาความเห่อร้อนรอบดวงตา แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ผมกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่นานผมรู้สึกถึงแรงสัมผัสเบาๆ ที่มือเหมือนกับตอนที่ไอซ์เข้ามาในห้องเป็นครั้งแรก “ไม่เป็นไรนะคุณ”
สัมผัสแผ่วเบานั้นหายไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใจผมมันกลับรู้สึกสั่นหวิวเสียอย่างนั้น
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าสัมผัสแบบนี้มันกำลังจะหายไปตลอดกาลกัน



“เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ ความทรงจำของคุณ” คุณหมอคนเดิมที่ในมือถือชาร์ตอันเดิมนั่งอยู่ข้างเตียงของผม แทนที่จะยืนคุยกันอย่างเคย แสดงให้เห็นว่าเรื่องที่เรากำลังจะคุยกันมันคงมากกว่าแค่การสอบถามอาการทั่วไปเหมือนกับครั้งก่อน
“ผมฝันถึงคนคนนึงมามา 2 ปี ฝันเหมือนเดิม แบบเดิม คนเดิม และสถานที่เดิมซ้ำๆ อยู่แบบนี้ทุกคืน ผมฝันเห็นว่าผมกำลังพิมพ์ไอดีไลน์ของเขาลงในโทรศัพท์ตัวเอง แล้วเพราะเขาคุยกับผมเขาเลยโดนรถชน ในฝันของผมทุกอย่างมันเหมือนจริงมาก จนบางครั้งผมก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก เพื่อนของผมบอกว่าให้ลองแอดไลน์นั้นไปดู หากไม่เจอจะได้รู้ว่าเป็นแค่ความฝัน ผมจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น ผมได้แต่ฟัง แต่ผมไม่เคยคิดจะทำตาม เพราะผมกลัวหากผมแอดไปแล้วเจอคนใช้ไอดีนั้นจริงๆ และถ้าหากผมเจอขึ้นมาจริงๆ ผมก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องถูกรถชนขึ้นมาจริงๆ จนนานเข้าผมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ไหว ผมนอนไม่เป็นเวลาเพราะต้องทำงาน แต่พอได้นอนผมก็จะเอาแต่ฝันถึงเหตุการณ์นั้นจนไม่เคยหลับสนิทสักคืน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกา ผมเลยตัดสินใจแอดไลน์ไปตามไอดีที่ผมจำได้จากในฝัน”
คุณหมอตั้งใจฟังทุกคำพูดของผม เขาไม่ได้แสดงสีหน้าว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมเล่า แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าสงสัยหรือตกใจเหมือนกับคนปกติแบบไอ้ปอนด์ตอนที่ผมเล่าเรื่องความฝันของผมให้ฟังเป็นครั้งแรก
“ไอดีนั้นมีคนใช้อยู่จริง แถมในรูปยังเป็นคนเดียวกับคนที่ผมฝันถึงด้วย”
“คุณก็เลยไปตามหาคนคนนั้นเพราะคิดว่าเค้าจะโดนรถชนหลังจากที่คุณแอดไลน์เขาไป”
“ใช่ครับ แต่วันนั้นผมไม่ได้เจอเขา” ผมเล่าให้คุณหมอฟังต่อ “ตอนหลังผมมารู้ว่าเขาเองก็ฝันถึงผมเหมือนกัน แต่เรากลับฝันกันคนละเรื่อง ฝันของเขาจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น ส่วนของผม ผมฝันถึงอนาคต”
“คุณลองดูโทรศัพท์ของคุณหรือยังครับ” หมอไม่ได้ไม่เชื่อในสิ่งที่ผมกำลังจะเล่า หากแต่หมอกำลังพูดให้ผมค่อยๆ คิดตาม
“ดูครับ แต่ผมไม่เห็นคอนแท๊กของเขาในไลน์ผม”
“ถ้างั้นมีใครมายุ่งกับโทรศัพท์ของคุณไหม”
“เพื่อนของผมเป็นคนเดียวที่รู้รหัส และมันก็ยืนยันว่าไม่เคยยุ่งกับข้อความของผม”
“งั้นเป็นไปได้ไหมครับ ว่าคุณจะไม่ได้แอดไปหาคนในฝันของคุณตั้งแต่แรก”
“แต่ผมรู้ชื่อเขานะครับคุณหมอ ผมจะรู้จักชื่อเล่นของเขาได้ยังไง ถ้าเราไม่เคยคุยกัน” หมอก้มลงเขียนอะไรบางอย่างลงไปในชาร์ตเพิ่ม และถามคำถามต่อไปกับผมไปด้วย
“คุณจำได้ไหมครับว่าคุณเกิดอุบัติเหตุวันที่เท่าไหร่”
“9 พฤศจิกาครับ”
“แล้วคุณรู้ไหมครับว่าคุณสลบไปกี่วัน”
“9 วันครับ”
“ถ้างั้นวันนี้ก็จะเป็นวันที่  18 ถูกไหมครับ”
“ครับ” ผมยังคงยืนยันหนักแน่นว่าวันนี้เป็นวันที่ 18 พฤศจิกายน ถึงไอ้ปอนด์จะเคยเอาวันที่ในโทรศัพท์ให้ดูแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม
“งั้นคุณรอผมสักครู่นะครับ”
คุณหมอหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความลงไปก่อนจะส่งมันมาให้ผม หน้าจอมือถือของคุณหมอค้างอยู่ที่แอพ Google ส่วนข้อความที่คุณหมอเพิ่งจะพิมพ์ไปก็คือคำว่า
‘วันนี้’
ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมหมอถึงต้องเข้าค้นหาข้อมูลใน Google ทั้งที่ส่งโทรศัพท์ให้ผมดูเหมือนกับไอ้ปอนด์มันก็จะขึ้นบอกวันที่แล้ว แต่เพราะถ้าทำแบบนั้น ผมก็คงจะคิดไปเองอีกว่า คุณหมอที่เป็นเพื่อนกับไอซ์ กำลังช่วยเพื่อนของตัวเองเอาคืนผมเหมือนกับที่ผมคิดว่าไอ้ปอนด์ก็กำลังร่วมมือกับไอซ์อยู่ เพราะผลการค้นหามันทำให้ผมเลิกคิดถึงเรื่องนั้นไปเลย เมื่อมันขึ้นว่า
‘Nov 10,....’
สมองของผมกำลังตีกันวุ่นวายไปหมด ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ตอนนี้ผมควรต้องทำยังไง หากวันนี้เป็นวันที่ 10 จริง แล้วเรื่องผมกับไอซ์...
“ส่วนเรื่องชื่อเล่นที่คุณตั้งคำถามเอาไว้เมื่อครู่” คุณหมออธิบายต่อเมื่อเห็นผมยังคงจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือนิ่ง “ผมคงต้องขอให้ผลตรวจร่างกายของคุณออกมาก่อนถึงจะยืนยันให้คุณฟังอีกรอบได้ แต่จากการสันนิษฐานของผม เพราะคุณนอนไม่ได้สติไป 9 วันเต็มๆ ช่วงที่คุณหลับไปนั้นหูของคุณอาจจะได้ยินเสียงรอบข้างคุยกัน ชื่อเล่นของเขาคุณอาจจะได้ยินมาจากใครสักคนที่มาเยี่ยมคุณ มีผลทำให้ความทรงจำบางส่วนของคุณเกิดสับสน แต่ว่าคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ อาการแบบนี้เป็นอาการปกติของ”



“นี่คุณหมอกำลังจะบอกว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝันของผมหรอครับ”




#เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: DREAM #เมื่อคืนนี้ผมฝันถึงคุณ
«ตอบ #28 เมื่อ05-12-2019 21:29:53 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ SUNSCREEN50

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


“เป็นไงบ้างวะ”

เมื่อคุณหมอเดินออกจากห้องไป ไอ้ปอนด์ก็รีบวิ่งเข้ามาหาผมด้วยความเป็นห่วงทันที ส่วนคนที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันนั้นไม่ได้เข้ามาด้วย

แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะหากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแค่ความฝันของผมจริงๆ ไอซ์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะอยู่ต่อ และผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะขอให้เขาอยู่ต่อ

“ไม่เป็นอะไร กูก็แค่..ฝัน”

“มึงโอเคไหมเนี่ย”

.. ไม่เลยสักนิด...

ความรู้สึกของผมมันบอกแบบนั้น

ที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากตอนที่โดนรุ้งบอกเลิกไปเมื่อหลายปีก่อน มันรู้สึกเสียดอยู่ในอก อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก แต่มันตลกกว่าเมื่อตอนนั้นก็ตรงที่ทุกอย่างมันไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เลย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเจ็บกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า

“โอเคดิ” ผมเลือกที่จะโกหกไปปอนด์ไป

ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้รู้สึกโอเคแบบที่บอก แต่ผมก็เชื่อว่าผมคงจะกลับมาเป็นปกติได้ในอีกไม่ช้า ผมก็แค่คิดเสียว่า..ผมตื่นขึ้นมาจากความฝันเหมือนกับทุกๆ วัน

ก็เท่านั้นเอง...

“เล่าให้กูฟังได้ไหมวะ เรื่องที่มึงฝัน”

“ช่างมันเถอะ ไม่ได้น่าสนใจอะไร”

“กราฟ กูเป็นเพื่อนกับมึงมากี่ปีแล้ว” ไอ้ปอนด์ถามผม “มึงก็รู้ กูกับมึงไม่มีใครโกหกใครได้”

เพราะเรารู้จักกันดี

ดีจนแค่มองตากันก็รู้แล้วว่าอีกคนคิดอะไร ผมเลยไม่เคยโกหกอะไรไอ้ปอนด์ได้เลย

จากที่คิดว่าจะปล่อยให้เรื่องความฝันเป็นแค่เรื่องความฝันของผมคนเดียว ก็กลายเป็นว่าผมต้องมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไอ้ปอนด์ฟัง ความฝันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่ผมเองจำได้ขึ้นใจถูกถ่ายทอดออกไปให้ไอ้ปอนด์ฟังอีกครั้งเหมือนกับในฝันไม่มีผิด และครั้งนี้ผมคิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เล่าเหตุการณ์ในฝันให้กับไอ้ปอนด์ฟัง


เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนร่างที่แสนจะคุ้นตาทั้งที่ได้เจอกันจริงๆ เป็นครั้งที่ 2 ค่อยๆ เดินเข้ามาจนมายืนอยู่ข้างๆ เตียงของผม

“คุณเข้ามาอีกทำไม” ผมถาม

“ไอ้กราฟ คุณอติวิทย์เขาเป็นห่วงมึงมากนะ ตอนที่มึงหลับไปเขาก็มาเยี่ยมมึงทุกวัน”

“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณกลับไปเถอะ” ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง

ยอมรับตรงนี้เลยว่าผมกลัว

กลัวว่าตัวเองจะไม่ยอมปล่อยไอซ์ไป

กลัวตัวเองจะรั้งให้เขาอยู่ โดยใช้เหตุผลที่ว่า ผมเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้

และที่กลัวไปกว่านั้น ก็คือกลัวว่าเขาเองก็จะยอมอยู่ เพียงเพราะเหตุผลเดียวกัน

“ไอ้กราฟ! คุณอติวิทย์ครับ คือเพื่อนผมมันคงยังไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ยังไงต้องขอโทษด้วยนะครับ” ไอ้ปอนด์ปรามผม ก่อนจะหันไปขอโทษขอโพยไอซ์เสียยกใหญ่

“เรียกผมไอซ์ก็ได้ครับ คุณปรมะ”

“คือผม..”

“ไอ้ปอนด์มันไม่กล้าเรียกผู้บริหาร พีเจกรุ๊ป ด้วยชื่อเล่นหรอกคุณ มันกลัวไม่ได้งาน” ผมลองพูดข้อมูลที่ตัวเองฝันถึงออกไป
หากเรื่องที่ผมรู้ชื่อเล่นของเขา เป็นเพราะผมบังเอิญได้ยินตอนที่หลับอยู่แบบที่หมอว่า ข้อมูลอย่างอื่นที่ผมรู้เรื่องของไอซ์ก็คงจะไม่เป็นเรื่องจริงเลยสักเรื่อง หากว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝันของผมเพียงคนเดียว ผมจะได้ตัดใจจากคนตรงหน้าได้ง่ายๆ

“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” ไอซ์ถามผมกลับ

งั้นก็แปลว่าข้อมูลของผมถูก

บังเอิญอีกแล้วหรอ เขามาคุยกันข้างๆ หูผมเหมือนกับที่เรียกชื่อเล่นให้ผมได้ยินอย่างนั้นหรอ

“ทำไมไม่ตอบผมล่ะครับ?”

ผมควรจะลองถามถึงข้อมูลอื่นของเขาอีกไหม

ผมควรจะเล่าเรื่อความฝันของผมให้เขาฟังดีหรือเปล่า

หรือว่าผม...

ควรจะปล่อยเขาไป

“ตอบมาสิ! ว่าคุณรู้เรื่องที่ผมเป็นผู้บริหารพีเจได้ยังไง”

“เพราะผมก็หาคำตอบนั้นไม่ได้เหมือนกันไงคุณ! ผมไม่รู้ว่าผมรู้ได้ยังไง ผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่รู้! คุณเข้าใจไหมว่าผมไม่รู้!!” ผมตะโกนออกมาเสียงดัง เพราะผมเองก็ไม่มีคำตอบที่เขาอยากได้ ตอนนี้ผมไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง

“ไอ้กราฟใจเย็นดิวะ” ไอ้ปอนด์เป็นคนเข้ามาปรามผมเอาไว้ไม่ให้ไปสติแตกใส่คนที่ไม่รู้เรื่องแบบไอซ์ แต่เขาเองก็ไม่ได้ดูตกใจอะไรมากมาย ยังคงทำหน้านิ่งรักษามาดผู้บริหารได้เหมือนเดิม

“ตอนแรกผมคิดว่าจะเอาไว้บอกตอนที่เราประชุมด้วยกันครั้งหน้า แต่ไหนๆ คุณก็รู้แล้ว ผมขอพูดตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ ผมขอบคุณคุณมากๆ ที่ช่วยผมเอาไว้ ผมเลยอยากจะตอบแทนน้ำใจของคุณ โดยการเซ็นสัญญาผูกขาดกับบริษัทของคุณให้ดูแลทุกโปรเจคของทางพีเจ” ไอซ์ไม่ใช่ไอซ์คนที่ผมรู้จักจริงๆ ไม่เหมือนเลยสักนิด

“ผมไม่ได้โดดไปให้รถชนแทนคุณ เพราะอยากได้งานจากบริษัทคุณนะ เนี้ยบเรื่องงานมากไม่ใช่หรอ ไม่งั้นคงไม่สั่งให้แก้งานตั้ง 4 รอบหรอก ที่ไหนดีคุณก็ไปจ้างที่นั้นเถอะ”

ตอนนี้ทั้งไอซ์ และไอ้ปอนด์ต่างก็หันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว ข้อมูลที่ผมพูดออกไปคงจะบังเอิญถูกขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหม ความบังเอิญนี่ก็ตลกจริงๆ

“คุณปรมะเล่าเรื่องที่ทางผมส่งงานไปแก้เมื่อวานให้คุณฟังหรอ” ไอซ์ขมวดคิ้วแล้วเค้นเสียงถามผม

“ผมเปล่านะครับ” ไอ้ปอนด์รีบปฎิเสธ

“ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมรู้ได้ยังไง ถ้าคุณอยากตอบแทนผมจริงๆ ละก็  คุณช่วยอย่ามาเจอผมอีกได้หรือเปล่า” ผมถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เข้าใจแล้วว่าไอซ์คนนี้ไม่ใช่ไอซ์ในฝันของผม เพราะตลอดการสนทนาทั้งหมดที่ผ่านมา ทั้งแววตา ท่าทาง วิธีการพูดหรือแม้แต่น้ำเสียง ไม่มีตรงไหนเหมือนเลยสักนิด

“ไอ้กราฟ” เสียงไอ้ปอนด์ร้องห้าม แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจ เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าผมควรจะปล่อยให้ความฝันเป็นแค่ความฝัน..ตลอดไป

“ผมขอร้องคุณก็ได้ อย่ามาให้ผมเจออีกเลยนะครับ”



ผมขอหมอออกจากโรงพยาบาลในอีก 2 วันถัดมาเพราะผลตรวจไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง ใจจริงอยากจะกลับไปทำงานต่อเลยด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่ไอ้ปอนด์มันไม่ยอม มันเลยเอาผมมาปล่อยไว้ที่บ้านสวน แทนที่จะพากลับคอนโด ไอ้ปอนด์มันรู้ดีว่าหากให้ผมกลับไปที่นั่นผมก็คงได้เริ่มทำงานเลยแน่ๆ

ตอนนี้ผมเลยได้มานั่งเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน รอบตัวมืดสนิทมีเพียงแค่แสงจากดวงดาวและพระจันทร์บนฟ้าเท่านั้นที่คอยให้แสงสว่าง

ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หลังจากเดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งกลางสนามเด็กเล่น คืนนี้เห็นทั้งดาวแล้วก็พระจันทร์ คืนนี้คงจะเป็นอีกคืนที่พระจันทร์ผู้หญิงและพระจันทร์ผู้ชายได้มาเจอกัน

แต่มีเพียงแค่ผมกลับได้มาชื่นชมความรักของทั้งคู่แค่คนเดียว

เสียงโทรศัพท์ที่ผมหยิบติดมือมาด้วยดังขึ้น ชื่อที่ขึ้นโชว์ที่หน้าจอเรียกรอยยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเลื่อนหน้าจอเพื่อรับสาย

“กูกินข้าวแล้ว กินยาแล้วด้วย ออกมาเดินเล่น แต่อีกเดี๋ยวจะกลับไปนอนแล้ว” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดอะไร ผมก็รีบรายงานสิ่งที่มันชอบถามอยู่เป็นประจำช่วงนี้ออกไปก่อน

(ให้กูถามก่อนก็ได้ มึงนี่รีบจับวะ) ไอ้ปอนด์หัวเราะ

“มีอะไร”

(สัญญามาก่อนว่าเราจะคุยกันด้วยเหตุผลจนจบ ไม่ตัดสายทิ้ง ไม่ชิ่งเปลี่ยนเรื่องไปก่อน)

“นี่ซีเรียสหรอมึง งานกับพีเจที่ไปประชุมวันนี้หลุดมือหรอวะ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว รู้ว่าไอซ์ไม่เหมือนกับไอซ์ในฝัน แต่ก็ไม่น่าไม่มีเหตุผลขนาดทิ้งโปรเจคที่ทำด้วยกันมาตั้งนานเพราะผมไปพูดไม่ดีใส่เขาในวันนั้นใช่ไหม

(มึงสัญญามาก่อนเลย อย่าลีลากราฟ) ไอ้ปอนด์ยังคงเร่งให้ผมตอบตกลง

“เออ ว่าไง”

(งานวันนี้ผ่านจริงๆ ตามที่มึงบอก คุณไอซ์ก็มาประชุมด้วยตัวเองตามที่มึงบอก)

“กูบอกแล้วว่ามันต้องผ่าน”

(กูเชื่อมึงนะ)

“เรื่อง?”

(ก็เรื่องที่มึงเล่าให้กูฟัง)

“...”

(เรื่องความฝัน)

“อืม”

(กูขออะไรมึงอย่างนึงได้ไหมวะ)

“บอกมาก่อน แล้วจะลองคิดดูว่าได้ไหม”

(กูอยากให้มึงลองแอดไลน์ไอดีที่มึงจำได้ไปอีกครั้ง)

“ปอนด์กูบอกมึงไปแล้วไงว่ามันเป็นแค่ฝัน”

(ก็ตอนนี้มึงตื่นแล้วไง มึงไม่ได้ฝันแล้ว แล้วถ้าเกิดว่าไอดีนั้นเป็นของคุณไอซ์ขึ้นมาจริงๆ มึงว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้มึงฝันถึงรึป่าว)

“...”

(หรือว่ามึงไม่อยากรู้ ว่าทำไมถึงได้ฝันถึงเรื่องเขาทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมถึงได้ไปฝันเป็นตุเป็นตะ ว่าเป็นแฟนกัน ทำไมถึงต้องไปช่วยชีวิตเขาจนตัวเองเกือบตาย)

“...”

(ที่เงียบนี่คือกำลังจะคิดคำปฏิเสธอยู่ใช่ไหม? ลองเหอะ ถ้าไม่ใช่ก็จบ แต่ถ้าใช่มันก็อาจจะมีอะไรดีดีรอมึงอยู่ก็ได้)

“อะไรดีดีเช่นอะไรวะ”

(อะไรดีดีเช่นคุณไอซ์ไง ถ้ามึงชอบเขา มึงก็แค่จีบเขาใหม่อีกรอบ ไม่เห็นยากเลย)

“กูไม่อยากผิดหวังว่ะปอนด์”

(ก็ดีกว่ามานั่งเสียใจตั้งแต่ยังไม่ทันทำอะไรเลยแบบนี้หรือเปล่าวะ มึงที่กูรู้จักไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆ แบบนี้สักหน่อย)

“แต่เรื่องนี้กูยอมจริงๆ ว่ะ”

(ก็แค่ลองดู กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้)

“แล้วถ้าเขาไม่อยากคุยกับกู”

(อย่าเสือกคิดแทนคนอื่น มึงรู้หรอว่าเขาคิดยังไง)

“กูกลัวจะไปรบกวนเขา”

(เขารำคาญเขาก็ไม่คุยกับมึงเองนั่นแหละ กูจะไม่เซ้าซี้มึงอีกกราฟถ้าไอดีมันผิด กูสัญญาเลย จะไม่พูดถึงแม้แต่ชื่อเลยก็ได้ แต่ถ้าถูก กูขอให้มึงคิดว่านี่คือสิ่งตอบแทนที่มึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนๆ นึงเอาไว้ไม่ได้หรอ)

“...”

“กราฟ กูว่ามึงควรได้รับของขวัญจากพระเจ้า”



ไอ้ปอนด์วางสายจากผมไปแล้ว ส่วนผมเองยังคงแหงนมองท้องฟ้านิ่ง

ก่อนออกจากโรงพยาบาล ผมตัดสินใจไปแล้วว่าจะตัดใจจากไอซ์ เรื่องความฝันก็ปล่อยให้มันเป็นแค่ความฝันต่อไป แต่พอมาคิดดูอีกที หากเป็นแบบที่ไอ้ปอนด์บอก หากในฝันของผมเป็นไอดีไลน์ของไอซ์จริงๆ แล้วหากในฝันของเป็นเป็นการบอกใบ้จากใครสักคนจริงๆ

ผมควรจะต้องทำยังไง

เรื่องของผมมีใครที่พอจะสามารถอธิบายออกมาให้ฟังได้บ้างไหม

แล้วถ้ามันไม่สามารถให้คนอื่นอธิบายออกมาได้ ก็ควรจะต้องเป็นผมใช่ไหมที่จะพิสูจน์มันด้วยตัวเอง


โทรศัพท์ถูกขยับเพื่อปลดล๊อคอีกครั้ง ผมใช้นิ้วจิ้มไปยังแอพที่ใช้ประจำจนมันขึ้นโหลดข้อมูล ไม่นานก็เข้ามาสู่หน้าจอเพิ่มเพื่อน ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆ บรรจงกดตัวอักษรหกตัวที่จำได้แม่นยำลงไป

ICEECI

ก่อนจะกดค้นหา ใจหนึ่งผมภาวนาให้ไม่เจอคนที่ใช้ไอดีไลน์นี้ หรือต่อให้เจอก็ไม่ใช่คนเดียวกับในฝันของผม เรื่องทุกอย่างจะได้จบ และผมจะได้ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องนี้อีก แต่อีกใจหนึ่งนี่สิที่เป็นปัญหา ผมเกิดอยากให้ความฝันของผมเป็นจริงขึ้นมาสักครั้ง...แค่สักครั้งเท่านั้น

เพียงแค่ออกแรงกดนิ้วลงไปผลการค้นหาก็ปรากฎขึ้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่กันแน่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไอดีไลน์ในฝันของผมมีคนใช้อยู่จริงและเจ้าของไอดีไลน์นั้นก็คือคนที่ผมเอาแต่คอยฝันถึงนั่นเอง

ในตอนแรกที่ไอ้ปอนด์บอกว่าผมควรได้รับของขวัญจากพระเจ้า ตอนนั้นผมอยากจะเถียงมันออกไปเหลือเกินว่าผมไม่เชื่อในพระเจ้า ไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะประทานอะไรมาให้คนที่ไม่ได้สัทธาพระองค์แบบผม แต่ในตอนนี้...ผมคิดว่าจะลองเชื่อในพระเจ้าดู

จากที่นั่งพิงหลังไปกับพนักพิงในตอนแรก ผมก็ยืดตัวให้ตั้งตรง ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับความรู้สึกในความฝันตอนที่ผมแอดไปหาไอซ์ครั้งแรก ผมไม่รอช้าที่จะกดเพิ่มเพื่อนและรีบส่งข้อความไปหาเขา ทั้งที่ควรจะสร้างความประทับใจตั้งแต่ข้อความแรกที่ส่งหากันในชีวิตจริง ผมกลับลนจนพิมพ์อะไรมั่วไปหมด

Graph : ไอซ์

Graph : ไม่ใช่

Graph : คุณอติวิทย์ครับ

Graph : ผมกราฟ

Graph : คือไอ้ปอนด์

Graph : ไม่ๆ

Graph : คือปรมะ ให้ผมลองแอดมา

ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับแต่ละข้อความของตัวเอง ขณะที่กำลังนึกว่าผมควรจะพิมพ์อะไรต่อไป ข้อความที่ผมส่งไปก็ขึ้นว่าอีกคนได้เปิดมันขึ้นอ่านแล้ว

ICE : ผมรู้ครับ

ICE : คุณปอนด์เล่าให้ผมฟังแล้ว

ICE : เรื่องความฝันของคุณ

เพราะไอ้ปอนด์ไปเล่าเรื่องความฝันของผมให้ไอซ์ฟังนี่เอง ถึงได้มาคะยั้นคะยอให้ผมแอดไลน์ไปหาไอซ์ดู ไม่รู้ว่าไปตกลงอะไรกันไว้ไอซ์ถึงได้ยอมมาคุยกับผมแบบนี้

ICE : คุณจะโกรธไหมถ้าผมจะถามอะไรคุณสัก 3 ข้อ

ไม่ใช่แค่ผมเองที่อยากจะพิสูจน์ แต่ไอซ์เองก็คงจะเป็นเหมือนกัน

Graph : ถามมาสิคุณ

ICE : ในฝันของคุณ

ICE : คุณเคยมาหาผมที่คอนโดไหม

Graph : เคยครับ

Graph : นี่คือ 1 คำถามหรอ

Graph : ง่ายจัง

ICE : ไม่ใช่สิคุณไม่นับอันเมื่อกี้

Graph : อ่อ

ICE : คุณรู้ไหนว่าผมอยู่ชั้นไหน ห้องอะไร

Graph : ชั้น 11 ห้อง 1107

ICE : ครับ

ICE : คุณตอบถูก

ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้ม ดีใจที่ไอซ์บอกว่าคำตอบของผมถูก ดีใจที่ข้อมูลของเขาจากความฝันของผมเป็นจริงขึ้นมาอีกข้อ

ICE : ในฝันของคุณผมทำอาหารเป็นไหม แล้วผมชอบกินอะไรมากที่สุด

Graph : อันนี้ไม่ใช่ 2 คำถามหรอคุณ

ICE : คุณตอบมาเถอะน่า

Graph : คุณทำอาหารไม่เป็นสักอย่าง

Graph : ครัวคอนโดคุณสะอาดกว่าห้องนอนของคุณอีก

Graph : อันนี้คุณเคยบอกผม

Graph : ส่วนที่ชอบที่สุดก็น่าจะเป็นกุ้ง

Graph : แกะไม่เป็นแต่ก็ยังชอบกิน

Graph : ถูกไหมครับ

ICE : ครับ

ICE : ข้อนี้ก็ถูกอีก

ผมยกมือขึ้นลูกที่หน้าอกตัวเองเบาๆ ตอนที่ไอซ์ตอบว่าถูกมันเหมือนกับจะระเบิดออกมา

ICE : คำถามสุดท้ายแล้วครับ

ICE : คุณรู้จักผมแล้วจากในฝัน

ICE : แต่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย

ICE : มันอาจจะดูประหลาดไปสักหน่อยที่ในฝันอยู่ๆ ผมกับคุณจะตกลงคบกันง่ายๆ

ก็จริงของไอซ์ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเลย

Graph : ครับ ผมเข้าใจ

หากเปรียบคำถามสองข้อแรกคือจุดที่อยู่สูงที่สุดของเครื่องเล่นหวาดเสียวในสวนสนุก ทีนี้ก็เตรียมตัวได้เลยว่าอีกไม่นานผมคงจะต้องถูกเหวี่ยงกลับมาที่จุดที่ต่ำสุดอีกครั้งเพราะคำถามข้อที่สามแน่ๆ
ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพื่อเตรียมดิ่งไปพร้อมกับคำถามข้อสุดท้ายของคนในฝัน ก่อนจะก้มหน้าอีกครั้งแล้วค่อยๆ ไล่อ่านข้อความที่ไอซ์ส่งมาทิ้งไว้ทีละประโยคอย่าตั้งใจ

ICE : เพราะแบบนั้นคุณจะยอมเสียเวลากับผมไหม


ICE : เสียเวลาให้ผมได้เรียนรู้ความเป็นคุณ


ICE : เสียเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่พร้อมๆ กัน


เหมือนผมกำลังถูกเครื่องเล่นเครื่องเดิมฉุดให้ลอยขึ้นไปบนจุดสูงสุดอีกรอบ

เพราะนี่มันไม่ใช่ประโยคปฏิเสธแบบที่เตรียมใจเอาไว้ เลยยังไม่ได้ตอบข้อความกลับไป ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันคือข้อความที่บอกว่าเขาจะยอมเปิดใจคุยกับผม ก็เลยอยากจะอ่านข้อความนั้นซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกสักรอบ แต่เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยดังใกล้เข้าเรื่อยๆ ผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นมาจากข้อความพวกนั้น เพื่อดูว่าใครกัน ที่ออกมาดูดาวมองพระจันทร์ในที่ที่มืดสนิทแบบนี้เหมือนกับผม

แสงจากพระจันทร์ไม่ได้สว่างพอที่จะทำให้ผมเห็นได้ทันทีว่าคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาผมคือใคร เนื่องจากมีกลุ่มเมฆลอยมาบังไว้

จนอีกคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าก้อนเมฆจึงได้ค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านไป พร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผมสามารถเห็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยตรงหน้านั้นได้อย่างถนัดตา

“ไม่อยากเสียเวลาหรอครับ ถึงไม่ตอบข้อความของผม”



---------

จบแล้วค่ะ
แต่กว่าจะจบได้ทุกคนคงจะลืมตอนแรกกันไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ


ตอนจบก็คือตอนที่พวกเขาได้เริ่มต้นกันใหม่ในชีวิตจริง
ต่อจากนี้ไปจะไม่ใช่แค่ฝันของพิกราฟแล้วค่ะ

เดี๋ยวน่าจะได้อ่านตอนพิเศษกันเร็วๆ นี้ละมั้ง แฮร่...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ ขอบคุณตัวเองด้วยที่แต่งจนจบ
เอาไว้เจอกันใหม่ หากมีโอกาสนะคะ

 :bye2:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด