ตอนที่26
วันนี้เป็นวันเกิดของครอสซึ่งผมตื่นเต้นสุดๆ เมื่อคืนแทบนอนไม่หลับเลยล่ะ แต่ก็หลับจนได้แหละนะ ตื่นมาอีกทีก็สิบโมงนู่น พออาบน้ำเสร็จผมก็เปิดส่องเฟสไอ้ครอสอยากรู้ว่าจะมีคนมาอวยพรวันเกิดมันเยอะไหม และผมก็พบว่าโคตรของโคตรเยอะ เซเลปดีๆนี่เอง แต่ผมไม่โพสต์แปะไว้หรอกนะ คนพิเศษก็ต้องมีมุมพิเศษดิ อิอิ
“มึงช่วยเลิกหัวเราะชั่วร้ายสักที กูบอกแล้วว่ามันน่าขนลุก”เสียงมารที่เอื้อเฟื้อที่อยู่อาศัยให้ผมดังขึ้น
เมื่อวานนี้ผมมานอนห้องไอ้ซังเพราะเอ็กไซส์จัดมันอยู่คนเดียวเงียบๆไม่ได้จริงๆ ไอ้เพื่อนตัวดีก็เปิดประตูต้อนรับพร้อมจิกให้ใช้ผมให้ช่วยมันเก็บห้อง
“ตื่นเต้นอ่ะมึงงงงง กูตื่นเต้นชิบหายเลย เขินด้วยยย”ผมพูดพลางดิ้นไปดิ้นมาเอาหน้าซุกหมอนข้างอายๆ
“เห็นสภาพมึงตอนนี้แล้วนึกถึงตอนประกวดดาวเดือนใหม่เลยว่ะ”
“อ๋อออ หมายถึงตอนที่กูด่ามันนั่นอ่ะนะ อื้อๆ พูดแล้วก็คิดถึงเน๊อะ แม่งตรงข้ามกับตอนนี้เลยอ่ะ”
“หมั่นไส้ว่ะ หน้ามึงโคตรฟินเลย จะกรี๊ดตรงนี้ก็ได้นะกูจะไม่ด่าว่าตุ๊ด”
“ก็ด่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ!?”
“เออว่ะ ฮ่าๆๆๆ กูแค่ห่วงว่ามึงจะหลุดตอนบอกรักมันเท่านั้นแหละ”
“กึ๋ยยยย หยึ๋ยยยย อย่าพูดถึงเรื่องนั้นดิ เดี๋ยวกูก็สติแตกอีกรอบหรอก ซ๊างงงงงง ตื่นเต้นอ๊ะ!! ไม่ไหวแล้ว ขอกำลังใจโหน่ยยย กูต้องทำยังไงบ้างนะ”
“ทำเสียงห่าอะไรของมึง แค่พูดคำว่ารักมันจะยากอะไรนักหนาวะ กูก็ซ้อมบทให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ทำตามนั้นแหละ พลาดก็ไม่เป็นไรหรอกเชี่ยครอสมันเห็นเป็นน่ารักหมดนั่นแหละ พอๆกูว่าขืนนั่งอยู่ตรงนี้หมอนข้างกูเป็นชิ้นๆแหง ออกไปข้างนอกกันเถอะ เอาของขวัญว่าที่ผัวมึงมาด้วยเลย เสื้อผ้าหน้าผมพร้อมแล้วใช่ไหม”
“อื้ม”
“แหม...ไม่มีปฏิเสธเลยนะไอ้คำว่าว่าที่ผัวน่ะ”
มันแซวผมซะเปื่อยยับขนาดนี้แล้วพอผมเขินมันก็ด่าทำหน้าเซ็ง ดูมันเด๊ะ ชิส์ๆ
ผมเดินไปหมุนตัวหน้ากระจกสองสามรอบ จัดผมอีกนิดหน่อยก่อนคว้าของขวัญเดินออกจากห้องของซัง อันที่จริงตามแผนคือให้ไปหามันตอนพระอาทิตย์ตกดินโน่นแต่ไอ้ซังคงทนรำคานไม่ไหวเลชวนผมออกมาตั้งแต่บ่ายแก่แบบนี้
ก็ดีนะเพราะผมก็ตื่นเต้ล~~ไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“มึง...”เสียงของเพื่อนผมดังขึ้น ซังหยุดเดินก่อนจะถึงลิฟท์ผมจึงชะโงกหน้าออกมามองอย่างแปลกใจ
“เจอร์!!”
คนถูกเรียกก็แปลกใจไม่น้อยที่เจอผมที่นี่ สภาพมันเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนนะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตาเบลอๆไม่ตีหน้าเข้มเหมือนทุกครั้ง เด็กวิศวะคนนี้เตี้ยวกว่าซังนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพื่อนผมสูงกว่าที่คิดหรือมันเตี้ยกว่าที่คิดกันแน่ แต่เอาเป็นว่าพอมันทำหน้าอึนๆมองซ้ายมองขวาแล้วผมคิดว่าน่ารักดี
ในลิฟท์พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ พอออกมาจากลิฟท์มันก็ชะลอฝีเท้าให้พวกผมเดินไปยังระตูหอก่อน ไม่ใช่ว่ามันหนีหน้าหรืออะไรหรอก แค่ขึ้เกียจควักกุญแจจออกมาติ๊ดกับเครื่องเท่านั้นแหละ
“เออ...เพลิน!”ก่อนจะขึ้นรถซังผมก็ถูกเรียกไว้ เหมือนไอ้เจอร์พึ่งตื่นเต็มตาและเพิ่งรับรู้ตัวตนของผม”ไปไหนวะ”
“ไปหาครอส”ผมตอบเต็มปากเต็มคำ วันนี้มันมึนๆแถมผมยังมีเพื่อนด้วยผมไม่กลัวหรอก อิอิ
“เออๆ กูเห็นในเฟสละ มึงอยู่หอนี้เหรอวะ”
“เปล่า เพื่อนอยู่”
“เออๆ”มึงจะเอออีกกี่รอบถึงพอใจ”ว่าแต่รู้จักผู้หญิงที่ชื่อซันนี่ป่าววะ? เออๆช่างแม่ง ไม่มีไรหรอก กูไปละ บาย”
ผมว่ามันเมาค้าง
ผมเลิกสนใจเจอร์และขึ้นรถเพื่อนมุ่งหน้าไปยังคอนโดของครอสด้วยความตื่นเต้น ใจเต้นตึกตักๆๆๆๆ
แต่พอไปถึง...
ผมก็เห็นภาพที่ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น
เอาจริงๆถ้าเป็นผมตอนปกติคงยืนอยู่กับที่ด้วยความตกใจ พอตั้งหลักได้ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นี่มันผมตอนไม่ปกติไงเรื่องเลยจบตรงการวิ่งหนี ผมได้ยินเสียงมันตะโกนไล่หลังมานะ แต่ว่าไม่เห็นตัวมันวิ่งตามออกมา
ในใจลึกๆผมเชื่อใจมันมากกว่าสายตาตัวเอง
แต่ผมก็ไม่กล้าหาญพอที่จะยืนอยู่ตรงนั้น
ซังกลับไปแล้วเพราะมันคิดว่าคืนนี้ผมจะอยู่ยาวผมจึงโบกแท็กซี่และให้ไปส่งที่หอของมัน ผมต้องการที่ยึดเดียวและมันเป็นคน
เดียวที่รู้เรื่องดีที่สุด ผมคิดแบบนั้นจึงรีบตรงไปยังห้องของเพื่อนสนิท...เพื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น
ผมร้องไห้ตั้งแต่อยู่บนแท็กซี่แล้ว นึกด่าตัวเองในใจว่าหากไม่หนีออกมาก่อนอะไรๆมันคงสวยกว่านี้
“ฮึก...ฮืออออ ไอ้เหี้ยซัง ไอ้เลว ทิ้งกู อย่าให้รู้นะว่าไปหาหวานน่ะ ฮึก...”
พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว แสงสว่างที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างตรงทางเดินจึงเป็นสีส้มสลัวชวนหดหูดีแท้
ผมทรุดตัวลงกับพื้น นั่งซบหน้ากอดเข่าร้องไห้เป็นคนมีปัญหา
ไม่กล้าโทรตามมันเพราะไม่รู้จะเล่าให้ฟังยังไง
“ฮึก...”
แม้ผมจะไม่ได้โทรหาใครแต่ก็มีคนโทรหาผมนะ ครอสนั่นแหละ โทรมาเป็นสิบๆสายเลย และผมเชื่อว่าถ้าผมไม่รับสายมันก็จะกดโทรต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งจำนวนมิสคอลเยอะกว่าจำนวนคนที่ไปโพสต์อวยพรวันเกิดมันอีก
จึกๆ
มีคนใช้ตีนสะกิดขาผม ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาเพราะคิดว่าเป็นซังแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่เข้ามาทักผมคือไอ้เหี้ยหน้ามึนแห่งคณะวิศวะ
“มานั่งร้องไห้ทำเหี้ยอะไรแถวนี้ เสียงมันดังเข้าไปในห้องกูนอนไม่ได้”
ขอโทษที่ไปรบกวนการนอนของมึงนะ
ผมเม้มปากจนเป็นเส้นตรงใช้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆและลุกขึ้นยืน ไปร้องหน้าหอก็ด่ะ ผมเดินไปกดลิฟท์ไอ้เหี้ยเจอร์ก็เดินตามเข้ามาด้วย ผมเดินมานั่งตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าหอ ไอ้เจอร์ก็เดินมานั่งข้างๆ
“ตามมาไม”
“อกหักเหรอวะ? ดีเลย เข้าไปต่อในห้องกับกูไหม”
“ไม่!!”ผมรีบปฏิเสธเสียงกร้าวทันควัน หมดอารมณ์ร้องไห้หมด อย่ามากวนดิ๊ ไปเล่นตรงโน้นไป ชู่วๆ
“งั้นไปแดกเหล้าย้อมใจกัน”
ผมหรี่ตามองคนชวนอย่างไม่ไว้ใจ
“กูไม่ฉุดเข้าโรงแรมหรอกไอ้ห่า กูมีจรรยาบรรณของผู้ชายเจ้าชู้”
“ก็ได้ แต่สี่ทุ่มแล้วต้องกลับนะ”
ผมเชื่อคนง่ายไปป่าววะ แต่หลังจากมันทำร้ายครอสวันนั้นผมเห็นว่าสีหน้ามันดูตกใจเหมือนจงใจเล่นแรงแต่ไม่ได้เจตนาให้ออกมาแรงขนาดนั้น ผมเลยปรับมุมมองใหม่นิดนึง คิดว่ามันไม่ได้เลวบริสุทธิ์อะไรขนาดนั้น
หลังจากรอเจอร์อาบน้ำแต่งตัวมันก็พาผมแว๊นมอไซค์มายังร้านเหล้าแห่งหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก เมื่อมาถึงผมก็แชทบอกชื่อร้านกับทางมาให้ซังไว้คร่าวๆแต่มันยังไม่ได้เปิดอ่านหรอก
“เอาไร”
“กุ้งแช่น้ำปลา”
“กูพามาแดกเหล้าไม่ได้พามาแดกกับแกล้ม”
“งั้นเอาแจ๊คๆอะไรสักอย่าง”
“กระแดะ! ล่อของแพง แดกแค่ช้างก็พอกูไม่ได้รวยเหมือนผัวมึง”
ละจะถามตะมัยยยยย
เนื่องจากท้องฟ้ายังไม่มืดดีภายในร้านแห่งนี้เลยแทบไม่มีคน ผมใช้ซ้อมเขี่ยน้ำแข็งในแก้ววนไปวนมาอย่างเหม่อๆ ไอ้คนที่มาด้วยกันก็เอาแต่ทอดสายตามองออกไปนอกร้าน เจอร์ไม่ค่อยแตะเหล้าเยอะเหมือนครั้งแรกที่เจอกันตอนเลี้ยงสาย ผมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท เสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้น คิ้วเรียวขมวดเป็นผมเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรมา
“โหล! มีไรวะ”เสียงห้าวกระชากถาม ผมทำเป็นตักหัวปลาหม้อไฟกินเหมือนไม่ใส่ใจแต่ที่จริงแล้วหูผึ่ง
“กูจะอยู่ไหนมันก็เรื่องของกู!!”ดูแม่งโกรธจัดมากเหมือนไม่เต็มใจจะคุยกับปลายสายแต่ก็กดตัดไม่ได้
“เหี้ย!! เออ!! กูอยู่กับเพลินที่ระบำบาร์พอใจรึไง อีสัส!”จากสรรพนามแสดงว่าคนที่คุยกับเจอร์เป็นผู้หญิง? แปลกนะถ้ามีสาวโทรมามันควรอารมณ์ดีสิ ไม่ใช่นั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้
“ใจเย็นๆดิ เดี๋ยวก็เมาหรอก”ผมเตือนเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าเจอร์จะเมาจนพาผมกลับไปส่งไม่ได้
คนถูกห้ามมองตาเขียว โอเค๊! อยากกินก็กินไปเลย เอาที่พี่สบายใจ
ผมเลิกสนใจมันและนั่งจมกับความคิดของตัวเองเงียบๆ เหล้าไม่ค่อยเข้าปากเท่าไหร่ตามประสาคนไม่ชอบกิน
ถ้าครอสรู้ว่าแอบมากับเจอร์มันต้องโกรธแหง...แต่ไอ้โดนโกรธน่ะไม่เท่าไหร่ กลัวมันเสียใจนี่สิ
“เห้อ”
“ถอนหายใจแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องหนักใจ มาระบายให้พี่ฟังมั้ยจ๊ะ”พอผมถอนหายใจออกมาด้วยความเครียดก็มีเสียงทุ้มทักขึ้นแบบล้อเลียน ไม่ใช่เสียงของเจอร์หรอกครับเพราะไอ้บ้านั่นก็เงยหน้ามองหาต้นเสียงเลิ่กลั่ก
ฉับพลันโต๊ะของเราก็โดนล้อมด้วยผู้ชายหน้าตาไม่รับแขกห้าถึงหกคน ผมกวาดสายตามองคนกลุ่มนั้นอย่างหวาดๆผิดกับไอ้คนเจนสนามอย่างเจอร์ซึ่งหรี่ตามองอย่างไม่พอใจก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแข็งว่า
“จำไม่ได้ว่าชวนพวกมึงมา บังเอิญมาแดกร้านนี้เหมือนกันเหรอวะ”
คนรู้จักเหรอ? ผมหันไปพิจรณาผู้มาใหม่อีกครั้งแต่ดูจากรอยสักและตการระเบิดหูแล้วผมว่าไม่เคยเจอคนแบบนี้ในมหาลัยมาก่อนนะ
“เพื่อนแดกเหล้ากูเอง”เจอร์ช่วยไขข้อข้องใจให้ ด้านเพื่อนแดกเหล้าทั้งหกก็ลากโต๊ะมาต่อร่วมวงด้วยเล่นเอาผมนั่งตัวลีบมองหน้าไอ้เจอร์หวังว่ามันจะช่วยไล่เพื่อนมันไปไกลๆ
“กูกลับสี่ทุ่มนะ พวกมึงเปิดโต๊ะใหม่ดีกว่า”โฮ่ววว ก็มีพี่เจอร์นี่แหละที่รู้ใจ
“ไมวะ!? พรุ่งนี้มีสอบเหรอ เข้ามหาลัยได้หน่อยทำตัวเป็นเด็กเรียนเชียวนะมึง”หนึ่งในนั้นทักขึ้น
“เปล่า แค่สัญญากับเพลินไว้”สิ้นคำทั้งโต๊ะก็หันมามองผมเป็นตาเดียว
ไอ้คนเดิมขมวดคิ้วนิดๆก่อนถามขึ้นอีกครั้งว่า”เมียมึงเหรอวะ กูก็ว่าแม่งน่ารักดี เล่นดอกฟ้านะมึง”
“เพื่อน”
อื้อหือออออออ พี่เจอร์คนเดิมที่เพิ่มเติมคือความดีงาม
“งั้นกูขอ”
ปัง!
เชี่ยเจอร์ตบโต๊ะเสียงดังมองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยสายตาแข็งกร้าวแทนคำขู่ ถ้าแตะเพลินมึงตาย!
“เดี๋ยวนี้มึงเป็นคนดีขึ้นนะเพื่อน ได้ยินว่าโดนพี่รหัสลากไปปรับทัศนคติด้วยนี่ หึหึหึ”หมายถึงพี่นารายณ์น่ะเหรอ? ผมมองหน้าเจอร์สลับกับเพื่อนของไปมาก่อนตัดสินใจย้ายก้นไปนั่งข้างๆเจอร์เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ช่วงที่ขยับตัวรู้สึกเหมือนมือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นเบาๆ
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาอ่านแชทผมจึงนั่งสงบเสงี่ยมมองนักเลงคุยกัน
“เหี้ย!! อย่าพูดถึงไอ้เวรนั่น แค่ได้ยินคำว่าพี่รหัสกูก็อยากจะอ้วกแล้ว”
“แพ้ท้องเหรอเจอร์”
“เหี้ยพล!! วันนี้มึงชักจะกวนตีนกูมากไปแล้วนะ!!!”
“อ้าวๆ...ได้ยินเค้าว่ากันว่ามึงตกเป็นเมียของพี่รหัสแล้วไม่ใช่หรือไง?”พี่รหัสเจอร์ก็พี่นารายณ์ไม่ใช่เรอะ!? ตาผมแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อได้รับข่าวใหม่บรรลือโลก!!
“อย่าละเมอทั้งที่ยังลืมตาเหี้ยพล!! มึงเอาเหี้ยอะไรมาพูด อย่างกูเนี่ยนะ!? กับไอ้เหี้ยนั่นน่ะนะ!? ใครเอาข่าวมั่วนี่ไปปล่อย”
“ซันนี่”
“!!”ไม่ใช่แค่เจอร์ที่ตกใจ ซันนี่เหรอ ใช่ซันนี่เดียวกับที่ผมรู้จักหรือเปล่า
“พูดถึงก็มาพอดี เป็นไงเมียใหม่กูสวยป่าว หึหึ เป็นถึงดาวคณะทันตะเชียวนะ รองดาวมหาลัยด้วย”ปลายนิ้วของผมเย็นเฉียบเมื่อร่างบางที่แสนคุ้นเคยปรากฏในสายตา เธอคือซันนี่คนเดียวกับที่ผมรู้จัก
“ไงเพลิน บังเอิญจังนะ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันในที่แบบนี้”เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนเธอจะทิ้งตัวลงนั่งกายของพลด้วยรอยยิ้มเย็นมุมปาก เย็นจัดผมจนเสียวสันหลังวาบ ทว่าคนข้างๆผมกลับเดือดปุดๆจวนเจียนจะระเบิด
“รู้จักสองคนนี้ด้วยเหรอซัน”เสียงทุ้มของพลดังขึ้นอย่างแปลกใจ
“ก็นี่ไงพลก็...คนนี้ไง”เรียวนิ้วสวยกรีดกรายชี้มายังผมด้วยมาดนางพญา”ที่ซันนี่บอกให้พลช่วยหาเพื่อนที่ไว้ใจได้สักคนสองคนช่วยฉุดไปข่มขืนให้ที”
“!!?”
เหี้ย!!
ผมแทบหงานหลังตกเก้าอี้เมื่อไอ้เจอร์คว้าต้นแขนผมขึ้นด้วยความโมโห มันมองหน้าซันเหมือนคนกำลังจะระเบิดแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรออกไปเพราะมันเองก็คงรู้ดี...ว่าสถานการณ์แบบนี้ อย่าราดน้ำมันเข้ากองเพลิงจะดีที่สุด
“อ๋อ จำได้ๆ ให้งั้นเอาตอนนี้เลยไหม เพิ่มเป็นหกคนได้รึเปล่า”
วินาทีที่ผมกับเจอร์ก้าวออกมาก็ได้ยินประโยคดังกล่าวเข้าเต็มสองรูหูพวกเราจึงเลือกเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพื่อให้ไปถึง
มอเตอร์ไซค์ที่จอดเอาไว้ในซอยข้างร้านให้เร็วที่สุด
ผมไม่ได้ยินว่าซันนี่ตอบพลว่าอะไร
ทว่าคำตอบก็ไล่ตามหลังมาติดๆ
เสียงฝีเท้าหลายคู่ไล่หลังเรามา เจอร์ลากผมวิ่งโดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย มือของพวกเราจับกันแน่นจนชื้นเหงื่อด้วยความตื่นตระหนก
“โอ๊ย!!”ผมร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากคอเสื้อ เจอร์ก็เร็วไม่แพ้กันมันหันมาถีบเพื่อนมันที่คว้าคอเสื้อผมเอาไว้ แต่มือที่จับผมอยู่แย่ยราวกับคีมเหล็กทั้งผมทั้งไอ้เห้นั่นเลยกลิ้งลงไปกองกับพื้นพร้อมกัน
นั่นทำให้พวกที่เหลือตามมาทัน
ไอ้เหี้ยเจอร์ก็จอดรถไว้ในซอยเปลี่ยวเสียด้วย
ตายห่า!!
" " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " "
ขอโทษค่ะ ลืมสนิทเลยจริงๆว่าวันศุกร์ยังไม่ได้อัพนิยาย (T/\T) มาช้า...ขอโทษนะคะ