องศาเดือด
บทที่ 7
เนื้อตัวที่เย็นเยียบยิ่งทำให้อี้ฝานร้อนระอุ
ลมหายใจที่รวยรินยิ่งทำให้หัวใจของอี้ฝานแทบจะหยุดเต้นตามไปด้วย
ไม่รู้สึกหนักเลยสักนิดเมื่อต้องอุ้มฮวางจื่อเทาไว้ในอก ยกลงมาจนถึงรถยนต์แล้วเหยียบจนมิด โชคยังดีที่
โรงพยาบาลชั้นนำอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังใหญ่ ใช้เวลาไม่นานเขาก็ขับรถมาจอดที่หน้าห้องฉุกเฉินแล้ว
สาละวนส่งจื่อเทาเข้าไปถึงมือแพทย์
อาเทา…
จงอย่าได้เป็นอะไร
เขายกมือปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างหมดสภาพ ไม่สนใจผู้คนที่มองมาเพราะเสื้อผ้าที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่น
คาวเลือด
หัวใจของเขากำลังถูกทำลายลงอีกครั้ง ด้วยน้ำมือของเขา ด้วยองศาที่เดือดไปด้วยไฟแค้นแต่มันกลับวกมา
เผาไหม้จนหัวใจของเขาแหลกยับเยิน
อาเทา…
ได้โปรดกลับมา
กลับมาให้เขาได้แก้ตัว ให้เขาได้บอกรักและทำให้อาเทามีความสุข
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินพิงศีรษะไปกับผนังตึก ทอดอาลัยไปกับชะตาชีวิตที่ต้องพบ
เจอเหมือนภาพยนตร์ที่หมุนกลับมาฉายซ้ำที่เดิมอีกครั้ง
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
เสียงตะคอกดังขึ้นค้ำหัว ตามมาด้วยเสียงหอบหนักเพราะความเหนื่อย เมื่ออี้ฝานลืมตาขึ้นจึงเห็นฮวางเล่ย
ยืนหน้าถมึงทึงจ้องมา ฮวางเล่ยเงื้อฝ่ามือขึ้นสูงอี้ฝานไม่หลบได้แต่เกร็งหน้ารอคอยน้ำหนักของมือที่จะตก
กระทบ
แต่แล้วฮวางเล่ยกลับลดมือลง ดวงตาของผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความเสียใจก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งเคียง
ข้างอยู่กับอี้ฝาน
“พอเถอะนะกับความโกรธแค้น มันไม่มีประโยชน์สักนิด”
ฮวางเล่ยทอดถอนใจ ในตอนแรกที่ได้รับข่าวร้ายจากคนรับใช้ในบ้านเขาโกรธราวกับพายุแต่เมื่อได้เห็น
สภาพของอี้ฝานในตอนนี้แล้ว ฮวางเล่ยกลับรู้สึกสงสาร
“ช่วยกันภาวนาให้เทาปลอดภัยดีกว่า”
นั่งเงียบอยู่ไม่นานนัก พยาบาลภายในห้องฉุกเฉินจึงออกมาแจ้งข่าว
“คุณฮวางจื่อเทาเสียเลือดไปมากค่ะ เราต้องการเลือดชดเชย แต่ตอนนี้โรงพยาบาลเรากำลังขาดแคลน
เลือดอย่างหนัก”
ฮวางเล่ยหน้าถอดสี
“เทาเลือดคนละกรุ๊ปกับผม เขาเลือดกรุ๊ปเดียวกับแม่ของเขา”
“เขาเลือดกรุ๊ปอะไรครับ”
ฮวางเล่ยบอกกรุ๊ปเลือดของจื่อเทา อี้ฝานถอนหายใจ
“ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา เอาเลือดของผมไป”
“แต่เราต้องการเลือดจำนวนมาก”
พยาบาลกล่าวต่อ อี้ฝานพยักหน้ารับ
“ผมให้เลือดได้จนหมดเท่าที่ร่างกายจะมี เอาเลยครับพาผมไป”
อี้ฝานดึงกระเป๋าเงินออกมาจากกางเกงแล้วควักนามบัตรแผ่นหนึ่งส่งให้ฮวางเล่ย
“ระหว่างที่ผมไปให้เลือด คุณติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์นี้ บอกเขาว่าคริสสั่งให้เกณฑ์คนทั้งหมดที่มีเลือด
กรุ๊ปนี้มาบริจาคเลือดให้หมด”
รอนายก่อนนะอาเทา…
อีกไม่นานเลือดในกายของนาย จะเข้าไปโลดแล่นอยู่ในร่างกายและยื้อชีวิตต่อลมหายใจให้อาเทา
เมื่อเปลือกตากะพริบถี่ และเผยอลืมตาขึ้นมาได้เขาก็มองเห็นฝ้าเพดานสีขาวอย่างไม่คุ้นตา
สมองยังคงมึนงงทำงานไม่เต็มที่ ฮวางจื่อเทานึกย้อนความคิดไปก็จำได้ว่าเขาใช้มีดปอกผลไม้กรีดที่ข้อมือ
แล้วทิ้งน้ำหนักลงปล่อยให้เลือดไหลรินออกจากตัวช้าๆ แล้วทำไมเขายังมีลมหายใจอยู่ได้
สายตาที่เริ่มปรับสภาพได้เริ่มมองสำรวจตัวเองจึงได้เห็นว่ามีสายน้ำเกลือแทงอยู่ที่ข้อมือและมีขวดน้ำเกลือ
ห้อยไว้กับเสาข้างเตียง ส่วนตัวเขาใส่ชุดโรงพยาบาลนอนทอดกายอยู่บนเตียงคนไข้
ไม่ไกลกันนักมีโซฟาตั้งอยู่ริมผนังห้อง มีบิดาของเขานั่งหลับตานิ่ง จนเมื่อจื่อเทาขยับกาย บิดาจึงได้ลืมตา
เมื่อมองเห็นบุตรชายตื่นจากนิทรา ผู้เป็นพ่อจึงปรี่มาที่ข้างเตียงอย่างยินดี
“เทา ฟื้นแล้ว เฮ้อ..เตี่ยดีใจจริงๆ”
ฮวางเล่ยสวมกอดลูกชาย เขาไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์เลวร้ายนั่นอีกแต่ดูเหมือนจื่อเทาก็เข้าใจเมื่อสบตา
“เตี่ย ผมขอโทษ”
เขาผวาเข้ากอด ฮวางเล่ยเอื้อมมือกอดตอบพลางลูบผมปลอบโยนเบาๆ
กอดกันอยู่สักพักเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้ามาในห้อง สีหน้าของจื่อเทากลับบึ้งตึง
เมื่อเห็นคนมาใหม่ หนุ่มน้อยสะบัดหน้าหนีพลางล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้จนบิดาถอนใจ
“มีอะไรก็ปรับความเข้าใจกันเสีย เทา ลูกก็อย่างอนให้มากนัก อี้ฝานเป็นคนช่วยลูกไว้นะ”
จื่อเทาได้ยินเสียงฝีเท้าบิดาเดินห่างออกไปตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตู และเสียงฝีเท้าของคนอีกคนก้าว
เข้ามาใกล้จนมาหยุดยืนที่ข้างเตียง
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน จื่อเทาปล่อยให้น้ำตาไหลลงจนชุ่มหมอน
“อาเทา”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ยิ่งทำให้น้ำตารินรดจนสะอื้นออกมา
“นายฆ่าผมทั้งเป็นแล้วกลับมาช่วยผมทำไม”
จื่อเทาตัดพ้อ หัวใจของอี้ฝานหล่นฮวบ เขาเอื้อมมือจับต้นแขนผ่ายผอมแล้วประคองขึ้นมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะ
ขัดขืนแต่สุดท้ายจื่อเทาก็ต้องลุกขึ้นมานั่งห้อยขาลงข้างเตียงเผชิญหน้ากับเขา
อี้ฝานค่อยๆ เช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าหวานจนหมด
“ถ้ามีคำไหนที่แรงกว่าคำว่าขอโทษ นายก็จะใช้คำนั้น แต่เมื่อมันไม่มีนายก็ต้องบอกว่า ขอโทษนะอาเทา”
คำพูดอย่างจริงใจ กับใบหน้าซีดๆ ที่เต็มไปด้วยความ เสียใจทำให้ความโกรธมลายหายไปสิ้น จื่อเทาปล่อย
โฮเมื่อโผเข้ากอด อี้ฝานรีบรับร่างนั้นมาซุกอยู่บนบ่าพลางลูบผมแผ่วเบา
“ดีกันนะ อาเทา นายขอโทษนายจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว เรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้ว”
คำตอบของจื่อเทาคืออ้อมแขนที่ยิ่งโอบรัด อี้ฝานยิ้มอย่างยินดีพลางประคองใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมา
ตาต่อตาประสานกัน ริมฝีปากแห้งของอี้ฝานบรรจงเช็ดน้ำตาบนแก้มซีด เขาจูบซับเปลือกตาเปียกชื้นก่อน
ไล่ลงมาจนถึงเรียวปากที่เผยอรออยู่แล้วอย่างเต็มใจ
ปลายลิ้นอุ่นชื้นสอดลึกอย่างคุ้นเคย จื่อเทาตวัดรับอย่างกระหาย อีกฝ่ายจึงบรรเลงให้อย่างหอมหวาน
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ”
เสียงพยาบาลที่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นภาพที่ทั้งคู่กำลังจูบแลกลิ้นถึงกับหน้าแดงซ่าน
“เอ่อ…ยาก่อนอาหารต้องเริ่มกินตอนนี้ งั้นพยาบาลวางไว้ตรงนี้นะคะ”
ไม่มีทีท่าว่าทั้งสองคนจะยอมปล่อยซึ่งกัน เมื่อต่างคนต่างยังอยู่ในอ้อมแขนและปลายลิ้นก็ยังไม่ยอมผละ
จากกัน จนพยาบาลสาวน้อยถึงกับยิ้มเขินแล้วรีบก้าวยาวๆ ออกจากห้อง
“เตี่ยจะดูแลอี้ชิง”
ฮวางเล่ยพูดทำนองบอกกล่าวมากกว่าขออนุญาตบุตรชาย เมื่อทั้งหมดได้พบกันต่อหน้าอี้ชิงที่ยังเหม่อลอย
จื่อเทาพยักหน้ารับรู้ เขามองอี้ชิงอย่างหดหู่เมื่อเรื่องทั้งหมดได้ถูกเล่าให้เขาได้รับรู้ หนุ่มน้อยก้าวไปคุกเข่า
ต่อหน้าพี่ชายของอี้ฝานและคำนับอย่างเคารพ
ก่อนที่เขาจะถูกอี้ฝานใช้ผ้าปิดดวงตาแล้วรุนหลังขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ เพื่อขับไปในสักที่ที่จื่อเทาก็ไม่รู้
จนเมื่อรถจอดสนิท อี้ฝานก็ประคองเขาลงจากรถยนต์ จูงมือเขาเดินมาอีกพักใหญ่จึงได้ปล่อยให้เขาได้เห็น
แสงสว่างอีกครั้ง
จื่อเทาเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพ เคบินไม้หลังน้อยหลังเดิม แต่กลับไม่เหมือนเดิมเมื่อเบื้องหน้าเคบินเต็มไป
ด้วยดอกไม้นานาพรรณที่กำลังแข่งกันอวดดอกสีสวย ด้านข้างมีโต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ใหญ่และแข็งแรงเข้ากับ
บรรยากาศ
“โห นาย สวยจัง”
“ตอนรับอาเทากลับมาไงล่ะ”
เขาจูงมือจื่อเทาเข้ามาภายในเคบิน เตียงไม้เตียงเดิมแต่ปูผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตาและหอมกรุ่นชวนให้
ล้มตัวลงไปนอนเกลือกกลิ้งยิ่งนัก
“นี่นายกะจะไม่ให้ผมออกไปเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลยใช่ไหมครับ”
จื่อเทาพูดล้อๆ พลางเบียดตัวชิดใกล้ใช้ปลายนิ้วกรีดแผ่นอกที่พ้นสาบเสื้อออกมา
“ก็ถ้าอาเทาอยากจะออกไปเห็นแสงเดือนแสงตะวัน นายก็จะตามไป นายรักกับอาเทาได้ทุกที่อาเทาก็รู้”
จื่อเทาหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นดวงตาระยิบระยับคู่นั้น เขาเอื้อมมือไปคล้องคออี้ฝานแล้วเหนี่ยวเข้าหาตัว
“งั้นอย่าเพิ่งไปดูแสงเดือนแสงตะวันเลยครับ เริ่มรักกันจากตรงนี้ก็ได้”
มีต่ออีกนิด......