บทที่ 3
ขอชิมหน่อยนะ
ไอซ์ไม่ได้เตรียมใจกับการพบกันอย่างกะทันหันนี้ เขาแค่ถูกแดนลากให้มาด้วยกันเพราะไม่อยากรู้สึกแปลกๆ เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก
แต่กลับกลายเป็นว่าเราทุกคนรู้จักกันดี
“พาย!” คนที่บอกว่ากลัวอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้ากลับวิ่งเข้าไปหาเพื่อนเก่าทันที ซึ่งพายเองก็ไม่ถือเนื้อถือตัวยอมให้แดนกอดแน่นไม่บ่น
แม้จะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ก็ยากที่จะได้เจอเพื่อนเก่าเพราะเรียนต่างคณะ
“ไงเมล อนาโตมีสนุกไหม” นทีถามเมลที่พยักหน้ายิ้มๆ ถูกใจวิชาเรียนเสริมนี้มาก มืออุ่นจึงลูบผมอีกฝ่ายไปมาตามประสาคนชอบแกล้ง จนเมลร้องห้ามถึงได้ยอมหยุด
นทีหันไปมองคนที่ยืนนิ่งๆ ไม่ร่วมสังคมกับใครเหมือนสมัยมัธยมต้นไม่มีผิด
“ไอซ์”
“อืม” เสียงตอบแบบไม่ยินดียินร้ายที่ได้พบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นทีรู้สึกแย่ เพราะไอซ์ก็เป็นแบบนี้มาตลอด
“ไงแดนไม่เจอกันตั้งหลายปี ยังจำกันได้ไหมเนี่ย” นทีถามแดนที่ดูดีอกดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าอย่างพาย จนป่านนี้ก็ยังพูดไม่หยุดเลย
“เฮ้ย นายใช่นทีหรือเปล่าวะ”
“อืม คนเดิม เพิ่มเติมคือหล่อมาก” นทียักคิ้วกวนๆ ขณะที่แดนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของนที พลางสำรวจรอบตัวเพื่อนที่ไม่เจอกันตั้งสามปี
หลังจากเรียนจบมัธยมต้น นทีก็ตามครอบครัวไปต่างประเทศแล้วเรียนต่อที่นั่นเลย
และแดนก็จำวันนั้นได้ดี
วันที่พายร้องไห้ เพราะมาไม่ทันส่งนที
และเป็นวันที่ไอซ์ร้องไห้ เพราะได้รู้ความจริงว่าพายชอบใคร
พอนึกถึงวันนั้น คนกลางของทุกเรื่องอย่างแดนก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ได้แต่เหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งๆ เหมือนดูปกติ แต่แดนรู้ดีว่าเรื่องนี้คงสะเทือนใจไอซ์ไม่น้อย
“อ่า...รู้จักกันหมดเลยนะ” เสียงเมลทำลายเรื่องที่แดนกังวลไปจนหมดสิ้น นั่นสิ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องรักสามเส้านี่เลย สนใจคนน่ารักดีกว่า
“ครับ เป็นเพื่อนกันทั้งหมดเลยล่ะ” แดนตอบ ก่อนจะชวนเพื่อนๆ ไปกินอาหารด้วยกัน โดยมีเขาเดินนำหน้า ตามด้วยพายและนทีที่ผลัดกันคุยกับแดน ขณะที่ไอซ์เดินรั้งท้ายอยู่ข้างๆ เมล
แม้ไอซ์จะอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับพาย แต่ด้วยนิสัยของเขาแล้ว นอกจากพายและแดน เขาไม่ค่อยพูดมากกับใครนัก
โดยเฉพาะนที...คนที่พายแอบชอบ
เมลเองก็ไม่ได้พยายามหาเรื่องคุยกับไอซ์ เพราะผลจากการคุยกันเมื่อคาบที่แล้วก็เกือบทำความลับของเขาแตก เขาจึงเดินเงียบๆ ตามทุกคนไป
ส่วนเรื่องเมนูอาหารที่แดนหันมาถามแต่ละคนว่าอยากกินอะไร เขาพอจะรู้จักเมนูที่เพื่อนๆ เสนออยู่บ้าง เพราะเห็นพ่อทำให้พี่ๆ กินบ่อย
แต่สำหรับเขาแล้วอาหารพวกนั้นคงรสชาติเหมือนขี้เถ้า ไม่อร่อยสำหรับลิ้นของแวมไพร์
“อ้ะ เมลกินน้ำผลไม้อีกแล้วนะ เดี๋ยวก็อิ่มอีกน่ะสิ”
พายร้องขึ้นเมื่อเห็นเมลดูดน้ำผลไม้เอื้อกๆ เหมือนคนหิวโหย ซึ่งเขาก็หิวมากจริงๆ แถมจะให้กินอาหารที่เพื่อนๆ สั่งมาก็คงไม่ได้ เลยชิงกินน้ำผลไม้ก่อน จะได้เป็นข้ออ้างปฏิเสธอาหารจากเพื่อนๆ ได้
“อิ่มแล้ว”
“เดี๋ยวสิ” แดนเบรก “นายอิ่มแล้วเนี่ยนะ ได้ไงอะ อาหารยังไม่มาเลยสักอย่าง”
“คราวหน้าฉันจะยึดน้ำผลไม้ของนาย” นทีพูดต่อ ชี้กล่องน้ำผลไม้ที่เมลเก็บใส่ถุงเรียบร้อย
เมลตั้งใจจะเอากล่องไปล้างคราบเลือดก่อนแล้วค่อยทิ้ง ไม่อย่างนั้นน้ำสตรอว์เบอร์รีสดจากไร่ของพี่ชายอาจต้องเสียชื่อเพราะมีคราบเลือดปนอยู่ในกล่อง
เมลทำหน้าไม่รู้ไปชี้ ก่อนสายตาจะหยุดลงที่ไอซ์ คนที่ไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเลย กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ ก็ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือมาตักกับข้าวไปกิน กดโทรศัพท์เล่นไปมาอยู่อย่างนั้นจนเมลทนไม่ได้ เขาเตะขาอีกฝ่ายใต้โต๊ะจนไอซ์หันมามอง
เมลมองจานข้าวของไอซ์ที่เขาตักกับข้าวไว้ให้ แม้เขาจะกินไม่ได้เพราะเป็นแวมไพร์ แต่คนข้างตัวเขาน่ะเป็นมนุษย์ ต่อให้ไม่หิวก็ต้องกิน
“กินซะ” เพียงแค่เมลเปล่งเสียงพร้อมกับจ้องตา ร่างสูงก็คล้ายต้องมนตร์ ตักอาหารใส่ปากเหมือนคนที่หิวโหยมานาน
เมลลอบถอนหายใจ เขาไม่อยากใช้มนตร์สะกดรูมเมท แต่ตอนนี้จำเป็นต้องทำเพราะดูแล้วไอซ์คงไม่ยอมกินข้าวมื้อนี้แน่ๆ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
ตั้งแต่ตอนที่ทุกคนพบกัน ไอซ์เงียบลงและทำสีหน้าเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“เมลดูหน้าซีดๆ นะ อ้ะ ไก่ทอด” พายตักเนื้อไก่ใส่จานเมล แม้เมลจะสูงกว่าเขา แต่หุ่นก็ผอมบาง พายกลัวเพื่อนจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจึงรีบตักกับข้าวใส่จานอย่างรวดเร็ว
เมลได้แต่ร้องไห้ในใจ
ใครจะไปกินขี้เถ้าลง
ครืดๆ
โชคดีที่พี่ชายของเขาโทรเข้ามาพอดี เมลจึงขอตัวออกไปรับโทรศัพท์นอกร้าน
และเมื่อเมลอยู่ห่างออกไป ไอซ์ก็วางช้อนลงทันทีที่มนตร์เสื่อมคลาย เขาได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงได้กินข้าวเข้าไปเยอะขนาดนั้น
“หิวรึไง” แดนถาม พลางหยิบทิชชูส่งให้เพื่อนเช็ดปาก
“เปล่า” ไอซ์พูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่น
และเหมือนโชคชะตาชอบกลั่นแกล้งเขาเหลือเกิน
“ฉันไปก่อนนะ” ไอซ์หยิบแบงค์ร้อยวางลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาให้ห่างจากโต๊ะของเพื่อนๆ
เวลาเดี๋ยวกับ ‘เฮซ’ ชายหนุ่มร่างสูงกำยำ หัวหน้าถิ่นแถวนี้กำลังเดินกร่างเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก 6 คน
“ไหนมึงว่าไอ้หน้าโหดอยู่แถวนี้ไง” เฮซถามพลางมองไปทั่วร้านอาหารที่เช่าที่ของพ่อเขาอยู่
เจ้าของร้านที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา หากแต่เป็นใครบางคนที่มีฝีมือมากพอให้เขาต่อสู้ด้วยอย่างเหมาะมือ
และเขาก็อยากได้เสือพยศตัวนั้นมาเป็นมือขวาของตัวเอง
“ผมเห็นมันเดินมากับไอ้เด็กที่ผมไถเงินเมื่อวันก่อนจริงๆ นะครับนาย”
สายตาล่อกแล่กกวาดมองไปรอบๆ ร้านเพื่อหาเป้าหมาย ก่อนจะเห็นเด็กหนุ่มบางยืนอยู่นอกร้านคนเดียว “อ้ะ นั่นไงครับ ไอ้เด็กนั่นมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่นอกร้าน”
เฮซหันไปมองตาม วินาทีเดียวกับที่ไอซ์วิ่งตัดหน้าพร้อมกระชากแขนเมลให้วิ่งหนีตามกันไป
“เฮ้ย มันหนีไปแล้ว รีบตามมันไปเดี๋ยวนี้เลย!” เฮซสั่งลูกน้องให้วิ่งตาม ก่อนจะยกโขยงวิ่งออกไปจากร้านอาหาร
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม...” แดนลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “นึกว่าจะตีกันในร้านซะแล้ว”
ภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่คือนักเลงหัวไม้กลุ่มหนึ่งเดินที่เข้ามาเหมือนจะถล่มร้าน แต่จู่ๆ ก็วิ่งกรูกันออกไป แดนจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
ใช่ เขาใจเสาะ แค่เห็นคนท่าทางน่ากลัวเข้ามาใกล้ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว โชคดีที่เมลอยู่ข้างนอกก็เลยไม่ต้องทนเห็นสภาพขี้ขลาดตาขาวของเขา...
เดี๋ยวนะ
เมลอยู่ข้างนอกตอนที่พวกนั้นวิ่งออกไป!
แดนผุดลุกขึ้น มองไปยังทิศทางที่เมลเคยยืนอยู่ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา เขารีบเดินออกไปหน้าร้านท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนทั้งสองที่เดินตามกันออกมา
“มีอะไรเหรอแดน” พายถาม
“เมล...”
“เมลทำไม” คราวนี้เป็นนทีที่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเริ่มปะติดปะต่อได้อย่างรวดเร็ว เขาล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แล้วต่อสายหาเพื่อนที่ควรจะอยู่หน้าร้านในตอนนี้
“เมลไม่รับสายเลย”
“พวกมันจับเมลไปหรือเปล่าวะ”
“อาจจะอยู่กับไอซ์ก็ได้นะ” พายพยายามมองโลกในแง่ดีแต่ก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนเพื่อนอีกสองคน ยิ่งไอซ์ไม่รับสายเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน
ขอให้ทั้งคู่อย่าเป็นอะไรไปเลย
.................................................
“แฮกๆ” ไอซ์ดึงแขนเมลให้วิ่งตามเข้ามาในซอกตึก ดันคนตัวเล็กกว่าเข้าไปหลบด้านใน แล้วใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบัง
ไอซ์เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งใกล้เข้ามา แล้วโอบเมลเข้ามาชิดตัวเพื่อหลบใต้เงาถึงขยะไม่ให้พวกนั้นสังเกตเห็น
“ตามหาให้ทั่ว!” เสียงสั่งการทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้ง เมลไม่ค่อยชอบเสียงดัง เขาจึงยกมือปิดหู
ไอซ์เห็นท่าทางตกใจของเพื่อนก็ลูบหลังปลอบประโลม เขาเพิ่งจำได้ว่าตนเคยช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้จากแก๊งรีดไถเงินเมื่อสัปดาห์ก่อน
คิดไม่ถึงว่าเมลกับคนคนนั้นจะเป็นคนเดียวกัน
“ฉันอยู่ด้วย นายไม่เป็นไรหรอก” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยปลอบ
เขาจะไม่ทำให้เพื่อนต้องเดือดร้อน
เมลเงยหน้ามองร่างสูงที่หันไปอีกทางแล้วกวาดสายตาไปทั่วเพื่อระวังภัย เขารู้อยู่แล้วว่าไอซ์ปกป้องเขาได้ และเขาก็เชื่อมั่นในตัวเพื่อนคนนี้
คนที่แม้หน้าตาจะดูหาเรื่องไปหน่อย แต่ก็จิตใจดี เชื่อถือได้ว่าอยู่ใกล้แล้วจะปลอดภัย
แต่ถ้าถึงขั้นวิกฤตอันตราย เมลก็พร้อมจะปกป้องเพื่อนมนุษย์คนนี้
ไอซ์ชะโงกหน้าออกไปดูลาดเลาข้างนอกตรอก เมื่อไม่เห็นใครและไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ ก็รีบฉุดแขนเมลให้ลุกขึ้น
พวกเขาต้องรีบหนีในตอนที่ยังมีโอกาสจะได้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ แม้เขาสู้ตัวต่อตัวได้สบายๆ แต่ตอนนี้มีเมลอยู่ด้วย เขารับประกันไม่ได้เลยว่าเพื่อนจะไม่บาดเจ็บหรือโดนลูกหลง
“ไม่น่ามีใครตามมาแล้วมั้ง...”
ตุบ
“ไอซ์!” เมลร้องลั่น อ้าแขนรับเพื่อนตัวโตไว้ทั้งตัว ด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักยืนถือไม้หน้าสามพร้อมกับยิ้มแสยะ
“ฉันจะปล่อยแกไปก็ได้นะไอ้เด็กตุ๊ด ทิ้งไอ้หนุ่มนั่นไว้แล้วไปซะ” เขาตั้งใจจะปล่อยเมลไปอยู่แล้ว แต่ด้วยปากที่ไม่ดีนักจึงเติมคำที่ไม่เหมาะสมลงไป โดยไม่รู้ว่าคำคำนั้น กำลังจุดไฟหายนะแก่ตัวเอง
“หืม...” เมลส่งเสียงในลำคอด้วยอารมณ์ที่เริ่มปะทุ เขาวางร่างไอซ์ลงพิงกำแพง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาชายแปลกหน้า
“เมื่อกี้นาย...ว่าใครตุ๊ดนะ”
ชายคนนั้นแกล้งมองซ้ายมองขวาอย่างยียวน ก่อนจะจ้องหน้าเมลแล้วฉีกยิ้ม
“ก็แกไงล่ะน้องหนู”
ผลัวะ!
เมลฉุนขาด จากที่ตั้งใจจะใช้มนตร์สะกดใจสงบศึกเงียบๆ เขาก็ยกหมัดชกหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง คนตรงหน้าคงอยากได้เลือดมากสินะถึงได้ยั่วโมโหเขาด้วยถ้อยคำต้องห้ามแบบนี้
‘ตุ๊ด’
เมลไม่ชอบคำนี้ เพราะเขาถูกตราหน้าด้วยคำนี้มาตั้งแต่จำความได้ เมื่อใดก็ตามที่ออกไปเล่นนอกบ้านกับพี่ๆ จะต้องเจอพวกเด็กเกเรล้อว่าเขาเป็นตุ๊ด ตอนแรกไม่รู้ความหมายก็เลยปล่อยผ่าน
จนกระทั่งหาความรู้ใส่หัวเอง ถึงได้เข้าใจว่าถูกล้อ หลังจากนั้นมาเขาก็พยายามฝึกฝนตัวเองให้ดูแมนขึ้น โชคดีที่เด็กพวกนั้นโตแล้วก็เลิกพูดไปเอง
ส่วนเด็กที่ยังไม่เลิกล้อน่ะเหรอ
“ไอ้เด็กตุ๊ด กล้าดียังไงมาต่อยกูฮะ!” ชายคนนั้นโวยวาย ก่อนจะคว้าไม้หน้าสามง้างขึ้น หมายจะทุบตีเมลให้หลาบจำที่บังอาจต่อยหน้าเขา
แต่ไม้กลับไม่ขยับตามใจคนสั่ง
เมลตรึงไม้นั้นด้วยพลังจิต ไม้นั้นก็ค่อยๆ ขยับจนพอดีกับ ‘เป้าหมาย’ ที่เขาอยากให้ตี
“เชี่ยอะไรวะเนี่ย” ชายคนนั้นตกตะลึงเมื่อไม้ของเขาขยับไปเอง แถมยังตั้งท่าพร้อมตี ‘ของสงวน’ ของเขาอีกต่างหาก
ฉับพลันสายตาคู่นั้นก็ตวัดมองเมลเหมือนตัวประหลาด “มึงเป็นตัวอะไรกันแน่! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย!”
เมลไม่สนใจคำต่อว่า เขาก้าวเท้าเข้าใกล้ชายคนนั้น แล้วหยิบยื่นข้อเสนอสงบศึกเป็นครั้งสุดท้าย
“สัญญากับฉัน”
แม้ใจอยากจะสั่งสอน แต่เขาก็คิดว่าการทำลายระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป
“สัญญา...อะไร” เมื่อเอ่ยปาก ดวงตาของชายคนนั้นค่อยๆ เลื่อนลอยไร้สติ เข้าสู่ภวังค์คำมั่นสัญญา
“เลิกเรียกคนอื่นว่าตุ๊ด หัดมีมารยาทซะบ้าง”
“จะเลิกเรียกคนอื่นว่าตุ๊ด...”
“แล้วก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับเขา” เมลชี้ไปที่ไอซ์ “ถ้าเห็นก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่เห็น”
“แต่ลูกพี่ฉันอยากได้มัน...”
“ก็ทำทุกวิถีทางให้ลูกพี่ของนายเปลี่ยนใจ ไม่อยากได้เขาอีกต่อไป”
“ก็ได้...ฉันจะทำ”
“ดีมาก เอาล่ะ ตอนนี้ก็หลับไปซะ แล้วก็ลืมว่าเคยเห็นพวกเรา ลืมว่าฉันทำอะไรได้ และนายก็แค่ดื่มมากไป ก็เลยนอนอยู่ตรงนี้”
“อืม...”
ไม่ถึงนาที ชายคนนั้นหลับตาลง ก่อนจะเอนตัวนอนราบไปกับพื้น หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไป เมลถอนใจอย่างโล่งอก หมดไปอีกหนึ่งปัญหา...
โครก~
อ่า ความหิวมาเยือนแล้วสินะ เราคงต้องรีบกลับไปเติมพลังงานที่ห้องแล้วล่ะ...
หืม...กลิ่นอะไรน่ะ
เมลสูดจมูกตามหากลิ่นที่หอมหวาน ที่น่าอร่อยยิ่งกว่าเลือดหมูรสโปรดของเขา ขาสองข้างจึงเดินตามกลิ่นที่ว่าไปจนถึงที่มาของกลิ่น
กลิ่นของไอซ์
เมลยื่นจมูกดมตัวเพื่อนอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาสองวัน เขาไม่เคยได้กลิ่นนี้
จนกระทั่งเจอต้นตอของกลิ่นอยู่บริเวณท้ายทอย หัวใจของเมลเริ่มรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น
หอม...หอมจังเลย
จมูกเล็กค่อยๆ ยื่นเข้าไปใกล้แผลสดตรงท้ายทอยของร่างสูงอย่างเผลอไผล พลางสูดดมกลิ่นเลือดสดที่ค่อยๆ ไหลออกมา
“อึก”
เมลลอบกลืนน้ำลายอย่างสุดจะทน ความรู้สึกแรงกล้าบางอย่างกำลังเรียกร้องให้เขาก้มลงชิมเลือดของคนตรงหน้าเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป
ไม่ได้! เราจะกินเพื่อนตัวเองได้ยังไง
เมลสะบัดหัวไปมา หวังไล่ความกระหายออกไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าดวงตาสีดำของเขากำลังกลายเป็นสีแดงมรกต เช่นเดียวกับเส้นผมที่กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง
“นะ...นิดเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง”
“ขะ...ขอชิมหน่อยนะ”
เมลไม่รอคำตอบ เพราะปากเล็กของเขาค่อยๆ อ้าออกพร้อมกับลิ้นเล็กๆ ยื่นออกมา สายตาจับจ้องเพียงเลือดแสนหวานที่ไหลเอื่อยๆ เชิญชวนเขาให้ดื่มกิน...
..................
น้องเมลจะได้กินไหมน้า~
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เย้! มีคนอ่าน 555