ตอน15 โสเภณีเช่นข้า ... แตกหัก2
ต่อจากนี้เจ้ากับข้าคงไม่มีโอกาสพูดคุยกันฉันมิตรดังเช่นอดีตอีกแล้ว ในเมื่อข้าต่ำช้าในสายตาของเจ้า เช่นนั้นเราทั้งสองก็อย่าคบหาเสวนากันอีกเลย ข้าถูกเขารั้งคอเสื้อยกขึ้นจนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก หากเทียบความเจ็บปวดบนร่างที่บาดเจ็บมันช่างน้อยนิดกับความรู้สึกปวดหนึบในใจข้าตอนนี้
“ฮึก...ที่ท่านเห็นมันเป็นฝีมือของข้าเอง!! รีบฆ่าข้าเลยสิ!!! หึหึ..ฮ่ะ..ฮ่าๆๆๆๆ” ข้าลืมตาโพลงแล้วหันไปมองพวกมันก่อนเงยหน้ามองฟ้าหัวร่อให้กับความโง่งมของตนเอง
พลั่ก!!
ตัวข้าถูกโยนมากองอยู่กับพื้นอย่างหมดรูปยิ่งขบคิดข้ายิ่งไม่เข้าใจ ‘ความรักความเข้าใจมันเป็นแบบไหนกัน ความรักที่ให้คนอื่นจนหมดใจให้ไปจนหมดสิ้นอย่างนั้นหรือ? ความรักที่มีแต่การให้ ยอมเสียสละแม้ว่าตัวเองต้องทุกข์ทรมานอย่างนั้นสินะถึงจะเรียกว่าความรักที่ดี ความรักที่ถูกเหยียดหยามและมีแต่ความเข้าใจผิด มันทรมานเกินไป รักแบบนี้ข้าไม่ต้องการ!...ไม่ต้องการมันอีกแล้ว! เวลานี้เหมือนว่าเจ้ากับข้าอยู่กันคนละโลกไปแล้ว’ ข้าลูบทรวงอกตรงหัวใจตนเองเบาๆ ตัวของข้ามันช่างหน้าสงสารจริงๆ
“ถังห้าวฉายท่านมันโง่งมสิ้นดี...อึก...”
หัวใจข้าตอนนี้มันบีบตัวแน่นอย่างเจ็บปวด พร้อมกับมองหน้าเขา สีหน้าที่วิตกกังวลของเจ้านั้น....ยังไม่กล้าลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ!...
“ดี! ไม่กล้าลงมืองั้นรึ? หึ!... เจ้าคงกลัวเลือดข้าจะแปดเปื้อนมือที่แสนสะอาดของเจ้าสินะ เช่นนั้นเข้าจะลงมือเอง!”
ข้าคิดจะปลิดชีวิตของตนเองเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงตรงนี้ ทันใดก็ปรากฏเงาดับวูบไหวสิบสายเคลื่อนกายว่องไวพุ่งตรงมายังข้า พร้อมกับเข้าจู่โจมถังห้าวฉายในเวลาเดียวกัน
“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ชิงถิง! โป๋ซี!”
“เฮอะ! มากันให้หมดเลยก็ดี จะได้ฆ่าให้หมดในทีเดียว” ถังห้าวฉายขู่คำรามตรงหน้าพร้อมกับปะทะกับนักฆ่าชุดดำที่ข้าดูแลอยู่
“ท่านพี่เราคงอยู่ที่นี่นานไม่ได้ คนของพวกมันกำลังมา”
“พี่เซี่ย ท่านรีบพาพี่หยุนหนิงไปก่อนที่นี่ข้าจัดการเอง”
“อืม ระวังตัวด้วย!”
ข้าเหลือบมองถังห้าวฉายที่มองมายังข้าเช่นกัน ตัวเขานั้นก็กำลังต่อสู้แตกหักกับคนของข้าอยู่โดยไม่สนความเป็นตาย เพียงครู่ระเบิดควันก็ถูกชิงถิงซัดออกไปในทันที
“พวกเราไป!”
...
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
“อืม...แค่ก แค่ก แค่ก”
“กินยาก่อนสิ”
“แค่ก แค่ก..ขอบใจ”
“ที่นี่ที่ไหน?” ข้ากวาดสายตามองดูสภาพบ้านหลังนี้มันไม่ได้คุ้นตาข้าเลย “เป็นกระท่อมล้างที่ข้าสร้างไว้เอง เจ้าสบายใจได้ ในตอนนี้พวกมันไม่สามารถหาพวกเราเจอแน่นอน”
“ฮึก!”
“ดีที่เจ้าบาดเจ็บภายในไม่มาก อาหนิงบอกข้าได้หรือไม่เจ้าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?...เหตุใดคนสกุลถังกับสกุลจูต้องทำร้ายเจ้าด้วยบอกข้าได้หรือไม่”
ข้าสั่นศีรษะเพราะตัวของข้าก็งุนงงกับเหตุการณ์ในตอนนั้นเช่นกัน สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เป็นแผนการของผู้ใดยิ่งขบคิดก็ยากยิ่งในการหาคำตอบ “มีคนมา!”
ทันใดด้านนอกก็มีเสียงใบไม้สั่นไหวอย่างผิดปรกติ โป๋ซีเหลือบมองมา ข้าจึงได้พยักหน้าตอบไปเพื่อเตรียมความพร้อม
“ท่านเซี่ยขอรับ”
“มีอะไร?”
“ข้ามีเรื่องจะมารายงาน”
“ว่ามา”
“ตอนนี้คนสกุลจูกับสกุลถังจับคนในเรือนของเราไปขอรับ...ข้าเกรงว่าพวกเราจะกลับไปที่นั่นอีกไม่ได้” โป๋ซีมองหน้าข้าคราหนึ่งก่อนพูดกับสายลับส่งข่าว
“พวกเจ้าพาคนลอบสังเกตเหตุการณ์ลับๆไปก่อนแล้วรอฟังคำสั่งจากข้า... เรื่องของคนที่โดนจับไปข้าจะจัดการเอง...ไปได้”
“เดี๋ยวก่อน!” ข้ารีบเอ่ยถามสายลับของโป๋ซี
“อาหนิงเจ้ามีอะไร?”
“ข้าขอถาม จ้าวปีศาจขาวดำ กับคนของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ท่านเฮยถูกสังหารแล้วขอรับ ส่วนท่านไป๋กับหัวหน้าหอชิงถิงหลบหนีไปได้”
“ฮึก...แค่กแค่ก”
หากมิใช่เพราะข้าพวกเขาคงไม่ต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ ข้าผิดต่อพวกเขาจริงๆ ข้าไม่มีคำพูดใดจะกล่าวต่อปล่อยให้โป๋ซีจัดการเรื่องราวต่างๆภายในเรือนน้ำค้างหยกต่อไป
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“แล้วเจ้าจะช่วยคนของเราได้อย่างไร?” ข้าหันไปถามโป๋ซีด้วยความกังวล ความเดือดร้อนทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตัวข้าก่อขึ้นทั้งนั้น พวกเขาต้องมารับเคราะห์ให้กับเรื่องไร้สาระของตัวข้าเอง
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เรือนน้ำค้างหยกข้าอยู่มานานกว่าเจ้าย่อมต้องจัดการได้ จริงๆแล้วเจ้าเป็นแค่หัวหน้าหอที่จ้าวตำหนักส่งมาอย่างลับๆ แต่ภายนอกใครๆล้วนรู้ว่าข้าคือเจ้าของเรือนตัวจริงข้าคงต้องไปที่สกุลถังสักคราแล้ว”
“มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้าหรือเปล่าโป๋ซี”
“เจ้าอย่ากังวลไปในยุทธภพไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำหนักร้อยบุปผาของเรามีสาขาที่ไหน ทำอะไรบ้าง เรื่องต่างๆล้วนถูกปกปิดเป็นความลับมาโดยตลอด หากโดนจับได้ก็คงเป็นข้าที่ซวยเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”
“แต่...”
“เอาน่า...เจ้าพักผ่อนอย่าได้โทษตัวเองเลย มานั่งลงก่อน ตอนนี้เจ้าต้องรีบรักษาตัวเองให้หายดี ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จจะรีบส่งข่าวมาให้เจ้า”
“อืม”
เมื่อโป๋ซีจากไป ยิ่งขบคิดข้าก็ยิ่งแปลกใจ ‘ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหารถังจงฮ่วนคือใคร? ข้าต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง’ ความบาดหมางต่างๆในยุทธภพข้าล้วนเข้าใจดีแต่เหตุการณ์ต่างๆล้วนประจวบเหมาะคล้ายบังเอิญ...มันบังเอิญเกินไป หรือว่าคนที่วางแผนการนี้รู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของข้าและสกุลถังเป็นอย่างดี
พอเงยหน้าก็พบว่าบรรยากาศโดยรอบใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว ภายนอกเงียบสงัด ด้านนอกมีเพียงคนของโป๋ซีเฝ้าอยู่สองคน ยิ่งขบคิดก็ยิ่งอยากสืบหาความจริงข้าจะให้ใครรู้ความเคลื่อนไหวไม่ได้ ข้าอำพรางตัวแล้วเคลื่อนกายออกไปในความมืด ตอนนั้นที่เรือนหลังเขาข้าปะทะกับมือดีกลุ่มหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าตระกูลถังมีอันตรายแล้วเหตุใดจึงเกิดความเข้าใจผิดได้ เป้าหมายของแผนการคือตัวข้าหรือตระกูลถัง
‘ตัวข้ารึ?หรือข้าคือหมากตัวหนึ่งในแผนการตอนนี้ถือว่าพวกมันทำสำเร็จ ก็ดีใจของข้าตอนนี้มีแต่ความด้านชา ขบคิดเพียงแต่เรื่องเข่นฆ่าล้างแค้นเท่านั้น’
เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม กลิ่นละอองเกสรดอกไม้หอมละมุน ภายในสวนของบ้านสกุลถังช่างงามจริงๆ แม้มองผ่านใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องยามมืดสลัวยังน่าชมเพียงนี้ แต่ความงามที่พบเห็นนี้มันไม่ได้ทำให้ใจที่ด้านชาของข้ารู้สึกอะไรขึ้นมาเลย ข้าเคลื่อนกายผ่านเหล่าศิษย์ที่รักษาเวรยาม มาถึงเรือนด้านใน เมื่อได้ยินฝีเท้า ข้าจึงทะยานกายขึ้นไปบนหลังคาด้วยความเงียบ ผู้อยู่ในหีบศพนั่นคงเป็นอดีตประมุขถังจงฮ่วน
..
“สกุลถังเราในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ฮึก...เมื่อเสร็จพิธีศพของพ่อเจ้าคงต้องหาแม่สื่อไปบ้านสกุลจูสักครา เพื่อคุยเรื่องพี่เจ้ากับคุณหนูจู” เสียงของถังฮูหยินกล่าวขึ้น
“แล้วท่านแม่คุยกับพี่ใหญ่หรือยังคะ”
“ทำไมต้องคุย ตอนนี้เขามีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างนั้นรึ ในตอนนี้เขาจะมาบ่ายเบี่ยงต่อไปไม่ได้แล้ว..”
“แต่พี่ใหญ่เขาอาจจะ..”
“อาจจะอะไร?...เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขามีหน้าที่ทำตามเพียงเท่านั้น” เสียงของถังซือซือพูดคุยกับมารดาของนางในห้อง
“ตอนนี้สกุลถังเราตกต่ำถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องอาศัยอำนาจของสกุลจู หากพี่เจ้าไม่ทำตามก็เท่ากับอกตัญญู ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาหากไม่รีบทำอะไร ทุกอย่างที่เคยเป็นของเราอาจตกอยู่ในมือของคนอื่น..การค้าทางตอนเหนือล้วนเป็นของสกุลเว่ยทางตอนใต้ก็เป็นของสกุลจู...เจ้าดูสกุลถังของเราในตอนนี้สิ”
“ข้าเกรงว่าพี่ใหญ่เขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“หึ! พี่เจ้านั้นเขาจะคิดอะไรได้ล่ะ ความใจดีของพี่เจ้าจะนำภัยมาสู่ตัวเขาเอง..เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วซือซือ...ว่าแต่ ตอนนี้พี่เจ้าเขาอยู่ไหน?”
“พี่ใหญ่ตอนนี้อยู่ที่คุกค่ะท่านแม่”
“อืม ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าคนที่ลงมือเป็นใคร?” ข้าตั้งใจพวกนางพูดคุยกันจู่ๆก็อาหนิวก็เข้ามาพอดี”คำนับฮูหยิน”
“อาหนิวคุณชายเจ้าล่ะ”
“คุณชายยังสอบสวนพวกที่จับมาอยู่ขอรับฮูหยิน”
“สืบได้อะไรมาบ้าง?”
“ยังเลยขอรับ คนในเรือนคณิการู้เพียงว่าคุณชายหลี่ เพิ่งเข้ามาในเรือนได้ไม่นานหลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ประวัติของเขาเลย”
“หลี่เสี้ยวเซียน!”
“ใช่ขอรับคุณหนู ก่อนเกิดเรื่องคุณชายกับคุณชายหลี่ได้พากันไปยังเรือนหลังเขา ก็อย่างที่ข้าน้อยรายงานไปนั่นแหละขอรับว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”
“เฮอะ! ยังไงก็ต้องจับตัวเจ้าหลี่เสี้ยวเซียนคนนั้นมาให้ได้ ยุทธภพเงียบสงบมานาน พรรคมารก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวพวกมันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว” เสียงของถังฮูหยินใช้มือฟาดลงบนโต๊ะด้วยความโมโห
...