SeeeDz ที่ 14
เขาก้มหน้าหลบตาของผม “กูยอมมึงก่อนก็ได้ แล้วหลังจากนั้นถ้ามึงไม่ว่าอะไร กูก็อยาก... อยากจะทำมึงเหมือนกัน”
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่กำลังรู้สึกเขินอยู่ในตอนนี้ เพราะว่าผมเองก็กำลังเขินจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน ผมคิดถึงคำพูดของเขาอย่างถี่ถ้วน แล้วก็ถามตัวเองดูว่าใจจริงของผมต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งไอ้การถามใจตัวเองน่ะอาจจะได้คำตอบยากหน่อย แต่ถ้าหากถามไอ้น้องชายของผมล่ะก็ มันกำลังพยักหน้าหงึกๆ ตอบแทนสมองของผมอยู่ใต้กางเกงนี่แหละ
แค่ความคิดที่ว่าผมจะได้ทำอะไรกับเขาก็ทำให้ไอ้น้องชายของผมแข็งขึ้นได้แทบจะในทันทีแล้ว
“กูขอนอนก่อนดีกว่าว่ะ เอาไว้คืนนี้เราค่อยว่ากันเถอะ” ผมดึงผ้าห่มขึ้นพร้อมกับตะแคงตัวหันหลังให้กับเขา
นะหัวเราะในลำคอตามสไตล์ของเขา จากนั้นก็จุ๊บลงบนกระหม่อมของผมเบาๆ พร้อมกับกระซิบคำๆ หนึ่งที่ทำให้ผมต้องรู้สึกร้อนผ่าวไปแทบจะทั้งตัว
“กูรักมึงนะ ไอ้ตี๋...”
ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อข่มตาให้หลับ เพราะเรื่องที่เราคุยกันมันชวนให้ผมตื่นเต้นจนใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางนับสิบชั่วโมง จึงทำให้ผมหลับลงไปได้ในที่สุด แต่ผมก็แค่หลับๆ ตื่นๆ และพอจะรู้สึกตัวอยู่บ้างว่านะยังคงนั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ ผมตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเขาโทรศัพท์คุยกับใครบางคนแค่ครู่สั้นๆ ผมเลยงัวเงียตื่นขึ้นมาถามว่าเขาคุยกับใคร ซึ่งเขาก็ตอบว่าไม่มีอะไร แค่เพื่อนคนหนึ่ง ก่อนจะไล่ให้ผมนอนต่อเหมือนเดิม
ผมตื่นขึ้นอย่างเต็มตาในตอนบ่ายโมงเพราะความหิว หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว นะก็พาผมออกไปหาอะไรกินที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ท เราสองคนลงไปกินข้าวซอยที่ชั้นล่าง แล้วจากนั้นก็เดินเล่นฆ่าเวลาอยู่ครู่หนึ่ง จนถึงประมาณสี่โมงกว่า ไอ้นนท์ก็โทรมาหานะเพื่อถามว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ และเมื่อเขาบอกมันไปว่าเรากำลังเดินเล่นอยู่ในเซ็นทรัล มันก็ต่อว่าเรายกใหญ่
“มันด่ามึงอะ ไอ้ซี เอาไปคุยไป” นะยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“เฮ้ยย อะไร เกี่ยวอะไรกับกูวะ”
“เอาไปเลย เร็วๆ” เขาหัวเราะ
ผมรับโทรศัพท์มาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “เออ มีไรวะ ไอ้นนท์”
“ไอ้ซี ไอ้ควาย มึงมาถึงเชียงใหม่แล้วมึงเสือกไปกินข้าวในห้างเนี่ยนะ มึงบ้าป่าววะ ห๊าาาา”
“ไอ้สาดดดด แล้วมึงจะให้พวกกูทำไงอะ ก็กูไม่รู้จะแดกอะไรกันนี่หว่า ที่ทางก็ไม่ได้รู้จัก แต่เมื่อกี้พวกกูก็แดกข้าวซอยนะเว้ย ถือว่าเป็นอาหารเหนือแล้วไง ชดเชยกันไป”
“นี่ไง พอกูปล่อยพวกมึงไว้แล้วก็เป็นซะแบบนี้ ถ้างั้นคืนนี้กูไปนอนโรงแรมกับพวกมึงดีกว่า จะได้พามึงเที่ยวได้”
“เฮ้ย ไอ้เหี้ย กูรบกวนมึงไปรึเปล่าวะ เสียเงินเปล่าๆ น่ามึง”
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า เพราะไอ้โจเองก็เริ่มจะงอแงอยากนอนโรงแรมอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน”
“อะไรๆ มึงมาโทษอะไรกู ไอ้นนท์” เสียงของไอ้โจดังเข้าโทรศัพท์มาแว่วๆ
“แล้วตกลงมึงจะไปนอนที๋โรงแรมรึเปล่าล่ะ” ไอ้นนท์หันไปถามแฟนของมัน
“ไปดิ รู้แล้วยังจะถาม” ไอ้โจตอบกลับมา
“เออ นั่นแหละ มึงได้ยินแล้วใช่มั้ย ไอ้ซี”
“เออๆ ได้ยินๆ”
“งั้นเดี๋ยวเราไปเจอกันที่โรงแรมก็แล้วกันนะเว้ย พวกกูไปนอนคืนนี้เลยก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงพวกมึงก็ต้องมากินข้าวที่บ้านยายกูนะ”
“เออ โอเค ไม่มีปัญหาหรอก กูไปแน่แหละน่า แดกฟรี ทำไมจะไม่ไปวะ” ผมหัวเราะ “แล้วเดี๋ยวพวกมึงจะมากันกี่โมง”
“คงอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงอะ พอไปถึงแล้วกูจะโทรหาอีกทีนะ”
“เออ ได้ๆ มึงจะคุยกับไอ้นะอีกรึเปล่า”
“ไม่ว่ะ ไม่เป็นไร ไว้เจอกันเลยก็แล้วกัน”
ผมวางสาย แล้วจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้นะ
“มันว่าไงมั่งวะ”
“เดี๋ยวมันจะไปเปิดห้องที่โรงแรมอะว่ะ มันบอกว่าปล่อยพวกเราไว้แล้วก็เป็นเงี้ย ไปไหนไม่เป็น ไม่รู้จะทำอะไร แล้วมันยังบอกอีกว่าไอ้โจเองก็ไม่อยากนอนบ้านยายมันแล้วด้วย ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“อ้าว เหรอ งั้นกูว่าเรากลับกันก่อนเถอะ มึงอยากแวะซื้อขนมอะไรก่อนมั้ยล่ะ”
“อยากแดกเหล้าอะว่ะ”
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวคืนนี้ไปกินข้าวบ้านยายไอ้นนท์ไง มันคงมีให้แหละมั้ง อย่างน้อยๆ ก็มีเบียร์แน่ๆ ล่ะ กูว่า”
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว กลับกันเลยก็ได้”
ในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินหาทางออกไปยังลานจอดรถอยู่นั้น ผมก็สังเกตเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางพวกเรามองผมกับนะแล้วก็หันไปยิ้มและกระซิบกระซาบบางอย่างกัน ผมจึงส่งยิ้มให้พวกเขาก่อนที่เราจะเดินสวนกัน คนหนึ่งในนั้นที่สบตากับผมถึงกับหน้าแดงเลยทีเดียว
นะที่คงเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติรีบหันหลังกลับไปมองตามสาวๆ กลุ่มนั้น ก่อนที่จะหันมาหาผมด้วยสายตาแปลกใจ “อะไรวะ ผู้หญิงพวกนั้นเค้าเป็นอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ผมยิ้มพร้อมกับยักไหล่
“เฮ้ย ยิ้มแบบนั้นแปลว่าอะไรวะ ฮึ ไอ้ตี๋” เขากระทุ้งศอกใส่สีข้างของผม
“เหี้ยไรเล่าาา ไม่มีอะไรหรอกน่ะ กูก็แค่ส่งยิ้มให้พวกเค้าไปเท่านั้นเอง”
“นั่นไง กูว่าแล้ว มึงโปรยเสน่ห์อีกแล้วเหรอวะ ไอ้ซี”
“โปรยเหี้ยไร กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ผมหัวเราะ
“มึงไม่ต้องมาหัวเราะเลย กูหึงนะเว้ย!” เขาเหวี่ยงแขนขึ้นมาโอบคอผมแล้วดึงตัวผมเข้าไปขยี้หัวแรงๆ
“โอ๊ยยย!! มึงจะมาหึงกูทำไมเล่า!” ผมดันตัวออก
“ทำไมวะ กูหึงมึงไม่ได้เหรอ” เขาทำหน้าเสียไปนิดหน่อย
“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่กูแค่จะบอกว่ากูไม่สนใจผู้หญิงพวกนั้นหรอกน่า สเป๊กกูก็ไม่ใช่ และที่สำคัญ ตอนนี้ชีวิตกูแฮปปี้ดีแล้ว ไม่อยากหาเรื่องใส่หัวแล้วว่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มกว้างออกมาได้ทันที “นี่ถ้าเราอยู่กันสองคน กูจับมึงหอมแก้มไปแล้วนะเนี่ย”
“ทำไมวะ หอมที่นี่ตอนนี้เลยไม่ได้รึไง” ผมแกล้งแหย่
“อย่าท้านะ ไอ้ตี๋ มึงกล้ารึไง”
“กูไม่ได้ท้าเว้ย มึงกล้าปะล่ะ ถ้ามึงกล้าก็ทำเลย กูเป็นคนถูกหอมอยู่แล้ว กูไม่แคร์หรอกว่ะ”
เขาหน้าแดงก่ำ “พอๆ!! ไปเลย! รีบๆ เดิน จะได้กลับกันสักที”
เมื่อเราสองคนเข้าไปนั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบชะโงกหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มผมเบาๆ ในตอนที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
“เฮ้ย!”
“มัดจำเอาไว้ก่อน แล้วหลังจากนี้ค่อยว่ากัน” เขายิ้มกว้าง
“ไอ้กะล่อนเอ๊ยยย” ผมหัวเราะ
อีกไม่กี่นาทีถัดมา พวกเราก็กลับมาถึงที่โรงแรม และเมื่อไอ้นนท์กับไอ้โจมาถึง พวกเราก็ลงไปรับมันที่ล็อบบี้ หลังจากที่พวกมันได้ห้องและเอาของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เราสี่คนก็มานั่งเล่นที่ห้องของผมกันต่อ
“เออ ว่าแต่มึงมีปัญหาอะไรรึเปล่าวะ ไอ้โจ ถึงได้ไม่อยากนอนบ้านยายไอ้นนท์อะ” ผมถาม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวอะว่ะ” มันตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ยังไงวะ” ผมสงสัย “แล้วนี่มึงจะหน้าแดงทำไมวะ ไอ้นนท์”
“ใครหน้าแดง กูไม่ได้หน้าแดงเว้ย”
ไอ้โจหัวเราะเบาๆ “ไม่มีเหี้ยไรหรอก ยายมันก็ดีแหละ ป้ามันก็ด้วย แต่ห้องนอนยายกับห้องนอนไอ้นนท์มันอยู่ติดกันน่ะ แล้วผนังก็บางเกิน กูเลยอึดอัดว่ะ”
เท่านั้นแหละ ผมเลยถึงบางอ้อทันที “ไอ้เหี้ยยยย! ที่แท้มึงก็มาเปิดห้องที่โรงแรมเพื่อจะเอากันนี่เอง!!”
“ครวยยยย!!! ไอ้เชี่ยซี! ไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย!” ไอ้นนท์รีบออกตัว
“หึๆ อย่าว่าแต่พวกกูเลยเหอะ กูว่ามึงสองคนก็เหมือนกันนั่นแหละว่ะ” ไอ้โจยิ้มมุมปากพลางมองหน้าของผมสลับกับนะ
“มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้โจ” ผมเหลือบไปมองหน้าของนะแล้วเห็นว่าเขาก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน แต่เราก็พยายามเก็บอาการกันอย่างดีที่สุด
“พวกมึงไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งเซ่อหรอกน่ะ นี่มึงคิดว่าพวกกูดูกันไม่ออกจริงๆ รึไงวะ”
“เหี้ยอะไร ดูไม่ออกเรื่องอะไรวะ”
“โธ่เอ๊ยยยย ไอ้ซี” ไอ้นนท์หัวเราะ “มึงไม่คิดรึไงวะว่าทำไมกูถึงจองห้องเตียงใหญ่ให้พวกมึงแบบนี้น่ะ”
ผมกับนะมองหน้ากัน ต่างคนต่างไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
ไอ้นนท์ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาตบบ่าผมเบาๆ “กูดีใจด้วยนะเว้ย ไอ้ซี ทีนี้มึงสองคนก็จะได้มีความสุขกันจริงๆ สักที”
ผมเขินจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“เออ... งั้นกูก็ขอบใจว่ะ ไอ้นนท์” นะที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้น
ผมหันไปมองหน้าเขาทันที
เขายักไหล่ให้ผมเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปหาไอ้นนท์ “ต่อให้ตอนนี้โกหกไปก็คงไม่เนียนแล้วใช่มั้ยวะ...”
“เออ ไม่เนียนเลย และพวกมึงก็ไม่จำเป็นต้องโกหกกูด้วย”
“ว่าแต่พวกมึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”
“ที่จริงกูเคยคิดว่ามึงน่าจะชอบกันมาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจว่ามึงน่าจะเป็นแฟนกันแล้วก็ตอนก่อนมานี่แหละ”
“แล้วมึง... มึงรู้กันได้ยังไงวะ” ผมถาม
“ถุยเหอะ พวกกูเห็นแววตาเวลาที่มึงสองคนมองกันก็รู้แล้วว่ะ” คราวนี้ไอ้โจเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
“แล้วก็ท่าทาง คำพูดที่พวกมึงใช้กันอะไรแบบนั้นน่ะ” ไอ้นนท์พูดเสริม
“ไม่ๆๆ กูหมายถึงก่อนหน้าที่พวกกูจะคบกันอะ พวกมึงบอกว่าดูออกกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
“ก็สักพักแล้วว่ะ... โธ่ ไอ้ซี พวกมึงคิดว่ากูกับไอ้โจคบกันมากี่ปีแล้ววะ ทำไมเรื่องพวกนี้กูจะดูกันไม่ออก” ไอ้นนท์หัวเราะเบาๆ
“แต่มึงไม่ต้องตกใจหรอกนะเว้ย คนอื่นๆ มันคงยังไม่รู้หรอก น่าจะมีแค่พวกกูนี่แหละที่รู้น่ะ เพราะพวกมึงก็ไม่ได้แสดงออกอะไรกันชัดเจนขนาดนั้น”
“แน่ใจเหรอวะ...”
“เออ แน่ใจดิ สบายใจได้น่า”
“ทำไมมึงไม่บอกเรื่องนั้นมันไปวะ ไอ้นนท์” ไอ้โจหันไปถามแฟนของมัน
“เรื่องอะไรวะ” ผมกับนะถามขึ้นพร้อมกัน
ไอ้นนท์มีท่าทีลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อ “ไม่มีอะไรหรอกเว้ย ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร พวกมึงไม่ต้องคิดมากหรอก”
“ไม่มีอะไรเหี้ยไรล่ะ กูไม่เชื่อมึงแล้ว ไอ้นนท์ รีบๆ บอกมาเลย ไม่งั้นกูไม่สบายใจนะเว้ย”
“ใช่ ไอ้นนท์ มึงต้องเข้าใจนะว่านิสัยไอ้ซีอะ ถ้ามันอยากรู้อะไรแล้วไม่ได้รู้ล่ะก็ แม่งนอนไม่หลับไปสามวันแปดวันเลยนะเว้ย”
“เกินไป ไอ้ตูด เกินไป” ผมหันไปหานะ
“เออๆ แต่กูเองก็ไม่ชัวร์นะเว้ย เพราะงั้นกูขอไม่เอ่ยชื่อก็แล้วกัน”
“อะไรวะ” ผมยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิมเสียอีก
“คือบางครั้งเวลากูไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มึงอะ ไอ้ซี กูเคยรู้สึกว่าอาจจะมีเพื่อนมึงคนนึงมันชอบมึงอยู่อะว่ะ และกูก็ไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะสงสัยเรื่องระหว่างมึงกับไอ้นะรึเปล่า... แต่กูก็แค่เดานะเว้ย แค่สังหรณ์เฉยๆ เพราะงั้นมึงไม่ต้องถามกูหรอกว่าใคร กูไม่อยากพูดไปมั่วๆ แล้วทำให้มึงไม่สบายใจเปล่าๆ ว่ะ”
“อ้าว ไอ้เหี้ย พูดมาแบบนี้แล้วกูคงจะสบายใจล่ะมั้ง! ใครวะ ไอ้นนท์ แล้วมึงรู้สึกได้ไง กูอยากรู้”
“ไม่เอา ไอ้ซี กูไม่อยากเอ่ยชื่อจริงๆ ถ้าเกิดกูแค่คิดไปเอง เข้าใจผิดไปเอง มันก็เหมือนกูใส่ร้ายเพื่อนมึงลอยๆ อะดิ”
ผมพยายามถามไอ้นนท์อีกหลายคำถามว่ามันหมายถึงใครและรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นมาแอบชอบผมอยู่ แต่มันก็ไม่ยอมบอกอะไรผมมากกว่านั้นเลย มันบอกแค่เพียงว่าให้ผมทำตัวปกติที่สุดเหมือนเดิมก็พอ เพราะมันอาจจะแค่คิดไปเองก็เป็นได้ ส่วนนะก็เห็นด้วยกับไอ้นนท์และบอกว่าเขาเองก็ไม่คิดมากเหมือนกัน ผมจึงยอมปล่อยเลยตามเลย
พอตกเย็น พวกเราก็ไปกินข้าวเย็นที่บ้านยายของไอ้นนท์กัน ยายของมันน่ารักมาก ยิ้มแย้ม อารมณ์ดี ผมรู้สึกว่าแกเป็นคนแก่ที่น่ารักและทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ บอกไม่ถูก แถมที่สำคัญแกยังทำอาหารเก่งมากด้วย ส่วนป้าของมันก็นิสัยดี คุยเก่ง ถึงจะดูเป็นคนชอบถามอะไรซอกแซกไปเสียหน่อยก็เถอะ แต่โดยรวมผมก็มีความสุขและรู้สึกเอ็นจอยกับมื้อเย็นนี้มาก
หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จ ไอ้นนท์ก็พาพวกเราไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านอาหารอีสานร้านหนึ่งซึ่งโฆษณาว่าเป็นสไตล์ลาวแท้จากเวียงจันทน์ ร้านนี้ตบแต่งดี บรรยากาศดี และเบียร์ลาวที่ขายก็รสชาติดีอีกด้วย ส่วนอาหารก็รสชาติดีใช้ได้ พวกเราสี่คนจึงนั่งกินกับแกล้มเล่นๆ คู่กับเบียร์ไปหลายขวดอยู่เหมือนกัน จนเมื่อฝนเริ่มตั้งเค้า พวกเราจึงตัดสินใจกลับโรงแรม และไปนั่งดื่มเบียร์ดูทีวีด้วยกันต่อที่ห้องของผม
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงราวๆ ห้าทุ่ม ไอ้นนท์กับไอ้โจก็ขอตัวกลับห้องเพื่อไปพักผ่อน ไอ้นนท์ย้ำกับผมและนะอีกครั้งว่าพรุ่งนี้ให้เราตื่นขึ้นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่หกโมง เพื่อที่จะได้ไปขึ้นดอยกันในตอนเช้า แล้วจากนั้นพวกมันก็กลับห้องไป
“เมื่อกี้ไอ้นนท์มันบอกจะขอตัวกลับไป ‘พักผ่อน’ เหรอวะ” ผมอมยิ้ม “ใช่เหรอวะ ไอ้คำว่า ‘พักผ่อน’ เนี่ย กูว่ามันจะไปปี้กันมากกว่าม้างงงง”
“นี่มึงเมาเหรอวะ ไอ้ซี” นะหันมามองผมแล้วยิ้มๆ
“ป่าววว แค่ตึงๆ นิดหน่อย ยังไม่เมาหรอก ว่าแต่มึงเหอะ หน้าแดงแล้วเหมือนกันนะ ไอ้ตูด”
“เออ กูยอมรับ เพราะกูเองก็มึนๆ แล้วเหมือนกันว่ะ... แต่ว่าเบียร์ยังเหลืออีกสองกระป๋องนะเว้ย”
“จะเหลือไว้ทำไมวะอีกแค่สองกระป๋อง เปิดเล้ยยย”
นะเดินไปหยิบเบียร์ออกมาจากตู้เย็นแล้วโยนให้ผมกระป๋องหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงข้างๆ ผม เราสองคนชนกระป๋องกันแล้วจากนั้นก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม
“นี่ ไอ้นะ...”
“หืออ”
“วันนี้เมื่อตอนกลางวันอะ มึงหึงกูจริงๆ เหรอวะ”
เขานึกอยู่ครู่หนึ่ง “...อ่ออ ตอนนั้นน่ะเหรอ เออ ก็หึงจริงๆ น่ะสิวะ”
“ทำไมมึงถึงหึงกูอะ กูอยากรู้”
เขามองหน้าผมเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผมจะถามคำถามแบบนั้นออกไปได้ “มึงไม่รู้จริงๆ เหรอวะ ไอ้ซี ว่าทำไมอะ”
“หึ” ผมส่ายหน้า
“ก็เพราะกูรักมึง กูอยากให้มึงเป็นของกูคนเดียวไง โอเครึยัง”
ผมรู้สึกว่าตัวเองร้อนผ่าว แต่มันอาจจะร้อนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่แล้วก็เป็นได้ล่ะมั้ง
“มึงรักกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
เขาหน้าแดงทันที “กู... กูก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แต่กูรู้สึกอบอุ่นว่ะ รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับมึง”
ผมก้มหน้าหลบสายตาของเขา กลัวว่าเขาจะเห็นว่าผมกำลังเขินมากแค่ไหน “แล้วมึงไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอวะ มารู้สึกแบบนั้นกับกูเนี่ย กูเป็นผู้ชายนะเว้ย”
เขาเขกหัวผมเบาๆ “มึงเพิ่งจะมาถามห่าอะไรเอาป่านนี้วะ ไอ้ตี๋ แต่ถ้ามึงอยากรู้ล่ะก็ กูจะบอกมึงตรงๆ ว่าบางทีกูอาจจะชอบผู้ชายอยู่แล้วก็ได้ล่ะมั้ง ตั้งแต่ก่อนจะคบกับกิ๊กอีก แต่กูแค่ไม่เคยรู้ตัวเองจนกระทั่งมาเจอมึงนี่แหละ เพราะว่ามึงทำให้กูรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุดแล้ว”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาอีกครั้งทันที เพราะสิ่งที่เขาพูดก็คล้ายกับสิ่งที่ผมเคยคิดเกี่ยวกับตัวเองเลย
“กูรู้ว่าเวลามึงคบใครแล้วมึงมีคนๆ นั้นคนเดียว ไอ้ซี...” เขาพูดต่อ “แต่กูไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่า กูก็เลยกลัวๆ ล่ะมั้ง... กลัวว่าถ้ามึงเจอผู้หญิงที่มึงถูกใจ แล้วมึงจะเปลี่ยนไปชอบคนๆ นั้น แล้วสุดท้ายก็ทิ้งกูอะ”
“โธ่ ไอ้หมีควายเอ๊ยยยย” ผมตบหัวเขาเบาๆ “กูจะทำแบบนั้นกับมึงได้ยังไงวะ ไอ้นะ”
“อ้าว ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูก็เป็นคนขี้กังวลของกูแบบนี้แหละ ผิดด้วยรึไง”
“ไม่ผิดหรอก แต่กูอยากให้มึงไว้ใจกูไง เหมือนที่มึงเคยไว้ใจกิ๊กนั่นแหละ เชื่อใจกัน มันจะได้อยู่กันได้อย่างสบายใจ โอเคมั้ยวะ”
“ไว้ใจกิ๊ก... แล้วแม่งก็หนีไปมีคนอื่นน่ะนะ” เขาพูดเสียงเจื่อนๆ
“มึงคิดว่ากูเป็นคนนิสัยแบบนั้นรึไง”
“เปล่าๆ ไม่คิดๆ” เขารีบส่ายหน้า “กูก็แค่นึกถึงที่มันหักหลังกูแล้วกูก็เจ็บๆ อะว่ะ”
ผมลูบหัวเขาเบาๆ “อย่าไปคิดน่า ไอ้ตูด ความรักที่แม่งจบไปแล้วในอดีต มันก็เป็นแค่เพียงเศษตะกอนความทรงจำ ปล่อยให้มันนอนก้นไปน่ะดีแล้ว มึงไม่จำเป็นต้องไปตีให้มันฟุ้งขึ้นมารบกวนหัวใจมึงอีกหรอก”
เขาหันมามองหน้าผม ดวงตาของเขาแลดูเป็นประกายกว่าที่เคย “มึงนี่แม่งเข้มแข็งจังว่ะ ไอ้ซี”
“กูเคยบอกแล้วไงว่ากูเจ็บมาเยอะ” ผมยักไหล่
“และกูก็ไม่อยากให้มึงเจ็บอีกแล้วด้วย”
“กูก็ไม่อยากเจ็บแล้วเหมือนกันนั่นแหละ แต่...”
“เพราะกูอยากจะเป็นคนสุดท้ายของมึง...” เขาพูดขัดขึ้น แล้วจึงโน้มตัวเข้ามาจูบปากผมทันที
ทันทีที่ริมฝีปากของผมกับเขาสัมผัสกัน ลิ้นของเราต่างก็ตวัดควานหาอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มทั้งๆ ที่มือก็ยังถือกระป๋องเบียร์เอาไว้อยู่ จนสุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกก่อน
“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเบียร์หก” ผมปรามเขา
“เหลืออีกไม่ถึงครึ่งแล้ว กินให้หมดไปเลย”
ผมนั่งมองดูเขาดื่มเบียร์ที่เหลือจนหมด “กูอยากลองทำอะไรอย่างว่ะ...”
เขาวางกระป๋องเปล่าลงบนพื้น “อะไรวะ”
ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม แต่อมมันเอาไว้ในปาก ยังไม่กลืนมันลงไป ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปหาเขา นะที่ดูเหมือนจะเข้าใจได้ดีว่าผมต้องการจะทำอะไร รีบประกบปากกับผมทันที
เขาพยายามกลืนเบียร์จากปากของผมลงคอให้ได้มากที่สุด แต่ผมก็ยังรู้สึกถึงน้ำเย็นๆ ที่ไหลออกมาจากมุมปากของตัวเองได้อยู่ดี ดังนั้นผมจึงค่อยๆ เอนตัวของเขาลงบนเตียงแล้ว นอนคร่อมเขาไว้ทางด้านบน จากนั้นก็ค่อยๆ ดันเบียร์ที่เหลืออยู่ลงสู่ปากของเขาอย่างช้าๆ และเมื่อเขากลืนเบียร์ทุกหยดลงคอไปหมดแล้ว เราสองคนก็แลกลิ้นกันอยู่อีกครู่หนึ่ง
ผมใช้ลิ้นเลียที่มุมปากของเขา แล้วจึงค่อยๆ เลียทำความสะอาดเบียร์ที่เลอะอยู่ตรงแก้มและซอกคอของเขาออกจนสะอาด ร่างกายของเขาสั่นเทาน้อยๆ
“อาา.. า...า.. โคตรเสียวเลยว่ะ ไอ้ซี...”
ผมดันตัวขึ้นแล้วมองหน้าเขา “ชอบเหรอวะ”
เขาพยักหน้าเขินๆ “มึงไปจำมาจากไหนเนี่ย”
“ในหนังอะว่ะ ก็เลยอยากลองทำดูบ้าง แต่กูคงทำไม่เป็นอะ แม่งเลยไหลออกจากมุมปากมึงแบบนั้น”
“แบบนั้นแหละ เซ็กซี่แล้ว” เขาผงกหัวขึ้นจุ๊บริมฝีปากผมเบาๆ
“ปกติมึงชมผู้ชายว่าเซ็กซี่ด้วยเหรอวะ” ผมยิ้มน้อยๆ
“มึงคนเดียวและคนสุดท้ายว่ะ...”
“หึๆ ไปอาบน้ำกันเหอะ” ผมชันตัวขึ้นพร้อมกับดึงเขาให้ลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กัน
เราจูงมือกันเดินเข้าห้องน้ำ ช่วยกันถอดเสื้อผ้าออก แล้วก็เดินเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน ตอนแรกผมก็รู้สึกเขินๆ นิดหน่อยเพราะครั้งก่อนที่เราอาบน้ำพร้อมกัน เราก็ต่างคนต่างอาบ แถมความรู้สึกก็ต่างจากในตอนนี้ แต่ก็อย่างว่า ถ้าหากผมไม่เป็นฝ่ายนำ เขาก็คงไม่กล้าทำอะไรแน่ๆ ดังนั้นผมจึงพลิกตัวเขายืนหันหลังให้กับผม แล้วเริ่มฟอกสบู่ลงบนแผ่นหลังของเขา
นะยืนใช้มือทั้งสองข้างยันผนังห้องน้ำเอาไว้แล้วปล่อยให้ผมลูบไล้หลังของเขาตามสบาย กล้ามเนื้อของเขาแน่นและแลดูแข็งแกร่ง แต่ผิวของเขากลับเนียนนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผิวมึงแม่งเนียนดีว่ะ ไอ้นะ”
“เหรอ”
“อืออ...” ผมเลื่อนมือต่ำลงไปคลึงแก้มก้นทั้งสองข้างของเขา “แถมตูดยังนิ่มอีกด้วย”
“อืมมม...” เขาส่งเสียงในลำคอเบาๆ
ผมใช้นิ้วชี้กรีดไปตามร่องก้นของเขาแล้วไปหยุดอยู่ที่บริเวณปากทางเข้า เขาตัวแข็งเกร็งขึ้นทันที แต่สักพักก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ผมจึงใช้ปลายนิ้วชี้วนอยู่บริเวณนั้นเบาๆ รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น และไอ้น้องชายที่ตอดตุบๆ เพราะความตื่นเต้น
ตลอดเวลาที่ผมขยับมือและนิ้ววนเวียนอยู่แถวนั้น นะจะส่งเสียงครางอยู่ในลำคอเบาๆ ตลอด จนกระทั่งเขาเริ่มใช้มือข้างหนึ่งสาวน้องชายของตัวเองไปด้วย ผมจึงอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่ามันเสียวขนาดนั้นเลยเหรอ
“เสียวเหรอวะ...” ผมเขยิบตัวเข้าไปแนบชิดกับแผ่นหลังของเขาแล้วกระซิบลงที่หูของเขาเบาๆ ไอ้น้องชายของผมพาดแนบอยู่กับก้นของเขาพอดี
“อือออ” เขาพยักหน้าเบาๆ “กิ๊กแม่งไม่เคยทำอะไรแบบนั้นให้กูเลยว่ะ”
ผมงับลงบนติ่งหูของเขาพร้อมกับเลื่อนมือไปกำน้องชายของเขาเอาไว้ด้วย “...อย่าเอาไปกูไปเทียบกับแฟนเก่ามึงสิวะ”
“แต่กูไม่ได้เทียบในแง่ไม่ดีนะเว้ย” เขามองข้ามไหล่มาหาผม “กูแค่จะบอกว่ากูรู้สึกดีแค่ไหนที่คนที่ทำแบบนั้นให้กูเป็นมึงต่างหาก”
“รู้แล้วล่ะน่าาา” ผมขยับมือขึ้นลงช้าๆ “กูก็แค่จะบอกว่าแฟนเก่ามึง มันจะมาเก่งเท่ากูได้ไงแค่นั้นเหมือนกัน”
“อึ๊กก..ก..!!” นะบิดตัวและรีบคว้าข้อมือของผมเอาไว้ “ซี กูเสียว...!!”
“แล้วไม่ดีเหรอวะ” ผมใช้นิ้วคลึงที่ส่วนหัวไอ้น้องชายของเขา
“อ๊าา..า..ซ์ ซี้ดดดส์ส์! อ... ไอ้ซี สบู่มันทำให้ ส... เสียว จนทรมานเลยนะเว้ย!” เขาบิดตัวไปมา
ยิ่งได้ยินเสียงของเขาครางกระเส่าแบบนี้ จิตใจของผมก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงมากขึ้นไปอีก ผมเริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ แต่แล้วนะก็ใช้หว่างขาหนีบไอ้น้องชายของผมเอาไว้ แล้วจากนั้นจึงเริ่มขยับตัวเบาๆ
“ซี้ดดดด....ดด...ดส์!!! ไอ้นะ! กูเสียวนะเว้ย!!” ผมรีบจับหัวไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อให้เขาหยุดเคลื่อนไหว
“เห็นมั้ยล่ะ กูบอกแล้ว” เขาพลิกตัวหันมาหาผม “มา ให้กูฟอกสบู่ให้มึงบ้างเหอะ ไม่งั้นก็อาบน้ำกันไม่เสร็จสักที”
เราสองคนสลับตำแหน่งกัน แล้วจากนั้นเขาก็เริ่มต้นฟอกสบู่ลงบนหลังของผมแบบที่ผมเพิ่งทำให้เขาทุกอย่าง แต่ผมช่วยเขาโดยการฟอกส่วนหน้าด้วยตัวเอง แต่นะก็ไม่ยอมพลาดที่จะช่วยผมทำความสะอาดไอ้น้องชายของผมซ้ำอีกครั้งด้วย และเมื่อเขาทั้งจับ คลึง ชัก รูดขึ้นรูดลงจนเป็นที่แน่ใจว่ามันสะอาดดีแล้ว (ซึ่งก็ทำให้ผมเสียวจนแทบจะร้องไม่เป็นภาษาคนอยู่หลายที) เขาก็กลับมาคลึงและนวดที่แก้มก้นของผมต่อ
“ตูดมึงขาวมากเลยว่ะ ไอ้ซี”
“ก็กูขาวอะ”
“น่าแดกว่ะ...”
“เฮ้ยยย!”
“กูหมายถึงน่าลองกัดดูสักทีอะ” เขาหัวเราะ
“มึงจะบ้าเหรอวะ!”
“ทำไม ไม่ให้รึไง”
“มึงกัดตูดกู กูก็เจ็บสิวะเฮ้ย!”
“กูไม่กัดแรงหรอกน่า ก็แค่ขบๆ เหมือนที่มึงขบหูกู หรือเวลากูขบต้นคอมึง... แบบนี้ไง” เมื่อพูดจบ เขาก็ชะโงกหน้ามางับลงบนต้นคอของผมทันที
“อาาาห์” ผมเผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อืมมมม” เขาส่งเสียงอยู่ในลำคอพลางเลื่อนขึ้นมางับลงบนติ่งหูของผม
ผมบิดตัวเบาๆ ด้วยความเสียว ส่วนนะก็ใช้นิ้วชี้ของตัวเองเขี่ยบริเวณประตูหลังของผมไปด้วย คราวนี้แหละ ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อตอนที่ผมใช้นิ้วแหย่เขา มันทำให้เขาเสียวขนาดไหน
ผมที่รู้สึกว่าขาของตัวเองเริ่มอ่อนแรง จำเป็นต้องใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองเอาไว้กับผนังห้องน้ำ แต่นะก็ยังคงเลียหูของผมพร้อมกับใช้นิ้วแหย่ประตูหลังของผมเอาไว้ด้วยตลอดเวลา และแล้วในตอนที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นเอง จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงนิ้วของเขาที่เริ่มรุกล้ำเข้ามาข้างใน
“อึ๊กก!!” ผมสะดุ้งเฮือก
“เจ็บเหรอ” เขาแช่นิ้วเอาไว้อย่างนั้น
“นิด... นิดหน่อยว่ะ” ผมหอบเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ “กูตกใจมากกว่า มึงเข้ามาเยอะมั้ยวะ”
“แค่ปลายนิ้วเอง”
“อ... เออ...” ผมหอบเบาๆ
“ถ้าเจ็บแล้วบอกกูนะ...”
“อืมมม” ผมหลับตาปี๋และกัดฟันแน่น
“ซีครับ...” เขาพูดเบาๆ
“หืมมม”
“อย่าเกร็งนะ... นะขอลองสำรวจของซีดูหน่อยนะครับ” เขาพูดพลางเริ่มดันนิ้วเข้าไปข้างในมากขึ้น
ผมอ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา ผมหลับตาแน่นและพยายามประคองตัวให้ยืนอยู่บนขาของตัวเองให้ได้ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างเริ่มอ่อนแรงจนแทบจะพยุงร่างกายต่อไปไม่ไหวอยู่แล้ว
“เจ็บมั้ยครับ...”
ผมส่ายหน้า “ม... ไม่ครับ”
“แล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
“มัน... แน่นๆ อะ”
“นะชอบตอนซีพูดเพราะๆ จังเลยอะ ซีน่ารักที่สุดเลย รู้ตัวรึเปล่าครับ” เขาจุ๊บใบหูของผมเบาๆ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะนิ้ว หรือเป็นเพราะคำพูดของเขากันแน่ ที่ทำให้ผมเสียวจนไอ้น้องชายกระตุก หลั่งเอาน้ำใสๆ ไหลออกมาจนเยิ้มโดยที่ผมไม่ได้แตะของตัวเองเลยสักนิด
“แฮ่ก... แฮ่กก... นะ... กูไม่ไหวแล้วว่ะ” ผมก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ทำให้นิ้วของเขาหลุดออก จากนั้นก็หันไปเผชิญหน้ากับเขา
“เจ็บเหรอ กูขอโทษ เจ็บมากมั้ย” เขาหน้าเสีย
“เปล่า ไม่เจ็บ แต่รีบๆ ล้างตัวแล้วไปต่อกันบนเตียงเหอะว่ะ เพราะว่ามึงทำกูขาอ่อนจนจะยืนไม่ไหวแล้วเนี่ย”