สวัสดีค่า ตอนที่ 41 มาแล้วนะคะ มาอ่านกันต่อค่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเม้นท์ เจอกันตอนต่อไปค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 41 Can’t fight.
You can try to resist
เธอจะพยายามต้านทาน
Try to hide from my kiss
หลบซ่อนจากจูบของฉันก็ได้
But you know
แต่เธอรู้หรือไม่ว่า
Don’t you know that you can’t fight the moonlight
เธอไม่สามารถต่อต้านแสงจันทร์ได้หรอก
Deep in the dark
ลึกลงไปในความมืดมิด
You’ll surrender your heart
ใจเธอจะต้องพ่ายแพ้
But you know
แต่เธอรู้หรือไม่ว่า
But you know that you can’t fight the moonlight
เธอไม่สามารถต่อต้านแสงจันทร์ได้หรอก
No, you can’t fight it
เธอต่อสู้กับมันไม่ได้
It’s gonna get to your heart
มันจะคืบคลานเข้าไปในจิตใจเธอ
เก้าขึ้นรถของไคโดยไม่อาจจะต่อรองได้ ไคขับรถออกไปด้วยความรวดเร็วโดยที่ทั้งสองยังคงมีแต่ความเงียบเชียบ เก้ามองไปยังข้างทางด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ไคเองก็ไม่พูดอะไรออกมาสิ่งที่ทำตอนนี้คือตั้งใจขับรถและมองไปยังทางข้างหน้าเท่านั้น
ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึงคอนโด เก้ารู้อยู่แล้วว่าไคต้องพามาที่นี่อย่างแน่นอน รถยนต์จอดสนิท ไคเปิดประตูออกและเดินมาฝั่งของเก้าที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงจากรถ
“ลงมา”
ไคพูดเท่านั้นและเปิดประตูให้เก้าลงมา ซึ่งเก้าก็ยอมลงเพราะจะอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว จะอิดออดก็คงสายไปแล้ว เก้าจึงยอมลงจากรถและเดินตามไคไป
ระหว่างที่เดินไปจนกระทั่งอยู่ในลิฟต์ เก้าเอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไร จะเงียบไปไม่พูดหรือพูดให้มันรู้แล้วรู้รอด เพราะหากไม่พูดเก้าก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการคือการตัดขาดจากไค แต่หากพูดออกไปเท่ากับว่าต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเองที่เอาแต่หนีมาโดยตลอด
เมื่อมาถึงห้อง ไคก็เปิดประตูและให้เก้าเข้าไปก่อน เก้าถอนหายใจแรงๆออกมาเมื่อต้องกลับมายังห้องนี้อีกครั้ง หลังจากที่คิดเอาไว้ว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว เมื่อเก้าเข้าไปในห้องแล้วไคถึงจะเดินตามเข้าไปและปิดประตูลง
เก้ายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะไปนั่งหรืออยู่ตรงจุดไหนของห้อง ไคจึงต้องลากเก้าไปยังโซฟาในห้องและกดบ่าของเก้าให้นั่งลง เก้าสะบัดทันทีที่ไคเริ่มแตะตัวเขา
“รังเกียจกันขนาดนั้นเลย?” ไคถาม เก้าไม่พูดไม่จามีเพียงแต่สีหน้านิ่งๆเป็นคำตอบ
“มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้?” ไคถามขึ้นทันทีอย่างไม่ต้องรอเปิดประเด็น
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“ไม่จริง จู่ๆหลังจากคืนนั้นนายก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบทันทีเลยด้วย”
“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไร แต่กูไม่มีอะไรจะพูดกับมึง” เก้ายังคงยืนกรานอยู่อย่างนั้น
“ฉันรู้นะ..ว่านายคิดว่าฉันไม่ได้ชอบนายจริงๆ” ไคพูดขึ้นมา เก้าชะงักก่อนที่จะทำตัวปกติอีกครั้ง
“มันก็ใช่นี่ มึงไม่ได้ชอบกูหรอก”
“แล้วนายเอาอะไรมาตัดสินล่ะ ว่าฉันไม่ได้ชอบนายจริงๆ” สำหรับไคจะอย่างไรวันนี้ก็ต้องพูดให้รู้เรื่อง
หลังจากคืนนั้นที่เก้าไปนอนค้าง ไคก็ไม่ได้เจอหน้าเก้าอีกเลย ไม่คิดจะติดต่อหรือไปให้เห็นหน้าเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะยอมแพ้หรือตัดใจแต่อย่างใดแต่ไคกลับเลือกที่จะทิ้งระยะห่างและเวลาให้เก้าได้อยู่กับตัวเอง การถอยออกมาจะทำให้เห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งตัวของเก้าและของเขาเอง ที่ผ่านมาเขาเชื่อเสมอว่าเก้าหวั่นไหวและเริ่มที่จะเปิดใจให้เขาทีละนิดๆ เชื่อว่าสายตาและท่าทีของเก้าไม่ใช่เรื่องโกหกและยิ่งเป็นคนตรงๆพูดจาโผงผางก็ยิ่งแสดงได้ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกได้ดีถึงขนาดนั้น
แต่สิ่งที่ขัดใจไคคือเพราะเหตุใดเก้าถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมเก้าถึงเลือกที่จะโกหกความรู้สึกตัวเองและตัดมันอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ จะให้ไปถามพระพายก็ใช่ที เพราะไม่อยากให้คนอื่นวุ่นวายไปกับเรื่องนี้ด้วย
เก้าเงียบไปเพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปโต้เถียงไค จริงอยู่ที่เหมือนคิดเองเออเองและสมควรถามมากกว่าจะผูกเรื่องด้วยตัวเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเก้าไม่อยากจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับใครอีกแล้ว จึงทำให้ต้องตัดไคออกไปเช่นนี้
“ถ้าพูดแค่เรื่องนี้กูก็จะกลับแล้ว” เก้าทำท่าจะลุกขึ้น
“ทำไมนายถึงสงสัยว่าฉันไม่ชอบนาย ทั้งๆที่ฉันไม่มีใครเลย” ไคพูดออกพลางรั้งแขนของเก้าไว้
“มึงมี!!” ในที่สุดเก้าก็ตะโกนออกมาใส่หน้าของไคจนได้ ความอดทนอดกลั้นพังลงทันที
“เอาอะไรมาพูด?” ไคขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“มึงมีคนของมึงอยู่แล้ว มึงจะมายุ่งกับกูทำไม?” เสียงของเก้าดังขึ้นกว่าเดิม
“มีเมื่อไหร่ นายเห็นตอนไหน?”
“หลักฐานโทนโท่ขนาดนั้น มึงยังจะบอกว่าไม่อีก” เสียงของเก้าไม่มีทีท่าว่าจะลดลงด้วย
“หลักฐานอะไร นายเห็นอะไร?” ไคถามยังไม่เข้าใจ
“เขาชื่อไมค์” เก้าพูดพลางมองหน้าไค มองปฏิกิริยาว่าไคจะเป็นอย่างไร
“ไมค์...ไมค์เหรอ?” ไคหน้านิ่วพลางนึก
“อ๋อ..ไมค์น่ะเหรอ นายรู้จักไมค์ได้ยังไง?” ไคถามอย่างสงสัยทันที
“กูไม่รู้จัก รู้แค่ว่าเขาเป็นคนสำคัญของมึง” เก้าว่าพลางเสมองไปทางพื้น ไคชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้
“อืม...รูปไมค์น่าจะอยู่แถวชั้นวางหนังสือนะ” ไคว่าและเดินไปหาค้นรูปที่น่าจะอยู่ตรงนั้น และเมื่อเจอไคก็หยิบมันมา
ไคดูรูปนั้นพลางยิ้มออกมาแล้วยื่นให้เก้าดู แน่นอนว่าเก้าไม่ยอมดูพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น ไคหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น
“อย่าบอกนะว่านายคิดว่าไมค์คือแฟนของฉัน?” เก้าเงียบแต่ในใจนั้นรู้สึกโมโหที่ไคหัวเราะออกมา ทั้งๆที่เขานั้นรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องมานั่งคุยกันในตอนนี้
“นี่นายคิดเองเออเองหมดเลยเหรอ?” ไคหัวเราะอีกครั้งนั่นทำให้เก้าโมโหยิ่งกว่าเก่า
“กูผิดรึไงที่คิดแบบนั้น มึงเขียนข้อความอย่างนี้ ดูก็รู้ว่าใช่” เก้าพูดเสียงดังใส่ไค
“แต่นายต้องถามฉันก่อน ไม่ใช่ไปขี้ตู่เอาเองว่าเรื่องมันเป็นแบบไหน” ไคว่ากลับทันที คราวนี้หยุดหัวเราะและกลับมาจริงจังอีกครั้ง
“ทำไมต้องถาม ดูแค่นี้ก็รู้แล้ว”
“ต้องถาม เพราะที่นายคิดน่ะมันผิด” เก้าชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไมค์ เป็นเด็กกำพร้า ที่แม่ฉันอุปการะต่างหาก” ไคบอก
“มึงจะบอกว่า...” เก้าหันไปมองไคที่กำลังจะอธิบายต่อ
“ใช่ ถ้าว่ากันตามความจริง ไมค์เป็นน้องชายของฉันตามกฎหมาย”
“แต่ความจริงมึงหลงรักน้องมึงเองใช่ไหม?” ยิ่งพูดก็รู้สึกยิ่งเจ็บดิ่งลงไปมากขึ้น
“ไปกันใหญ่ ฉันแค่เป็นพวกบราค่อนน่ะ” ไคว่า
“อะไรคือบราค่อนวะ?” เก้างงทันทีที่ได้ยิน
“ไม่เคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นรึไง พวกเห่อน้องน่ะ” ไคจึงต้องอธิบายแม้ว่ามันจะน่าอายก็ตามที เขาไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นพวกเห่อและหวงน้องชาย
“มึงอาการหนักขนาดนั้นเลยรึไง?” เก้ามองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าไคเป็นคนแบบนั้น
“ก็เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยหวงเป็นธรรมดา” ไคว่า
“มึงแน่ใจเหรอว่าแค่หวง มึงอาจจะตกหลุมรักน้องโดยไม่รู้ตัวก็ได้” ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันไม่แปลกที่จะคิดเช่นนั้นได้
“ไม่เอาหรอก ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง” ไคบอกพลางส่ายหน้ารัวๆ
“เอาเถอะ มึงจะยังไงก็เรื่องของมึง ถ้าคุยจบแล้วกูไปล่ะ” เก้าลุกขึ้น แต่ไคกลับรั้งไว้ทัน
“อย่าหนีสิ ฉันอธิบายเรื่องที่นายเข้าใจผิดไปหมดแล้วนะ”
“แล้วยังไง มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก” เก้าว่า
“มีสิ ที่นายคิดมากเรื่องนี้เพราะนายหึง”
“อะไรนะ! ใครหึงมึง มึงเพ้อไปกันใหญ่แล้ว” เก้าหันไปว่าทันที
“ถ้านายไม่หึง นายจะทำแบบที่ผ่านมาทำไมล่ะ?”
“เพราะ...เพราะกูไม่อยากยุ่งกับมึงก็เท่านั้น” เก้าพูดพลางดึงแขนของตัวเองจากการกอบกุมของไค
“บางครั้งเวลานายปากแข็งก็น่ารักนะ แต่บางทีมันก็กวนโอ๊ยฉันเหมือนกัน” ไคว่าด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดมากขึ้นและดึงเก้าเข้ามากอดไว้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
“ไอ้ไค มึงจะทำอะไร ปล่อย!” เก้าร้องขึ้นพลางดันไคให้ปล่อย แต่ก็เท่านั้นไคยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม
“นิ่งๆสิ” ไคว่า
“ปล่อย” เก้ายังคงดึงดันไม่ยอมให้ไคกอดแต่โดยดี
“บอกให้นิ่ง”
ไคบอกด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่มันเต็มไปด้วยความดุดันและน้ำเสียงที่คิดว่าหากไม่ทำตามจะต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ เก้านิ่งทันทีที่ได้ยินคำนั้น ไคตอนนี้เหมือนไคในตอนนั้นที่มาตามราวีเขาในช่วงแรกๆ
“มึง..เป็นคนยังไงกันแน่?” เก้าถามพลางสบตามองไคตรงๆ ยิ่งเห็นดวงตาเป็นประกายที่เยือกเย็นทั้งๆที่เหมือนจะยิ้มอยู่กลายๆ
“ก็เป็นคนธรรมดา”
“แบบไหนคือตัวจริงของมึงกันแน่?”
“ฉัน...พยายามที่จะใจดีและสนุกสนานกับนาย จนบางครั้งก็ลืมไปว่าความเป็นจริงคืออะไร” เก้านิ่งพลางฟังสิ่งที่ไคกำลังพูด
“ที่ผ่านมา....ไม่ใช่ตัวตนมึงเหรอ?”
“มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มีอีกหลายอย่างที่นายจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับฉัน” เก้าว่าพลางใช้นิ้วแตะแก้มของเก้าเบาๆ
“แต่เรื่องที่จริงที่สุดในตอนนี้คือฉันชอบนาย...ชอบนายจริงๆนะ”
“แต่กู...กูไม่ได้ชอบมึง” เก้าบอก
“ให้โอกาสพูดใหม่อีกรอบ” ไคว่า แม้น้ำเสียงจะไม่ได้กดดันแต่สีหน้านั้นผิดกับน้ำเสียงลิบลับ
“เก้า....กลัวอะไร?” ไคถามขึ้นอีกครั้ง เก้าเม้มริมฝีปากทันที ไคที่มาในโหมดนี้ทำเอารับมือยากยิ่งกว่าเดิม
“ไม่...ไม่ได้กลัว” เก้าบอกอย่างนั้น
“ทำไมถึงไม่อยากให้ฉันชอบนาย ทำไมถึงต้องโกหกตัวเอง” ไคถาม
“กูไม่ได้โกหก”
“บอกความจริงฉันมา...นายกลัวอะไร?” ไคถามอีกครั้ง
“มะ..ไม่รู้” เก้าเริ่มตะกุกตะกัก
“พูดสิ”
“กูไม่อยากชอบใครอีกแล้ว” ในที่สุดเก้าก็บอกความจริง เพราะถึงจะหนีอย่างไรไคก็คงตามตัวได้อยู่ดี เพราะครั้งแรกที่เจอกันไคยังตามติดเขาได้ขนาดนั้นแม้ว่าจะหนียังไงก็ตาม
“กลัวความเจ็บปวดเหรอ?” เก้าพยักหน้าเป็นคำตอบ
“คนเก่าทำไว้เจ็บขนาดนั้นเลยรึไง?”
“เจ็บสุดๆเลยล่ะ” เป็นความเจ็บปวดที่ขยาดหากจะต้องโดนอีกครั้ง
“นานไหมกว่าจะทำใจได้?” ไคถามอย่างเข้าใจในสิ่งที่เก้าผ่านมา
“นานพอดูเลย” เก้าตอบ
“กูเลยไม่อยากจริงจังกับใครอีกแล้ว”
“นายคิดแบบนั้นมันผิดนะ”
“ผิดยังไงวะ?” แม้จะถามแต่เก้าก็ยังไม่มองหน้าไคอยู่ดี
“นายจะเอารักครั้งเก่ามาตัดสินคนอื่นไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน”
“จะคนเก่าคนใหม่สุดท้ายก็ลงเอยเหมือนเดิม รักนิรันดร์มันไม่มีอยู่จริงหรอก” เก้าเชื่อเสมอว่า คำว่าตลอดไปมันใช้ไม่ได้กับความรักของชู้สาว รักที่เก้าเชื่อคือรักของพ่อแม่ลูกต่างหาก
“โลกแคบไปแล้วนายน่ะ” ไคว่า
“กูไม่ได้โลกแคบ แต่เพราะกูอยู่ในโลกความเป็นจริงต่างหาก ถ้าไม่รักก็ไม่ทุกข์ แล้วทำไมกูต้องเอาตัวเองไปทุกข์ด้วยล่ะ”
“ถึงคิดอย่างนั้นแต่นายก็ยังชอบฉัน....ฉันคิดถูกใช่ไหม?” ไคถาม เก้ากลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า รู้สึกใจเต้นรัวเป็นกลอง
“ตอบฉันมา ว่าใช่ใช่ไหม?” เก้าเม้มปาก จะให้พูดออกไปก็ยิ่งเสียหน้าเข้าไปอีก
“เก้า...” ไคถามอีกครั้ง รังสีกดดันแผ่ออกมาเยอะจนทำตัวไม่ถูก
“ก็เออ แล้วไง กูชอบมึง!!” เก้าตะโกนออกมา ในที่สุดการต่อต้านภายในจิตใจก็จบลง เก้าบอกความจริงออกไปแล้ว เมื่อพูดจบก็รู้สึกอายขึ้นมาดื้อๆที่บอกออกมาโต้งๆแบบนี้
“เห็นไหม เราความรู้สึกตรงกัน”
“แต่มึงเป็นผู้ชายนะไค กับตัวกูที่ชอบแต่ผู้หญิงมาตลอด แค่นี้กูก็เป็นบ้ามากพอแล้ว” ความสับสนที่เกิดขึ้นทำเอาลังเลใจไม่น้อย
“มันไม่เกี่ยวกับหญิงหรือชายหรอก มันเกี่ยวกับความรู้สึกต่างหาก”
“แม้กูจะทำใจเรื่องนั้นได้แล้ว แต่กูยังไม่อยากคบใคร กูยังไม่พร้อม” เก้าบอก
“เราก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ได้ จนกว่านายจะพร้อม”
“ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น่ะเหรอ?”
“คิดว่าฉันรอไม่ได้รึไง?” ไคเลิกคิ้วถาม
“คนอย่างมึงรอกูไม่ไหวหรอก”
“เงยหน้ามาแล้วพูด...ชอบฉันจริงๆใช่ไหม?” ไคถามพลางปล่อยมือจากแขนมาจับหน้าของเก้าแล้วให้เงยหน้ามามองตน
เก้าจึงต้องเงยหน้าขึ้นมามองไค สบตาของคนตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมาและไม่หลบหนีอีก ใบหน้าคมคายแบบชาวตะวันตก ดวงตาที่สุกวาวเป็นประกายต่างจากตอนแรกที่เยือกเย็นนั้นจ้องมองมาที่เก้าตรงๆ แม้จะเคยจูบกันแต่เก้าไม่เคยได้มีโอกาสเห็นใบหน้าของไคชัดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ชัดจนเต็มสองตาขนาดนี้
“บอกสิเก้า...” เก้ากระพริบตาเพื่อโฟกัสมองใบหน้าของไคก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“เออ..ชอบ” เก้ายอมรับออกมาในที่สุด
“เท่านั้นก็พอแล้ว ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อมคบกัน” ไคว่าก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงและจูบริมฝีปากตรงหน้า
นี่เป็นอีกครั้งที่เก้ายอมให้จูบโดยไม่ขัดขืนหรือดีดดิ้น เก้าหลับตาลงรับความรู้สึกอ่อนนุ่มที่แตะลงตรงริมฝีปาก ไม่มีการรุกล้ำเข้ามาแต่อย่างใดมีแต่เพียงแค่สัมผัสเบาๆซึ่งไม่อยากจะยอมรับเลยว่าทำเอาใจเบาหวิวเลยทีเดียว
“มึงขี้โกง” เก้าว่าหลังจากที่ไคละริมฝีปากออกมาแล้ว
“ตรงไหน?”
“ถามกูสักคำรึยังว่าให้จูบรึเปล่า?”
“ก็ทำหน้าเหมือนอยากให้จูบ ก็เลยทำ” ไคว่าและยิ้มออกมา
“เพราะมึงเป็นคนอย่างนี้ไง จะให้กูเชื่อเหรอว่าจะรอกูได้” เก้าถอนหายใจออกมา
“ได้ไม่ได้ก็มาลองดูล่ะกัน อีกอย่าง...นายยังไม่เห็นฉันครบทุกมุมเลย” ไคว่า
“ใช่ คนอย่างมึงมันร้าย ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้เลย”
“ร้ายแล้วชอบไหม?” เก้าหันหน้าไปทางอื่นทันที
“บอกสิ” ไคคะยั้นคะยอ
“ใครเขาพูดกันบ่อยๆวะ” เก้าว่าก่อนที่จะผลักไคออก
“ต่อไปมีอะไรก็ถาม อย่าเก็บเอาไปคิดคนเดียว”
“กูก็เป็นคนแบบนี้แหละ”
“บางครั้งก็ต้องปรับเปลี่ยนนะ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อนายเอง คิดไปเองมันเจ็บปวดเปล่าๆ” ไคว่า
“เออๆ มีอะไรจะถามก็แล้วกัน”
“เฮ้อ...กว่าจะเคลียร์ได้ รู้ไหมฉันอดทนขนาดไหนที่ไม่ได้เจอหน้านายน่ะ”
“แล้วมึงไปไหนมา?”
“ไปทำงานที่ต่างประเทศมา เพิ่งได้กลับมานี่แหละ” ไคว่า
“กูก็คิดว่ามึง..” เก้าทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดตัวเองไว้ก่อน
“คิดว่าอะไร?” ไคถามอย่างสงสัย
“คิดว่าคนอย่างมึงทำไมยอมแพ้ง่ายจัง”
“ปากแข็งแต่ก็คิดถึงฉันตลอดเลยไม่ใช่เหรอ?” ไคเหล่มองอย่างคนรู้ทัน
“อะ..อะไร ใครบอกมึงล่ะ” เก้าตะกุกตะกักทันที
“ไม่ใช่ไม่รู้นะ ว่าหลังจากวันนั้นที่แยกกันนายไปทำอะไรมาบ้าง” ไคว่า
“มึงรู้ได้ไง?” เก้าตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าไครู้ความเคลื่อนไหวของเขาตลอด
“ไม่บอกดีกว่าว่ารู้ได้ยังไง” ไคยิ้มจากนั้นก็เดินหันหลังไปนั่งที่โซฟา
“มึงบอกมาสิไค มึงบอกมาเร็ว” เก้าเดินตามไปเขย่าตัวไคทันที
“อย่ารู้เลย” ไคยังคงไม่ตอบอยู่ดี
“บอกกูมานะ!” เก้าร้องออกมาพลางนึกใครกันที่คอยรายงาน
“ไม่บอกหรอก เดี๋ยวนายไหวตัวทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น
“ไค...กูเกลียดมึง!!!” เก้าร้องออกมาอย่างเหลืออด
“ได้ไง เพิ่งบอกว่าชอบอยู่หยกๆ ไหงมาเกลียดแล้วล่ะ” ไคพูดพลางหัวเราะออกมา
“มึงมันชั่ว” เก้าชกไหล่ไคไปหนึ่งที
“ในที่สุดก็กลับมาต่อปากต่อคำได้ซะที” ไคว่า เก้ารีบหยุดพูดทันที หลุดเถียงและพูดจาเหมือนทุกๆครั้งที่เจอกัน ไคจึงกอดเก้าแนบอกให้แน่นกว่าเดิมเข้าไปอีก
“กูอึดอัด”
“อึดอัดเรื่องอะไร?”
“อึดอัดที่มึงกอดกูนี่แหละ ปล่อย!” เก้าร้องออกมา ไคหัวเราะออกมาจากนั้นจึงยอมคลายกอด เก้ารีบเหยียบเท้าไคทันทีอย่างไม่ลังเล แต่ไคผู้รู้ทันเสมอก็หลบได้อย่างว่องไว
“เดี๋ยวโดนทำร้ายร่างกายกลับแล้วจะหนาว” ไคว่า
“มึงจะทำอะไรกูได้” เก้าท้าทายในทันที
“ก็ทำอย่างนี้ไง”
ไคจับตัวเก้าไว้ด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะจูบหนักๆบนริมฝีปากนั้นทันที เก้าถึงกับค้างชะงักเพราะไม่ทันตั้งตัว เก้าตวัดสายตามองไคที่ยิ้มมุมปากอยู่ในขณะนี้
“มึงกำลังคิดไม่ซื่อใช่ไหม?” เก้ารู้สึกถึงความกรุ้มกริ่มของไค
“จะไม่ทำมากกว่านี้หรอก จะรอจนกว่านายจะพร้อม”
“เออ...พร้อมแล้วจะบอก” เก้าหลบตาไค รู้สึกร้อนๆแถวหน้า กลายเป็นคนความรู้สึกช้าไปเลยทันที
“หน้าแดงแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
ไคหัวเราะออกมา เก้าไม่พูดอะไรแต่ก็เม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มเอาไว้ แม้ใจจริงจะพร้อมไปกว่าครึ่งแต่ก็ไม่อยากจะบอกในตอนนี้ เพราะอยากเห็นไคในมุมอื่นๆก่อนที่จะตัดสินใจลงไป แต่ที่แน่ๆสิ่งหนึ่งที่เก้าได้แต่ยอมรับคือ เขาตกหลุมรักผู้ชายที่สุดแสนจะร้ายกาจเข้าให้แล้ว ผู้ชายที่บทจะดีก็ดี บทจะร้ายก็น่ากลัว ชะตากรรมที่ต้องเจอต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจจะคิดและคาดเดาได้ คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้...
Lyrics: Can’t fight the moon light by Leann Rimes