เด็กผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก by「aonair ( จบแล้ว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก by「aonair ( จบแล้ว)  (อ่าน 132231 ครั้ง)

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ VICcy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอดูตัวละครปริศนาตอนหน้า

เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ

ออฟไลน์ rinia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
นี่คือการพบกันครั้งสินะ
ถึงได้ก่อเกิดเป็นสมัพันธ์ขึ้นมา

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
หายไปนาน

เขารักกันแล้ววว :mew1:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
เบื้องหลังของคู่นี้ก็น่ารักจ้า

ออฟไลน์ Crown

  • "รัก" ก็คือ "รัก"
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คู่นี้น่ารักจริงๆ

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 20

 

ในที่สุดก็ถึงวันสุดท้ายของการนอนปลักอยู่บนเตียงสีขาว ศิลป์รีบออกตัวชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ตามความรับผิดชอบ ก่อนทั้งคู่จะออกมายืนรอรถที่ด้านหน้าโรงพยาบาล ทรงผมปิดหน้าผิดตาของนิวที่เคยโดนศิลป์เอ็ดใส่ ตอนนี้เขากลับรู้สึกชอบใจขึ้นมา อย่างนี้แหละดีแล้ว...ไอ้ใบหน้าแบบนั้น ให้เขาเห็นคนเดียวก็พอ

“ไม่เป็นไรแล้วจริงๆนะ?” หันไปถามคนตัวเล็กข้างๆ ย้ำแล้วย้ำอีกด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไรแล้วครับ”

“อืม ต่อไปก็ทักฉันด้วยล่ะ ถือว่าเรารู้จักกันแล้วนะ”

“ครับ ถ้าเจอจะทักนะ” ศิลป์เลิกคิ้วสูงกับคำตอบของอีกฝ่าย คำถามชวนสงสัยถูกส่งออกไปแทบจะทันที

“เปิดเทอมจะไม่เจอกันรึไง?”

“เอ่อ...” นิวก้มหน้ามองพื้น สายตาครุ่นคิดหลบลงอย่างหวาดๆ มีบางสิ่งที่ยังไม่ได้บอกให้ศิลป์รู้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันสำคัญพอให้พูดออกไปรึเปล่า ในเมื่อทั้งคู่ก็แค่บังเอิญมารู้จักกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

“มีอะไร?” ศิลป์ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกก้าว ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งน้อยๆ ในที่สุดก็ยอมสูดหายใจเข้าเต็มปอด และเงยหน้าขึ้นสบตากัน

“ผมคงไม่ต่อม.ปลายที่วิไลวิทย์ อาทิตย์หน้าจะเดินทางไปออสเตรเลียแล้วครับ”

“ว่าไงนะ?” ความโกรธเคืองก้อนโตถูกจับได้ภายในน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อครู่ คิ้วสองข้างของศิลป์ค่อยๆขมวดมุ่นเข้าหากัน ดวงตาสีนิลไหวระริก

“ผมจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เราอาจจะไม่ได้พบก..”

“ทำไมเพิ่งบอก!”

“อึ่ก..”

คนโตกว่าตรงเข้าคว้าแขนสองข้างของนิวไว้แน่น เขาทำได้แค่เบือนหน้าหนีสายตาไม่เข้าใจซึ่งถูกส่งมาให้ ทุกคำพูดของศิลป์ตอนนี้ ปะปนไปด้วยความโกรธและเสียใจในคราวเดียวกัน แอบคิดไว้แล้วว่ามันอาจจะลงเอยแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจริงๆ ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับบีบรัดคนทั้งสองให้พันผูกกันมากมายถึงขนาดนี้

“พี่ศิลป์.. ผมเจ็บ...”

คนตัวสูงขมวดคิ้วเข้าหากันยิ่งกว่าเก่า พยายามสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะเพื่อเรียกสติ ค่อยๆคลายแรงที่มือ ก่อนจะผละตัวห่างออกมา พอดีกับที่รถแวนคันหรูขับเข้าจอดลงตรงหน้าประตูโรงพยาบาล สักพักก็มีผู้ชายในชุดสูทเปิดประตูออกมารอต้อนรับคนเพิ่งหายเจ็บ

“คุณหนู เชิญครับ”

หนึ่งในลูกน้องของบ้านนิวก้มตัวลงทำความเคารพทั้งสอง ก่อนผายมือไปทางประตูรถซึ่งเปิดกว้างอยู่ ดูเหมือนทั้งคู่ไม่คิดจะสนใจอะไรอย่างอื่น นอกจากใบหน้าเจ็บปวดของกันและกัน ศิลป์กัดฟันกรอด ส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างสมเพชตัวเอง

“ใช่สินะ ฉันมันก็แค่ตัวปัญหาที่ทำให้นายต้องเข้าโรงพยาบาล เอาเป็นว่าฉันรับผิดชอบทุกอย่างหมดแล้ว เรื่องของเราก็เป็นอันจบ”

“พี่ศิลป์...”

“ก็ขอให้นายโชคดีแล้วกัน”

“พี่ศิลป์!” ร่างทั้งร่างมันชาจนขาแทบขยับไม่ออก ทุกคำพูดของศิลป์เมื่อครู่ราวกับมีดกรีดแทงหัวใจ แค่เสียงที่ตะโกนออกไปก็ดังไม่พอให้อีกฝ่ายหันกลับมา บ้าชะมัดเลย เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้สักหน่อย!

การออกจากวิไลวิทย์มันคงไม่ยากขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีๆกับใครบางคนที่นั่น...

 

“คุณศิลป์ นี่ครับ”

“อ่า ขอบใจ”

ศิลป์รับเอกสารในมือของลูกน้องบ้านตัวเองมา ก่อนจะไล่สายตาไปตามตัวอักษรบนนั้น ข้อมูลเที่ยวบินมุ่งหน้าสู้แดนจิงโจ้ของลูกชายตระกูลศุทธิสงคราม ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเขาบ้าหรือบ้ากันแน่ ทำตัวเป็นพวกโรคจิต เพราะแค่ตัดใจจากเด็กคนคนนึงไม่ได้นี่มันก็บ้าพอตัวอยู่นะ ถึงอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถ้าบอกว่าไม่ให้ไป แล้วจะทำให้หมอนั่นไม่ไปหรือเปล่า

แล้วจะพูดในฐานะอะไร ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

“เฮ้อออ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางปล่อยกระดาษในมือให้หล่นไปตามแรงลม ก่อนจะเหยียดกายลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ ในหัวคิดถึงแต่วันมะรืน วันที่นิวจะจากเขาไป

เวลาก็ช่างเป็นใจให้ผ่านไปไวเหลือเกิน แป๊บๆก็ถึงวันที่เครื่องจะออก ลูกน้องสองสามคนถูกสั่งให้เฝ้าจับตามองรั้วบ้านศุทธิสงครามไว้ตั้งแต่เช้ามืด มีการรายงานเข้ามาตลอด ตั้งแต่แม่บ้านเดินออกมาทิ้งขยะ คนรับใช้พาสุนัขออกไปเดินเล่น จนถึงตอนที่ลูกชายคนเดียวเดินออกมาขึ้นรถเตรียมไปสนามบิน ทั้งที่รู้ทุกย่างก้าวของอีกฝ่าย แต่ศิลป์ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือไปจากการนอนแผ่อยู่บนโซฟาตัวยาว สายตาจมเข้าไปยังหน้าจอทีวีเอลซีดีขนาดใหญ่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารายการที่ฉายอยู่คืออะไร ในเมื่อหัวสมองเอาแต่คิดถึงอะไรอย่างอื่นตลอดเวลา

“คุณศิลป์!” หนึ่งในลูกน้องที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของนิวรีบแจ้นเข้ามาในห้องรับแขก แบบลืมเกรงใจเจ้านายตัวเอง ก่อนพูดรัวเร็วจนคนฟังต้องขมวดคิ้วมุ่น

“พอแม่บ้านเห็นพวกเรา ก็เอานี่มาให้ บอกว่าจากคุณนิวครับ”

“ห๊ะ!” รีบเด้งตัวขึ้นนั่ง มือขวาคว้าเอากระดาษแผ่นหนึ่งมาไว้กับตัว หลังจากลูกน้องก้มหัวออกไปจากห้อง ก็ค่อยๆคลี่มันออกด้วยใจที่เต้นรัว ตัวอักษรภาษาไทยลายมือสวยยิ่งกว่าผู้หญิงปรากฏขึ้นตรงหน้า

ถึง พี่ศิลป์

                        ผมไม่คิดว่าการโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนเป็นเรื่องโชคร้าย ผมกลับดีใจเสียอีกที่มันทำให้เราได้มารู้จักกัน ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็มีความสุขมาก ผมอยากขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องเรียนต่อ แต่นั่นก็เพราะว่าผมไม่อยากให้มันมาทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างเรา เพราะผมรู้สึกดีมากเวลาอยู่กับพี่ ถึงได้อยากเก็บเกี่ยวทุกวินาทีนั้นไว้ ยังไงก็ขอบคุณที่ทำให้ผมจบจากวิไลวิทย์ไปด้วยรอยยิ้มนะครับ

                                                                                                                                                              จาก นิว

ไม่ตลกแล้วนะ...!!

คนตัวใหญ่กำกระดาษในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาชัดเจน ขายาวสาวเร็วๆไปยังลาดจอดรถหน้าบ้าน ก่อนจะขับออกไปไวยิ่งกว่าในสนามแข่ง การนั่งถอนหายใจมันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ การออกไปทวงเศษเสี้ยวของหัวใจตัวเองคืนมา!

เด็กม.ปลายเหยียบคันเร่งแบบสุดเท้า ไม่กลัวว่าจะถูกตำรวจเรียกไปตรวจใบขับขี่ที่ยังไม่มีแต่อย่างใด สักพักหนึ่ง ก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิอันกว้างขวางสุดลูกตา ตามเวลาเที่ยวบินของนิว ตอนนี้เขาน่าจะใกล้เข้าเกทเต็มทีแล้ว

ศิลป์วิ่งแบบไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ตรงไปยังโซนของสายการบินชื่อดัง มีคนชาติต่างๆกำลังยืนออ ทั้งต่อแถวละลานตาไปหมด สายตาคมกวาดไปรอบบริเวณ จนมาหยุดอยู่ที่แผ่นหลังบางของเด็กผู้ชายตัวไม่สูงมาก ผมสีดำยุ่งเหยิงยาวระต้นคอ ไม่มีการจัดทรงใดๆทั้งสิ้น ทันทีที่เห็นแบบนั้น ก็รีบรุดเข้าไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน มือหนาตรงเข้าคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แน่นก่อนจะกระชากให้หันหน้ากลับมาหากัน

“นิว!”

“...”

“เอ่..อะ...”

คนตัวสูงอึกอักมองหน้าที่ไม่คุ้นเคย ค่อยๆคลายแรงบีบที่มือออก ก่อนจะโค้งหัวให้สองสามที ไม่ใช่นิว...บ้าชิบ! มีรปภ.สองคนกำลังสาวเท้ามาทางเขา ขณะกำลังสับสนว่าควรจะทำยังไงต่อ ระหว่างวิ่งหนีไปตามหานิว หรือหันมาเคลียร์กับคุณพี่ร่างบึกในชุดเครื่องแบบ เสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง เสียงที่กำลังอยากได้ยิน...

“พี่ศิลป์!”

รีบหันกลับไปมองต้นเสียงด้วยท่าทางดีใจซะออกนอกหน้า เด็กผู้ชายตัวบางในชุดไปรเวทแขนยาวกำลังส่งสัญญาณมือบอกรปภ.ที่กำลังตรงมาให้หยุด กลุ่มผมที่เคยปรกลงมาปกปิดใบหน้า บัดนี้กลับถูกเสยขึ้นไปด้านบน รั้งไว้ด้วยกิ๊บดำสองสามตัว ทำให้มองเห็นใบหน้าสว่างชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน นี่คงไม่ได้จงใจจะยั่วกันหรอกใช่ไหม

“อย่าไปนะ!” คำพูดเรียบง่ายแต่ทว่าจริงจังหลุดออกไปจากปาก ศิลป์ก้าวเข้าประชิดร่างเล็กก่อนจะคว้าเอามือข้างหนึ่งมากุมไว้แน่น

“ครับ?”

“อย่าไปเรียนต่อที่อื่นเลย”

“อะ..อะไรกันครับ?” แม้ปากจะตั้งคำถามออกไปแบบนั้น แต่ในใจกลับพองโตขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ความจริงเขาดีใจแทบบ้าตั้งแต่เห็นหน้าศิลป์ที่สนามบินนี่แล้ว

“เพราะฉันไม่อยากให้นายไป”

คำตอบที่ฟังดูง่ายเหลือเกินทำเอาคนตัวเล็กถึงกับต้องถอนหายใจออกมา คนแบบไหนกันที่ตามเด็กคนหนึ่งมาถึงสนามบินเพื่อพูดแค่นี้ และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทิ้งอนาคตของตัวเอง เพียงเพราะคำว่า ‘ไม่อยากให้นายไป’ ซะด้วยสิ

“ผมติดต่อกับโรงเรียนที่ออสฯแล้ว เครื่องก็จะออกในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว นี่พี่ศิลป์คิดว่...”

“ฉันชอบนาย!”

“...หะ?.......” ทั้งที่มีผู้คนรายล้อมรอบกายเต็มไปหมด แต่วินาทีนี้กลับรู้สึกถึงได้เพียงแค่กันและกันเท่านั้น แก้มสองข้างเริ่มร้อนผะผ่าวขึ้นมาทั้งคู่อย่างปิดไม่มิด

พูดออกไปแล้ว...

พูดออกมาแล้ว...

รอยยิ้มกว้างค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าเนียน รอยแต้มสีชมพูระเรื่อบนผิวขาวๆนั่นยิ่งทำเอาใจของศิลป์สั่นไหว นิวกำหนังสือเดินทางในมือตัวเองไว้แน่น ก่อนสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด ยังคงจริงที่ว่าเขาจะไม่ทิ้งอนาคตตัวเองเพราะคำตอบง่ายๆแบบนั้น แต่กับคำว่า ‘ชอบ’ ซึ่งได้แต่รอฟังมาตลอดหลายวัน มันเป็นคนละเรื่องกัน...

สัญญากับตัวเองไว้แล้ว... ถ้าแค่ได้ยินคำนั้นสักครั้ง ก็จะยอมทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนี้เลย...

“ผมก็ชอบพี่ครับ” ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีถูกดูดกลืนหายไปชั่วขณะ คนตัวเล็กแย้มยิ้มชื่นใจ ก่อนกระโดดเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างลืมอาย ศิลป์ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน แขนแกร่งโอบรัดร่างบางเข้าหาตัวแนบแน่นยิ่งขึ้น ไม่สนใจว่าจะมีใครกำลังมองพวกเขาอยู่บ้าง

สัญญาแล้วว่า...จะขอวางอนาคตตัวเองไว้บนฝ่ามือของคนตรงหน้า

ราวกับตัวต่อชิ้นสุดท้ายที่หายไป...เมื่อพบพานเมื่อใด ก็คงทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ขึ้นทันที... ณ วินาทีนี้ คิดว่าทั้งศิลป์และนิว คงได้พบกับชิ้นส่วนที่แหว่งหายเข้าแล้ว หวังเพียงแค่ว่ามันจะไม่หลุดลอยออกไปจากกันอีกก็เท่านั้น

หลังจากนี้ คงมีแต่ต้องหาคำแก้ตัวชิ้นโตไปอธิบายให้ครอบครัวของคนตัวเล็กเข้าใจ สำหรับการทิ้งตั๋วสู่แดนจิงโจ้ แลกกับชีวิตใหม่ภายในรั้ววิไลวิทย์ สถานที่ที่เขาเกือบจะทิ้งมันไปแล้ว...

 

“ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอมฉันก็พานิวเข้ากลุ่มกีรติ ตั้งใจจะประกาศกับทุกคน...”

“แต่พี่เฟย์ดันโผล่ออกมาในวันแรกของการเรียน ชิงประกาศกับทุกคนก่อนหน้าเราซะได้” เสียงนิวดังขึ้นต่อประโยคของศิลป์ คำพูดส่อแววน้อยใจระคนเสียดแทง เล่นเอาคนฟังถึงกับหน้าเจื่อน

“แล้วทำไมถึงไม่บอกทุกคนไปเลย ว่าทั้งสองคนรักกัน?” นี่คือคำถามแรกจากพะภู หลังได้ฟังนิยายรักที่มีศิลป์กับนิวเป็นพระนายของเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบครบถ้วน

“จริงๆพวกเราก็อยากบอกนะ แต่กลัวว่าถ้าบอกไปแล้ว เรื่องนี้จะหลุดไปถึงหูเฟย์เข้า ยัยนั่นร้ายจะตาย เผลอๆจะมารังแกนิวเอาน่ะสิ” ศิลป์เป็นฝ่ายตอบ ตามมาด้วยนิวที่รีบแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “พี่ศิลป์เองก็เหมือนกัน ฉันกลัวว่าถ้าพี่เฟย์รู้เรื่องนี้แล้วจะทำให้พี่ศิลป์เดือดร้อน เพราะงั้นถึงยังไม่กล้าบอกใครเลย”

“งี้นี่เอง...แต่ผมก็เห็นพี่ศิลป์หลุดบ่อยๆนะครับ ยังตงิดอยู่เลย” พะภูหันไปบอกศิลป์ทีเล่นทีจริง ทำเอาคนถูกพูดถึงต้องรีบสวนกลับทันควัน

“แน่สิ! ฉันไม่ได้มีความอดทนสูงนักหรอกนะ แต่เพื่อความปลอดภัยของนิว...ฉันก็พยายามที่สุดแล้วนั่นแหละ”

“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ?”

“ยัยเฟย์ไม่ใช่คนที่จะยอมง่ายๆ เพราะงั้นเลยต้องพยายามโน้มน้าวให้พ่อกับแม่ฉันเป็นฝ่ายยกเลิกไอ้สัญญาหมั้นบ้าๆนี่ซะ”

“แต่พี่ก็ยังทำไม่ได้” เสียงกึ่งโมโหกึ่งน้อยใจดังขึ้นจากปากของนิว ทำเอาศิลป์ถึงกับหน้าเสีย แต่ก็รีบว่าต่อ

“ญาติฉันก็กำลังช่วยกันพูดอยู่ เดี๋ยวมันก็สำเร็จเองแหละ พอถอนหมั้นได้แล้ว ฉันมั่นใจว่าเฟย์จะไม่กล้าหืออะไรอีก”

“ผมก็ขอให้มันเกิดขึ้นไวๆ เราจะได้รักกันอย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องกังวลอะไร..”

“ฉันก็แทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว” ศิลป์เอื้อมมือเข้าไปลูบแก้มนิวอย่างทะนุถนอม ก่อนจะฝากรอยจูบบางเบาเอาไว้บนปลายจมูกของคนตัวเล็ก โดยไม่ได้นึกสนใจพะภูซึ่งกำลังหน้าขึ้นสีกับภาพที่เห็นเลยแม้แต่น้อย

“ถ้ายังไงก็ขอให้เก็บเป็นความลับด้วย แม้แต่ติกับเกต์ก็บอกไม่ได้นะ เพราะดูแล้ว..ถ้าพวกมันรู้เข้า คงยิ่งทำให้วุ่นวายไปใหญ่ เรื่องนี้ฉันต้องจัดการเอง...” เจ้าของผมชี้สั้นสีดำสนิท หันมาบอกพะภูเป็นเชิงขอร้อง ตามมาด้วยสายตาอ้อนวอนจากนิว ทำให้เขาต้องรีบพยักหน้าถี่รัวเพื่อให้ทั้งคู่วางใจ

“ได้ครับ ผมเอาใจช่วยทั้งคู่นะ แต่ตอนนี้รีบกลับกันก่อนเถอะ”

“อืม ขอบใจนะ”

สามหนุ่มเดินกลับไปรวมกลุ่มที่ริมหาดเหมือนเดิม ต้องช่วยกันแก้ตัวอยู่สักพักกว่าคนอื่นๆจะยอมเลิกซักไซ้อะไรต่อมิอะไร เมื่อพวกเกต์ว่ายน้ำจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาอาหารค่ำสุดพิเศษ ติกับพะภูเป็นเพียงสองคนที่แยกตัวออกไปนั่งกินข้าวกันตามลำพัง ภายใต้การดูแลชั้นหนึ่งจากทางโรงแรม

“สั่งมาขนาดนี้ กินหมดหรอครับ?” คนตัวเล็กถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิหน่อยๆ สายตากวาดไปทั่วโต๊ะขนาดยาว ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด บนจานชามหม้อและถ้วยขนาดต่างๆ

“ก็ฉันไม่รู้ว่านายชอบอะไรหนิ”

“หืม...วันหลังไม่ต้องสั่งเยอะแล้วนะ อะไรที่พี่จัดมาให้ ผมก็ชอบหมดแหละครับ”

พะภูเอ่ยปากบอก ก่อนจะพยายามฆ่าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกว้างบนหน้า ติชะงักไปครู่หนึ่งก็ต้องรีบทำทีก้มหน้าก้มตามองเม็ดขาวบนจานตัวเองแก้เขิน ท่าทางดีใจแบบเก็บไม่อยู่ของคุณชายอันธพาล ดูน่ารักจนคนแกล้งอดส่งเสียงหัวเราะไม่ได้ ก่อนที่คำถามต่อมาจะถูกยิงออกไปเพื่อกลบความเงียบที่กำลังจะเกิดขึ้น

“แล้วพี่ติชอบอะไรครับ?”

“อืม...”

ติกระแอมไอเล็กน้อยเพื่อไล่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนรักตนออกไปจากหัวชั่วครู่ สายตากะลิ้มกะเหลี่ยเงยขึ้นจ้องพะภูนิ่ง แขนใหญ่ทั้งสองข้างวางบนกับขอบโต๊ะพลางยืดตัวขึ้นสูง กลับกลายเป็นว่าคนเด็กกว่าเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาซะเฉยๆ ก่อนจะทันได้หลบหน้า สุ้มเสียงจากปากของคนตรงข้ามก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ก็ชอบนายไง”

หลังจากได้ยินคำตอบที่ดูจงใจเอาคืนกันเห็นๆ ใบหน้าของพะภูก็เริ่มขึ้นสีระเรื่อแทบจะทันที รู้สึกว่าไม่ควรจะดีใจจนทำให้อีกฝ่ายหลงระเริง แต่ความรู้สึกมากมายกลับดันขึ้นมาจุกอยู่ที่อกจนแทบจะเก็บไว้ไม่ไหว ริมฝีปากเม้มสนิทเพราะไม่ต้องการให้เห็นว่ามันกำลังจะฉีกออกกว้างอย่างน่าอาย

ถ้านี่เป็นเกมที่ใครเขินกว่าต้องแพ้ ก็ขอบอกเลยว่ากีรติเป็นผู้ชนะ!

“ผ..ผม ไปเข้าห้องน้ำ..แปบนึงนะครับ”

คนถูกแกล้งกลับรีบขอตัวออกไปให้พ้นบริเวณด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ ต้องพยายามอย่างมากในการควบคุมเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุด ใบหน้าร้อนผ่าวหันหนีไปอีกทาง เมื่อคนบนเก้าอี้เอาแต่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีชัยมาให้

บ้าไหมล่ะ! นี่เขาชักจะไหลไปตามเกมของกีรติง่ายเกินไปแล้ว ไม่ว่าเมื่อไรที่ดูเหมือนตัวเองอยู่เหนือกว่า ก็ต้องถูกฉุดลงมาด้วยมือคู่นั้น สายตาคู่นั้น และคำพูดแบบนั้นทุกทีเลย สุดท้ายแล้วคนที่กำลังติดกับดักมันคือใครกันแน่...

ตุ้บ

“อ้ะ!..ขะ ขอโทษครับ!”

เพราะเอาแต่สาวเท้าไวๆโดยไม่สนใจทางข้างหน้า เลยเดินชนคุณยายท่าทางมีระดับคนหนึ่งเข้า กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อดังหล่นไปนอนแหมะอยู่บนพื้น ก่อนที่เขาจะรีบก้มลงหยิบยื่นคืนให้ หัวเย็นๆก้มลงขอโทษไม่รู้กี่ครั้ง

หมับ!

แทนที่จะเป็นเสียงก่นด่าหรือคำว่าไม่เป็นไร กลับกลายเป็นมือบางอันเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตามประสาวัยชรา ที่ตรงเข้าเกาะกุมแขนของเขาเอาไว้จนแน่น ความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างเคลื่อนตัวอยู่ภายในแววตาเหนื่อยล้าตรงหน้านี้ พร้อมกับน้ำเสียงแหบพร่าซึ่งดังออกมาค่อนข้างยากเย็น แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่เขาไม่อาจเข้าใจ

“รวิชญ์!”

------------------------------------------

เป็นตอนที่ยาวสุดละ 555
มันคือการรวบเรื่องราวความรักทั้งหมดของ ศิลป์-นิว เอาไว้ใน 2 บท ;;;

ตัวละครปริศนา คือ ใคร กัน !
แล้ว รวิชญ์ คือใคร !! โปรดติดตาม.... 55

ขอบคุณทุกๆคน ทุกๆคอมเม้นมากๆเลยนะ
เราเป็นคนที่ท้อง่ายมาก แต่พอเห็นคอมเม้นจากนักอ่านแล้ว
มันก็มีกำลังใจขึ้นมา T^T คือแบบ พูดอีกกี่ครั้งก็ไม่พอ 55
แต่ก็ยังอยากพูดว่าขอบคุณจริงๆ <3
ถ้ายังไงก็ขอฝากให้ติดตามกันไปเรื่อยๆด้วยนะค้า ~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pannixz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
เดียวๆ ทำไมตัดจบแบบนี้
มันค้างมากมายเลย  :katai1:

ถ้าตอนหน้ามาไวๆ จะพอให้อภัยนะคะ  o18

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ค้าง มาก อ่า ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ Crown

  • "รัก" ก็คือ "รัก"
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
รวิชญ์ คือ พะภู ที่พลัดจากครอบครัว

มั้งน่ะ 5555555555

รอค๊าาาาาาาาาา

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 21

 

“??” สายตาคำถามถูกส่งออกไปทันที ทำให้หญิงชราค่อยๆคลายแรงบีบที่มือออกอย่างไม่มั่นใจ ดวงตาเรียวเล็กหรี่ลงพิจารณาโครงหน้าของพะภูอย่างถี่ถ้วน ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ขอโทษที” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินสวนออกไปอีกทาง ท่าทางจะจำคนผิดเท่านั้น

พะภูเลิกคิดไร้สาระ รีบพาตัวเองไปล้างหน้าล้างตาเพื่อคลายอารมณ์เขิน ก่อนจะเดินกลับไปจัดการอาหารมากมายบนโต๊ะ การพูดคุยระหว่างเขากับติเป็นไปอย่างปกติ โดนหยอกบ้างหยอดบ้างสลับกันไป ในที่สุดก็ถึงเวลากลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆบริเวณล็อบบี้

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบโถงโรงแรม ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นกัสกับศิลป์กำลังยืนคุยกับผู้ชายวัยกลางคน ท่าทางตึงเครียดอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ มีพนักงานโรงแรมคนสวยยืนตีสีหน้าลำบากใจอยู่ใกล้ๆ

“มีอะไรวะ?” ติถามคนอื่นๆที่กำลังยืนรอหน้านิ่ว เกต์เป็นฝ่ายรี่เข้ามาใกล้พลางกระซิบเสียงเกร็ง

“คุณหญิงเดือนฉายมาที่นี่ แต่มีปัญหาเรื่องห้องพักนิดหน่อย”

“ทำไมอะ มีอะไรให้ช่วยไหม?”

พะภูเหลือบสายตามองคนตัวสูงข้างๆ น่าประหลาดที่คุณชายอันธพาลอย่างกีรติ มีท่าทางกระตือรือร้นกับการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้คนอื่นมากขนาดนี้ ท่าทางว่าคุณหญิงเดือนฉายที่พูดถึงจะไม่ธรรมดาซะแล้ว แต่แค่ได้ยินคำนำหน้าชั้นสูงก็พอจะเดาได้ว่า คงยิ่งใหญ่พอตัว และมากพอให้เหล่าทายาทเศรษฐีทั้งหมดตรงนี้หงอได้เลยทีเดียวล่ะ

“เพราะอยู่ดีๆท่านก็บอกว่า อยากมาพักที่นี่ขึ้นมา เลยวุ่นวายกันใหญ่ เพราะห้องมันเต็มหมดแล้ว”

“เป็นเวรกรรมของพวกเรา ที่ดันเดินมาเจอคุณสุทธิชัย เลขาคุณหญิงเข้าพอดี ก็เลยจับพลัดจับผลูมาช่วยเจรจากับทางโรงแรมอยู่นี่แหละ”

ผาเข้ามาเสริมทัพ หน้าตาบูดบึ้งผิดกับปกติ เชื่อเลยว่าไอ้หนุ่มพวกนี้คงไม่สบอารมณ์เท่าไร กับการต้องคอยช่วยเหลือรับใช้พวกผู้ใหญ่ที่มักเอาแต่สวมหน้ากากออกจากบ้าน ถึงแม้ว่าพะภูจะไม่ได้รู้จักมักจี่กับคุณหญิงอะไรนี่เลย แต่ดูท่าทางของคนอื่นแล้ว ก็คงเป็นพวกคุณป้าเจ้าปัญหาอะไรอย่างนี้ล่ะมั้ง

“อย่าพูดไป ถ้าไม่ใช่เขา บริษัทของพ่อมึงกับครอบครัวกูจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ไหม” ติเขกกบาลผาไปที เป็นอีกหนึ่งในไม่กี่ครั้ง ที่เริ่มเห็นว่าเขาเองก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้ แต่จากคำพูดเมื่อครู่ก็ทำให้เข้าใจแล้ว ว่าอิทธิพลของคุณหญิงเดือนฉายมันกว้างขวางขนาดไหน

“ครับๆ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อห้องมันเต็มหมดแล้ว จะให้เราช่วยไล่แขกคนอื่นหรือไง”

“หรือไม่ก็เป็นพวกเราเอง ที่ต้องระเห็จออกไปนอนที่อื่น” เกมขยับเข้ามากระซิบเสียงเบื่อ แต่ดูท่าว่าคนใหญ่สุดในกลุ่มจะเห็นดีเห็นงามไปด้วย ไม่รู้จริงๆว่า บุญคุณของคนชื่อเดือนฉายมันค้ำอะไรเขาอยู่หรือไง

“ความจริง ผมมีญาติอยู่ในตัวเมืองตราด เราไปพักบ้านเขาก็ได้นะครับ”

พะภูที่ทนฟังและเงียบมานานเอ่ยปาก คนอื่นๆนอกจากติมีท่าทีคัดค้านอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้หัวหน้ากลุ่มตัวเองต้องเป็นฝ่ายเสียสละ แต่คำว่า ญาติของพะภู ก็ทำเอาไม่มีใครกล้าเสนอตัวเช่นกัน ติลูบคางตัวเองไปมาพลางตั้งท่าครุ่นคิด สายตาทอดไปยังผู้ชายท่าทางร้อนใจตรงเคาน์เตอร์ เพียงครู่เดียวก็เปิดปากออกอีกครั้ง

“อย่างงั้นก็ได้ แต่นายจะไม่เป็นไรนะ?”

ติสรุป แต่ก็ไม่วายก้มลงมาถามเด็กข้างๆ ถึงจะเกรงใจญาติของพะภูอยู่หน่อย แล้วยังเสียดายที่เขาทั้งคู่จะไม่ได้พักผ่อนอย่างสะดวกสบายที่นี่ แต่การปล่อยให้คุณหญิงเดือนฉายต้องเดือดร้อนทั้งที่ตัวเองมีส่วนรับรู้ คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร โดยเฉพาะถ้ามันหลุดไปถึงหูของพ่อกับแม่เขาน่ะนะ

“ไม่หรอกครับ แค่ได้มาเที่ยวผมก็มีความสุขแล้ว” รอยยิ้มพิมพ์ใจระบายอยู่บนใบหน้าเรียว ทำเอาคนมองถึงกับใจสั่น ขนาดผู้ชายคนอื่นตรงนั้นก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้

ติยิ้มรับ แขนแกร่งวาดเข้าโอบรอบเอวบางพลางรั้งตัวพะภูเข้าไปใกล้ มืออีกข้างเอื้อมลงเชยคางมนให้หันมาสบตาตน ก่อนค่อยๆจรดริมฝีปากอมส้มลงแนบกับหน้าผากของคนตัวเล็กอย่างไม่เกรงใจสายตาใคร เสียงกระซิบผะแผ่วดังขึ้นเรียกความร้อนในตัวพะภูให้พุ่งสูง

“ไว้ฉันจะทำให้นายมีความสุขมากกว่านี้อีก”

พูดขนาดนี้ไม่จับเขากดเสียเลยล่ะ! โว้ย ล้อเล่นนะ คนอย่างพะภูไม่ได้ได้ง่ายๆแน่ แต่เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นถึง กีรติ อัครโภคิน คนนี้น่ะสิ ถึงได้น่ากลัว... ไม่รู้ว่าร่างกายของเขาจะยังเป็นของเขาต่อไปได้สักเท่าไรกัน ฮืออ! บ้าจริงๆพะภู ถ้าบอกว่ารู้สึกผิดที่เลือกเป้าหมายเป็นติตอนนี้จะทันไหม แบบนี้เหมือนเข้ามาเดินเล่นในถ้ำเสือชัดๆเลย!

หลังจากที่เคลียร์เรื่องห้องได้แล้ว คุณสุทธิชัยอะไรนั่นก็ก้มหัวขอบคุณเป็นการใหญ่ ไม่รอพบหน้าคุณหญิงเดือนฉาย พะภูกับติก็ล่ำลาสมาชิกกลุ่มคนอื่น ก่อนจะย้ายไปขึ้นเรือเร็วของทางโรงแรม มุ่งกลับไปยังท่าเรือแหลมศอก ต่อรถโดยสารมาอีกไม่เท่าไร ก็เข้าสู่ตัวเมือง

บ้านปูนขนาดพอดีจำนวนคน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดในเมืองตราด ถูกตกแต่งด้วยสีสันและเครื่องประดับที่ให้อารมณ์อย่างชายทะเล ทันทีที่กดกริ่ง เด็กผู้หญิงตัวเล็กพอๆกับพะภูก็โผล่หน้าออกมา ดวงตากลมโตลุกวาวด้วยความตื่นเต้นดีใจ เสียงเจื้อยแจ้วรีบตะโกนเรียกหาผู้เป็นพ่อ ก่อนที่คุณลุงร่างอวบในชุดชาวเลจะเดินออกมาตามเสียงใส

“พะภู!”

“ลุงยศ สวัสดีครับ”

“ไปยังไงมายังไงเนี่ย เข้ามาๆ” ท่าทางดีใจไม่แพ้กันของทั้งสามคนตรงหน้า ทำเอาคนนอกอย่างติเผลอยิ้มตามไปด้วย ลุงยศที่ว่ากวักมือเรียกทั้งสองคนเข้าไปด้านในบ้าน ดูแล้วเป็นมิตรมากทีเดียว

“แล้วยัยพะพายล่ะ?”

“พี่พายไปออกค่ายของโรงเรียนครับ ผมมากับ...เอ่อ เพื่อน...ชื่อติ”

ลังเลอยู่แวบหนึ่งถึงตอบลุงยศไปแบบไม่เต็มเสียงนัก แน่นอนว่าลุงยศเป็นลุงของพะพาย ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเขาเลย ถึงอย่างนั้นก็สำคัญกับชีวิตเขามาก เพราะเป็นอีกคนที่ช่วยเขาไว้ในคืนแห่งนรกนั่น...

คิดแล้วก็น่าเสียดายที่พะพายไม่ได้มาด้วย พี่สาวคนดีคงคิดถึงลุงยศกับยัยฟางมากเช่นกัน ถ้ารู้ว่าเขาได้มาเยี่ยม ดีไม่ดีจะงอนเข้าให้ แต่ก็ช่วยไม่ได้แฮะ ที่มาเนี่ยก็ใช่ว่าไม่อยากชวน แต่เห็นว่าพะพายติดธุระของคณะกรรมการนักเรียนอยู่แล้วหรอก อีกอย่าง...ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ พะพายยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเขากับเด็กวิไลวิทย์เลย สิ่งที่เธอรู้ก็มีแค่ว่า น้องชายสุดหวงกำลังพาตัวเองไปยุ่งวุ่นวายกับพวกนักเลงโรงเรียนใกล้เคียง และมีเรื่องเดือดร้อนกลับมาทุกที

ส่วนไอ้เรื่องเช่นว่า น้องชายที่รักคนนี้กำลังคบหาดูใจกับคุณชายอันธพาลหัวรั้นน่ะ ยังไม่กล้าบอกจริงๆอะ...

“แล้วยังไงกัน ถึงมาเวลานี้?”

“เรามีปัญหาเรื่องที่พักนิดหน่อย ผมเลยเสนอให้มาที่นี่ หวังว่าคงไม่รบกวนลุงยศกับฟางนะครับ”

“รบกงรบกวนอะไรล่ะ ตามสบายเลย”

“แต่ว่ามากันสองคน...ห้องว่างมีแต่เตียงเดี่ยวเองนะ” ฟางว่าท่าทางกังวลแทน พะภูกับติหันมองหน้ากันคนละอารมณ์ ฝ่ายหนึ่งลำบากใจขึ้นมา แต่อีกคนกลับกระตุกยิ้มมีเลศนัยบางอย่าง

“ไม่เป็นไรครับ พวกเรานอนด้วยกันได้”

ติแย้มยิ้มตอบออกไป ก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนาพื้นๆกับลุงยศ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคนข้างๆเอ็ดตะโรใส่ พะภูที่ไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไรมากนัก ได้แต่เดินตามฟางไปยังห้องชั้นล่างด้านในสุดของตัวบ้าน ดูเหมือนไม่มีคนเข้ามาใช้สักพักแล้ว ถึงอย่างนั้น ข้าวของเครื่องนอนภายในกลับดูสะอาดดี แต่ไอ้ที่ควรจะช็อคก็คือเตียงเดี่ยวของฟางเนี่ยแหละ นี่มันไม่เดี่ยวธรรมดานะ ยังแคบเสียจนแค่คนเดียวก็แทบพลิกตัวไม่ไหว!

“โห...”

“เดี๋ยวฟางไปหาผ้านวมมาปูให้ไหม?” เด็กหญิงข้างๆ ถามขึ้นทันทีที่เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพะภู ไม่ทันที่เขาจะพยักหน้าขอร้อง ร่างสูงโปรงของใครอีกคนก็ตรงเข้าแทรกกลาง พลางออกปากเสียงเด็ดขาด

“ไม่ต้องหรอก พวกเรานอนด้วยกันได้จริงๆ อย่าทำตัวรบกวนมากนักสิ”

ติยิ้ม ก้มตัวลงมากระซิบใส่หูพะภูในท้ายประโยค ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเถียงอะไรออกไป เพราะมันจริงที่ว่าไม่อยากทำตัวรบกวนไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าเขากับครอบครัวพะพายจะสนิทกันดี แต่ก็ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ต้องเรียกว่าเจ้าชีวิตผู้มีบุญคุณท่วมหัวเสียมากกว่า

“อะ..อือ ไม่เป็นไรหรอกฟาง ขอบใจนะ”

“งั้นเดี๋ยวหนูเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะ”

“จ่ะ”

ฟางก้มหัวออกไปจากห้องแคบๆ ขณะที่ลุงยศกำลังลากกระเป๋าเดินทางของเขาทั้งคู่เข้ามาวางไว้ให้ ก่อนจะขอตัวกลับขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้อง ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดใจดีว่า ไม่ต้องเกรงใจ ทำเอาติถึงกับยิ้มกริ่มแบบน่าสงสัย ลุงบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ไม่ใช่ว่าทำอะไรตามใจก็ได้นะ

ทั้งสองคนต่างจัดการข้าวของของตัวเอง ไม่พูดไม่จาอะไร สักพักฟางก็เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ พะภูได้สิทธิ์อาบน้ำก่อน จนเมื่อสบายตัวแล้วก็มานั่งจุมปุกอยู่บนเตียง ในมือมีนิตยสารอ่านเล่นซึ่งถูกทิ้งไว้ในห้องนี้ ผ่านไปไม่นานนัก ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมร่างโปร่งในชุดนอนเรียบหรูสีเลือดหมู สองสายตาประสานกันได้แค่แวบเดียว คนตัวใหญ่ก็พุ่งเข้าหาคนบนเตียงอย่างไม่ให้ตั้งตัว

“เฮ้ย!?”

รีบโวยวายเมื่อติทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ใกล้เสียจนชายเสื้อของทั้งคู่เกยกัน แขนแกร่งวาดเข้าโอบไหล่พะภูไว้อย่างเคย ส่วนอีกข้างพักไว้บนตักของเด็กตัวเล็ก โครงหน้าเรียวพยายามขยับเข้าหาหวังจะขโมยจูบบนแก้มใส แต่พะภูกลับยกนิตยสารในมือขึ้นบังได้ทัน ใบหน้าสีชมพูระเรื่อเบนไปอีกทางตามสัญชาตญาณ

“นี่เราคบกันแล้วนะ ยังเอาแต่หลบอยู่ได้”

“คบกันไม่ได้แปลว่าต้องใจง่ายนี่ครับ”

“โห...คิดดูนะ กว่าฉันจะรู้ตัวว่าชอบนายก็เสียเวลาไปตั้งเยอะ ฉันขอชดเชยเวลานั้นบ้างสิ”

ไม่พูดเปล่า มือข้างที่วางอยู่บนตักเขาก็เริ่มออกแรงนวดเบาๆ ทำเอารู้สึกสยิวไปทั่วทั้งตัว มือที่จับนิตยสารสั่นไหวไปกับน้ำเสียงออดอ้อนแปลกๆ กีรติคงบ้าไปแล้วตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบเขา คนที่เคยเอาแต่ตีหน้าโหดตะโกนไล่เขาปาวๆ วันนี้กลับมาเรียกร้องความชิดใกล้ซะอย่างนั้น แล้วไอ้คนก่อเหตุอย่างเขาควรจะทำไงล่ะทีนี้

“ไม่อ๊าวว”

พะภูตอบกลับเสียงแหลมสูง แขนขยับไปมาเพื่อขัดขวางการรุกล้ำจากสันจมูกโด่งๆตรงหน้า สักพักกีรติก็หยุดท่าทางจู่โจมลง เปลี่ยนมานั่งปั้นหน้าลูกหมาหงอยเพื่อเรียกคะแนนสงสารแทน ความคาดหวังบางอย่างเคลื่อนตัวอยู่ภายในดวงตาเรียวสีน้ำตาลสวย มือบนตักขยับมาจับนิตยสารในมือพะภูไว้ ค่อยๆกดลงเชื่องช้า พร้อมส่งเสียงทุ้มออกมาแผ่วเบา

“นะครับ...”

หนังสือที่ขวางกั้นพวกเขาถูกลดระดับลงจนพ้นทางตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ สายตาทั้งสองคู่สอดประสานกันอย่างมีความหมาย ก่อนที่กีรติจะใช้โอกาสนี้ ฝังปลายจมูกลงไปกับแก้มเนียนๆของคนตัวเล็ก สูดเอากลิ่นกายหอมหวานเข้าจนเต็มปอด พลางอมยิ้มไม่หุบ

คนโดนฉวยโอกาสได้แต่นั่งนิ่งราวกับหุ่นที่ถูกมนตร์สะกด ชักไม่แน่ใจว่าฝ่ายที่บ้าคือใครกันแน่...ไม่รู้จริงๆว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไร ที่เขาไม่นึกรังเกียจสัมผัสจากผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว...

-----------------------------------------

ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ารวิชญ์เป็นใคร 555 มาหยอดไว้ก่อนเท่านี้แหละ
ติกับพะภูเริ่มหวาน (^---^//)
จากใจคนที่ไม่ค่อยได้แต่งฉากสวีท นี่คือพยายามที่สุดละ 55
หวังว่าบทนี้จะเรียกนักอ่านคืนมาได้บ้าง 'นะครับ' (ฮ่าๆ)
เห็นบทที่แล้วนักอ่านหาย เราก็ใจหายไปด้วย TT
ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นน้า ฝากติดตามกันต่อไปด้วยค่า ~

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
อยากได้ฉากหวานๆ ของทั้งคู่อีกจ้า..............

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:ยังหวานได้อีกนะ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
อดีตพะภูเกิดอะไรขึ้นกันนะ
รวิชญ์ - พะภู ยังไงกันน้า

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13

ออฟไลน์ VICcy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอโทษน้าที่หายไป

ตอนนี้หวานมาก (นั่นใช่พี่ติคนเดิมรึเปล่า)



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






คนจากต่างดาว

  • บุคคลทั่วไป
เย้ยยยยย หายไปเหมือนกัน T^T แต่ติดตามอยู่เสมอนะ เหตุการณ์มันไม่สนองต่อการแสดงความเห็นง่ะ /อ่านในโทรศัพท์เน้อ :hao5: ขอโทษหลายๆ

มาติดตาม ตามเดิมแล้ว //พี่ติ...ชอบ! สมแล้วที่ย้ายข้อง 555

ปล. พี่ธรหายไปเลยแหะ
ปล2. เพ่งเห็นว่าลงนิยายในเด็กดีด้วย เอ้ยยย ติดตามๆ 555

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ยังติด ตามความหวาน ติ+พะภู  ตลอดน่ะ  :katai2-1:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 22

 

‘นะครับ...’

แค่พูดออกมาคำเดียว ก็สามารถทลายกำแพงของเด็กชายพะภูลงได้ในเสี้ยววินาที ไม่ยุติธรรมเลย! อยากรู้จริงๆว่าใครสั่งใครสอนวิธีอ้อนแบบนั้น สาบานได้ว่าถ้ากีรติไม่มีดีกรีเป็นนักเลงใหญ่โต ก็คงมีชื่อติดในอันดับคาสโนว่าตัวพ่อเป็นแน่!

โดนขโมยหอมไปฟอดใหญ่ไม่พอ ยังถูกบังคับให้นอนกอดกันตลอดทั้งคืน ไอ้เตียงในห้องนั้นก็แคบได้ใจเหลือเกิน ทำเอาเขากับติแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยต้องถือว่าโชคดี ที่ติยังพอเกรงใจเจ้าของบ้านอยู่บ้าง จนไม่กล้าทำอะไรเกินเลยกว่านั้น

“วันนี้ปู่ยัยฟางจะลงมาหา ลุงคงต้องไปดูแลเขาหน่อยนะ” ลุงยศพูดขึ้นทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหาร ฟางดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตามประสาหลานที่ห่างญาติมานาน ไม่รู้คิดถึงคุณปู่ หรือคิดถึงขนมของเล่นที่แกมักจะซื้อมาฝากกันแน่

“เพราะงั้นคงต้องขอฝากบ้านด้วย”

“วางใจเถอะครับ ฝากทักทายคุณปู่ด้วย”

ลุงยศยิ้มกว้าง แต่คงไม่เท่าเด็กผู้ญิงข้างๆซึ่งกำลังอมยิ้มมองเขากับติสลับไปมาอย่างมีเลศนัย ทันทีที่ลุงยศลุกขึ้นเอาจานข้าวไปเก็บ พะภูก็ได้ฤกษ์ออกปากเอาความกับน้องสาวตัวแสบ

“ยิ้มอะไรหึ ยัยฟาง”

“ความจริงเมื่อคืน หนูตั้งใจเอาผ้านวมมาให้ แต่ได้ยินอะไรแปลกๆ เลยไม่อยากรบกวน...”

พูดไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป ทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้ง แก้มสองข้างร้อนผ่าวขึ้นมา ได้ยินอะไรแปลกๆเนี่ยหมายถึงอะไร!? นี่อย่าบอกนะว่าฟางรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับติเรียบร้อยแล้ว ตายละหว่า แบบนี้จะทำเด็กเสียคนไหม!

“บะ..บ้า! ได้ยินอะไรของเรา?” พะภูยังคงพยายามทำเนียนต่อ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ทันการเสียแล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายกลับเอาแต่นั่งยิ้มกริ่มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

“จะให้พูดจริงๆเหรอ..?”

พี่ชายตัวบางแยกเขี้ยวใส่ก่อนทำท่าจุ๊ปาก ไม่ยอมให้พูดอะไร พอดีกับที่พ่อของตนเดินกลับมาคว้าหนังสือพิมพ์บนโต๊ะไปอ่าน ฟางอาสายกจานข้าวทีเหลือของคนอื่นๆไปล้าง จนเมื่อใกล้สาย เจ้าของบ้านทั้งคู่ก็เตรียมตัวออกเดินทาง

“ตามสบายเลยนะ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”

“ครับ เดินทางดีๆนะครับ”

ลุงยศพยักหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเดินไปสตาร์ทรถรอลูกสาวที่ยังเอาแต่จ้องหน้าแขกไม่ได้ตั้งใจทั้งสอง ยัยฟางตัวดีดึงแขนเสื้อของติลง กระซิบอะไรบางอย่างไม่ให้อีกคนได้ยิน ไม่ทันจะต่อว่าอะไรก็รีบแจ้นขึ้นรถออกไปเสียแล้ว ทำให้เขาต้องหันมาเอาเรื่องร่างโปร่งข้างๆแทน

“ยัยฟางพูดอะไรครับ?” ติอมยิ้ม เอื้อมมือไปปิดประตูบ้าน ก่อนเดินเข้ามาประชิดคนถาม

“น้องบอกว่าอย่ารุนแรง”

“หา!?”

สิ้นเสียงกระซิบ ติก็รวบเอวบางยกขึ้นสูง พะภูรีบร้องโวยวายพลางทุบไหล่คนอุ้มหนักๆ ถึงอย่างนั้นมืออีกข้างกลับรวบท้ายทอยคนตัวใหญ่เอาไว้แน่น ติกระชับแขนแกร่งขึ้นก่อนเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดห้องนอนเมื่อคืนให้เปิดออก โยนคนตัวเล็กลงกับเตียงจนก้นระบม

“โอ้ย พี่ติ ทำอะไ...อุ๊บ!!”

ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกกดราบลงไปกับฟูกนิ่ม ริมฝีปากอมส้มบดขยี้ลงมาดูดกลืนทุกซุ้มเสียงอย่างไม่ให้ตั้งตัว ยิ่งพยายามผลักอกกว้างตรงหน้าออกไป กลับยิ่งเพิ่มความเร่าร้อนของรสจูบที่ได้รับ อะไร!? ไหนว่าไม่รุนแรงไง!

ม..ไม่ ไม่ใช่ดิ! จะรุนแรงหรือไม่รุนแรงก็ไม่ได้ทั้งนั้น!!

“พ..พี่…อื้อ!”

กึก

“โอ้ยย!!” กีรติรีบผละตัวออกจากปากบาง สีหน้าหงุดหงิดบ่งบอกถึงความโมโหร้ายเต็มทน ไอ้เด็กนี่! เดี๋ยวนี้กล้าดีถึงขั้นกัดลิ้นเขาแล้วใช่ไหม

คนตัวสูงยกมือขึ้นกดริมฝีปากบวม ใบหน้ากระตุกไปตามอารมณ์โกรธ หากแต่ว่ากลับไม่กล้าแม้แต่จะลงมืออะไร เพราะข้างหน้านี้คือผู้ชายที่เขาสัญญากับตัวเองหนักแน่นแล้วว่า...จะไม่ยอมให้จากไปอีก พะภู นายแน่มาก ทำให้คนอย่างเขาศิโรราบได้ทั้งๆที่เลือดกำลังขึ้นหน้าแบบนี้

“ข..ขอโทษครับ แต่ว่า...ผม ผมยังไม่พร้อม” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น สายตาเสมองไปทางอื่นด้วยท่าทีหวาดหวั่น

“.....อ่า ฉันขอโทษ”

ติส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ แต่ก็ยอมย้ายตัวออกไปจากร่างเล็กข้างใต้ พะภูรีบฉวยโอกาสนี้พาตัวเองลุกขึ้นนั่ง ขาสองข้างขยับออกห่างจากคนจู่โจ่มเมื่อครู่ทันทีตามสัญชาตญาณ ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันต่อไปอีกสักพักโดยไม่หันหน้ากลับมามองกันอีก...คนเด็กกว่าชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงเริ่มขยับตัวกลับเข้าไปนั่งข้างๆ แขนเล็กโอบรอบเอวเป็นคลื่นของติอย่างกล้าๆกลัวๆ นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นมองร่างสูงพลางตีสีหน้าเหมือนเด็กๆ

“รอให้ผมพร้อมก่อนนะครับ...”

เข้ามากอดแบบนี้ ทำหน้าทำตาแบบนี้ แล้วยังน้ำเสียงนี่อีก คิดว่าเขามีความอดทนมากเท่าไรกัน แค่ต้องฝืนตัวเองไม่ให้จับคนข้างกายเข้ามาจูบทุกครั้งที่เห็นหน้ามันก็แย่พอแล้ว นี่กลับมาขอให้รอ รอโดยที่ไม่มีคำใบ้ถึงเส้นชัยเลย ตั้งใจจะทรมานให้ตายทั้งเป็นชัดๆ!

“เฮ้อ..” ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางพยักหน้าอ้อยอิ่ง ปล่อยให้เจ้าของมือเล็กๆไชศีรษะเข้ากับต้นแขนด้วยท่าท่างดีใจระคนโล่งอก เอาเถอะพะภู คราวนี้เขาจะยอมปล่อยไป...

แต่ถ้าพร้อมเมื่อไร จะทำให้ลุกไม่ขึ้นอีกเลย คอยดู!

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

เสียงกดกริ่งถี่รัวดังขึ้นจากหน้าบ้าน พะภูค่อยๆผละตัวออก หันมองหน้าติเป็นเชิงสงสัย คนตัวใหญ่เพียงแค่ยักไหล่และปล่อยให้คนรักเป็นฝ่ายเดินออกไปต้อนรับแขกปริศนา เดาว่าอาจจะเป็นคนรู้จักของลุงยศก็ได้

“ครับๆ”

พะภูรีบขานตอบพร้อมเอื้อมมือไปบิดลูกบิดให้เปิดออก ปรากฏเป็นภาพผู้ชายตัวสูงใหญ่กลุ่มหนึ่ง สองคนด้านหลังสวมเสื้อกล้ามสีขาวแบบเดียวกัน หน้าตาโหดเอาเรื่อง กล้ามเป็นมัดๆสีแทนเด่นชัดจนแทบทะลุสายตาออกมา ผิดกับเจ้าของผิวขาวอมเหลืองตรงกลางในชุดเสื้อเชิ้ตยี่ห้อดัง ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเซตเข้าทรงอย่างเช่นผู้ชายวัยรุ่นทั่วไป ดวงตาคมกริบก้มลงมองเขาอย่างไร้อัธยาศัย

“นายยศอยู่ไหน?” น้ำเสียงส่อแววประสงค์ร้ายดังขึ้นจากปากสีส้มธรรมชาติตรงหน้า คนไม่รู้เรื่องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนตั้งคำถามกลับไป

“พวกคุณเป็นใคร?”

“เฮ้ย! คุณชุนถามว่านายยศอยู่ไหน”

ผู้ชายในเสื้อกล้ามคนหนึ่งพูดเสียงดัง ท่าทางอยากมีเรื่องเต็มทีแล้ว แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาพอเดาข้อมูลบางอย่างได้บ้าง คนตรงกลางท่าทางคุณชายคงจะชื่อชุน ส่วนสองคนด้านหลังไม่แคล้วเป็นพวกลูกน้องขาใหญ่ แบบนี้เห็นทีจะเจอกับพวกนักเลงเมืองตราดเข้าให้แล้ว แต่ที่น่าสงสัยก็คือ...ลุงยศไปข้องเกี่ยวอะไรกับไอ้พวกนี้

“ลุงยศไม่อยู่ แล้วพวกนายมีอะไร?” คนตัวเล็กวางท่า ไม่แสดงสีหน้าเกรงกลัวใดๆ ถ้าแค่นักเลง...ทางนี้เองก็มีอยู่คนหนึ่งเหมือนกัน

“หึ คงจะไม่รู้เรื่องสินะ คนนี้คือคุณชุน ลูกชายคนเดียวของเสี่ยพิชัย เจ้าหนี้รายใหญ่ของนายยศยังไงเล่า!”

“ว่าไงนะ!?”

เมื่อกี้ไอ้พวกกล้ามปูมันพูดว่า เจ้าหนี้ อย่างนั้นใช่ไหม! นี่มันเรื่องอะไรกัน ลุงยศขัดสนเรื่องอะไร และมากเท่าไรกัน ถึงขนาดต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากไอ้เศษเดนพวกนี้ ทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าหนี้นอกระบบมันน่ากลัวขนาดไหน...ทั้งที่รู้ดีขนาดนั้นแท้ๆ!

“ถึงเวลาชำระหนี้แล้ว”

ลูกน้องอีกคนขยับเท้าผ่านหน้าเจ้านายตัวเองเข้ามาในตัวบ้าน รอยยิ้มชั่วร้ายระบายอยู่บนใบหน้าโหด น่ากลัวมากพอจะทำให้เขาถึงกับเซถอยหลัง ทันทีที่ได้ยินคำว่าเจ้าหนี้ ร่างกายมันก็สั่นเทาไปเอง ความทรงจำในอดีตต่างหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมอง ราวกับฆ้อนที่จงใจตอกย้ำซ้ำแผลเก่าซึ่งยังไม่หายสนิท มือสองข้างยกขึ้นกดขมับ ดวงตากลอกซ้ายขวาอย่างคนใกล้เสียสติ

“ถ้านายยศไม่อยู่ แกก็ไปเอาเงินมา”

“ย..อย....อย่า...”

เสียงแหบพร่าเปล่งออกไปอย่างยากลำบาก แขนข้างหนึ่งกำลังถูกลูกน้องของนายชุนรั้งขึ้นสูงจนตัวเกือบลอย ภาพในปัจจุบันถูกซ้อนทับด้วยแผ่นฟิล์มจากอดีต ยิ่งกระตุ้นความกลัวที่หลบซ่อนอยู่ให้ทะลักออกมา พะภูที่ว่าเก่งกล้าบ้าบิ่นนักหนา แพ้แค่เรื่องตรงหน้านี้เอง...

เจ้าหนี้ที่เคยพรากชีวิตของพ่อแม่ตัวเองไป

เจ้าหนี้ที่เคยจับเขาไปขังไว้ในสถานที่ที่เรียกว่านรก

เจ้าหนี้...ไม่ว่าจะใครต่างก็เลวร้ายพอกัน!! ความน่ากลัวในคืนนั้นไม่อาจจลบเลือนออกไปจากสมองและหัวใจได้เลย ทั้งกลัว ทั้งเกลียด ทั้งโกรธ ทั้งชัง คับแค้นฝังลึกมาจนถึงตอนนี้

สติสตังเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หูสองข้างอื้ออึงไม่รับรู้ถึงคำพูดมากมายจากนักเลงตัวโต มีน้ำใสๆรื้นขึ้นมาบนขอบตาซึ่งกำลังเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เป็นอีกครั้งที่เสียงปืนและหยดเลือดในวันนั้นย้อนคืนกลับมาชัดเจนอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้คิดถึงมันมานาน

“เฮ้ย ปล่อย”

เสียงเย็นเยียบจากด้านหน้าประตูดังขึ้น ทำให้มือสากที่เกาะกุมแขนพะภูไว้ต้องรีบปล่อยออกแทบไม่ทัน รองเท้าหนังอย่างดีค่อยๆเยื้องย่างเข้ามาในบ้าน หยุดลงตรงหน้าเด็กที่กำลังทรุดตัวลงกับพื้น มือข้างหนึ่งเอื้อมมาพยุงร่างบางเอาไว้ได้ทัน ก่อนโน้มตัวเข้ามาใกล้

“นายชื่ออะไร?”

ดวงตากลมโตไหวระริก ปากบางเม้มสนิทด้วยทั้งโมโหและหวาดกลัวในคราวเดียวกัน แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่เพิ่มขึ้นบริเวณต้นแขน จึงยอมเผยอปากออกเล็กน้อย

“พ..พะภู”

“พะภู...เป็นอะไรกับนายยศงั้นเหรอ?”

“ฉันเป็นญาติของลุงยศ พวกแกคิดจะทำอะไร!?” ร่างบางพยายามควบคุมสติทั้งหมดไว้ เท้าสองข้างช่วยกันยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ไม่ต้องกลัว พวกเราก็แค่มาเก็บเงินที่ลุงนายยืมไปเท่านั้น”

“เท่าไร?” ถึงจะยังตกใจและแปลกใจอยู่มากกับการรู้ว่าลุงยศไปกู้เงินอันธพาลท้องถิ่นพวกนี้ แต่ก็ทำได้แค่เก็บคำถามทั้งหมดเอาไว้ในใจ ยังไงตอนนี้คงต้องจัดการเรื่องตรงหน้า และไล่ไอ้พวกบ้านี่ออกไปซะก่อน

“ลุงนายใช้คืนมาพอตัวแล้วล่ะ วันนี้แค่มารับก้อนสุดท้ายไป ตามที่ตกลงกันไว้ก็...หนึ่งแสนบาท”

“หนึ่งแสน!!?”

“ใช่ นายรีบติดต่อลุงนายให้เอาเงินมาเลยดีกว่า จะได้จบๆกันไปไง” ชุนว่าเสียงเรียบ มือที่รั้งต้นแขนของพะภูไว้จนถึงเมื่อครู่ค่อยๆเลื่อนมาอยู่บริเวณข้อมือ เกาะกุมแน่นซะยิ่งกว่าเดิม

“อึ่ก...”

เงินตั้งหนึ่งแสน จะบ้าหรือยังไง! นี่ลุงยศมีปัญหาอะไรกันแน่ ทำไมต้องใช้เงินมากมายขนาดนี้ แล้วที่บอกว่าใช้คืนไปพอตัวแล้ว แปลว่าจำนวนเต็มยังมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ ปัญหาที่เขาเชื่อว่าพะพาย หรือแม้แต่ยัยฟางก็คงไม่รู้ แต่ในเมื่อมันมาอยู่ต่อหน้าของพะภู เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องช่วยลุงยศทุกทาง ช่วย...ให้เหมือนกับตอนที่ถูกช่วยไว้ แต่ประเด็นก็คือ จะทำยังไงล่ะ เขาไม่ได้มีเงินก้อนโตแบบนั้นสักหน่อย และดูท่าว่าไอ้พวกนี้จะไม่ยอมไปไหนง่ายๆจนกว่าจะได้รับค่าใช้หนี้คืนซะด้วยสิ

“หรือจะแลกด้วยอะไรอย่างอื่นดี...?” ใบหน้าพะภูกระตุกเกร็งทันทีที่ชุนเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งบีบข้อมือเขาไว้แน่น อีกข้างพักลงตรงแถวสะโพกมน น่าสะอิดสะเอียนยิ่งขึ้นด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแบบที่นึกเกลียดนักหนา

ให้ตายสิ! นอกจากจะเป็นพวกเจ้าหนี้น่าโหดแล้วยังโรคจิตจนน่ารังเกียจอีก... กีรติ ช่วยสะกิดใจแล้วเดินออกมาช่วยเขาซะทีเถอะ!!

กร็อบ

“อ๊าก!!”

นายชุนร้องลั่นท่ามกลางสายตาตกอกตกใจจากลูกน้องทั้งสอง แขนข้างที่รวบข้อมือพะภูไว้ถูกใครอีกคนตรงเข้าบิดรุนแรงจนได้ยินเสียงเคลื่อนตัวของกระดูก เจ้าของร่างโปร่งด้านหลังรีบฉวยโอกาสนี้ คว้าตัวพะภูให้ถอยกลับมาซบลงกับอกกว้าง พลางสบถเสียงเย็นเยียบ

“อย่าเอามือสกปรก มาแตะต้องคนของกู”

“พี่ติ!”

“เห็นออกมาตั้งนานแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ติตั้งคำถาม สายตามาดร้ายพุ่งตรงไปยังผู้ชายทั้งสาม ท่าทีน่าเกรงขามทำเอาพวกแขกไม่รับเชิญถึงกับหน้าซีด ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ชุนลูบข้อมือตัวเองเบาๆพลางว่าเสียงแข็ง

“นายยศติดเงินพวกเราหนึ่งแสน ไปเอามา!”

ติเลิกคิ้วขึ้นสูง ก้มหน้ามองพะภูที่เอาแต่ส่ายหน้าน้อยๆ มือใหญ่ผลักให้คนรักเข้าหลบด้านหลังตน ก่อนจะควักกระเป๋าเงินออกมาจากกางเกง ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แต่ดูเหมือนแค่ให้เงินไปก็คงจบสินะ ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยสิ

“ตอนนี้มีเท่านี้ แต่เดี๋ยวจะไปกดเงินทีเหลือมาให้” แบงค์พันปึกใหญ่ถูกดึงออกมาจากกระเป๋าหนังเนื้อดี ชุนรีบคว้าเอาไว้ก่อนส่งให้หนึ่งในลูกน้องเอาไปนับ

“สามหมื่นครับ”

“เหอะ เอางั้นก็ได้ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่ เตรียมเงินเอาไว้ให้ดีล่ะ”

เงินก้อนนั้นถูกส่งคืนให้ชุนที่ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ถอยกลับ เมื่อพวกคนแปลกหน้าเดินพ้นประตูบ้าน ร่างของพะภูก็ทรุดลงกับพื้นทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อนระคนโล่งใจ ติรีบเบี่ยงตัวกลับประคองคนตัวเล็กเอาไว้ ก่อนจะอุ้มเข้าไปพักในห้องนอน

“เป็นอะไร พวกมันได้ทำอะไรนายรึเปล่า?”

คนตัวสูงเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าของพะภูตอนนี้ทำเขาใจไม่ดีเอาซะเลย แต่สิ่งที่ตอบกลับมาก็มีเพียงคำว่าไม่เป็นไรเท่านั้น ท่าทางหวาดกลัวแบบนี้จะไม่เป็นไรได้ยังไง เด็กชายพะภูผู้ไม่เคยกลัวทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ มีอะไรที่เด็กนี่ไม่ได้บอกเขางั้นเหรอ ไม่สิ..จะว่าไปแล้ว เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวพะภูเลยด้วยซ้ำ...

“พี่ติ ผมไม่เป็นไรจริงๆ แค่ตกใจครับ”

คำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยยิ่งทำให้คนตัวใหญ่อดคิดมากไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยอมพยักหน้าเข้าใจโดยดี กีรติเอื้อมมือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าของคนบนเตียงออก ก่อนก้มลงจูบเน้นบนหน้าผากเพื่อถ่ายทอดกำลังใจ พะภูยิ้มรับ พลางส่งมือข้างหนึ่งให้ติกุมเอาไว้ ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

ไม่เป็นไรหรอก... ถ้ามีคนคนนี้อยู่ก็ไม่เป็นไร...

------------------------------------------

ช่วงนี้ดองงานทุกอย่าง มานั่งปั่นนิยายรัวๆ
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะค้า
ถ้ายังไงคอมเม้นเป็นกำลังใจให้กันด้วยเน้อ <3

ป.ล. ช่วงนี้พี่ธรหลบฉากก่อนน้า ปล่อยให้สองคนได้สวีทกันบ้าง

 :hao4:

ออฟไลน์ VICcy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อดีตของพะภูค่อยๆเผยออกทาทีละนิดแล้ว

อีตาชุนแกอย่าทำอะไรพะภูนะเว้ย!

พี่ติจัดการมันเลย!!

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:ถ้าไม่มีพี่ติพระภูแย่แน่ๆ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรื่องพะภู กำลังจะคลายปม แต่ก็มาพร้อมกับ เรื่องดราม่า เห็นๆ   รอตอนต่อไป   :hao5:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ฝากพี่ติดูแลพะภูให้ดีจ้า

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 23

 

“เรื่องนี้ยัยฟางไม่รู้หรอก ความจริงแล้วแม่ของลุงป่วยหนัก ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็ว ลุงเลยต้องจำใจไปกู้เงินไอ้เสี่ยพิชัย แต่นี่พวกญาติๆก็ช่วยกันปลดหนี้ไปเกือบหมดแล้ว ติดแค่เงินแสนก้อนสุดท้าย ที่ลุงยังหามาไม่ทัน แถมยัยฟางก็ใกล้เปิดเทอมแล้วด้วย ไหนจะค่ากินค่าอยู่...”

“พอเถอะครับ เอาเป็นว่าผมเข้าใจ และผมจะช่วยลุงเอง” พะภูยกมือขึ้นปรามไม่ให้ลุงยศพูดมากไปกว่านี้ ดูท่าทางแกคงเสียใจมาก เล่าไปน้ำตาก็เอ่อล้นจนคนฟังทนมองไม่ได้จริงๆ

“หนี้ก้อนสุดท้ายผมจะเป็นคนจ่ายให้เอง” ติเสริม ก่อนที่พะภูจะออกปากเห็นด้วยพลางเอื้อมมือไปตบบ่าลุงยศเบาๆเพื่อให้กำลังใจ แต่คนเป็นผู้ใหญ่กลับส่ายหน้าพัลวัน

“ไม่ได้หรอก จะให้คนอื่นมาจ่ายหนี้ให้ได้ยังไง นี่มันปัญหาที่ลุงก่อเอง..”

“คนอื่นที่ไหนกัน ผมก็หลานลุงนะครับ” พะภูเปลี่ยนมาบีบหัวไหล่ของคนตรงหน้า ต้องการให้รู้ว่ายังมีตัวเองคอยอยู่ตรงนี้ และพร้อมจะช่วยเหลือทุกเวลา แต่คำของลุงยศที่ตอบกลับมาก็ทำเอาเด็กทั้งสองถึงกับชะงัก หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ก็นั่นมันเงินของติไม่ใช่เหรอ”

ก็ลืมนึกไปว่าไอ้คนที่ยื่นมือเข้าช่วยลุงจริงๆน่ะคือติต่างหาก แบบนี้ลุงยศคงต้องเกรงใจเป็นธรรมดาล่ะ อยู่ดีๆมีเพื่อนที่ไหนไม่รู้ของหลานนอกไส้จะมาช่วยปลดหนี้ก้อนโตให้ มันก็ออกจะแปลกอยู่นะ แล้วจะให้อธิบายว่ายังไงดี...จะบอกว่าติกับเขาเราก็เหมือนคนคนเดียวกันคงไม่ได้ด้วยสิ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็คิดกับพะภูเหมือนน้องแท้ๆคนนึง ผมพร้อมช่วยเหลือครอบครัวของน้องอยู่แล้ว ลุงยศแค่รับไปก่อนก็ได้ ไว้มีเงินเมื่อไรค่อยเอามาคืน”

คนฟังทำท่าครุ่นคิด ชั่งใจอยู่ได้ครู่หนึ่งก็ยอมพยักหน้าตกลง เพราะถึงจะเกรงใจอยู่มากแต่ก็คิดถึงความเป็นอยู่ในครอบครัว รวมทั้งค่าเรียนของยัยฟางด้วย อีกอย่างให้ติดหนี้คนแบบติก็คงดีกว่ารับมือกับพวกเสี่ยพิชัยแน่นอนอยู่แล้ว

“ขอบใจมากจริงๆนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยว่าพรุ่งนี้เช้าติจะออกไปกดเงินมาเตรียมไว้ให้ชุนเอง ลุงยศก็ขอปลีกตัวออกไปนอน เมื่อไม่มีใครแล้วพะภูจึงลุงขึ้นบ้างโดยไม่สนใจจะหันมองคนข้างๆแม้สักนิด ติเลิกคิ้วสงสัยในท่าทีแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้ ก่อนจะก้าวขาเร็วๆตามไปถึงในห้องนอน รีบคว้าข้อมือเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

“เปล่าครับ” พะภูตอบกลับเสียงเรียบ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา แถมยังพยายามสะบัดมือออกอีกต่างหาก

“อยู่ดีๆเป็นอะไร งอนอะไรฉันเหรอ?”

“งอน? ผมเป็นแค่ ‘น้อง’ พี่ติ ไม่มีสิทธิ์ไปงอนพี่หรอกครับ”

คนได้ฟังชะงักไปแวบหนึ่ง ก่อนจะอมยิ้มกับตัวเอง เขาคิดว่าพะภูจะเปลี่ยนไปแล้วเสียอีกตั้งแต่ตกลงคบกัน เพราะเด็กที่เคยเอาแต่วิ่งไล่ตามเขาอย่างไม่รู้จักคำว่าอาย พอเขาเป็นฝ่ายเข้าหาบ้างกลับหลบหลีกจนน่าน้อยใจ วันนี้รู้แล้วว่าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย พะภูที่รักเขาก็ยังเป็นพะภูที่รักเขาจริงไหม แถมไอ้ท่าทีเง้างอดแบบเด็กๆเพียงเพราะเขาหลุดปากพูดว่า ‘น้อง’ ยิ่งทำให้ดูน่ารักกว่าเดิมหลายเท่า

“นี่...”

ติส่งเสียงออกมาเพื่อกลบความเงียบ มือใหญ่ดึงรั้งร่างบางให้เข้ามาใกล้ ก่อนรวบตัวพะภูไว้ในอ้อมกอดแน่น คนตัวเล็กที่ไม่ทันตั้งตัวรีบโวยพลางดิ้นพล่าน แต่เมื่อไม่เห็นวี่แววว่าจะหลุดไปได้ถึงยอมสงบลง สายตาเคืองลอบมองคนตัวใหญ่อย่างไม่เข้าใจ

“ฉันไม่กอดน้องแบบนี้หรอก” คราวนี้พะภูกลับเป็นฝ่ายชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบข้างๆหู ติยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนฝังปลายจมูกลงกับแก้มใสอย่างถือวิสาสะ มือเล็กพยายามดันไหล่คนตรงหน้าออกแต่ก็ไม่เป็นผล

“พะ..พี่ติ!”

“ฉันไม่หอมแก้มน้องแบบนี้”

“อึ่ก...”

คนตัวสูงหยุดมองหน้าพะภูนิ่ง แขนข้างหนึ่งรั้งเอวบางให้แนบชิดตนเองยิ่งขึ้น มืออีกข้างทำหน้าที่เชยคางมนของคนตัวเล็กไม่ให้หันหนีไปไหน ดวงตากลมโตแกล้งเสมองไปทางอื่นทันทีที่ความรู้สึกบางอย่างเริ่มตรงเข้าจู่โจม

ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ตรงหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนที่ริมฝีปากสีอมส้มจะทาบทับลงมาบนริมฝีปากบาง สัมผัสอ่อนนุ่มทำให้พะภูยอมปิดเปลือกตาลงช้าๆ ดื่มด่ำไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ กีรติเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเรียวไว้ด้วยมือสองข้าง สอดไส้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจทั่วโพรงปากแสนหวาน เมื่อพอใจแล้วจึงค่อยๆผละตัวออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สองสายตาสอดประสานกันอย่างมีความหมาย

“แล้วฉันก็ไม่จูบน้องแบบนี้ด้วย”

“....พ..พี่ติบ้า...”

ใบหน้าแดงก่ำก้มลงมองพื้นอย่างเขินอาย ปากเป็นกระจับเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว ยิ่งทำให้ติอยากจะกอดรั้งเด็กคนนี้ไว้ไม่ปล่อยเลย โชคดีเหลือเกินที่เขามีโอกาสรู้ใจตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้สัมผัสกับความสุขเพราะความน่ารักของคนในอ้อมแขนอย่างตอนนี้แน่

ไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่เคยรำคาญนักหนา วันหนึ่งจะกลายมาเป็นคนที่ชิงเอาหัวใจเขาไปได้ทั้งดวง...

“ฉันต้องพูดแบบนั้นเพื่อกล่อมให้ลุงยศยอมรับเงินหรอกน่า”

“ผมรู้...แต่มันก็.. อดน้อยใจไม่ได้อะ” คนตัวเล็กส่งเสียงงึมงำ พลางกอดตอบเขาไว้แน่น หัวเล็กๆส่ายดุ๊กดิ๊กอยู่ตรงหน้าด้วยความเขิน แก้มสองข้างร้อนผ่าว ขึ้นสีระเรื่อไปจนถึงใบหู ทำเอาคนโตกว่าอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้

“หรือจะให้ฉันเดินไปบอกลุงยศว่าเราเป็นอะไรกัน”

“ไม่ต้องเลย!” พะภูร้องห้าม พลางดึงแขนคนตัวใหญ่ให้ไปนั่งบนขอบเตียงด้วยกัน ติหัวเราะน้อยๆที่ได้แกล้งให้เด็กน้อยหน้ามุ่ย เจ้าของใบหน้าสีแดงก่ำทำแก้มป่องอย่างเคืองๆ ก่อนตั้งคำถามกลับหวังจะหยอกคนตัวสูงบ้าง

“แล้ว...เราเป็นอะไรกันล่ะครับ?”

“ยังต้องบอกอีกเหรอ”

“ก็ผมอยากได้ยินนี่ จะอีกกี่ครั้ง ก็ยังอยากได้ยิน”

ติอาจไม่รู้ และตัวเขาเองก็แทบไม่รู้ตัวเช่นกัน ว่าทุกครั้งที่ติแสดงความรักให้เห็น มันทำให้เขาดีใจมากแค่ไหน ช่วงเวลาอันน่าเจ็บช้ำมากมายซึ่งได้เผชิญมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ากัน กลับทุกลบทิ้งอย่างง่ายดายด้วยคำว่ารักจากคนคนนี้ ไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่เขาค่อยๆลืมจุดประสงค์แรกในการเข้าหาผู้ชายที่ชื่อกีรติไป ราวกับว่าเพราะรักจริงๆ มีแค่ความรู้สึกนี้เท่านั้นที่เด่นชัดขึ้นมาในใจ เพียงแค่ตอนนี้...ที่อยากให้มีแค่ความรู้สึกนี้เท่านั้น...

คนตัวสูงเอื้อมเข้าไปประคองมือเล็กมากอบกุมไว้อย่างอ่อนโยน ค่อยๆยกขึ้นแตะริมฝีปากอุ่นของตัวเองแผ่วเบา พร้อมฉายรอยยิ้มพิมพ์ใจขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

“เราเป็นคนสำคัญของกันและกัน.....เป็นคนรักกันนะ”

ใบหน้าเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อยิ่งกว่าเก่า รอยยิ้มกว้างน่าเอ็นดูระบายอยู่บนนั้น เขาแทบไม่อยากให้เข็มนาฬิกาเดินหน้าอีกเลย ขอได้ไหม...ขอหยุดช่วงเวลาที่แสนสุขใจนี้ไว้ได้หรือเปล่า

“พะภู รักฉันรึเปล่า?” ติเอ่ยปากถาม มือใหญ่รั้งเอวคนข้างๆเข้ามาใกล้ พลางกดจูบไล่ขึ้นไปจากข้อมือจนถึงซอกคอขาว

“ก็รู้อยู่แล้วนี่..”

“ไม่เอา...อยากได้ยิน”

คนตัวโตแกล้งส่งเสียงอ้อนเลียนแบบเขาเมื่อครู่ พลางส่งสายตาคาดหวังไปให้ พะภูทำท่านึกอะไรในหัว ก่อนจะเผยยิ้มออกมาทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าว ร่างบางยืดตัวขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองลงกับแก้มเนียนเร็วๆ ทำเอาติถึงกับเบิกตากว้าง ในเวลานี้หัวใจที่เคยเป็นเหมือนน้ำแข็งกลับพองโตขึ้นมา รู้สึกดีใจจนแทบจะปิดไม่มิด เสียงใสดังขึ้นปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์

“รักพี่ครับ”

ติยิ้มกว้างพร้อมยื่นหน้าเข้าไปขโมยหอมคืนอย่างหมั่นเขี้ยว เด็กนี่กำลังจงใจทำให้เขาเป็นบ้า สักวันคงต้องกรามค้างเพราะยิ้มไม่หุบแน่ๆ

“ถ้ารัก...งั้นนายก็เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังได้รึเปล่า?”

เสร็จสิ้นจากการหยอกเย้า ติก็เริ่มพาเข้าประเด็นจริงจัง คำถามมากมายเกี่ยวกับคนรักของตนเองยังคงวนเวียนเต็มหัวสมอง ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเช้า พะภูมีสีหน้ากังวลขึ้นมาแทบจะทันที ดวงตาสดใสค่อยๆหลุบต่ำลง

“เรื่องของผม.. เรื่องอะไรกันครับ...”

“ก็หลายๆเรื่อง ฉันแทบไม่รู้จักนายเลย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่นายชอบไม่ชอบ ครอบครัว เพื่อนฝูง รวมทั้ง...อดีตของนายด้วย...”

อดีตของเขาก็คือเหตุผลที่เข้าหาติด้วยเช่นกัน บอกตามตรง...เขายังไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกไปเลย อาจเป็นเพราะว่าบางส่วนในหัวใจของเขา มันเกิดลังเลขึ้นมา เพราะการได้เข้ามาใกล้ชิดกับติจริงๆ มันทำให้ความรู้สึกข้างในรวมทั้งความตั้งใจเดิมผิดเพี้ยนไปหมด...ในเมื่อเขาเดินมาไกลจนยากจะถอยกลับได้แล้ว ก็มีแต่ต้องคิดว่าจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางไหนกันแน่ ทิศทาง...ที่เขาเองก็ยังไม่รู้เลย

“คือว่า..ผม...” ท่าท่างอึดอัดของพะภูทำให้ติเข้าใจดี เขาค่อยๆลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนคว้าตัวพะภูมากอดไว้แน่น คางมนเกยอยู่บนไหล่บาง

“ถ้านายยังไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร”

“พี่ติ...”

“ฉันจะรอ”

ความเงียบถูกพัดพาเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องขนาดเล็ก พะภูขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกผิดที่ยังไม่อาจเผยความจริงออกไปได้ มือเล็กทั้งสองข้างโอบตอบรอบเอวของติ พลางซุกหน้าลงกับแผงอกกว้าง ค่อยๆซึบซับความอบอุ่นของกันและกันไว้ให้นานที่สุด

ไม่อยากคิดถึงเรื่องอะไร นอกจากคนในอ้อมกอดนี้เท่านั้น...

-----------------------------------------

ฉากมีความสุขนี่แต่งยากเนอะ.........
หวังว่าจะยังมีคนคอยติดตามพี่ติกับพะภูต่อไปน้า
เห็นช่วงนี้เงียบเหงาเชียว แอบเศร้า ;w;
ยังไงก็ขอบคุณคนอ่านทุกคน และทุกๆคอมเม้นมากจริงๆนะค้า ~


 :mew6:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:น้องพระภูกลับมาแล้ว :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ถึงคนเขียนจะบอกว่าฉากมีความสุขแต่งยาก
แต่ฉากนี้มาบ่อยๆ ก็ได้น้า

แล้วเราก็ยังไม่รุ้อดีตพะภู :onion_asleep:
รอตอนต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด