คุณคือความรัก บทที่ 45
ทั้งที่ณธิปหวังสุดหัวใจว่ากมลจะไม่ใจร้ายกับเขาเกินไปนัก ทว่าคนคนนั้นก็ทำให้ณธิปได้รู้ ว่าเจ้าตัวใจร้ายได้มากกว่าที่ชายหนุ่มคิดเสียอีก
กว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ตั้งแต่อีกฝ่ายบอกให้เขาถอนตัว ไม่ยอมให้ก้าวเข้าไปสานสัมพันธ์มากกว่านี้ กมลก็หายเงียบไปราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน
ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อน
ณธิปอดทนรออย่างทรมานให้คนใจร้ายทักกลับมาบ้าง อย่างน้อยในฐานะเพื่อนแบบที่กมลต้องการก็ยังดี แต่กมลก็ไม่ติดต่อมาเลย เขาส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน โทรหาก็ไม่ว่างรับสาย จนณธิปอยากเหาะไปหาอีกฝ่ายวันละหลายสิบรอบ
ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้โครงการที่เขาดูแลกำลังมีปัญหาติดพันและวุ่นวายจนไม่เป็นอันทำอะไร ชายหนุ่มคงทิ้งทุกอย่างไปได้โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น
ส่วนเรื่องปัญหาข่าวฉาวเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เวลานี้ซาลงไปจนไม่มีใครพูดถึงอีกแล้ว เนื่องจากเกษสุดาออกมาให้ข่าวจริงดังที่สัญญากับเขาไว้ เธอยืนยันด้วยคำพูดหนักแน่นน่าเชื่อถือว่ากมลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มวิวาห์ของสองตระกูลใหญ่ เพราะสาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะเธอกับณธิปเองที่ไม่ได้รักกันแต่แรก
ครั้นดราม่าที่คนอยากให้เป็น ไม่เป็นไปดังหวัง ความสนใจก็หันเหไปเรื่องดราม่าอื่นแทน แต่เกษสุดากลับบุกมาหาณธิปถึงที่ทำงาน และประกาศว่าจะช่วยเขากับกมลในเรื่องที่พ่อเธอทำเสียหายไว้ เพราะเธอไม่ต้องการให้บิดาถลำลึกและทำผิดพลาดมากไปกว่านี้
“ยังไม่ได้คุยกันอีกหรือคะ”
“ครับ เขายังไม่ยอมคุยกับผมเลย” ณธิปตอบด้วยท่าทางเซื่องซึม
“คุณได้ไปเจอ ไปปรับความเข้าใจกับคุณไอหรือยังล่ะคะ เพราะเกษฟังจากที่คุณเล่า ท่าทางคุณไอก็คงรู้สึกกับคุณไม่น้อยเหมือนกัน”
“แม้แต่ข้อความก็ยังไม่อ่าน คุณคิดว่าเขาจะยอมเจอผมหรือ”
“แต่คุณไอพูดเองว่าเป็นเพื่อนได้ แปลว่าเขาไม่ได้เกลียดคุณ แล้วทำไมถึงไม่ยอมคุยกับคุณล่ะ”
“นั่นน่ะสิ ผมก็อยากรู้สาเหตุเหมือนกัน”
“อยากรู้ก็ไปหาเถอะค่ะ เกษว่าคุณเล็กรออยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว”
“แต่ผมสัญญากับเขาแล้วว่าจะยอมถอย และจะไม่ทำให้เขาหนักใจ ถ้าเกิดผมเข้าไปวุ่นวาย ผมก็ผิดคำพูดน่ะสิ”
“แต่แวะไปหาในฐานะเพื่อนก็ได้นี่คะ”
“มันจะดีหรือ”
ครั้นเห็นณธิปทำท่าลังเลไม่แน่ใจ เกษสุดาก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วมองเขาด้วยแววตาขบขัน จนคนถูกมองทำตัวไม่ถูก
“นี่ไม่เหมือนคุณเลยนะ ความมั่นใจของคุณหายไปไหนหมดคะคุณเล็ก”
“ผม...”
ณธิปรู้สึกอับอายขึ้นมานิดๆ เพราะมันจริงดังที่เธอว่า ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่เคยกลัวอะไรหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น จนกระทั่งได้มาพบกมล เขาก็ถูกทำให้สับสนและผิดเพี้ยนไปจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
คำปฏิเสธของคนหน้าหวานมีผลต่อหัวใจณธิปมากเกินไป ไม่ใช่แค่ครั้งหรือสองครั้ง แต่มันหลายครั้งจนณธิปใจฝ่อ เขาหลงรักกมลจนกลัวไปหมด กลัวจะได้ยินว่าให้เลิกรัก กลัวคำปฏิเสธ กลัวดันทุรังจนถูกเกลียดเข้าจริงๆ
แล้วเช่นนี้ณธิปจะยังไปสู้หน้าได้อย่างไร แม้หัวใจจะติดปีกไปอยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายแล้วก็ตาม
“เชื่อเกษเถอะค่ะ คุณต้องไปหาและคุยกับเขาให้รู้เรื่อง อย่างน้อยก็ควรถามให้แน่ใจว่าคุณไอไม่รู้สึกอะไรจริงๆ หรือทำไปแค่ต้องการตัดปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาเท่านั้น”
เกษสุดารู้สึกทั้งขำทั้งสงสาร เธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลับตาลปัตรจากคนที่เกือบแต่งงานด้วย มาเป็นศิราณีให้กับณธิปเช่นนี้
แต่จะว่าไปนอกจากความสงสารแล้ว เธอก็อดนึกสะใจเล็กๆ ไม่ได้...เพราะคนแบบคุณเล็กน่ะ ต้องเจอดีแบบนี้เสียบ้างจึงจะรู้สึก
จากที่เคยปรามาสไว้ว่าคนแบบนี้ไม่มีทางรักใครเป็น และคงไม่เจอความรักที่แท้จริง วันนี้หญิงสาวคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะไม่ว่าใครก็มีโอกาสได้พบกับความรักทั้งนั้น แม้ว่าจะเคยเจ้าชู้และทำใครต่อใครเสียใจเท่าไหร่ก็ตาม
แต่คุณเล็กทำกรรมมาเยอะคงต้องชดใช้นานหน่อย
“ยิ้มอะไรน่ะคุณ”
“เปล่าค่ะ” เกษสุดารีบบอกปัด “ตอนนี้อย่าสนใจเกษเลยนะคะ เกษว่าคุณเล็กมาตัดสินใจดีกว่า ว่าจะไปหาคุณไอไหม”
“เฮ้อ~” ณธิปถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก ทว่าก่อนทันตัดสินใจทำอะไร ก็มีสายโทรศัพท์จากมารดาเข้ามาพอดี
[ตาเล็ก ทำอะไรอยู่ลูก ว่างไหม]
“ทำงานครับ แต่คุยได้ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่า”
[แม่จะไปมีอะไรได้ ก็แค่คิดถึงลูกชายเท่านั้นแหละ]
“จริงหรือครับ ทำไมวันนี้เสียงคุณแม่ดูร่าเริงแปลกๆ” แม้จะไม่ได้พูดโทรศัพท์กับมารดาบ่อยนัก แต่ณธิปก็จับน้ำเสียงของเธอได้ “มีเรื่องอะไรกันแน่ครับ”
[แม่ได้ข่าวว่าหนูเกษไปหาเล็กหรือลูก]
“ครับ คุณแม่รู้ได้ยังไง”
[แม่มีสายของแม่แล้วกัน] เธอว่าพลางหัวเราะแบบมีเลศนัย ลูกชายคนเล็กจึงต้องรีบพูดดักทางเอาไว้ ด้วยกลัวว่าแม่จะคิดในสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้
“ผมมีเรื่องปรึกษากันนิดหน่อยครับ”
[แค่ปรึกษาหรือ]
“ครับ ไม่มีเรื่องอื่นๆ แน่นอน”
[ว้า แม่ก็คิดว่าเล็กจะมีข่าวดีเหมือนพี่ภัทรเขาบ้าง]
“หืม? ข่าวดีของพี่ภัทรหรือครับ มีเรื่องอะไรกันครับแม่”
[อ้าว! นี่พี่เขายังไม่บอกเล็กอีกหรือลูก แม่คิดว่าเราคุยกันแล้วเสียอีก] ประภัสสรถามด้วยความประหลาดใจ เพราะณภัทรพูดกับเธอว่าจะบอกน้องชายด้วยตนเอง
“ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ พี่ภัทรเพิ่งขึ้นเครื่องไปเบอร์ลินเมื่อคืน” คุยกันครั้งสุดท้าย ก็ตอนณภัทรโทรมาบอกว่าจะบินไปเบอร์ลิน ส่วนณธิปก็วุ่นๆ กับงานจึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก
[อ้อ นี่แปลว่าแม่ทำแผนพี่ภัทรเขาพังน่ะสิ]
“วางแผนอะไรกันครับ”
[ไม่มีอะไรหรอก พี่เขาแค่อยากบอกเล็กด้วยตัวเองน่ะ] ประภัสสรนึกตำหนิตัวเองในใจ กับเรื่องสำคัญแบบนี้ เธอกลับพลาดเสียได้
“แต่ไหนๆ คุณแม่ก็พูดขึ้นมาแล้ว บอกมาเถอะครับว่ามีเรื่องอะไรกัน”
ครั้นเห็นจริงดังที่ณธิปว่า ประภัสสรจึงจำเป็นต้องบอก [พี่ภัทรกำลังจะแต่งงานน่ะตาเล็ก]
“หา!! แต่งงานหรือครับ” ชายหนุ่มตกใจกับสิ่งที่ได้ยินพอสมควร แต่ในความตกใจก็แฝงความดีใจไปด้วย “แต่งกับใครครับ ผมไม่เห็นรู้เลยว่าพี่ภัทรคบกับใครอยู่ เห็นวันๆ ก็ทำแต่งาน”
[เราก็วันๆ ทำแต่งาน จะไปรู้อะไร] เธอประชดเล็กน้อย ก่อนจะบอก [พี่เขาคบกับเจ้าของ I promise น่ะ]
“เดี๋ยวนะครับ คุณแม่ว่าเจ้าของ I promise หรือ”
[ใช่จ้ะ] ประภัสสรรับคำเสียงใส ก่อนจะเล่าต่อ [เล็กเองก็น่าจะสนิทกับเขานะ แม่เห็นเคยทำงานด้วยกันอยู่ไม่ใช่หรือ แถมคราวก่อนเล็กมีข่าวใหญ่กับบ้านนี้อีกต่างหาก นี่แม่ก็ยังไม่รู้รายละเอียดมาก ที่โทรมานี่ก็ว่าจะถามเล็กอยู่เหมือนกัน นึกว่าจะรู้เรื่องหรือระแคะระคายบ้าง พี่เขาไม่ปรึกษาเล็กเลยหรือลูก”
ได้ยินรายละเอียดที่มารดาแจง ณธิปก็หน้ามืดตาลาย หูดับไปหมด ไม่รู้แล้วว่าหลังจากนั้นผู้เป็นแม่เล่าอะไรอีก จนกระทั่งถูกเธอเรียกย้ำๆ ณธิปจึงได้สติ
[ตาเล็กลูก! ได้ยินที่แม่ถามไหม...ตาเล็ก!]
“ครับๆ ได้ยินครับ ว่าแต่คุณแม่ถามอะไรนะครับ” เสียงที่ถามกลับไปนั้นแหบส่า คล้ายเจ้าตัวพยายามเค้นมันออกมาอย่างยากลำบาก
เกษสุดาเองก็หน้าถอดสี เมื่อจับใจความได้คร่าวๆ จากที่ณธิปพูดและเสียงเจื้อยแจ้วของคุณหญิงประภัสสร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีสติมากกว่าณธิปหลายเท่า
[แม่ถามว่า พี่เขาไม่มาปรึกษาเล็กบ้างหรือลูก]
“ไม่ครับ ไม่เคยมีใครบอกอะไรผมเลย” ณธิปเอ่ยอย่างเจ็บปวด
[ตาภัทรก็จริงๆ เลยนะ ชอบทำอะไรลับล่อๆ ตอนมาบอกพ่อกับแม่ว่าอยากแต่งงานกับคนนี้ แม่ตกอกตกใจหมดเลย ไม่เห็นพามาให้แม่เจอบ้าง ดีนะที่แม่เคยเห็นมาตอนงานแต่งเล็กกับหนูเกษคราวที่แล้ว ท่าทางไม่เลว แบบนี้ค่อยวางใจหน่อย--]
“คุณแม่ครับ”
[ว่าไงลูก]
“ผมมีธุระ เท่านี้ก่อนนะครับ”
[อ้อๆ ได้สิ แต่เสาร์นี้กลับบ้านด้วยนะลูก พี่ภัทรเขาจะพาแฟนมาที่บ้าน จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน]
“ครับ” เมื่อลูกชายรับปากเรียบร้อย คุณหญิงประภัสสรก็วางสายไป ทิ้งให้ณธิปหน้าชาอยู่กับเกษสุดาเพียงลำพัง
“คุณเล็กคะ มีเรื่องอะไรหรือคะ” แม้จะพอเดาได้แล้ว แต่หญิงสาวก็ยังเอ่ยถามให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้หูฝาด
“หึ...ในที่สุดผมก็รู้แล้ว ว่าที่เขาบอกให้ผมถอยเพราะอะไร”
“นี่อย่าบอกนะคะ ว่าคนที่คุณหญิงป้าพูดถึง...”
“ใช่ จะมีใครไปได้ล่ะ”
“เดี๋ยวนะคะ บางทีอาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ได้”
“จะเข้าใจผิดได้ยังไง ในเมื่อคุณแม่พูดขนาดนี้แล้ว” ณธิปกัดฟันกรอด ในดวงตารีแดงก่ำเพราะทั้งโกรธ เสียใจ และน้อยใจปะปนกันไปหมด
ณธิปรู้สึกเจ็บที่ใจ...เจ็บอย่างที่ไม่เคยเจ็บมาก่อน
มันไม่ใช่แค่ความผิดหวัง แต่ยังรู้สึกเหมือนถูกทำลายความไว้ใจทั้งหมดที่มีให้ ยิ่งกว่าการเอาหัวใจของเขาเหวี่ยงลงพื้นและขยี้ด้วยปลายเท้า
ถ้ากมลบอกสักคำว่าอยากคบหรือกำลังคบกับพี่ชายเขาอยู่ ณธิปก็พร้อมจะถอยให้ แต่นี่อีกฝ่ายกลับไม่บอก และหลอกให้เขารักมากขึ้นทุกวันจนไม่อาจถอนใจได้
ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้...
ยิ่งคิด น้ำร้อนๆ ในตาก็ยิ่งเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า
เกษสุดาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเมื่อเห็นแบบนั้น เธอคิดอยากปลอบใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในเวลาเช่นนี้อาจจะมีแค่เวลาเท่านั้นที่ช่วยชายหนุ่มได้
ครั้นคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงตั้งใจบอกลา ให้ณธิปได้สงบสติอารมณ์ก่อน ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น หรือจะหาทางแก้ไขอะไร เอาไว้ค่อยปรึกษากันใหม่
ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะขอตัวกลับ เจ้าของห้องทำงานกว้างก็ผุดลุกขึ้น ดวงตาแดงก่ำที่เหมือนคนกำลังจะร้องไห้นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย แต่ที่เด่นชัดคือความโกรธและเสียใจ
“เกษ คุณกลับไปก่อนนะ ขอบคุณที่มาวันนี้” ณธิปว่า ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
“นั่นคุณจะไปไหนคะคุณเล็ก”
“ผมจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
“แต่คุณเล็กคะ รอให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนดีไหม” หญิงสาวรีบห้าม
“ให้เย็นยังไงไหว ผมใจเย็นมามากเกินพอแล้ว คุณพูดเองไม่ใช่หรือว่าผมต้องคุยกับเขา นี่ไง ผมกำลังจะไปคุยให้รู้เรื่อง”
“แต่ว่า...”
“ไม่แต่แล้ว ผมไปก่อนนะ” พูดจบณธิปก็หุนหันออกไปทันที ทิ้งให้เกษสุดามองตามด้วยความเป็นห่วง
ชายหนุ่มขับรถเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แต่ก็อย่างที่รู้ สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ไม่ได้เอื้อให้เป็นไปอย่างใจที่ณธิปต้องการสักเท่าไหร่ ระหว่างนั้นเขาก็กดต่อสายหาพี่ชายที่ไปทำงานอยู่แดนไกล แต่พี่ชายตัวดีก็ไม่รับโทรศัพท์เขาสักที
“ทำไมไม่รับสักทีวะ”
หลังจากกดโทรเป็นรอบที่สี่แต่พี่ชายไม่รับ คนใจร้อนก็โยนโทรศัพท์ไปยังเบาะข้างๆ แล้วหันมาก่นด่าไฟแดงข้างหน้าที่ไม่ยอมเขียวสักที
ส่วนกมล เขาไม่คิดจะกดโทรหาตั้งแต่แรก เพราะรู้ว่าอย่างไร อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมรับสาย สู้บุกไปหาถึงทีและคุยให้รู้เรื่องเลยดีกว่า
พอได้มาสงบสติอารมณ์บนรถ ชายหนุ่มก็ค่อยๆ เรียบเรียงความคิดเสียใหม่ แม้จะยังร้อนใจ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากติดแหง็กอยู่บนถนนที่จราจรติดขัด
ใจหนึ่งณธิปก็กลัวความจริงจากปากของคนใจร้าย แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากเชื่อว่ากมลจะทำกับเขาได้ลงคอ เพราะตลอดเวลาที่กลับมาให้โอกาสอีกครั้ง ไหนจะเหตุการณ์ต่างๆ ตอนไปบ้านป่างามด้วยกัน ณธิปรู้ว่ากมลไม่มีทางทำเพราะแค่เผลอหรือหลอกให้เขาตายใจอย่างเดียว
กมลไม่ใช่คนที่คบเผื่อเลือกแบบนั้น ถึงจะกล่าวหาว่าอีกฝ่ายใจร้ายบ่อยครั้ง แต่ณธิปก็รู้ว่ากมลเป็นคนดีกว่าใคร ดีอย่างที่เขาไม่เคยพบ
แล้วเช่นนี้อีกฝ่ายจะให้โอกาสเขาและณภัทรพร้อมๆ กันเผื่อเลือกจริงหรือ
ยิ่งคิด ณธิปก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายจึงมีแต่ต้องขับรถไปให้ถึง และถามให้รู้ความ ไม่ว่าเรื่องบ้าๆ นี่จะออกหัวหรือออกก้อยก็ตาม
กว่าจะเลี้ยวรถเข้ามาถึง I promise tower ได้ ณธิปก็ใช้เวลานานกว่าชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้น อารมณ์ที่ควรเย็นลงบ้าง กลับยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นมากกว่าเก่า ด้วยอะไรๆ ก็ไม่เป็นไปอย่างใจเขาสักอย่าง
ครั้นจอดรถเรียบร้อย ณธิปก็ก้าวฉับๆ เข้าไปในตึกทันที
“คุณไออยู่ไหม” เขาถามเมื่อมาถึงโต๊ะประชาสัมพันธ์
“อยู่ค่ะ แต่คุณไอกำลังประชุมอยู่”
“ประชุมอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มถามต่อ
“ได้นัดไว้ไหมคะ” ประชาสัมพันธ์สาวถามตามขั้นตอน ทว่าคนใจร้อนกลับไม่สนใจตอบ
“ประชุมอยู่ที่ไหน”
“คือ...”
“ห้องไหน ชั้นอะไร”
“เอ่อ...คุณณธิปคะ ดิฉันว่าคุณนั่งรอที่ห้องรับรองก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวดิฉันพาไป และจะรีบแจ้งให้คุณไอทราบทันทีที่ออกจากห้องประชุมค่ะ”
พนักงานผู้น่าสงสารรู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร แต่เธอก็รู้ว่า ไม่ว่าใครก็ไม่มีอภิสิทธิ์ทำอะไรตามใจทั้งนั้น หากไม่ใช่คำสั่งจากเจ้านายของเธอ
“จะตอบหรือจะให้หาเอง”
“คือ...ดิฉันต้องแจ้ง--”
“สรุปคือให้หาเองใช่ไหม”
แล้วมันต่างกันตรงไหน...หญิงสาวโอดครวญในใจ
“ว่ายังไง ฉันไม่มีเวลามากนักหรอกนะ!”
“หะ...ห้องประชุมใหญ่ชั้น 2 ค่ะ” เธอสะดุ้ง ก่อนเผลอบอกด้วยความตกใจ ซ้ำดวงตาเรียวๆ คู่นั้นยังสาดมาที่เธออย่างดุดันทำให้เธอพูดตะกุกตะกักอีกต่างหาก
“ก็เท่านั้น” พูดจบณธิปก็ก้าวต่อไปทันที โดยไม่ฟังเสียงพนักงานสาวหรือใครๆ ที่วิ่งตามมาด้านหลัง
“คุณณธิป! เข้าไปไม่ได้นะคะ!”
นาทีนี้เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็หยุดณธิป โชติตระกูลคนนี้ไม่ได้!!
---------------------------------------------------------
คุณเล็กมาแล้ว คุณเล็กไม่ยอมแล้ว แตกเป็นแตก 555555555
เจอกันตอนหน้าค่ะ มาดูว่าคุณไอจะว่ายังไง
ละอองฝน.