บทส่งท้าย
บรรยากาศภายในห้องพัก 710 เปลี่ยนไปจากตอนปกติ มันเต็มไปด้วยกลิ่นธูปและกำยานหอม สายสิญจน์สีขาวถูกผูกล้อมรอบห้อง ส่วนกลางห้องที่เคยมีชุดโซฟาหนังและโต๊ะรับแขกถูกยกออกไปแล้วแทนที่ด้วยโต๊ะหมู่บูชา มีจานบรรจุอาหารคาวหวาน อาหารมงคลหลายชนิดวางอยู่บนเสื่อเบื้องหน้าพระสงฆ์เก้ารูป
นอกจากนั้นก็มีชนกันต์ หมอกาย และป้าณีที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการนิมนต์พระจากวัดป่าตีนดอยมาสวดขึ้นบ้านใหม่และถือโอกาสทำบุญให้หมอจิณณ์ผู้ล่วงลับ
หลังจากฟื้นคืนสติ ชนกันต์ต้องอยู่รอดูอาการที่โรงพยาบาลถึงสองสัปดาห์ ร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็วเพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนในครอบครัว
แม่ถึงขั้นพักงานยาวเพื่อมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำเขาโดยเฉพาะ เขาสบายดีเกือบทุกอย่างแล้วทั้งร่างกายและจิตใจ เว้นแต่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นของแถมจากการนอนหลับมานานกว่าสองเดือนทำให้เขายังเดินได้ไม่ปกติ จำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยเหลือ
ชนกันต์ลาออกจากงานอย่างเป็นทางการเพราะไม่มีปัญญาออกไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง เขาตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านชั่วคราว เป็นลูกมือช่วยพ่อทำงานศิลปะใหม่ๆ รอให้ร่างกายฟื้นตัวแล้วค่อยหางานทำอีกครั้ง
ตอนนี้เขามีความสุขกับครอบครัว แม่ให้อิสระในการตัดสินใจกับทุกคนมากขึ้น ส่วนพี่ทีที่ได้อนิสงส์จากการป่วยของเขาในครั้งนี้ ก็ถือโอกาสปฏิเสธการหมั้นกับลูกสาวเพื่อนแม่ และตั้งใจจะหาสาวเป็นของตัวเองซึ่งแม่ก็ได้แต่ตีหน้ายักษ์เพราะเสียหน้าหน่อยๆแต่ก็ยอมตามใจ
ส่วนเขาก็คิดว่าวันหนึ่งจะสารภาพกับแม่ว่าชอบผู้ชาย และหน้าที่มีหลานให้แม่อุ้มคงต้องฝากไว้กับพี่ที แม่อาจจะช็อกแต่คงไม่ปฏิเสธสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข เอาเป็นว่าเขาคิดจะบอกแม่พร้อมกับเปิดตัวแฟนเลยทีเดียว แต่ประเด็นคือเขายังไม่มีแฟนน่ะสิ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองหมอกายที่นั่งพนมมือฟังพระสวดอยู่ข้างๆด้วยสายตาละห้อย ตั้งแต่ฟื้นคืนสติ หมอกายมาเยี่ยมเขาน้อยมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแม่มานั่งเฝ้าเขาเกือบตลอดเวลา ส่วนวันนี้ที่เขาออกจากโรงพยาบาล ป้าณีก็ชวนมางานทำบุญห้อง และทำพิธีตั้งศาลพระภูมิใหม่ ซึ่งเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอสองต่อสองสักที
ที่จริงแล้วชนกันต์รู้สึกผิดมาก ความโลเลของเขาเกือบจะทำให้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง จะว่าไปข้อดีของการนอนเป็นเจ้าชายนิทรา คือการทำให้เขามองเห็นความรู้สึกของหมอกายชัดเจนขึ้น ตอนนี้เขาเชื่อสนิทใจแล้วว่าหมอ ‘รัก’ เขาจริงๆ
จะมีสักกี่คนที่ดูแล ห่วงใย และรอคอยคนที่ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไร เขาอยากขอโทษที่เห็นแก่ตัว คิดว่าหลายครั้งคงทำให้หมอเสียใจ แต่พอตื่นขึ้นมาเห็นหน้าอีกฝ่าย เขากลับพูดอะไรไม่ออก
“กรวดน้ำครับ”
ชนกันต์สะดุ้งเมื่อหมอกายกระซิบบอกเขาที่เผลอใจลอย มือเอื้อมไปจับแขนซึ่งกำลังกรวดน้ำของหมอ ก่อนจะรู้สึกว่าถูกใครบางคนจับตามองจึงเงยหน้าขึ้นกวาดสายตาไปรอบๆห้อง
ที่ด้านหลังพระสงฆ์ ชนกันต์มองเห็นหมอจิณณ์ยืนสงบนิ่ง ใบหน้าที่เคยราบเรียบติดจะเย็นชาเสมอ เวลานี้มีรอยยิ้มประดับมุมปากน้อยๆ โดยที่ไม่ต้องสื่อสารกันด้วยคำพูด เขาคิดว่าถึงเวลาบอกลาแล้ว และคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นหมอจิณณ์อีก
“ไปสู่สุคตินะครับ”
ชนกันต์ก้มมองดูฝูงปลาตัวใหญ่ที่กำลังดีดตัวสะบัดน้ำเพื่อรับส่วนแบ่งของอาหาร แสงแดดยามสายที่ส่องกระทบผิวน้ำในสระหลังวัด เป็นประกายระยิบระยับ ชวนให้จิตใจคนมองผ่อนคลาย
จะว่าไปเขาขังตัวเองอยู่ในห้องพักกับโลกส่วนตัวมานานเกินไปแล้ว แม้แต่กิจกรรมง่ายๆที่สร้างความสุขสงบอย่างการมาให้อาหารปลาเขายังไม่เคยทำเลย มือหยิบขนมปังที่วางอยู่บนกำแพงปูนเตี้ยๆแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กก่อนโปรยลงไปทั่วผืนน้ำ
“กำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
ชนกันต์เหลือบไปมองหมอกายที่ยืนพิงกำแพงมองดูปลาอยู่ใกล้ๆ
“ก็คิดว่าปลาดุกตัวใหญ่น่าอร่อย”
หมอกายขยับยิ้ม แล้วเอื้อมมือมาดึงแก้มสองข้างจนหน้ายู่ยี่
“ปลาในวัดก็คิดจะกินเหรอครับ คนบาปหนา”
“เจ็บนะครับ”
ชนกันต์บ่นอุบอิบแล้วยกมือลูบแก้ม รู้สึกว่าระหว่างพวกเขาดูเก้อเขินแปลกๆ อาจเป็นเพราะไม่ได้พูดคุยกันมานาน หรือไม่ก็เพราะสาเหตุในการแขวนคอตัวเอง
ที่จริงแล้วชนกันต์อยากอธิบายให้หมอเข้าใจว่าเขาไม่ได้ต้องการฆ่าตัวตายและเขาให้สัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เขาทำให้หมอเหนื่อย เป็นห่วง และถ้าไม่ได้คิดเขาข้างตัวเองจนเกินไป หมอดูโทรมกว่าที่เคยเห็นเยอะเลย
แต่เพราะหมอกายไม่เคยถามถึงสาเหตุ ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องในวันนั้นราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญที่ควรใส่ใจ ชนกันต์จึงได้แต่แกล้งลืมๆคำอธิบายที่โง่งมไปทั้งหมด
“จะกลับบ้านเมื่อไรครับ”
“พรุ่งนี้ครับ พี่ทีจะมาช่วยเก็บของ”
ชนกันต์ตอบ ริมฝีปากเม้มแน่น เขาไม่รู้ว่ากำลังคาดหวังอะไรอยู่ แต่เขาอยากให้หมอกายแสดงออกสักนิดก็ยังดีว่าต้องการจะอยู่เคียงข้างเขาเหมือนเดิม ถึงแม้เขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ในห้องหมายเลข 709 แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่เปลี่ยนแปลงใช่มั้ย?
“ผมโทรหาคุณทุกวันได้มั้ย”
“ครับ”
ชนกันต์รับคำทันที…เพราะถ้าคุณไม่โทรมาผมก็คิดจะโทรไปอยู่แล้ว
“กันต์”
ชนกันต์เหลือบมองใบหน้าของหมอกายที่ก้มต่ำ ประกายตาฉายความลังเลครู่หนึ่ง ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมากุมมือข้างหนึ่งของเขาแล้วออกแรงบีบไว้แน่น
“ผมจะไม่ก้าวก่ายพื้นที่ในหัวใจของคุณ คุณอยากจะเก็บใครไว้ก็ได้ แต่ให้ผมอยู่ข้างๆได้มั้ยครับ”
ชนกันต์ชะงัก ประโยคร้องขอความรักจากปากของหมอกายควรทำให้ยิ้มกว้าง เพียงแต่ความเจ็บปวดที่แฝงมาในน้ำเสียงทำให้เขายิ้มไม่ออก…
ต่อจากนี้ไปเขาจะรักหมอกายที่เป็นหมอกาย เขาจะไม่รักหมอกายเพื่อเป็นตัวแทนของคนอื่น
“จะขอผมเป็นแฟนเหรอครับ”
ชนกันต์ออกแรงกระชับมืออีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามยิ้มๆ ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็คิดว่าชีวิตนี้คงไม่สามารถหันไปมองผู้ชายคนไหนได้อีกแล้ว…
หมอกายดีเกินไปและเขาคือคนที่โชคดีคนนั้น
“ไม่ล่ะ”
คำปฏิเสธเรียบๆกับรอยยิ้มกวนประสาททำให้อารมณ์หวาบหวามในตอนแรกพลันกระเจิง ได้แต่ตีหน้ายุ่งขมวดคิ้วใส่ เมื่อเห็นหมอกายยักไหล่อย่างไม่ใยดีก็ร้องด้วยความขัดใจ
“หมอ!”
จบกัน คิดว่าจะได้แฟนติดมือกลับไปในวันนี้ซะอีก
ร่างสูงหัวเราะเบาๆแล้วโน้มตัวเข้ามาโอบกอดชนกันต์ไว้หลวมๆ ริมฝีปากเลื่อนมากระซิบชิดใบหูด้วยประโยคที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงก่ำ ยืนตัวแข็งทื่อให้อีกฝ่ายลูบแผ่นหลังปลอบโยน
“คุณเป็นเมียผมแล้ว ไม่ต้องเป็นหรอกแฟน”
“ปล่อยผมได้แล้ว เราอยู่ในวัดนะครับ”
จริงๆแล้วชนกันต์ก็อยากยืนอยู่ในอ้อมกอดของหมอกายนานๆ เพียงแต่การแสดงความรักในที่สาธารณะระหว่างผู้ชายสองคนมันออกจะโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย
“กลับกันเถอะครับ แดดเริ่มแรงแล้ว”
ชนกันต์พยักหน้า หมอกายจึงเข้ามาประคองแขนข้างหนึ่ง ส่วนแขนอีกข้างของเขาใช้ไม้ค้ำยันช่วยในการเดิน
“หมอครับ”
“หืม”
ชนกันต์ก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า แค่ระยะทางไม่ไกลจากที่ตรงนี้ไปถึงรถยนต์ก็ทำเอาเขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
“ถ้าผมเดินเองได้เมื่อไร…”
ชนกันต์ก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่น ไหนๆหมอกายก็พูดเองว่าเขาเป็นเมีย งั้นเขาขอทำตัวหน้าไม่อายด้วยการเสนอตัวเองไปอยู่ในฐานะเมียจริงๆคงไม่เป็นไรมั้ง
“ขะ…ขอไปเป็นรูมเมทหมอได้มั้ยครับ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองดวงหน้าหล่อเหลาที่กำลังยิ้มกว้างแบบไม่ปิดบัง โดยเฉพาะดวงตาที่เป็นประกายวิบวับบ่งบอกได้ชัดเจนทีเดียวว่าหมอเข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่…
“ผมจะรอครับ”
-จบ-
ขอบคุณที่ติดตามผลงานเรื่องนี้จนจบนะคะ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า ^^
เเฟนเพจเราค่ะ
https://www.facebook.com/PKrabKrab/อุดหนุนหนังสือได้ที่ >>
http://darin-novel.lnwshop.com/https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetailsPublisher&publisher_id=1013269&id=1013269&name=Darin%20Novel&book_id=81247หนังสือราคา 260 บาท
E-book ราคา 200 บาท
(เขียนตอนพิเศษไว้ 1 ตอน)