ตอนที่ 5
“นี่ นายจะหลับให้ถึงพรุ่งนี้เลยหรือไง”
ผมมองที่ประตูที่มีพี่มิกกิยืนกอดอกพิงอยู่แล้วมองมาที่ผม
“ปวดหัวจัง”
ผมที่กำลังจะลุกนั่งแต่อยู่ดีๆก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา พี่มิกกิเดินมานั่งลงที่เตียงข้างๆผมแล้ววางมือบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ
“นายคงจะไม่สบาย งั้นนอนต่อไปเถอะ เดี๋ยวฉันลงไปบอกแม่บ้านให้เอายาและข้าวมาให้”
พี่มิกกิเดินออกไปจากห้องไม่นานแม่พี่มิกกิเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร ผมพยายามจะลุกไปช่วยยกเพราะรู้สึกเกรงใจ
“ไม่เป็นไรจ๊ะ น้องซีนั่งไหวไหม”
แม่พยุงผมให้นั่งพิงหัวเตียง
“ขอบคุณครับ”
“น้องซีคงจะเรียนหนักสินะถึงได้ไม่สบายอย่างนี้ วันนี้น้องซีนอนพักผ่อนอยู่บ้านแล้วกันนะ”
แม่ลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ ซีกินข้าวกินยาเดี๋ยวก็หายแล้ว แค่นี้สบายมาก”
“เด็กดื้อ”
ผมมองพี่มิกกิที่เดินเข้ามาก็ว่าผมเลย
“เดี๋ยวผมจัดการเด็กดื้อเองครับแม่”
พี่มิกกิบอกับแม่แล้วเดินมานั่งลงบนเตียงแทนแม่
“อ้าปาก”
พี่มิกกิเอาช้อนมาจ่อที่ปากผม ผมเลยต้องอ้าปากรับอย่างช่วยไม่ได้ แม่พี่มิกกิยืนมองพวกเราอยู่สักพักก็ออกจากห้องไป
“กินยาซะ”
หลังจากกินข้าวหมดพี่มิกกิก็ยื่นยามาให้ผม ผมยิ่งเป็นคนที่กินยายากอยู่ ยิ่งเป็นยาเม็ดยิ่งกลืนไม่ลงเลย ถึงผมจะโตขนาดนี้แล้วแต่ผมก็ยังต้องกินยาน้ำอยู่เลย
“ไม่มียาน้ำหรอ”
“นี่นายโตขนาดนี้ยังกินยาเม็ดไม่ได้อีกหรอ”
ผมพยักหน้าให้พี่มิกกิที่ทำหน้าเบื่อหน่ายมาให้
“งั้นก็ฝึกซะ อ้าปาก”
ผมหุบปากแน่แล้วส่ายหัวไปมา พี่มิกกิเอามือบีบปากผมแรงแล้วเอายายัดเข้ามา
“แอ้กกก ขมๆ”
ผมทำท่าจะคายยาออกมาแต่สายตาพี่มิกกิทำให้ผมต้องยอมอมมันต่อไป น้ำตาผมเริ่มคลอเพราะอาการขม พี่มิกกิยื่นน้ำมาให้ผม
“กินน้ำแล้วกลืนยาลงไป”
ผมทำตามที่พี่มิกกิบอกแต่ยามันก็ไม่ยอมลงสักที ตอนนี้ความขมกระจายไปจนทั่วปากจนผมอยากจะอ้วก
“ถ้ากลืนไม่ลงก็อมอยู่อย่างนั้นแหละ”
พี่มิกกิมองผมนิ่ง ผมก็มองพี่มิกกิตอบ
“พี่มิกกิใจร้าย ฮือฮือ ซีขม ฮึก”
ผมที่ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา พี่มิกกิยังคงนิ่งปล่อยให้ผมร้องอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นผมไม่ยอมหยุดสักทีพี่มิกกิเลยถอนหายใจยาวๆแล้วส่งน้ำมาให้ผมอีกที
“เฮ้ย นายนี่มันจริงๆเลยนะ เอ้า กินน้ำแล้วลองกลืนอีกที”
ผมกินน้ำแล้วกลืนยาลงไป ครั้งนี้ได้ผล ยาที่ละลายอยู่ในปากผมเคลื่อนผ่านคอผมไปแล้ว
“แค่นี้ก็จบแล้ว ดูสิตาบวมดูไม่ได้เลย”
“ก็มันขมนี่หน่า”
ผมใช้มือเช็ดน้ำตาออกแล้วลุกจะไปอาบน้ำ
“นายจะไปไหน”
“ซีจะไปอาบน้ำ จะได้ไปโรงเรียน”
“มานอนเดี๋ยวนี้”
พี่มิกกิออกคำสั่งกับผม
“ไม่เอาซีจะไปโรงเรียน”
“หึ จะไปหาไอ้กายสินะ ห่างกันแค่วันเดียวคงไม่ตายหรอก”
ผมมองพี่มิกกิแบบงงๆ ทำไมพี่มิกกิต้องพูดประชดประชันด้วย
“เกี่ยวอะไรกับไอ้กาย ซีแค่อยากจะไปเรียน”
“ไม่รู้สิ ก็เห็นว่าเป็นห่วงกันเหลือเกิน ฉันก็คิดว่าเป็นแฟนกัน”
“ซีกับไอ้กายเนี่ยนะ ถ้าซีเป็นแฟนกับมันคงตีกันตายก่อน”
ผมมองพี่มิกกิที่ยิ้มที่มุมปากนิดๆ เป็นอะไรของเขานะ เดี๋ยวก็หงุดหงิดเดี๋ยวก็อารมณ์ดี
“แต่นายต้องนอนพักวันนึงให้หายดีก่อน”
“แต่ซีอยากไปเรียนนี่หน่า ซีจะได้สอบผ่าน พี่มิกกิจะได้ดีใจ”
“นายนี่นะ แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้วที่เห็นนายตั้งใจเรียน”
พี่มิกกิลูบหัวผมเบาๆ หัวใจผมเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนทั้งๆที่คนอื่นๆก็ลูบหัวผม ผมคิดว่า ผมชอบพี่มิกกิเข้าแล้วล่ะ ผมชอบดวงตาที่นิ่งๆ ชอบคำพูดที่เย็นชาและชอบการกระทำที่จะขัดต่อคำพูดเสมอ ผมไม่รู้ว่าเริ่มชอบพี่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกที ผมก็อยากจะอยู่ใกล้ๆพี่มิกกิตลอดเวลาไปเสียแล้ว
“พี่มิกกิ”
ผมเรียกพี่มิกกิแล้วหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความกล้าของตัวเอง
“ซีชอบพี่มิกกิ”
ผมหลับตาปี๋เมื่อพูดมันออกไปแล้ว กล้าอะไรอย่างนี้นะเรา ผมไม่กล้าจะลืมตามองพี่มิกกิเลยไม่รู้ว่าพี่เขาทำหน้าอย่างไรอยู่
“หึ”
ผมลืมตาข้างหนึ่งมองพี่มิกกิที่หัวเราะ พี่มิกกิมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ ผมเลยลืมตามองพี่มิกกิอย่างเต็มสองตา
“นายตัดใจซะเถอะ”
“ซีไม่มีทางยอมแพ้หรอก ซีจะทำให้พี่มิกกิชอบซีให้ได้”
“ฉันจะไปโรงเรียนแล้ว”
พี่มิกกิลุกขึ้นเดินล้วงกระเป๋าเดินออกไปจากห้อง ผมนอนบนเตียงได้สักพักก็รู้สึกหนังตาเริ่มหนัก สงสัยยาจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
“ไอ้ซี มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่าว่ะ”
ไอ้กายรีบาลากผมไปนั่งที่โต๊ะทันที
“กูไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
ผมสะบัดมือไอ้กายออกอย่างรำคาญ แล้วนั่งคิดแผนการที่จะทำให้พี่มิกกิชอบผมให้ได้
“เออ ไม่ได้เป็นไรก็ดีแล้ว”
ไอ้กายบอกผมงอนๆแล้วหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นไม่สนใจผม
“อย่าไปสนใจมันเลย ช่วงนี้ประจำเดือนมันคงมาไม่ปกติ”
ไอ้ไทว่า ไอ้กายที่นั่งใกล้ๆได้ยินเลยหันมาโบกหัวมันทีนึงแล้วหันไปคุยต่อ
“มึงรู้ยังว่าวันนี้โรงอาหารเข้าปิดปรับปรุง”
ไอ้ไทถามผม ผมส่ายหัวไปให้มัน ผมจะไปรู้ได้ไงเพราะเมื่อวานไม่ได้มาโรงเรียน
“แล้วมึงจะกินอะไรว่ะ”
“เดี๋ยวกูก็ไปซื้อที่สหกรณ์ก็ได้ หรือไม่กูก็แย่งมึงกินไง”
“ไม่ได้เว้ย แม่กูทำมาให้พอดีกูกิน ถ้าให้ผีปอบอย่างมึงมากินด้วยกูก็อดน่ะสิ”
“เชอะกูไม่แย่งมึงก็ได้”
ผมว่ามันงอนๆแล้วตั้งใจอ่านหนังสือรอครูมาสอน
“มึงไม่ได้เตรียมข้าวมาใช่ไหม”
ไอ้กายที่หายโกรธผมแล้วถาม มันโกรธผมได้ไม่นานหรอก
“อืม ก็พวกมึงไม่บอกกูนี่หว่า ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวกูไปซื้อที่สหกรณ์”
“มึงกิน…”
“ซี!!”
ผมหันไปมองต้นเสียงที่กำลังเรียกผม เมื่อเห็นว่าเป็นพี่มิกกิก็เลยเดินเข้าไปหา
“พี่มิกกิมีอะไรหรอ”
“มานี่”
พี่มิกกิจูงมือพาผมมาที่ห้องเรียนของพี่เขาที่ตอนนี้ไม่มีคนเลย
“มีอะไรหรอ”
ผมถามพี่มิกกิตาปริบๆ พี่มิกกิไม่ตอบแต่นั่งลงแล้วเปิดกล่องข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ
“โหหห ทำไมเยอะจัง”
ผมมองอาหารในกล่องตาโต
“ฉันไม่เข้าใจแม่เลยจริงๆ ทำไมไม่แยกกล่องของฉันกับนาย เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ”
พี่มิกกิบ่นนิ่งๆ ผมได้แค่ยิ้มแหยะตอบกลับไป แม่เขาอาจจะไม่อยากให้เปลืองกล่องใส่อาหารก็ได้มั้ง
“กินสิ ยืนมองแล้วจะอิ่มไหม”
ผมเลยเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพี่มิกกิแล้วตักอาหารในกล่องกิน อาหารมื้อนี้เป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดของผม นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจอีกด้วย
“นายจะมองหน้าฉันอีกนานไหม”
พี่มิกกิเริ่มหงุดหงิดที่ผมเอาแต่นั่งมองหน้าพี่เขา
“ซีว่าตอนพี่ทำหน้าหงุดหงิดก็ดูดีนะ”
พี่มิกกิที่ได้ฟังผมก็ยิ่งทำหน้าหงุดหงิดเข้าไปอีก
“แบบนี้ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่”
ปั้ง!!
พี่มิกกิตบโต๊ะเสียงดัง ผมสะดุ้งแล้วเขยิบตัวออกห่างนิดนึงอย่างหยั่งเชิง
“ไม่มีเรียนหรือไงถึงได้มานั่งจ้องหน้าฉันอย่างนี้!!”
ตอนนี้เรากินข้าวเสร็จแล้วแต่ผมยังไม่ยอมกลับห้องตัวเอง ก็แหม กว่าจะได้อยู่กับพี่มิกกินานๆมันยากจะตาย
“แหะๆ งั้นซีไปก่อนนะ”
พี่มิกกิส่งสายตาเซ้งๆมาให้ผมแล้วอ่านหนังสือต่อ ผมเดินกลับห้องอย่างอารมณ์ดีทำให้ไอ้ไทที่จ้องจะกัดผมอยู่แหวะขึ้นมาทันที
“ไงมึง ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมมาเลยนะ มีอะไรเล่าให้กูฟังบ้างสิ”
ไอ้ไทลากเก้าอี้มานั่งข้างๆผมแล้วสะกิดมาที่เอวผมแรงๆ
“ถ้ากูบอกมึง มึงห้ามไปบอกใครนะ”
“เออๆ กูไม่บอกหรอก”
“ถ้ามึงบอกขอให้มึงเป็นหมัน สัญญา”
“เออ สัญญา”
ไอ้ไทตอบรับอย่างรวดเร็ว
“กูชอบพี่มิกกิ”
“ฮะ!!!”
ไอ้ไทแหกปากดังลั่นทำให้เพื่อนๆในห้องหันมามองที่ผมกับมันจนหมดรวมทั้งไอ้กายที่ท่าทางมันจะโกรธผมอีกรอบแล้ว
“มึงอย่าเสียงดังดิวะ”
“เป็นไปได้ไง แล้วพี่มิกรู้หรือเปล่า”
ผมพยักหน้าอย่าอายๆ
“แล้วมึงจะทำอย่างไรต่อไป”
“กูจะทำให้พี่มิกกิชอบกูให้ได้”
“แล้วมึงจะไม่บอกไอ้กายหรอวะ”
ผมยังไม่รู้เลยว่าควรจะบอกมันดีหรือเปล่า ไม่รู้สิ ผมไม่กล้าบอกมันทั้งๆที่สนิทกับมันพอๆกับที่สนิทกับไอ้ไท แต่ผมสบายใจที่จะบอกไอ้ไทคนเดียวมากกว่า
“ไม่รู้สิ มึงว่าไง”
“กูว่ามึงบอกมันดีกว่านะ เดี๋ยวมันรู้ทีหลังแล้วจะโกรธมึงอีก”
ผมคิดตามที่ไอ้ไทบอก ถ้ามันรู้เองมันต้องโกรธผมแน่ๆ ผมมั่นใจได้
“ไอ้กาย”
ผมเรียกไอ้กายที่นั่งข้างๆผมแต่ไม่สนใจผมสักนิด
“อะไร”
เสียงห้วนได้อีก ผมนี่ใจเสียเลย
“กูมีอะไรจะบอก”
ไอ้ไทมันหันมาสนใจผมแล้ว แต่มันยิ่งทำให้ผมกดดันมากขึ้นอีก มันมองผมอย่างสงสัยแล้วรอให้ผมพูด
“กูชอบพี่มิกกิ”
มันมองผมนิ่งๆ แต่มีแว๊บนึงที่ผมเห็นมันทำหน้าเศร้าแล้วกลับมายิ้มให้ผม
“กูรู้อยู่แล้วแหละ”
มันขยี้ผมของผมแรงๆจนยุ่งไปหมด
“รู้ได้ไง”
“ก็มึงแสดงออกขนาดนั้นใครๆก็รู้”
“แต่ไอ้ไทไม่เห็นจะรู้เลย”
“ยกเว้นไอ้ไทไว้คนนึง”
ไอ้กายหัวเราะให้ผม ผมค่อยโล่งใจหน่อย นึกว่าจะโดนมันโกรธซะแล้ว
“แล้วมึงจะทำอย่างไรต่อไปวะ”
“ยังไม่รู้เลยอ่ะ แต่ตอนนี้กูคงต้องยึดหลักการที่ว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลกไปก่อน”
“กูเอาใจช่วยมึงนะ แต่ถ้ามึงเหนื่อยเมื่อไหร่ก็หยุดนะ”
“ขอบใจนะเว้ย”
ผมตบบ่าไอ้กายเบาๆแล้วยิ้มให้มันอย่างจริงใจ มีเพื่อนดีก็ดีอย่างนี้แหละ
ฝันดีฝันหวานทุกคนน้า พิมพ์ไปตาจะปิดไป:a12:ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ