Just you and I : Part Bae & Two [1]
[Two]
กราบสวัสดีครับ ผมชื่อทู เป็นลูกคนที่สอง มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อ วัน มีน้องชายหนึ่งคนชื่อ ทรี พวกเราสามคนพี่น้องหน้าตาดีกันทั้งบ้าน อันนี้พูดจริงมิได้โม้ ที่ผมเรียนศิลปกรรมเพราะสงสารเพื่อนครับ ไอ้กลอยมันเอ๋อๆ ไม่ยอมมาติวเพราะมันน่ะมัวแต่ไปตามจีบสาว พอถึงตอนสอบมันเลยไม่ติดอันดับแรกๆ มันติดอันดับสุดท้ายกับคณะที่มันเลือก ที่จริงผมติดที่เดียวกับเพื่อนอีกสองคน แต่พอได้มองหน้าไอ้กลอยแล้วเลยสละสิทธิ์เลือกเอาคณะเดียวกับมันแทน ผมเป็นคนดีมากๆ เลยเห็นป่ะ
ครอบครัวผมเป็นเภสัชกรกันหมด น้องคนที่สามก็เริ่มติวค่ายเภสัช คงจะมีผมคนเดียวที่ผิดแปลก ตอนแรกพ่อก็ตัดเงินผมทุกเดือน แถมยังไม่ยอมกินข้าวรวมโต๊ะเดียวกัน คือโกรธมากจนผมไม่กล้าสู้หน้าเลยขอแม่ไปนอนที่หอ ตอนแรกที่ออกมาอยู่คนเดียวโคตรลำบาก ไหนจะที่นอน ไหนจะเรื่องกิน แต่พอนานวันเข้าก็ค่อยๆ ปรับตัวได้ หอผมกับหอไอ้กลอยไม่ไกลกันมาก ทั้งที่ควรจะมาอยู่ด้วยกันก็ได้ แต่เพราะผมอยากหัดทำอะไรเอง
เทอมแรกของการเรียนมันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ได้เลย ที่ผ่านมาได้เพราะมีเพื่อนๆ ช่วย วิชาวาดรูปอะไรนั่นก็ให้ไอ้กลอยช่วย จนผมต้องไปลงเรียนพิเศษเพิ่มเติม คือมันไม่ไหวอ่ะ จะให้เพื่อนช่วยทุกงานมันก็ไม่ใช่ พอลงเรียนไปหลายครอสก็เริ่มง่ายขึ้น จนพาตัวเองมายืนอยู่ในจุดปีสองได้อย่างสวยงาม
ผมกับไอ้กลอยสนิทกันมานานมาก จนเรียนมหาลัยตัวผมกับมันก็ยิ่งติดกันจนถูกกลุ่มสาวๆ ในห้องเอาไปตั้งกระทู้คู่จิ้นอะไรสักอย่าง ผมก็เฉยๆ นะ แต่ที่ผมไม่ชอบคือทำไมต้องบอกว่าผมเป็นฝ่ายรับ ทั้งๆ ที่ไอ้กลอยมันขี้แยกว่าผมอีก เห็นมันแบบนั้นมันกลัวเงาะนะจะบอกให้ ผมกับพวกไอ้อัธ ไอ้ม่านเคยหลอกเอาเงาะใส่กระเป๋าแล้วให้ไอ้กลอยล้วง พอมันเอามือล้วงกระเป๋าเจอเงาะ มันร้องไห้วิ่งหนีจนถูกมอเตอร์ไซค์ชน จากนั้นพวกผมเลยไม่แกล้งมันอีก
ส่วนความรักของผมเกิดขึ้นเมื่อมีคนย้ายเข้ามาอยู่บ้านตรงข้าม ที่จริงก็นานแล้วแต่ผมเพิ่งจะเคยเห็น พี่เขาเป็นคนหน้าตาดี อารมณ์ดี ที่บ้านมีหมาตัวใหญ่สองตัวสีดำ ทุกเช้าพี่เขาจะพาหมาสองตัวไปเดินเล่น เคยเห็นหมาหนึ่งในสองอึออกมาแล้วพี่เขาก็หยิบถุงกับที่คีบเก็บอึหมาตัวเอง ช่างเป็นคนที่รับผิดชอบดีจริงๆ
แม่บอกว่าพี่เขาชื่อเบ รู้จักชื่อตอนที่เอาแกงไปให้แม่ของพี่เขา ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ม.ปลาย มันเหมือนเป็นรักแรกพบ จนผมเข้ามหาลัยก็ต้องย้ายออกมาเนื่องจากพ่อแอนตี้ โคตรเสียใจที่จะไม่ได้เจอพี่เขาอีก
แต่ที่ไหนได้ พี่ที่ผมแอบชอบย้ายมาอยู่คอนโดข้างหอพักของผม แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมปักใจได้ยังไง วันที่ไปมหาลัยบังเอิญพี่เบขับรถออกมาเจอผมที่ยืนอยู่ พี่เขาอาสาไปส่ง ตอนนั้นรู้สึกดีใจหล๊ายหลาย แอบมองหน้าหล่อๆ ตลอดทาง เรื่องราวทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี จนผมขึ้นปีสองเริ่มสนิทกับพี่เบมากขึ้นถึงขั้นไปดูหนังหรือกินข้าวกัน อาจเพราะผมคิดไปเองว่าพี่เขาคงจะชอบผม วันนั้นผมเลยตัดสินใจบอกพี่เขาไปตรงๆ
“ผมชอบพี่ครับ” ผมพูดไปเขินไป เหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยในหนังสือการ์ตูนที่อ่าน หน้าพี่เขาที่กำลังยิ้มแย้มค่อยๆ นิ่งจนคิ้วขมวด
“พี่ก็ชอบน้องนะ” ประโยคที่ทำเอาหัวใจฟู ก่อนมันจะดับอับเฉาลง “แต่ชอบแบบน้อง”
จ้องหน้าพี่เขาที่จริงจังซะจนพูดอะไรไม่ออก ผมรู้ว่าคู่ควงพี่เขาบางคนก็เป็นเด็กผู้ชายน่ารักๆ เพราะเคยเห็น แล้วผมไม่น่ารักเหรอ อ่า อาจจะน่ารักน้อยกว่าไอ้กลอย แต่ผมก็มีดีของผม พี่เบมองผมนิ่งๆ ยังไม่พูดอะไรจนเป็นผมที่เริ่มระบายทุกอย่าง
“พี่ไม่ชอบผมแล้วชวนผมไปดูหนังตอนดึกทำไม ไม่ชอบผมแล้วชวนไปกินข้าวสองคนทุกครั้งทำไม ไม่ชอบผมจะชวนผมไปดูทีวีที่ห้องทำไม พี่แม่งโคตรเลว ให้ความหวังทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าผมชอบพี่ โคตรเกลียดว่ะ ไอ้ทุเรศ” ตะโกนออกไปทั้งน้ำตา ตอนนั้นโคตรเสียใจ อยากระบายความอัดอั้นออกมา
“มึงด่ากูเหรอวะ” เสียงตะคอกจนผมสะดุ้ง เป็นครั้งแรกที่ได้ยินพี่เบพูดกูมึงกับผม
“เออ” ตอบกลับทั้งที่ยังร้องไห้สะอื้น
“แค่เห็นกูทำดีด้วยหน่อยพอไม่ได้อย่างที่หวังก็ด่ากูเหรอวะ ที่กูทำทั้งหมดเพราะเห็นมึงอยู่ตัวคนเดียวแล้วสงสาร กูไม่ได้ชอบมึง”
“ไม่ต้องมาสงสารกูไอ้เหี้ย กูไม่เคยต้องการความสงสารจากมึงเลย” ตะโกนครั้งสุดท้ายก่อนจะวิ่งหนีกลับหอพักที่สภาพต่างจากคอนโดหรูใกล้ๆ
ผมวิ่งไปปาดน้ำตาไปไม่สนแม้จะถูกคนใต้หอพักมองอย่างแปลกใจ ไม่สนอะไรแล้ว เหี้ยเอ้ย นี่ผมมันโง่เองที่คิดอะไรไปคนเดียว ทั้งๆ ที่มันก็คบคนไปทั่ว ลืมคิดไปว่ามันก็น่าจะทำกับคนอื่นแบบนี้หมด ไม่น่าหลงดีใจหลงใหลไปกับอารมณ์บ้าๆ นั่น
วันต่อมาผมขอย้ายจากหอพักไปอีกที่หนึ่ง แม้จะถูกยึดเงินประกันค่าห้องก็ยอม ผมไม่อยากทนอยู่ในที่เดิมๆ ห้องของผมมันก็เคยขึ้นมา ผมโทรเรียกไอ้ม่านให้มาช่วย มันมองหน้าผมอย่างจับผิด ก็ตาบวมขนาดนี้มันก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา
“มึงทะเลาะกับพ่ออีกแล้วเหรอ” ยังโชคดีที่ไอ้ม่านคิดแบบนั้น
“อืม”
จากนั้นมันก็ช่วยเก็บของทุกอย่างใส่ท้ายรถกระบะคันใหญ่ของมัน ข้าวของผมก็มีไม่มากหรอกครับ ก่อนไปผมหันไปมองคอนโดหรูข้างๆ
...ลาก่อน
การเรียนปีสองไม่ได้หนักหนามากมายแต่แทบตายเลยก็ว่าได้ งานถูกสั่งเข้ามาพร้อมๆ กันจนไม่ได้เว้นให้หายใจ ยกเว้นไอ้เกรียนข้างๆ ผมที่ช่วงนี้มีกำลังใจที่ดี หลายครั้งที่มีคนมานั่งเฝ้าพร้อมพูดจาจริงจังปนเลี่ยนจนอยากจะอ้วก รู้สึกจะชื่อพี่โช
รายละเอียดที่มันเล่ามาทั้งหมดผมก็ว่า พี่เขาโคตรจริงจังกับมัน คนแบบนี้ไม่ต้องมานั่งกลัวเสียใจอะไรเพราะท่าทางที่แสดงออกกับคำพูดมันออกมาจากใจจริงๆ ไม่เหมือนคนที่ผมเจอ พอนึกถึงก็โกรธตัวเองที่ไปหลงคารมเอาซะได้
พี่โชมีเพื่อนอีกคนที่ผมพอจะรู้จักบ้าง พี่เขาชื่อจอม ดูเป็นคนกินโคตรเก่ง เจอทีไรเรียกผมไอ้ลูกคนที่สองตลอด แต่หน้านิ่งๆ เวลาไม่ยิ้มนี่อย่างดุ ถ้าให้สนิทด้วยผมกลัวจะถูกบีบคอตายเอาสักวัน
ตอนนี้ผมมาหอไอ้ม่านกับไอ้กลอย คราสเลื่อนเลยพากันมารวมกลุ่มคุยเรื่องไอ้กลอยเลือกกับแฟนที่คบกัน ผมได้ยินไอ้อัธบอกเรื่องแฟนมันมีชู้หลายรอบแต่ไอ้กลอยไม่เชื่อ จนมันได้เห็นเองกับตาและบอกเลิก แต่ท่าทางมันไม่สลดสนิท สงสัยจะเลิกรักไปแล้ว เมื่อก่อนจะไปไหนทีต้องคอยโทรรายงาน
พอจะกลับผมถูกมันลากไปหาแฟนมัน ไม่ได้สนิทขั้นนั้นผมก็ไม่อยากไป คือมันวางตัวไม่ถูกจริงๆ แล้วยิ่งพี่เขาหน้าตาโคตรดุ เวลาจ้องหน้าหรือโดนพี่เขาจ้องมันขนลุกแปลกๆ รู้สึกถึงรังสีน่ากลัวอยู่รอบๆ คิดแล้วสยอง
ไอ้กลอยมันดูท่าจะสนิทกับเพื่อนพี่เขาทุกคน ดูมันยกมือไหว้รอบทิศจนเพื่อนพี่เขาขำ ผมกำลังจะทำตามแต่ตาดันไปเหลือบเห็นคนที่ทำให้ผมต้องย้ายออกหอ ตอนนี้มันก็เห็นผมเหมือนกัน ท่าทางที่เห็นคือมันไม่พอใจเอามากๆ แล้วคิดว่าผมพอใจเหรอ ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไอ้กลอยถามอะไรผมก็บอกว่าอยากกลับอย่างเดียว
“ไอ้เชี่ยเบเป็นไร ปวดขี้เหรอวะ” มีใครถามสักคน ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหรอก แต่น้ำเสียงที่ตอบก็พอจะรู้
“เปล่า กูแค่เห็นอะไรที่มันเกะกะลูกตา” เสียงเย็นชาที่ตอบผมก็ยิ่งเม้มปาก
อยากกลับตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย
“ลูกตามึงเสือกไปเห็นเองหรือเปล่า”
“เออ มันเสือกมาอยู่ให้ลูกตากูเห็นไง” ประชดสินะ
ผมรีบกระตุกแขนเสื้อไอ้กลอยทันที มันคงเห็นผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลยบอกแฟนมัน ผมลุกขึ้นแต่ถูกพี่จอมเข้ามากอดแน่น ความอุ่นวาบยิ่งทำให้น้ำตาจะไหลออกมา แต่พอมีคนดึงพี่เขาไป ผมก็รีบเดินออกมาทันที โดนมีไอ้กลอยเดินแตะบ่าอยู่ข้างๆ
“มึงมีอะไรปรึกษากูได้นะ กูเป็นเพื่อนมึงนะ” ไอ้กลอยพูด ผมเลยเงยหน้ายิ้มให้มันนิดๆ รู้สึกแสบจมูกไปหมด การกลั้นร้องไห้นี่โคตรจะทรมานเลย ระหว่างซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของไอ้กลอย ผมก็ซบหน้าเข้าที่หลังของเพื่อน มันคงรู้ว่าผมร้องไห้ เพราะเสื้อด้านหลังมันเปียกน้ำตาของผม
ขากลับมาที่ห้อง ไอ้กลอยไม่พูดอะไร มันกอดคอพาผมขึ้นห้องตัวเอง ตอนแรกมันก็สงสัยทำไมถึงต้องย้ายหอ แต่ผมแค่บอกว่ากลัวผีมันก็เหมือนจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่ถามต่อ ขึ้นมาบนห้อง ผมก็รีบล้มตัวนอนบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มคลุมหัวจนมิด
...ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ไอ้กลอยมันโทรไปยกเลิกกินข้าวแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม มันได้แต่ถอนหายใจ ผมเลยเลิกผ้าห่มบอกให้มันกลับ แต่มันก็ดื้อ ผมเลยยอมเล่าทุกอย่างออกไป ตอนเล่า ผมเห็นไอ้กลอยขมวดคิ้วบ้าง ทำปากขมุบขมิบบ้าง สุดท้ายมันก็โทรไปหาเพื่อนอีกสองคนที่ไม่ได้มา ได้ยินคร่าวๆ ว่าจะช่วยผมเรื่องพี่เบ แต่ผมว่า อย่ายุ่งกับเรื่องนี้เลย ปล่อยมันไปแบบนั้นดีอยู่แล้ว พี่เขาก็ดูรังเกียจผมขนาดนั้น
แกล้งหลับจนเพื่อนที่เป็นห่วงลงไปด้านล่างเพราะได้ยินข้อความดังตลอด คงจะมารออยู่แล้ว ไอ้กลอยมันโชคดีที่เจอคนที่จริงใจ แม้ตอนแรกผมจะห่วงมันเพราะพี่เขาก็ดูเจ้าชู้ แต่พอเอาเข้าจริง พี่เขากลับทำตัวเป็นคนใหม่ บอกเลิกผู้หญิงทุกคนเลยก็ว่าได้ โคตรดี
พอได้ยินเสียงปิดประตู ผมก็เลิกผ้าห่มออกแล้วนั่งอยู่บนเตียงมองรอบๆ ห้อง มันว่างเปล่า เหลือผมคนเดียวอีกแล้วสินะ ผมเหมือนมีปมด้อยที่อยู่ในใจ การเป็นลูกคนกลางมักจะโดนลืมอยู่บ่อยครั้ง พ่อชอบพี่คนโต แม่เอาใจน้องคนเล็ก ส่วนคนกลางอย่างผมได้แต่กอดตัวเองยามต้องร้องไห้
กล่องขนมที่วางลิ้นชักตู้หัวเตียงมีความทรงจำช่วงที่ผ่านมา ผมลังเลว่าจะหยิบออกมาเปิดดูดีหรือเปล่า แต่ก็ปล่อยมันทิ้งไว้แบบนั้น ตั๋วหนังทุกใบ สลิปใบเสร็จกินข้าวทุกมื้อ รวมถึงรูปถ่ายจากกล้องโพลารอยของผม มันวงปนๆ อยู่ในนั้น ผมยื่นมือหยิบกล้องตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปสภาพแสนจะดูไม่ได้ของตัวเองไว้ เพียงแค่ชั่วครู่รูปที่ถ่ายก็ปรากฏภาพของผมที่ดูแทบไม่ได้ ตาบวมบูด ผมเผ้ารุงรัง จมูกแดงเป็นลูกตำลึง โคตรอุบาทว่ะมึง ไอ้ทู
ลุกไปยืนดูตัวเองอีกทีหน้ากระจก หน้าตามึงโคตรทุเรศ มิน่าพี่เขาถึงไม่ชอบ ยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง พร้อมกับยื่นมือไปลูบหน้าบวมในกระจก ไอ้ทู มึงอย่าเป็นแบบนี้สิ มึงเก่งออกขนาดนี้ พยายามยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ใช่ ผมต้องหาย กะอีแค่เจอคนไม่ดีผ่านเข้ามาทำเอาเสียศูนย์ไปได้ถึงขนาดนี้
รีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ แล้วเอาถุงชาที่เอามาแช่ประคบตาบวมๆ หวังว่าพรุ่งนี้มันคงจะยุบนะ มีเรียนเช้าด้วย เอาล่ะ ผมจะเป็นคนใหม่ จะเป็นนิวทูให้ได้ จะไปแคร์ทำไมไอ้ผู้ชายแบบนั้น รักแรกมันก็แค่ทางผ่าน ครั้งใหม่หน้าอาจเป็นรักแท้...สู้โว้ย
“ไอ้เชี่ยกลอยล้มมาไม่ได้?” ไอ้ต๋องมันถาม หน้ามันโคตรจะเอ๋อ
“เออ โทรมาบอกกูเมื่อกี้” ผมบอก ตอนนี้สภาพผมกลับมาดูดี หล่อเฟี้ยวฟ้าวเหมือนเดิม
“มันเดินโง่ยังไงให้ล้มหัวเข่าบวมวะ” กูก็อยากรู้เหมือนกันและไอ้เค
“ไม่ต้องเดินมันก็โง่หรือเปล่าวะ” ไอ้สักพูดปิดท้ายเล่นเอาฮายกแผง
ไอ้กลอยไม่อยู่สักคน กลุ่มก็ยังเฮฮา แม้จะไม่เท่าเดิมก็ตาม ไอ้คนเจ็บมันเป็นตัวน่าแกล้งสำหรับทุกคน แล้วเป็นประเภทยุขึ้น เคยถูกไอ้สักยุให้ไปปีนมะม่วงตอนไปเข้าค่าย ไอ้กลอยมันปีนขึ้นไปแต่ถึงยอดกลับไม่มีมะม่วงสักลูก พวกผมที่อยู่ด้านล่างก็ฮาขี้แตกขี้แตน สุดท้ายมันปัดรังมดแดงตกลงมา พวกผมวิ่งแตกกระเจิงคนละทิศละทาง แก้แค้นได้เจ็บแสบและคันมาก
วันนี้เรียนไปง่วงไป เพราะเมื่อคืนเผลอสะดุ้งตื่นหลายครั้งเมื่อไอ้ถุงชาที่วางบนตามันไหลลงมาที่ไหล่ เล่นเอาตกใจจนแทบวิ่ง พอเรียนเสร็จก็เดินเบลอๆ จะกลับ ไอ้ม่านโทรมาชวนไปกินของฟรีตอนเย็นผมก็เออออไปไม่ได้ฟังดี กลับมาถึงหอก็หลับเป็นตาย จนเสียงโทรศัพท์ปลุกถึงลุกขึ้นมานั่งหน้าอืด
“เออๆ”
“กูกับไอ้อัธอยู่ข้างล่างเนี่ย รีบๆ ลงมา” เสียงไอ้ม่าน ผมเหลือบมองนาฬิกา ตายห่า เกือบจะทุ่มแล้ว นี่ผมนอนยิงยาวแบบนี้เลยเหรอเนี่ย รีบอาบน้ำแต่งตัวใหม่ใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีก้เดินหล่อลงไปข้างล่าง
“ไอ้เชี่ย” ถูกไอ้ม่านตบหัวไปหนึ่งทีจนเกือบจะสวน แต่รู้ว่าทำผิดเลยปล่อยไปก่อน
“โทษที กูนอนยิงยาวเลยว่ะ” ผมตอบ ไอ้อัธพยักหน้าแล้วมันก็กอดคอผมเดินไปที่รถมัน โดนมีไอ้ม่านคอยเตะขาผมตลอดทาง ไอ้เชี่ยนี่กวนตีน
นั่งรถมาพวกมันก็เงียบๆ จนผมสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป จนมาถึงคอนโดใครสักคนที่แม่งโคตรหรู แค่ด้านล่างการตกแต่งก็ดูหรูหรา เข้าลิฟท์มาไอ้สองคนนั้นก็ยังไม่ยอมพูดอะไร
“มึงพากูมาแดกของฟรีที่ไหนวะ” ถามพวกมัน แต่ไอ้อัธแค่เหลือบตามามองนิดๆ
“ของดีแล้วกันน่า” เป็นไอ้ม่านที่ตอบแทน
ประตูห้องที่ไอ้อัธเคาะถูกเปิดกระชาก ใบหน้าที่เห็นคือขมวดมุ่นจนตกใจ เชี่ย นี่ห้องแฟนไอ้กลอยเหรอวะ พอพี่เขาเห็นหน้าพวกผมก็ขยับถอยห่างเพื่อให้เดินเข้ามา ผมก้มหัวทักทายไปดูพี่เขาจะจ้องผมแปลกๆ หรือหัวผมเหม็นหว่า
เดินตามไอ้อัธเข้ามา มองหาไอ้เชี่ยกลอยแต่ดันไปเจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอที่สุด แถมพอเห็นผมปุ๊บก็หยุดทุกอย่างทั้งที่เมื่อกี้ยังร้องเพลงเสียงหลงคีย์อยู่เลย ผมยืนนิ่งไม่ขยับถ้าไม่ได้ไอ้อัธดึงไปนั่งคงจะยืนอยู่หน้าประตูตลอด
ผมนั่งก้มหน้าไม่ยอมแตะอะไรสักอย่าง ไม่สนใจว่าอีกคนจะทำหน้าหรือมีอาการยังไง จนไอ้กลอยเอาแก้วมายัดมือผมเลยยกดื่มรวมเดียวหมด ร้อนท้องแบบสุดๆ ข้าวยังไม่ได้กินด้วย เหมือนทุกอย่างจะเริ่มกลับมาเฮฮาหลังจากพี่ๆ ทุกคนเริ่มแซวไอ้กลอยที่นั่งหน้างอ มันโดนสั่งห้ามกินเหล้าเกินห้าแก้ว อย่างฮา ปกติมันไปกินเหล้าไม่เมาไม่กลับตลอด แต่ก็ได้กลับเพราะผับปิด มันมัวแต่เต้นกว่าจะมากินเหล้าก็เกือบผับปิด
หมูกระทะเริ่มร่อยหรอ ผมคีบกินบ้างนั่งเฉยๆ บ้าง มันไม่มีอารมณ์จะกินจริงๆ ความดี๊ด๊ากับของฟรีมันหายไปจากหัวสมอง จนเริ่มอยากกลับ
“ไอ้กลอย กูกลับก่อนนะ” ผมกระซิบบอก แต่มันทำตาโตส่ายหน้าไม่ยอมให้กลับ
“เชี่ย กูเห็นมึงแดกหมูกระทะคำสองคำ ของฟรีนะมึง” ดูมันเอาของฟรีมาล่อ แต่ตอนนี้ไม่อยากว่ะ
“อยากกลับมากกว่าว่ะ” ผมบอก มันหันไปมองไอ้อัธที่นั่งข้างผมแบบตื่นๆ แล้วมันก็เอนตัวไปมองแฟนมัน จนผมต้องมองตามเมื่ออยู่ๆ แฟนไอ้กลอยก็พูดขึ้น
“ไอ้เบ มีอะไรกับน้องเขาก็พูดออกมาตรงๆ ดิ่วะ” ตอนนี้ทุกคนอยู่ในความสงบ สายตาทุกคู่จ้องไปทางคนที่นั่งตรงข้ามผม มันกำลังจ้องหน้าผมนิ่ง
“กูกลับล่ะ” แล้วมันก็เตรียมลุกขึ้นแต่ถูกเพื่อนตัวเองดึงให้นั่งลงตามเดิม
“มึงหนีไอ้ลูกคนที่สอง หรือหนีใจตัวเองวะเอาให้แน่” พี่จอมพูด ผมตาโตมองพี่เขา ไม่คิดว่าจะรู้เรื่องของผมด้วย หรือไอ้กลอยมันจะเล่าให้ฟัง
“มึงพูดเชี่ยไร” พี่เบมันถามเพื่อนมัน พี่จอมมองนิ่งจนน่ากลัว
“กูพูดตามที่กูรู้สึก นิสัยเสียขอมึงคือชอบหนีปัญหา อย่าเถียงกูด้วย เพราะกูเคยช่วยมึงแก้มาแล้ว” พี่จอมจ้องหน้าเพื่อนตัวเองอย่างจับผิด ส่วนคนถูกมองทำตาเลิกลัก “ที่มึงด่าหรือว่าไอ้ลูกคนที่สองเพราะมึงกลัวว่า ถ้ารักไอ้เด็กนี่ไป มึงกลัวว่ามันจะทำให้มึงเสียใจ เหมือนตอนที่มึงเคยรักไอ้จีนใช่มั้ย”
พี่เบนิ่งเงียบเอาแต่หันไปมองนอกห้อง สงสัยคงไปจี้ถูกจุดสินะ พี่เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องไปเที่ยวควงใครต่อใครไปทั่ว
“มึงก่อกำแพงขึ้นมาเพราะมึงยังลืมไอ้จีนไม่ได้ แถมไอ้เด็กนี่ยังเสือกหน้าคล้ายมันด้วยกูพูดถูกมั้ย อันไหนไม่ถูกมึงก็เถียงกูมา” น้ำเสียงเรียบๆ แต่ฟังแม่งโคตรกดดัน ก่อนเสียงเหี้ยมจะหันมาหาผมแทน “ส่วนมึงไอ้ลูกคนที่สอง”
“คะ ครับ” แม่งโคตรน่ากลัว
“ชื่อมึงแม่งโคตรยาว มีชื่อสั้นๆ ให้เรียกหรือเปล่าวะ” แม่ง ตะคอกด้วยอ่ะ
“ทะ ทูครับ”
“เออ ไอ้ทู มึงน่ะไม่ผิดอะไรหรอก แค่มึงซวยที่หน้าเหมือนไอ้จีน รักแรกของไอ้เบก็แค่นั้น จบนะ นอกนั้นอยากเคลียร์อะไรก็ไปคุยกันเอาเอง เชี่ย คอแห้ง เอาเหล้ามาดิ๊” ผมมองไอ้ม่านรีบยกแก้วให้พี่จอมทันที ผมมองพี่เขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า ไม่ใช่ซึ้งนะ แต่ตกใจที่โดนตะคอกเมื่อกี้ น้ำตามันเลยเอ่อขึ้นมาเอง พอหันไปมองอีกด้านเจอพี่เบกำลังจ้องผมนิ่ง คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะกระดกนิ้วชี้เรียกผมแล้วชี้ออกไปนอกระเบียง
จะเอาผมไปฆ่าหรือเปล่าวะ
ผมพยักหน้าลุกขึ้นแล้วเดินตาม โดยมีสายตาสอดรู้อยู่เต็มห้องไปหมด พอออกมาอยู่ด้านนอก ลมเย็นพัดมาปะทะหน้าแล้วรู้สึกสดชื่นดีเหมือนกัน ดูเหมือนพวกที่อยู่ด้านในอยากรู้เหลือเกิน แต่ละคนขยับมาซะชิดเอาแก้มมาแนบประตูบานกระจกจนปากกับแก้มบี้ไปหมด พี่เบเลยเปิดเข้าไปด่าก่อนรูดม่านแล้วปิดบานประตูเหมือนเดิม
“พะ พี่มีอะไร” เม้มปากเป็นเส้นตรง ยังจำที่ด่าได้ทุกคำ
“กูมีเรื่องจะตกลงกับมึง” ผมเงยหน้ามองคนที่มีเรื่องจะคุย “อย่างที่ไอ้จอมมันพูดนั่นแหละ รักแรกของกูคือน้องของมัน แต่มันกลับไม่เป็นแบบที่กูหวัง กูเสียใจจนหนีไปบวชมาแล้ว พอออกมาคิดว่าจะลืมได้ แต่พอเห็นหน้ามึง กูก็รู้ว่า จีนยังอยู่ในหัวกู”
ผมกระพริบตาไล่น้ำใสๆ ที่เริ่มคลอหน่วยตา
“หลังจากกูเสียใจวันนั้น กูเที่ยวควงใครต่อใครมากมายทั้งชายทั้งหญิงเพราะกูอยากลืม แต่กับมึง เพราะมึงหน้าคล้ายกับจีน แต่นิสัยโคตรต่างว่ะ จีนเป็นคนรักสะอาด ทำกับข้าวเก่ง แต่มึงโคตรขี้เกียจ ห้องมึงสกปรกจนกูกลัวงู”
“แล้วพี่จะเอายังไง ผมไม่เข้าไปยุ่งกับพี่ ต่างคนต่างอยู่แล้วไง” ผมบอก มือก็ยกปาดน้ำตาที่เริ่มไหล
“มึงย้ายจากหอเดิมเพราะกูใช่มั้ย”
“ไม่น่าถาม”
“มึงนี่มัน!” พี่เบถลึงตาใส่ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “พอมึงย้ายไปกูก็กลับมาคิดทบทวน กูสับสนไปหมด จนเจอมึงอีกที ไม่สิ หลายที กูก็ยิ่งอึดอัด มันอธิบายไม่ถูก กูยังรักจีนหรือกูแค่ยึดติด”
“ที่พี่ทำดีกับผม เพราะผมดันหน้าคล้ายกับรักแรกของพี่ใช่มั้ย” แม่งโคตรเจ็บ พอรู้ความจริงแล้วเจ็บจริงๆ
“ตอนแรกก็ใช่” ผมถึงกับหัวเราะทั้งน้ำตา
“ขอบคุณที่บอกความจริง” ปาดน้ำตาจนไม่มีคราบที่แก้ม “เอาล่ะ ผมรู้แล้ว ต่อไปถ้าเจอกันอีก ไม่สิ ต้องเจอบ้างอยู่แล้วเพราะเพื่อนผมคบกับเพื่อนพี่อยู่ ถ้าเจอพี่ไม่ต้องทักผม เราต่างคนต่างอยู่นั่นแหละที่ดีสุด ผมปลดล็อกเรื่องพี่ได้แล้ว ต่อไปผมก็จะมองหาคนอื่น” ผมบอก แม้จะกลั้นน้ำตาไว้
“มึงจะมองหาคนอื่นทั้งที่มึงชอบกูอยู่เนี่ยนะ” น้ำเสียงแปลกใจ แต่ผมก็พยักหน้า
“อืม ผมจะไม่เป็นแบบพี่หรอก ผมไม่ยึดติดอะไร ชีวิตของผมวันนี้คือที่สุด พรุ่งนี้เป็นไงช่างแม่ง” ผมยิ้มให้พี่เบอย่างจริงจังเหมือนกับเมื่อก่อน “ขอให้พี่เจอคนที่รักจริงๆ”
“ไอ้!” พอผมหันหน้าจะกลับเข้าห้องก็ถูกมือฉุดเข้าไปกอดจนแน่นหายใจแทบไม่ออก
“พี่!”
“มึงทำให้กูหัวหมุน ทำให้กูไม่ได้นอนหลับสนิทมาเป็นอาทิตย์ ทำให้กูถูกไอ้เชี่ยจอมด่าแล้วก็จะจบจะจากง่ายๆ แบบนี้เหรอวะ”
“แล้วพี่จะเอายังไง” เชี่ย ผมพยายามผลักคนที่รัดซะหายใจไม่ออก
“มึงก็ต้องรับผิดชอบสิวะ”
รับผิดชอบเชี่ยไร พี่เบเว้ย รัดแน่นจนหายใจไม่ออกแล้วเว้ย” โวยวายจนมันคลายอ้อมกอดลง
“กูจะยอมเป็นแฟนมึง”
“ห๊ะ”
ไม่รู้ว่าพี่เบทำหน้ายังไง เพราะหน้าผมยังจมอยู่ที่อกคนกอดอยู่
“กูบอกว่า กูจะยอมคบกับมึง ยอมให้มึงเรียกกูว่าแฟน”
“สมองพี่เพี้ยนหรือเปล่าวะ” แล้วผมก็ถูกมันดันออก พี่เบจ้องหน้าผมนิ่ง
“เพราะกูเคยเจอเรื่องแย่มาก่อน ต่อไปมึงห้ามทำเรื่องแย่ๆ เกิดกับกูอีก เข้าใจมั้ย” มีสั่ง
“เดี๋ยวๆ ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะเว้ย” พูดเองเออเองคนเดียว
“กูรู้ว่ามึงดีใจ ไอ้ลูกคนที่สอง” พี่เบยกมือขยี้หัวผมซะเละไปหมด
บทจะคบกันก็ง่ายเกินจนไอ้ทูคนนี้ตามไม่ทัน แล้วพี่เสียน้ำตาจนจะท่วมโลกคืออะไรวะ แม่งไม่เข้าใจเลยสักนิด ไอ้ทูปวดสมอง
“แต่เดี๋ยวก่อนพี่เบ” ผมรีบดันตัวออกมาแล้วจ้องหน้า
“อะไร”
“ถ้าใครมาถาม พี่ต้องบอกว่าเรายังไม่พร้อมคบกัน หรือไม่ก็บอกว่าพี่อยากได้เวลาคิดสักหน่อย โอเค๊”
“ทำไมวะ คบกับกูเสียหายตรงไหน” พี่เบมันขมวดคิ้วจนแทบจะชิดกัน
“ก็ไม่ได้เสียหาย แต่ผมไม่อยากถูกไอ้พวกนั้นมันแซว คือมันไม่ชิน” ผมบอกอย่างเขินๆ ไอ้พี่เบมันก็พยักหน้าตกลง
“จะคบกันต้องลำบากขนาดนั้นเหรอวะ” พี่เบมันบ่นจนผมขำ
“คิดซะว่า พี่ทำให้ผมร้องไห้มานานไง”
“กูผิดตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง เดี๋ยวคอยดูว่าจะยันจบเรื่องหรือเปล่า” ผมหัวเราะ ก่อนปรับสีหน้าให้ดูเศร้าแล้วเดินตามพี่เบออกไป
พวกในห้องจ้องตาแทบถลนเมื่อเห็นผมเดินออกจากห้องพร้อมพี่เบ ฮาสุดต้องไอ้กลอย มันใช้โอกาสคนอื่นเผลอหยิบแก้วเหล้าจะยกแต่แฟนมันเห็นซะก่อนเลยถูกยึดแล้วผลักจนลงไปนอนหงาย เกือบหลุดฟอร์มเศร้าแล้ว ไอ้กลอยมึงไม่ได้แซวกูหรอก หึๆ
...TBC พาร์ทแรกของคู่พี่เบสายฮา กับน้องทูสายเกรียนและมึน คู่นี้เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ มึนๆ งงๆ ตามสไตล์ประจำตัวนะคะ (เตือนไว้ก่อน) 555
น้องทูอารมณ์แบบมีหวังถูกดับไปก็ต้องน้อยใจเป็นธรรมดา >w<
เจอกันตอนหน้าค่า