หายจากกระทู้ไปนานมากๆ ตอนนี้ก็พร้อมที่จะมาต่อนิยายดองเค็มเรื่องนี้ให้แล้วครับ สำหรับใครที่ยังรออยู่ ก็ตามอ่านได้เลยครับ
.
.
.
.
.
.
ภิธารเอี้ยวตัวมองกลับไปทางด้านหลังเมื่อรู้สึกถึงแสงไฟบางอย่างสาดเข้าที่ร่าง แน่ล่ะมันเป็นแสงไฟที่ส่องมาจากหน้ารถของพาสุห์ เด็กหนุ่มยันกายลุกยืนเมื่อเห็นรถคันดังกล่าวกำลังขับตรงมาหาตน
“ไม่นะภีมคุณอย่าทำแบบนั้นนะ”พาสุห์เผลอครางอยู่ในรถตัวเองขณะขับตรงไปยังร่างคนที่เขาเพิ่งจะแคร์ขึ้นมา ภิธารกำลังจะวิ่งหนีรถเขาฝ่าสายฝนออกไปทางด้านนอกรั้วมหาวิทยาลัย
เอี๊ยดดดด เสียงเบรกรถดังก้องกัมปนาทแหวกเสียงฝนไปทั่วทั้งบริเวณ พาสุห์เองแม้จะนั่งอยู่ในรถที่ปิดกระจกมิดทุกด้านยังสะท้านไปกับเสียงนั่นที่แว่วผ่านเข้ามาให้ได้ยิน
“ภีม !!”เด็กหนุ่มเผลอร้องเสียงหลงก่อนจะตัดสินใจหยุดรถตัวเองอย่างไม่ต้องคิด ภาพที่ฉายชัดผ่านสองตาของเขาเมื่อครู่ทำให้ภายในใจเต้นระส่ำขณะที่เปิดประตูรถลงมายืนตากฝนด้านนอก สายตาคู่เข้มจ้องมองไปยังร่างคนที่ปากเพิ่งจะร้องเรียกเมื่อครู่ ร่างนั้นนอนสงบนิ่งตากฝนอยู่หน้ารถยนต์คันหนึ่ง เจ้าของรถที่เป็นเด็กหนุ่มวัยน่าจะใกล้เคียงกับเขากำลังยืนจ้องร่างนั้นเหมือนๆกับเขาไม่ต่างกัน
บัดซบ แกจะยืนมองทำซากอะไร พาสุห์นึกเค่นเขี้ยวในใจเมื่อเห็นคนที่เพิ่งจะขับรถพุ่งชนภิธารต่อหน้าต่อตาเขายืนนิ่งไม่ขยับ เหมือนกำลังดูอาการว่าเหยื่อจะเป็นยังไง เด็กหนุ่มตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนตรงไปยังร่างที่นอนสงบนิ่ง นาทีแรกที่ไปถึงหัวใจที่เต้นระส่ำพลันชื้นขึ้นมาเมื่อเห็นว่าร่างนั้นยังนอนลืมตาและหายใจรวยรินอยู่
“ภีมใจแข็งไว้นะ”พาสุห์เอ่ยบอกก่อนจะตัดสินใจตรงเข้าช้อนร่างภิธารให้ลุกเมื่อประเมินสถานการณ์แล้วว่าภิธารคงจะไม่เป็นอะไรมาก
“ช่วยกันหน่อยสิวะ”เด็กหนุ่มหันมาตะคอกใส่คนที่ยืนบื้อมองอยู่อย่างนึกเคืองในท่าที นี่ถ้าไม่ติดว่าร่างภิธารนอนขวางหน้ารถมันเอาไว้ มันคงจะขับหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้วแน่ๆ ท่ามกลางพายุฝนแบบนี้ ใครล่ะจะทันสังเกตมองเห็นว่ามันได้ขับรถชนใครเข้า
“เอาไปรถผม”พาสุห์ออกคำสั่งเมื่อคนยืนบื้อตรงเข้าช่วยเขาพยุงร่างปวกเปียกลุกขึ้นได้ ฝ่ายนั้นไม่โต้แย้งใดๆนอกเสียจากทำตามคำสั่ง
“ทะเบียนรถคุณจำไม่ยาก คิดดูละกันว่าคุณจะตามมาหรือคิดจะหนีไป”พาสุห์เอ่ยขึ้นอีกกับคนที่ช่วยตนพยุงร่างภิธารเข้าไปให้นอนราบอยู่บนเบาะหลังรถเขาได้สำเร็จ
“คนของคุณวิ่งชนรถผมเอง ทำไมผมจะต้องหนี”ฝ่ายนั้นยอมเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อปิดประตูรถลงได้ สองคนมองสู้สายตากันท่ามกลางสายฝน ก่อนที่พาสุห์จะเป็นฝ่ายละสายตาแล้ววิ่งอ้อมตรงไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ขึ้นไปนั่งได้ก็รีบบึ่งรถออกไปทันที นาทีนี้เขาควรจะพาภิธารไปถึงมือหมอให้เร็วที่สุด
ลับหลังรถพาสุห์ คาวี ยกเท้าเตะพื้นน้ำที่เริ่มเจิ่งนองอย่างหงุดหงิด
“ทำไมมันซวยแบบนี้วะ”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย เพราะรู้กฎจราจรดีว่าตรงที่ตนบึ่งรถเข้าชนใครคนหนึ่งเมื่อครู่เป็นเขตทางเท้าหน้ามหาวิทยาลัย และแววตาสุดท้ายของคนที่ยืนสู้สายตาเขาเมื่อครู่ก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าถ้าเขาหนี มันคงตามเอาเรื่องเขาอย่างถึงที่สุดแน่ไอ้นี่หน้าตามันใช่จะซื่อจะโง่ซะเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจอยู่ว่าไอ้หมอนี่คงทำอะไรเขาได้ไม่มากมาย แต่ใครล่ะอยากที่จะให้ชีวิตวุ่นวาย
ที่โรงพยาบาลพาสุห์ยืนระส่ำระส่ายอยู่หน้าห้องตรวจที่เหล่าพยาบาลเพิ่งเข็นร่างภิธารเข้าไป แม้ห้องนั้นจะไม่ใช่ห้องไอซียู แต่ทำไมเขาถึงนั่งไม่ติดเก้าอี้ หรือเพราะหัวใจนึกห่วงคนที่เพิ่งถูกเข็นเขาไปเข้าแล้วจริงๆ
“โลกมันกลมจังนะครับเนี่ย”เสียงหนึ่งเดินดังขึ้นข้างหูขณะที่คนนั่งไม่ติดเก้าอี้กำลังยกมือเสยผมลวกๆ
“คุณนะเอง”พาสุห์เอ่ยทักเมื่อหันไปมองแล้วเห็นกรกฤษณ์ยืนยิ้มให้อยู่
“ดูแล้วอาการคุณภิธารคงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับคุณอย่าเครียดมากเลย”กรกฤษณ์เอ่ยต่อ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นว่าภิธารถูกเข็นร่างเข้าไปในห้องตรวจ เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นทีมแพทย์เหมือนอย่างครั้งแรกที่ภิธารมาที่นี่ในสภาพปางตายกว่านี้หลายเท่าตัว
“รู้ได้ไง คุณไม่ใช่หมอ”พาสุห์ตอบรวนด้วยลึกๆรู้สึกหึงหวงอย่างประหลาดเมื่อนึกถึงว่าพยาบาลหนุ่มหน้าใสรายนี้ได้เคยเฝ้าประคบประหงมภิธารเพียงไร
“โธ่คุณ อาการที่คุณภิธารมาที่นี่ครั้งแรกปางตายกว่านี้หลายเท่าเขาก็ยังรอดมาได้เลยนี่ครับ”กรกฤษณ์บอกตามประสาซื่อ แต่คนที่ยืนฟังกลับรู้สึกสะท้านใจนัก ใช่สินะ เมื่อก่อนเขาไปอยู่ที่ไหน ตอนที่คนที่ถูกพูดถึงปางตายจนหลายคนคิดว่าอาจจะไม่รอด หรือพิการ
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น”เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆอย่างคนหมดเรี่ยวแรง เพราะรู้สึกห่อเหี่ยวหัวใจขึ้นมา ร่างสูงพาตัวเองไปนั่งกุมใบหน้า กรกฤษณ์มองตามแล้วส่ายหัวนิดๆก่อนแยกตัวไปทำหน้าที่ของตน
พาสุห์นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองได้ซักพัก ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงหนึ่งดังทักขึ้นอีกครั้ง
“คนของคุณเป็นไงบ้าง”
“นึกว่าหนีไปแล้วซะอีก”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อแหงนหน้ามองแล้วเห็นว่าเป็นใครยืนอยู่
“บอกแล้วไงว่าผมไม่จำเป็นต้องหนี คนของคุณวิ่งชนรถผมเองนี่ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ตายหรือว่ารอด”คาวีกล่าวอย่างยียวน ที่ตามมานี่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกผิดอะไรนักหนา ก็แค่ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นพวกชนแล้วหนีก็แค่นั้น
“เฮ้ยปากเหรอที่พูด”พาสุห์ลืมตัวยกมือชี้หน้าเอ่ยเสียงขึงขังใส่คนที่ทำท่าทีกวนประสาท คนถูกชี้หน้ายกมือตนขึ้นปัดมือคนชี้สุดแรงพลางเอ่ยหยาบคายขึ้นตามหลัง
“ถ้ามึงรู้ว่ากูเป็นใคร มึงคงไม่ทำแบบนี้”
พาสุห์ขึงขังที่จะทำอะไรซักอย่าง แต่ทว่าเด็กหนุ่มต้องชะงักเอาไว้ เมื่อเห็นว่าประตูห้องที่ร่างภิธารเพิ่งถูกเข็นเข้าไปเปิดออกมา ตามด้วยหมอวัยกลางคนที่โผล่ร่างมาให้เห็น
“เพื่อนผมป็นไงบ้างครับ”เด็กหนุ่มตรงเข้าถามคนเพิ่งออกมาจากห้องทันที
“ไม่เป็นไรมากหรอกครับ ร่างกายบอบช้ำจากแรงกระแทกนิดๆหน่อย สบายใจได้ครับ เพื่อนคุณปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวเราจะย้ายไปห้องพักฟื้น อีกสองสามวันก็ออกไปเดินป๋อได้แล้วล่ะครับ”
พาสุห์ยิ้มรับกับคำตอบ ก่อนจะชำเลืองตามองคนที่เหมือนจะประกาศเป็นศรัตรูกับตนเมื่อครู่
“อ้าว คาวี”เสียงหมอกลางคนเอ่ยทักตามสายตาเขา ทำพาสุห์ฉงนน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้คนที่ทำเหมือนจะรู้จักกันทักทายกันไป ตอนนี้เขาสนใจแต่เพียงเรื่องของภิธารเท่านั้น
ภายในห้องสี่เหลี่ยม ภิธารนอนถอนหายใจอย่างนึกเซ็งกับชีวิตตัวเองที่ต้องกลับมานอนบนเตียงผู้ป่วยอีกรอบ
“มันจะอะไรนักหนานะ”เด็กหนุ่มเผลอสบถอย่างอดไม่ได้ แม้สภาพตอนนี้จะดีกว่าคราวก่อนมากโขอยู่ แต่ก็อดที่จะเหนื่อยใจไม่ได้ ห่วงแต่ความรู้สึกของคนที่บ้านจะเป็นห่วง
ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงของพาสุห์ก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม สภาพที่มองเห็นทำเอาภิธารตกใจหน่อยๆ คนที่เคยดูดีบัดนี้ทำไมมอซอนัก ผมเผ้าก็ดูยุ่งเหยิง ขอบตาดูคล้ำลง หนำซ้ำริมฝีปากที่เคยสดกลับซีดลงจนน่าตกใจ
“ผมดีใจนะที่คุณไม่เป็นอะไรไปอีก”คนสภาพเปลี่ยนไปเดินเข้ามาทักตรงปลายเตียง คนถูกทักขยับตัวนั่งก่อนจะอดที่จะเอ่ยไม่ได้
“คุณดูแย่ไปนะพาสุห์”
“แค่นี้ยังน้อยไป ผมฝ่าสายฝนมาขนาดนี้ เชื่อเถอะอีกไม่กี่วันผมก็คงได้นอนบนเตียงผู้ป่วยเหมือนคุณนี่แหละ”พาสุห์ตอบอย่างรู้ตัวดี ด้วยตอนนี้ตัวเองก็เริ่มสะลึมสะลือไปไม่น้อย ที่ยืนอยู่ได้ตอนนี้ก็เพราะด้วยฤทธิ์ยาจากคราวก่อนที่อัดทานเข้าไปแค่นั้น
“ผมไม่น่าทำไรงี่เง่าเลยใช่มั๊ย”ภิธารเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดอยู่ในที ถ้าเพียงเขาไม่ขี้อ่อนไหวและใจน้อยจนเกินเหตุ เหตุการณ์วุ่นวายนี่คงไม่เกิดขึ้น
“ไม่หรอก อย่าโทษตัวเองเลย ผมเองแหละที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้”พาสุห์เอ่ยค้านก่อนจะยิ้มเศร้าๆ นึกเข้าใจว่าภิธารคงยากที่จะกลับมาไว้ใจและเข้าใจเขาอย่างเดิม
“แล้วรถคันนั้นล่ะ”ภิธารเปลี่ยนเรื่องถามไปถึงรถคันที่พุ่งเข้าชนตนบนทางเท้า ดีที่เจ้าของรถคันนั้นเบรกรถเอาไว้ทันก่อนที่จะพุ่งกระแทกร่างเขาเต็มเหยียด ไม่งั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้พูดได้คุยแบบนี้
“เจ้าของมันก็อยู่ที่นี่แหละ กำลังคุยกับหมออยู่ ท่าทางจะรู้จักกัน คุณจะเอาเรื่องเขามั๊ย ผมเป็นพยานให้ได้นะว่ามันน่ะผิดเต็มๆ”พาสุห์เอ่ยบอกก่อนจะถามถึงการตัดสินใจของอีกฝ่ายเพราะรู้ดีว่าคนๆนี้ติดที่จะยังไงก็ได้ และยอมคนอื่นเขาไปทั่ว รวมถึงการที่เคยยอมเขามาตลอดด้วย
“ผมไม่เป็นอะไรมากแล้ว อย่าให้เรื่องมันวุ่นวายละกัน”ภิธารบอกในที่สุด พาสุห์พยักหน้ารับน้อยๆ เขารู้อยู่แล้วว่าผลมันต้องเป็นแบบนี้ เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยอะไรอีก แต่พลันประตูห้องถูกเปิดเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ร่างสูงของคาวีเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าและแววตาเรียบเฉย พาสุห์เบี่ยงตัวหลบให้ร่างนั้นเดินเข้าไปหาเหยื่อที่มันเกือบจะทำให้พิการหรือตาย เด็กหนุ่มลอบมองสถานการณ์ห่างๆ
“เป็นบ้างครับ ผมขอโทษนะ ผมผิดเอง เดี๋ยวผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้”คาวีเอ่ยยิ้มๆอย่างนุ่มนวลให้ภิธาร พาสุห์ซึ่งมองดูอยู่เกิดอาการเคืองขุ่นที่รู้สึกว่าไอ้นี่ช่างสร้างภาพเหลือทน ก็ตอนที่มันสู้สายตากับเขา มันพูดแบบนี้ซะเมื่อไหร่กัน
“ตะกี้นายพูดแบบนี้เหรอ”เด็กหนุ่มเอ่ยขัดขึ้นด้วยสรรพนามที่ไม่ไม่ไว้หน้า เพราะรู้สึกแน่ชัดแล้วว่าไอ้คาวีที่เขารู้จักชื่อจากปากหมอเมื่อครู่ก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับตน
“ผมพูดอะไรตอนไหน”คาวีหันมาตีหน้าตายใส่ เขานึกชิงชังการกระทำนายนี่ตั้งแต่ตอนที่ยื่นมือชี้หน้าเขาแล้ว เกิดมาไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้ เขาต่างหากที่มีสิทธิ์ทำกับคนอื่นเพียงผู้เดียว ไม่ใช่มัน เขาเป็นลูกชายคนเล็กของนายตำรวจใหญ่ที่เป็นเพื่อนกับอาหมอที่เอ่ยทักทายเขาเมื่อครู่ เขาเข้าออกโรงพยาบาลแห่งนี้จนรู้จักกับใครต่อใครไปทั่ว รวมถึงกรกฤษณ์ เขาสอบถามบุรุษพยาบาลหนุ่มรายนี้จนรู้หมดแล้วถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนที่นอนแอ้งแม้งบนเตียงกับคนที่ยืนตัวซีดสู้สายตาเขาอยู่ตอนนี้ มาทำขึงขังท้าทายใครไม่ทำ มาทำกับเขา มันก็ต้องมีการถอนคืนกันบ้างล่ะ แต่ถ้าจะถอนคืนแบบวิธีลูกผู้ชายอย่างงั้นหรือเขาไม่ทำหรอก เพราะดูมันจะง่ายเกินไป ลำพังอิทธิพลลูกชายคนเล็กของตระกูลใหญ่ จะว่าจ้างใครซักกี่คนมาอัดไอ้นี่ให้หมอบมันจิ๊บๆนัก งานนี้ถ้าจะเล่นมันขอเล่นให้มันเจ็บไปทั้งทรวงเลยน่าจะดี นั่นไงล่ะเครื่องมือเชือดมัน ไอ้ภิธารหน้าซื่อนี่ไง หึหึ พวกมันกำลังมีปัญหากันอยู่ แต่ดูเหมือนว่าคนที่พยามไล่ตามจะเป็นไอ้พาสุห์หน้าซีดนี่ ก็เอาสิ เขาจะยอมลดตัวลงไปเพื่อหว่านเสน่ห์ให้คนที่มันกำลังวิ่งตามดูซักหน่อย รับรองรายนี้ดูท่าจะติดร่างแหได้ไม่ยาก คราวนี้แหละมึง กูจะทำให้มึงแค้นกูให้กระอักเชียว ไอ้พาสุห์
“เพื่อนหรือแฟนคุณครับเนี่ย ท่าทางห่วงคุณจัง”คนวาดแผนการหันมาเอ่ยกับคนที่วางสีหน้าไม่ถูกอยู่บนเตียง
“ผะ เพื่อนครับ” ภิธารตอบเพราะคิดอะไรไม่ทัน ยอมรับอย่างหนึ่งว่าสายตาของคนที่หันมามองเขามันคมลึกนัก เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้บางอย่าง
“โล่งอกจังผมดีใจนะที่เขาไม่ใช่แฟนคุณ”คาวีเอ่ยต่อตามเกม เบื้องหลังเขา พาสุห์กำลังส่งสายตามองภิธารอย่างรู้สึกกังวลอะไรเล็กๆ เขาเคยใช้แววตาและคำพูดแบบนี้กับภิธาร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคาวีกำลังจะทำอะไร แต่นิสัยตีสองหน้าของนายนี่มันน่าไว้ใจได้ซะที่ไหน ภิธาร คุณอย่าอ่อนไหวง่ายๆไปกับมันนะ ผมขอร้อง
“ทะ ทำไมต้องดีใจด้วยล่ะครับ”ภิธารเริ่มเอ่ยตะกุกตะกัก ไม่ใช่เพราะหวั่นไหวอะไรกับแววตาและท่าทีที่ได้เห็น แต่ที่ตกอยู่ในอาการแบบนี้เพราะได้มองสบตากับใครบางคนที่ลอบมองทอดมองอยู่ทางด้านหลังต่างหาก พาสุห์ทำเหมือนจะบอกอะไรเขาซักอย่างผ่านทางสายตานั่น
“อืม นั่นสิ ทำไมผมต้องดีใจ เอาไว้ให้คุณหายดีแล้วผมจะบอกนะครับ ตอนนี้ผมว่าคุณควรพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เรื่องค่าใช้จ่ายหรืออะไรทั้งหมดผมรับผิดชอบเอง”คาวีเอ่ยยิ้มๆอย่างเดิม เด็กหนุ่มนึกหมั่นไส้และเคืองนิดๆในใจเมื่อเห็นว่าคนที่ตนพยายามหว่านเสน่ห์ให้ลอบมองผ่านเขาไปสบตากับคนที่อยู่ด้านหลังเขาตลอด ท่าทางแผนการครั้งนี้ของเขามันจะไม่ง่ายซะแล้วสิ หึ ผูกพันกันเข้าไปเถอะ กูจะดูสิว่าพวกมึงจะไปกันได้ซักกี่น้ำ
“พักผ่อนเยอะๆนะครับ ผมคงต้องไปแล้ว แล้วผมจะมาใหม่ครับ”เอ่ยจบเด็กหนุ่มจึงหันหลังจะเดินออกจากห้อง แต่ก่อนพ้นประตูสายตาก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่พาสุห์ รอยยิ้มหยันถูกส่งให้ฝ่ายนั้นนิดๆ ก่อนจะเปรยเบาๆเอให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“แฟนมึงหน้าตาท่าทีก็ไม่เลว กูขอยืมใช้ซักวันสองวันนะพวก”
พาสุห์ทำทีจะตอบโต้ แต่ไม่ทันเพราะคนเอ่ยได้เดิมยิ้มเยาะจากไปอย่างผู้กำชัยในเกมเบื้องต้น เมื่อรู้สึกหงุดหงิดที่ตอบโต้อะไรไม่ทันเด็กหนุ่มจึงไม่วายที่จะหันมาแขวะคนของตน
“เคลิ้มเลยล่ะสิ”
“พูดเรื่องอะไรพาสุห์”ภิธารสวนทันควันเช่นกัน ไม่รู้สิ นาทีนี้เขาไม่อยากที่จะเป็นฝ่ายยอมพาสุห์ได้อีกแล้ว
“อย่าทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลย ถูกโฉลกกับโรงพยาบาลหรือไง เข้ามาเมื่อไหร่ถึงมีแต่คนมาจีบ”พาสุห์ว่าอีกด้วยนึกพาลไปถึงกรกฤษณ์อีกคนที่ดูจะมีท่าทีให้คนของเขาอยู่ไม่น้อย
ภิธารเงียบไม่ตอบโต้ ถ้อยคำที่พาสุห์ต่อว่าเขารุนแรงกว่านี้เขายังเคยผ่านมาได้ แค่คำค่อนแคะแค่นี้ วินาทีนี้มันระคายได้แค่ผิวใจแค่นั้น
“จะให้บอกที่บ้านคุณมั๊ย”พาสุห์เอ่ยต่อเมื่อเห็นคู่กรณีเงียบไปพักใหญ่
“รู้วิธีติดต่อหรือไง”ภิธารหันมาว่าจนคนคิดจะอาสาสะอึก ความหมายโดยนัยที่ได้ยินคล้ายๆคนเอ่ยจะบอกว่าเขาเคยใส่ใจความเป็นไปเจ้าตัวซะที่ไหน
“ก็ถ้าคุณบอกทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ”เด็กหนุ่มไหลไปอย่างคนที่เสียหน้าแต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก ผมไม่เป็นอะไรมาก อย่าให้พวกเขาต้องปวดหัวกับผมอีกดีกว่า”ภิธารบอกแล้วกลับลงไปนอนนิ่งอย่างเดิม ทำไม่สนใจคนอยู่ร่วมห้อง จนเจ้าตัวเดินออกไปนั่นแหละ เด็กหนุ่มจึงมองตามหลังคิดตามเงียบๆ.....กำลังจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราอีกนะพาสุห์