ทำนายทายรัก THE SERIES:♫ ♬♪ ♩‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด✐(กันย์xกุมภ์) END!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำนายทายรัก THE SERIES:♫ ♬♪ ♩‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด✐(กันย์xกุมภ์) END!!  (อ่าน 4717 ครั้ง)

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2015 20:14:09 โดย mafia »

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE


ทำนายทายรักTHE SERIES
♫ ♬ ♪ ♩ ‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐ (กันย์xกุมภ์)






♍ ราศีกันย์ - กลุ่มดาวหญิงพรหมจารีย์ (Virgo)

ลักษณะนิสัย ราศีของผู้ชำนาญการ ผู้ฉลาด มีความละเอียด พินิจพิเคราะห์ อาทิตย์ของคุณสถิตอยู่ราศีกันย์ เป็นผู้มีปัญญาดีมาก ชอบปรัชญาและเหตุผล สามารถวิเคราะห์ แยกแยะ แจกแจง ชอบอยู่ในโลกของการทำงาน และมีวิธีการทำงานให้สำเร็จด้วยวิธีการแปลกๆ มีความวิริยะพากเพียรดีมาก ค่อนข้างไว้ตัว

กลุ่มดาวในราศีที่ 6 (ราศีกันย์) คือกลุ่มดาวหญิงพรหมจารีย์มีดาวฤกษ์ที่สว่างสุกใสอันดับที่ 16 ในท้องฟ้าชื่อสไปกา(Spica) แปลว่ารวงข้าว จากแผนที่ดาวเก่าแก่ เขาเขียนรูปกลุ่มดาวนี้เป็นผู้หญิงสาวถือฟ่อนข้าวสาลีอยู่ในมือ




♒ ราศีกุมภ์-กลุ่มดาวคนถือหม้อน้ำ

ลักษณะนิสัย ราศีแห่งมนุษยธรรม ผู้รู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ มีความแปลกใหม่ ความคิดแหวกแนวกว่าใครๆ ชาวราศีกุมภ์ที่พัฒนาตนเองดีแล้ว จะเป็นผู้จิตใจภักดีและซื่อตรงต่อผู้มีคุณ อ่อนโยน รักศิลปะและดนตรี มีความตั้งใจกล้า ร่าเริงและอดทน ทั้งมีอำนาจพิเศษที่จะควบคุมกิจการงานของตนให้สำเร็จได้อย่างดียิ่ง ชอบมองสิ่งต่างๆทั้งในแง่วิทยาศาสตร์และปรัชญา และเป็นนักเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพยิ่ง

กลุ่มดาวราศีที่ 11 (ราศีกุมภ์) คือกลุ่มดาวคนถือหม้อน้ำนิยายดาวของกรีกกล่าวว่า เทพเจ้า Zeus กำลังเทน้ำ ซึ่งจะตกเป็นฝนมายัง โลก ฉะนั้นกลุ่มดาวกลุ่มนี้จึงเป็นเครื่องหมายแห่งฤดูฝน








——————————————————————

 :katai4: พื้นที่เล็กๆกับคนเขียน

ปล.๑ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อ❥ทำนายทายรัก✡THE SERIES :‘ดูดวง’ ไหมครับแถมรักให้ด้วย➶☯(ธนู x มีน)
ปล.๒ ไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงก็ได้น้า เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวกันแค่คนเกี่ยวกันเฉยๆ
ปล.๓ ยังคงดองฟิคยาวแล้วมาเขียนฟิคสั้นเหมือนเดิม - -
ปล.๔ เปลี่ยนแนวพระเอกปากนางเอกปากร้ายมั้ง หึๆ
ปล.๕ เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องฝันโคตรโคตร กับ เพลง เรื่องจริงของSigular
ปล.๖ สุดท้ายท้ายสุดขอบคุณที่เขามาอ่านจ้า ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นบอกกันมั้งน้า

  :pig4:



ทำนายทายรักTHE SERIES

‘ดูดวง’ ไหมครับแถมรักให้ด้วย➶☯(ธนู x มีน) - END
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50377.msg3242135#msg3242135

‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐ (กันย์xกุมภ์) - END
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50637.0








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2015 20:35:32 โดย mafia »

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE


♫ ♬ ♪ ♩ ‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐ (กันย์xกุมภ์)






"แอลรู้ไหมว่านาฬิกากับเวลาต่างกันยังไง”
“พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แอลไม่อยากฟัง”
“นาฬิกาถ้าเราให้ใครไปมันยังขอคืนมาได้ แต่เวลา.. ถ้าให้ใครไปแล้วไม่มีวันที่จะเอาคืนมาได้"







ตอนที่ 1



“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ พรุ่งนี้กลับบ้านได้”

“ขอบคุณนะครับคุณหมอ”

ห้องมันดูหนาวๆเน๊าะ ใครก็ได้ปรับแอร์ให้ผมที..

อากาศมันเย็นตั้งแต่ที่หมอทิ้งให้คนป่วยอย่างผมอยู่กับร่างสูงที่กำลังทำหน้าจริงจังอยู่ในห้องตามลำพัง!

“พี่เชนท์.. แอลคอแห้ง”

ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแหบๆฟังดูน่ากลัว ลุกขึ้นนั่งบนเตียงผู้ป่วยมองร่างสูงที่รินน้ำใส่แก้ว ก่อนจะยื่นมันมาให้ผม

   “แอลไม่มีแรง ป้อนหน่อยนะ”

ผมฉีกยิ้มกว้างพยายามทำท่าทางที่คิดว่าน่ารักที่สุด ทั้งที่สภาพผมตอนนี้มันซีดเปื่อยเป็นผีดิบดีๆนี่เอง

“พี่เชนท์โกรธแอลเหรอ”

เขาเมินหน้าหนี ไม่ยอมคุยกับผมสักคำ หึๆ แต่อย่างพี่เชนท์นะเหรอจะงอนผมได้นาน? ผมใช้แขนเล็กๆที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีแรงดึงเอวแกร่งมากอดแน่น

“ทำไมชอบทำให้พี่เป็นห่วง”

“แอลขอโทษ”

ผมบอกเสียงอ่อยอย่างคนสำนึกผิดเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆของอีกคน

“ทำไมแอลต้องฆ่าตัวตาย”

“แอลไม่ได้ฆ่าตัวตายสักหน่อย”

ผมเถียงกลับเสียงอู้อี้เพราะกำลังซุกหน้าตัวเองกับหน้าท้องแกร่งของพี่เชนท์

“ไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่กินยานอนหลับเป็นกำๆ?”

“พี่เชนท์! แอลไม่ใช่เด็กอนุบาลนะจะได้ไม่รู้วิธีกินยานอนหลับ แต่ตอนนั้นเอลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกินไปซะเยอะ แอลแค่รู้สึก
เครียดมึนๆเบลอๆ แอลผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมต้องดุแอลด้วย ฮึก!”

 “โอ้ๆ ไม่ร้องนะครับ”

พี่เชนท์ลูบหัวปลอบ เมื่อได้ยินผมพูดเสียงสั่น ผมสะอึกแล้วแกล้งดึงเสื้อพี่เชนท์มาเช็ดหน้าเช็ดตาทั้งที่มัน..ไม่-มี-น้ำ-ตา-สัก-หยด!

นี่ใคร.. แอลร้อยเล่มเกรียนนะบอกเลย ฮ่าๆ

 “แล้วแอลเครียดเรื่องอะไรละครับ”

   “ก็แอลฝันร้าย”

   “ฝันร้าย?”

“อื้อ” ผมพยักหน้าเอาเป็นเอาตายเพื่อนยืนยัน

   “แอลฝันว่าอะไรครับ”

   “แอลฝันว่า..” ผมหยุดชะงักเมื่อนึกถึงความฝันแปลกๆ

   “ฝันว่า?”

“พี่เชนท์ทิ้งแอล!”

   “โธ่ เด็กน้อย มันก็แค่ฝัน”

พี่เชนท์ยิ้มขำๆจนผมอดหน้าบูดไม่ได้ นี่จริงจังนะครับ จริงจัง!

   “แต่มันเหมือนจริงมากแล้วแอลก็ฝันติดๆกันมาหลายวันแล้วด้วย”

   “ไม่ต้องกลัวนะ พี่สัญญา พี่จะไม่ทิ้งแอลไปไหนหรอก”

   “จริงนะ?”

   “จริงสิ”

   “งั้นเกี่ยวก้อย”

ผมยื่นนิ้วก้อยออกไป ทำอะไรเหมือนเด็กๆแม้อายุจะเลยวัยที่ต้องมากระโดดยางหรือเตะบอลตอนพักเที่ยงแล้วก็ตาม พี่เชนยิ้มอ่อนละมุนแบบที่เคยทำประจำ เขายื่นนิ้วมาเกี่ยวก้อยอย่างไม่ถือสากับนิสัยชอบเล่นอะไรเป็นเด็กของผม

“ครับ พี่สัญญา พี่จะไม่ทิ้งแอลและจะอยู่ข้างๆแอลตลอดไป”





เธอคงพอรู้ ในสิ่งเหล่านี้..โดยไม่มีถ้อยคำบอกไว้





“หูย.. สวยมากกกกกกกกกกก”

ผมลากเสียงยาวๆเมื่อภาพตรงหน้าคือบ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่สวยจนไม่อาจละสายตาไปได้ บ้านสีขาวสะอาดตัดกับสวนนั่งเล่นสีเขียวชอุ่ม ต้นไม้และดอกไม้นาๆชนิดดึงดูดให้ผมวิ่งเข้าไปดูพวกมันใกล้ๆมองจากข้างหน้าดูเป็นเพียงสวนเล็กๆ ทว่ากลับความจริงกลับใหญ่กว่าที่ตาเห็น แต่ที่น่าตกใจกว่านั่นคือบางสิ่งที่ตั้งวางอยู่ใต้ต้นลีลาวดี

“พี่จำได้ว่าแอลเคยบอกว่าอยากเล่นเปียโนใต้ต้นไม้”

ผมยิ้มโชว์ฟันขาวแทนคำตอบ เดินไปหาเปียโนตัวสีขาว ลูบแผงคีย์เบาๆก่อนจะกดมันทีหนึ่งจนเกิดเสียงไพเราะที่คุ้นหู

“พี่เชนท์ซื้อบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแอลบ้าง”

“เซอร์ไพร์.. ของขวัญครบรอบสามปีที่เราคบกัน”

“...”

บึ้มมมมมมม! ระเบิดกลายเป็นโก้โก้ครั้ช!

ภาพโฆษณาอาหารเช้าซีเรียลชื่อดังแว่บเข้ามาในหัว ความรู้สึกผมตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า ‘ฟิน-โคตร!!’ ฟินเหมือนโกโก้ครัชท่วมทุ่มสาลีไปแล้วววววว

“แต่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ” ผมบอกทั้งที่ปากยังยิ้มไม่หยุด

“พี่อยากให้แอล.. ข้างหลังมีสระน้ำด้วยนะ พี่รู้ว่าแอลขี้ร้อนเผื่อวันหยุดจะลงไปเล่น”

ผมตาโตเป็นสองเท่าเมื่อได้ยินแบบนั้น ค่อยๆมองตามนิ้วที่พี่เชนท์ชี้ ก้าวขาฉับๆเดินไปยังจุดหมายนั่นทันที น้ำสีฟ้าใสที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมนึกอยากถอดเสื้อกระโดนลงเล่นน้ำแล้วว่ายท่ากบขึ้นมาดื้อๆ!

“เพิ่งออกจากโรง’บาลพี่ไม่อนุญาตให้เล่นนะ”

“พี่เชนท์อ่ะ..” รู้ทันตลอด!

“ไม่ต้องอ้อนเลย งด! เข้าไปดูข้างในตัวบ้านกัน”

“อื้อ!”

ผมพยักหัวขึ้นลงเร็วๆ ดันหลังพี่เชนท์ให้นำทางเข้าบ้านซึ่งมีทั้งหมดสองชั้น ชั้นแรกมีห้องนั่งเล่นอยู่ทางด้านซ้าย ห้องครัวและห้องกินข้าวอยู่ทางขวา เปิดประตูไปด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำ ส่วนชั้นบนเป็นห้องไหว้พระ ถัดมาเป็นห้องนอนรับแขก ห้องแต่งตัวและสุดท้ายเป็นห้องนอนของผมกับพี่เชนท์ ฮิ้ววว

“แอลย้ายมานอนกับพี่ที่นี้แหละ พี่ขอแม่เราเรียบร้อยแล้ว”

“คร้าบบบบ”

ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงไซต์คิงแล้วเอนหัวซบไหล่พี่เชนท์ยิ้มๆก่อนที่รอยยิ้มจะถูกแทนด้วยสีหน้างงงวย

   “ทำไมรูปนี้พี่เชนท์ทำหน้าดุจัง”

ผมเดินไปหยิบกรอบรูปที่ถูกวางไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆมุมห้อง มองรูปพี่เชนท์ในเวอร์ชั่นเข้มๆตลอดเวลาที่รู้จักกันผมไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้เลยสักนิด ไม่มีรอยยิ้ม ทำหน้านิ่งๆมองกล้องแต่คงเพราะอ่อร่าความหล่อบวกกับชุดสูทมันเลยดูไม่เหมือนถ่ายรูป
บัตรประชาชน

“ยังกับร็อตไวเลอร์”

อันนี้ไม่ได้กวนนะครับ คือมันดูดุจริงๆ ฮ่าๆ พี่เชนท์ไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆให้ มือใหญ่ยกมาลูบหัวผมเล่นเบาๆ.. ทำแบบนี้จะบอกว่าผมต่างหากที่เป็นหมาใช่ไหมเนี่ย?

   “แอลไปอาบก่อนนะครับ เสร็จแล้วลงมาทานข้าว เดี๋ยวพี่ลงไปทำข้าวเย็นรอ”

   “อื้อ”

ผมตอบรับว่าง่าย มีพี่เชนท์เหมือนมีแม่ ฮ่าๆๆ งานบ้านงานครัวพี่แกทำเป็นหมด ผิดกับผมที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เจียวไข่ยังไหม้ อย่างเก่งก็กวาดบ้านถูบ้าน ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่ใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำเย็นๆไหลผ่านกาย กะจะอาบนานๆเพราะตอนที่นอนแช่อยู่โรงบาลรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเลยจริงๆ

   ‘แอล..’

   เสียงสายน้ำยังคงดังไม่ขาดสาย ผมเอื้อมมือไปปิดมันเมื่อหูคลับคล้ายคลับคลาได้ยินเสียงใครเรียกชื่อผม แต่พอเงี่ยหูฟังดีๆกลับ
ได้ยินเพียงความเงียบ

อืม..

สงสัยจะหูฟาดละมั้ง..

   ‘ฮื่อๆ’

“...”
เสียงร้องไห้..

‘แอล..’

เรียกชื่อผม..

    ผมหายใจสะดุด ขนแขนสแตนอัพไม่ทันตั้งตัว หันซ้ายหันขวามองหาที่มาของเสียงแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รีบอาบน้ำแต่งตัวเหมือนสมัยมัธยมที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปโรงเรียนสาย..

บางทีผมคงต้องให้หมอเช็คประสาทหูบ้าง ใครจะมาร้องไห้เรียกชื่อผมกลางวันแสกๆแบบนี้ได้ละ!!








   “ความรักที่อยู่ในความทรงจำเหรอ?”

   “คือแอลอยากให้คนฟังรู้สึกว่ามันมีความสุขแต่ก็เศร้าจนอยากร้องไห้นะ”

   ผมจ้องมองกระดาษสีขาวที่มีตัวโน๊ตขีดเขียนได้สองสามบรรทัด.. ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจใช้ดินสอขีดฆ่าแล้วขยำกระดาษขว้างไปด้านหลังโดยไม่สนใจว่ามันจะรกห้องหรือไม่

   “ถ้ายังคิดไม่ออกก็พักก่อนสิ กระดาษเกลื่อนพื้นหมดแล้วนะ”

   “ฮื่อออออ ทำไมมันตันแบบนี้!”

ผมแหกปากโวยวาย รับแก้วโกโก้ร้อนที่พี่เชนท์ชงมาให้

“คุณเสือเขาจะเอาอัลบั้มเพลงนี้ภายในสองเดือนนะสิ บ้าไปแล้ว!”

ย้ำสองเดือนครับ มาเป็นอัลบั้ม! อาชีพผมคือนักแต่งเพลง และถึงแม้มันจะเป็นงานศิลปะที่บังคับกันไม่ได้แต่ผมที่มีประสบการณ์การทำงานมาไม่น้อยก็รู้ดีว่า แม้จะเรียกว่าศิลปะแต่ก็ต้องมีกฏระเบียนในตัวมันเอง สร้างผลงานออกมาในเวลาที่กำหนด..แต่สองเดือนกับอีกสิบเพลง ต้องเขียนทั้งทำนองและคำร้องคนเดียวนี่มัน..โหดร้ายไปแล้วเว้ยยยย

 “แล้วคราวนี้แอลแต่งให้ใครละ”

“Dark Sun วงน้องใหม่ที่พึ่งได้รับคัดเลือกจากโครงการลับอะไรของคุณเสือเมื่อปลายปีนั่นแหละ”

ผมบ่น ไม่ใช่ว่าไอ้เพลงที่ใช้เวลาแต่งแค่วันสองวันมันจะไม่เคยมี ก็มีครับแต่นั้นคือเขาช่วยกันหลายคน แต่ผมมาแบบกล้าหาญชาญชัยมาก หน่อเดียวกระเทียมลีบเลย.. ผมชอบแต่งทุกแนวแหละครับแต่ที่ถนัดสุดคือแนวเพลงอินเลิฟ แต่โจทย์อัมบั้มคราวนี้มันไม่ใช่ไง

“ย้ายมานั่งนี่มา”

พี่เชนท์ดึงแขนผมลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ที่ลากมาจากมุมห้อง แล้วนั่งแทนที่ผมเมื่อกี้นี้

“พักฟังพี่เล่นเปียโนก่อน แล้วค่อยแต่งเพลงต่อดีไหม?”

“อื้อ”

ผมว่าเสียงกระตือรือร้น ไม่อยากจะอวดว่าพี่เชนท์เล่นเปียโนเก่งมากๆแม้จะเล่นแค่เป็นงานอดิเรกก็ตาม นอกจากนี้บางเพลงที่ผมเขียนจริงๆก็ได้พี่เชนท์ช่วยคิดช่วยแก้เหมือนกัน พอผมเครียดๆจากงานพี่เชนท์ก็มักจะเล่นเปียโนให้ผมฟังเสมอ

“ไหล่ใครเอ่ย น่าซบจัง”

ผมว่าแล้วเอนหัวซบไหล่พี่เชนท์ เหลือมองนิ้วที่ไล่ไปตามคีย์บอร์ดของเปียโนตัวสีขาวอย่างเคลิมเคลิ้ม ท่วงทำนองที่อธิบายความรู้สึกไม่ถูกไหลเข้ามาในหู สะกิดต่อมความรู้สึกในใจจนผมเผลออินไปกับทำนองของมัน

“พี่แต่งเมโลดี้ไว้ครึ่งหนึ่ง เนื้อเพลงก็ไม่มี ไม่รู้จะพอเป็นแนวให้เราได้หรือเปล่า”

“ช่วยได้มากเลยละพี่เชนท์ เล่นซะแอลอินเลย!”

“ไอ้เด็กคนนี้มันเวอร์จริง”

พี่เชนท์ขยี้หัวผมอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้

   “เอ้า ก็แอลอินของแอล!”

   ผมเถียงกลับไม่ยอมแพ้ ได้ไงละ อยู่ดีๆมาหาว่าเวอร์ซะงั้น

   “พรุ่งนี้ไปทะเลกันไหม”

“ที่ไหน!”

“เสม็ด”

   “เสร็จทุกราย?” ผมยิงมุก

   “คราวนี้เดี๋ยวได้เสร็จจริง”

   “แก้ผ้านอนรอบนเตียงอะบอกเลย”

ผมยักคิ้วใส่ ทำเป็นพูดดีไปงั้นแหละ..

คบกันมาสามปีอย่างมากก็จูบ มากกว่านี้ไม่เคยฮ่าๆ ผมเดินหนีไปเก็บกระเป๋าอย่างดี๊ด๊า ก็แน่ละ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก็เอาแต่หมกตัวอยู่บ้านมาสองอาทิตย์เต็มๆ ไม่เบื่อให้มันรู้ไป เหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆแต่ผมยังแต่งไม่เสร็จสักเพลง..งานนี้คุณเสือได้หักคอผมแหงๆ!






เธอคงพอรู้ จากทุกความเป็นไป..ในวันที่สองเราใกล้กัน






จากกรุงเทพถึงระยองใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆก็ถึง..

เราจอดรถกันไว้ที่ท่าเรือไม่ลืมใช้บริการฝากรถแบบเหมาจ่ายเพื่อนความปลอดภัยเพราะเราจะอยู่กันสองอาทิตย์เต็มๆบนเกาะ ที่อยู่นานขนาดนั่นก็เพราะพี่เชนท์อยากให้ผมได้เปลี่ยนบรรยายในการแต่งเพลงนะสิ! ไม่ได้มาเที่ยวเฉยๆนะครับ

“ผีเสื้ออะไรตัวใหญ่กว่าบ้าน”

“ผีเสื้อสมุทร”

พี่เชนท์ส่ายหัวยิ้มๆ ใช้สายตามองไปที่รูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรตัวใหญ่ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่เกาะ.. เอ๊า ก็มุกคิดสด! ต้องมีแป๊
กกันบ้างสิครับ

“งั้นลิงอะไรโรแมนติก”

“ก็ลิงตัวนี้ไง”

พี่เชนท์ว่าพรางบีบแก้มข้างซ้ายผมซะแรง

“ผิด”

ผมหยิกแก้มพี่เชนท์คืนบ้าง แรงจนขึ้นรอยแดงจางๆ ฮ่าๆ มันเป็นกฏของเรานะครับเวลาทายคำถามผิดต้องโดนหยิบแก้ม แต่กฎแปลกๆแบบนี้อย่าคิดว่าผมเป็นคนเริ่มนะ บอกใครก็คงไม่มีใครเชื่อเพราะคนที่คิดกฎนี้ขึ้นมาคือพี่เชนท์นั้นแหละ

‘แอล ไหนๆเราก็เป็นแฟนกันแล้ว พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม’

ใบหน้าหล่อที่ผมมักแอบมองบ่อยๆกำลังแดงราวกับเขินอะไรสักอย่าง

‘อะไรเหรอครับ’

‘พี่อยากจะขอ..’

นั่นแหละครับคือจุดเริ่มต้น.. ไอ้เราก็นึกว่าจะขออะไรที่ฟังดูโรแมนติกๆ เผลอบ้าจี้ไปเขินอยู่ตั้งนาน! พอตอบตกลงเป็นแฟนด้วย พี่แกก็ขอหยิบแก้มหยุ่ยๆของผมทันทีพร้อมให้เหตุผลว่า

‘ตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่เห็นเรา พี่ก็อยากหยิกแก้มแดงๆนั่นจะแย่แล้ว’

หื้อ ผมควรจะดีใจไหมครับ ตกลงพี่เชนท์ชอบผมหรือแก้มผมกันแน่

“เฉลยมาสิ”

“ลิงจั๊ก”

รักจริงนะคร้าบบบ ฮิ้ววว เล่นเองเขินเอง ฮ่าๆ

“ถนัดจริงนะเราไอ้มุกแป้กๆนะ”

พี่เชนท์ขยี้หัวผมจนยุ่ง แต่ถึงจะพูดแบบนั้นพี่เชนท์ก็ยังเป็นคนเดียวที่ยอมฟังยอมขำไปกับมุกแป้กๆของผมอยู่ดี

พอขึ้นท่าเรือพี่เชนท์ก็เช่ามอเตอร์ไซต์คันหนึ่งราคาต่อชั่วโมงเรียกว่าแอบแพงไม่เบา แต่ก็ต้องเช่าเพราะบ้านพักที่พี่เชนท์จองไว้อยู่อีกฝากหนึ่งของท่าเรือ ขืนเดินไปแบกกระเป๋าหนักๆไปได้ขาลากแน่ ขับไม่นานก็ถึงบ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งเดี่ยวๆอยู่ไม่ไกลจากหาด

หื้อ.. พักแบบส่วนตัวสุดๆ คงแพงกระเป๋าฉีก แต่ที่น่าทึ่งคือพี่เชนท์ไปหาเปียโนมาจากไหนไม่รู้ พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอมันตั้งเด่นหราอยู่ในห้องนั่งเล่น

“เอาของวางไว้แล้วไปหาอะไรกินกัน”

“อาหารทะเลลลลล”

พอพูดถึงท้องก็ร้องขึ้นมา เราต้องขี่มอเตอร์ไซต์กลับไปเพราะหาดที่พักไม่มีร้านอาหารหรือเซเว่น ต้องไปแถวหาดทรายแก้วถึงจะมี

“เราไม่ได้มากินข้าวกันเหรอ”

ผมถามออกไปงงๆเพราะพี่เชนท์แค่แวะเข้าเซเว่นแล้วขี่มอไซต์พากลับบ้านพักเลย อย่าบอกนะว่าจะให้กินขนมแทนข้าวเย็น.. แต่ไม่ทันที่พี่เชนท์จะตอบ แสงเทียนและอาหารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าบ้านก็ตอบข้อสงสัยผมหมดสิ้น

“นึกยังไงอยากกินข้าวใต้แสงเทียนกับแอล”

ปกติพี่เชนท์ก็ดีอยู่แล้วครับแต่ไม่ได้ทำอะไรเวอร์ๆแบบนี้

“ก็พี่อยากใช้เวลาอยู่กับแอลให้นานที่สุดแล้วก็ดีที่สุดนี่ครับ”

พี่เชนท์บอกขณะเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งลง ข้าวอะไรไม่ต้องกินมันแล้วเพราะผมแทบจะสำลักน้ำตาลตาย! มดเต็มโต๊ะแน่งานนี้ฮ่าๆ

“แอลเชื่อที่หมอดูคนนั้นทักเราไหม”

ผมชะงักข้าวที่กำลังตักใส่ปากเมื่อจู่ๆพี่เชนท์ก็ถามเรื่องเมื่อสามเดือนที่แล้วขึ้น

“คนที่ทักว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน แต่ถ้ายังคบกันต่อไปก็ต้องแยกย้ายลาจากนะเหรอ”

“อืม”

“ไม่อะ แอลว่ามันไร้สาระทั้งเพ เขาเป็นใครก็ไม่รู้อาจจะเป็นคนบ้าก็ได้นะพี่เชนท์”

ผมบอกพี่เชนท์อย่างไม่ชอบใจเมื่อนึกถึงคำพูดพวกนั้นจากคนแปลกหน้า ใครจะไปเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้กันละ






“แอล ตื่นได้แล้วครับ”

เสียงกระซิบและลมหายใจอุ่นๆที่ข้างหูไม่อาจกระตุ้นต่อมความง่วงให้หายไปได้ ผมพลิกตัวหนีพี่เชนท์อย่างสะลึมสะลือ ไม่คิดจะเปิดเปลือกตาหนักๆขึ้นมามองคนเรียกแม้แต่น้อย

“อื้อ แอลขออีกห้านาทีนะ”

“ก็ได้ครับ แต่ห้านาทีจริงๆนะเดี๋ยวไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น”

“อื้อออ”

ผมครางตอบแบบไม่ใส่ใจนัก รู้สึกเพียงไออุ่นที่กอดรัดจากด้านหลัง อยากนอนอยู่ในอ้อมกอดพี่เชนท์แบบนี้นานๆจัง..

“แอล..”

“อื้อ”

ผมครางอืออย่างขัดใจเมื่อได้ยินพี่เชนท์เรียกชื่ออีกครั้ง แต่หนังตาผมมันลืมไม่ขึ้นจริงๆ ก็ปกติผมไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้นี่น่า

“แอล.. ตื่นเถอะ”

“ผมบอกแล้วไงว่าขออีกห้าที”

ผมถอนหายใจยาว ลืมตาขึ้นมองพี่เชนท์อย่างขัดใจทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นสีหน้างงงวยของคนที่นอนอยู่ข้างๆแทน

“แอลตื่นก็ได้ ไม่เห็นต้องปลุกกันไม่หยุดแบบนี้เลย”

“พี่ไม่ได้ปลุกแอล”

“...”

“แอลบอกว่าขออีกห้านาทีพี่เลยนอนรอเราตื่น”

อีกแล้ว..

ผมได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อผมอีกแล้ว แต่ในห้องนี้ก็มีแค่ผมกับพี่เชนท์ ไม่ได้มีคนอื่นอยู่เลย แล้วผมก็ไม่เชื่อสิ่งที่มองไม่
เห็นอย่างเช่นผีอะไรนั่นด้วย แต่ว่า..งั้นเสียงที่ผมได้ยินละ? มันมาจากไหน หูฟาดไปเองงั้นเหรอ?


ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆซะแล้วสิ..



ออฟไลน์ Mi.07

  • ชัดชัดชาด่าดาดั๊ดชัด~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
เราก็รู้สึกหลอนขึ้นมาจริงๆซะแล้วซิ
โอ้ยยยยย รู้สึกสังหรณ์แปลกๆ ข้ออย่างเดียวจบแบบแฮบปี้เถอะนะ

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โหย.. นี่หลอนไม่เบานะคะ TwT

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE



♫♬♪♩ ‘เสียง’เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐ (กันย์xกุมภ์)








บทที่ 2



หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นผมก็กินข้าวแล้วมาคลุกกับเปียโนตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผมแก้ทำนองจากที่ได้ฟังพี่เชนท์เล่นนิดหน่อย ตอนนี้แต่งต่อจนเกือบจะเสร็จไปครึ่งทางแล้วขาดแค่เนื้อร้องเท่านั้นเอง

ปกติถ้าคนแต่งทำนองกับคำร้องเป็นคนเดียวกันจะแต่งทำนองไปเขียนไปก็ได้ แต่ผมถนัดแต่งทำนองออกมาก่อนมากกว่า เผื่อว่าบางทีถ้าผมไม่อยากจะเขียนเนื้อเพลง คงมีใครสักคนเอาทำนองผมไปเขียนต่อ

“ไอ้แอล!”

“เฮ้ย ไอ้นิค!?”

ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงดังเพราะตกใจปนคาดไม่ถึงที่ได้เจอมันที่นี้ ร่างเล็กๆถลาเข้ามากอดผมแน่น

“มึงมาได้ไง”

นิคกี้เป็นเพื่อนซี้ที่สุดของผมเลยละ มันทำงานเป็นนักเขียนเพลงเหมือนกัน แต่แนวเพลงส่วนใหญ่ที่มันเขียนจะตรงข้ามกับผม เป็นแนวร็อค มันส์ๆ สนุกกระโดดเต้นอะไรทำนองนั้น

“เอ้า ร้องไห้ทำไม”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ”

“ฮ่าๆ มึงมันบ้า แล้วสรุปมึงมาอยู่ที่นี้ได้ไง”

นิคกี้ทำหน้างงจริงจัง ผมเลยถามเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ได้อยากรู้อะไรขนาดนั้น

“หวานใจมึงโทรมาชวนกู เห็นว่ามึงกำลังเครียดกับการแต่งเพลงอยากให้มาชวนกันคิดเผื่อมีไอเดียอะไร”

“เพลงแรกกูจะคลอดละ สบาย แต่เพลงอื่นนะสิ ยังไม่มีเค้าโครงอะไรเลย”

“เดี๋ยวกูช่วยเอง แต่ตอนนี้ไปเล่นน้ำทะเลกัน!”

“เอางั้นเหรอ”

“เออดิ มึงเห็นชุดกูไหม”

มันว่าพร้อมเผยมือให้ดูตัวมันเอง ไอ้นิคใส่กางเกงตัวเดียว โชว์หุ่นที่ไม่มีกล้ามของมันอย่างภาคภูมิใจ..อ่อ ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นเพื่อนมันผมจะจับมันกดตรงนี้แหละ หึๆ

”มึงขาวน่าฟัดมากอะนิค จะไปล่อสายตาผู้ชายที่ไหนวะ”

“มึงบอกตัวเองเหอะไอ้ขาวน่าฟัดอะไรนั่นอะ แล้วอีกอย่างกูมาอ่อยสาวต่างหากครับ”

“แหวะ”

ผมเบะปากใส่มันแกล้งๆ ละจากเปียโนสีน้ำตาลลงไปเล่นน้ำทะเลกับไอ้นิคจนตัวเปื่อยถึงยอมขึ้นฝั่ง ไม่ขึ้นไม่ได้แล้วครับตัวเปื่อยซีดเป็นไก่ต้มแล้ว พอกลับไปก็เห็นพี่เชนท์กำลังนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารแต่คราวนี้ไม่มีเทียน ดีแล้วไม่งั้นไอ้นิคมันคงอ้วกใส่ผมฮ่าๆ

“โห แฟนมึงนี่บริการตลอดอะ หล่อแล้วยังใจดี”

ไอ้นิคมันว่า มองอาหารหลากหลายอย่างที่อยู่ตรงหน้าสายตาบ่งบอกว่าอยากกินอย่างไม่ปิดบัง

“เหนื่อยไหมคนเก่ง”

“เหนื่อยมากกกกกกก”

ผมเดินเข้าไปอ้อนพี่เชนท์ ซุกหน้ากับแผงอกแกรงๆนั่น เลือดกำเดาจะไหล ผู้ชายอะไรตัวก็สูง กล้ามก็มี หุ่นในฝันผมเลย!

“ทำไมพี่เชนท์หล่อจัง”

ผมถามกลับหน้าซื่อ..ซะเมื่อไหร่ ฮ่าๆ หน้าหื่นต่างหาก

“โอ้ยมึง ให้มันน้อยๆหน่อย”

เสียงไอ้นิคลอยเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวา ไม่อาจเรียกความสนใจไปจากผมได้ สายตาผมจ้องใบหน้าได้รูปของพี่เชนท์เขม็ง คิ้วเข้มเรียงสวยจรดรับกับจมูกโด่งๆ แต่ที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็น.. ดวงตา..ดวงตาสีดำที่อบอุ่นและน่าดึงดูดของพี่เชนท์

“มองแบบนี้เดี๋ยวพี่ก็จับจูบซะหรอก”

พี่เชนท์ขำ นัยต์ตาสีดำฉายแววหลอกล้อ

“ก็จูบสิ แอลไม่ได้ห้าม”

“เด็กแก่แดด”

“แอลเลยสิบแปดมาหลายปีแล้ว”

“ก็ยังเด็กสำหรับพี่อยู่ดี”

“พี่แก่กว่าแอลแค่สามปีเอง”

พูดไปงั้นแหละครับ บุคลิกและนิสัยพี่เชนท์นะโตกว่าผมเยอะ

“ปากดี”

“ดีแล้วน่าจูบปะละ”

พี่เชนท์เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกเราเตะกัน ผมหลับตาปี๋ด้วยความตื่นเต้น ไอ้ที่อวดดีเมื่อกี้หายวับ ก่อนจะรู้สึกถึงความอุ่น
ร้อนที่บริเวณ..หน้าผาก

“หน้าผากพอ เพื่อนเรายังอยู่นะ”

“ช่างไอ้นิคมันสิ”

“ขอบคุณครับพี่เชนท์ที่ไม่ลืมผมเหมือนไอ้เพื่อนแถวๆนี้!”







แม้ในวันนั้น ยั่งยืนเพียงฝัน.. เป็นแค่เพียงเมื่อวานผ่านไป








ทริปคราวนี้ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนัก

ไอ้นิคมาอยู่กับผมได้สองวันก็ต้องกลับเพราะมีธุระด่วน ผมแต่งทำนองเพลงเสร็จแล้ว แต่ยังขาดเนื้อ แล้วสิ่งที่ทำให้งานผมล่าช้าอยู่นี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ต้นเหตุก็คนตัวโตๆที่นั่งมองผมเล่นเปียโนอยู่ข้างๆนี่ไง

“เสร็จแล้วไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันนะ เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับกรุงเทพแล้ว”

ครับ..สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่ที่ไม่โกหกก็คือพี่เชนท์ เขาชวนผมไปเที่ยวนั่นนี่จนเวลาที่วางแผนว่าจะแต่งเพลงเปลี่ยนเป็นเที่ยวแทน

“ต้องดูด้วยเหรอ แค่พระอาทิตย์ตกดิน ก็ดูมันขึ้นแล้วนี่”

ผมแกล้งพูดทั้งที่ใจจริงอยากลากพี่เชนท์ไปซะเดี๋ยวนี้

“ยังไม่หายงอนอีกเหรอเด็กน้อย”

“แอลยี่สิบห้าแล้วครับพี่เชนท์ ยี่-สิบ-ห้า” ผมย้ำชัดๆทีละคำ

“พี่ขอโทษ..”

พี่เชนท์ว่าเสียงอ่อน แล้วใจผมก็อ่อนไปด้วย.. ก็ใครจะไปทนเห็นหน้าเศร้าๆของพี่เชนท์ไหว! แล้วจริงๆมันก็ไม่ใช่ความผิดที่เชน
ท์คนเดียวหรอกที่ทำแผนผมพัง ถ้าผมไม่ใจอ่อนยอมไปเที่ยวด้วยผมก็คงแต่งเพลงเสร็จไปนานแล้ว

“แอลจะไปไหน”

พี่เชนท์ถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆผมก็ลุกขึ้นพรวด

“เร็วสิพี่เชนท์พระอาทิตย์มันไม่รอใครนะ มันอยากจะตกก็ตก”

“แอลไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหม”

เคยโกรธซะที่ไหนเล่า...

ผมตอบในใจ มองหน้าหล่อๆที่หายเป็นหมาหงอยของพี่เชนท์แล้วหลุดขำออกมา..ฮาสุดๆอะ พี่เชนท์ยิ้มออกเมื่อรู้ว่าโดนผม
แกล้งให้แล้ว เราเดินเล่นกันไปตามหาด คนน้อยแทบจะนับได้เพราะหาดนี้ไม่ได้เป็นหาดท่องเที่ยวสักเท่าไหร่

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

ผมถามงงๆเมื่อจู่ๆพี่เชนท์ก็หยุดเดิน แล้วปล่อยให้ผมหลงเดินนำไปคนเดียว

“พี่มีอะไรจะบอก”

“ครับ?” ผมมองพี่เชนท์งงๆ

“ก็มาบอกใกล้ๆสิ ยืนห่างกันเป็นกิโล”

พูดเวอร์ไปงั้น ฮ่าๆ ที่จริงเรายืนห่างกันหกเจ็ดก้าวเอง เท้าใหญ่ค่อยๆเหยียบทับรอยเท้าที่ผมเคยเดินตามมาทีละก้าว..

ทีละก้าว..

ทีละก้าว..

จนกระทั่งช่องว่างที่เคยห่างเปลี่ยนเป็นแนบชิด

“แอลรู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่ถึงเดินตามรอยเท้าแอล”

“...”

ผมพยักหน้า..

จำได้ว่าเคยดูหนังเรื่องหนึ่ง แล้วเพ้อถึงฉากๆหนึ่งให้พี่เชนท์ฟังว่ามันซึ้งมากแค่ไหน ฉากนั้น..แบบเดียวกับที่พี่เชนท์กำลังทำ

“ถ้าเราเดินตามรอยเท้าใคร แปลว่าเราอยากจะแบ่งปันส่วนหนึ่งของชีวิตกับคนๆนั้น..”

 “พี่เชนท์..”   

ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงสั่นๆ เมื่อจู่ๆพี่เชนท์ก็คุกเข่าลงตรงหน้าผมพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่บรรจุแหวนแวววาว

“แอลแต่งงานกับพี่นะ”

ผมไม่มีแม้แต่เสียงจะตอบ..

ได้แต่พยักหน้า สมองประมวลผลภาพและเสียงเมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมา รู้ตัวอีกทีมือผมก็ถูกมืออุ่นๆของพี่เชนจับไว้พร้อมกับความเย็น
ของแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย

“แอลรักพี่เชนท์นะครับ”

น้ำตาผมไหลด้วยความตื้นตัน เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเวลามีคนมาคุกเข่าขอแต่งงาน ก็วันนี้ ผมไม่เคยคิดว่าพี่เชนท์จะทำแบบนี้เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็น ‘ผู้ชาย’

“พี่ก็รักแอลเหมือนกันครับ รักมาก.. มากจนเกินไป พี่ขอโทษ”

“รักมากเลยขอโทษเนี่ยนะ ฮ่าๆ”

ผมปาดน้ำตาออกจากแก้ม มองหน้าพี่เชนท์ขำๆ

“จูบกันไหม”

“เรื่องแบบนี้ใครเขาให้ถาม”

มันต้องทำเลยต่างหากเล่า! ตั้งใจจะแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย

“หลับตาสิ”

ผมรู้สึกร้อนวูบที่แก้ม ไม่รู้จะวางสายตาไว้ที่ไหนจึงหลับตาเหมือนที่อีกคนบอก ทำยังกับว่ามันคือจูบแรกของผมพี่เชนท์งั้นแหละ
ริมฝีปากหยักเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะประทับลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา..

มันไม่ใช่จูบที่จาบจ้วง  มีเพียงแค่ริมฝีปากที่แนบชิดกันและกัน แต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอุ่น และดีที่สุดเท่าที่ผมเคยจูบกับพี่เชนท์มา








เธอคงพอรู้ไม่ว่านานเพียงใด..ไม่นานเกินไปให้ใจฉันจำ








“แอล ฮึก!”

เสียง.. เสียงนั่นอีกแล้ว

“ฮื่ออออ”

เรื่องชื่อผมทำไม?.. ร้องไห้ทำไม?

“แอลเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดๆ”

“เปล่าครับ”

ผมตอบกลับ พยายามไม่แสดงอะไรที่ดูมีพิรุธออกไป พี่เชนท์คงงงที่เห็นผมยืนมองบรรไดซะนาน

“แอลแค่เครียดๆนะ เหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ก็ต้องส่งเพลงให้คุณเสือแล้ว แต่แอลยังแต่งไม่ได้สักเพลงเดียวเลย”

ตั้งแต่กลับมาจากทะเลผมก็เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งอาทิตย์เพื่อเขียนเพลงส่ง

“คุณเสือเขาไม่ได้โทรตามไม่ใช่เหรอ เขาอาจจะเปลี่ยนใจยืดเวลาออกไปแล้วก็ได้นะ”

“นั่นแหละครับที่แปลก.. ผมโทรหาคุณเสือไม่ติดเลยแล้วคุณเสือก็ไม่โทรตามผมด้วย”

มันแปลกเกินไป.. ปกติแล้วคุณเสือจะโทรมาถามงานบ้างแต่นี้ไม่มีเลยสักครั้ง

“ที่สำคัญแอลยังแต่งเพลงไม่เสร็จแม้แต่เพลงเดียว”

ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน..

มันทำให้ผมรู้สึกแย่ไม่น้อย ทั้งที่ทำนองก็เสร็จแล้วแต่พอจะเขียนเนื้อเพลงมันกลับจบลงด้วยการลบซ้ำไปซ้ำมา ผมแค่รู้สึกว่ามัน
ไม่ใช่ แล้วผมก็จะไม่ยอมแต่งเพลงออกไปแบบขายผ้าเอาหน้ารอดให้มันเสร็จๆไปด้วย

“แอลเล่นเพลงที่เขียนทำนองเสร็จแล้วให้พี่ฟังหน่อยสิ”

“ครับ?”

ผมรับคำงงๆ แต่ก็ยอมเดินไปที่สวนเพื่อเล่นเปียโนให้พี่เชนท์ฟังแต่โดยดี ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆบรรเลงเพลงไปตามจังหวะที่ขีดเขียน

“เพราะดีนะ”

“แน่อยู่แล้ว แอลซะอย่าง” ผมอมยิ้มรับคำชม

“ฟังดูเศร้าๆ”

“อินอะดิ” ผมเอียงคอถามเมื่อเห็นแววตาเหม่อลอยของพี่เชนท์

“พี่ขอช่วยเราเขียนเนื้อเพลงได้ไหม”

“เอาสิ แอลจะได้สบายฮ่าๆ”

“แต่มีข้อแม้นะ”

“ว่า?”

“ถ้าพี่เขียนแล้วแอลห้ามลบ ต้องแต่งต่อให้เสร็จ”

“หื้อ.. กลยุทธช่วยให้แอลเขียนเพลงเสร็จเร็วๆเหรอ”

ผมมองหน้าคนเจ้าแผนการ พี่เชนท์ยิ้มๆดึงกระดาษไปจดปลายปากกา ไม่สนใจดินสอที่วางอยู่ข้างๆแม้แต่น้อย ไม่นานพี่เชนท์ก็ส่งกระดาษกลับคืนมาให้

“ตั้งชื่อเพลงให้พร้อม?”

“อื้อ”

“ชื่อนี้ก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แอลซะอย่าง”

ผมโดนพี่เชนท์ยีผมแรงๆ ไม่รู้หมั่นไส้หรือเห็นผมเป็นหมาหรือยังไง ชอบจัง เล่นหัวผมเนี่ย

“แอล”

“ครับ?”

“ถ้าวันหนึ่ง แอลต้องเจอกับปัญหาต่างๆมากมาย จนรู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อแอลจะทำยังไง”

ผมมองสีหน้าจริงจังของพี่เชนท์แล้วอดตอบกลับไปแบบขำๆไม่ได้ ก็พี่เชนท์ไม่เหมาะจะทำสีหน้าแบบนี้เลยนี่น่า

“ไม่เห็นยาก แอลมีแม่ที่อยู่เคียงข้างแอลเสมอ มีเพื่อนดีๆอย่างไอ้นิค แล้วก็ยังมีพี่เชนท์..คนที่แอลจะใช้เวลาที่เหลือในชิวิตเดิน
ไปด้วยกัน”

“แล้วถ้า..”

“ถ้า?”

“ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งไปละ”

ผมหุบยิ้มหน่อยๆ เมื่อพี่เชนท์ทำหน้าจริงจังขณะถามคำถาม

“แอลก็คงเสียใจมากๆ”

“แอลจำไว้นะ.. ถึงแอลจะสูญเสียคนใดคนหนึ่งไป แต่แอลก็ยังมีคนที่รักและห่วงใยแอล”

ผมยิ้มให้พี่เชนท์บางๆ มือใหญ่เอื้อมมาลูบไล้ข้างแก้มของผมอย่างแผ่วเบา

“และคนที่สูญเสียก็ไม่ได้หายไปไหน แต่เขาจะอยู่ในใจแอลตลอดไป”

“ครับ”

ผมพยักหน้า ปล่อยให้พี่เชนท์ดึงตัวไปกอดแน่น ผมซุกหน้าลงกับอกอุ่นๆแล้วจู่ๆน้ำตาก็ไหลอย่างไม่มีสาเหตุ..

ทำไมนะ?

ทำไมผมถึงได้รู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน?

“แอลรักพี่เชนท์นะ”






♫♬♪♩ ‘เสียง’เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐






“แอล..”

ผมไม่อยากได้ยินเสียงนั่น..

“ได้ยินไหม”

ผมไม่ต้องการ ออกไปให้พ้นสักที!

“แอล..”

“พะ พี่เชนท์”

ผมสะดุ้งเมื่อพี่เชนท์วางมือลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ

“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ”

“อื้อ แอลไม่เป็นไรหรอก”

พูดแบบนั้นทั้งที่รู้สึกโหวงๆในใจแปลกๆ

“เต้นรำกันสักเพลงไหมเด็กน้อยของพี่”

“ครับ”

ผมกับพี่เชนท์อยู่ในสวนหย่อมที่บ้าน ใส่ชุดไปรเวทสีขาวสบายๆ ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมายนัก พี่เชนท์หยิบซีดีขึ้นมาแผ่น
หนึ่งแล้วจัดการใส่มันลงไปในเครื่องเล่น

“เรื่องจริง..”

พี่เชนท์พูด ก่อนที่ดนตรีจะดังคลอขึ้นมา ผมรู้สึกชาหนึบที่หัวใจ มองพี่เชนท์ที่เอื้อมมือมาจับตรงเอวผม ส่วนอีกข้างก็ผายมือออก
เพื่อรอให้ผมวางมือลงไป

“เรื่องจริง”

ผมพูดแล้ววางมือทั้งสองข้างในตำแหน่งที่ถูกที่ควร เสียงดนตรีที่เปิดเป็นเสียงเปียโนเพลงที่ผมกำลังแต่ง ผมไม่รู้ว่าพี่เชนท์ไปอัดมันมาตอนไหน..แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมต้องสนใจ ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของพี่เชนท์

ไม่ว่าเมื่อไร.. เขาก็ยังมองมาที่ผมด้วยความรักและความห่วงใย

ผมกระพริบตาเมื่อภาพตรงหน้าถูกม่านน้ำตาบดบังไว้

เรายังคงเต้นรำกันโดยไม่มีการพูดจา มันเป็นแค่การเต้นรำธรรมดาๆหากแต่มีความพิเศษสำหรับผม พี่เชนท์หยุดฝีเท้า..
ดึงร่างผมไปไว้กอดแน่นเป็นครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้..?

แต่ผมกอดเขาตอบเหมือนทุกครั้ง..

ซุกตัวในอ้อมกอดที่คุ้นเคยราวกับจะกลืนกินเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งใจหัวใจผมมันเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทีละนิด..ทีละนิด กับการกระทำทั้งหมดของพี่เชนท์

“แอล”

เสียงนุ่มทุ้มเรียกชื่อผม มือหนาเลื่อนมาจับที่แก้มทั้งสองข้าง ปลายจมูกเราชดกันเพราะพี่เชนท์เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ก่อนที่จะจูบเบาๆที่ริมฝีปากผม

หากแต่คราวนี้ไม่มีการหลับตา..

เรามองตากันเนินนาน สัมผัสเปียกชื้นของหยาดน้ำตาไหลอาบแก้มผม ก่อนจะหยดลงมาขัดไออุ่นที่ริมฝีปาก จนได้รสเค็มของมัน

“ไม่ว่าแอลจะรักใคร พี่ก็จะอยู่ข้างๆแอลเสมอ”

ไม่..

แอลรักพี่เชนท์คนเดียว..

ผมอยากตะโกนใส่หน้าแล้วทุบอกพี่เชนท์แรงๆสักทีว่าพูดประโยคนี้กับผมได้ยังไง ทว่าผมกลับทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา ในตอนนี้.. แค่จะเปร่งเสียงพูดมันก็ดูเป็นเรื่องยากเย็นไปแล้วสำหรับผม

“ดูแลตัวเองดีๆนะแอล”

ทั้งที่ใกล้กันขนาดนี้..

แต่ผมกลับรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันเลืองลางห่างออกไปทุกที..

ผมพยายามกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตา..

แต่ผมกลับยังเห็นใบหน้าพี่เชนท์เป็นเหมือนภาพถ่ายที่เลือนรางใบหนึ่ง..

“พี่รักแอล”

ผมควรจะยิ้มสิ..

“รักจนกลายความเป็นเห็นแก่ตัว”

ผมไม่ได้อยากร้องไห้..

 “พี่รักแอลนะ เด็กดีของพี่”

ผมกลัว..

“แอล..”

ผมพูดได้แค่นั้น เสียงสั่นเพราะกำลังร้องไห้..

“แอลก็รักพี่เชนท์”

ผมเห็นพี่เชนท์ยิ้มบางๆ..

ความอบอุ่นที่เคยสัมผัสได้ค่อยๆแทนที่ด้วยความเหน็บหนาว.. ผมรู้สึกเคว้งคว้าง ได้แต่หลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่คิดที่จะเช็ด

เพราะผมกลัว..

กลัวว่าถ้าลืมตาขึ้นมาแล้ว..

ผมจะไม่มีวันได้เห็นพี่เชนท์อีกตลอดไป..







จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ.. และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง








“แอล ฮึก! แอลฟื้นแล้ว”

กลิ่นยา..

“นิคกดกริ่งเรียกหมอทีลูก!”

เจ็บเหมือนมีอะไรทิ่มอยู่ที่แขน..

“ฮื่อ แอลเป็นยังไงบ้างลูก”

มือเหี่ยวย่นลูบไล้ใบหน้า เช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มของผมไปมา

“ฮือ หมดเคราะห์หมดโศกสักทีนะแอล”

ผมพยายามยกเปลือกตาอันหนักอึ้งมองหาเสียงที่เรียกหาผมอยู่บ่อยๆ..

“แอลเจ็บไหม ปวดหัวตรงไหนหรือเปล่า”

เสียงแม่เอ่ยถามผมด้วยความห่วงใย เจ็บ.. เจ็บจัง ผมรู้สึกชาหนึบที่หน้าอก.. ผมรู้สึกทรมารจนหายใจไม่ออก ทำไมผมถึงรู้ได้สึก
เจ็บปวดมากมายขนาดนี้นะ?

โดยเฉพาะที่’‘หัวใจ’ มันเจ็บ.. จนต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา

   มันปวด.. จนรู้สึกไม่อยากมีมันอีกแล้ว

เพราะหัวใจของผมมันได้ตายไปพร้อมกับคนๆนั้น..

พี่เชนท์..

พี่อยู่ที่ไหน..

ได้โปรดเถอะ..

ได้โปรดกลับมาหาแอล..




ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่เธอจะอยู่ในใจ.. เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ








MAFIA : พระเอกอยู่ไหนเน้อออออออออ ฮ่าๆๆๆๆ
เอาปมแรกมาเฉลยรู้แล้วละสิว่าเสียงที่ว่าเป็นของใคร แต่ปมอื่นๆผูกไว้เฉลยตอนหน้า
ใครที่สงสัยว่าทำไมตัวละครต้องทำแบบนี้ๆค่อยๆเฉลยกันไปน้า







ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เปิดมาก็เศร้าเลยแฮะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE
♫ ♬ ♪ ♩ ‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐ (กันย์xกุมภ์)






ตอนที่ 3






3ปีต่อมา..



“กูลงจากเครื่องแล้ว”

ร่างเล็กในชุดไปรเวทสอดสอดส่องสายตามองหาชื่อไฟต์ที่ตนเพิ่งลงเครื่อง อีกมือก็ถือโทรศัพท์คุยกับนิค

“กูหาเลขช่องรับกระเป๋าเจอละ แค่นี้นะ อีกไม่เกินสิบนาทีจะ..”



โครม!



   “โอ้ย!”


   ยังไม่ทันได้พูดจบสายก็ตัดไป เสียงโอ้ย! ไม่ใช่ของแอลอย่างที่คิด แต่เป็นเสียงของคู่กรณีที่ต้องมาซวยเพราะความรีบร้อนของ
แอล

   “ขอโทษครับ”

   ร่างเล็กรีบลุกขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองนอนทับร่างใหญ่โตของใครบางคนอยู่ แอลยื่นมือไปฉุดแขนคนเจ็บให้ลุกขึ้น แต่ดูเหมือนว่าอีก
ฝ่ายจะไม่ต้องการเพราะมือเล็กโดนสะบัดออกอย่างไม่ใยดี

   “คือผมไม่ได้ตั้งใจจะชนคุณ...”

   “มีอะไร”

คนเจ็บถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าชะงักคำพูด มองเขาด้วยแววตาตื่นๆ

“พี่เชนท์..”

   แอลมองใบหน้าคมคายไม่วางตา คิ้วเข้มๆ จมูกโด่งๆและริมฝีปากหยักที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ใช่คนที่เขาฝันถึงทุกคืน ภานุวัตรรีตาม
องร่างเล็กงงๆที่จู่ๆก็โผลเข้ามากอดตนเสียแน่น คิ้วเข้มเลิกขึ้นแทนคำถาม ก่อนจะดันร่างในอ้อมแขนตนออก

   “พี่เชนท์ใช่ไหม”

   ดวงตากลมโตคลอเป็นด้วยน้ำสีใส น้ำตาเม็ดโตล่วงเผาะอย่างที่ใครเห็นก็ต้องบอกว่าน่าสงสาร..แต่ไม่ใช่สำหรับคนอย่างภานุวัตรแน่ๆ

   “นายทักคนผิดแล้ว”

แม้แต่เสียงก็ยังเหมือน...

ใบหน้าและส่วนสูงไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หาความแตกต่างได้ยาก ที่ต่างกันจริงๆก็คงเป็นความรู้สึก น้ำเสียงนั้นแม้จะเหมือนแต่กลับให้ความรู้สึกดุดัน ใบหน้าก็คมคายกว่าเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวดูกดดันไม่ได้อบอุ่นอ่อนโยนแบบ
พี่เชนท์ที่แอลรู้จักสักนิด

นั้นสินะ.. เขาคงจำคนผิด

ในเมื่อพี่เชนท์ตายไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว จะมายืนให้เขากอดอย่างไม่อายใครที่สนามบินแบบนี้ได้ยังไงละ

“ขอโทษครับ”

แอลบอกเสียงสั่น ยังคงไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย

“อืม”

น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ตอบกลับ ร่างสูงจ้องตาใสๆเขม็งก่อนจะเดินหนีไปทิ้งให้แอลมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตา..






“แม่มึงต้องดีใจมากแน่ๆ นี่กูปิดปากเงียบสนิทไม่บอกใครเลยนะเรื่องที่มึงกลับไทยอะ”

นิคหัวเราะเสียงดังเต็มรถ หันไปเปิดเพลงเบาๆขณะติดไฟแดงบนท้องถนน

“เออ มึงแวะหาไรกินก่อนเข้าบ้านไหม”

“...”

“แอล”

“...”

“แอล!”

“ห๊ะ?”

“เหม่ออะไรของมึง”

นิคถามแอลที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ

“เปล่า เดินทางนานไปหน่อยเลยเหนื่อยนะ”

“ก็แหงสิ อิตาลีนะไม่ใช่สิงคโปรจะได้บินแปปๆก็ถึง”

นิคว่า แล้วขับรถต่อเมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นเขียว ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการฝ่ารถที่แน่นขนัดของเมืองกรุงจนถึงบ้าน

“ไม่ต้องเกร็งใจ พ่อกูแม่กูไม่อยู่”

“ขอบใจมึงมาก”

“ขอบจงขอบใจอะไร เปลี่ยนไปมากนะมึงฮ่าๆ เดี๋ยวกูตามลุงบุญให้เอาของขึ้นมึงไปเก็บแปป”

“ไม่ต้องหรอก มันดึกแล้วเดี๋ยวกูยกเอง”

แอลรีบห้ามเมื่อนิคทำท่าจะเดินไปเรียกลุงบุญที่บ้านคนงาน

“มึงจะยกเอง?”

“อื้อ”

“มึงอยากแขนหักหรือไง เมื่อก่อนก็ตัวเล็กอยู่แล้วนะ แต่กลับจากอิตาลียิ่งตัวเล็กกว่าเดิมอีก ถามจริงที่นั่นอาหารไม่อร่อยเหรอ” นิ
คว่าพรางจับแขนแอลมาบีบเล่น

“กูก็ตัวเท่าเดิม”

แอลผลักหัวเพื่อนเบาๆ ก่อนที่จะช่วยกันยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บในห้องที่อยู่ถัดไปจากห้องนิค กระเป๋าสีดำใบใหญ่ถูกวางให้ข้าง
เตียงโดยมีเสียงหอบของนิคผู้ที่ไม่เคยยกแบกของหนักๆดังอยู่ข้างๆ

“กูขอพักสักคืนละกัน พรุ่งนี้ก็กลับ”

“โอ้ย กูไม่ได้จะไล่ ไม่ต้องพูดแบบนั้น มึงจะอยู่ตลอดชีวิตเลยก็ได้ ดีซะอีกกูจะได้มีเพื่อน”

“ไม่ดีมั้ง กูต้องกลับไปหาแม่ฮ่าๆ”

“เออ งั้นวันนี้มึงพักผ่อนละกัน ดึกแล้วกูไปนอนก่อนละ”

“อืม”

แอลโบกมือลาเพื่อนปรอยๆ แม้ใจอยากจะโดนขึ้นไปนอนบนเตียงให้หายเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอาบน้ำเสียก่อน มือเล็กรูดซิปเปิด
กระเป๋าใบใหญ่ออก แต่ทันทีที่เห็นของที่อยู่ข้างในแอลก็ต้องหน้าซีดไปทันที!

กระเป๋าใบนี้มัน.. !?








“ของใคร?”


เสียงเข้มติดไม่สบอารมณ์เอ่ยขึ้นลอยๆหลังเปิดกระเป๋าใบโตแล้วพบว่ามันไม่ใช่ของเขาเอง ถ้าเป็นปกติภานุวัตรคงจะปิดกระเป๋า
ทันทีเพราะไม่อยากเสียมารยาท แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นใบเห็นภาพถ่ายใบหนึ่งที่ถูกใส่กรอบไว้อย่างดีสอดอยู่ในช่องตาข่ายด้านบนของกระเป๋า

“เหอะ ที่แท้ก็เด็กนั่น”

ภานุวัตรมองรูป ‘เด็กนั่น’ ที่ว่าหรือก็คือคนที่เดินชนเขาที่สนามบิน ไม่นึกว่าจะมาสลับกระเป๋ากันอีก ในรูปร่างเล็กกำลังยิ้ม ดูร่าเริง
แจ่มใสมีความสุขซะจนน่าหมั่นไส้ เขาคงคิดแค่นั้นถ้าไม่ติดว่า.. ผู้ชายในรูปถ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆหน้าตาเหมือนเขายังกับแกะ!

‘พี่เชนท์’

ภานุวัตรนึกถึงเสียงใสที่เรียกชื่อเขาผิดในตอนนั้น ทำไมเขาไม่เอ๊ะใจตั้งแต่แรกนะ






จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เพราะฉันไม่อาจ..ฝืนย้อนคืนวัน ให้หวนได้ใหม่







   “แอลไปเถอะ แม่ก็อยู่แค่อยุธยาเองขับรถแปปเดียวก็ถึง ค่อยแวะมาเยี่ยมแม่ก็ได้”

   “แต่แอลอยากดูแลแม่ให้มากกว่า แอลไปอิตาลีสองปีกลับมายังอยู่ห่างแม่อีก แอลหางานทำแถวนี้เอาก็ได้”

   “ที่กรุงเทพจะทำอะไรก็สะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ”

   “แต่ว่า”

   “ไม่มีแต่ แม่อยากให้ลูกกลับไปทำงานที่ลูกรักเหมือนเดิมนะแอล”

   ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยส่งยิ้มให้ลูกชายอย่างจริงใจ ตลอดเวลานางรู้ดีกว่าลูกชายของตนยังคงตกอยู่ในอดีตที่ยังไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ แต่ก็ยังทำเหมือนว่าตัวเองสบายดีเพราะไม่อยากให้นางต้องกลุ้มใจ

   “แอลมาให้แม่กอดทีสิลูก”

   ร่างเล็กเข้าไปกอดผู้เป็นแม่แน่น ก่อนที่จะช่วยกันลงมือทำมื้อเย็นกินด้วยกัน แอลมีเวลาอยู่กับแม่น้อยกว่าที่คิด พอรุ่งเช้าเจ้าของกระเป๋าที่แอลหยิบผิดก็โทรตามให้มาแลกกระเป๋าคืนตอนเย็นๆ แอลกอดเอวบอกลาแม่ วนกลับเข้าเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่กลับให้ความรู้สึกเหงาราวกับอยู่ตัวคนเดียว

   “ผมอยู่ในร้านกาแฟแล้วนะครับ”

   แอลบอกปลายสาย ทำตัวไม่ถูกนึกเมื่อเห็นคนมองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน..ก็แน่ละใครเขาแบกกระเป๋าใบโตเข้าร้านกาแฟกันบ้าง

   “ฮัลโหลครับ ได้ยินไหม ฮัล.. เอ้า” ร่างเล็กอุทานเมื่อโดนตัดสายโทรศัพท์ใส่

   “คุณแอลใช่ไหมครับ”

   “เอ่อ ใช่ครับ” แอลพยักหน้ารับคำพนักงานชายงงๆ

   “เชิญทางนี้ครับ”

พนักงานแย่งกระเป๋าไปถือ ก่อนจะเดินนำขึ้นไปยังชั้นสาม ลูกค้ายังแน่นทุกโต๊ะคงเพราะสไตล์ที่น่ารักและแหวกแนวของร้านทำให้มีลูกค้าเยอะขนาดนี้ โดนเฉพาะลูกค้าผู้หญิงที่ชอบคิตตี้ เพราะธีมของร้านตกแต่งด้วยสีชมพูหวานแววคิตตี้ทั้งหมด

“กรุณารอสักครู่ครับ”

“เออคือ..”

แอลไม่ทันได้ถามก็ถูกพนักงานปิดประตูหนีไปซะก่อน ร่างเล็กได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเบาๆ หย่อยก้นนั่งลงบนโซฝาสีชมพูเข้มแล้วสำรวจไปรอบๆห้องเล็กๆนี้ ดูเหมือนจะเป็นมุมส่วนตัวสำหรับลูกค้า บนพนังมีโมเดลคิตตี้ที่ทำจากแก้วหลายแบบวางเรียงเป็นคอลเล็กชั่นเห็นแล้วหวาดเสียวตกแตก แม้แต่โต๊ะยังออกแบบเป็นหัวคิตตี้

“น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย”

แอลว่าพรางหยิบโมเดลคิตตี้ตัวหนึ่งขึ้นมาดู

“อยากได้ก็เอาไป”

เพล้ง!

   “...”

มันตก..แล้วมันก็แตก ละเอียดเลย

“เอ่อคือ..คุณ?”

ร่างเล็กได้แต่อ้าปากค้าง ชี้เศษแก้วคิตตี้สลับกับหน้าคนที่เดินชนที่สนามบินเมื่อสามวันก่อน ไม่รู้จะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี

“ระวังหน่อย”

ร่างสูงว่าไม่จริงจังนัก ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา ตอนนั้นแหละแอลถึงเห็นว่าในห้องมีกระเป๋าเพิ่มขึ้นมาอีกใบ ตอนโทรไปก็
เหมือนเป็นเสียงคนแก่ๆรับนะ?แต่ทำไมคนที่โผล่กลับเป็นคนละเสียงแบบนี้ละ

“นั่งสิ”

เอลเดินไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับอีกฝ่าย แอบเหลือบมองของที่ตนทำตกแตกเพราะกลัวว่าพนักงานจะมาเห็นแล้วเอาเรื่องซะก่อน

“เดี๋ยวฉันเรียกพนักงานมาเก็บทีหลัง”

ร่างสูงพูดอย่างรู้ทัน แต่แอลยังมีสีหน้าเลิ่กลั่กไม่เลิก

“เป็นอะไร”

ปกติภานุวัตรไม่ถามเซ้าซี้ เพียงแต่เขาไม่ชอบให้ใครไม่สนใจเวลาเขาจะพูดเรื่องสำคัญ

“คือผม ไม่ได้พกตังค์มาเยอะ แล้วเพิ่งทำของตกแต่ง คือแบบว่า..”

“ฉันไม่คิดตังค์”

“ห๊ะ?”

แอลอ้าปากค้างอีกรอบ คราวนี้จ้องหน้าคนที่ดูยังไงก็เหมือนพี่เชนท์ของเขาสลับกับภาพคิตตี้ในร้านไปมา

หน้าเข้มๆแบบนี้?

บุคลิกแบบนี้?

เปิดร้านกาแฟคิตตี้!?

“เอ่อ ขอบคุณมากครับ”

แอลบอกเสียงเบา ที่จริงก็อยากจะคืนตังอีกรอบหรอกนะ แต่ถ้าต้องมาเจอหน้าคนที่เหมือนพี่เชนท์แต่ไม่ใช่พี่เชนท์แบบนี้เขายัง
ทำใจไม่ไหวจริงๆ

“นี่กระเป๋าคุณ เปิดดูก่อนได้ว่าของหายหรือเปล่า ส่วนนั่นกระเป๋าผมใช่ไหม”

แอลว่าพรางเดินไปที่กระเป๋าของตนก่อนที่ร่างสูงจะทันพยักหน้าเสียอีก ภานุวัตรมองร่างเล็กๆเปิดกระเป๋ารื้อของไปมาด้วยสีหน้า
ร้อนรน

“คุณเห็นกรอบรูปของผมบ้างไหม”

แอลถามเสียงรน จำได้ว่าขนกลับมาจากอิตาลีแล้ว หวังว่าคงไม่ลืมไว้ที่นั่นหรอกนะ

“นี้นะเหรอ”

ร่างสูงยกกรอกรูปขึ้นมาโชว์ แอลรีบพยักหน้าตอบจะคว้ารูปคืนแต่กลับถูกอีกฝ่ายจับรูปหลบซะก่อน

“เอาของผมคืนมา”

“ไม่”

“นี่คุณ!”

“นายชื่ออะไร”

“ผมไม่จำเป็นต้องบอก”

“แต่นายต้องบอก”

ภานุวัตรไม่ว่าเปล่า ดึงรูปออกมาจากกรอบพร้อมหยิบไฟแช็คในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ได้จุดกระดาษแทนบุหรี่ก็งานนี้แหละ

“ชื่อแอล”

“นายเป็นอะไรกับผู้ชายในรูป”

“คนรัก”

ร่างสูงไม่หือไม่อืออะไรเพราะเดาคำตอบได้ไม่ยากจากข้อความหลังภาพ ยิ่งรู้จักชื่อคนตรงหน้าเขาก็นึกได้ขึ้นมาทันทีว่าแอลที่ว่านี่คือใคร

“เอาคืนมาได้หรือยัง”

“ยัง”

“มันจะมากไปแล้วนะ เอาของของผมคืนมา”

ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ถ้าเป็นอย่างอื่นเขาจะไม่ว่าเลย แต่นี้เป็นรูปถ่ายที่พี่เชนท์ให้เป็นของ
ขวัญวันเกิด ผู้ชายคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กัน ก็แค่คนที่หน้าเหมือนพี่เชนท์แค่นั้น!

“ฉันชื่อแชมป์เปี้ยน” ภานุวัตรเลือกบอกชื่อเล่นกับคนตรงหน้า

“ผมต้องการของผมคืน ไม่ได้อยากรู้จักชื่อคุณ”

“ฉันเป็นพี่ชายของเชนท์”

“...”

“พี่แท้ๆแต่ไม่ใช่ใช่ฝาแฝด แก่กว่ามันหนึ่งปี”

ครั้งสุดท้ายที่แนะนำประวัติส่วนตัวให้คนอื่นฟังก็นานมากแล้ว ร่างเล็กมองภานุวัตรนิ่ง ดวงตาสั่นหวั่นและเริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา
แต่ก็แค่นั้น เขาจะไม่ยอมให้มันไหลออกมาเป็นครั้งที่สองต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักเด็ดขาด

“ขอของผมคืนด้วย”

แอลพูดราวกับไม่ได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายพูดเมื่อครู่ เพิ่งนึกออกเมื่อกี้ว่าพี่เชนท์เคยเล่าให้ฟังว่ามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง แต่รูปที่เอาให้
ดูก็เป็นรูปสมัยเด็กๆ

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

ภานุวัตรเดาว่าแอลคงไม่รู้มาก่อนจริงๆว่าเขาคือพี่ชายของเชนท์ เพราะเขาไม่ได้กลับมาไทยหกปีเต็มๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้อง
ชายเขาโทรมาสารภาพว่าชอบผู้ชาย

“เสร็จแล้วจะคืนให้”

ตอนแรกก็ยอมรับว่าตกใจ แต่ก็รับได้เพราะน้องเขาจะชอบใครเขาก็ไม่ขัดอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่เคยคิดว่าน้องชายชอบแนวนี้ แต่
พอได้เห็นรูปเด็กผู้ชายผิวขาวตัวเล็กๆที่ส่งมาถึงได้โล่งใจว่ายังไงน้องเขาก็ยังเป็นรุก ถือว่าไม่เสียเชิงชายไปเลยซะทีเดียว

“รีบพูดมาสิครับ”

“ฉันจะพานายไปที่ๆหนึ่ง”

“แต่..”

“เพราะเชนท์ขอหรอกนะ แต่ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”

ร่างสูงพูดขัด เดินนำลิ่วออกไป แอลจึงรีบวิ่งตามไปอย่างไม่ลังเล.. ก็รู้อยู่แล้วละว่ายังไงก็ต้องตามมา






“เข้าไปข้างในสิ”

เสียงทุ้มเอ่ยบอกเมื่อเห็นแอลเงียบตั้งแต่ลงจากรถจนกระทั่งมาหยุดที่หน้าบ้านสีขาวหลังนี้ ข้างๆตัวบ้านคือสวนหย่อมเล็กๆที่เอาไว้พักผ่อน มีเปียโนสีขาวตั้งอยู่ใต้ต้นลีลาวดีที่เขาทำที่กันสาดสีใสเพิ่มไว้เผื่อเวลาฝนตก

“บ้านหลังนี้เป็นของเชนท์”

ภานุวัตรมองร่างเล็กที่ตอนนี้เหมือนคนละเม่อใช้มือลูบไล้เปียโนไปมา

“สามปี.. ไม่มีใครอยู่ที่นี่มาสามปีแล้วใช่ไหม”

คิ้วเข้มขมวดนิดๆที่ได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากแอล..รู้ได้ยังไง?

“ใช่ แต่ฉันให้แม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์”

ร่างสูงเดินนำไปยังตัวบ้าน ตาใสมองไปรอบๆ ทุกอย่างเป็นเหมือนที่คิด ชั้นหนึ่งชั้นสองมีอะไรบ้างแอลจำได้หมดเพราะเขาเคย
เห็นมันมาก่อน ไม่สิ เคยอยู่มาก่อนต่างหาก

“บ้านหลังนี้เป็นชื่อนาย เพราะเชนท์ซื้อให้นาย”

คำขออย่างแรกที่น้องชายเขาขอเป็นจริงแล้ว ภานุวัตรยื่นกุญแจให้คนตรงหน้า แต่แอลไม่รับเดินไปเปิดประตูหลังบ้านดวงตา
เหม่อลอย สระน้ำสีฟ้าใสปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่แอลไม่มีอารมณ์จะกระโดดลงเล่นเหมือนตอนนั้น

   “พี่เชนท์..”


แหมะ..


   น้ำตาเม็ดโตไหลอาบแก้มหลังจากที่ไม่อาจฝืนกลั้นมันได้อีก แอลใช้มือโอบกอดตัวเองแน่นทรุดตัวนั่งลงบนพื้นช้าๆเมื่อนึกถึงชื่อ
เพลงที่พี่เชนท์เป็นคนคิดให้


‘เรื่องจริง’


เรื่องจริงหรือแค่ความฝัน..


บอกสิว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่จิตนาการ พี่เชนท์บอกแอลสิว่า ‘สองเดือน’ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่ ‘สอง
วัน’ ที่แอลนอนอยู่ที่โรงพยาบาล!


ตุ้ม!


“แอล!”

แชมป์เปี้ยนตะโกนอย่างลืมตัวเมื่อเห็นร่างเล็กๆโอนเอนตกสู่ก้นเบื้องของสระน้ำไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะรีบกระโดดตามลงไป
ทางท่าที่ไม่มีการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของแอลทำให้ร่างสูงรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่ได้ ดวงกลมโตลืมตาในน้ำ เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังว่ายเข้ามาใกล้ มือใหญ่เอื้อมจับต้นแขนเล็กเอาไว้จู่ๆก็รู้สึกกลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไปจนลืมวิธีช่วยเหลือคนจมน้ำเบื้องต้น
ไปซะสนิท


‘พี่เชนท์’


ดวงตากลมโตฉายแววดีใจขึ้นมาอย่างชัดเจน เอื้อมมือเล็กๆไปเกาะที่ไหล่แกร่งของคนตรงหน้า ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าใกล้กับกายอุ่น แล้วกดจูบลงบนริมฝีปากของชายอันเป็นที่รัก


ทำไมนะ? ริมฝีปากของพี่เชนท์ถึงได้ไม่อุ่นเหมือนเคย..



ทำได้เพียงคิดถึง.. นับจากนี้ไปเธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ





Mafia : เปิดตัวพระเอกกกกกกกกกกกกก :hao7:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2015 19:07:44 โดย mafia »

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE
 

 



♫♬♪♩ ‘เสียง’เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐ (กันย์xกุมภ์)

 

 

 

 

 


บทที่ 4







            “พี่เชนท์อย่าไป..อยู่กับแอล”



            เสียงละเมอที่ดังออกมาจากริมฝีปากเล็กปลุกให้แชมป์เปี้ยนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ใบหน้าขาวบัดนี้ดูซีดไร้เลือดเพราะพิษไข้

            ร่างสูงบิดผ้าเช็ดเหงื่อเม็ดเล็กที่เกาะบริเวณหน้าผากของแอลเบาๆ อุณหภูมิที่ร้อนจัดเย็นลงมาบ้างแล้วเพราะเขาอุ้มไปฉีดยาทีคลีนิคแต่ก็ไม่ไว้ใจ ต้องนั่งเฝ้าไข้เช็ดตัวให้จนเช้าทำเอาปวดหลังไม่ใช่น้อยเพราะนอนโซฟามาทั้งคืน



            “แอล..”



            แชมป์เปี้ยนเรียกชื่อ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหรที่เลิกเรียกว่า ‘นาย’ คนตรงหน้าตัวไม่ร้อนแล้วแต่ละเมอเรียกชื่อน้องชายเขา มือก็ปัดปายไปทั่วจนเขาอดไม่ได้ที่จะจับมือนุ่มๆนั่นให้หยุดการกระทำ




            “พี่เชนท์อย่าทิ้งแอลไป”



            ร่างเล็กสะดุ้งตื่น ผวาเข้ากอดแชมป์เปี้ยนแน่น ร่างสูงส่ายหัวเบาๆคงคิดว่าเขาเป็นน้องชายละสิ นึกแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมานิดๆแต่มือก็ไม่วายลูบแผ่นหลังเล็กๆปลอบโยนไปมา



            “ผมขอโทษ”



            แอลดันไหล่แกร่งออกเมื่อเริ่มรู้สึกตัว.. ใช่แล้วผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่เชนท์แต่เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันต่างหาก



            “กินข้าวต้มหน่อยแล้วกันจะได้กินยา”



            แชมป์เปี้ยนเอ่ยเสียงเรียบ พยายามไม่ขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจออกไปที่อีกฝ่ายทำท่าทางแบบนั้นใส่เขา



            “ผม..เมื่อคืนผมไม่สบายเหรอ”



            “ใช่”



            “แล้วคุณก็..เอ่อ เฝ้าไข้ผม?”



            แววตาสงสัยมองร่างสูงนิ่ง แชมป์เปี้ยนพยักหน้าก่อนจะบอกวิธีกินยาแล้วเดินออกไปแต่ก็ถูกแอลเรียกไว้ก่อน



            “คุณทำข้าวต้มเองเหรอ”



            “ใช่ กินได้ ท้องไม่เสียหรอก”



            “ผมไม่ได้ความว่าแบบนั้น” แอลรีบบอกเมื่อแชมป์เปี้ยนเข้าใจอีกทาง



            “แล้ว?”



            “แค่จะบอกว่า ขอบคุณ”



            “ไม่เป็นไร”



            แชมป์เปี้ยนบอก หันหลังเดินออกจากห้องไปแล้วยกยิ้มน้อยๆ รู้สึกพอใจกับบางสิ่งอย่างบอกไม่ถูก... ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ?











 

            แอลตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ไข้หายเป็นปลิดทิ้งไม่รู้เพราะได้ยาดีหรือหมอดีกันแน่ เพราะคนที่เหมือนพี่เชนท์ของเขาเล่นเฝ้าไข้ทั้งวันทั้งคืนไม่ไปไหน



            “หิวหรือยัง”



            แค่คิดในใจตัวจริงก็ตามมาหลอกหลอนแทบจะในทันทีทันใด



            “ผมไม่กิน”



            แอลตอบเสียงเรียบ อีกมือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คว่ามีใครโทรมาบ้างตอนที่นอนป่วยอยู่



            “นายต้องกิน แล้วจะไปส่ง”



            “ไปส่ง? รู้เหรอว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน”



            “บ้านนายก็คือที่นี้ ที่ที่เชนท์ซื้อไว้ให้ แต่ที่บอกว่าจะไปส่งคือที่ทำงานนายต่างหาก”



             “นี่!..”



            แอลขึ้นเสียงค้าง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่คนหวังดีประสงค์อะไรไม่รู้ถือวิสาสะรับโทรศัพท์ของเขา



            “นี่คุณ วันหลังช่วยอย่ามายุ่งกับโทรศัพท์ของผมจะได้ไหมครับ”



            “ก็นายป่วย”



            แชมป์เปี้ยนพูดเสียงดัง เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้หงุดหงิดไอ้ตัวเล็กนี่หรอก หงุดหงิดตัวเองมากกว่าที่ทำอะไรแปลกไปจากนิสัยปกติ อย่างเช่นไปรับโทรศัพท์ให้คนป่วยเพราะกลัวว่าเจ้านายจะไล่ออกซะก่อน



            “กินข้าวซะ เสร็จแล้วจะไปส่งที่บริษัทไม่งั้นก็นอนอยู่นี่ไปอย่าหวังว่าจะไปออกจากบ้านถ้ายังไม่ได้กินอะไร!”



            พูดจบร่างสูงก็เดินลงไปข้างล่างโดยไม่ฟังคำค้านใดๆอีก  ปล่อยให้แอลได้แต่มองตาค้าง สงสัยว่าเขาจะมีพ่อเพิ่มมาอีกคนแล้วละ..



            พอแอลกินข้าวหมด แชมป์เปี้ยนก็พามาส่งที่บ้านบริษัทไม่ผิดคำพูด ร่างเล็กเปิดประตูลงจากรถแต่ก็ไม่วายมีพ่อคนใหม่เดินตามมาส่งถึงข้างใน




            “อ่าว พี่แอล! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”



            น้ำเสียงสดใสทักแอลดังลั่น ตามด้วยแรงกอดรัดที่ถาโถมเข้ามาดึงเข้าไปกอดต่อหน้าต่อตาคนที่อยู่บริเวณหน้า

ประชาสัมพันธ์ของบริษัท



            “พอแล้ว พี่อายคนอื่นเขา”



            แอลบอกอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก็นะ แค่ผู้ชายทำท่ามากอดกันสนิทชิดเชื้อขนาดนั้นมันก็ดูแปลกแล้ว ยิ่งคนที่พุ่งเข้ามาเป็นถึงนักร้องดังวง Dark Sunใครๆก็ถึงให้ความสนใจเป็นธรรมดา แม้ว่าที่นี้จะมีแต่นักร้องดังๆเดินเข้าออกเป็นว่าเล่นก็เถอะ



            “โธ่ ก็ผมคิดถึงพี่แอลนี่ครับ เล่นหนีไปอิตาลีตั้งสองปี เอ๊ะ แล้วนี่...”



            เด็กหนุ่มลากเสียงยาว มองคนที่สูงไม่แพ้เขาไม่วางตา



            “นี่คุณแชมป์เปี้ยน เป็น.. เอ่อเป็นคนรู้จัก”



            “อ่ออออ คนรู้จัก? งั้นเหรอครับ” วายุถามเสียงกวน ทำหน้าไม่เชื่อ



            “ก็จริงนะสิ พี่ไปละ รีบนะมีนัดคุณเสือ”



            “ฮ่าๆๆ โอเคๆ ไว้เจอกันนะพี่”



            วายุหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งรุ่นพี่ที่เคารพอีกครั้ง พอแอลขึ้นลิฟต์ไปเด็กหนุ่มก็หันขวับมองหน้าแชมป์เปี้ยนทันที



            “พี่เป็นอะไรกับพี่แอลเหรอ”



            “ก็คนรู้จักไง”



            แชมป์เปี้ยนกัดฟันตอบ ทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็ถูกวายุเรียกไว้อีกครั้ง



            “เดี๋ยวพี่! ไปกินกาแฟกับผมหน่อยสิ”













 

            “ถึงว่า..หน้าเหมือนกันมากที่แท้ก็พี่ชายพี่เชนท์”



            เด็กหนุ่มทำหน้าถึงบางออเมื่อชักประวัติส่วนตัวชายปริศนาของพี่แอล



            “ทีนี้ก็บอกเรื่องของแอลมาได้แล้ว”



            “อ่อได้สิ”



            วายุยิ้มสบายๆให้อีกคน แน่ละว่าคนตรงหน้าเขาไม่ยอมพูดอะไรออกมาง่ายๆหรอกแต่พอบอกว่าจะแลกข้อมูลเรื่องพี่แอลถึงได้ยอมเปิดปากพูด



            “ผมก็ไม่ได้รู้เรื่องเยอะหรอกนะ ตัวจริงพี่เชนท์ผมก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ เพราะพี่เชนท์เสียก่อนที่ผมจะรู้จักกับพี่แอลอีก”



            “ตกลงนายรู้อะไรบ้าง”



            “อย่าเพิ่งทำหน้าดุสิพี่ ฮ่าๆ พี่แอลเขาไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังหรอก คนที่รู้ก็ไม่เล่าเหมือนกัน แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่ผมรู้ จริงๆแล้วพี่แอลต้องเป็นคนแต่งเพลงเปิดตัวอัลบั้มแรกทั้งหมดให้พวกผม แต่ว่าสามวันหลังจากที่พี่แอลออกจากโรงบาล เขาก็เอาเพลงไปส่งพี่เสือ..ซึ่งมีแค่เพลงเดียวเท่านั้นแล้วก็ขอลาออก”



            แชมป์เปี้ยนไม่ขัด ยังคงตั้งใจฟังพายุพูดต่อไปแม้คิ้วจะขมวดราวกับมีคำถามมากมายในหัว



            “แต่คุณเสือเขาไม่ให้ออก เขาให้พี่แอลลาพักร้อนได้จนกว่าจะพอใจแล้วค่อยกลับมาทำงาน พี่แอลหายไปสามเดือนเต็มๆ ก่อนจะกลับมาแต่งเพลงอีกครั้ง แต่ว่าเขาไม่สามารถแต่งเพลงแนวรักที่มีความสุขได้แบบเมื่อก่อนแล้ว”



            เด็กหนุ่มถอนหายใจแรง.. วางแก้วกาแฟร้อนๆลงเพราะไม่มีอารมณ์จะดื่มมันอีก



             “พี่แอลเขียนแต่ได้เพลงเศร้า เสียใจ นั่นทำให้ผมรู้ว่าถึงพี่แอลจะแสดงออกมาว่าไม่ได้ไร แต่ลึกๆในใจ เขาไม่ได้สบายดีเหมือนท่าทางที่แสดงออกมา แต่กำลังซ่อนความเสียใจไว้ต่างหาก หลังจากที่เขากลับมาแต่งเพลงได้ไม่นาน พี่แอลก็ไปเรียนต่อที่อิตาลีสองปี ที่ผมรู้ก็มีแค่นี้แหละ”



            “เพลงอะไร”



            “หื้อ?”



            วายุหันไปมองแชมป์เปี้ยนงงๆกับคำถามที่ไม่มีที่มาที่ไป



            “เพลงแรกที่แอลแต่งให้วงของพวกนายคือเพลงอะไร”



            ร่างสูงอธิบายหน้าเคร่งเครียดจนพายุทำหน้าไม่ถูกไปพักใหญ่ว่าทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น



            “อ่อ เพลงที่พี่แอลแต่งหลังจากออกจากโรงบาลนะเหรอ ชื่อเพลง ‘เรื่องจริง’ นะพี่เปิดฟังในยูทูปได้ รับรองพวกผมเสียงคุณภาพกันทุกคน”



            วายุยกนิ้วโป้งเป็นท่าประกอบยืนยัน



            “ขอบใจ”



            แชมป์เปี้ยนพูดสั้นๆ ก่อนจะขอตัวกลับ ทิ้งกาแฟที่ไม่ได้ลดไปจากเดิมให้เสียของฟรีๆ มือใหญ่ปิดประตูรถดังปัง! หยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาเพลงที่ว่าด้วยใจที่ไม่สงบนัก.. เพราะอะไร? ทำไมหลังฟังเรื่องราวของแอลเขาจะต้องรู้สึกว้าวุ่นใจขนาดนี้ด้วย



            เฮ้อ แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆภานุวัตร!













จะเก็บมันเอาไว้..














            “คุณจะอยู่ที่นี้กับผมงั้นเหรอ?”



            แอลถามเสียงดังหลังจากที่ได้ยินร่างสูงพูดอะไรแปลกๆออกมา



            “เพื่ออะไร? หรือคุณคิดว่าพี่เชนท์ไม่ควรยกบ้านหลังนี้ให้ผมฟรีๆ ผมซื้อก็ได้นะ”



            “มันไม่ใช่แบบนั้น อ่อ แล้วก็เลิกใช้สรรพนามคุณๆผมๆนั่นสักที”



            ไม่รู้ทำไมยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกขัดหู! ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลย



            “ก็แล้วคุณจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรละ”



            “ก็เรียกว่า..”



            “?”



            “พี่แชมป์”



            “...”



            “...”

            “เดี๋ยวนะ หยุดก่อนคือ.. เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ?”



            ตาใสๆที่ปนไปด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนนั่นขัดใจแชมป์เปี้ยนไม่ใช่น้อย ยิ่งเจอคำถามสุดท้ายนั่นเข้าไปยิ่งทำให้เขาอารมณ์ขุ่นขึ้นไปอีก



            “ผมเรียกไม่ได้หรอก มันไม่ชิน”



            “เรียกบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”



            “คุณเป็นประเภทพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม อื้อ!”



            ดวงตากลมโตขยายโพล่งเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็กระชากแขนเขาให้เข้าไปใกล้ ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากจูบอย่างแรง!



            ลิ้นร้อนๆที่หยอกล้อกับลิ้นของเขาไปมาทำให้แอลมึนงงเกินกว่าจะผลักไสไล่ส่งอีกคนออกอย่างที่ควรทำ รู้สึกเพียงสัมผัสอันจาบจ้วงที่ไล่ต้อนลมหายใจของเขาให้หมดลงอย่างช้าๆ



            “ฮื้อ..”



            เสียงหวานครางอื้ออึงเมื่อถูกร่างสูงขบที่ริมฝีปากล่างอย่างแรงจนกลายเป็นเจ็บ มือใหญ่กดท้ายทอยเขาเอาไว้เสียแน่น ยังคงเกี่ยวกระหวัดลิ้นของเขาอยู่นานสองนานก่อนจะยอมเปล่าตัวแอลให้เป็นอิสระ



            “แฮ่กๆ”



            ร่างเล็กหอบหายใจรัว ยกมือเช้คมุมปากเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอแชมป์เปี้ยนอย่าเอาเรื่อง



            “คุณทำบ้าอะไร! อื้อ!”



            แอลตกใจเป็นครั้งที่สองเมื่อโดนขโมยจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ยาวนานเหมือนครั้งที่แล้ว



            “ถ้าแอลยังเรียกพี่ว่าคุณแล้วแทนตัวเองว่าผมอยู่ได้โดนจูบแบบเมื่อกี้แน่”



            “ห๊ะ!?”



            งง.. บอกได้คำเดียวว่าแอลงง!



            ร่างเล็กอ้าปากค้างมองแชมป์เปี้ยนอย่างคาดไม่ถึงว่าจะทำอะไรแบบนี้ นี่ถ้าเป็นแฟนละครเกาหลีคงมีเพ้อไปว่านี่เป็นฉากหวานมดขึ้นของพระเอกกับนางเอกเแน่ๆ!





            “เผด็จการที่สุด!”





            “ก็แล้วแต่จะคิด”












——————————————————————————



MAFIA : - -ไม่มีคนอ่านก็อัพ 555 อีกสองตอนจบน้า




ออฟไลน์ Mi.07

  • ชัดชัดชาด่าดาดั๊ดชัด~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE
 

 
♫♬♪♩ ‘เสียง’เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐(กันย์xกุมภ์)


 


 

บทที่ 4

 


 

             “ข้าวเช้าไม่กิน”


            “...”


            “ข้าวกลางวันก็ยังไม่ยอมกิน อยากจะเป็นลมตายนักเหรอ?”


            เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่ชอบใจนักที่แอลเอาแต่นั่งอยู่หน้าเปียโนตัวสีขาว วันนี้ไม่ใช่วันหยุด.. แต่ก็เป็นวันที่มีประชุม ทว่าแชมป์เปี้ยนกลับสั่งเลขายกเลิกประชุมที่ไม่สำคัญในความคิดเขาออกไปแล้วเอางานที่บริษัทหอบกลับมาทำที่บ้าน



            เหตุผลที่แน่ชัดคืออะไรเขาก็บอกไม่ได้เหมือนกัน แต่ที่รู้ๆต้นเหตุที่ทำให้เขารวนได้ขนาดนี้ก็คงเป็น..



            “ยุ่ง”



            เจ้าของประโยคโหดร้ายที่เอาแต่จับดินสอกับแป้นเปียโนจนไม่ยอมกินข้าวนั้นแหละ



            “ทำไมถึงดื้อขนาดนี้ หึ?”



            แชมป์เปี้ยนรู้สึกว่าตัวเองคงไม่ต่างอะไรกับลุงแก่ๆที่บังคับหลานจอมซนให้กินข้าว ก็อยากจะเมินอยู่หรอกนะแต่จนแล้วจนรอดจากตะวันขึ้นยันตะวันเกือบตกร่างเล็กก็ไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาหาอะไรกินเลย



            “ก็ผะ..ก็แอลไม่หิว”



            ร่างเล็กเบรกคำพูดแทบไม่ทัน.. ทำเป็นไม่สนใจใบหน้ากวนๆของแชมป์เปี้ยนที่จ้องมองเขาราวกับหาโอกาสอยู่ หึ คิดว่าเขาจะยอมทำง่ายๆหรือไง แต่เพราะไม่ยอมเรียกแบบนั้นนะสิถึงได้โดนลวนลามทางปากไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ใครจะไปคิดว่าหน้าดุๆเข้มๆแบบนั้นจะมาทำเรื่องแบบนี้กับคนอย่างเขาได้



            “แต่นายต้องกิน”



            “อ่อ เหรอครับ?”



            แอลวางมือจากดิอสอ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วฉีกยิ้มกว้าง หันมองแชมป์เปี้ยนที่ยืนจ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบ



            “ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่พี่แชมป์จะเลิกใช้ระบบเผด็จการกับแอลสักทีครับ? นี่มันประเทศไทยที่มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนะครับ”



            แอลยังคงฉีกยิ้มพูดจนจบประโยคสุดท้าย หึ! อยากให้เรียกพี่ก็จะเรียก แต่จะใช้คำศัพท์ที่ฟังแล้วดูห่างเหินไปเลย อยากรู้นักว่าจะบังคับอะไรได้อีก!



            “แอล..”



            “ว่าไงครับพี่แชมป์เปี้ยน”


            ร่างเล็กพูดเสียงหวาน รู้สึกพอใจสุดๆที่ได้ยินน้ำเสียงติดโมโหของอีกฝ่าย


            “พี่มีตัวเลือกให้แอลสองข้อ”


            “ระบบเผด็จการนี่มีตัวเลือกให้ด้วยเหรอครับ?”


            แอลถามกลับหน้าซื่อชนิดที่เด็กอนุบาลดูก็รู้ว่าแกล้ง!



            “แล้วตัวเลือกที่ว่านี่คือ?”


            “จะกินข้าวหรือจะกินจูบ”



            “ข้าว!”



            แอลถอนหายใจแรง หุบยิ้มแทบไม่ทัน เอะอะก็เอาเรื่องจูบมาขู่ คอยดูเถอะ สักวันแอลนี่แหละจะหาเรื่องขู่กลับบ้าง














            แชมเปี้ยนมองดูแอลที่กำลังกินกับข้าวฝีมือเขาท่าทางอร่อย ขณะที่สายตาก็จ้องทีวีดูรายการเอ็มวีเพลง



            “หมดจาน”



            ร่างสูงพูดขึ้นลอยๆ แต่จงใจให้ได้ยินถึงหูเจ้าของตาใสที่กำลังยกน้ำขึ้นมาดื่ม



            “อร่อยละสิ”



            “พอใช้ ที่จริงหิวก็เลยกินหมด”



            “แล้วตอนแรกบอกให้กินทำไมไม่กิน”



            “ก็ตอนนั้นมันเพลิน พี่ไม่เคยหมกหมุ่นอยู่กับอะไรนานๆจนลืมหิวหรือไง?”



            “เคยแต่กินไม่ลง”



            “อกหัก?”



            “ทำงาน”





            “ทำงานนี่มันเครียดมากเลย?”



            “ก็มีบ้าง”



            “แล้วพี่แชมป์ทำงานอะไร”



            ร่างสูงเงียบไปสักพัก ก่อนจะยกยิ้มตอบออกมา



            “ขายกาแฟ”



            “แล้วต้องใส่สูทด้วย?”



            แอลถามงงๆเพราะจำได้ว่าเคยเห็นร่างสูงใส่สูทไปทำงาน



            “ก็ใส่เวลาเข้าบริษัท”



            “ร้านคิตตี้มันยิ่งใหญ่มากเลยเหรอ ถึงได้มีเป็นบริษัท?”



            ร่างสูงแอบยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นแอลทำหน้าสงสัยอย่างไม่ปิดบัง ดูท่าว่าบรรยากาศระหว่างเขากับคนตัวเล็กข้างๆนี้จะดีขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างน้อยการที่อีกฝ่ายซักถามประวัติส่วนตัวเขามันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดี



            “ไม่ได้มีสาขาเดียว ขยายจากอเมริกาเพิ่งมาเปิดที่ไทย แล้วก็ขายเป็นเฟรนด์ซายน์ นอกจากนั้นคอบเรื่องคุณภาพของเมล็ดกาแฟ บางทีก็มีเรื่องลิขสิทธิ์คิตตี้ด้วย เรื่องเยอะ จะไปทำคนเดียวหมดได้ไง”



            นับว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่เขารู้จักกับแอล



            “ฟังดูปวดหัวดีเน๊าะ”



            “ถามเยอะ อยากเปลี่ยนอาชีพ?”



            “หึ ไม่มีทาง”



            “ทำไมถึงชอบแต่งเพลง”



            “ก็เพลงมันทำให้คนฟังความสุข.. เฮ้ย ดูดิ ยังมีคนโทรมาขอเพลงนี้ด้วยอะ ขนานผ่านไปตั้งสามปีแล้วนะ”



            ร่างสูงมองตามนิ้วที่แอลชี้ไปยังหน้าจอทีวีด้วยความตื่นเต้น เขาไม่แปลกใจเท่าไรที่ยังมีคนโทรมาขอเพลงเก่าๆเพราะนี่เป็นช่วงเพลงเก่าเล่าใหม่ที่ผู้ฟังจะโทรเข้ามาขอกันสดๆ แต่ที่คนข้างๆเขาตื่นเต้นขนาดนี้คงเป็นเพราะว่า นี้เป็นเพลงที่เจ้าตัวเขียนเองกับมือ



            ‘ท่าทีน้องจะเป็นแฟนคลับวงDrak Sunตัวจริงเลยนะคะเพราะว่าจำอัลบั้มแรกได้ทุกเพลงเลย’



            แอลนั่งมองวีเจคุยหยอกล้อกับคนทางบ้านยิ้มๆ ไม่ทันสังเกตเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่เขาใช่กัน



            ‘เอ๊ะ หนูเปลี่ยนใจดีกว่าค่ะพี่ ไม่เอาเพลงนี้ละ’



            ‘อ่าว ไม่เอาเพลงวงDrak Sun แล้วเหรอคะ’



            ‘วงเดิมค่ะ แต่ขอเปลี่ยนเพลง ขอเพลงเรื่องจริงดีกว่าค่ะเพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวของพี่ๆเขา’



            “...”



            รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อครู่ค่อยๆจางหายไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้นจากทีวี







เธอคงพอรู้ ในสิ่งเหล่านี้
โดยไม่มีถ้อยคำบอกไว้
เธอคงพอรู้ จากทุกความเป็นไป
ในวันที่สองเราใกล้กัน




            แชมเปี้ยนลอบมองใบหน้าคนข้างๆ มันดูเศร้าหม่องลงอย่างชัดเจน แม้หน้าจะมองตรงไปยังจอสี่เหลี่ยม ทว่าดวงตากลับดูเหม่อลอยราวกับคนจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง



แม้ในวันนั้น ยั่งยืนเพียงฝัน
เป็นแค่เพียงเมื่อวานผ่านไป
เธอคงพอรู้ไม่ว่านานเพียงใด
ไม่นานเกินไปให้ใจฉันจำ




            ริมฝีปากบางขยับร้องตามเนื้อเพลงเบาๆแต่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา



จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ
และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง
ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่
เธอจะอยู่ในใจ.. เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ




            ดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ริมฝีปากบางเม้มหากันแน่นอย่างคนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา



จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เพราะฉันไม่อาจ
ฝืนย้อนคืนวัน ให้หวนได้ใหม่





แหมะ..

แต่ก็ล้มเหลว น้ำตาอุ่นๆไหลอาบแก้มใสนองหน้า



ทำได้เพียงคิดถึง นับจากนี้ไป
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ




ริมฝีปากเรียวบางยังคงพยายามร้องเพลงแบบไม่ออกเสียงอีกครั้ง ปลายจมูกเปลี่ยนเป็นสีแดงหน่อยๆจากการร้องไห้ แต่ก็ไม่คิดจะยกมือเล็กๆขึ้นมาเช็ดน้ำตา



จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ
และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง




            มันก็คงเหมือนกับ..



ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ





            คงเหมือนกับการที่แอลยังไม่ยอมตัดใจและหวังว่าสักวันพี่เชนท์คนเดิมจะกลับมาหา ไม่ใช่ แชมป์เปี้ยน ผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนเขาคนนั้น



จะเก็บมันเอาไว้
จะเก็บมันเอาไว้…





            ร่างสูงโน้มตัวกดจูบลงบนริมฝีปากแดงสดที่ยังสั่นไม่หยุดเบาๆ รสเค็มของน้ำตาจางห่างไปพร้อมกับลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของแอลอย่างอ่อนโยน มือเล็กบีบไหล่แกร่งของแชมป์เปี้ยนแน่น ลิ้นเล็กเกี่ยวตอบด้วยท่าทีที่สับสน เดี๋ยวสู้เดี๋ยวหนี



            “แอล..”



            เสียงทุ้มกระซิบเรียกชื่อร่างบางที่ข้างหูเบาๆ มองคนใต้ร่างหอบแหกๆทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนน้ำตาหน่อยๆ



            “แล้วคนแต่งละ?”



            “?”



            “ที่บอกว่าเพลงทำให้คนฟังมีความสุข แล้วคนแต่งมีความสุขบ้างไหม”



            “มีสิ”



            “แล้วตอนนี้ละ มีความสุขอยู่หรือเปล่า”



            “...”



            “...”



            “มี”



            “...”



            “แต่แอลคงจะมีความสุขมากกว่านี้”



            “..”



             “ถ้าพี่แชมป์เปี้ยน.. ออกไปจากชีวิตของแอล”







♫♬♪♩ ‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐








            อดีต.. คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว



            ทุกเรื่องราวที่เราเจอในตอนนี้ไม่ว่ามันจะทุกข์หรือสุข สุดท้ายแล้วมันก็จะกลายเป็นเพียงอดีตที่เราไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข้อะไรได้



            บางอย่าง..ก็สวยงามน่าจดจำ



            บางอย่าง..ก็เลวร้ายจนจนอยากลืม



            แต่บางอย่าง.. ก็ก่ำกึ่ง มันสวยงามแต่ก็เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน จะมีสักกี่ล้านคนที่ติดอยู่กับอดีต และแอลคงเป็นหนึ่งในนั้น เขารู้ดีว่าทุกคนต่างก็มีอดีต แล้วเขาอยากติดอยู่กับมันไปตลอดชีวิตหรือไงกันละ? ก็เปล่า..



            เหมือนฟ้าจะเล่นตลก ถามหาพี่เชนท์แต่ส่งหน้าคนหน้าเหมือนมาให้



            ส่วนนิสัยนะเหรอ? ต่างกันยังกับขั้นบวกขั้วลบ พี่เชนท์คือผู้ชายที่อ่อนโยน พูดเพราะ ทำอาหารเป็น เอาใจเก่ง และมักจะช่วยเขาผ่อนคลายจากการทำงานด้วยการเล่นดนตรีเพราะๆให้ฟัง แถมยังเข้าใจเขายิ่งกว่าตัวเขาเองซะอีก



            ส่วนแชมป์เปี้ยน..


            คนที่ตังค์เป็นถุงเป็นถังแต่กลับมาเบียดเบียนที่อยู่อาศัยเขาตอนนี้นะ ชอบทำหน้าเข้ม พูดขู่ เอาใจไม่เป็น แล้วยังจะก่อกวนการทำงานของเขาด้วยวิธีแปลกๆสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการดีดกีต้าร์แทรกเสียงเปียโนแล้วบอกว่ากำลังหัดเล่น หรือจะเป็นการจ้องหน้าตลอดเวลาจนเขารู้สึกอึดอัดเขียนเพลงต่อไม่ได้



            จะเหมือนกันก็แค่หน้ากับฝีมือการทำอาหารเท่านั้นแหละ!



            “ทำไมรูปนี้พี่เชนท์ทำหน้าดุจัง”



            บทสนทนาที่เขาเคยคุยกับพี่เชนท์ดังขึ้นมาในหัวเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรูปใบนั้น แอลเดินไปที่โต๊ะไม้ หยิบกรอกรูปขึ้นมาหวนนึกถึงสีหน้าท่าทีพี่เชนท์ในตอนนั้น



            “ยังกับร็อตไวเลอร์”



            ตอนนั้นพี่เชนท์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาทำเพียงส่งยิ้มเบาๆมาให้แทน



            “พี่ต้องการให้แอลทำอะไร?”


            เสียงสั่นๆเอ่ยถามคนที่ไม่อาจลุกขึ้นมาตอบได้อีก


            “ทำไมต้องเอารูปพี่ชายของพี่มาตั้งไว้ในห้องนี้ด้วย”



            บางทีแอลก็เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอ่ขนาดนี้ แค่นึกถึงคนที่จากไปน้ำตาก็คลอขึ้นมาเสียดื้อๆ ดวงตากลมโตมองดูรูปที่ตั้งอยู่ในห้องนอนของเขากับพี่เชนท์นิ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจแกะรูปใบนั้นออกมาเมื่อมันไม่ใช่รูปของพี่เชนท์อีกต่อไป







ตุบ...





            กระดาษสี่เหลี่ยมที่ถูกพับไว้ล่วงตกพื้นหลังจากที่แอลแกะกรอบรูปออก มือเรียวหยิบมันขึ้นมาแกะดู สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือลายมือที่แอลคุ้นเคยเป็นอย่างดี..ลายมือเดียวกับคนที่ช่วยเขาเขียนเพลงเรื่องจริง



            ‘แอล ถ้าแอลเปิดอาจอ่านจดหมายฉบับนี้แปลว่าตอนนั้นพี่คงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วสินะ’



            เพียงแค่ประโยคแรก.. เพียงแค่นั้นแอลก็กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้อีกต่อ มือเล็กที่จับกระดาษสั่นน้อยๆ ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะกลั้นใจอ่านมันต่อไป



            ‘ไม่รู้ว่าแอลจะได้อ่านมันเมื่อไร อาจจะหนึ่งอาทิตย์ สองเดือน สามเดือน หนึ่งปี หรือห้าปีหลังจากนั้น แต่ถ้ามันนานมากกว่านั้นพี่คงต้องว่าตัวเองแล้วละที่ซ่อนมันไว้ดีเกินไป แอลอาจจะเคยสงสัย เคยรำคาญ ว่าทำไมพักหลังพี่ถึงเกาะติดแอลมากจนเกินไป ทำไมพี่ต้องลาออกจากงานแล้วมาตามแอลอยู่ได้ทั้งวัน ทำไมพี่ต้องชวนแอลไปเที่ยวทุกวันทั้งที่แอลก็งานยุ่ง พี่ขอโทษนะที่พี่เห็นแก่ตัว ปิดบัง ไม่ยอมบอกแอลว่าพี่ป่วย.. เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย’



            “ฮ่ะ.. ฮ่าๆๆๆ ฮึก! ฮื่ออ”



            แอลเค้นเสียงหัวเราะ.. แต่ก็จบลงที่เสียงร้องไห้ มันบ้ามาก บ้าจริงๆที่เขาไม่เคยรู้เลยสักนิดว่าพี่เชนท์ป่วยเป็นอะไร เพิ่งมารู้ความจริงก็ตอนที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้



            “พี่รู้ไหมว่าแอลมันโง่”





เพล้ง!





            แจกันที่วางอยู่ไม่ไกล ถูกมือเล็กปัดทิ้งระบายอารมณ์อย่างแรง



            “แอลมันโง่ โง่ที่ไม่เคยเอ๊ะใจเลยว่าทำไมที่เชนท์ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ไม่เคยเอ๊ะใจเลย ว่าทำไมพี่ถึงโทรมลงทุกวัน แอลคิดว่าพี่นอนดึกหรือแอบไปทำงานอะไรมาแต่ไม่บอกแอล ฮึก!”



            แอล..แกมันโง่จริงๆ



            พี่เชนท์ได้ยินไหมว่าแอลคนนี้มันโง่มากแค่ไหน!?





             ‘พี่รู้ดีว่าเวลาที่เหลือบนโลกใบนี้ของพี่มันน้อยแค่ไหน ความจริงพี่ควรทำเหมือนพระเอกละครที่แอลชอบดูเป็นประจำ ประมาณว่าขอเลิกแล้วก็จากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเพื่อที่ว่าคนที่เรารักจะได้ไม่เจ็บปวดกับการจากไปของเรา แต่ว่า.. พี่ก็ไม่ทำแบบนั้น พี่คงคิดถึงตัวเองมากเกินไป พี่เลือกที่จะขอแอลแต่งงาน.. แล้วพี่ก็มั่นใจว่าแอลจะต้องตอบตกลง วันนั้นคงเป็นวันที่แอลมีความสุขมากที่สุด แต่แอลก็ไม่รู้เลยว่าความสุขที่พี่มอบให้แอล มันจะมาทำร้ายแอลในอีกสองเดือนข้างหน้า’




            “พี่เชนท์..”



            แอลเค้นเสียงออกมาอยากยากลำบาก เมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต



            ภาพที่พี่เชนท์บอกให้เขาลางาน



            ภาพที่พี่เชนท์ลากเขาออกมาจากเปียโนตัวโปรด



            แม้กระทั่งภาพที่พี่เชนท์ไปโรงพยาบาลแล้วบอกว่าแค่รู้สึกไม่สบาย..



            แต่พี่เชนท์ก็คงคิดไม่ถึงเช่นกัน..ว่าการตายของตัวเองจะจบลงแบบนี้ ไม่ใช่มะเร็งอย่างที่คิด



    ‘พี่ไม่รู้ว่าแอลจะโกรธ จะเกลียดที่พี่ไหมที่ทำแบบนี้ แต่พี่ก็อยากจะขอบคุณ.. ขอบคุณที่แอลมอบความรักให้พี่และอยู่ข้างๆพี่เสมอมา แอลรู้ไหมความเห็นแก่ตัวของพี่ยังไม่หมดแค่นั้น แอลคงรู้แล้วว่ารูปใบนี้ไม่ใช่พี่ แต่เป็นรูปของพี่แชมป์เปี้ยน พี่ชายเพียงคนเดียวที่พี่เคยเล่าให้ฟัง เหตุผลที่พี่เอารูปใบนี้มาตั้งไว้นั่นก็เพราะว่า พี่หวังว่านอกจากพี่แล้ว คนที่จะแอลรักก็คือผู้ชายคนนี้ พี่ไม่ห้ามถ้าแอลจะรักคนอื่นหลังจากที่พี่ตาย แต่พี่แค่อยากเป็นคนๆนั้นเป็นพี่แชมป์ เพราะพี่รู้จักพี่ชายคนนี้ของพี่ดีกว่า เขาจะรัก และสามารถดูแลแอลได้ไปจนวันตาย แต่ถ้าแอลเจอคนที่คิดว่าใช่กว่าพี่แชมป์ พี่ก็จะไม่ว่าแต่พี่ขอเพียงอย่างเดียว.. อย่าจมอยู่กับอดีต อย่าปิดใจไม่รักใครเพียงเพราะคนที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วอย่างพี่’





            “...”



            ทำไมหัวใจมันถึงให้ชาหนึบขนาดนี้นะ..



            บางทีอาจเป็นเพราะว่าพี่เชนท์พยายามผลักไสให้เขาไปรักคนอื่นละมั้ง.. เสียงสะอื้นที่ดังอยู่เบาๆถึงได้หายไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..  แอลไม่ได้โวยวาย ไม่ได้ฟูมฟาย มีแค่สีหน้าและน้ำตาที่ไหลออกไม่มาหยุดเป็นเครื่องบ่งบอกว่าในเวลานี้.. หัวใจของแอลมันเจ็บปวดมากแค่ไหน





            “พี่คงรู้สึกยินดีมาก ถ้ามีจะมีใครสักคนมาดูแลแอลแทนพี่..พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่างและขอบคุณที่แอลมอบวันเวลาดีๆให้กับพี่.. เด็กน้อยของพี่จะต้องโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆสักที แอลจะต้องเข้มแข็งและไม่จมอยู่กับอดีตแต่จงเอาอดีตไว้เป็นบทเรียนและเก็บมันไว้เป็นความทรงจำดีๆ เหมือนกับเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่พี่ตั้งใจจะเขียนให้แอลและพี่หวังว่าแอลจะเอามันไปใส่ไว้ในเพลงใดเพลงหนึ่งของแอลนะ..



            ‘ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่
            เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ’



            พี่ยังรักแอลเสมอ แอลอาจจะมองไม่เห็นพี่ นั่นก็เพราะว่าพี่อยู่ในใจของแอล.. ไม่ได้หายหรือตายจากไปไหน



                                                                                                                  ด้วยรักและคิดถึง.. พี่เชนท์’






            “พี่เชนท์..ฮึก”



            มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่น แต่ก็ไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้อได้ น้ำตาที่เคยคิดว่าเหือดแห้งไปหมดแล้วกลับยังคงไหลออกมาได้อีกราวกับไม่มีวันหมดปราบใดที่ความเสียใจยังไม่จางหาย




            ภาพในความฝัน ภาพในความจริง ภาพในอดีต..แต่ไม่มีภาพในอนาคต



            แอลไม่สามารถจินตนาการมันได้อีกต่อไปเมื่อไม่มีคนที่เคยสัญญาว่าจะรักและจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป หรือว่านั่นก็เป็นเพียงความฝัน? สองวันที่นอนอยู่โรงพยาบาล หรือว่าความจริง.. สองเดือนที่อยู่ในบ้านหลังนี้



            “พี่เชนท์..”



            แอลหวัง..ว่าจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตอบกลับมา แต่สุดท้ายก็ได้ยินเพียงความเงียบงัน ในห้องนี้ยังคงมีเพียงแอล.. เหลือแค่แอล.. ตัวคนเดียว



            “นาฬิกาของแอลมันหยุดเดินไปตั้งนานแล้ว.. ตั้งแต่วันที่ชีวิตแอลไม่มีพี่”






___________________________________________________

MAFIA :ตอนหน้าจบบบบบบบ คู่นี้กินมาม่าทั้งเรื่องเลย ฮ่าๆๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 20:24:56 โดย mafia »

ออฟไลน์ Mi.07

  • ชัดชัดชาด่าดาดั๊ดชัด~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
กินมาม่าจนท้องอืดแล้ว ยังไม่มองเห็นเลยว่าตอนจบจะเป็นยังไง
ฮือออออออ สงสารแอล

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ร้องไห้หนักมากกกกกก โอยยย  :sad4: ไม่จริงงงงง  :o12: :o12:

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
 :sad4:  :hao5: ฮือออออออ.   น้ำตาแตกตาบวมมมมมหมดเลยย
มาต่อเร็วๆน่าา

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE
   

 
♫♬♪♩ ‘เสียง’เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐(กันย์xกุมภ์)


 


 

บทที่ 4

 



           บรรยายระหว่างเขากับแอลที่เคยคิดว่าดีมันกลับแย่ลง..แย่กว่าคิดไว้เยอะซะด้วยสิ





            แชมป์เปี้ยนไม่ได้พูดอะไรกับแอลอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น แอลดูระวังตัวมากขึ้น พยายามไม่พูดคุยกับเขา ถึงขนาดหลีกเลี่ยงไม่เจอหน้าทั้งๆที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน



            สวนหย่อมที่มักจะมีร่างเล็กๆนั่งอยู่หน้าเปียโนก็ไม่เห็นอีกต่อไป ร่างสูงทำเป็นไม่สนใจกับการหายไปของแอลนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองหาทุกครั้งก่อนออกไปทำงานหรือกลับบ้าน ทว่า..สิ่งที่พบคือความว่างเปล่าหรือไม่ก็เงารางๆเพราะทันทีที่แอลเจอเขาเจ้าตัวก็จะรีบหนีขึ้นห้องไปทันที



            หึ..ทำอย่างกับว่าเขาเป็นปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวยังงั้นแหละ!



เพล้ง!



            “แอล!”



            ร่างสูงเผลอตะโกนตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากในครัว แชมป์เปี้ยนรีบวิ่งไปยังต้นตอของเสียง ภาพที่เห็นทำใจเขาตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รอบข้างมีเศษกระเบื้องของจานแตก ขณะเดียวกันสายตาก็เหลือบไปเห็นเลือดที่ไหลออกจากหน้าผากของแอล



            “ดะ เดี๋ยวก่อน”



            แอลเรียกอีกคนไว้ที่ทำท่าจะลากเขาไปไหนก็ไม่บอกไม่กล่าว



            “จะพาไปไหน”



            “ทำแผล”



            “ไม่เป็นไร ทำเองได้



            “ทำเองได้งั้นเหรอ? แอลคิดว่าพี่จะให้แอลทำแผลเองงั้นเหรอ.. แอลต้องไปคลีนิค”



            “แต่ว่า”



            “ไม่มีแต่ พี่ไม่รู้นะแอลว่าโกรธอะไรพี่ แต่จะโกรธหรือจะเมินก็เอาไว้ที่หลัง ไปทำแผลก่อน”



            ร่างเล็กส่ายหัวรัว แต่สุดท้ายก็โดนเย็บไปสามเข็ม พอกลับขึ้นรถก็เจอใบหน้าเครียดๆของแชมป์เปี้ยนอยู่อย่างนั้น



            “แอลไม่ได้โกรธ”



            “...”



            “...”



            “ก็ดีแล้ว”



            ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แอลมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่รถขับกลับบ้าน ในหัวมีแต่เรื่องสับสน ที่จริงคนที่โกรธน่าจะเป็นพี่แชมป์เปี้ยนด้วยซ้ำที่ได้ยินเขาพูดไล่แบบนั้น




            พอถึงบ้านแอลก็รีบลงจากรถ เดินตรงดิ่งเตรียมจะกลับเข้าห้องทันทีแต่ก็ไม่วายถูกแชมเปี้ยนรั้งมือเอาไว้ซะก่อน



            “มีอะไรหรือเปล่าครับ”



            “แอลบอกว่าแอลไม่ได้โกรธพี่”



            “อืม”



            “แล้วแอลหลบหน้าพี่ทำไม?”



            “ไม่ได้หลบ”




            แอลแก้ตัว แม้จะรู้ว่าอีกคนไม่มีทางเชื่อคำโกหกของเด็กอนุบาลแบบนั้นอยู่แล้ว



            “งั้นเหรอ?”



            “...”



            “อืม พี่เชื่อแอล”



            “...”



            “ราตรีสวัสดิ์ครับ”



            ร่างสูงยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวร่างเล็กเบาๆก่อนจะผละมือออกเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรไงโง่ๆลงไป คนอย่างแชมป์เปี้ยนที่ไม่เคยรักใครเลยนะเหรอ? จะมีเผลอรักคนที่น้องชายเขารักหมดใจ นี่มันเรื่องตลกชัดๆ




            แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเขา.. เผลอรักแอลไปแล้ว













 

            “คุณคือ.. คุณภานุวัตร?”



            นิคกี้เรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจนัก ขมวดคิ้วมองหน้าคนที่เพิ่งมาขอพอเขาถึงบ้านแต่เช้า จะไม่ให้แปลกใจได้ไงละ ก็คนที่เข้ามาขอพบนะเขาไม่รู้จักชื่อเลยสักนิด แต่รู้จักหน้าเป็นอย่างดี!



            “ครับ เรียกผมว่าแชมป์เปี้ยนก็ได้”



            “อ่อ แล้วคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอครับ? คือผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่รู้จักชื่อคุณ”




            “มีครับ.. ผมเป็นพี่ชายของเชนท์”



            “นั่นไง! กูว่าแล้ว”



            นิคกี้ตบมือดังปาด เผลออุทานออกมาเสียงดังจนลืมว่าไม่ควรใช้คนหยาบกับคนเพิ่งรู้จัก



            “เอ่อ ขอโทษครับฮ่าๆ แล้วคุณแชมป์เปี้ยนมีธุระอะไรกับผมครับ”



            “ผมมีเรื่องจะเล่าแล้วก็อยากจะถามอะไรบ้างกับคุณ”



            “ว่ามาเลยครับ ผมว่างทั้งวัน”



            แผนที่คิดไว้ว่าจะเขียนเพลงใหม่เป็นอันยกเลิกเมื่อนิคกี้เจอเรื่องที่สำคัญกว่านั้น



            “ตอนนี้ผมอยู่บ้านหลังเดียวกับแอล เป็นบ้านที่น้องชายผมซื้อไว้ให้เขา”



            “อ่าว แล้วไอ้แอลมันยอมเหรอครับ? ทำไมถึงไปอยู่บ้านหลังเดียวกันได้”



            “ถึงไม่เต็มใจผมก็เข้าไปอยู่แล้ว อาจจะฟังดูแปลกๆสักหน่อย ถ้าผมจะบอกว่า ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะผมฝันว่าเชนท์เขาขอให้ผมเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วก็คอยดูแลแอลจนกว่าเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”



            นิคพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง



            “ไม่แปลกหรอกครับ คุณรู้ไหมว่าตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองเป็นบ้าด้วยซ้ำ ผมโดนหนักกว่าคุณอีก”



            “?”



            “ผมก็เคยฝันถึงพี่เชนท์เหมือนกัน มันน่าแปลกมากที่พอแอลเล่าเรื่องระหว่างที่เขานอนอยู่โรงพยาบาลให้ผมฟัง มันเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ผมฝัน ตอนนั้นผมร้องไห้เลยละที่เจอแอล แต่ก็งงว่าร้องไห้ทำไมเพราะจู่ๆก็จำไม่ได้ว่าแอลมันแอดมินนอนโรงบาลไม่ใช่ไปเที่ยวทะเลสบายใจแบบนั้น”



            แชมป์เปี้ยนตั้งใจฟังคนตรงหน้านิ่ง ในหัวมีแต่ความคำถามเต็มไปหมด



            “คุณช่วยเล่าเรื่องระหว่างแอลกับน้องชายของผมให้ฟังหน่อยได้ไหม”



            “ได้สิ”



            นิคกี้ยิ้มให้อย่างเข้าใจ ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าคงส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่น้อย เล่าไปก็คงไม่เสียหายอะไร



            “คุณคงรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพี่เชนท์เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย”



            “อืม” ร่างสูงพยักหน้าเบาๆ



            “ที่ผมรู้ก็เพราะว่าบังเอิญไปเจอพี่เขาที่โรงพยาบาล แล้วผมก็ยังรู้มาอีกว่าพี่เชนท์ไปซื้อแหวนเตรียมตัวที่จะขอแอลแต่งงาน”



            “...”



            “ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะแต่ก็รู้ดีว่าต่อให้แอลรู้ว่าพี่เชนท์กำลังจะตายแอลก็คงยืนยันที่จะแต่งงานด้วย.. แต่ไม่รู้ว่าฟ้าจะจงเกลียดจงชังพี่เชนท์ไปถึงไหน หนึ่งก่อนวันที่เขาจะทำเซอร์ไพร์ขอแอลแต่งงาน.. ก็อย่างที่พี่รู้ พี่เชนท์รถคว่ำ ชนกับสิบล้อที่อดนอนแต่งยังฝืนขับรถทำงานส่งของ”



            แชมป์เปี้ยนกำมือแน่นเมื่อนึกถึงวันที่ไปรับศพน้องชาย ไอ้บ้านั่นมันไม่สำนึกเลยด้วยซ้ำ กลับโวยวายบอกว่าเรื่องแค่นี้ต้องจำคุกตลอดชีวิตด้วยเหรอ คนทำมาหากินไม่ได้ตั้งใจชนสักหน่อย



            หึ มันน่าจะได้รับโทษประหารไปเลยด้วยซ้ำ!



            “พอผมกับแอลไปถึงโรงพยาบาล แอลทำอะไรไม่ถูกได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดตัวสั่นอย่างกันคนบ้า ตอนที่หมอเดินออกมาบอกว่าพี่เชนท์เสียชีวิต แอลร้องไห้หนักมาก เอาแต่กอดร่างพี่เชนท์ไม่ยอมปล่อย โวยวายให้หมอกลับเข้าไปรักษา ไม่ยอมให้ใครย้ายพี่เชนท์ไปไหน แอลร้องไห้จนสลบไปพอตื่นขึ้นมา หมอก็บอกว่าคุณมารับพี่เชนท์ไปแล้ว พวกเราไม่รู้เลยว่าคุณจัดงานศพพี่เชนท์ที่ไหน แอลมันร้องไห้แทบขาดใจที่แม้แต่งานอำลาครั้งสุดท้ายมันก็ยังไม่มีโอกาสไป”



            “การที่น้องผมตาย..ทำให้ผมลืมไปด้วยซ้ำว่ามันยังแฟนมีเพื่อน”



            แชมป์เปี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น



            “ผมรู้แค่ว่าจะเอาน้องกลับไปอเมริกา บ้านเกิดพ่อ ตอนเด็กพ่อแม่เราหย่ากัน เราก็เลยแยกกันอยู่ เชนท์อยู่ที่นี่กับแม่ แต่ผมอยู่ที่อเมริกากับพ่อ แม่เราตายไปนานแล้วแต่เชนท์ไม่ยอมมาอเมริกาเพราะมันบอกว่า..มันกำลังตกหลุมรักคนๆหนึ่ง”



            คนๆนั้นก็คือแอล.. นิคกี้รู้ได้โดยสัญชาตญาณ



            “พ่อผมร่างกายไม่แข็ง ผมเลยอยากพานิคกี้กลับไปอเมริกาให้เร็วที่สุด.. อย่างน้อยก็ให้พ่อได้เห็นหน้ามันเป็นครั้งสุดท้าย ได้กอดร่างที่ยังไม่เย็นไปมากว่านี้”



            นิคกี้ไม่เอ่ยถามอะไรออกไป.. เรื่องของครอบครัวก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวเถอะ



            “แอลมันขังตัวเองอยู่ในห้องสามวัน สุดท้ายก็ยอมออกมาข้างนอก สีหน้ามันดูแย่มากแต่มันยังยิ้ม มันบอกผมว่า ถึงมันจะเสียใจเรื่องพี่เชนท์แค่ไหนแต่มันต้องไม่ทำให้แม่ทุกข์ใจเพราะความเป็นห่วงมันไปด้วย”



            ยังจำสีหน้าของเพื่อนตนตอนนั้นได้ดี.. มันน่าสงสารจนนิคอยากบอกให้มันร้องไห้ออกมาซะยังจะดีกว่า



            “พอมันออกจากห้อง มันก็เข้าไปที่บริษัท ส่งเพลงที่มันแต่งแต่ว่าส่งแค่เพลงเดียว แล้วก็ขอลาออก แต่คุณเสือไม่อนุญาต ให้มันพักงานจนกว่ามันจะพร้อมกลับมาทำงานอีก”



            แชมป์เปี้ยนรู้ทันทีว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร



            “มันมาขออยู่กับผมสักพักเพราะไม่อยากให้แม่เห็นสภาพมัน”

           

           “...”



            ร่างสูงไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าตอนนั้นแอลตกอยู่สภาพไหน



            “ แอลมันเครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับมันเลยพึ่งยา แต่ยิ่งนานไปยาก็ยิ่งไม่ได้ผล จนกระทั่งต้องกินยานอนหลับที่แรงขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่ง.. ผมกลับมาบ้าน เคาะเรียกมัน แต่ไม่เสียงตอบกลับเลยใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปก็ตกใจแทบช็อก ยานอนหลัยชนิดแรงตกอยู่ที่พื้นหลายเม็ด ผมรีบพามันไปโรงพยาบาลทันที ไม่รู้ว่ามันกินยานอนหลับไปมากแค่ไหน ในใจมีแต่คำถามว่าทำไมมันต้องฆ่าตายด้วย ไหนบอกว่าเป็นห่วงแม่”



            แชมป์เปี้ยนรู้สึกว่าหัวใจเขาเจ็บปวดขึ้นมาดื้อๆ..



            นึกโทษตัวเองที่ไม่รู้จักแอลให้เร็วกว่านี้ เพราะถ้าเขารู้จักแอลเร็วกว่านี้ละก็ เขาไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่!



            “แอลสลบไปสองวันเต็มๆ พอฟื้นก็เอาแต่ร้องไห้เรียกหาพี่เชนท์ ผมเลยยิ่งมั่นใจว่ามันกินยาฆ่าตัวตาย แต่เปล่าเลย.. มันแค่เครียดมาก นอนไม่หลับ เบลอจนกินยาไปกี่เม็ดก็ยังไม่รู้ตัว ผมน่าจะเอ๊ะใจตั้งแต่ที่มันไม่ได้กินข้าวแล้วบอกว่าตัวเองกินข้าวไปแล้ว มันเล่าเรื่องความฝันของมันให้ผมฟัง มันบอกว่าสองวันที่มันนอนอยู่โรงพยาบาลคือสองเดือนที่มันติดอยู่ในความฝัน”



            ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ ตอนที่พาแอลมาดูบ้านครั้งแรกร่างเล็กถึงกับนิ่งไปสนิท ทั้งยังร้องไห้พูดเรื่องนี้ออกมาก่อนจะตกสระน้ำ



            “แอลบอกว่ามันคงเสียใจจนเป็นบ้า แต่คุณรู้อะไรไหมเรื่องที่มันเล่าว่าเจอผมที่ทะเล ผมก็ฝันแบบนั้นเหมือนกัน ทุกฉากทุกตอนไม่มีผิดเพี้ยน ตอนนั้นผมร้องไห้ที่เจอมันในความฝันมันยังสบายดีหน้าตาสดใส ไม่ได้นอนหน้าซีดอยู่โรงบาล”



            “...”



            “มันเก็บตัวอยู่บ้านผมสามเดือนก่อนจะกลับไปทำงานพยายามใช้ชีวิตตามปกติ สีหน้าแจ่มใสเหมือนเดิม มันยิ้ม มันหัวเราะแต่ผมรู้ว่าลึกๆในใจมันยังร้องไห้  หนึ่งปีผ่านไป มันตัดใจหยุดแต่งเพลง เพราะเพลงที่มันแต่งมีแต่ความเศร้า ไม่เหมือนเมื่อก่อน มันไปเรียนต่อที่อิตาลีสองปี เพิ่งกลับมาแล้วก็อย่างที่คุณเห็นตอนนี้นั้นแหละ”















♫ ♬ ♪ ♩‘เสียง’ เต้นรำในคืนเดือนมืด ✐















            ยอมรับว่าเขาเองก็ช็อกไม่น้อยกับสิ่งที่บอกเล่าออกมาจากปากนิคกี้..



            “เลิกจ้องหน้าแอลสักทีจะได้ไหมครับ”



            ร่างเล็กเงยหน้าจากกระดาษเขียนเพลงมองแชมป์เปี้ยนอย่างไม่ชอบใจนัก



            “พี่ขอโทษ”



            สงสัยจะจ้องมากเกินไป..แต่คราวนี้ไม่ได้จ้องเพลงอยากมองหรือตั้งใจจะกวนประสาท แต่มองเพราะคำพูดของนิคกี้ยังวนเวียนในหัวไปจนทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าตอนนี้แอลรู้สึกยังไง



            มีความสุขบ้างไปตั้งแต่วันที่น้องชายเขาจากไป...?



            “แต่งเพลงอะไรเหรอ ฟังดูเศร้าๆนะ”



            แชมป์เปี้ยนอยากจะด่าตัวเองเหลือเกินที่ปากไว!



            “เพลงเขียนถึงคนบนฟ้า”



            เขียนถึงน้องชายเขาสินะ..



            “ร้องให้ฟังหน่อยสิ”



            “แต่มันยังไม่สมบูณร์เท่าไรนะ”



            “อยากฟัง”



            แอลพยักหน้าเบาๆ จัดกระดาษ ตั้งท่าเตรียมเล่นเพลงที่เพิ่งเขียนสดๆร้อนๆเมื่อกี้



            “เพิ่งรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน ที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง.. ฟ้าทุกเช้ามันอ้างว้าง ตั้งแต่เธอจากไป”



            ร่างสูงลากเก้าอี้นั่งฟังร่างเล็กใกล้ๆ เสียงหวานปนเศร้าขับร้องออกมาพร้อมเปียโนตัวโปรด..ตัวที่น้องชายของเขาซื้อให้


            “ชีวิตต้องเดินก็รู้ แต่ไม่รู้จะเดินเพื่อใคร

              ดาวบนฟ้าคว้ามาได้ ใครจะร่วมชื่นชม

              ยามค่ำคืนยังยืนมองขอบฟ้า.. เธอสบตากับฉันบ้างหรือเปล่า?”



            บางทีแชมป์เปี้ยนก็อดคิดไม่ได้..ว่าจะมีสักครั้งไหมที่ร่างเล็กอยากจะสบตากับเขาเหมือนที่อยากสบตากับเชนท์


            “คิดถึงเธอ คนที่ดีที่สุด
            ถึงแม้ได้พูดในวันที่มันสาย
            ยังคงรักเธอ เธอได้ยินฉันมั้ย”




            “...”



            แล้วทำไม.. ไม่คิดถึงเขาแบบที่คิดถึงเชนท์บ้าง



            “อยู่แห่งไหน หัวใจมีแต่เธอ..”



            ถ้าเกิดว่าแอลรักเขา..



            “ได้ยินมั้ย คิดถึงเธอ”



            รักเขาให้ได้สักเสี้ยวหนึ่งของชาย..



            มันก็คงเป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อย แต่ว่าเขาคงไม่มีโอกาสนั้น ในเมื่อแอลยังคงเขียนแต่เพลงที่มีไว้ให้เชนท์ทุกครั้งไป



            “เมื่อไหร่จะเลิกเขียนเพลงเศร้า”



            “...”



            “แอลไม่คิดจะเขียนเพลงแนวอื่นบ้างหรือไง”



            “คิดสิ”



            “...”



            “แต่ทุกครั้งที่เริ่ม แอลก็คิดอะไรไม่ออก แอลเขียนมันไม่ได้จริงๆ”



            “ถ้างั้น เป็นพี่ได้ไหม ที่จะช่วยให้แอลแต่งเพลงที่ไม่เศร้าออกมา”



            “พี่ไม่เคยเรียนมันด้วยซ้ำ แล้วจะแต่งออกมาได้ไง”



            “ใช่ ก็แล้วไงพี่อาจจะเล่นดนตรีไม่เป็น..”



            “...”



            “แถมยังไม่ค่อยชอบฟังเพลง”



            “...”



            “พี่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าใครบางคนแต่พี่ไม่แต่งเพลงคนเดียว..เพราะพี่มีแอล”



            “...”



            “แล้วแอลก็ไม่ได้แต่งเพลงคนเดียว.. แอลยังมีพี่”



            “...”



            “เพราะงั้นพี่เลยมั่นใจว่ามันจะออกมาดีและจะกลายเป็นเพลงที่อยู่ในใจของใครสักคน อย่างน้อยก็อยู่ในใจพี่คนหนึ่ง”



            ดวงตากลมโตเหลือบมองใบหน้าคมเข้มนิ่ง.. นานนับนาทีที่ต่างฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในภวังค์ของความเงียบ จนกระทั่งมีเสียงถอนหายใจเบาๆจากแอล



            “พี่แชมป์เปี้ยนอยากจะพูดอะไรกับแอลก็พูดมาตรงๆ”



            “แอลยังไม่ลืมเชนท์ใช่ไหม”



            “มันไม่หน้าที่ของแอลที่ต้องมาตอบคำถามของพี่!”



            แอลตะโกนออกมาอย่างเหลืออด..ยิ่งนึกถึงข้อความในจดหมายที่พี่เชนท์เขียนทิ้งไว้ยิ่งทำให้เขาอดน้ำตาคลอไม่ได้



            "แอลรู้ไหมว่านาฬิกากับเวลาต่างกันยังไง?”



            แชมป์เปี้ยนถามอย่างไม่สนใจกับเสียงสั่นๆที่ตะคอกใส่เขา



            ‘นาฬิกาของแอลมันหยุดเดินไปตั้งนานแล้ว..’



            เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหูเขาซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือเพราะน้องชายเขาดลใจ แชมป์เปี้ยนถึงได้เห็นร่างเล็กนั่งอ่านจดหมายที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบรูปของเขาด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา



            ‘ตั้งแต่วันที่ชีวิตแอลไม่มีพี่’



            ถึงแอลจะไม่มีเชนท์ แต่แอลก็ยังแชมป์เปี้ยน.. เขาอยากจะพูดแบบนี้ออกไปแต่ก็เหมือนมีอะไรมาค้ำคอไว้



            “พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แอลไม่อยากฟัง”



            “นาฬิกาถ้าเราให้ใครไปมันยังขอคืนมาได้ แต่เวลา.. ถ้าให้ใครไปแล้วไม่มีวันที่จะเอาคืนมาได้"



            “หยุดพูดเดี๋ยวนี้!”



            “เวลาที่แอลใช้กับเชนท์มันมีค่ามาก แต่ถึงไม่มีเชนท์ชีวิตแอลก็ต้องเดินก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่หยุดอยู่กับอดีต”



            “พอ! แอลบอกว่าไม่อยากฟังไง อื้อ ปล่อย!”



            มือเรียวพยายามดันร่างสูงออกเมื่อแชมป์เปี้ยนดึงเขาเข้าไปกอดแน่น มือใหญ่ลูบหัวเขาไปมาราวกับจะบอกว่า ‘อย่าห้องไห้’ แต่นั่นยิ่งทำให้แอลรู้สึกสมเพชความอ่อนแอ่ของตัวเองจนต้องร้องไห้ออกมาหนักกว่าเก่า



            “ฮึก ปล่อยแอล!ฮือ”



            กำปั้นเล็กๆทุบเข้าที่หลังแกร่งไม่หยุด แต่ร่างสูงก็ยังกอดแอลไว้อย่างนั้น



            “เข้ามายุ่งกับชีวิตแอลทำไม! ฮื่อ จะเข้ามาในชีวิตแอลทำไม!”



            “พี่ขอโทษ”



            “ปล่อยแอล”



            ความรู้สึกเจ็บแปร๊บที่ใจมันคืออะไร.. แชมป์เปี้ยนยอมปล่อยคนในอ้อมแขนแต่โดยดีแม้ว่าจะไม่อยากปล่อยมันก็ตาม



            “แอลคบกับพี่ได้ไหม”



            “...”



            “พี่รักแอล.. รักทั้งที่รู้ว่าแอลคือคนที่น้องชายพี่รักหมดหัวใจ”



            ดวงตากลมโตเหลือบมองแชมป์เปี้ยนนิ่ง ก่อนจะเบื้อนหน้าหนีไปทางอื่น



            “ความจริงแล้ว แอลก็รู้สึกดีๆกับพี่”



            มันเป็นสิ่งที่แชมป์เปี้ยนคิดไม่ถึง...



            “แต่แอลไม่รู้ว่าเพราะอะไร แค่ใบหน้าของพี่ใช่ไหมที่มันเหมือนพี่เชนท์?”



            “...”



            “แต่ไม่ว่าจะเหตุอลอะไรก็ตาม คนที่แอลรักมากที่สุดก็ยังเป็นพี่เชนท์อยู่ดี ความรู้สึกที่แอลให้พี่มันก็แค่เศษเสี้ยวหนึ่งหนึ่งเท่านั้น มันเทียบกันไม่ได้”



            “...”



            “เลิกรักแอล..”



            “...”



            “แล้วก็ออกไปจากชีวิติแอลซะ”



            “ไม่..”



            เสียงทุ้มตอบกลับ ก่อนจะยิ้มจางๆให้แอล แล้วใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาที่เกาะอยู่ตามแก้มใสออกเบาๆ



            “พี่ดีใจนะที่แอลบอกว่ายังพอมีความรู้สึกดีๆให้พี่บ้าง แม้ว่ามันจะไม่มากก็ตาม แต่ไม่ว่าจะหนึ่งปี..สองปี สามปี หรือสิบปี”



            “...”



            “พี่ก็จะรอ..”



            ดวงตากลมโตมองหน้าแชมเปี้ยนนิ่ง.. แม้จะเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของแอลเอง แต่แอลก็ตอบไม่ได้จริงๆว่ามันไหลด้วยความรู้สึกไหน?



            “พี่จะรอให้แอลค่อยๆรักพี่มากขึ้น..มากขึ้น..แล้วก็มากขึ้นเรื่อยๆ”



            ร่างสูงกดจูบลงบนกลีบปากบางอย่างแผ่วเบา.. จนแทบไม่รู้สึก มีเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่บอกว่าเขาอยู่ใกล้แอลมากแค่ไหน



            “รอจนกว่าความรักมันจะเต็มหัวใจ”













————————————————————————



Mafia :  ปล๑. ใครชอบจบแบบดิ้งๆมีความสุขสุดๆต้องขออภัยด้วยจ้า คิดว่าจบแบบนี้ดีสุดแล้ว อยากสื่อให้เห็นว่า

              แอลรักพี่เชนท์จนลืมไม่ได้จริงๆแต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มรักพี่แชมป์บ้างแล้วเพียงแต่มันอาจต้องใช้เวลา

              ปล๒. ขอบคุณเพลงเขียนถึงคนบนฟ้าของพิง ลำพระเพลิงค่า

              ปล.๓ ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่แวะมาเม้นมากดบวก กดชอบ กดคะแนนอะไรก็ว่าไป

             ปล.๔ เรื่องนี้กินมาม่าทั้งเรื่อง เรื่องหน้าขอแบบตลกๆแซ่บๆละกัน!  ขอเสียงราศีเมษกับตุลย์หน่อยยยยย

             ทำนายทายรัก✡THE SERIES : OHO! Gossip♛แฟนผมเป็น‘ซุปเปอร์สตาร์’! (เมษ x ตุลย์)

               สปอย :‘จิ้น’ คืออะไร? ใครบัญญัติศัพท์คำนี้ไว้?






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Mi.07

  • ชัดชัดชาด่าดาดั๊ดชัด~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
จบไปแบบหน่วงๆ .....
เรื่องหน้าขอแบบฮาหนักมาก หรือยิ้มแก้มปริไปเลยนะ :)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เห็นแววดราม่าเลยต้องรอให้จบก่อนค่อยเข้ามาอ่านทีเดียว
แต่ก็ไม่ถึงขั้นน้ำตานองนะ รับได้อยู่ ตามความเห็นคนเขียนเลยค่ะ

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีนะที่รอให้จบแล้วค่อยมาอ่าน
แต่มันก้ยังหน่วงอยู่ดี

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด