-19-
“คุณรามครับ....” ธันย์ชนกเอื้อมมือมาแตะแขนของคนที่พิงไหล่เขาเอาไว้ แล้วลองเขย่าเบาๆ
“อือ” มือใหญ่จับตัวกวนที่เขย่าปลุกทั้งๆยังหลับตาแล้วดึงเข้ามากอด
“อย่าเพิ่งปลุกสิ...ตัวขี้อ้อน...” จมูกโด่งได้รูปกดที่แก้มเบาๆ ด้วยอาการสลึมสลือ
ทุกครั้งที่ทำอย่างนี้ รัญชน์จะหัวเราะคิกคักแล้วแกล้งเขย่าเขาแรงๆจนกว่าจะตื่น... ราเมนทร์ที่ยังไม่ตื่นดีรอการกระทำนั้นด้วยการกอดร่างข้างๆแน่นขึ้น
คนปลุกได้แต่นิ่งไป ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมา อ้อมกอดที่โอบจนแน่นทำให้รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากและปลายจมูกที่แตะสัมผัสข้างแก้มทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นจนเจ้าตัวยังรู้สึกได้
“.... ค... คุณรามครับ...”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยเรียกให้คนกอดตื่นจากอาการง่วง ราเมนทร์ตกใจจนปล่อยตัวธันย์ชนกออกจากอ้อมกอดทันที
...แย่แล้ว...
“ขะ...ขอโทษครับ ผมนึกว่ารัน”
“..... ไม่เป็นไรครับ......” ใบหน้าของธันย์ชนกก้มลงพลางเอ่ยตอบเสียงแผ่ว
ราเมทร์ลุกขึ้นยืนเก้ๆกังทำอะไรไม่ถูก เขาจึงนั่งลงข้างๆอีกครั้งแล้วมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
“ผมขอโทษจริงๆครับ... คุณธัน... โกรธหรือเปล่า...”
“... ไม่ครับ... อย่าคิดมากนะครับ” พอได้ยินแบบนั้นธันย์ชนกก็รีบเงยหน้าขึ้นตอบ
ชายหนุ่มยิ้มตอบแทนคำพูด
“คุณธันอาบน้ำหรือกินข้าวก่อนครับ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ติดใจอะไร ราเมนทร์ก็เริ่มทำหน้าที่ผู้ดูแลขึ้นมาอีกที
“อาบน้ำก่อนดีกว่าครับ... หรือว่าคุณรามหิวแล้ว...” ชายหนุ่มร่างเพรียวพยายามทำตัวให้เป็นปกติ หยุดจังหวะหัวใจที่เต้นรัวแรง
“งั้นพันพลาสติกก่อนเนอะ” ราเมนทร์ตัดสินใจให้ เขาเดินไปเอาถุงพลาสติกกับเทปใสมานั่งลงที่พื้นแล้วยกขาข้างเจ็บมาวางบนเข่า
“ยืดหน่อยนะครับ”
“ด... เดี๋ยวครับ... พันแบบนี้... ผมจะถอดกางเกงยังไงครับ...” ธันย์ชนกรีบถามพลางยกมือห้ามไว้
“อ่อ นั่นสิครับ ผมลืมไปเลย” ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ตากเอาไว้ส่งให้
“คุณธันใส่ผ้าเช็ดตัวก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมพันให้”
ธันย์ชนกรู้ดีว่าทำเขินอายไปกว่านี้จะมีแต่ยิ่งผิดสังเกต
“ครับ...” ร่างเพรียวขยับยืนขึ้นโดยมีราเมนทร์ช่วยประคองไว้ เขาขยับถอดกางเกงตัวนอกและเสื้อเนื้อบางออกอย่างทุลักทุเลก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบกายไว้
“นั่งดีๆครับ”ราเมนทร์ประคองร่างเพรียวให้นั่งแล้วเป็นฝ่ายนั่งลงกับพื้นพร้อมกับคว้าเรียวขามาวางบนตักและเริ่มเอาถุงพลาสติกใบใหญ่มาคลุมขึ้นจากข้อเท้าและพันเทปใสใต้หัวเข่า
“แน่นหน่อยนะครับ น้ำจะได้ไม่เข้า”
ท่อนขาเรียวที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัวมีเส้นขนบางๆสีอ่อนปกคลุม ราเมนทร์ลอบมองเลยไปถึงแผ่นอกที่ใหญ่กว่าของรัญชน์เพียงนิดหน่อยและลาดไหล่ที่ดูบางกว่าในความคิด
...อันที่จริงรูปร่างก็พอใช้ได้ ติดที่ว่านิสัยโก๊ะกังกับท่าทางซึมเซาล่ะนะ...
...ถ้ายิ้มบ่อยๆ คงดีกว่านี้...
ธันย์ชนกรอให้อีกจัดการให้จนเรียบร้อย เขารู้ได้ว่าหัวใจยังไม่หยุดเต้นรัวแรงเลยสักนิดเดียว ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนแน่นโดยไม่รู้ตัว
“... ขอบคุณครับ.......”
“งั้นผมพาไปนะ” ราเมนทร์ลุกขึ้นแล้วโอบร่างเพรียวให้พิงตัวเองไว้ กลิ่นหอมเหมือนลูกพีชสุกโชยจากเส้นผม... กลิ่นหอมหวานที่ชวนให้รู้สึกเศร้า
“ขอบคุณครับ... คุณราม” ชายหนุ่มค่อยๆขยับเดินไปถึงห้องน้ำแล้วจึงสอบถามว่าสบู่อะไรอยู่ตรงไหนเรียบร้อย แล้วก็ยิ้มให้จางๆกับเจ้าของห้อง
“... ขอบคุณนะครับ... เสร็จแล้ว... ผมจะเรียกนะครับ...” เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องบ่นแน่ถ้าเขาพยายามจะออกมาจากห้องน้ำเอง
“ครับ”
“ตัวเล็กคนดี ตื่นได้แล้วครับ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปกระซิบคนที่นั่งข้างๆในขณะที่รถจอดสนิท
“.... อือ............” คนโดนปลุกยังคงมีทีท่างัวเงียไม่ยอมลุก แต่แขนสองข้างกลับเอื้อมมือกอดเอาร่างสูงไว้
“ขี้เซากลับไปนอนบ้านเลย ไม่ชวนพี่คุยเอาแต่หลับปุ๋ย...ดูสิคนเขาพามาเที่ยวนะ”
กว่าจะฝ่าด่านงานมาได้กำหนดการลับๆของเขาก็เกือบล่มเพราะไอ้พี่ชายหวงน้องคนนั้น พอบอกว่าจะพามาค้าง ราเมนทร์ก็แทบจะแยกเขี้ยวใส่ ยังดีที่ว่าคนตัวเล็กทั้งขู่ทั้งปลอบจึงยอมให้แบบไม่ค่อยเต็มใจ
“ลงรถกันเหอะ นะๆ” หมอหนุ่มกอดร่างเล็กเบาๆแล้วดึงออก
“Ok-- ok” รัญชน์ยกมือยอมแพ้ก่อนจะเปิดประตูรถลงมาก่อนจะมองไปรอบๆ อากาศที่ไม่ร้อนจนน่าอึดอัดเหมือนในเมืองทำให้เขายิ้มออกมา แขนสองข้างกางออกเพื่อบิดขี้เกียจ ดอกไม้มากมายที่ปลูกอยู่รอบๆส่งกลิ่นหอมสดชื่นมาให้
“สวยจัง...” ร่างเล็กหันหลับไปที่รถก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาแล้วมองไปที่บ้านสีส้มพาสเทลตรงหน้า
“หลังนี้เหรอครับพี่หมอ...”
“อื้อ” ธนกฤตที่หิ้วเป้ของตัวเองสะพายหลังเสร็จตอบเบาๆ
บรู๊คไซด์ วัลเล่ย์ รีสอร์ท ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาของจังหวัดระยอง เนื้อที่กว้างใหญ่ปกคลุมด้วยสีเขียวของแมกไม้ซึ่งรายล้อมทะเลสาบสีเหลือบเงิน บ้านที่เขาจองเป็นบ้านขนาดกลางสีส้มซึ่งเป็นเรือนเดี่ยวสีหวานคล้ายลูกกวาด
“ชอบไหม”
“ชอบที่สุดเลย... ชอบพี่หมอด้วยนะ” เขาเดินเข้ามาเคียงข้างพลางเอียงตัวเข้าหาร่างสูง
“อันหลังไม่ได้ถาม แต่ก็ขอบคุณครับ” ธนกฤตจับมือเล็กจูงเข้าไปในบ้าน
“เตียงเดี่ยวนะ รันนอนได้ป่ะ”
“ไม่ได้....” รัญชน์ตอบเสียงแข็งก่อนจะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“จะนอนกับพี่หมอ.....”
ร่างเล็กเดินสำรวจรอบบ้านพลางจูงมืออีกคนให้เดินตาม ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกมีโซฟากับทีวีพร้อมกับโต๊ะเตี้ยด้านหน้า ถัดออกไปเป็นประตูกระจกบานใหญ่ที่เปิดออกไปเป็นระเบียงให้ได้ดูกับลำธารสายเล็กที่ไหลผ่านด้านข้างของบ้าน ก่อนจะถึงบันไดมีห้องน้ำขนาดเล็กอยู่
“น่ารักนะ...” รัญชน์พูดต่อพลางดึงให้ธนกฤตเดินตามขึ้นไปข้างบน
เมื่อเดินมาตามทางเดิน ทางซ้ายมือเป็นห้องใต้หลังคาเล็กๆที่มีฟูกปูอยู่ หากเดินตรงไปก็จะถึงห้องนอนใหญ่ที่เป็นเตียงเดี่ยวสองหลัง
“.... เตียงแบบนี้ไม่เอานะ.....”
พอหันไปมองข้างๆ เด็กหนุ่มร่างเล็กก็พูดต่อ
“ห้องน้ำกว้างดี แต่รันจะนอนกับพี่หมอ”
“เดี๋ยวตีเลย เป็นเด็กเป็นเล็กนะเรา ก็นอนแยกไปก็ได้นี่” ชายหนุ่มขำกับท่าทางที่เหมือนเด็กถูกขัดใจ ธนกฤตแกล้งไม่สนใจ เขาถอดเป้วางลงกับพื้นแล้วโถมตัวขึ้นเตียง
“................. โกรธเลยนะ...” รัญชน์ว่าพลางโยนกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนพื้น ก่อนจะดึงผ้าห่มของเตียงข้างๆออกแล้วซุกตัวเองเข้าไป
“โกรธเลยเหรอ” ธนกฤตพลิกตัวไปมองก้อนกลมที่ซุกในผ้าห่ม
“ก็เตียงมันเล็ก เดี๋ยวนอนไม่สบายนี่ ตัวเล็กจะนอนเบียดกันเหรอ”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไร... ไม่พูดด้วยแล้วนะ” เด็กหนุ่มยังทำเสียงขุ่นใส่
ธนกฤตยิ้มขำกับท่าทางเอาแต่ใจ เขาลุกจากเตียงเดินไปทุ่มทั้งตัวกอดก้อนกลมๆที่อยู่ข้างในผ้าห่ม
“มาเที่ยวกันนะรัน อารมณ์ดีหน่อย ไหน...ขอพี่หมอดูหน้าหน่อยเร็ว”
พออีกคนมาง้อแบบนั้น คนงอนก็ยอมเลิกผ้าห่มออก แล้วจ้องมาดวงตาเรียวคมของอีกฝ่ายนิ่ง
“ไม่ต้องทำเหมือนรันเป็นเด็กนะ”
แขนสองข้างเอื้อมดึงลำคอของร่างสูงลงมาจนปลายจมูกชนกัน รอยยิ้มหวานออดอ้อนที่ใช้ประจำปรากฏขึ้นก่อนจะแตะริมฝีปากลงที่ข้างแก้มของธนกฤตเบาๆ
“นอนเล่นด้วยกันก่อนนะ”
“แค่นอนเหรอ.....” ชายหนุ่มยิ้มพราวก่อนจะทุ่มลงกอดทั้งตัว ร่างสูงใหญ่คร่อมบนร่างบอบบางก่อนจะจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง
ธนกฤตซุกใบหน้าลงกับลำคอเรียวพลางเม้มเบาๆ
“รันอยากนอนงั้นนอนก็ได้” เขาทิ้งตัวลงทับแล้วจับพลิกให้ร่างเล็กนออนหนุนอยู่ในอ้อมแขน
คนตัวเล็กกว่านึกสนุกจึงอ้าปากงับเบาๆที่ต้นแขนของธนกฤตแล้วซุกใบหน้าเข้าหาก่อนจะขยับไซร้หัวกับแผ่นอกกว้าง
“อร่อยนะ”
“ตัวเล็กต่างหากที่น่าอร่อย” ปลายนิ้วของหมอหนุ่มเขี่ยเบาๆที่ข้างแก้ม
“อยากไปเดินดูรอบๆก่อน....หรืออยากโดนกิน...ว่าไง”
รัญชน์หัวเราะคิกคักเบาๆพลางย่นจมูกแล้วเอียงหน้าหลบปลายนิ้วที่เอื้อมมาเขี่ย
“พี่หมอไม่กินหรอก... ไปเดินเล่นก็ได้”
ธนกฤตยิ้มหวานตอนรับก่อนจะพลิกตัวอีกครั้ง ร่างสูงคร่อมคนตัวเล็กไว้ข้างใต้และบดเบียดจุมพิตหวานโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว
...เดิมทีก็ไม่ได้อดกลั้นเก่งอยู่แล้ว...
หลายครั้งหลายคราที่เกือบจะกอดร่างเล็กอย่างจริงจัง แต่ด้วยความรู้สึกที่ยังก้ำกึ่งว่าชอบ... หรือรัก ทำให้ทำได้เพียงหยอกล้อไปมา แต่เพราะทุกวันที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันความรู้สึกก็ยิ่งเพิ่มพูน
...และในตอนนี้...ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่ากำลังตกหลุมรัก...คนรักของตัวเองเข้าอย่างจัง...
จมูกโด่งซุกไซร้ที่กระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อ เฉกเช่นเดียวกับมือใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ลูบไล้เรือนร่างของรัญชน์ผ่านเสื้อผ้าเนื้อบาง
“เปลี่ยนใจแล้ว...กินดีกว่า”
“อ...! ได้เหรอ.... เดี๋ยวก็เหมือนทุกทีหรอกนะ” รัญชน์ยังเอ่ยพูดหยอกขณะขยับตัวรับสัมผัสอย่างเคยชิน หลายต่อหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ สุดท้าย ก็จบลงก่อนที่การแลกเปลี่ยนจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนกันเท่านั้น
...ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน
ธนกฤตใช้การกระทำเป็นคำตอบ มือใหญ่ที่หยอกล้ออยู่เคลื่อนลงสู่ใต้เนื้อผ้า กางเกงสามส่วนตัวเก่งถูกดึงลงมาที่ต้นขาเผยผิวผ่องใสชวนสัมผัส ความรุ่มร้อนของร่างเล็กถูกกอบกุมผ่านบ็อกเซอร์ตัวสั้น ธนกฤตจงใจใช้ปลายนิ้วไล้ตามความยาวของมันเชื่องช้า... จนรู้สึกถึงอาการบางอย่างในมือ
ริมฝีปากได้รูปเลื่อนลงต่ำก่อนจะขบเบาๆที่ยอดอกซึ่งถูกความร้อนเร่าปั่นป่วนจนแข็งตัวนูนเป็นรอยผ่านเสื้อ
“อย่าบอกให้หยุดแล้วกัน...” นัยน์ตาพราวระยับมองพร้อมพูดออกมาทั้งที่ยังขบเม้ม
“อ... จริง... เหรอ....” นับเป็นครั้งแรกที่มือของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไปไกลขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสตัวเอง แต่เพราะคิดไว้ว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าลงมือทำอะไรจริงๆ-- หรือถึงทำก็ไม่น่าจะทำได้เท่าไหร่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ธนกฤตบอกว่าชอบผู้ชาย
ความคิดของรัญชน์หยุดลงเมื่อฝ่ามือร้อนสากอ้อมไปด้านหลังแล้วลูบไล้ตามแนวกระดูกสันหลังขึ้นมาจนถึงลำคอ
“อ๊า...” มือสองข้างยกขึ้นมาปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นริ้วไปทั่วร่างกายจนต้องหลับตาลง
“ของรัน...ตรงนี้เหรอ” ว่ากันว่าในร่างกายคนจะมีจุดอ่อนที่ปลุกเร้าได้ง่ายอยู่ ธนกฤตแกล้งไล้ฝ่ามือลงมาเชื้องช้า ให้ร่างเล็กขยับดิ้นในอ้อมกอดด้วยแรงอารมณ์
มือที่หยอกเย้าอยู่สอดเข้าไปภายใน ธนกฤตดึงทั้งชั้นนอกชั้นในลงไปกองกับพื้นก่อนจะเลื่อนตัวลงไป ชายหนุ่มใช้อุ้งมือโอบล้อมส่วนกลมหยุ่น พอเคล้นคลึงเบาๆแก่นกายอ่อนไหวก็แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“จะเอาคืนให้หมดเลย... ที่ตัวเล็กยั่วพี่หมอไว้”
“พ... พี่... หมอ... เป็นคนแบบนี้... เหรอ.....” เด็กหนุ่มไม่อาจขยับต้านอะไรได้ พอจะถอยหนีก็คล้ายจะหมดแรง นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆเปิดมองคนตรงหน้า รอยยิ้มร้ายที่อยู่บนใบหน้าของคนที่ปกติมักจะยิ้มให้ตลอดเวลาทำเอาตกใจ
“ขี้... โกง.....”
“อื้ม” คนถูกกล่าวหายิ้มรับอย่างเต็มใจ
ธนกฤตละมือไปถอดเสื้อคนตัวเล็กจนร่างผอมบางเปลือยเปล่า แสงแดดจ้าตอนเช้าโลมไล้ผิวสีอ่อนจนเป็นสีทองนิดๆ สายลมอ่อนโชยกลิ่นดอกไม้หอมมาทางหน้าต่างที่เปิดกว้าง
...แต่หอมไม่สู้คนในอ้อมกอดสักนิด...
ริมฝีปากครอบครองยอดอกสีสวยเบาๆก่อนจะใช้ฟันขบอีกครั้ง
“ตัวเล็ก....อร่อย....”
“ย... อย่ากัด.... อื๊อ--! นะ....” ความคิดทั้งหมดเป็นอันต้องพับเก็บเขวี้ยงทิ้งทันที ธนกฤตไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นที่ชอบยิ้มแย้มตลอดเวลาอย่างเดียว
...This is insane!!!!
แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะอยากผลักไสออกไป เพราะว่ารักถึงได้หยอกเล่นอยู่ทุกวัน ตลอดเวลาสามเดือนที่คบกันมานั้นมีแต่ความสุขที่ต่างมอบให้กัน
...but this is a whole different fucking thing!!
อาจจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายถูกกระทำมากขนาดนี้
“.... พ.... พอแล้ว....”
“ไม่เอาหรอก ทีตัวเล็กยังแกล้งได้เลย”
พอกระตุ้นทั้งบนและล่างพร้อมกัน ร่างในอ้อมกอดก็ขดตัวคล้ายจะหนี ธนกฤตตรึงร่างท่องล่างด้วยลำตัว ริมฝีปากละลงจากยอดอกมายังหน้าท้องแบนราบ และต่ำลงเรื่อยๆ
“ของตัวเล็กน่ารัก” พูดจบธนกฤตก็ครอบครอง ‘ส่วนน่ารัก’ ด้วยริมฝีปากตัวเอง
แม้จะไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย แต่เพราะก่อนหน้านี้ได้ศึกษาไว้บ้าง ทั้งจากหนังสือและอินเตอร์เนต อีกทั้งการเป็นหมอยังทำให้สามารถรู้ส่วนที่ทำให้รู้สึกดีของผู้ชายได้อย่างไม่ยากเย็น
“อึก-!!? พี่... บีม..!!” คล้ายกับเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบออกไปหมด ที่รู้สึกได้มีเพียงส่วนอ่อนไหวที่บัดนี้เริ่มแข็งขืนอยู่ในโพรงปากของอีกฝ่าย มือสองข้างที่ปัดป่ายไปรอบๆอย่างไร้ทิศทางคว้าผ้าปูที่นอนเอาไว้ได้ก็จิกลงเกร็งแน่นอย่างไม่กลัวขาด
“ฮ... อ๊า...”
ธนกฤตห่อริมฝีปากสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ภายใน เขารูดริมฝีปากขึ้นลงตามแนวความยาวสลับกับใช้ลิ้นหยอกล้อ มือข้างหนึ่งลูบฐานล่างด้านหลังกระตุ้นอารมณ์ร่างบาง ชายหนุ่มยิ้มเมื่อรู้สึกถึงเรียวขาที่หนีบศีรษะของตัวเอง เขาเลื่อนมืออีกข้างลูบแผ่นหลังที่ม้วนขด
กระแสเสียงอ่อนหวานกระตุ้นกึ่งกลางลำตัวที่อยู่ใต้เสื้อผ้าจนปวดหนึบ แต่ธนกฤตยังเพลิดเพลินกับร่างกายของคนตัวเล็ก
พอถูกกระตุ้นไปทั่วร่าง ซ้ำจุดไวสัมผัสที่แผ่นหลังยังถูกรุกไล่ไม่ยอมปล่อย นัยน์ตาคู่สวยปิดแน่น ร่างทั้งร่างบิดเกร็ง
“I....!! I'm coming...” ปลายนิ้วจิกดึงผ้าปูที่นอนจนแทบขาด ร่างบางเกร็งกระตุกสองสามที ก่อนจะทิ้งร่างกายลงบนเตียงอย่างหมดแรงพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
หยาดอุ่นร้อนที่อยู่ในริมฝีปากไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจหากแต่เป็นความอิ่มเอมที่สัมผัสได้ ธนกฤตถอนริมฝีปากออกแล้วคายมันลงใส่ฝ่ามือ
“ตัวเล็กโอเคไหม เหนื่อยล่ะสิ” ธนกฤตโน้มตัวเข้าหาแล้วจูบเบาๆบนริมฝีปากบาง
“.... นิสัยไม่ดีนะ......” รัญชน์เอ่ยตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจนเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตที่มักกระพริบมองอย่างสดใสกลับหรี่ปรือด้วยความสุขทางอารมณ์ที่ไม่เคยได้รับ
“นิสัยไม่ดีแล้วรักเปล่าล่ะ” มือที่เปรอะหยาดอารมณ์วางทาบบนช่องทางด้านหลังเบาๆก่อนที่นิ้วมือจะสอดเข้าไปทีละนิด
ธนกฤตจูบเบาๆที่หัวคิ้วขมวดมุ่น รัญชน์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หวามดูเย้ายวนเกินกว่าจะห้ามใจ เขาขยับปลายนิ้วเข้าออกช้าๆดึงอารมณ์ร้อนเร่าให้สูงขึ้นอีกทีละนิด
“หืมม์ ว่าไงครับตัวเล็ก....”
“.....” คนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายกลั่นแกล้งขมวดคิ้วมองธนกฤต
“....... ไม่รัก... ไม่ยอม... หรอก.. นะ อ๊า--!” ปลายนิ้วที่สอดเข้าไปสะกิดกับผนังอ่อนนุ่ม ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาจนสะดุ้งตัว
ในขณะที่ใช้นิ้วสอดแทรกเข้าไปในช่องทางเบื้องหลัง ชายหนุ่มก็ใช้อีกมือกำจัดกางเกงและชั้นในให้ความรุ่มร้อนที่ซ่อนอยู่ออกมาเป็นอิสระ ฝ่ามืออุ่นจับหลวมๆที่ส่วนอ่อนไหวของรัญชน์พลางชักนำอารมณ์ให้ขึ้นสูง
พอสอดนิ้วที่สองเข้าไปร่างเล็กที่ถูกทำให้ปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่งก็งอตัวจนน่าสงสาร ธนกฤตโน้มตัวขึ้นไปจูบหัวไหล่เปลือยเปล่าเบาๆพลางขบเม้มจนเกิดรอยสีเข้มตัดกับผิวนวล
“ไหวไหม...” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบเบาๆ
“... Stop-- asking me...!! อึ๊ก--!?” รัญชน์ที่ไม่อาจคุมสติให้อยู่กับตัวไว้ได้อีกต่อไปเอ่ยตอบกระท่อนกระแท่น-- ทั้งๆที่เคยดูและรู้อะไรมามากมาย แต่พอเป็นฝ่ายถูกกระทำเข้าแบบนี้จริงๆจังๆทำให้รู้สึกอยากกลับไปบ้านเกิดแล้วเอาดีวีดีจากเพื่อนนายแบบด้วยกันปาใส่หัวทีละคนให้รู้แล้วรู้รอด
...Which part is the same!!!
ความรู้สึกปั่นป่วนตีกันไปมาทั่วร่างจนรู้สึกเหมือนหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนแล้วด้วยซ้ำ อย่างเดียวที่รู้สึกได้มีเพียงปลายนิ้วของธนกฤตเท่านั้น
“รักนะครับ” ภาษาไทยแปลกประหลาดแปรเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงขาดห้วงบอกธนกฤตได้ดีว่าคนรักของเขาอยู่ในอารมณ์ใด
การเตรียมพร้อมให้คนไม่เคยมาก่อน... เพื่อจะรองรับส่วนหนึ่งของร่างกายอีกคนเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะอยากเข้าไปใจแทบขาดแต่ถ้าทำให้คนตัวเล็กบาดเจ็บเขาก็ไม่เอา
...เพราะรักเกินกว่าจะเห็นแก่ตัว...
“อึดอัดไหม...คนเก่งของพี่หมอบีม” ถามจบปลายนิ้วที่สามก็แทรกเข้า ธนกฤตเขี่ยส่วนนูนแข็งที่อยู่ด้านใน... จุดกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายที่น้อยคนจะรู้ นิ้วที่เคยกอบกุมเกี่ยวกระหวัดถูกชักเข้าออกเพิ่มความเคยชิน
...และเตรียมความพร้อมเผื่ออะไรที่อุ่นร้อนกว่าหลายเท่า
คนถูกถามมีเพียงเสียงครางแทนคำตอบเพราะไม่อาจเอ่ยพูดได้แม้เพียงคำเดียว มือที่จิกผ้าปูที่นอนไว้คลายออกก่อนจะเอื้อมคว้าร่างสูงเอาไว้ในตอนที่แอ่นกายจนแผ่นหลังโค้งงอ
“Kiss..... me....” รัญชน์ค่อยๆลืมตามองใบหน้าของคนรัก ก่อนจะต้องปิดลงอีกครั้งเพราะทนต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ไหว
ธนกฤตตอบรับคำร้องขอด้วยจุมพิตแนบแน่น ชายหนุ่มแนบแก่นกายแข็งแกร่งลงบนหน้าท้องที่สั่นไหวด้วยลมหายใจปั่นป่วน
ปลายนิ้วทั้งสามถูกถอนออกก่อนจะแทนที่ด้วยสิ่งที่อุ่นร้อนและใหญ่โตกว่า หมอหนุ่มกดส่วนปลายเข้าไปในร่างเล็ก ลมหายใจหนักหน่วงถูกถ่ายทอดออกมาแทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน
“...!!!!??” มือที่โอบกอดกลายเป็นรัดจนแน่นเมื่อแก่นกายแข็งขืนสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย แพขนตายาวชุ่มไปด้วยน้ำตา
ธนกฤตรู้สึกถึงแรงต่อต้านที่โอบกระชับกึ่งกลางร่างกายจึงหยุดที่จะรุกรานต่อ มือใหญ่ลูบแผ่นหลังสั่นสะท้านเบาๆราวกับจะปลอบโยนหากแต่ไร้คำพูดใด พอร่างกายที่แข็งเกร็งค่อยๆนิ่งลงร่างสูงก็สอดใส่เข้าไปเชื่องช้า... เนิบนาบ แต่ไม่ได้หยุดกระทำจวบจนเข้าไปได้เสร็จสมบูรณ์
“เจ็บไหม”
“N... no...” รัญชน์ตอบเสียงเบาพลางพยายามผ่อนลมหายใจ ความเจ็บปวดไม่ได้เกิดขึ้นมากจนทนไม่ได้ กลับกัน เด็กหนุ่มรู้สึกหวามไหวจนต้องปิดตาแน่น
“Just... move. It might be.... better...”
“ว่าไงนะ....” ธนกฤตแกล้งแช่ตัวนิ่งไว้ให้ส่วนที่เชื่อมต่อค้างคาอยู่ภายใน
นิสัยไม่ดีที่ชอบแกล้งคนรักของตัวเองเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย... ยิ่งรักมากยิ่งแกล้งมาก
ความอุ่นที่โอบกระชับทำเอาแทบจะไปในทันที แขนเล็กๆที่กอดเขาแน่นจึงถูกจูบไล่เบาๆเพื่อผ่อนอารมณ์ที่ใกล้ประทุ
“ตัวเล็ก...อยากให้พี่ทำ...อะไร...”
“... อึก... Just-- shut up and move--!?” มือที่กอดร่างสูงเอาไว้เปลี่ยนเป็นออกแรงกดปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังเนื่องจากไม่สามารถหาแรงมาเขย่าได้
“B......... bad.......”
“อื้อ นิสัยไม่ดี” รอยยิ้มร้ายผุดบนใบหน้าหล่อเหลา ธนกฤตจูบเบาๆบนเปลือกตาชุ่มน้ำก่อนจะขยับร่างกายช้าๆ
สะโพกที่เชื่อมต่อกระทบกันเป็นจังหวะเนิบนาบ ริมฝีปากของคนที่อยู่ด้านบนจูบลงที่ท่อนขาที่แยกออก กายสอดประสานเสียดสีเข้าออกเกิดเป็นเสียงเปียกลื่นดังในห้องนอนยามเช้า
“...รัน...ตัวเล็ก...”
“..... So… what?” รัญชน์เอ่ยถามเสียงพร่า
“.... Kiss... me.... again”
“ลุกขึ้นมาจูบสิ” เสียงทุ้มพูดหยอก คนที่อยู่ด้านบนกระแทกกายเข้าหาอย่างดุดันลิ้นอุ่นร้อนวนเวียนอยู่บนยอดอกไม่ต่างจากมือที่เฝ้าลูบไล้กลางแผ่นหลัง
“So mea-!!” พอถูกกระตุ้นทุกทางแบบนั้น ร่างทั้งร่างกลับเกร็งแน่นอีกรอบก่อนจะครางออกมาเสียงหวาน ของเหลวสีขุ่นไหลเลอะลงบนหน้าท้องเรื่อยถึงแผ่นอกสีนวล
ของเหลวสีขาวที่เปรอะอยู่บนหน้าท้องและแผ่นอกกระเซ็นขึ้นมาบนร่างของธนกฤตเช่นกัน ภาพรัญชน์ที่นอนระทดระทวยอยู่เบื้องล่างตนเองเป็นภาพที่ชวนให้อยากรังแกมากขึ้น
ธนกฤตขยับรวดเร็ว กระแทกสะโพกเข้าสู่จุดที่เชื่อมต่อ ในหูแว่วเสียงหวานครางเครือที่ยิ่งเร้าอารมณ์ให้ขึ้นสูงเป็นอีกเท่าตัว
...ตัวเล็กของพี่...
กายสูงใหญ่ขยับตัวติดต่อกันอีกหลายครั้ง จนเมื่อร่างกายปะทุถึงขีดสุด แผ่นหลังกว้างเกร็งตัวก่อนจะปลดปล่อยหยาดอารมณ์เข้าไปสู่ภายในร่างคนที่รองรับ
“รัก...นะครับ...” พูดจบธนกฤตก็ทรุดตัวลงกอดกลิ้งบนที่นอนซบลงกับเส้นผมชื้นเหงื่อของคนรัก
“... me.... too.....” ร่างบอบบางขยับซุกตัวเข้าหา มือยกขึ้นแตะทาบบนแผ่นอกกว้างแล้วเอนศีรษะหา
“.... นิสัยไม่ดี..... แต่รัน... ก็รัก... นะ.... พี่บีม”
ท่อนแขนแข็งแรงกอดศีรษะที่ซุกซบไว้กับตัวแล้วพลิกร่างเล็กให้ขึ้นนอนบนตัวเขาแทน
“เตียงแคบ...” บ่นเบาๆด้วยรอยยิ้ม
นัยน์ตาสีเข้มมองคนรักที่นอนหรี่ตามองเขาอยู่บนอก กายที่ยังเชื่อมต่อรู้สึกถึงกันและกับ ชีพจรที่เริ่มสงบ... กระทั่งลมหายใจที่เป่ารินรด
“เด็กลามก... มองอะไรน่ะ” เสียงทุ้มเย้าเบาๆด้วยเพราะคนตัวเล็กจับจ้องใบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรเลย
“มองหน้าคนนิสัยใจร้าย” รอยยิ้มเย้าแหย่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
“ใจร้ายสิ ก็มีเด็กชอบแกล้งอยู่ด้วยนี่นา” ชายหนุ่มกดแผ่นหลังให้ร่างเล็กแนบชิด
รอยยิ้มหวานมอบให้ท่ามกลางแสงเจิดจ้าของดวงตะวัน ธนกฤตเขินนิดหน่อยกับการเปลือยกายนอนกอดก่ายกันทั้งๆที่สว่างจ้าแบบนี้
...แต่ช่างเถอะ บรรยากาศมันเป็นใจนี่นา...
“ตัวเล็กเจ็บตรงไหนป่ะ”
“นิดนึง.... ไม่เป็นไรนะ...” เขายิ้มเบาๆพลางยกมือเขี่ยปลายนิ้วบนแผ่นอกกว้าง
“รันมีความสุขนะพี่บีม”
พอเจอแบบนี้เข้าไป ธนกฤตที่ปกติจะปากดีถึงกับไปไม่เป็น ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดคนตัวเล็กเอาไว้แล้วดื่มด่ำกับความรู้สึกเต็มตื้นในอก
“พี่ก็มีความสุขที่สุดในโลกเลย”
...ขอบคุณที่รักกัน...
“จริงหรือเปล่านะ” รัญชน์ขยับตัวขึ้นอีกนิด ทำให้แก่นกายที่เชื่อมต่อหลุดออกจากกัน
“อือ.......” เขาปล่อยเสียงครางออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกถึงของเหลวอุ่นข้นที่ไหลตามออกมา
ใบหน้าขาวที่แดงซ่านด้วยความสุขสมดูน่ารักจนอยากจะคว้ามาทำให้เป็นของตัวเองอีกรอบ แต่ธนกฤตกลับหักห้ามใจทำเพียงเอื้อมมือเข้าไปทางด้านหลังสัมผัสกับน้ำอุ่นๆที่เลอะสะโพกเรียวและต้นขาด้านใน
“รันเลยเลอะเลย ทำความสะอาดให้เอาไหม พี่อ่านเจอมาว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ท้องจะเสียนะ”
“จริงเหรอ... แต่ยังไม่อยากเลย.... นะ” นัยน์ตาสีอ่อนคู่สวยเหลือบมองอย่างออดอ้อน
คำว่า ยังไม่อยากเลย ของอีกฝ่าย หากจะตีความหมายก็คงจะเป็นความหมายที่เหมือนกันกับสิ่งที่อยู่ในใจ
แววออดอ้อนที่อยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเจือเทาแฝงความเว้าวอนและความต้องการที่ไม่ต้องสื่อเป็นคำพูด ธนกฤตโอบลำตัวเพรียวของคนตัวเล็กเข้าแนบชิดแล้วลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังกอดกันไว้ เรียวขาสีนวลไขว้กับแผ่นหลัง รัญชน์ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสมบูรณ์
ชายหนุ่มโน้มคอลงกระซิบข้างหูเสียงแผ่ว
“ไม่อยาก...ตัวเล็กก็ทำต่อสิ....”
รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน มือสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าของธนกฤตไว้พลางเคลื่อนใบหน้าเข้าชิด
“........ ได้นะ........” ริมฝีปากทาบทับลงหาอย่างแนบชิด
“แกล้งกันอีกแล้ว” รอยยิ้มที่ร้ายไม่แพ้กันผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
มือใหญ่จับร่างในอ้อมกอดยกขึ้นให้สะโพกอ่อนล้าลอยจากตัก แก่นกลางใหญ่โตเรียกร้องความต้องการชูชันขึ้นเสียดสีต้นขาด้านในที่ชื้นเหงื่อ
“งั้นพี่บีมให้รันทำตามใจเลย เนอะ”
“อื้อ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือลงไปกำรอบแก่นกายร้อนผ่าว แล้วค่อยๆลดตัวลงหา
“จะเอาคืนนะ....”
To be continued...
kagehana :
เรื่องนี้...อันที่จริงก็จบแล้วค่ะ แต่เอามาลงไม่ค่อยสม่ำเสมอ ฮือออ จะพยายามมาลงบ่อยๆนะคะ
พี่หมอได้กินน้องรันแล้ว /จุดพลุให้