บทสรุป (อาจจะไม่ถูกใจใครหลาย ๆ คนนะคะ)
Chrysalis or Butterfly
ดักแด้เอย.....สักวันเจ้าจะกลายเป็นผีเสื้อที่สวยงาม
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปเหมือนกับสายน้ำ....
ภาพของวันที่เธอวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาถึงห้องเช่าเท่ารูหนู ซบหน้าลงบนตักของยายแล้วร้องไห้ ราวกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีน้ำตาให้ต้องเสียอีก ยายลูบหัวเธอโดยที่ไม่ปริปากถามสักคำ เหตุการณ์นั้นเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
จากวันนั้น จวบจนวันนี้
กาลเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลในใจ แต่ทว่ากาลเวลาไม่อาจลบเลือนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ความเสียใจอาจจะไม่มีอีกแล้ว แต่ว่าความแค้นยังคงอยู่ หลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบของจิตใจ รอวันแห่งการชำระสะสาง.....
เดย์ใช้ชีวิตราวกับว่าไม่มีมันอยู่ ไม่เป็นไรหรอกหากชาตินี้ทั้งชาติจะไม่มีโอกาสได้แก้แค้น......
ตอนนี้ร่างสูงโปร่งกำลังยืนอยู่หน้าห้องซ้อมดนตรี ด้วยลุคใหม่
ไม่มีอีกแล้วกับเสื้อผ้าหลากสีที่เหมือนกับผ้าที่ใช้ผันรอบศาลพระภูมิ เดย์สวมแต่เฉพาะเสื้อผ้าคัตติ้งดี ๆ ที่ราคาไม่แพงมากนัก เลือกสวมเฉพาะสีโทนหม่น จากสิ่งที่เคยประสบพบเจอทำให้คน ๆ นึงมองโลกในแง่ร้ายมากพอที่จะเชื่อว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่สีสันสดใสฉูดฉาด ผมเผ้าที่เคยกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ตอนนี้เรียบตรงดำเป็นเงายาวเคลียบ่าและตัดเสมอเท่ากันหมด ใบหน้าที่มีแต่สิวปรุประไปทั่วทั้งหน้าถูกรักษาจนจางหายไปเกือบหมด
ดูแตกต่างจากเดย์คนก่อนราวกับเป็นคนละคน
มือเรียวที่จับลูกบิดประตูอย่างลังเลนั้นค่อย ๆ หมุนเปิดเข้าไปอย่างช้า ๆ
.............................................................................
บางครั้ง การได้เป็นเจ้าของครอบครองในสิ่งซึ่งเคยวาดฝันเอาไว้ มันก็ไม่ได้สวยงามราบรื่นอย่างที่คิดเอาไว้เสมอไป
เจได้ประจักษ์กับสองตาแล้วว่าพีทนั้นเป็นคนอารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจแค่ไหน โดยเฉพาะช่วงหลังมานี่ไม่ว่าคนตัวสูงจะทำอะไร มันก็ดูขัดหูขัดตาอีกฝ่ายไปเสียหมด คนน่ารักมีอารมณ์ที่แปรปรวนและทำราวกับว่ามีเรื่องอะไรปิดบังซ่อนเอาไว้
“เจ เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันได้มั้ย เรารำคาญ!!! เราอยากจะมีเวลาเป็นส่วนตัว พบปะพูดคุยกับเพื่อนเราบ้างไม่ได้เลยรึยังไง เออ!!! แค่นี้นะ แล้วเจอกัน”
เสียงตวาดที่ลอดออกมาจากปลายสายของคนรัก ทำให้หัวใจของผู้ชายคนนี้เจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก....
ในบางเวลาที่อยู่คนเดียว เจมักจะนึกถึงใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาและเศษขนมเค้กในงานวันเกิดเมื่อปีก่อน นับจากวันนั้น เดย์ก็หายออกไปจากชีวิตของชายหนุ่ม ย้ายเซคเรียน จนแทบจะไม่มีโอกาสได้พบหน้า จะมีนาน ๆ ครั้งที่เดินสวนกันบ้างในมหาวิทยาลัย แต่เดย์ก็จะทำเหมือนกับมองไม่เห็น ราวกับเค้าเป็นอากาศธาตุ
สิ่งที่ทำไปเพราะความคึกคะนอง นานวันเข้าก็มีแต่ความรู้สึกผิดที่ค่อย ๆ กัดกินหัวใจที่ละน้อย หากว่ามีโอกาสแล้ว ชายหนุ่มก็อยากจะเดินเข้าไปหาพร้อมกับเอ่ยคำว่า.......ขอโทษ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ดึงชายหนุ่มออกจากห้วงความคิด
พีท >>>>>> สายเข้า
มือใหญ่ฉวยโทรศัพท์ขึ้นกดรับอีกครั้ง ความรู้สึกยินดีแปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง แม้จะเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตามที
เสียงครางหวานหูที่คุ้นเคยดังลอดออกมา เสียงของคนรักของตนนั้นกำลังระเริงรักอยู่กับชายอื่น สลับกับเสียงกระเส่าของชายคนนั้น ทำให้หัวใจของเจนั้นแตกสลายไม่มีชิ้นดี
“อา.............ซี๊ดดดดด พีทครับ ของพีทแน่นดีจังเลย อา........”
“โอ๊ค...........อ๊ะ........เราไม่ไหวแล้ว เสียวเหลือเกิน ผัวครับ เมียจะขาดใจแล้ว”
“พีทครับ เปลี่ยนท่ากันดีกว่านะครับ พีทจะได้อมให้พวกมันด้วย”
“อ๊า.....ได้สิ.......อื๊อออออ จะแตกแล้ว ซี๊ดดดดดดดดดด”
“อมให้เรามั่งสิพีท”
เสียงของผู้ชายอีกคนและอีกคนดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน ทำให้เจได้รู้ว่า ที่นั่นไม่ได้มีเพียงคนรักกับชายชู้แค่คนเดียว เจไม่อยากจะเชื่อว่าคนตัวเล็กน่ารักราวกับตุ๊กตาเทวดาเซรามิกแบบพีท จะร่านสวาท มั่วไม่เลือกหน้าแล้วก็ไม่รู้จักพอแบบนี้
ภาพในหัวของเจกำลังจินตนาการถึง ร่างกายเปลือยเปล่าที่แสนจะงดงามนั้นถูกมือใครต่อใครโลมไล้สัมผัส ช่องทางด้านหลังถูกชายอื่นล่วงล้ำหลายต่อหลายครั้งในคราวเดียว
ไอ้เหี้ยพีท.....มึงมันแพศยา ร่าน สำส่อน ไม่ต่างจากกระหรี่ขายตัว
เวรกรรมคงตามสนองมึงแล้วสินะ ไอ้เจ.....เจ็บปวดเหลือเกิน
.............................................
“เฮ้ย ไอ้ตี๋ อินี่มันจะไหวเหรอวะ” เสียงของผู้ชายผิวเข้มร่างหนาที่นั่งอยู่อีกฝากหนึ่งของห้องซ้อมกระซิบถามชายหนุ่มคนข้าง ๆ ผู้ซึ่งมีบุคลิกหน้าตาขี้เล่นซุกซน
“เออน่า ให้โอกาสน้องเค้าหน่อย คนเมื่อกี้ล่ะเป็นไง สวยนักสวยหนา แต่ร้องออกมายังกะหมาแดกแฟ้บ”
“ชื่ออะไรน่ะเราน่ะ”
“คะ?..........ด......เดย์ค่ะ”
“เดย์อะไรล่ะ เดซี่ หรือเดวิด”
“เดย์เฉย ๆ ค่ะพี่ หนูร้องเลยนะคะ เพลงอะไรก็ได้ใช่มั้ยคะพี่”
“เอาเลยสิครับน้องพวกพี่รอฟังอยู่”
…..But I am beautiful no matter what they say
Words can't bring me down
I am beautiful in every single way
Yes, words can't bring me down,
Oh no, so don't you bring me down today …..
แก้วเสียงใสราวกับเสียงของผู้หญิง อันเป็นปมด้อยเมื่อครั้งยังเด็ก เนื่องจากฟังแล้วขัดกับรูปร่างหน้าตา ณ ตอนนั้น สะกดให้ทุกสรรพเสียงในห้องซ้อมเงียบสงัด.....เพื่อสดับรับฟัง
“เจ๋งว่ะน้อง ดัดเสียงรึเปล่าวะเนี่ย ชอบ ๆ ๆ ๆ”
“ตกลงพี่เอาหนูมั้ยคะ”
“เอาเลยไม่ได้หรอกครับน้อง ต้องคบหาดูใจกันก่อน” พ่อหนุ่มหน้าตี๋แกล้งหยอด แต่ว่าเดย์กลับยังคงยืนนิ่ง ไม่รับมุก......อันที่จริงต้องบอกว่ารับไม่ทันเห็นจะเข้าเหมาะกว่า
“พี่ล้อเล่น เอาสิครับ ยินดีต้อนรับเข้าวงของเราละกันนะ เฮ๊ย!!!! ว่าไงวะคุณต้น อึ้งไปเลยอ่าดิ๊ แหม่เห็นทีคงต้องเปลี่ยนชื่อวงซะละม้างงงง~” หนุ่มขี้เล่นคนเดิมเอาศอกกระทุ้งเพื่อนของตนที่เอาแต่นิ่งนิ่ง อ้าปากค้าง นานนับนาทีจึงหลุดปากออกมา
“DAYLIGHT & THE SUNSHINE BAND ชื่อนี้มึงคิดว่าไงไอ้ตี๋”
................................................................
“เดย์ ไง.....ไม่เจอกันซะนานเลยนะ” น้ำเสียงอ่อนแรงสิ้นหวังเอ่ยรั้งร่างสูงโปร่งที่เดินผ่านเอาไว้ได้สำเร็จ
คนตรงหน้าเดย์เป็นผู้ชายในชุดนักศึกษาที่ขอบตาเขียวคล้ำราวกับอดนอนมาหลายวัน หนวดเครารกครึ้มปิดบังใบหน้าที่เคยหล่อเหลา ผมตรงกลางศรีษะเริ่มบางลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายที่เคยบึกบึนด้วยมัดกล้าม บัดนี้กลายเป็นอ้วนฉุ แต่ก็ยังดูโทรมอยู่ดี
“เจ”
“เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย ตั้งหลายเรื่องแน่ะ ไปกินข้าวกับเรานะ เราเลี้ยงเอง”
เดย์ปราดตามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้ไม่ใช่การมองแบบดูถูกดูแคลน แต่แววตาที่ว่างเปล่านั่นก็ทำให้เจ็บปวดได้ไม่ต่างกัน
“ไปไม่ได้หรอกเจ เรามีนัดแล้ว”
“งั้นเหรอ ใครล่ะ? แฟนเดย์งั้นเหรอ......อ่ะ....โทษทีนะ เราไม่มีสิทธิ์ถามใช่มั้ย”
“คนที่เรารักเค้า แล้วเค้าก็รักเรา”
“งั้นเหรอ ดีใจด้วยนะที่เดย์ได้เจอผู้ชายดีดีที่เหมาะสมกับเดย์”
“ไม่ใช่ผู้ชายหรอก เราหมายถึงยายของเราน่ะ เย็นนี้ยายทำของโปรดเอาไว้ให้เรา”
คำตอบนั้น ก่อให้เกิดประกายแห่งความหวังสว่างวูบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่ใช่เดย์จริง ๆ เหรอ?....ชายหนุ่มตั้งคำถาม คน ๆ นี้ดูมั่นใจแล้วก็สง่างามเหมือนกับราชินีน้ำแข็ง ใบหน้าขาวซีดปราศจากเครื่องสำอางนั่นก้ดู ‘สวย’ แบบเยือกเย็น.........
และเย็นชา
“เดย์เราอยากจะขอโทษ”
“เรื่อง?”
“ทุกเรื่องที่เราทำไม่ดีกับเดย์ เราเสียใจ เรารู้ว่ามันช้าไปที่จะขอโทษ เรารู้ว่าเดย์เจ็บมาก เราเข้าใจแล้ว เราอยากให้เดย์ยกโทษให้เรา เรายอมทำทุกอย่าง ถึงเดย์จะไม่ยอมให้อภัยเราก็ตาม”
“ทุกอย่างงั้นเรหอ”
ร่างโปร่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน จนอีกฝ่ายรู้สึกเต็มตื้นด้วยความหวัง ความหวังว่าความรู้สึกผิดทั้งมวลจะถูกปลดเปลื้องออกจากอก บาปทั้งหลายที่ทำเอาไว้จะได้รับการอภัย...
“เราอยากให้เจรู้สึกผิด แล้วก็อยู่กับมันต่อไป ขอให้รู้เอาไว้ว่าเราไม่มีวันที่จะยกโทษให้ อยู่กับมันไปไปอย่างนั้น แม้ว่าเจจะตายไปแล้วก็อย่าหวังว่าเราจะอโหสิให้ ไม่มีวัน”
ชายหนุ่มรู้สึกชาไปทั้งร่าง.....นี่สินะผลของการกระทำ เราสมควรได้รับมันแล้ว....
“แล้วก็อีกอย่างนะ ถ้าเจคิดที่จะไถ่โทษจริง ๆ เราขอให้เจหายออกไปจากชีวิตเราซะ เหมือนที่เราหายไปจากชีวิตของเจ คิดซะว่าเราเป็นคนแปลกหน้าต่อกันก็แล้วกันนะ ทำได้มั้ย”
“เดย์.......”
“เราก็ไม่รู้นะว่าเจรู้สึกผิดจริง ๆ รึเปล่า แต่ถ้าเจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆก็ช่างมันเถอะ มันก็ไม่ได้มีค่ากับชีวิตเราซักเท่าไหร่หรอก”
เดย์หันหลังเตรียมจะเดินออกมา แต่ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบปล่อยลงทันทีเมื่อหันมาสบกับสายตารังเกียจขยะแขยงอย่างเห็นได้ชัด
“เดย์คงอยากจะแก้แค้นเราสินะ งั้นก็เอาสิ ลงโทษเราเลย จนกว่าเดย์จะสาแก่ใจ อยากจะพูดจาดูถูกเหยียบย่ำ หรืออยากจะชกหน้าเราซักเปรี้ยงก็เอา”
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอเจ.....”
ร่างสูงโปร่งยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู…..ของชายผู้ซึ่งบัดนี้เป็นแค่คนรู้จัก และกำลังจะกลายเป็นคนซึ่งแปลกหน้าต่อกัน
“การแก้แค้นที่สาสมที่สุด คือปล่อยให้ศัตรูของเรา รู้สึกผิดไปจนวันตายยังไงล่ะ”
ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่ยืนมองร่างสูงโปร่งเดินจากไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย....
ผีเสื้อที่สวยงามที่สุดเท่าที่ชีวิตของชายหนุ่มคนหนึ่งจะเคยพานพบ กำลังบินหนีจากไป
สูงขึ้น
สูงขึ้น
END
..................................
แถมท้ายอีกนิด
“มึง ๆ”
“อะไรวะไอ้ตี๋”
“อ่ะนี่ เด็ดโครต”
แผ่นดีวีดีในซองพลาสติกถูกยื่นส่งให้ชายคนหนึ่งซึ่งรับมาดูอย่างงง ๆ
“อะไรวะตี๋”
“คลิปหลุดเด็กมอเรา น้องพีทไงมึงคนที่น่ารัก ๆ คณะเดียวกับไอ้น้องเดย์น่ะ สวิงกิ้งกับผู้ชายตั้งห้าคน กูดูแล้ว ซี๊ดโครต ว่าวไปสามรอบ มึงสนมั้ยกูให้ยืม”
“เอาเหอะมึง......กูไม่ชอบแนว ๆ นี้ว่ะ”
END จริง ๆ ไม่ตกไม่หล่น ได้รับผลกรรมกันทั่วถึง