ตอนพิเศษ ที่หนึ่งไม่ไหว (หลิน+เล้ง)ตรงใจผมทุกอย่าง ทั้งรูปร่างและหน้าตา...เห็นครั้งแรกก็บอกกับตัวเองในใจว่า...ต้องคว้ามาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีใคร หรือต่อให้ผมจะไม่ได้หัวใจของเขามา...มันก็ไม่เป็นไร
ใช่...ไม่เป็นไร
“แมวเหมียว กินข้าวรึยัง หืม ทำไมยังไม่กินล่ะ ให้ไปรับไหม ไม่ต้องงอแงเลยนะ ไม่กินเดี๋ยวก็ปวดท้องอีกหรอก”
แม้เขาจะใช้น้ำเสียงห่วงใยกับคนที่เขารักในขณะที่ผมยังนอนกอดเขาไว้...ผมก็ไม่เป็นไรทั้งนั้น
“แต่งตัวรอเลย เดี๋ยวไปรับ วางก่อนนะ ใกล้ถึงแล้วจะโทรหา”
ผมยังคงแกล้งหลับตาและกอดตัวเขาไว้แน่น ต่อให้ได้ยินว่าเขากำลังจะไป ผมก็จะไม่ยอมปล่อย ผมจะแกล้งหูหนวกตาบอดอย่างนี้...ไม่ยอมหรอก...ผมไม่ให้ไปเด็ดขาด
“ถ้าตื่นแล้วก็ปล่อยกู”
“...”
“เล้ง กูรู้ว่ามึงไม่ได้หลับ ปล่อยกู กูมีธุระ”
“ไม่”
ผมยอมลืมตาเพื่อจะได้มองรูปหน้าของคนที่ผมกำลังหลงใหล จากความสัมพันธ์ทางกายในคืนเดียวแปรเปลี่ยนมาเป็นความอยากได้อยากครอบครอง ผมไม่รู้ว่าหลินคิดยังไงกับเรื่องของเรา เขายอมนอนกับผมทุกครั้งที่ผมต้องการ แต่ไม่เคยยอมทำอะไรเหมือนที่เขาทำให้คนที่ชื่อแมวเลย เขาไม่เคยจูบผม แม้ผมจะอ้อนวอนยังไงก็ไม่เคยได้สัมผัสที่ต้องการนั้นกลับมา แม้ในตอนที่มีเซ็กส์ ชื่อที่เขาเปล่งเสียงออกมายามที่ฉีดน้ำสีขาวขุ่นเข้ามาในตัวผมก็ยังไม่ใช่ชื่อของผมอยู่ดี ซึ่งผมไม่ได้สนใจหรอก ตราบใดที่ยังคงได้กอดเขา...ผมไม่สนทั้งนั้นว่าเขาจะเห็นผมเป็นตัวแทนของใคร
“มึงบอกว่าคืนนี้จะค้างกับกู มึงรับปากแล้วหลิน แล้วทำไมตอนนี้ถึงจะไป”
“กูมีธุระ”
“กูไม่สนธุระของมึง กูสนแต่เรื่องที่มึงรับปากไว้แล้ว แต่กำลังจะผิดคำพูด”
เพราะรู้ว่าธุระที่ว่านั่นคืออะไร ผมถึงไม่อยากให้ไป
“มึงก็รับปากแล้วว่าจะไม่ทำตัวน่ารำคาญ ปล่อย!”
ผมไม่ได้สะทกสะท้านกับเสียงตวาดนั่นเลย ยังคงกอดเอวเขาไว้แน่น ก่อนจะจงใจให้หน้าขาเสียดสีกับส่วนกลางลำตัวของเขา
“กูไม่ให้ไป เพราะคนที่มึงควรสนใจคือกูที่เป็นเมีย ไม่ใช่คนที่เขาทิ้งมึงกลับไปหาผัวเก่า”
“ถ้ามึงยังไม่หยุดพูด กูจะตบให้เลือดกลบปาก”
ผมยิ้มเยาะ มองดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะของคนตรงหน้าอย่างท้าทาย “ลีลามันดีขนาดที่มึงติดใจรึไง ถึงได้ยังไม่ลืม กูว่ากูก็เจ๋งพอตัวนะ หรือมึงชอบแบบนุ่มนิ่ม ออดอ้อนดัดจริตแบบ...”
เพียะ!
แก้มซีกซ้ายชาไปทั้งซีก ผมดุ้นลิ้นกับจุดที่ถูกฟันกระทบจนเลือดซึม ก่อนจะส่งยิ้มไปให้หลินที่ยังคงไม่ลดความโกรธลง
“แมวไม่ได้ง่ายเหมือนมึง! แล้วก็ไม่ต้องยกตัวเองขึ้นเป็นเมียกู กับคนที่ผ่านผู้ชายมาเยอะอย่างมึง ยังกล้าใช้คำนี้อีกเหรอวะ กูเป็นผัวคนที่เท่าไหร่ล่ะ มึงนับนิ้วหมดไหม หรือต้องยืมนิ้วกูไปนับด้วย”
ทั้งสายตาเหยียดหยามทั้งรอยยิ้มเยาะหยัน ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลย... มันไม่แปลกหรอกที่จะถูกมองว่าง่าย ก็ในเมื่อเขาก็ได้ตัวผมแค่ในคืนแรกที่เราเจอกันจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไม...ภายในอกถึงทั้งจุกและปวดไปหมด
“ปล่อยได้แล้ว” หลินยังคงยืนยันความต้องการของตัวเอง ในขณะที่ผมก็ยังยึดตัวเขาไว้เช่นกัน
ทำยังไงถึงจะได้รับความห่วงใยบ้าง...ผมก็ไม่รู้ เราแค่เจอกันเพราะความใคร่ ไม่ใช่เพราะความห่วงใยเหมือนที่เขากำลังจะไปเจอกับใครอีกคน เขาไม่ถามผมด้วยซ้ำว่าวันนี้ได้กินอะไรหรือยัง ชีวิตของผมผ่านไปได้ดีไหมในวันนี้ หรือแม้กระทั่งจะเห็นรอยน้ำร้อนลวกที่มือซ้ายฝีมือแฟนใหม่ของแฟนเก่าผมเป็นคนทำไว้ในตอนกลางวัน เขาก็ไม่ถามอะไรเลย
มันคงดี...ถ้าผมจะได้รับความรู้สึกดีๆ จากเขาบ้าง...ไม่ใช่แค่ความรู้สึกต้องการของร่างกาย
“มึงฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมเล้ง!”
“กูไม่ให้ไป ไม่ให้ไป ไม่ให้ไป! เข้าใจไหม!”
“ไอ้...” หลินพูดแค่นั้นก็หยุดพูดไปฉับพลัน ก่อนมือจะเปลี่ยนมารั้งสะโพกของผมที่กำลังขยับลงครอบครองแก่นกายของเขาไว้
“อย่าไปเลยนะหลิน กูต้องการมึง อยู่ข้างๆ กูได้ไหม อย่าไปหาคนอื่นเลย”
หลินมองหน้าผม ใบหน้าเหยเกเล็กน้อยเมื่อถูกช่องทางด้านหลังของผมรัดแน่น เขาซี้ดปากครางเสียงต่ำลากยาว ผมร่อนสะโพกพร้อมกับขยับขึ้นลงช้าๆ ลากขึ้นจนสุดความยาว แล้วลงต่ำจนไม่เหลือช่องว่างให้ได้เห็น
“อยากให้กูอยู่ข้างๆ ก็อย่ามาทำตัวงี่เง่าใส่กู กูไม่ชอบ” หลินตอบกลับเสียงต่ำ สองมือจับเอวผมให้โยกขึ้นลงตามจังหวะที่ตัวเองต้องการ
“ก็มึง...”
“อย่าล้ำเส้น อยู่ในที่ของมึงไป ถ้ายังอยากมีกูอยู่”
ชงโคบอกว่าหลินเป็นคนดี ผมก็ไม่คิดว่าชงโคโกหก แต่เพราะคนทุกคนก็คงไม่ได้เลือกจะทำดีกับทุกๆ คน ผมรู้ในความจริงข้อนี้ดี เพราะในตระกูลของผม อาม่าก็ไม่ได้รักหลานคนอื่นมากไปกว่าเฮียทองเลย ผมรู้ว่าหลินอยู่กับผมเพื่ออะไร รู้ว่าเขาอยากทำให้ใครอีกคนเชื่อว่าที่เขายอมเลิกให้เพราะเขารักคนอื่นไปแล้ว ก็แค่อยากให้คนๆ นั้นสบายใจ เขาถึงทำเป็นยิ้มแล้วพูดว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่ช่วงแรกๆ เขาดื่มหนักทุกวัน แต่นั่นมันไม่จริงเลย ผมที่อยู่กับเขาเกือบตลอดเวลารู้ว่าหลินยังรักคนๆ นั้นอยู่ รักและห่วงใยอย่างที่ไม่เคยมีให้กับผม
“เล้ง อ้าขากว้างอีกหน่อย อืมมม ดี สีหน้าร่านๆ ของมึงนี่น่ามองตอนที่โดนเอาจริงๆ มีผัวคนไหนทำให้ถึงใจอย่างกูไหมวะ”
“มะ...ไม่มี อ๊าาาา หลิน หลิน...จูบกู...ขอร้อง...จูบกูที” แต่มันก็เหมือนทุกครั้งที่คำขอร้องของผมไม่ได้รับการตอบสนอง หลินทำเพียงแค่แค่นยิ้มแล้วเด้งสะโพกสวนรับกับจังหวะที่ผมกระแทกสะโพกตัวเองลงไป
“เล้ง...มึงนี่มัน...อ่าาา กูจะแตกแล้ว” เสียงของหลินสั่นพร่า เขากระแทกสวนขึ้นมารัวเร็ว จนในที่สุดก็ถอนแก่นกายออกจากตัวผมแล้วลุกขึ้นยืนให้แก่นกายของเขามาพ่นน้ำอยู่ในปากของผมแทน
“ดูดแรงจริงนะมึง ปล่อยก่อน กูจะไปอาบน้ำ ให้แมวรอนานแล้ว”
“แต่กูยังไม่เสร็จ...”
“มีมือมึงก็ทำเอง”
“โอเค”
ไม่เป็นไร...แค่นี้ผมก็ทำให้คนๆ นั้นเป็นฝ่ายรอหลินบ้างแล้ว แลกกับความสะใจนี้ ผมยอมให้เขามองมาด้วยสายตาดูแคลน
หลินลงจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ในขณะที่ผมก็ล้มตัวลงนอนอย่างหมดเรี่ยวแรง แม้ความรู้สึกค้างๆ คาๆ จะทำให้หงุดหงิด แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์ช่วยตัวเองหรอกตอนนี้... เพราะความรู้สึกแย่มีมากกว่าความใคร่เสียอีก
“เดี๋ยวกูกลับมา” หลินคงอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมได้ยินแต่เสียงเพราะตอนนี้กำลังนอนคลุมโปง
“อืม”
“จะให้กูซื้อถุงยางมาเพิ่มไหมล่ะ เล่นสดไปสองรอบแล้วด้วย กูกลัวติดโรค”
ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ติดที่ว่ามันหัวเราะไม่ออก
“ไม่ต้องหรอก คืนนี้มึงไม่ต้องกลับมาก็ได้ กูเหนื่อย อยากนอน”
“เอางั้นเหรอ”
“อืม”
“งั้นไว้คราวหน้าละกัน มึงอยากเมื่อไหร่ก็โทรมา”
“อืม”
ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ผมดึงผ้าห่มออก เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้กลับหลุดออกมา ผมยังคงโอเค ไม่เป็นไรเลยจริงๆ
ครืดดดดด ครืดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ใต้หมอนทำให้ผมต้องรีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม กระแอมเสียงให้เป็นปกติแล้วรีบกดรับสาย
“ครับม๊า”
(ลื้ออยู่ไหนอาเล้ง พรุ่งนี้ลื้อไม่มีเรียนไม่ใช่รึไง ทำไมไม่กลับมานอนที่บ้าน)
“อั๊วอยู่คอนโด วันนี้เหนื่อย เลยขับกลับไม่ไหว”
(อย่างลื้อนี่รู้จักเหนื่อยด้วยเหรอ อั๊วเห็นขยันเที่ยวเกือบทุกคืน)
“อย่าเพิ่งบ่นน่าม๊า อั๊วปวดหัวนะ”
(ก็ได้ๆ ไม่สบายก็กินยาแล้วก็นอนพัก ถ้าไม่ไหวก็โทรมา ม๊าจะให้คนไปรับ)
“ครับ”
(แล้วพรุ่งนี้ก็ตื่นมาให้ทันทานข้าวเช้าด้วย ไปให้อากงกับอาม่าเห็นหน้าบ้าง ท่านจะได้ไม่ว่าลื้อเหลวไหลอีก)
“โอเคครับม๊า อั๊วนอนแล้วนะ พรุ่งนี้เช้าก็ให้คนมารับอั๊วด้วยละกัน อั๊วขี้เกียจขับรถกลับ”
(ได้ๆ ม๊าวางละ)
ม๊าก็แค่จะโทรมาเรื่องเอาใจอากงกับอาม่า ไม่ได้นึกอยากให้ผมกลับบ้านเท่าไหร่หรอก แต่ม๊าน่าจะรู้ได้แล้วนะว่า ต่อให้ผมทำดียังไง ก็สู้เฮียทองไม่ได้อยู่ดี มีแต่ทำอะไรไปก็ไม่ถูกใจ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่ผมไม่ได้โดดเด่นหรือเป็นที่ต้องการของใคร ผมถึงได้อยากเป็นที่ต้องการของใครสักครั้ง แต่ก็เท่านั้น...มันเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ
ผมไม่เคยสมหวังในความรัก ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากหยุดที่ใคร แต่ไม่มีใครอยากที่จะหยุดอยู่กับคนอย่างผม ผมควงใครไม่ซ้ำหน้า แต่ก็ไม่ได้นอนกับพวกเขาทุกคน หลินเป็นคนที่สองที่ผมยอมนอนด้วย คนแรกก็คือแฟนเก่าที่เป็นรักแรกของผม แต่ก็เป็นแฟนเก่าที่ผมไม่ได้ห่วงหาอาลัยอาวรณ์อะไร อาจจะเพราะตาสว่างมากขึ้น ถึงได้เข้าใจว่าทำไมอาม่าถึงบังคับให้เลิก เมื่อก่อนผมมันเด็กน้อยที่แค่รุ่นพี่รูปหล่อมาจีบก็หลงคารมณ์ไปกับเขา มันเป็นความรักสมัยมัธยมที่โง่งมซะจริงๆ แม้เขาจะหลอกเอาเงินของผมไปซื้อยามาเสพ ผมก็ยังยอมให้ จนสุดท้ายที่ไอ้ระยำนั่นมันขับรถชนแม่ของเดซี่ตาย ผมจึงได้หลุดพ้นจากมัน
ส่วนหลิน...ก็อาจจะยังไม่ใช่คนที่จะมาเติมเต็มผมได้...ในเมื่อเขาไม่ได้ต้องการผมเลย ผมรู้ว่าผมควรยอมแพ้เหมือนๆ กับที่ผมเคยบอกให้หลินยอมแพ้กับเรื่องของแมว แต่เพราะผมเริ่มนับหนึ่งไปแล้ว...ก็อยากจะนับไปจนกว่าจะนับไม่ไหว ผมถึงจะยอมแพ้แล้วไปจากเขาเอง ซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่เป็นไร นับจากวันแรกที่ได้เจอ เขาตรงใจทุกอย่าง แต่ยังไม่ได้ทำให้ผมเรียกมันว่าความรักได้ ผมยังคงโอเคหากว่าจะถูกเขาจะมองผมเป็นตัวแทนของคนอื่น ทว่า...มันกลับเริ่มไม่โอเคขึ้นเรื่อยๆ คำว่าไม่เป็นไรของผม พูดได้ไม่เต็มปากเข้าไปทุกที
มันเจ็บ...มันปวดขึ้นทุกที ทั้งๆ ที่ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าได้ตกหลุมรักหลินไปรึยัง...หรือมันจะเป็นแค่ความท้าทายคล้ายๆ กับการเล่นเกม ที่เมื่อเริ่มเล่นก็เริ่มคาดหวังว่าจะชนะ และเมื่อเริ่มเห็นวี่แววว่าจะแพ้ก็รู้สึกผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้นตอนนี้ผมก็ทำได้เพียงแค่ภาวนาให้เป็นอย่างหลัง...ผมคงไม่ได้ตกหลุมรักหลินขึ้นมาจริงๆ มันคงเป็นแค่ความรู้สึกอยากเอาชนะความไม่แยแสนั่น...ก็เท่านั้น
เพราะถ้าผมเกิดตกหลุมรักหลินขึ้นมา...มันจะไม่เกิดผลดีอะไรกับผมเลย ในเมื่อเขา...จะไม่มีวันรักผม
.
.
.
“นังเล้งงงงงงงงงงงงง ฮาวอาร์ยูวววววววววววววว” เสียงของชะนีเปิ้ลกำลังทำให้แก้วหูของผมสั่นสะเทือน นางเกิดมาเพื่อเป็นชะนีโดยเฉพาะ วัดจากความดัดจริตและความเข้มข้นของเสียงที่ปล่อยออกมา มันสามารถทำลายล้างมนุษย์เพศผู้ให้ดับดิ้นได้ เพราะฉะนั้นถึงไม่มีชายใดมาสอยให้ตกจากคานไปเลยสักคน
“ฟายยยยย เอาหน้าไปห่างๆ กู แล้วนี่คู่หูมึงไปไหน”
“ตกผู้ชายอยู่ที่ลานกิจกรรม”
“ชีวิตวันๆ ไม่คิดจะทำอะไร?”
“เหมือนมึงไง วันๆ เอาแต่ขึ้นขี่ผัว”
“ตบปากตัวเองสิบที กุลสตรีพูดไม่เพราะ”
“เอออออออออออ แล้วนังบิ้ว?”
“ไม่ได้อยู่กับมึงเหรอ”
“ไม่นะ ได้ยินนางบอกว่าจะมาพร้อมมึง”
บิ้วคงโกหกชะนีเปิ้ลอีกแหง มารถตำรวจก็ยอมรับว่ามากับรถตำรวจดิ ทำไมต้องเอาชื่อผมไปอ้างตลอด บิ้วเป็นน้องของชงโคที่อายุเท่ากัน ถึงจะบอกว่าน้องแต่ก็น้องแค่ไม่กี่เดือน แต่บิ้วกระแดะเรียกพี่ไงครับ บิ้วเรียนมหาลัยเดียวกับผม ตอนแรกไม่รู้จักกัน แต่พอชงโคมาดองกับตระกูลผม ก็เลยได้รู้จักกันไปด้วย ตอนนี้ก็อยู่กลุ่มเดียวกัน เที่ยวแรดด้วยกัน เคมีตรงกันเลยสนุก ไปไหนก็ไป เฮไหนเฮนั่น คือบิ้วก็แรงๆ เหมือนผม แต่ตอนนี้ดูจะซอฟท์ลงแล้วเพราะถูกพี่หมวดตั้มคุมเข้มสุดๆ
“โน่นนน มาละ หน้าเป็นตูดมาเลย นังบิ้วววว ทางนี้!!”
ชะนีเปิ้ลร้องเรียกพรรคพวกเข้ามารวมกลุ่มที่โต๊ะหน้าตึกคณะแพทย์อีกคน ที่จริงพวกผมไม่ได้เรียนอยู่คณะแพทย์หรอกครับ แต่เพราะตอนนี้ไอ้เมฆหรือนังเมเปิ้ล สาวประเภทสองหน้าสวยเพื่อนอีกคนของผมกำลังเข้าร่วมโครงการ อยากเป็นเมียหมอ พวกเราก็เลยต้องมารวมกันที่นี่ทุกเช้า ความจริงผมก็สนใจนะ เพราะแต่ละคนที่เรียนก็โปรไฟล์ดีๆ ทั้งนั้นครับ ค่าเทอมนักศึกษาแพทย์ของมหาลัยเอกชนไม่ใช่ถูกๆ นะครับ ผมเรียนเภสัชก็แทบแดดิ้นแล้ว เจอแพทย์เข้าไปนี่ม๊าคงบ่นหูชาทั้งวันถ้าหากไม่ตั้งใจเรียน
“เป็นไรหล่อน ผัวตำรวจไม่รีดน้ำตอนเช้าให้กินเหรอคะมึงขา”
“ปากมอมเชียวนะมึง ผัวห่าไรล่ะ ไม่ได้เป็นไรกัน”
“แต่มึงนี่อยากเป็นจนตัวสั่นล่ะสิท่า แล้วไหนพูดมา เขาทำร้ายจิตใจอะไรมึงอีก”
ถึงพวกเราจะไม่ได้พูดจาฉันๆ เธอๆ แต่ก็เป็นกลุ่มเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่องครับ นังเปิ้ลเห็นพูดจาแรงๆ อย่างนี้ แต่พอถึงคราวรบจริงๆ มันก็ลุยกับพวกผมแบบลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิง เคยมีเรื่องกับกลุ่มแฟนใหม่ของแฟนเก่าผม นางโดนถีบหน้าคว่ำคนแรกเลย แต่ก็ฮึดสู้ ผมล่ะนับถือน้ำใจ
“เมื่อคืนมันเอาผู้หญิงมานอนที่บ้าน”
“ผู้หญิง?” ผมเลิกคิ้ว แล้วตั้งคำถามกับหน้าตาหงุดหงิดของคนตรงหน้า
“เออ แฟนมัน ได้ยินอีผู้หญิงนั่นคุยเรื่องแต่งงานอะไรด้วย”
“อ้าว อย่างงี้มึงก็อดแดกแล้วค่ะดอก เขาจะแต่งงานแล้ว ตัดใจแล้วหาเป้าหมายใหม่ เริดกว่าค่ะ มึงดูนั่นสิคะ หล่อๆ รวยๆ แถมท่าทาง...ใหญ่กันทั้งนั้น เลือกเอาเลย!”
“จริงจังมั่งได้ป่ะอิเหี้ย” ผมยื่นมือไปตบหัวเปิ้ล ก่อนจะกลับมามองบิ้วที่เดี๋ยวก็ทำหน้าหงุดหงิด เดี๋ยวก็ซึม “แล้วพี่หมวดเขาตอบอะไรไหม หรือแค่ผู้หญิงเพ้อเจ้อไปเอง”
“ไม่ได้ยินว่าตอบอะไร แต่เขาก็เป็นแฟนกัน กูเห็นมันอยู่กับคนนี้บ่อยมากอ่ะ”
“สถานะน้องของมึงคงจะเนเวอร์เช้นแล้วล่ะ” เปิ้ลพูดพลางดูดน้ำแตงโมอย่างสบายใจ มันก็ไม่ได้ดูหน้าเพื่อนเลย ให้ตายเถอะ
“กูว่ากูควรตัดใจ คือกูไม่อยากทำอะไรแล้ว ไม่อยากเห็นหน้ามันด้วย กูไปอยู่คอนโดมึงได้ป่ะเล้ง”
“ได้ ถ้ามึงคิดดีแล้ว จะมาเมื่อไหร่ก็มา”
“ขอบใจ แล้วอย่าบอกพี่ชงโคนะมึง กูไม่อยากให้เป็นประเด็น”
“เออ”
ผมกับบิ้วต่างก็รู้ดีว่าชงโคเป็นคนยังไง ทั้งตรงทั้งแรง ยอมได้ก็ยอม แต่ส่วนใหญ่มันจะไม่ค่อยยอมน่ะสิ ถ้ารู้ว่าบิ้วจะย้ายออกจากบ้านมันได้ตามมาแหกอกถึงคอนโดผมแน่ เฮียทองยังจะกราบมันเช้าเย็นอยู่แล้ว คือชงโคมันไม่ได้ตุ้งติ้งไงครับ ตัวก็ไม่ได้ผอมบางร่างเล็กเหมือนพวกผม มันเตะต่อยเป็นด้วย เห็นมันทะเลาะกับเฮียทองครั้งล่าสุด อะไรอยู่ใกล้มือมันหยิบฟาดเลยนะ น่ากลัวมาก
“แล้วมึงอ่ะ”
“กูทำไม?”
“หลินไง”
“ก็ดี”
“จริงเหรอ!” คราวนี้ทั้งเปิ้ลทั้งบิ้วผสานเสียงกันขึ้นมา คำว่าก็ดีของผมมันไม่ได้หมายความว่าดีซะหน่อย...แค่เพราะผมไม่ชอบพูดออกมาว่ามันไม่ดีเท่านั้นล่ะครับ
“อืม”
“หลินแซ่บป่ะมึง กูได้ยินว่าเป็นเดือนถาปัตย์”
“ข่าวมั่วแล้ว หลินเป็นเดือนมหาลัย เรียนวิจิตรศิลป์ย่ะ” บิ้วตบหัวเปิ้ลไปหนึ่งที ก็ไม่รู้ว่าไปได้ข่าวมั่วจากใครมา
“อ้าวววเหรออออออออออ อีเมฆคาบข่าวมาผิดอีกแล้ว ทำกูหน้าแหกตลอด”
ผมกับบิ้วหัวเราะสะใจใส่หน้าเปิ้ลที่กำลังสาปส่งเมฆที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย แต่เห็นว่ากำลังเดินมาทางนี้แล้ว ยิ้มกริ่มมาเชียว
“แต่ข่าวที่ว่ารักสามเศร้ากับเพื่อนพี่ชายมึงอ่ะ เรื่องจริงป่ะ” เปิ้ลยังคงพูดต่อ ในขณะที่บิ้วพยักหน้ารับ
“จริง กับคนที่ชื่อแมว ก็ไม่ได้น่ารักเท่าไหร่หรอก แต่ได้ผู้ชายดีๆ ไปตั้งสองคน จากสายตากู กูว่าเล้งแซ่บกว่า แต่ก็อย่างว่า หมาตัวผู้มันชอบอะไรมุ้งมิ้ง” บิ้วทำหน้าแค้นเคือง แต่สาเหตุคงมาจากเรื่องอื่น อาจจะพาดพิงถึงพี่หมวดตั้มก็เป็นได้ เหอๆ
“เล้ง มึงต้องมุ้งมิ้งแล้วล่ะ แรงอย่างนี้คนดีๆ จะไม่เอามึงทำเมียนะคะดอก เสื้อกับกางเกงก็ไม่ต้องใส่ที่มันรัดรูป รู้ว่าขาเรียว แต่ไม่ต้องอวดมาก เห็นใจชะนีอย่างกูที่เดินข้างๆ มึงบ้าง”
“เหี้ยนี่ แดกเองอ้วนเองแล้วก็มาโทษกู มีขาเหมือนมีเสาตึก มึงอย่าเรียกตัวเองว่าชะนีเลยนะ แรดยังจะมุ้งมิ้งมากกว่า”
“อิเหี้ยยยยยเล้งงงงงงงงงงงงงงงงง”
เห็นเปิ้ลดีดดิ้นแล้วผมได้แต่หัวเราะสะใจ สักพักก็ได้แนวร่วมอย่างเมฆที่เป็นคู่หูคู่กัดกับเปิ้ลมาผสมโรงด้วย ว่าแต่ว่า...ถ้าผมเรียบร้อยกว่านี้...จะได้คนดีๆ อย่างที่ชงโคได้รึเปล่านะ
ที่จริง...ตั้งแต่ผมรู้รสนิยมตัวเอง ก็ตั้งเป้าไว้ว่าถ้าคบกับใครสักคนก็ขอให้ดีเหมือนเฮียทอง เพราะเฮียมีบรรยากาศรอบตัวที่พอได้อยู่ใกล้แล้วก็มีความสุข...ซึ่งผมเคยคิดว่าหลินก็มีบรรยากาศแบบนั้น...แต่ที่จริงแล้วบรรยากาศอบอุ่นน่ะ...เขามีให้กับคนที่เขารักและอยากอยู่ด้วยต่างหากล่ะ ไม่ใช่กับคนอย่างผม
“เล้ง...กับหลินน่ะ ก็ดีจริงๆ เหรอวะ” จู่ๆ บิ้วก็ย้ายตัวมานั่งข้างๆ แถมยังตั้งคำถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“หืม?”
“ก็สีหน้ามึงมันไม่ได้เหมือนคนกำลังมีความรักเลยนี่หว่า”
“ทำมารู้ดี”
“จะไม่รู้ได้ไงวะ ก็สีหน้าเหมือนกับกูตอนส่องกระจก”
“ถึงมันจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้อกหักแบบมึงหรอกน่า”
“เออ เหี้ยนี่ กูไม่น่าถาม”
“ฮ่าๆๆๆ”
เห็นบิ้วทำหน้าหงุดหงิดแล้วผมก็ล็อคคอมันเข้ามาใกล้แล้วขยี้หัวไปแรงๆ “ขอบใจที่ห่วง แต่กูยังโอเค”
“อืม”
“มึงงงงงงง โมเม้นนี้คืออะไรคะ ตอบกูด่วนค่ะอิเมฆฆฆฆฆฆ”
“คณะดนตรีไทยโชว์โซโล่ตีฉิ่งค่ะมึงขา”
ผมกำลังคิดว่า ควรตัดสินใจเลิกคบกับพวกบ้าสองตัวนี้แล้วล่ะ -_-
.
.
.
“เข้ามาเร็วๆ หลิน กูอยาก... ได้โปรด...”
ร้องขอ...ต้องร้องขอเท่านั้นถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ หลินไม่เคยตามใจผม ไม่เคยให้ในสิ่งที่ผมบอกว่าอยากได้ ไม่ว่าผมต้องการอะไร ผมต้องไขว่คว้ามันเอง และจนกระทั่งตอนนี้...ก็ยังไม่เคยได้จูบกับเขา แม้จะถูกริมฝีปากของเขาสัมผัสไปทั่วทั้งตัว แต่ก็มีเพียงแค่ริมฝีปากเท่านั้น...ที่เขาเลี่ยงจะสัมผัส
“คืนนี้อยู่กับกูนะ” ผมบอกพร้อมกับกัดฟันแน่นเมื่อถูกแรงกระแทกจากข้างหลัง สองมือขยำผ้าปูเตียงจนยับ “อยู่กับกูนะหลิน”
“อืม”
แค่คำว่าอืมสั้นๆ ก็ทำให้ผมดีใจจนแทบบ้า บ่อยครั้งที่แค่ทำเสร็จหลินก็จะกลับไป ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดหลังจากที่เราแตะถึงสวรรค์ด้วยกัน ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ระหว่างเรา
ในระหว่างที่ผมกำลังมัวเมาไปกับสัมผัสของหลิน เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นเสียงเพลงที่ตั้งไว้เฉพาะคนที่เขารักเท่านั้น ผมจำได้...จำได้ดีเลยว่าสายนี้มาจากใคร
“รับ แล้วก็เปิดลำโพงให้กู ส่วนมึงอยู่เงียบๆ”
ผมทำตาม เพราะไม่อยากให้หลินหงุดหงิด ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันผมไม่อยากให้เราทะเลาะกันเพราะความสัมพันธ์ที่เปราะบางนี้...มันคงจะพังลงได้ง่ายๆ หลินคงไม่แคร์เลยหากว่าจะเลิกติดต่อกับผม แต่สำหรับผม...มันไม่ใช่
(หลินนนน แมวมากินข้าวกับชงโค หลินจะมาด้วยกันไหมจ้ะ)
ผมกัดแขนตัวเองเพื่อกลั้นเสียงคราง ในขณะที่หลินขยับเข้าออกเนิบนาบอย่างไม่รีบร้อน
“ตอนนี้เหรอ”
(ใช่จ้า ชงโคบอกว่าไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว วันนี้ชงโคว่างพอดี หลินจะมารึเปล่า)
“อืม ที่ไหนล่ะ ไกลไหม แล้วแมวเหมียวไปกับใคร”
(ชงโคมารับจ้า ไม่ไกลหรอก อยู่หลังมออ่ะ หลินมานะๆ เดี๋ยวแมวจะคอลไลน์ไปหาโบด้วยล่ะ พวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งไง)
“โอ๊ะ!” ผมหลุดเสียงอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อหลินกระแทกเข้ามาแรงๆ แล้วก็หยุดอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่เห็นสีหน้าเจ็บปวดของเขาแล้ว...ผมควรทำยังไงดี
“อีกครึ่งชั่วโมงนะ แล้วเจอกัน”
(จ้า แมวกับชงโคอยู่ร้านเดิมน้า)
“ครับ”
ปลายสายกดวางไปแล้ว หลินจึงเริ่มขยับเอวต่อ ผมมองเขา ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาที่จ้องมองมา
“คืนนี้ไม่ต้องกลับมาหรอกนะ” ผมบอกพลางพลิกตัวตามการชักนำของหลิน เขาไม่ได้พูดอะไร แต่โน้มตัวลงมาใกล้แล้วดูดเบาๆ ลงบนซอกคอของผม
“บอกแล้วไงว่าอย่าทำรอย”
“ทำไม มึงกลัวใครจะเห็น?”
“เปล่า”
หลินหยุดขยับ ยกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นพาดไหล่ แล้วดันเอวเข้ามาจนชิด คราวนี้ลึกจนผมเผลอกัดแขนตัวเองด้วยความเสียว
“คืนนี้ยังไม่ต้องนอน รอกูก่อน”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา เดี๋ยวกูก็จะไปเที่ยวกับเพื่อน”
“เพื่อนคนไหน”
“...”
“มึงไม่ได้นัดใครไว้วันนี้ กูรู้ดีเล้ง เพราะงั้นไม่ต้องไป เดี๋ยวกูก็กลับมา”
“ยังไงก็เถอะ มึงรีบๆ ทำให้เสร็จ”
“รีบเหี้ยไรของมึง”
“มึงต่างหากที่ควรรีบ มึงมีนัดสำคัญไม่ใช่ไง กับเมียเก่ามึง...”
“มึงหยุดพูด ถ้ายังอยากเห็นหน้ากู มึงห้ามพูดถึงแมวอย่างนี้อีก”
มันคงจะดีถ้าคำพูดพวกนี้...จะไม่ทำให้ผมเจ็บ แต่ผมรู้ว่าที่ผมเป็นอย่างนี้...ผมรนหาที่เอง
คนรักที่ผมอยากจะเจอ...คงไม่มีวันมีอยู่จริง
................................................End Special.........................................................
หลินเล้งมาเป็นคู่แรก คิดถึงกันไหมคะะะะะ คิดถึงไหม -O-; โอ้เย้ ขอบคุณพี่ โมดุฯ ที่ย้ายเข้ามาในห้องนิยายจบแล้วค่ะ
ปล. -..- เล้งกับชงโคใครแซ่บกว่ากัน ตอบบบ เดี๋ยวให้บิ้วมาท้าชิงนะ
http://ask.fm/TCHONG_K << นี่คือ ask นี่แหละ ask++