ภาค 13 New Partner
ฉันทัชตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสดใสทีเดียว เมื่อวานหลังจากมื้อเย็นเขาก็หลับเป็นตาย โดยไร้การรบกวนจากทุกคน นั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาบอกทุกคนให้มาเจอกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพราะก้องภพจะให้คนมารับพวกเขาจากที่นี่ไปส่งอีกโรงแรมหนึ่ง
“สวัสดีครับ พี่ก้อง” เมื่อรถยนต์มาส่งถึงปลายทาง ปาณัสม์ก็เห็นก้องภพมายืนรอรับเขาอยู่แล้ว
“สวัสดี ปาล เมื่อวานเรียบร้อยดีนะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปรับพวกคุณที่สนามบิน ผมปลีกตัวจากประธานหลี่ไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว” ปาณัสม์บอกอย่างนอบน้อม จะอย่างไรอีกฝ่ายก็มีอายุมากกว่าเขาและยังคอยช่วยแนะนำเรื่องธุรกิจให้เขาอีกด้วย
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ประธานหลี่คงรอพวกเราอยู่แล้ว”
...
การเซ็นสัญญาวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไร้อุปสรรค ปาณัสม์เป็นนามตัวแทนของบริษัทพี ฟู้ดร่วมลงทุนกับบริษัทซิลเวเนีย ไดมอนของก้องภพ และสองบริษัทนี้ยังทำสัญญาร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของทางฮ่องกงอย่างท่านประธานหลี่ ทำให้มีสื่อจากหลายสำนักมาร่วมกันทำข่าว คาดว่าวันพรุ่งนี้หรือไม่วันนี้ในช่วงบ่าย ต้องมีพาดหัวข่าวเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย
“เฮ้อ อึดอัดจัง” ฉันทัชอมยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงคนข้างตัวเปรยขึ้น ชายหนุ่มหน้าใสลูกชายคนเล็กของประธานหลี่ แต่ไฉนถึงมายืนข้างฉันทัชได้
“คุณดึงไทแน่นเกินไปหรือเปล่า” ฉันทัชเหลือบมองจึงเห็นว่าเป็นไปอย่างที่เขาคาดเดา เขาจึงหันไปทางด้านข้างเพื่อปรับดึงไทของคนบ่นให้หลวมขึ้นเล็กน้อย
“อ่า...ถ้าผมมีคุณคอยมาดูแลให้ทุกวันก็คงจะดี” คุณชายหลี่พูดภาษาแม่ตามความเคยชิน พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนฉันทัชต้องแสร้งเบี่ยงตัวหลบอย่างแนบเนียน
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ฉันทัชหัวเราะเสียงเบา
“ทุกวันนี้นะ นึกแล้วผมยังเสียดาย ถ้าวันที่เจอคุณครั้งแรก แล้วคุณยอมไปต่อกับผม เชื่อไหม ผมจะต้องจับคุณมัดไว้แล้วไม่มีทางปล่อยให้คุณหลุดมือไปได้แน่ๆ”
“ผมไม่อยากถูกขัง”
“ไม่ได้ขังสักหน่อย ก็แค่อยู่กับผมตลอดไปเท่านั้นเอง”
“ไม่เอาหรอกครับคุณชายหลี่ ผมไม่อยากถูกขังอีก” เจ้าตัวแสร้งพูดติดตลก แต่คำพูดของฉันทัชสะกิดต่อมอยากรู้ในใจของคนฟัง แม้ว่าคุณชายหลี่จะสงสัยในคำพูดนั้นแต่ก็ไม่อยากถามอีกฝ่ายในช่วงเวลาและบรรยากาศแบบนี้
“วันนี้ตอนเย็นไปร้านนั้นกับผมนะ” คุณชายหลี่เล่นปลายนิ้วของฉันทัชเบาๆ
“ผมมาทำงาน คงไม่สะดวก”
“ทำไมล่ะ” คุณชายคนเล็กของตระกูลมักไม่เคยชินกับการถูกปฏิเสธสักเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะขออะไรหรือบอกอะไร คนรอบข้างก็มักจะทำให้เขาทันที ไม่ปล่อยให้เขาต้องคลุ้มคลั่งเหมือนการ กระทำของคนนี้
“ในเมื่อคุณเลิกงานแล้ว คุณก็ย่อมมีสิทธิ์ใช้เวลาส่วนตัวนี่” คนอ่อนวัยกว่าแย้ง
“เอาแต่ใจจริงๆ ถ้างั้น เดี๋ยวผมบอกคุณอีกทีแต่ไม่รับปากนะครับ” ฉันทัชบอกอย่างเอ็นดู จะว่าไปปกติแล้ว เขาไม่ชอบคนที่มาคอยตื๊อสักเท่าไหร่ แต่คุณชายหลี่หรือเดวิดคนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เป็นชายหนุ่มที่อารมณ์ดีที่ทำให้เขาเบิกบานได้เสมอ
ท่ามกลางการพูดคุยของคนสองคนแต่ทว่าไม่อาจเล็ดรอดจากสายตาของใครอีกคนหรือสักสองคนหรือสามคนตรงนั้นไปได้ ด้วยเพราะพิธีการมันเสร็จสิ้นไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดคุย ผ่อนคลายตามอัธยาศัย แต่ก้องภพ ปาณัสม์ และชัดเจนก็เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอย่างเต็มเปา
ก้องภพนั้นพอรู้อยู่แล้วว่าคุณชายหลี่นั้นดูจะถูกอกถูกใจเลขาของเขาเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็น่าแปลกใจ สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน ท่าทีของฉันทัชที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นค่อนข้างเรียบเฉย แต่ไม่ได้ปฏิเสธหรือรำคาญ ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจอีกฝ่ายเรื่องงานหรือจากความรู้สึกส่วนตัว
รูปที่เขาถ่ายมาได้ จะทำอย่างไรดีนะ ก้องภพยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายก่อนจะส่งรูปนี้ไปให้คนที่เขาคิดว่าสนิทที่สุดในตอนนี้
สาบานเถิดว่า เขาไม่ใช่คนที่ชอบวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของใคร หากไม่ได้ต้องการจะหาโอกาสคุยกับอินทัช
ชัดเจน เป็นอีกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ชายหนุ่มจ้องมองสองคนนั้นเขม็งโดยไม่ละสายตาไปไหน ทำไมคนนั้นถึงดูมีท่าทีที่สนิทกับฉันทัชมากเป็นพิเศษ ชัดเจนหรี่ตาลง หรือว่าสาเหตุที่ฉันทัชเลือกปฏิเสธเขาเพราะจริงๆ แล้ว ฉันทัชมีคนที่กำลังคุยอยู่ นั่นก็คือคนนี้ หลี่หยางเซิง บุตรชายคนเล็กของท่านประธานหลี่
เวลานี้ฉันทัชเหมือนยิ่งไกลจากมือของชัดเจนไปอีก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเฝ้าทุ่มเท เอาใจ คอยดูแลอีกฝ่ายไม่ห่าง แต่กระนั้นฉันทัชก็ไม่เคยแม้แต่จะอ่อนไหวหรือเปิดใจรับเขาเข้าไปอยู่ในห้องว่างของหัวใจบ้างเลย
ชัดเจนไม่อยากแพ้ เขารอมานาน รอตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นของปาณัสม์ เขามาก่อนเด็กนั่นอีกไม่ใช่หรือ ทำไมฉันทัชจึงไม่มองมาที่เขาบ้าง ชัดเจนคิดด้วยความน้อยใจ ดวงตายาวรียังจับจ้องไปที่คนคู่นั่นไม่เปลี่ยนแปลง
โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำสายตาแบบไหนออกไป
บุคคลสุดท้ายที่เห็นเหตุการณ์ประหนึ่งคู่รักกำลังคุยกันกะหนุงกะหนิง คงหนีไม่พ้นปาณัสม์ เขาประกาศตรงนี้ได้เลยว่าถ้าฉันทัชยังคบกับเขาอยู่ ไม่มีทางเสียหรอกที่เด็กหน้าอ่อนนั่นจะได้เข้าใกล้ฉันทัชของเขา สายตาเยียบเย็นมองคนคู่นั้นพักเดียวก็เบือนหน้าหนี ผิดกับมือที่จับก้านแก้วแน่นจนข้อขาว น่ากลัวว่าแก้วจะแตกคามือเหลือเกิน
รู้เป็นอย่างดีว่าฉันทัชเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ซ้ำยังแต่งตัวดี อีกทั้งคำพูดคำจาก็ดี ใครได้คุยด้วยมีหรือจะไม่ชอบ ยิ่งถ้าหากเจ้าตัวมีใจปฏิพัทธ์คิดชอบพอด้วยล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยก็หนีไปไหนไม่รอด ขนาดเขาที่เคยเที่ยวจีบใครต่อใครเล่น ไม่จริงจัง ยังหนีไม่พ้นเงื้อมของฉันทัชไปได้เลย
แล้วเด็กหน้าอ่อน ที่อายุอานามดูแล้วคงไม่น่าจะถึงยี่สิบห้า ประสบการณ์ความรักคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ยังไม่ประสาเท่าที่ควร มีหรือจะไม่หลงคารมของฉันทัช
การแสดงออกนั่นอีก มันใช่ไหมที่จะต้องมาจัดไทกันท่ามกลางธารกำนัลหรือมากระซิบกระซาบแทบจะกินหูในเวลาแบบนี้
‘จันทร์ นะ จันทร์’ ปาณัสม์ได้แต่แสดงอาการฮึดฮัด ไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้
เขาจะจัดการอดีตคนรักนี้ด้วยวิธีการใดดี ปาณัสม์พยายามคิดหาวิธีไม่ให้ฉันทัชต้องอยู่ใกล้เด็กคนนั้น
ฉับพลันเขาสะดุดคำพูดของตัวเอง
… อดีตคนรัก
อ่า....
เขาไม่มีสิทธิ์สินะทำไมความรู้สึกต้องต่อสู้กันไปมาแบบนี้
…
“นึกว่าจะมาไม่ได้เสียแล้ว” หลี่หยางเซิงเอ่ยทักตอนที่เห็นฉันทัชเดินเข้ามานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามในร้านประจำของทั้งคู่
“ไม่ใช่แผนของคุณหรือ” ฉันทัชบอกอย่างรู้ทัน
“คุณเดาผมออกหมดเลย” คุณชายหลี่ทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่ถูกจับได้ เพราะเขาเป็นคนบอกให้พ่อของตนเองหาเรื่องดึงตัวก้องภพไว้นานๆ เพื่อให้ฉันทัชเป็นอิสระในยามค่ำคืน
“คุณดูง่าย” ฉันทัชยิ้ม พลางเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม “วันนี้นึกยังไงถึงเลือกมานั่งที่โต๊ะตรงนี้แทนที่จะเป็นบาร์”
“ไม่ยังไงครับ ผมอยากนั่งแล้วเห็นหน้าคุณชัดอยู่ตลอดเวลา”
“ตรงบาร์ไม่ชัดกว่าหรือ” ฉันทัชแนะ เพราะนั่งตรงบาร์จะใกล้ชิดกว่านี้
“ไม่เหมือนกัน ผมชอบมองคุณตรงๆ แบบนี้มากกว่า นั่งตรงบาร์คุณชอบใช้หางตาคุยกับผม” คุณชายหลี่หัวเราะในลำคอ
“ผมเคยทำอย่างนั้นด้วยหรือ” ฉันทัชทำตาโตเล็กน้อยพูดเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน
“อย่าพูดเหมือนคุณไม่เคยทำสิครับ”
“อ้าวเหรอ อ่า..หิวจัง” ฉันทัชเลือกเปลี่ยนเรื่อง
“ผมสั่งให้คุณแล้ว อีกสักพักอาหารก็คงมา”
“เอาใจผมเก่งจังเลย” ฉันทัชเอ่ยชม
“ถ้าชอบที่ผมเอาใจคุณเก่ง ก็ช่วยตอบแทนโดยการชอบผมเสียทีได้ไหม” คุณชายหลี่เสนอ
“ใช้ความสามารถหน่อยสิครับ มันน่าภูมิใจนะถ้าทำให้เขาชอบเราได้น่ะ”
“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเคยมีใครจีบคุณสำเร็จบ้างไหม”
“คุณคิดว่าไงล่ะ” ฉันทัชย้อนถามกลับ
“สงสัยคงไม่มีหรอก คุณเล่นตัวเก่งมาก”
“จะถือว่าเป็นคำชมนะ” ฉันทัชยังยิ้ม
“เอ๊ะ แต่ตอนที่เจอคุณครั้งแรก คุณดูเหมือนคนอกหัก”
“ครั้งแรกหรือ” ฉันทัชนึกย้อนไปเหตุการณ์ที่เขาเจอคุณชายหลี่ครั้งแรก “ผมไม่ได้อกหักเสียหน่อย” ชายหนุ่มปฏิเสธ
“ไม่จริงหรอก คุณดูเศร้านะ ผมจำได้”
“ผมไม่ได้อกหัก เรียกว่าไปหักอกคนสิถึงจะถูกต้อง” ฉันทัชหัวเราะ
“หรือเพราะอย่างนั้นคุณเลยฝังใจใช่ไหม ผมถึงจีบคุณไม่สำเร็จเสียที”
“พูดอะไรอย่างนั้น ไม่เกี่ยวกัน ผมไม่ได้ฝังใจสักหน่อย”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบผมสักทีล่ะ ถามจริงๆ เถอะครับ คุณไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ผมทำไปเลยเหรอ”
“ผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถึงจะไม่รู้สึกอะไร” ฉันทัชบอกพลางรับเครื่องดื่มจากพนักงานมาดื่ม
“ถ้างั้นคุณรู้สึกยังไงกับผม”
“มีคนเคยพูดถึงผมว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่นิสัยไม่ดี แถมยังร้ายกาจอีกด้วย” ฉันทัชกลับพูดเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น หลี่หยางเซิงขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้า แต่เขาไม่ได้คิดจะทักท้วงอะไร
“เหรอครับ”
“คุณคิดว่าผมนิสัยไม่ดีบ้างไหม”
“ก็..ไม่นะ เท่าที่ผมรู้ คุณมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม” คุณชายหลี่บอกอย่างใจกว้าง
“นั่นแสดงว่าคุณยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผม”
“ผมอยากรู้จักคุณนะ เยว่ซิน” หลี่หยางเซิงตั้งใจเรียกชื่อที่เขาตั้งให้
“ก็รู้จักสิครับ ผมไม่เคยห้ามคุณไม่ใช่หรือ คุณชายหลี่” ฉันทัชยิ้ม รอยยิ้มที่แสดงออกมาเหมือนไม่ตั้งใจ แต่มันคือความตั้งใจ
“ครับ”
“แต่...ผมไม่ได้ให้เวลาสำหรับคุณคนเดียว เพราะฉะนั้น คุณต้องพยายามหน่อยล่ะ” คุณชายหลี่กลืนน้ำเมาลงคออย่างยากเย็น ราวกับว่าน้ำสุรานั้นกำลังบาดคอเขาในทุกจังหวะที่มันไหล่ผ่านลงไป คล้ายกับประโยคที่ฉันทัชเพิ่งพูดออกมา
ถ้าเขาเข้าใจความหมายของประโยคนั้นไม่ผิด ฉันทัชกำลังจะบอกว่า ในเมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสให้เขาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นใช่หรือไม่
“ผมเริ่มรู้สึกว่าคุณร้ายกาจขึ้นมาบ้างแล้ว” หลี่หยางเซิงวางแก้วเปล่านั้นลงก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งเพิ่มพร้อมกับชายหนุ่มตรงหน้า
“ผมจะถือว่าคุณพัฒนาไปอีกขั้นนะครับ”
“รู้ไหม ผมอยากให้คุณเป็นสุนัขพันธุ์ไหนสักพันธุ์หนึ่ง แทนที่จะเป็นแมวร้ายกาจ”
ฉันทัชหัวเราะกับการเปรียบเทียบของชายหนุ่ม “ทำไมล่ะครับ”
“สุนัขน่ะ แค่มีคนดูแลให้อาหาร เอาใจใส่ มันก็รักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของแล้ว แต่แมวน่ะไม่ใช่ ไม่ใช่เลย คนพวกนั้นคือทาสของแมวนั้นต่างหาก”
“ผมก็เคยได้ยินอย่างนั้นมาเหมือนกัน”
“มีคนเคยพูดกับคุณเหมือนผมหรือ” คุณชายหลี่ จิ๊ปากขัดใจเล็กน้อย เขาไม่ชอบให้ใครมาตัดหน้าเขาไปแบบนี้
“ไม่โมโหสิครับ” ฉันทัชยิ้มพลางวางมือลงหลังมือของหลี่หยางเซิงเพื่อเป็นการปลอบใจ “คุณอาจจะเดาผิดไปหน่อย ผมไม่ใช่แมวที่ร้ายกาจอะไรหรอกครับ ผมเป็นแมวขี้เกียจที่ชอบนอนทั้งวันมากกว่า”
“ผมไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะนอนทั้งวันจริงๆ หรอก” หลี่หยางเซิงพลิกมือมากระชับมือของฉันทัชไว้ ฉันทัชมองการกระทำนั้นแต่ไม่ได้ดึงมือกลับ
“คนนั้นบอกผมว่า ผมไม่ค่อยจัดการอะไร ชอบปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป จนบางทีสถานการณ์นั้นมันแย่จนยากที่จะแก้ไข” ฉันทัชบอกเสียงเศร้า
“อดีตคนรักของคุณหรือ” หลี่หยางเซิงกระซิบถามด้วยความเห็นใจฉันทัช
ฉันทัชส่ายหน้า “อินอิน ต่างหาก” สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อสักครู่ กลายเป็นเสียงหัวเราะตอนเจ้าตัวเฉลย
“คุณอำผมเสียจนผมไปต่อไม่ถูกเลย”
“คุณเหมือนเด็กที่ถูกแกล้งมากๆ แล้วจะร้องไห้เลย”
“ผมโตแล้ว” หลี่หยางเซิงไม่พอใจที่ฉันทัชว่าเขาเหมือนเด็ก
“ผมอยากพิสูจน์ให้คุณรู้เสียทีว่าผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป”
“พิสูจน์แบบไหนครับ” ฉันทัชดึงมือกลับ ก่อนจะใช้มือข้างนั้นตักอาหารขึ้นมาทานอย่างไม่รีบร้อน
“ไปที่ห้องผมคืนนี้สิ คุณจะได้รู้” คำตอบของคุณชายหลี่ทำให้ฉันทัชชะงักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่นึกขำระคนเอ็นดูในตัวเด็กคนนี้
บอกแล้วไงว่า หลี่หยางเซิงคนนี้ ถึงจะรุกคืบ ไล่ต้อนฉันทัชแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยทำให้ฉันทัชรำคาญสักที
“อย่ามาหลอกชวนผมขึ้นห้องเสียให้ยากเลย”
“ไม่ติดกับแฮะ”
“กับดักตื้นๆ แบบนี้ ผมไม่เดินเข้าไปหรอก” ฉันทัชตอบ
กับดักน่ะ ใครๆ ก็มองออกทั้งนั้น แต่หลายคนมักเดินเข้าไปติดกับดักเอง เพราะอะไรกันล่ะ?ถ้าไม่ใช่เลือกปิดตาตัวเองแล้วใช้หัวใจนำทางมากกว่าสมองไม่ใช่หรือ
ค่ำคืนนั้น ฉันทัชรู้สึกเบิกบานและผ่อนคลายเหมือนอย่างเคยเมื่ออยู่กับหนุ่มน้อยคนนี้ เขานั่งยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง กับมุกตลกหรือเรื่องเล่าของคุณชายหลี่ที่เจ้าตัวสรรหามาเล่าให้เขาฟัง
สุดท้ายก่อนจากลา หลี่หยางเซิงยังอาสามาส่งฉันทัช แน่นอนว่าพวกเขาต่างพากันดื่มไปไม่น้อย ถึงจะไม่เมา แต่ก็มึนศีรษะอยู่พอสมควร ตอนที่เดินออกมาจากร้านจึงเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ นับว่าคุณชายหลี่ค่อนข้างรอบคอบอยู่บ้างที่ให้คนขับรถมารอรับ
“เอาล่ะ” หลี่หยางเซิงพูดเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
“ต่อจากนี้ ผมจะปรับปรุงตัวเองใหม่ จะต้องทำให้คุณยอมตกลงเป็นแฟนผมให้ได้”
ฉันทัชยิ้ม “ผมจะรอนะครับ”
“มีของขวัญหรืออะไรที่เป็นกำลังให้ผมหน่อยได้ไหม” เพราะบรรยากาศกับสติที่ถูกลดทอนทำให้หลี่หยางเซิงขออะไรแบบนั้นออกไป
“ยังไม่ทันเริ่มเลย ก็ขอรางวัลเสียแล้ว”
“ไม่ได้หรือ”
ฉันทัชยิ้ม ช้อนตาขึ้นมอง พลางกระซิบบอก
“ก้มหน้าลงมาสิ”
...
‘ผมฝากคุณพาปาลไปที่โกดังของบริษัทพรุ่งนี้ด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายให้ทำเรื่องเบิกเหมือนเดิม’นั่นคือข้อความจากก้องภพที่ฉันทัชมาเห็นตอนที่ถึงโรงแรมแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะหาคีย์การ์ดในกระเป๋าแต่เจอข้อความนี้เข้าเสียก่อน เกือบจะไม่เห็นแล้วไหมล่ะ
จากโรงแรมไปโกดังเก็บสินค้า กะระยะทางแล้วน่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาทีก็จะถึงที่หมาย ฉันทัชค่อยๆ เดินไปอย่างเชื่องช้าเพราะสมองของเขามันสั่งการไม่ค่อยเต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ เขายกมือกดออดหน้าประตูห้องพักของปาณัสม์ หวังว่าอีกฝ่ายคงจะยังไม่นอนไปเสียก่อนล่ะ
รออยู่สักพักใหญ่ ทว่าข้างในยังเงียบ ไร้วี่แววว่าอีกฝ่ายจะมาเปิดประตู ฉันทัชถอนหายใจ พรุ่งนี้มาปลุกอีกฝ่ายในตอนเช้าก็แล้วกัน เขาเตรียมจะหมุนตัวกลับไปห้องพักตัวเอง แต่จังหวะนั้นประตูที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเขาก็ถูกเปิดออกจากข้างในเสียก่อน
“จันทร์?” ปาณัสม์เรียกชื่อฉันทัชด้วยความประหลาดใจ เขานึกว่าเป็นชัดเจนเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเลยไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อนเปิดประตู
“อื้อ โทษที หลับแล้วงั้นเหรอ” ฉันทัชมองภาพตรงหน้าแล้วเลือกมองเลยไปด้านหลังอีกฝ่ายแทนที่จะมองคนตรงหน้า
“เปล่า เพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ” ฉันทัชเห็นเสื้อคลุมสีขาวบนร่างกายอีกฝ่าย สาบเสื้อที่ควรจะทับซ้ายทับขวานั้นดูไม่ค่อยจะร่วมมือด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างแทบจะไม่ปกปิดอะไรเลยบนตัวปาณัสม์
“มีอะไรหรือเปล่า จะเข้ามาก่อนไหม” ปาณัสม์ถามพลางเปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
“ไม่..ไม่ล่ะ แค่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ล็อบบี้ตอนเก้าโมงสิบห้านะ เทมส์จะพาไปที่โกดังเก็บสินค้า” ฉันทัชตอบเลี่ยงไม่มองคนตรงหน้า ตั้งใจว่าเมื่อบอกธุระเสร็จแล้วจะขอตัวกลับห้องทันที
“ได้ แล้วนี่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกหรือ” ปาณัสม์ถามรั้งฉันทัชไว้เพราะอีกฝ่ายยังใส่ชุดเหมือนช่วงเช้าไม่มีผิด
“อืม”
ปาณัสม์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ฉันทัช “ดื่มมาด้วยล่ะสิ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”
“นิดหน่อย” ฉันทัชบอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับผิดอะไรแบบนี้ด้วย เขามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ
“แต่ตรงนี้คงไม่นิดหน่อยล่ะมั้ง บวมเชียว” น้ำเสียงแดกดันถูกส่งมาให้ฉันทัช
ฉันทัชรู้สึกถึงแรงกดจากนิ้วมือของปาณัสม์ที่กดลงมาแรงๆ ย้ำๆ บนริมฝีปากของเขา
“เจ็บ!!” ชายหนุ่มร้องบอกพลางปัดมือนั้นทิ้ง
“เข้ามานี่” ปาณัสม์กระชากแขนของฉันทัชเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแรงแต่เจ้าของแรงมือนั้นก็ไม่ได้สนใจว่ามันจะทำให้คนที่พักมาในห้องต่างๆ ต้องตื่นขึ้นมาสวดสรรเสริญให้เขาด้วยหรือไม่
ช่างหัว ปาณัสม์ไม่สนใจใครหรอกเวลานี้
“ปล่อย!! จะทำอะไร” ฉันทัชสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอดีตคนรักอย่างสุดแรง
“ไปไหนมา” ปาณัสม์ถาม ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่น้ำเสียงที่กำลังบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีเลยแม้แต่น้อย
“เทมส์ไม่จำเป็นต้องตอบ” ฉันทัชจ้องเขม็งมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ
“จูบกับใคร”
“จะจูบกับใคร มันก็เรื่องของเทมส์ไม่ใช่หรือไง” ฉันทัชยังคงย้อน เขามุ่งหน้าเดินไปที่ประตูตั้งใจจะออกจากห้องนี้ไป ตอนนี้เขาก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“นอนกับมันด้วยหรือเปล่า” ปาณัสม์จับข้อมือของฉันทัชไว้ได้ทันแล้วเอ่ยถามอีก ใจของเขามันกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้านี้
“มันเรื่องของเทมส์”
“นอนกับมันหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามซ้ำพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเอง แต่เมื่อกลั้นอารมณ์ เลยส่งผลให้มือที่จับกำข้อมือของฉันทัชไว้นั้นออกแรงจับมากขึ้น
“จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา”
“ปาลถาม จันทร์ก็ต้องตอบ ไม่ต้องมาโยกโย้” น้ำเสียงกดดันถูกแผ่ออกมา แต่มีหรือฉันทัชจะเชื่อฟัง
“ปล่อยแขนเทมส์เดี๋ยวนี้!!” เขาสะบัดมืออีกครั้งจนร่างของตัวเองเซถอยหลังมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากการเกาะกุม
“ฟังนะ เทมส์จะขอพูดอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้าย” มือของปาณัสม์ยังจับข้อมือเขาไว้แน่น
“อะไร”
“เทมส์ไม่จำเป็นต้องตอบปาล และปาลก็ไม่มีสิทธิ์มาถามเทมส์แบบนี้”
“ทำไม”
“เพราะเราเลิกกันแล้ว ปาลได้ยินชัดไหม”ฉันทัชไม่รู้ว่าปาณัสม์ได้ยินชัดหรือไม่ แต่มือของอีกฝ่ายก็ปล่อยจากแขนของเขาอย่างง่ายดายและเมื่อเขาเลือกจะเดินกลับไปที่ประตูนั้นอีกครั้ง ก็ไม่มีการฉุดรั้งเขาไว้อีก
แปลว่าก็คงได้ยินนั่นแหละ
...
ปาณัสม์ทรุดนั่งลงบนที่นอน สองมือประสานกันแน่น ศอกวางอยู่บนเข่าทั้งสองข้าง เมื่อสักครู่นี้เขาทำอะไรกับอีกฝ่ายลงไป ถ้าหากไม่ได้คำพูดของฉันทัชเตือนสติ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะทำอะไรโดยขาดความยั้งคิดอีกบ้าง การกระทำของเขามันบ้ามาก เขารู้ตัวดี มีสิทธิ์อะไรถึงไปทำท่าทางแบบนั้นใส่ฉันทัช
เฝ้านึกย้อนดูตัวเองว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทำไมเขาถึงไม่เคยโผล่หน้าไปให้ฉันทัชเห็นเลย ทำไมถึงทำตัวเหมือนว่าเขาได้หายออกไปชีวิตฉันทัชได้อย่างสนิทใจ ไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยวไม่ว่าฉันทัชจะทำอะไร ไม่ตามไปวอแวหรือไปสร้างความวุ่นวายให้อีกฝ่ายรำคาญใจใดๆ ดังที่ตั้งใจจะให้อิสระนั้นกับอีกฝ่ายจริงๆ
และเพราะเขารู้ตัวเองว่าตัวเองคงจะเป็นบ้าแน่ๆ หากยังได้ยินเรื่องของฉันทัชหรือว่าได้เห็นอดีตคนรักไปไหนมาไหนหรือกำลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใคร รู้ดีแก่ใจ เข้าใจเรื่องทั้งหมดว่าเขาคือคู่รักที่เลิกรากันไปแล้ว ระหว่างเรามันเป็นเพียง
อดีต แต่เขาก็ไม่เคยระงับอาการหึงหวงบ้าๆ บอๆ แบบนี้ไปได้
ปาณัสม์ถามตัวเอง หนึ่งปีมันพอแล้วหรือยังที่เขาจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เคยคิดว่าเขาคงทำใจปล่อยฉันทัชไปใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง อีกฝ่ายคงมีคนรักใหม่ มีคู่ที่ดีและรักกันตลอดไปอะไรเทือกนั้น แต่มาถึงบัดนี้เขาก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถทำตามอย่างที่ตั้งใจนั้นได้
จะบังคับให้อีกฝ่ายกลับมาอยู่ในกรงขังมันคงเป็นไปไม่ได้ การบังคับใจคนไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว คนที่ถูกขังก็จะตะเกียกตะกายดิ้นรนหาทางหนีรอดไปให้ได้อยู่ดี
แล้วถ้าหาก...อีกฝ่ายเต็มใจกลับเข้ามาอยู่ในกรงด้วยตัวเองล่ะ?
ปาณัสม์หลับตาลงพลางถอนหายใจ พยายามสลัดความคิดชั่วร้ายนั้นออกไป เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำนิสัยแบบเดิมกับฉันทัชอีก หากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉันทัชเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาต้องให้อิสระกับอีกฝ่าย ฉันทัชไว้ใจได้ในเรื่องการไม่นอกใจ ตราบใดที่ฉันทัชมีพันธะ เจ้าตัวไม่มีทางที่จะไปคบใครหรือให้ความหวังใครเด็ดขาด
สิ่งที่เขาต้องแก้ไขและจัดการคือความหึงหวงของตัวเองต่างหาก ในอดีตก่อนที่เขาจะคบกับฉันทัช เป็นเพราะเขาเจ้าชู้ จีบใครไปเรื่อย จริงจังบ้าง ไม่จริงจังบ้าง เขาเลือกใครก็ได้ อยากเปลี่ยนคนควงเมื่อไหร่ก็ทำได้ ง่ายเสียจนไม่ต้องเวลาจีบใคร กระทั่งฉันทัชคือคนที่ทำให้เขาคิดว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะง่ายกับเขาไปเสียหมด
ปาณัสม์ในเวลานั้นต้องหาวิธีตามจีบฉันทัชไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ มันลำบากด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย เขามีเรียน ฉันทัชมีบิน เขาอยู่อีกฟากโลกคนละเวลา ฉันทัชอยู่เมืองไทย พยายามไม่รู้เท่าไหร่กว่าอีกฝ่ายจะยอมตกลง
จนกระทั่งฉันทัชให้เขาสัญญาด้วยเพียงคำสัญญาข้อเดียวคือการไม่นอกใจ ด้วยอาการรัก เขาตกลงรับปากทันทีโดยที่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ยอมถอดเขี้ยวเล็บออกทั้งหมด
และเขาก็ทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆ ด้วยคำว่า
เบื่อ คำเดียว
สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่าไม่คุ้มที่จะเสียฉันทัชไปเลย
เขาอยากได้อีกฝ่ายกลับคืนมา แล้วฉันทัชล่ะ อยากได้เขากลับคืนไปบ้างไหม
========================================
จับแยกให้หมด!
เจอกันวันอังคารค่ะ
HASHTAG #ภาคต่อของความรัก