ลืมไปเลยว่าต้องหาภาพของหนูแอลมาเพิ่มคริๆ
ติดไว้ก่อนนะจ๊ะมัดข้าไว้สิความรัก แบบนั้นล่ะแน่นขึ้นอีก
ยิ่งข้าดิ้นยิ่งรัด อย่าได้นอนใจ
ให้ข้าได้จมอยู่ในห้วงวังวน
แม้สุดท้าย......ต้องเสียใจ
บทที่ 14 “ไหนว่าจะกลับห้อง” ฮีลเรียกทักเมื่อเห็นว่าเกรย์เองไม่มีท่าทีจะเดินกลับไปยังห้องพัก ตรงข้ามเกรย์เดินออกไปยังสวนทางด้านหลังพร้อมกับหย่อยตัวลงบนเก้าอี้อย่างเงียบเชียบ เล่นเอาเอสเปอร์ที่นั่งบนกิ่งไม้เกือบปามีดเข้าใส่
“…..” เกรย์ไม่ตอบอะไร เขาเพียงมองเหม่อออกไปยังเบื้องบนที่แสนไกลอย่างที่ทุกครั้งเขามักกระทำ และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่เกรย์เฝ้ามอง…..มองสิ่งที่อยู่เกินเอื้อม…..สิ่งที่ไม่อาจคว้ามาอยู่ข้างกาย
‘เป็นไปไม่ได้……เป็นไปไม่ได้’“เจ้าก็เป็นอย่างงี้เสียทุกครั้งสิน่า” หมอหนุ่มออกเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ คิ้วที่ปกติก็แทบจะชนกันอยู่แล้ว กลับขมวดมาติดกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้จะทำหน้าบึ้งอย่างไร เขากลับยอมนั่งลงอีกฟากของเก้าอี้ยาวตัวนั้น
“เจ้าหายไปนานเลยนะ” ฮีลเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นก่อน
ใช่เขารู้ดีหากต้องอยู่กับเกรย์ ไม่ว่าอย่างไรต้องเป็นผู้เริ่มพูดก่อนเสียทุกครั้งไป ตั้งแปดปีแล้วที่ผ่านไป เกรย์ยังไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม เหมือนเคย
แต่อะไรที่เปลี่ยนไปกัน
“อืม” เกรย์ตอบเพียงสั้นๆเช่นทุกครั้ง เขาดูเหนื่อยอย่างชัดเจน
“เจ้าดูแย่ เข้าห้องซะ ข้าจะจัดยาให้”
“ข้าไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ไง” ฮีลยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารี่ตรงไปอีกฟากของที่นั่งตรงหน้าผู้ป่วย
“ทั้งใช้พลังเกินตัว อีกยังดูดพิษจากไอ้บ้านั่นมาอีก” ฮีลกระชากเสื้อคลุมของเกรย์ออกเผยให้เห็นรอยอักขระโบราณเฉกเช่นเดียวกับไทนอส แต่เกรย์ดึงเสื้อกลับมาคลุมตามเดิมอย่างไม่สนใจ
“มันเรื่องของข้า”
“เจ้าเปลี่ยนไปนะเกรย์” ฮีลปล่อยมือลงจากตัวสหายเก่า
“เจ้าก็เหมือนกันฮีล”
“เจ้าไม่เคยต้องใช้พลังมากขนาดนี้ เจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน”
‘เพราะคนคนนั้นใช่ไหม’ “อย่ายุ่งกับข้าได้ไหม” เกรย์ตวาดออกไปย่างหมดความอดทน น้ำตาที่ปริ่มอยู่ในตาสะท้อนแสงจันทร์นวลเห็นเป็นประกายระยิบระยับ แต่กลับแผงไว้ด้วยความเศร้าในนั้น
“ยุ่งงั้นหรือ เจ้าต่างหากที่เข้ามายุ่งกับข้าเองอย่าลืมสิว่าใครกันที่มาอ้อนวอนขอร้องให้รักษา”
“และเจ้าก็ได้ค่าจ้างที่อันสูงค่าเรียบร้อย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่นสิ พวกเจ้าต้องขอบใจคนของกราซนะนี่ ที่เขาช่วยจ่ายให้” ฮีลหัวเราะอย่างสะใจ พร้อมกับคว้าผู้ป่วยจอมดื้อมาหวังลากเข้าห้อง
“บอกว่าไม่” เกรย์พยายามขัดขืน แต่มีหรือจะสู้แรงฮีลได้ แต่ไหนแต่ไรเกรย์เองก็ไม่เคยชนะฮีลเลยสักครั้ง
“มาซะ.....เดี๋ยวจะหาว่าข้าบริการไม่คุ้มกับที่เจ้าจ่ายไป” หมอหนุ่มกระชากคนตัวซีดเข้าตัว เกรย์กระแทกเข้ากับอกหนาของฮีลอยากจัง ก่อนที่ฮีลจะเปิดขวดน้ำยานอนหลับจับกรอกใส่ปากของคนฤทธิ์มากจนหลับไป
ร่างที่หลับใหลถูกอ้อมแขนแข็งแรงโอบขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย
‘ผอมลงเยอะเลยนะเกรย์’สายลมอ่อนๆพัดโชยพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้ราตรีผ่านทั้งสองไป และนั่นก็เหมือนช่วงเวลาหนึ่งที่คุณหมอหน้าเหี้ยมจอมขูดรีดคนนี้ จ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตาที่อ่อนโยนที่สุดอย่างไม่มีใครเชื่อ
ว่าหมอหน้าเลือดอย่างฮีลจะสามารถทำได้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เอสเปอร์ที่แอบซุ่มดูอยู่มองดูอย่างเงียบๆ ส่ายหัวให้กับเรื่องราวต่างๆที่เข้ามา
‘มากเรื่องจริงๆพวกนี้’ ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน“ฮีล ช่วยไทนอสด้วย” เกรย์วิ่งโผเข้าไปฉุดแขนชายร่างใหญ่ทันทีที่พบอย่างร้อนรน เล่นเอาหมอหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวเซไปมาตามแรงของสหายเก่า
“เกรย์นี่เจ้า….เจ้ากลับมา” ฮีลมองคนที่ฉุดอย่างไม่เชื่อสายตา เขาขยี้ตาครั้งหนึ่งก่อนจะพบว่า นี่ไม่ใช่ภาพลวง
“โถ่เร็วเข้าฮีล รักษาเพื่อนข้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ไทนอสที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ท่อนบนที่เปลือยเปล่าเผยอักขระโบราณพันเกี่ยวไปรอบตัว แผ่นอกที่กระเพื่อมเล็กน้อยบ่งบอกสัญญาณชีพที่อ่อนล้าเต็มทน ข้างกายมีชีวาสที่เฝ้าดูไม่ห่างด้วยแววตาที่บวมแดงเจ่อนองไปด้วยน้ำตา
“ท่านหมอได้โปรดช่วยด้วย” เมื่อเห็นผู้รักษาเข้ามา ชีวาสรีบรี่เข้าขอร้องอีกแรง อาการไทนอสไม่ดีเลย เขาหวั่นใจนัก กลัวว่าไทนอสเองจะหนีจากเขาไปเสียก่อน……..
“เอ่อ…” ฮีลมองร่างของไทนอสอย่างถี่ถ้วน
เขารู้ดีว่าไทนอสคือใคร…..และคนผู้นี้เองที่ทำให้เรื่องราวชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป……อย่างไม่มีทางเหมือนเดิม
“ท่านหมอช่วยเขาด้วย” ครั้งนี้กลับมีอีกคนที่เข้ามารุม….แอลนั่นเอง
ฮีลมองไปทางเกรย์ที่ยังฉุดแขนเขาให้เริ่มการรักษาเสียที เสียงของชีวาสละแอลเองไม่ได้เข้าสู่สมองเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่เขาคิดมีเพียงแค่เรื่องเดียว
‘หากเจ้านั่นไม่เป็นอะไร……เจ้าคงไม่มาหาข้า’ความอิจฉาริษยาเขารุมเร้าจิตใจของหมอหนุ่ม
‘ข้าไม่มีความสำคัญกับเจ้าใช่ไหม’ไม่มีค่าพอที่จะเผื่อเวลาที่จะมาหาบ้าง……ผ่านมาแล้วแปดปี ไม่มีเลยสักครั้งที่เจ้าจักมาหาข้า
และไม่มีวันใดที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า
‘เพราะมันคนเดียว’“ผลึกแห่งสายลม……คือค่ารักษา” หมอหนุ่มยื่นคำขาด เขาแอบยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่ผิดสังเกต ผลึกอันนี้หายากมาในบารอน ยังไงคงไม่มีทางที่จะมีได้
“ข้าไม่มีหรอก แต่ฮีลข้าของร้องล่ะ ช่วยไทนอสด้วย ข้ายอมเจ้าทุกอย่างเลย” เกรย์ร่ำไห้คุกเข่าอ้อนวอน
“ข้าอีกคน เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรข้าทำได้ทุกอย่าง”
“ข้าด้วยท่านหมอ ได้โปรด”
แต่ฮีลยังคงมั่นไม่หวั่นไหวแม้เกรย์จะร้องขออย่างไร ถ้าเพียงแต่ไม่มีมัน เราก็คงเหมือนเดิม
หากเพียงไม่ได้พบมัน
เรื่องราวของเราคงไม่เป็นแบบนี้
“ฮีล……” อยู่ๆเสียงของเกรย์ก็หายไปแรงฉุดที่ชายเสื้อก็หายไปเช่นกัน หมอหนุ่มรีบหันไปสำรวจความผิดปกติ
“เกรย์/ท่านเกรย์” ทั้งแอลและชีวาสต่างตกใจรีบรับตัวเกรย์ที่หมดสติไว้ทันท่วงที
“นี่มันอะไรกัน” ฮีลผลักทั้งสองออกพร้อมกับคว้ามีดผ่าตัดประจำกายออกกรีดเสื้อของเกรย์ออกจนสิ้น
อักขระเฉกเช่นเดียวกับไทนอสปรากฏอยู่บนตัวชองเกรย์ด้วยเช่นกัน
“บอกข้ามาเกิดอะไรขึ้น” ฮีลกระชากแอลเข้ามาถามทำเอาโหรน้อยตื่นกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร
“เอาไป….แล้วเริ่มรักษาเสียที”
เสียงผลึกทรงกลมตกกระทบกับพื้นส่งเสียงกังวาน ลายสีขาวขุ่นวนรอบผิวสีฟ้าอ่อนงามตาชวนให้คิดถึงลมที่หมุนวนไปรอบแล้วรอบเล่า
“ผลึกแห่งสายลม”
“ข้าให้สองอัน แทนค่ารักษาของคนสองคน” เอสเปอร์พูดนิ่งๆเหมือนเคย
“หมดข้ออ้างแล้วหมอ รีบรักษาซะ”
แล้วเอสเปอร์จึงเดินจากมา สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือสีหน้าไม่พอใจของฮีลที่แสดงออกมาอย่างแน่ชัด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
นึกๆดูแล้วก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมคนจอมกะล่อนอย่างไทนอสถึงได้กุมหัวใจคนได้มากขนาดนี้ ตัวเอสเปอร์อยู่มาก็นานแล้วแต่ไม่ยักจะมีใครเข้ามาติดพันธ์ มีแต่เขาเองนี่ล่ะที่เข้าไปหลงคนอื่นหัวปักหัวปำ
แล้วก็จบลงได้ไม่สวยนักเสียด้วยสิ
เอสเปอร์เผลอนึกถึงอดีตที่ไม่อยากจำเสียเท่าไรนัก ทุกครั้งที่เขาอยู่ลำพัง ทุกเวลาที่ใจมันเผลอ กาลเวลาเหมือนจะพาใจเขาย้อยกลับไปในห้วงแห่งความคิดเสียทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เอสเปอร์ ท่านเลิกตามข้าได้แล้ว” น้ำเสียงเล็กๆแผดดังแสดงความไม่พอใจ
“ข้าแค่….”
“ไม่มีแต่เอสเปอร์ ข้าเหนื่อยที่จะพูดเต็มทีแล้ว”
“หึหึ” เอสเปอร์หัวเราะให้กับตัวเองในตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทนตอแยไปได้อย่างไรถึงปีหนึ่งเต็ม ตอนแรกคิดเพียงว่าสักวันเขาอาจจะยอมใจอ่อน……แต่นั่นเป็นเพียงสมมติฐานเพียงฝ่ายเดียว
“เฮ้อ”เสียงถอนหายใจดึงความสนใจของเอสเปอร์จากอดีตอีกครั้ง บัดนี้เจ้าโหรน้อยนั่งทำหน้าหงอยอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม
เอสเปอร์มองพรางส่ายหัวไปมา
‘วันนี้ช่างมากเรื่องจริงๆ’