สวัสดีค่ะ มาลงช้าไปสองวัน ขออภัยด้วยนะคะ มาลงตอนต่อไปแล้ว ถ้ามีคำผิดหรือผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 33 Close.
Cause if I want you, and I want you, babe
เพราะหากฉันต้องการเธอ และฉันต้องการเธอจริงๆที่รัก
Ain’t going backwards, won’t ask for space
จะไม่มีทางถอย จะไม่มีที่ว่างระหว่างเรา
Cause space is just a word made up by someone who’s afraid to get too…
เพราะที่ว่างนั้น เป็นแค่คำที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยคนที่หวาดกลัวที่จะ…
Close, ooh
ใกล้กัน
Oh, so close, ooh
ใกล้ชิดเหลือเกิน
I want you close, ooh
ฉันต้องการเธอมาแนบชิด
Oh, I want you close, and close ain’t close enough, no
ฉันต้องการเธอมาแนบชิดฉัน และมันก็ยังไม่ใกล้กันพอเสียที
หลังจากวันหยุดวันนั้น พระพายก็กลับเข้าสู่วงจรการทำงานเฉกเช่นเคย หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและลงเอยด้วยการมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที พระพายก็ต้องมานั่งทำงานอย่างขะมักเขม้นเพราะงานจ่อรอให้จัดการเสียมากมายหลังจากที่ได้หยุดพักผ่อนไป นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้วหลังจากวันหยุด วันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันงานปกติ
หลังจากที่คบกับพิธานเป็นแฟน พิธานมักจะโทรมาหาพระพายเสมอ เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน เรียกได้ว่า ทุกเวลาว่างของพระพายคือการคุยโทรศัพท์กับพิธาน แม้จะคุยกันแต่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลยเพราะพิธานบอกว่างานยุ่ง ปลีกตัวยากมาก เวลาโทรคุยกันก็ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น พระพายเข้าใจดีว่าโตๆกันแล้วจะมาทำตัวเอ้อระเหยไม่รับผิดชอบงานก็ไม่ถูก ถึงจะได้คุยกันสั้นๆสองสามครั้งต่อวัน แต่ก็รู้สึกดีว่าอย่างน้อยพิธานก็ยังเป็นห่วงและโทรมาหาเสมอทุกครั้งที่มีเวลาที่คุยได้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
“จะบ้าตาย...” เสียงคนในแผนกโอดครวญมือนั้นก็ยังคงรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง พระพายจึงดึงความคิดกลับมาสู่การทำงานอีกครั้ง
“เอาเวลาบ่นไปทำงานโว้ย” พี่กล้วยที่ตะโกนสวนทันทีที่ได้ยินน้องๆในเผนกบ่น
“บ่นบ้างเหอะพี่”
“มึงดูไอ้พายสิ มันน้องเล็กยังไม่บ่นเลย” พี่กล้วยว่า
“มันดูเริงร่าจนน่าตกใจ ขนาดงานจะท่วมกองหัวมันยังนั่งยิ้มอยู่เลย” เสียงรุ่นพี่ร่วมแผนกอีกคนพูดขึ้น
“เขาเรียกเอ็นจอยกับการทำงานครับ” พระพายว่า
“ไม่จริงๆ กูไม่เคยเห็นมึงนั่งยิ้มแบบนี้ แปลว่าวันหยุดต้องมีอะไรเจ๋งๆเกิดขึ้นแน่นอน แถมมีคนโทรมาทุกเวลาหลังอาหารแบบนี้อีก บอกกูมาพระพายน้องรัก” พี่กล้วยถามทันทีที่มีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา
“ก็ไปเที่ยว ก็แค่สนุกเอง” พระพายว่า แต่รอยยิ้มนั้นกว้างเสียจนน่ามั่นไส้
“ครับๆ หน้าบานเป็นกระด้งแบบนี้ มากกว่าสนุกล่ะกูว่า” พี่กล้วยเบ้ปากล้อพระพาย
“พระพายเหมือนคนมีความรักเลย” พี่ปีที่นั่งฟังเงียบๆก็พูดแทรกขึ้นมา พระพายสะดุ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่ปีเป็นคนที่เฉียบขาด
มากในเรื่องอ่านความรู้สึกของคน นี่คือสิ่งที่พระพายคิดมาเสมอตั้งแต่รู้จักกันมา
“ว่าไปพี่ปี” พระพายปฏิเสธกลบเกลื่อน
“จริงเหรอ เห็นมีออร่าสีชมพูตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวแล้วนะ” พี่ปีว่าพลางยิ้ม สายตาที่ส่งมาดูเหมือนคนรู้ทัน
“ก็นิดนึงครับ” พระพายเลือกที่จะยอมรับกลายๆ
“อะไรวะ พอกูถามแล้วไม่บอก ทีไอ้ปีพูดนี่บอกเร็วเชียวนะ” พี่กล้วยโวย
“ก็พี่ปีถามดีๆนี่หน่า”
“สรุปมึงมีแฟนแล้ว?” พี่กล้วยถามย้ำอีกรอบ
“ก็ครับ..มีแล้ว” พระพายบอก
“อะไรนะ เมื่อไหร่วะ เก็บเงียบเชียวนะมึง” พี่กล้วยร้องเสียงดังเมื่อพระพายยอมรับว่ามีแฟนแล้ว
“ก็...ช่วงไปเที่ยวนั่นแหละ”
“เหรอวะ....ไหนเอารูปมาดูหน่อย..แต่เดี๋ยวนะ มึงไปเที่ยวกับเพื่อนมึงนี่หว่า ตัวผู้ทั้งนั้นไม่เห็นมีสาวๆสักคน” พี่กล้วยนึกสงสัยขึ้นมา
“ไม่พูดกับพวกพี่แล้ว จะทำงานต่อ” พระพายตัดบทไปดื้อๆก่อนที่จะทำงานต่อ
“เดี๋ยวสิได้พาย ตอบกูก่อน!!”
พระพายไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของพี่กล้วยที่ดังอยู่ต่อเนื่อง พระพายเลือกจะทำงานต่อเพื่อจะได้เสร็จเร็วๆให้หมดในวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้จะได้ทำงานใหม่และจะได้หยุดพักผ่อนในวันอาทิตย์ได้อย่างสบายใจ
นั่งทำงานไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่โมงกว่า ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว โชคดีที่งานคืบหน้าไปเยอะเหลืองานอีกไม่มากเท่าไหร่แล้ว จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา มีคนโทรเข้ามาซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพิธานนั่นเอง พระพายตัดสายทิ้งเพราะยังอยู่ในเวลางานแม้จะใกล้เลิกงานแล้วก็ตาม จึงเลือกที่จะส่งข้อความบอกว่าจะโทรกลับ ซึ่งพิธานตอบกลับว่าได้ พระพายจึงรีบทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน
“กลับบ้านๆ” พี่กล้วยว่าพลางปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนใครเพื่อน
“ตอกบัตรเข้างานคลานเป็นเต่า พอตอกบัตรออกนี่วิ่งเป็นเสือเชียวนะ” พี่ปีแขวะพี่กล้วยที่กำลังเก็บของลงลิ้นชัก
“ใครบอกมึงปี ตอนตอกบัตรกูเร็วกว่าเสืออีก ไม่อย่างนั้นก็โดนหักเงินเดือนสิวะ” พี่กล้วยว่า พี่กล้วยหัวเราะ
“แล้วมึงล่ะพาย รีบกลับไปหาที่รักของมึงไหม?” พี่กล้วยถาม
“เหลืองานค้างอีกนิดหน่อยพี่ ว่าจะทำวันนี้ให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้ทำงานใหม่ที่เพิ่งได้รับมา” พระพายว่า
“เออๆ ทำไปเถอะ กูไปละนะ” พี่กล้วยและคนที่เหลือพากันลุกกลับบ้าน คงเหลือแต่พระพายและพี่ปีที่เลือกจะทำงานต่อ
“พาย จะกลับกี่โมง?” พี่กล้วยถามขึ้น
“น่าจะอีกชั่วโมงครับพี่กล้วย” พระพายบอกตานั้นก็จ้องมองงานในจอคอมพิวเตอร์
“ถ้าอย่างนั้นออกจากออฟฟิศพร้อมกันนะ นั่งคนเดียวมันน่ากลัว” พี่ปีบอก
“พี่ปีกลัวผีเหรอ?”
“ใช่สิ ผีในออฟฟิศในตึกมันก็ต้องมีบ้างแหละ”
“ได้ครับ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วผมจะบอกนะ”
“ตามนั้น”
พระพายนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันมีสายเรียกเข้ามาอีกครั้ง พระพายมองชื่อคนโทรเข้ามาซึ่งเป็นคนเดิมกับที่โทรมาเมื่อครู่นี้ พิธานนั่นเอง ตอนนี้พระพายอยู่นอกเวลางานแล้วจึงรับสายได้
“ฮัลโหล”
“นี่มันเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ?” พิธานพูดเป็นสิ่งแรก
“ผมทำงานล่วงเวลานิดหน่อย มีงานค้าง”
“จะกลับกี่โมง?”
“น่าจะอีกสักชั่วโมง”
“ออกมาแล้วโทรบอกด้วย” พิธานบอกเท่านั้นก่อนจะตัดสายไป
“เดี๋ยว..ฮัลโหล” พระพายพยายามเรียกแต่พิธานก็ตัดสายไปแล้ว
“รวดเร็วจริงแหะ”
พระพายจึงรีบทำงานต่อ การที่พิธานบอกเช่นนั้นแปลว่าเจ้าตัวกำลังรอคงเพราะอยากคุยแน่นอน พระพายจึงรีบทำงานอย่างน้อยก็ให้เสร็จไวกว่าที่กำหนดไว้ จะได้โทรหาพิธานได้เร็วขึ้น
นั่งทำงานไปจนเสร็จหมดในส่วนที่ตัวเองกำหนดไว้แล้ว พระพายวางมือลงและลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเพราะนั่งนานจนเกินไป จากนั้นก็ปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของทั้งหมด
“เสร็จแล้วเหรอพาย” พี่ปีถามขึ้น
“ครับ เสร็จแล้ว กลับเลยไหมพี่”
“รอพี่ห้านาที ใกล้เสร็จแล้ว”
“ได้ครับ” พระพายนั่งรอพี่ปีพลางหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพิธานที่ป่านนี้คงกำลังรออยู่ เพียงแค่ครู่เดียวพิธานก็รับสาย
“เสร็จแล้วเหรอ?” พิธานถาม
“ครับ อีกห้านาทีจะออกจากออฟฟิศแล้ว ว่าแต่คุณมีอะไรด่วนรึเปล่า?”
“เปล่า ถ้าออกจากออฟฟิศก็โทรบอกด้วย”
“ทำไมล่ะ จะนัดผมไปไหนรึเปล่า?”
“ไม่หรอก โทรมาก็พอแล้ว” พิธานบอกเท่านั้น
“ได้ เดี๋ยวผมโทรบอก” ห้านาทีอย่างที่พี่ปีบอกไว้ ตอนนี้ทั้งสองคนลงลิฟต์และเดินออกมาจากออฟฟิศแล้ว
“พาย กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม?” พี่ปีถามในขณะที่เดินออกมาอยู่หน้าออฟฟิศแล้ว
“รบกวนพี่ปีรึเปล่าครับ?” พระพายถามอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอก ไปๆ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พระพายขึ้นไปนั่งบนรถ ในขณะเดียวกันก็โทรหาพิธานไปด้วย พิธานรับสายอย่างรวดเร็วเช่นเคย
“ลงมาจากรถคันนั้นเลย” พิธานพูดคำแรกด้วยน้ำเสียงเข้มจนพระพายตกใจ
“เดี๋ยวนะ คุณพูดว่าอะไร?” พระพายถามอย่างงๆ
“ลงจากรถคันนั้น ฉันจอดรอนายอยู่”
“ผมไม่เห็นคุณเลย” พระพายเปิดกระจกและมองเห็นแค่รถยนต์คันหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ด้านพี่ปีที่เพิ่งติดเครื่องยนต์ก็สงสัยว่าพระพายเป็นอะไร
“ทำไมเหรอพาย?” พี่ปีถามขึ้นมาทันที
“เอ่อ มีคนมารับผมแล้วครับ ขอโทษนะครับพี่ปี”
“ไม่เป็นไร กลับดีๆนะ” พี่ปีพูดพลางยิ้มให้
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
พูดจบพระพายก็รีบลงจากรถและเดินไปยังรถคันสีดำมันปลาบที่จอดอยู่ เป็นรถยุโรปที่ไม่คุ้นตา พระพายเปิดประตูและพบว่าพิธานนั่งอยู่ในรถ ด้วยใบหน้านิ่งๆของเจ้าตัวที่เห็นจนชินตา
“วางสายสิ” พิธานบอก พระพายมองโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้วางสาย
“โทษที” พระพายบอกเท่านั้น
“ถ้านายโทรหาฉันช้ากว่านี้ นายคงไปกับผู้ชายคนนั้นแล้ว” พิธานว่า มือนั้นเริ่มหมุนพวงมาลัยขับรถออกจากลานจอดรถทันที
“เขาเป็นพี่ที่ทำงาน”
“ไม่ได้ชอบนายใช่ไหม?” พิธานถาม สายตานั้นมองตรงไปยังทางข้างหน้า
“ไม่มีหรอก เรื่องแบบนั้นน่ะ”
“ถ้านายยืนยัน ฉันก็จะเชื่อ”
“ว่าแต่ทำไมวันนี้มารับผมได้ล่ะ”
“คิดถึง...อยากเจอ” พิธานพูดเท่านั้น พระพายที่ได้ยินถึงกับอมยิ้มจนแก้มพองลม
“พรุ่งนี้ผมต้องทำงานอีกวันนี่สิ ที่จริงน่าจะมาเจอกันวันพรุ่งนี้ดีกว่า” พระพายว่า
“ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ก็เจออีก”
“ว่าแต่จะไปไหน?” พระพายถาม
“ไปกินข้าวกัน และก็ไปค้างคอนโดฉัน”
“เดี๋ยวสิ ผมไม่มีเสื้อผ้านะ ของใช้ก็ไม่มี” พระพายร้องเสียงหลงทันทีเพราะไม่มีความพร้อมใดๆสักอย่าง
“ไปซื้อสิ จะยากอะไร”
“แต่ว่า”
“หรือนายไม่อยากค้างคอนโดฉัน?” พิธานถาม สายตาเหล่มองพระพาย
“ไม่ใช่อย่างนั้น..แค่คิดว่ามันสิ้นเปลือง”
“เรื่องแค่นั้นเอง ไม่เห็นจะสิ้นเปลืองตรงไหน”
“ตามใจคุณเลยล่ะกัน”
พระพายพูดเท่านั้น ก่อนที่จะเอนหลังพิงเบาะเพราะวันนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับการทำงานที่เร่งรีบเพื่อจะทำให้เสร็จตามกำหนดของตัวเอง มันคงตึงมือจนเกินไปจนรู้สึกล้า
“ง่วงก็นอนไปก่อน เดี๋ยวถึงแล้วจะบอก” พิธานบอก
“ปลุกผมนะ” พระพายพูดและเพียงไม่กี่นาทีพระพายก็หลับลงอย่างรวดเร็ว
ไม่อาจจะทราบได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รู้อีกทีพิธานก็เอาหน้ามาใกล้ๆและจูบลงตรงริมฝีปากเบาๆ นั่นทำเอาพระพายตื่นขึ้นทันที
“ถึงแล้วเหรอ?” พระพายถาม รู้สึกว่าหลับไม่ได้ไม่นานเท่าไหร่ในความรู้สึก
“ถึงแล้ว ไหวรึเปล่า?” พิธานถามพลางมองใบหน้าเหนื่อยๆของพระพาย
“ไหวสิ หิวจนจะกินช้างได้แล้ว”
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสงคนเดินเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนเยอะแยะ เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์จึงมีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยกันพอสมควร ทั้งคนเดินไปยังร้านอาหารไทยที่อยู่ในบริเวณห้างสรรพสินค้า พระพายสั่งอาหารไปหลายอย่างโดยที่พิธานนั้นไม่สั่งอะไรเลย
“คุณไม่หิวเหรอ?” พระพายถาม
“หิว แต่ให้นายสั่ง อยากกินอะไรก็ตามใจเลย”
เมื่อสั่งอาหารเสร็จก็ถึงเวลานั่งรออาหาร ลูกค้าในร้านมีกันหลายโต๊ะแต่ส่วนใหญ่ได้อาหารกันแล้ว จึงคิดว่าอาหารที่จะมาคงไม่ต้องรอนานจนเกินไป ระหว่างนั่งรอพระพายจึงส่งข้อความคุยกับเก้า ซึ่งตอนนี้รายนั้นกำลังนอนเล่นอยู่ที่ห้อง และพรุ่งนี้อยากจะนัดพระพายไปนั่งดื่มกันที่ไหนสักแห่ง แต่ดูเหมือนต้องบอกกล่าวกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อน เพราะไม่รู้ว่าพิธานจะยอมให้เขาไปกับเก้าหรือไม่
“เอ่อ พรุ่งนี้...เก้าชวนผมไปนั่งดื่ม” พระพายเกริ่นขึ้นมาพลางมองสีหน้าของพิธาน
“แล้ว?”
“ผมไปกับเก้าได้ไหม” พระพายขอตรงๆ
“แค่เก้าเหรอ?”
“ใช่ แค่เก้าไปกันสองคน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันกับไคจะไปด้วย”
“ก็น่าจะได้นะ” พระพายคิดว่าคงไม่มีปัญหาที่จะพาพิธานไปด้วยแต่ไคนี่อีกเรื่อง
เมื่อนึกถึงไค ก็นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทันที แน่นอนว่าอยากรู้มากกว่าที่เก้าเล่า จึงเลือกที่จะถามพิธานถึงเรื่องนี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ไม่รอช้าที่จะถามทันที
“เอ่อ คุณ...รู้เรื่องที่คุณไค เอ่อ...” พระพายพยายามจะถามเรื่องของไคและเก้าแต่เริ่มเรื่องไม่ถูก
“จะถามถึงเรื่องไคจีบเพื่อนนายใช่ไหม?” พิธานถามอย่างรู้ดีว่าพระพายต้องการจะถามอะไร
“คุณอ่านความคิดผมออกรึไง”
“ฉันรู้จักนายดีกว่าตัวนายอีก” พิธานว่า
“ก็เรื่องนั้นแหละ สรุปมันเป็นยังไง?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก เพื่อนฉันชอบเพื่อนนายก็เท่านั้น”
“แค่นั้นเองเหรอ เมื่อไหร่ยังไง ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ?”
“มันเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของเรา ฉันเลยไม่อยากยุ่ง มันน่ารำคาญเปล่าๆ”
“ที่จริงคุณน่าจะบอกผมสักคำ” พระพายหน้างอลงเพราะพิธานไม่ยอมบอกเขาสักคำ ปล่อยมาให้มารู้เรื่องนี้คนสุดท้ายแล้ว
“เอาเถอะ ช่างเรื่องของคนอื่น มาพูดเรื่องเราดีกว่า”
“เรื่องเรา..เรื่องอะไรเหรอ?” พระพายถามอย่างสงสัย
“ฉันอยากให้นายย้ายมาอยู่กับฉัน” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ให้ผม..ย้ายไปอยู่กับคุณเหรอ?” ถามซ้ำอีกครั้ง
“ใช่ ย้ายมาให้เร็วที่สุด” พิธานยืนยันชัดเจน
“เดี๋ยวนะ ผมว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนะ”
“นายไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ?” พิธานถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น..แต่...แต่ผมกลัวคุณรำคาญ ผมอาจจะไม่ใช่ใช่รูมเมทที่ดีนักหรอกนะ”
“นายเป็นรูมเมทที่ไหน นายเป็นแฟนฉัน” พิธานแก้ไขคำพูด เพื่อได้ยินคำว่าแฟน พระพายเริ่มจะใจหวิวๆ
“ไม่อยากบังคับ แต่ฉันอยากให้นายมาอยู่กับฉันจริงๆ” พิธานว่า เสียงนั้นดูอ่อนลงบ่งบอกว่าเป็นคำขอร้องมากกว่าการบังคับ
“ทำไมคุณถึงอยากให้ผมไปอยู่กับคุณล่ะ?” พระพายถามความต้องการที่ชัดเจนของพิธาน
“ฉันต้องการนาย อยากอยู่ใกล้นาย เท่านี้ตอนนี้มันไม่ใกล้พอสำหรับฉัน อยากใกล้กันมากกว่านี้จนไม่มีช่องว่างระหว่างเรา”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็เข้าใจทันทีว่าพิธานกำลังต้องการสิ่งใด พิธานเคยบอกว่าตัวเองเป็นคนยึดติด นั่นคงทำให้พิธานต้องการให้ไปอยู่ด้วยกันเพราะไม่อยากให้ห่างสายตา เป็นอารมณ์ของผู้ชายที่ขี้หวงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ผมขอเวลาคิดหนึ่งวัน พรุ่งนี้ผมจะบอก” พระพายบอกไปเช่นนั้น
“ต้องคิดด้วยเหรอ?” พิธานเลิกคิ้วถามอย่างไม่ชอบใจนัก
“ต้องคิดสิ ขนเสื้อผ้าย้ายที่อยู่แบบนั้น ถ้าผมโดนเขี่ยทิ้งขึ้นมาเท่ากับไร้ที่ซุกหัวนอนเลยนะ” พระพายว่า
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะเขี่ยนายทิ้ง?” พิธานถามด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ผม...ไม่รู้อนาคตนะว่าจะเป็นยังไง”
“นายคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นเหรอ ขอให้นายไปอยู่ด้วยจากนั้นก็เฉดหัวนายทิ้งเหรอ?” พระพายรู้แล้วว่าตอนนี้พิธานเริ่มไม่ชอบใจแล้ว
“ขอโทษ...แต่ผมก็มีสิทธิ์คิดนี่” พระพายว่า
“จริงของนาย เอากลับไปคิดล่ะกัน พรุ่งนี้มาตอบฉัน แต่ฉันอยากบอกนาย..ฉันต้องการนายจริงๆ” สายตาที่ส่งมานั้นยืนยันว่าคิดเช่นนั้นจริงๆ
“พรุ่งนี้ผมจะบอกนะ”
หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว อาหารก็มาพอดี ทั้งสองคนนั่งทานกันไปคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดใดๆ แม้พิธานจะเป็นเสือยิ้มยาก แต่ดูมีความสุขเวลาที่พระพายตักอาหารให้ ดวงตาจะเป็นประกายเสมอเวลาที่ถูกเอาใจ เจ้าตัวคงรู้สึกดีไม่มากก็น้อย
นานเป็นชั่วโมงกว่าจะทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็เดินดูนั่นนี่ไปในห้างสรรพสินค้าอยู่สักพักก่อนที่จะกลับไปยังรถที่จอดอยู่
“คืนนี้นายก็กลับห้องนายล่ะกัน ไปคิดมาว่าพรุ่งนี้จะตอบฉันยังไง” พิธานบอก ตอนนี้กำลังขับรถกลับมายังเส้นทางกลับห้องของพระพาย
“ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไปนอนห้องคุณ ผมไม่ได้นอนกันพอดี” พระพายว่าพลางหาววอด
“ทำไมไม่ได้นอนล่ะ?” พิธานถาม รอยยิ้มมุมปากดูทะเล้นชอบกลในสายตาของพระพาย
“ก็...ก็...” พระพายอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที
“ก็อะไรล่ะ?” พิธานถามอีก
“ก็...เราต้อง..ทำเรื่องแบบนั้นไง” พระพายว่าพลางเสหน้าไปยังข้างทาง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ต้องมาอายอะไรกับเรื่องแค่นี้
“จะอายทำไม เราทำกันจนไม่น่าจะต้องมาอายแล้ว” พิธานว่าและได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของพิธานอีกด้วย
“คุณนี่จริงๆเลย”
“อ่อ เพื่อนฉันส่งของเล่นมาให้ล่ะ พรุ่งนี้มาลองกันไหม?” พิธานพูดขึ้น
“จะบอกผมทำไมเนี่ยะ!!” พระพายร้องเสียงหลงเพราะเหมือนโดนพิธานกำลังแกล้งอยู่
“ก็ต้องบอกสิ ก็ใช้มันกับแฟน และนายเป็นอะไรสำหรับฉันล่ะ ลืมไปแล้วเหรอ?”
“ผมเป็นแฟนคุณ” พระพายย้ำเสียงเบา รู้สึกหน้าเห่อร้อน ไม่ชินเสียทีกับคำว่าแฟน จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าชินก็ไม่อาจรู้ได้
“ดีที่จำได้”
พิธานขับรถมาถึงหน้าที่พักของพระพาย และดูเหมือนว่าพิธานต้องกลับไปทำงานหรืออะไรสักอย่างเพราะดูเหมือนจะโดนโทรตามระหว่างทางที่ขับรถอยู่
“ฉันต้องไปแล้ว มีงานเข้า พรุ่งนี้ฉันว่าง ฉันจะไปมารับเหมือนวันนี้” พิธานบอก
“ขอบคุณครับ..พรุ่งนี้ผมจะรอ”
“จูบลากันหน่อยสิ” พิธานพูดในขณะที่พระพายปลดที่คาดนิรภัยออก
“ต้องทำเหรอ?” พระพายถาม
“ใช่สิ ชดเชยที่คืนนี้นายไม่ได้ไปนอนกับฉัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น พระพายก็ยื่นหน้าเข้าไปหาพิธานก่อนที่จะจูบลงบนริมฝีปากนั้นแผ่วเบาและผละออก แต่พิธานกลับรั้งไว้และจูบกลับด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าพระพายก็จูบตอบเช่นกัน คิดถึงเหลือเกินเพราะไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน แค่คุยโทรศัพท์มันไม่พอจริงๆ ตอนนี้ชักจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าพิธานรู้สึกอย่างไรถึงอยากให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน
“รีบอาบน้ำนอนล่ะ” พิธานผละจูบออกก่อนที่จะขยี้ผมพระพายเบาๆ
“ขับรถกลับดีๆนะครับ”
“ถึงแล้วจะบอก”
พระพายลงจากรถและโบกมือให้พิธานที่ขับรถออกไปแล้ว หลังจากจูบเมื่อครู่นี้และความรู้สึกโหยหาเพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน พอจะทำให้พระพายตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้คำตอบพิธานในวันพรุ่งนี้ว่าอย่างไร....
Lyrics: Close by Nick Jonas ft. Tove Lo