เรื่อง(อยากจะ)เล่าของ ๐ ผ ม กั บ ไ อ้ ตี๋ ๐ [จบแล้วครับ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง(อยากจะ)เล่าของ ๐ ผ ม กั บ ไ อ้ ตี๋ ๐ [จบแล้วครับ]  (อ่าน 1570 ครั้ง)

ออฟไลน์ หากว่ารัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2016 12:26:13 โดย หากว่ารัก »

ออฟไลน์ หากว่ารัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คำเตือน : กระทู้นี้หาสาระมิได้นอกจากความซากอ้อยของคุณแฟนของผมและความบ้าๆบอๆของเราทั้งคู่ เนื่องจากมันเป็นเรื่องเล่า ดังนั้นผมเลยอยากให้มันอยู่ตรงนี้มากกว่าจะไปอยู่ในโซนนิยาย (ผมไม่แน่ใจว่าเล้าเป็ดยังแยกเรื่องเล่า เรื่องจริง เรื่องแต่งอยู่ไหมนะครับ) มันคงโหดร้ายเกินไปถ้าจะเอาไปลงพันทิปแล้วเจอคำถามที่ว่า นี้มันนิยายรึเปล่าแว้ เนื่องจากผมเป็นคนเซนซิ(น่า)ทีปและหัวใจอ่อนไหวประดุจดังดอกไม้แรกแย้มยามสิบโมงเช้า การกระทำแบบนั้นดูจะโหดร้ายเกินไปสำหรับผม กระซิกๆ  :o12:

....เนื่องจาก 'เขา' และ 'เรา' ไม่แอนเฟรนด์เฟซบุ๊คกัน(จากคำขอของตี๋ ...เดี่ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไม) ทำให้บางที่อยากจะบ่นก็ไม่รู้จะบ่นตรงไหนดี ไม่ได้อยากให้บ่นให้ได้ยินหรอก บางที่แค่อยากเล่าให้คนอื่นฟังแบบเล่าเฉยๆบ้าง ไม่ต้องรู้จักเราบ้าง บางที่มุมมองที่คนอื่นมองมาก็สนุกดีไปอีกแบบ


เริ่มจากเราสองคนก่อน ขอแทนตัวเองว่า 'ผม' และเขาว่า 'ไอ้ตี๋' ....

...(ไอ้)คุณตี๋เป็นลูกครึ่งไทยจีน วัยขบเผาะเบาๆราว 25 ขวบ จบป.โทมาจากทวีปโลกอีกซีกหนึ่งซึ่งห่างไกลจากผมมากๆ มากจนแบบ เห้ยแกร์ เรามาเจอกันได้ยังไงว่ะ นั้นสิ อะไรที่ทำให้คนที่อยู่กันเกือบคนล่ะซีกโลกข้ามภพมาปิ้งรักกันได้ ขอบอกก่อนว่ามันไม่ใช่รักแรกพบแน่นอน เพราะในชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดจะรักใครเพียงเพราะแค่สบตาหรอกนะ

ตี๋(ขี้เกรียจด่ามันในวงเล็บแล้วครับ)เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ถูกส่งไปอยู่สิงค์โปร์ด้วยวัยเพียง 13 ขวบเพื่อเรียนระดับชั้นไอศคูลก่อนจะถูกส่งต่อไปยังประเทศอื่นๆอีกสองประเทศ และเมื่อเรียนจบโทก็วนเวียนกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างเมืองไทยเพื่อมารับช่วงกิจการครอบครัวต่อ ชีวิตตี๋คงจะดีกว่านี้หากไม่เจอมารผจญในชีวิตแบบผม ถถถถถถถถถถถ

ผมกับตี๋เจอกันผ่านงานวิจัยแห่งหนึ่ง เขาเป็นรีเซิร์ทที่ผมต้องเป็นคนสัมภาษณ์ ความรู้สึกแรกคุยกับผู้ชายคนนี้สำหรับผมคือ 'โคตรน่าเบื่อ' ตี๋เป็นมนุษย์ที่ถ้าวันรุ่งขึ้นหนีผมไปบวชเป็นพระป่าตามต่างจังหวัดผมก็ไม่ได้ตกใจเลยสักนิด เขาเป็นคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าปลายทางของกูคือนิพพาน คุยกับเขาไม่เกิน 5 ประโยคจะต้องมีบทเรียนธรรมแทรกกลับมา 1 บท ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่ตี๋ไม่รู้ในตอนนั้นคือ...

ผมเป็นคนไม่มีศาสนาครับ

....จ้า เปิดมาก็เข้ากันได้สนิทเลยนะครับ อธิบายก่อนว่าในบัตรประชาชนเขียนครับว่าผมนับถือศาสนาอะไร แต่ถ้าถามใจผม ผมค่อนข้างว่างเปล่าและปราศจากความยึดติด ผมศรัทธาในคำสอนของพระองค์แต่ไม่ศรัทธาในแนวทางปฎิบัติ สำหรับผม ตั้งอยู่ ดับไป ว่างเปล่า เพียงเท่านั้นจากในความรู้สึก และนั้นทำให้ผมเลือกที่จะไม่มีศาสนาเพราะไม่ต้องการยึดติดกับสิ่งใด ผมต้องการเพียงตายไปแล้วไม่ต้องเหลือสิ่งใดในยึดถืออีก

วันแรกของการสัมภาษณ์จบไปด้วยการที่ตี๋ขอตัวไปทำงานกับที่บ้านก่อน ความพีคเล็กๆคือเราทั้งคู่ยังไม่เคยเห็นหน้ากัน (เพราะเป็นการสัมภาษณ์แบบไม่เห็นหน้าทั้งฝ่ายสัมภาษณ์และฝ่ายถูกสัมภาษณ์) ความรู้สึกของผมในตอนนั้นคือไม่บวกไม่ลบ กระทำตามหน้าที่ไป

วันต่อมาเราสัมภาษณ์เสร็จไวเกินกว่าที่เวลากำหนดจึงได้มีเวลาคุยเรื่องอื่นๆ คุยไปคุยมา ความบังเอิญอย่างแรกคือ บ้านของตี๋และบ้านของผม เราห่างกันเพียง 1 กิโลเมตร และความบังเอิญอย่างที่สอง ไอ้ตี๋เคยอ่านกระทู้ๆหนึ่งในพันทิปของผมและเจ้าตัวเปรยออกปากมาเองว่า 'ชอบเจ้าของกระทู้มากๆ'

อ้อ เกือบลืมครับ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าผมรู้ได้ไงว่าตี๋ไม่ได้ชอบผู้หญิง คำตอบคืออาตี๋มาเข้าร่วมงานวิจัยเกี่ยวกับเพศที่สามครับ แหะๆ มันชัดเจนกันตั้งแต่แรกแล้วนี้เนาะ ตอนนั้นผมถามตี๋ว่า ตี๋เอ๊ย ลื้อเป็นรุกหรือรับแว้ อาตี๋ยิ้มๆก่อนจะตอบว่ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น (ส่วนผม...รุกครับ :) เราคุยกันสักพักใหญ่ๆจนกระทั้งหมดเวลาสัมภาษณ์

หลังการสัมภาษณ์จบลง เรื่องราวของ 'เรา' ก็เริ่มต้นขึ้น.......

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เริ่มเรื่องแล้วววว

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอจ้าาา

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ หากว่ารัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ผมลงในพันทิปด้วยแล้วก็ที่นี้ด้วยนะครับ แหะๆ อยากแบ่งปันบ้าง อะไรบ้าง ตอนแรกว่าจะเล่าตั้งแต่ต้น แต่ไม่ไหวครับ บางอันเราก็จำแบบงงๆ เลยสรุปเลยล่ะกันว่าหลังจากเป็นแฟนกันแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง 555555555 ไว้ถ้ามีโอกาส จำเรื่องไหนได้ จะเอามาเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะครับ

เห็นกระทู้ที่ถามว่าเด็กๆชอบคนอายุมากกว่าไหมแล้วคั้นไม้คั้นมืออยากจะตอบ  ในฐานะที่มีแฟนอายุมากกว่าตัวเองและเป็นมนุษย์วัยทำงานทำการ จะสาธยายให้ฟังครับว่าเห้ยยย ในมุมมองของเด็กๆที่คบคนอายุมากกว่านี้มันเป็นยังไงนะ มันเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง แล้วมีการปรับตัวอะไรบ้างระหว่างคนสองคน กระทู้นี้จะค่อนข้างอวดและอวยแฟนตัวเองเล็กๆน้อยๆถึงมากกกที่สุด เอาจริงๆคือนกมาเยอะ เจ็บมาแยะ กว่าจะมาลงตัวกันได้กระซิกๆ เพราะงั้นเขาอวดหน่อยนะ เชื่อเถอะว่าถ้าเธอมีแฟนที่ดีเธอก็อยากอวดอยากอวยแฟนตัวเองทั้งนั้น  :กอด1:


คือ ...ผมเป็นเด็กคนหนึ่งครับที่มองผู้ใหญ่อายุมากกว่าว่าน่าหลงใหล แบบจะว่าไงดีอ่ะ ? ก็เขาเป็นผู้ใหญ่อ่ะครับ พึ่งพาได้ ปรึกษาได้ และมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าเรา เอาจริงๆมันวิเศษมากเลยนะที่ได้ฟังเรื่องราวประสบการณ์ต่างๆจากปากคนหนึ่งคนที่เขาผ่านอะไรมาเยอะกว่าเรา ไหนจะรูปร่างหน้าตา การแต่งตัว บุคลิกภาพ และ 'ความมั่นคง' เพราะผู้ใหญ่หลายๆคนยิ่งเข้าวัยทำงานแล้วยิ่งรู้จักดูแลตัวเอง ความสะอาดสะอ้านอะไรต่อมิอะไร โอ๊ยบอกเลยว่าน่าทานมากๆ  :hao6:] สำคัญสุดคือเรื่อง 'ความคิด' ครับ ผู้ใหญ่มองอะไรหลายมุมมากกว่าเรา บางครั้งมุมมองของเขามันช่วยเรามองเห็นภาพรวมกับอะไรต่อมิอะไรได้อีกเยอะแยะมากกว่าแค่สายตาอ่อนประสบการณ์ของเรา


ตอนนั้นผม 17 ครับ แฟน 24 ครับ จริงๆส่วนตัวผมเคยคุยกับคนที่อายุมากกว่าผมมาเยอะนะครับ (เคยเยอะมากสุดก็อายุ 40 ปลายๆ) ชอบหนุ่มใหญ่ครับ พี่เขาดูมีของดี  :hao3: (ผมเป็นเกย์นะครับ แหะๆ) แต่กับคนนี้คือความบังเอิญหลายๆอย่างที่ลงล็อกด้วยแหละเลยได้คุยกันจนตกผลึกมาได้ขนาดนี้

-ผู้ใหญ่คือวัยที่ต้องทำงาน ไอ้การจะมาตอบไลน์เอ็งทั้งวันนะ .....มันทำไม่ได้ !!!!

แฟนผมแกต้องทำงานช่วยที่บ้านครับ หน้าที่หลักๆคือคุมคนงานทำงาน คอยเช็คคอย ไปรับของ ส่งของ และบินไปติดต่ออะไรต่อมิอะไรแทนหัวเรือใหญ่อย่างป๊าป๋า ว่าง่ายๆแฟนก็ทำตำแหน่งผู้บริหารนั้นแหละ คอยบริหารงานตลอด มโนภาพที่ผมเคยคิดไว้คือ ผู้บริหารต้องใส่ชุดสูทเท่ๆ นั่งจิบกาแฟ มีเลขาสาวแสนสวยโชว์ขาเรียวคอยจดตารางงาน ตัวเองมีหน้าที่นั่งหล่อๆไปวันๆ

...แต่นั้นไม่ใช่สำหรับแฟนผมครับ

อาตี๋แกต้องทำทุกอย่างตั้งแต่สากกระบือยันเรือรบ ไอ้ภาพผู้บริหารหล่อๆนะหลุดลอยไปเลย แมร่งหมดมู๊ดตั้งแต่ลงไปช่วยคนงานเข็นรถที่ตกบ่อแล้วครับ(แต่เอาจริง ผมว่าเท่กว่าแค่นั่งเก๊กหล่ออีก) ตั้งแต่กลับมาจากไปเรียนต่อคือเราคุยกันน้อยลงมากกกกก มากจนผมเคยคิดว่าเห้ย มันคงเป็นจุดจบของระยะทางและอายุจริงๆสินะ พารานอยด์ไปเกือบสัปดารห์ก่อนจะปรับความเข้าใจใหม่ คุยกับเขาใหม่ เอาให้เคลียร์ๆชัดๆ เราจะคุยกันตอนไหน เธอ
ทำงานตอนไหน ระบบงานยังไง

พอมีความชัดเจน อะไรๆมันก็ดีขึ้น...

ถ้าจะมีแฟนเป็นผู้ใหญ่ตรงนี้ต้องรับกันให้ได้ ชีวิตมันมีอะไรมากกว่าแค่การไลน์หากันของคนสองคน

ผมไม่ได้อดทนหรืออดกลั่นอะไรนะ แต่ผมถือว่าถ้าเราคิดอยากจะใช้ชีวิตคู่กับเขาแล้ว การ 'เข้าใจ' เป็นเรื่องสำคัญ โลกไม่ได้หมุนอยู่แค่รอบเราสองคน และความรักที่ขาดสติก็ไม่ต่างอะไรจากการนับเวลาฆ่าตัวตาย เราต้องแยกแยะถึงเวลาและสถานการณ์ เขามีงานของเขา เรามีหน้าที่ของเรา และเขามีภาระหน้าที่ๆมากกว่าจะแค่ต้องมาคอยตอบไลน์ตะแง้วๆจากเรา


เราทั้งสองคนต่างคนต่างกำลังพยายามทำหน้าที่ชีวิตที่นอกเหนือจากแค่เรื่อง 'ความรัก' อยู่

ผมปรับตัวเองใหม่ เธอไม่ตอบฉัน ไม่อ่านกันไม่เป็นอะไร ฉันอยากเล่าอะไรให้เธอฟังฉันจะเล่าไป ว่างๆเมื่อไหร่ก็ตอบกลับมา ตอบช้าไม่ว่า สติกเกอร์ไลน์ก็ไม่ว่า แค่เรายัง 'เข้าใจ' กัน ....ผมรับได้

-ผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง

อันนี้สำหรับคนอื่นผมไม่รู้ แต่ไอ้คุณผู้ใหญ่ของผมนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างจริงๆนั้นแหละ แรกๆก็ยอมรับว่านอยซ์อีกตามเคย อะไรกัน ไหนสัญญาว่าจะเจอกันเดือนล่ะครั้งสองครั้งไง นี้สามเดือนครั้งเองนะเฟ้ยยย ....แต่เอาเข้าจริง ฟังเสียงงัวเงียตอนเขาตื่นเช้าๆ เสียงเขาดูเหนื่อยๆ เขาทำงานตั้งแต่เช้ายันดึกดื่น และชีวิตเขาไม่ได้มีแค่เรา เขามีพ่อแม่ มีครอบครัวที่ต้องดูแล เวลาว่างๆจะให้ตัวเองยังไม่มีเลย

แค่แปลงเวลาจากของเขา มาเป็น 'เวลาของเรา' ผมว่ามันก็โอเคแล้วล่ะ

วันหยุดของเขาจะหมดไปกับการนอนหลับบนเตียงยาวๆ ตื่นสายบ้าง พาครอบครัวไปเที่ยวบ้าง ผมว่ามันไม่ผิดนะ ถ้าคนที่รักเขาอยู่กับเขามาตลอดเขายังดูแลได้ไม่ดีพอ แล้วเขาจะมาดูแลผมได้จริงๆเหรอครับ? อีกอย่างไม่เจอกันไม่ได้แปลว่าเราจะห่างกัน เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเชื่อมเราให้ใกล้กันมากขึ้น ไม่ได้กอดเธอไม่เป็นไร ไม่ได้เจอหน้ากันไม่ผิดหวัง บางวันไม่ได้คุยกันไม่เห็นเป็นไร

เราก็แค่กำลังรอเวลา 'ของเรา' ก็แค่นั้นเอง ^^

จะอีก 5 ปี 10 ปี อีก 20 ปีก็ยังไม่สายสักหน่อย เราไม่ได้จากกันไปไหนนิ (...แต่เร็วกว่านั้นก็ดีนะ  :katai1:) ทำหน้าที่อื่นๆให้ดีที่สุด แล้วหน้าที่ของหัวใจ ถึงเวลาเมื่อไหร่...ก็เมื่อนั้นแหละ

-ผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน ขาดความโรแมนทิค และแมร่งช่างไม่รู้อะไรบ้างเล๊ยยย (?)

หัวข้อนี้อาจจะส่วนตัวไปนิดหนึ่ง แต่พูดในภาพรวมๆแล้ว ผมว่าคนวัยทำงานเครียดกว่าวัยพวกผมนะ คือโอเคเราอาจจะบอกว่าเราก็มีเรื่องเครียดในแบบของเรา แต่กับคนที่เขาเครียดเพราะต้องแบกรับอะไรหลายๆอย่าง แบกรับชีวิตของใครหลายๆคน เราว่าสเกลความเครียดมันต่างกันนะ ผู้ใหญ่ของผมเองก็เช่นกัน เขาแบกรับอะไรเยอะมากจนบางครั้งก็ดูเฉยชากับชีวิต ขาดซึ่งอารมณ์ขัน และหลายๆครั้งมันทำให้ผมรู้สึก 'จืด'

'คุณครับ..กรุณาหวานกับผมหน่อยเห้อออออออ' บางที่ผมก็คิดกับตัวเองแบบนี้ในใจนะ ผู้ใหญ่ของผมไม่หวานเลย อย่าถามหาคำว่ารัก เหอะ ไม่มีหรอก ปากแข็งเป็นที่หนึ่ง เล่นมุกไปแล้วแมร่งไม่เกทก็ปวดใจ บางที่จะหยอดมุกหวานๆใส่เฮียแกก็เข้าสู่โหมดไร้ใจ โฮกกกก พี่จ้า จะให้น้องพยายามไปถึงไหน พี่ถึงจะหวาน จะยิ้มกับมุก(แป้กๆ) ของน้องบ้าง [:เม่าโศก:]

บางครั้งผมก็สงสัยนะ คุณรักผมจริงๆรึเปล่า ? ทำไมรักแล้วถึงไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้งล่ะ ?

แต่...การกระทำของเขาล่ะ ?

ผู้ชายที่รับมุกผมไม่เป็นแต่ไลน์ตอบกลับเสมอตอนผมทุกข์ใจ

ผู้ชายที่ยุ่งจนไม่มีเวลากระทั้งทานข้าว แต่สามารถหาเวลามาคุยกับผมได้

ผู้ชายที่แค่ได้ยินเสียงผมไอก็ไล่ผมไปทานยา

มันก็ทำให้ผมคิดได้ถึงประโยคๆหนึ่งที่เคยอ่านเจอมานะครับ

"อย่ามองหาคำว่ารักจนมองข้ามความรักที่เขาให้เรามา"
By พี่ฝนปนเหมย

บางจังหวะของชีวิต คำว่ารักก็ไม่สำคัญเท่าการกระทำที่เขามีให้แค่เรา ความใส่ใจไม่ได้แสดงออกได้เพียงแค่คำพูด การกระทำทั้งหมดของเขามันชี้ชัดอะไรหลายๆอย่างได้มากกว่าแค่คำบอกรักจากปากเสียอีก เขาเก่งนะ เชาทำให้ผม 'รู้สึกได้ว่าเขารักผม' โดยที่เขาไม่ได้จำเป็นต้องออกเสียงแม้แต่ครึ่งพยางค์ น่าแปลกที่หัวใจผมกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงคำว่ารักของเขาจริงๆ

คนบางคนก็ไม่ได้เกินมาบอร์นทูบีที่จะมาแสดงอะไรหวานๆให้กันจริงๆ แต่ช่างมันเถอะ

แค่คุณยังรักผม ผมโอเคว่ะ

-โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเราสักหน่อย

สังคมของคนล่ะคนย่อมแตกต่างกันไป เราถูกเลี้ยงดูและมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป และต้องยอมรับอย่างว่าไม่ใช่ทุกสังคมที่จะใจกว้างมากพอจะยอมรับได้ในสิ่งที่เราเป็น บางที่ผมก็เบื่อ บางที่ผมก็เหนื่อย ชีวิตสอนให้ผมรู้จัก'การเลือก'จะแคร์แค่คนสำคัญๆในชีวิต และรู้จัก 'ช่างแมร่ง' กับคนที่เขาไม่เข้าใจเรา แต่ก็ต้องยอมรับอย่างที่กล่าวไปว่าโลกไม่ได้หมุนแค่รอบตัวเรา เราจะไม่แคร์คนในสังคมเลยก็ไม่ได้ ยิ่งมีหน้าที่การงาน ยิ่งมีภาระอะไรต่อมิอะไร บางครั้งสังคมและบริบทในชีวิตก็ไม่ได้ใจดีมากพอจะอนุญาตให้เรา 'ช่างแมร่ง' กับเรื่องทุกเรื่องได้

อาตี๋ของผมบอกกับผมว่า "รู้ใช่ไหมว่าบางจุดในชีวิตของพี่ พี่ก็พาเราไปด้วยไม่ได้"

ไม่อยากจะบอกว่ารับรู้ได้ตั้งแต่รู้ว่าเอ็งเป็นลูกชายคนเดียวของคนจีนแล้วล่ะ ไอ้ตี๋เอ๊ย (เอาจริงๆตอนนั้นบอกตัวเองเลยว่า จะไม่หลงรักไอ้หมอนี้เด็ดขาด ไม่งั้นล่ะยุ่งแน่ๆ แต่ก็นั้นแหละครับ....) นี้ทำใจมานานมากๆแล้วต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เอวี่ติงจิงเก้อเบลที่มันจะเกิดขึ้น คือไม่เชิงทำใจหรอก แต่ผมปลงกับชีวิตมากกว่า เอาเข้าจริงๆคนเราไม่ว่าจะรักกันขนาดไหนสุดท้ายมันก็ต้องจากกัน มันก็ต่างแค่ว่าเราจะจากเป็นหรือจากตาย บางที่เราก็เลือกไม่ได้หรอก ไม่อยากจากบางที่ยังต้องอำลาทั้งน้ำตาเลย แต่ไม่ว่าจะจากแบบไหนสุดท้ายมันก็แปลว่าการที่เราไม่มีกันและกันอยู่ดี

แต่ทั้งหมดนั้น...มันยังมาไม่ถึง

ผมใน 'วันนี้' ยังมีเขาอยู่

โชคดีของผมอีกอย่างคือผมสามารถ 'ช่างแมร่ง' กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงได้ และบอกตัวเองว่าจะทำ 'แมร่งทุกวัน' ที่ยังมีกันและกันให้มันดีที่สุด ไม่ต้องไปคิดหรอกว่าเมื่อไหร่ ตอนไหน หรือเหตุการณ์ใดที่จะทำให้เราจากกัน แค่ตอนนี้เรายังมีกันและกันมันก็มีความสุขมากพอแล้ว เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่างก็ได้ ไม่ต้ององอาจสามารถ

เจ็บก็ร้อง เหนื่อยก็พัก รักก็บอก

ทำทุกวันที่ยังมีเราให้มันคุ้มค่ามากที่สุดในฐานะ 'หัวใจอีกครึ่งดวง' ก็พอ

นอกเหนือจากนั้นผมฝากทั้งหมดให้กับเขา เรื่องของความรักหรือความสัมพันธ์อาศัยแค่ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้

ขอแค่ทุกเช้าเรายังมีความสุขที่ได้รับสายกันและกัน

.....ผมก็ยังยืนยันว่าจะยืนรออยู่ตรงนี้นะ

-ข้อเสียอะไรที่มันไม่ได้คอขาดบาดตา มองข้ามไปได้ก็มองข้ามเถอะ

แรกรักหวานๆอะไรมันก็ดีครับ ขนาดข้อเสียของกันและกันเรายังมองข้ามมันไปได้เลย แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับระยะเวลาที่เพิ่มมากขึ้น เราต้องยอมรับก่อนว่ามนุษย์ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทั้งเราและเขาต่างมีข้อเสียแย่ๆอยู่ ที่นี้ก็มามองกันต่อว่าจะทำยังไงดี ผมใช้วิธีพิจารณาแบบเคสบายเคส ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงและไม่ได้ทำให้ความสุขในชีวิตคู่น้อยลงผมก็ยอมรับมันได้นะ นั้นหมายถึงนิสัยแย่ๆบางอย่างของผมด้วยแหละ ส่วนของเขามันจะเป็นพวกความไม่หวานมากกว่า

อาทิเช่น ผมโทรศัพท์ไปหาเขาด้วยหัวใจแฮปปี้เบิกบานปานน้ำผึ่งเดือนหกและได้รีแอ็คชั่นกลับมาแบบนี้....

"โทรมามีอะไร?"

"............"

"โอเค ...พี่ขอโทษ มันชินนะ เวลาคุยเรื่องงานแล้วมันต้องรีบเข้าประเด็น"

บางที่ก็อยากจับมันมาโขกเหม่งแรงๆ แต่เอาเหอะ ในฐานะจำเลยสารภาพความเอง ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ถ้ามันชินไปแล้วจะไปเปลี่ยนมันก็ดูจะยุ่งยาก เอาเป็นว่าเรื่องนี้มองข้ามได้ ผมก็มองข้ามให้ เอาจริงคือไม่มีแฟนคนไหนได้ดั่งใจเรา 100 % หรอก ข้อเสียพวกนี้มันต้องอาศัยการปรับตัวกันทั้งนั้น มันไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องไปเปลี่ยนเขาให้ได้ในทุกๆเรื่อง โตๆกันแล้ว รู้จักยอมรับความเป็นตัวของตัวเองทั้งกันและกันก็พอ นอกเหนือจากนั้นถ้าอันไหนไม่โอเคก็....


"อันนี้ผมไม่โอเคนะ ผมอยากให้พี่ลองปรับมุมมองบ้าง พี่มีแฟนนะครับไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว"

"มันชิน พี่อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต จะให้ปุบปับแล้วคิดถึงใครบางคนตลอดเวลาพี่ก็ทำไม่ได้อีก"

"งั้นก็ค่อยๆปรับ ยูโน้ว?"

"อื้มๆ จะลองพยายาม"

สำคัญกว่าคำสัญญาคือการกระทำ อาตี๋ชอบพูดเสมอๆว่าแค่พูดใครๆก็ทำได้ แต่การลงมือทำตามที่เราพูดนะ มันยากกว่ากันเยอะ....

และวันนี้อาตี๋มันก็ปรับตัวได้แล้วจริงๆ ยังไม่ดีมากแต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันพยายามจริงๆที่จะคลิ๊กกับผม

สุดท้ายและไม่ท้ายสุด จริงๆมีอะไรอยากจะเขียนอีกเยอะ ...แต่ผมขี้เกรียจไปเขียนในช่องคอมเม้นท์ต่อ

ผมอยากจะบอกทุกคนว่าบนโลกไม่มีไม่มี How to พิชิตนก ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำยังไงเราถึงจะได้ความรักที่ดีที่ได้ดั่งใจเรา สมปรารถนาเหมือนตัวเองอยู่ในเทพนิยาย ต้องดึงสติตัวเองบ่อยๆว่าเรายังอยู่บนโลกมนุษย์ เราทุกคนล้วน 'ไม่สมบูรณ์แบบ' แต่เชื่อเหอะว่าความรักเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตเราไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความรัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าความรักก็เป็นแรงขับเคลื่อนให้เราทำหลายๆสิ่งหลายๆอย่างในชีวิต

จงเป็นตัวของคุณเองในแบบที่คุณเป็น

เชื่อเถอะว่าในชีวิตๆหนึ่ง มันต้องเจอใครสักคนที่ยอมรับได้กับทุกสิ่งที่เป็นคุณ

ให้โอกาสทั้งเราและเขาได้ลองผิดลองถูกไปพร้อมๆกัน

ให้โอกาสหัวใจได้ขับร้องบทเพลงรัก

ระยะห่างที่พอดีให้ความรักได้พักหายใจบ้าง

สำหรับวันนี้ ....สวัสดีครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด