บทที่ 3 พี่หมอนัท (ของหวานยามบ่าย)เสียงเอะอะโวยวายโหวกเหวกเซ็งแซ่โหยหวน เอ้าๆ พอเถอะครับ อย่ามามัวทำตลกอยู่เลย ในเมื่อวันนี้ผมยอดชายนายเวย์ไม่มีอารมณ์มาตลกไปกับพวกคุณ ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของมหาลัยผมแท้ๆ แต่ผมกลับต้องแบกหน้าโทรมๆ ขอบตาดำคล้ำเยี่ยงด็อบบี้มาเรียน (หวังคุณคงเคยดูเแฮรี่ พอตเตอร์ ที่มีพระเอกตาย ตอนเรือชนภูเขาน้ำแข็งนะครับ - - น่าน ฮากริบกันไปเลยทีเดียว หึหึ) เคยมีคนบอกว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้คนสนใจในตัวเรา คือความประทับใจแรก แต่ไอ้เวรไนท์มันกำลังจะทำเรทติ้งผมป่นปี้ไม่มีชิ้นดี โว้ยยย วันเปิดเรียนตอนกูอยู่ปีสามมันมีแค่วันเดียวในชีวิตนะโว้ยยยย เอากับมันสิ
เอาล่ะครับ หลังจากบ่นเวอร์ไปหลายนาที ที่จริงหน้าตาผมมันก็ไม่ได้สึกหร่อไปเท่าไรหรอกครับ คนมันหล่อ...อะไรก็ฉุดไว้ไม่อยู่ ก๊ากก เอาเป็นว่าตัดกลับมาอยู่ในฉากปัจจุบัน
ผมเดินอาดๆ ไปยังโรงอาหารของคณะซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่พอควร มีร้านอาหารนานาชนิดให้เลือกมากกว่าสิบร้าน ยังไม่รวมร้านขายน้ำและขนมต่างอีกสี่ร้าน โต๊ะขนาดยาวที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางโรงอาหารถูกจับจองโดยกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวอย่างน่าถีบ เหอๆ แต่ถ้าได้ลองเข้าไปแหย่พวกมันล่ะก็ คุณจะรู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง
“ว่าไงเมิง ไอ้เวย์ เดินหน้าสวยเหมือนผีมาเลยนะเมิง” ไอ้นุสวดอวยพรผมเป็นคนแรกทันทีที่ผมเดินมาถึง ไอ้นุมันเป็นคนเชียงราย ขาว สูง ตี๋ แต่ปากหมาและวอนทีนเป็นที่สุด ถึงกระนั้นมันก็มีเจ้าของแล้วล่ะครับ ก็ไอ้ส้มที่นั่งกระดิกตีนมองหน้าผมอยู่ข้างๆ มันนั่นไงครับ รายนี้ก็สวยครับ...สวยแต่เปลือกนะ โดยเฉพาะเวลาที่มันไม่พูด
“จะชมหรือจะด่ากู เลือกเอาซักอย่างสิวะ” ผมว่ายิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งข้างมัน
“เวย์ เมิงเดินไปนั่งข้างไอ้แชมป์ป่ะ” ไอ้ส้มมันยื่นหน้าข้ามไหล่แฟนมันมาพูดกับผม
“ทำไมวะ” ผมก็ยื่นหน้าข้ามไหล่ไอ้นุไปถามมันบ้าง คุณเธอก็รีบดันหน้าผมออก แล้วดึงแฟนตัวเองออกห่างทันทีครับ แหนะ ทำอย่างกลัวติดเชื้อบ้ากู
“เมิงไปตรงโน้นเลย เดี๋ยวไอ้นุมันเขว แล้วทิ้งกู” พูดจบไอ้พวกที่เหลือก็ฮากันกระจายเลยครับ ผมก็ฮาไปกับเขาด้วย ไอ้ส้มกับไอ้นุมันเหมาะกันดีครับ เป็นคู่หูคู่ฮาประจำกลุ่ม ว่าแต่ไอ้คุณชายของผมมันหายหัวไปไหนของมันว้า
“เวย์ เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอจ๊ะ ตาคล้ำเชียว” ไอ้หยก สาว สวย หมวย และที่สำคัญโสด มองผมอย่างเป็นห่วง นี่ล่ะครับ นางฟ้าในฝูงควาย เหอๆ ผมไปเก็บได้ตอนรับน้อง ก๊ากก ว่าไปนั่นกู เรารู้จักกันตอนรับน้องนะครับ
“อือ มันได้นอนก็เกือบจะเช้าแล้ว ใช่ไหมเวย์” น่านน มาได้จังหวะเลยนะมึง ไอ้ไนท์ มึงถึงก็เล่นกูเลย ไอ้สันดรเอ๊ย
“เฮ้ย! เมิงรู้ได้ไงวะ ไอ้ไนท์ หรือว่า….” ไอ้แชมป์ถามแล้วทำตาโตเหมือนเห็นหมาที่บ้านมันออกลูกเป็นลิง เวอร์ไปไหมเมิง
“หึหึ เอ้า! ข้าวเช้า กินซะ” ไอ้นี่ก็เสือกไม่แก้ต่างดันมาขำในลำคอให้น่าสงสัย มือมันก็ยื่นจานข้าวไข่พะโล้ของโปรดมาปิดปากที่เตรียมจะด่าของผม
“ใจว่ะ” จากคำด่ากลายเป็นคำขอบคุณมันไปซะงั้น
“ฮิ้ววว ไปโว้ยพวกเรา รีบไปกันเหอะ ผัวเมียเขาจะดูแลกัน อย่านั่งเป็นก้างเลยวะ” ไอ้นุพูดเสียงดัง บอกแล้วครับว่ามันกวนทีน ได้จังหวะเป็นไม่ได้ เล่นกูทันที
“เชี่ยนุ ดูแลเมียเมิงโน่นไป” ผมด่ามันแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“เอ้า ค่อยๆ กินก็ได้ ข้าวมันไม่หนีไปไหนหรอก” ไอ้ไนท์ว่ายิ้มๆ แล้วโปรยเสน่ห์อีกนิดด้วยการลูบหัวผมเบาๆ โอ๊ยย เคลิ้มเว้ยเคลิ้ม
“อ้วกกกกก” สามัคคีวาจากันจริงนะพวกมึง
“เป็นเอี้ยอะไรกัน คนจะกิน แมร่งงแพ้ท้องกันรึไงวะ”
“แมร่ง ก็กูอิจฉา ข้าวก็มีคนซื้อให้กิน แถมยังนั่งประคบประหงมอย่างกับควายหวงลูก” สรุป พวกเมิงจะให้กูเป็นควายให้ได้ใช่ไหม
“นุ อิจฉาเขาเหรอ อยากให้ส้มป้อนข้าวให้มะ ป้อนด้วนตีนอ่ะ” ไอ้ส้มค้อนแฟนมัน ฮ่าๆ น่ารักดีครับ ปากอย่างนี้แหละ พวกมันถึงอยู่กันยืด
“โหย ที่รักอ่ะ เขาเปล่าอิจฉาใครน้า ที่รักของเขาดีที่สุดเลย” แล้วไอ้นุก็เอาตัวโตๆ ของมันไปเบียดกับไหล่ไอ้ส้ม ยิ้มหวาน แล้วทำหน้าอ้อนๆ
“แหวะ กูจะอ้วก” ขอกูแขวะเมิงมั่งเห้อ
“แพ้ท้องหรอเมิง แสดงว่าไอ้ไนท์มันขยันทำการบ้านล่ะสิ ก๊ากกก”
“สาดด นุ” แม่งงง ก็มันเล่นล้อกันทุกวันอย่างนี้ จะไม่ให้ผู้ชายมาดแมนแอนด์แฮนซั่ม อย่างผมหวั่นไหวได้ไงล่ะครับ จะโทษก็ต้องโทษที่ไอ้ไนท์มันขยันรับมุกล่ะครับ
“เออ ช่วงนี้กูฟิต สตาร์ทติดง่ายว่ะ ฮ่าๆ” น่าน ยังไม่ทันขาดคำ เขาชงมาไม่ต้องรับมั่งก็ได้นะเมิง
“พี่ไนท์คะ” เสียงหวานที่เรียกชื่อไอ้คุณชายทำผมถือช้อนค้าง น้องแนนเดินถือกล่องสีชมพูขนาดย่อมมาให้ไอ้ไนท์ ผมเห็นมันมองน้องเขาด้วยสายตาเรียบเฉยที่เดาไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่ช่างมันเหอะครับ เขาคงมาปรับความเข้าใจกัน ไอ้เรามันคนนอกไม่เกี่ยวอยู่แล้ว
“มีอะไร” โอ้! เสียงโหดไปไหมเพื่อนกู
“อ่ะ..เอ่อ คือ แนน แนน” น้องแนนอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานพอที่ไอ้คนความอดทนต่ำมันจะไม่ทน
“ถ้าไม่มีอะไร พี่ขอตัว ไอ้เวย์ไปเรียนได้แล้ว” ว่าแล้วมันก็ลากคอผมให้ลุกขึ้นทันที ชอบหาเรื่องให้กูจริง สาดนี่ จะเลิกกับใครก็เดือดร้อนกูทุกที ที่กูไม่มีแฟนซะทีก็เพราะเมิงเนี่ยแหล่ะ ไอ้ชั่ว รู้ตัวไหม
“กูยังแดกไม่เสร็จเลย” ขอกูแกล้งอิดออดนิดนึงเหอะ กูกลัวแฟนมึงจะลากคอกูไปฆ่าว่ะ
“จะแดกอะไรนักหนาวะ ไอ้ข้าวเนี่ย แดกอยู่ได้ทุกวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เมิงก็ต้องแดกอีก อย่าช้า ไปเรียนได้แล้ว” พูดแมวๆ นะเมิง กูกินข้าวทุกวันแล้วมันผิดตรงไหนวะ ไอ้สาดด ถ้ากูไม่แดกนี่สิ น่าห่วง
“เออๆ ยุ่งจริงโว้ย” บ่นแต่มือก็เก็บข้าวของเตรียมขึ้นเรียนครับ ผมเคยบอกหรือยังว่าเวลาไอ้คุณชายมันโกรธ มันจะกลายเป็นหมาบ้าประเภทกัดไม่เลือก
“พี่ไนท์ ยังไปไม่ได้!!” จ๊ากกก น้องครับ น้องไปกินดีหมีหัวใจเสือมากจากไหนครับเนี่ย ถึงได้กล้าไปตะคอกมันอย่างนั้น น้องรู้ไหมครับ เวลามันโกรธคนที่ซวยจะเป็นพี่เพราะไม่มีใครเข้าหน้ามันติดเลยสักคน
“ทำไม” น่าน เสียงโคตรพ่อโคตรแม่เย็นมาเลย
“ค่ะ..คือ แนน แนนขอโทษ” น้องคนสวยพูดทั้งน้ำตา โอ้ว อย่าร้องครับน้อง ไม่ใช่ว่ากลัวไอ้ไนท์มันจะใจอ่อนหรอกนะ แต่กลัวมัน....
“หึ คิดว่าน้ำตาของเธอมันแก้ไขอะไรหรือไง หลีกไป อย่าให้พี่ต้องด่าผู้หญิง” น้องรู้จักมันไม่พอครับ น้ำตาใช้กับมันไม่ได้ผล เพราะมันเกลียดคนเจ้าน้ำตา
ไอ้ไนท์เดินดุ่มๆ ออกมาพร้อมทั้งลากผมมาด้วย ทิ้งให้โรงอาหารเงียบกริบกับพายุอารมณ์ที่เพิ่งผ่านไปของเจ้าตัว เพื่อนๆ ในกลุ่มที่เหลืออยู่อีกสี่คนต่างก็เข้าไปช่วยปลอบเด็กสาวผู้น่าสงสาร เอ้า ว่าไปโน่น แต่น้องเขาน่าสงสารจริงๆ ครับ ดันรักใครไม่รัก มารักไอ้ปีศาจนี่ ว่าแต่เขาไม่ได้ดูตัวเองเลยกู
“เฮ้ย! มีเรื่องอะไรกันวะ มึงถึงต้องรุนแรงกับน้องเขาขนาดนี้” ถามไปก็กลัวโดนมันด่าอยู่ไม่น้อยครับ แต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า
“มึงอย่ารู้เลย ไม่ใช่เรื่องดีหรอก” อ้าว ยิ่งพูดอย่างนี้กูยิ่งอยากรู้ดิวะ
“แม่ง แกล้งกู”
“อะไร? แล้วมึงจะทำแก้มป่องทำไมวะ ฮ่าๆ” เป็นเอี้ยไรของมันเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แสดด อยู่ๆ มาหัวเราะกูเฉย กูไม่ใช่ตลกคาเฟ่นะเมิง แก้มมันป่องก็ไปด่ามัน ไม่ต้องมาด่ากู กูไม่เกี่ยว กูไม่ได้ทำ
“ก็มึงมาทำให้กูอยากรู้ แล้วเสือกอมไว้ ไม่คายออกมา”
“น้องแนนเขาคิดว่ากู...เป็นแฟนกับเมิง” กึก คำเฉลยของมันทำเอาผมชะงักค้างอยู่กับที่ ผม กับ มัน ก๊ากกก น้องเขาเอาหัวแม่ตีนคิดรึไงวะ ฮ่าๆ ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิน้อง พี่ตะล่อมมาสามปีเต็มยังไม่มีวี่แววเล้ย
“ฮ่าๆ ตลกว่ะ คิดได้ไงวะ”
“มีอะไรตลกวะ” มันถามเสียงเครียด อ่อ กูรู้แล้ว กลัวคนอื่นเขาเข้าใจผิดใช่ไหมวะ ฮ่วย กะแค่เป็นแฟนกับกูที่เป็นผู้ชาย ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย ดูมัน มีสักครั้งไหมที่ไม่เข้าข้างตัวเองน่ะ (ไม่มีครับ)
“โอเคๆ ไม่ตลกๆ ถ้าเมิงกลัวคนเข้าใจผิดขนาดนั้น ห่างๆ กับกูไว้หน่อยก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ แต่ใจนี่สิมันไม่ยิ้มตามไปด้วย ยังคิดไม่ออกเลยครับว่าถ้าไม่มีมันแล้ว ผมจะอยู่ยังไง
“อย่าเสนออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้ไหมวะ” มันเงียบไปนานจนผมใจเสีย นึกว่ามันจะคิดว่าคำพูดของผมเข้าท่าเสียอีก ไม่อย่างนั้นผมคงต้องกลับไปตบปากตัวเองเรียกเลือดซะหน่อย ข้อหาชี้โพรงบัดซบให้กระรอก แต่ประโยคที่มันพูดออกมาทำให้ผมอยากยิ้มกว้างแล้วกระโดดหอมแก้มมันซ้ายขวา แต่อย่าเลยครับ ผมยังไม่อยากพิการตั้งแต่ยังหนุ่มแบบนี้ เมียก็ยังไม่มี แย่
“จะยิ้ม ก็ยิ้มมาเหอะน่า ทำหน้าอย่างนั้นตลกชิบหาย ฮ่าๆ” มันหัวเราะแล้วเอามือมาดึงแก้มผมให้ยืดออก ไอ้สาด เพราะอย่างนี้ไง คนเขาถึงได้เข้าใจผิดน่ะ
“สาดไนท์” ด่าแล้วก็วิ่งไล่เตะมันแก้เขิน ใครที่เดินผ่านมาคงปลงกับชีวิต เมื่อเห็นผู้ชายตัวโตๆ สองคนวิ่งไล่กันเป็นเด็กอนุบาลอย่างนี้ เอ่ หรือว่าอายุสมองของกูกะมึงมันมีเท่านี้จริงๆ วะ?
“ฮ้าววว” โอ๊ยยย ง่วงโว้ยย ผมนั่งอ้าปากหาวเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน และดูเหมือนความอดทนอดกลั้นของผมจะหมดลงแล้ว
“ง่วงเหรอวะ” ที่ถามนี่เพราะไม่รู้ หรืออยากจะกวนทีนวะไอ้ไนท์ ตอนนี้ผมกับไอ้คุณชายกำลังนั่งฟังเลคเชอร์สุดยอดของความทรมานอยู่ในห้องเรียนรวมครับ ห้องเรียนที่เชื่อว่าจะทำให้ความตั้งใจของเราลดลงไปถึงห้าสิบเปอร์ ดังนั้นถ้าความตั้งใจดั้งเดิมมันมีแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ผมคงไม่ต้องบอกนะว่า ตอนนี้ผมเหลือกะจิตกะใจจะเรียนอยู่เท่าไร
“เพราะใครล่ะวะ เมิง กูไปงีบก่อนนะ จดเผื่อด้วยอ่ะ” บอกมันไปมือก็เก็บของไปครับ ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิดแล้วครับ
“เออๆ นอนรออยู่ข้างล่างอ่ะ เดี๋ยวกูตามไป” นอนรอ? แม่ง พูดให้กูคิดอยู่เรื่อยนะเมิง
จากนั้นผมก็อาศัยความที่นั่งอยู่เกือบริมทางเดินปลีกตัวออกมาอย่างง่ายดาย สาวเท้ายาวๆ ไปที่ซุ้มประจำของพวกผม ซึ่งอยู่เยื้องจากคณะไปเล็กน้อย แล้วจัดการสนองความง่วงของตนเองทันที ไอ้ม้านั่งยาวนี่ก็ดีเหลือหลาย มันพอดีตัวผม นอนสบายไปครับ บายครับทุกคน ขอตัวไปเฝ้าองค์อินทร์ก่อนล่ะ
“อือ” ใครมันทำอะไรอยู่ตรงแก้มกูวะ ฮ่วย ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่ไอ้สัมผัสบ้าๆ นี่มันก็ยังคงตามรังควาญไม่เลิก จนผมต้องตัดใจออกจากห้วงความฝันและลืมตาขึ้นมาพบโลกแห่งความจริงในที่สุด
“แม่ง ใครวะ?” ตะโกนออกมาอย่างเหลืออด หงุดหงิดเว้ยหงุดหงิด แม่งง ใครบังอาจกวนกูตอนนนอนฟร่ะ แม่งง
“เอ่อ..น้องเวย์” ผมกระพริบตาถี่ๆ สะบัดหัวไล่ความง่วงงุง ภาพตรงหน้าที่เห็นคือดวงหน้าคุ้นตาของใครบางคน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมีแววลำบากใจ ริมฝีปากแดงแย้มรอยยิ้มแหยๆ ภาพที่ทำให้ผมต้องกลืนคำด่าลงคอ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างแทน เจอทีไรคนๆ นี้ก็มีแต่ทำหน้าหรอหราทุกทีสิน่า
“พี่หมอ นั่งก่อนครับ” ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วขยับให้ร่างสูงนั่ง
“โทษทีที่พี่มารบกวน” เสีนงนุ่มเอ่ย เฮ้อ จะสุภาพไปไหนครับพี่
“รู้ด้วยเหรอครับว่ากวน” เล่นกับแกหน่อยครับ ก๊ากกกก ความสุขของผมได้กวนคนอื่นโดยที่ไม่โดนกวนกลับ ฮ่าๆ
“....” คนตรงหน้าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยกมือเกาศีรษะแก้เก้อ คงคิดไม่ถึงว่าผมจะพูดอย่างนี้ โหสินะพี่ มากวนผมตอนนอนเองอ่ะ
“พูดไม่ออกเลย คนเรา ผมแกล้ง พี่ดูไม่ออกรึไง”
“ดูออกครับ แต่ยอม” น่าน มีหยอดๆ เอ้า หยอดได้หยอดไปครับพี่ เอิ้กๆ
“ฮ่าๆ แล้วทำไมพี่มาอยู่นี่ได้อ่ะ”
“ไม่รู้สิครับ” พี่หมอเสยผมก่อนตอบ
“หือ?” สาดด ถ้าเมิงไม่รู้แล้วมาโผล่ที่นี่ทำด๋อยไรฟร่ะ
“ฮ่าๆ”
“อ่ะ ไม่ตอบก็ไม่ตอบ ผมไม่ถามแล้ว”
“ฮ่าๆ ผ่านมานะครับ” น่าน พอกูไม่อยากรู้ จะตอบมาเพื่อ? ไอ้นี่ ต้องเล่นมุกเดียวกับไอ้ไนท์มันเลย ถามดีๆ ไม่เคยจะได้หรอกไอ้คำตอบน่ะ ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะเตรียมจะเฝ้าพระอินทร์ต่อทันที
“เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” เสียงนุ่มๆ ถาม พร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาที่เส้นผม งืม สบายชิบ เหอๆ นี่ล่ะ ความรู้สึกนี้ ความรู้สึกของการมีพ่อ มีพี่ชาย
“อือ” ผมครางเบาๆ เหมือนลูกแมวเวลามีคนเกาคางให้ แล้วยิ้มรับสัมผัสนั้นต่อไปโดยไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง สบายเว้ย
“ขี้อ้อนจังนะเรา” อยากพูดอะไรก็พูดๆปครับพี่ ผมจะนอน
....อยากให้ช่วยมาจีบ มาจีบ มาจีบฉันที มาจีบ มาจีบฉันที.... ชะเง้อรอนานแล้ว จีบ มาจีบ มาจีบฉันที มาจีบ มาจีบ มาจีบฉันสักที... ฉันทอดสะพานให้แล้ว...
....อยากให้ช่วยมาจีบ มาจีบ มาจีบฉันที มาจีบ มาจีบฉันที.... ชะเง้อรอนานแล้ว จีบ มาจีบ มาจีบฉันที มาจีบ มาจีบ มาจีบฉันสักที... ฉันทอดสะพานให้แล้ว...
“ฮัลโหลลลลล” ผมรับสายด้วยเสียงยานคาง ใครว้า ขยันกวนกูจริง ถามไปงั้น ที่จริงแค่ได้ยินเสียงเรียกเข้าก็รู้แล้วล่ะครับว่าใคร
“เมิงอยู่ไหน?” เสียงเย็นๆ ของไอ้คุณชายทำให้ผมตาสว่างทันที ใครไปทำให้มันโกรธอีกวะเนี่ย กูล่ะอยากจะรู้นัก
“ที่ซุ้มไง” ไม่รู้มันจะโทรมาถามทำไม ทั้งๆ ที่มันก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าปกติผมจะหนีมางีบที่ไหน
“อยู่กับใคร” อะไรวะ? มาแปลกนะไอ้นี่ ผมหันไปมองก็เห็นร่างสูงของพี่หมอนอนฟุบอยู่ข้างๆ ใบหน้าคมเข้มนั้นหลับตาพริ้มอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าผมนัก
“อยู่..เอ่อ...” จะตอบว่าไงดีวะ กูจะกลัวอะไรเนี่ย ก็แค่ตอบมันไป ยากตรงไหนวะ
“ว่าไง”
“อยู่ กับ เพื่อน” เหอๆ ทำไมกูต้องเลี่ยงมันด้วยวะเนี่ยย
“คนไหน”
“เป็นอะไรของเมิงเนี่ย ถามบ้าอะไรนักหนาวะ กูง่วงนะเว้ย” ผมคงเสียงดังไปหน่อย คนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ จึงลืมตาขึ้นมา ดวงตาคู่งามดูแจ่มใสไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นเลยสักนิด
“ทำไม เดี๋ยวนี้เมิงนอนคนเดียวไม่หลับ จนต้องหาคนกล่อมเลยรึไง ไอ้เวย์” เฮือก! มันรู้ได้ยังงายย เมิงเลี้ยงกุมารเหรอไอ้ไนท์ ส่วนไอ้คนข้างๆ ไม่รู้มันใจตรงกันรึไง อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาลูบผมผมซะงั้น
“อ่ะ..อะไรของเมิงวะ” ยังไม่ทันได้คำตอบ สายก็ตัดไป ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ การกระทำของมันนับวันยิ่งน่าสงสัยเข้าไปทุกที ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ผมคิดว่าจะเป็นเกย์ ผมคงต้องขอเข้าข้างตัวเองหน่อยว่ามันหวงผม เหอๆ
“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากไปข้างหลังจนตัวปลิวไปปะทะแผ่นอกกว้าง เงยหน้ามองคนที่ยังจับคอเสื้อผมแน่น ก็เห็นเพียงสีหน้าอยากฆ่าคนของไอ้ไนท์ อย่าฆ่ากูเลย ไว้ชีวิตกูเถอะ กูยังต้องมีเมีย มีลูก มีแม่อีกคนนะเว้ย อ้าว ไปว่านั่นกู
“เอ่อ..เมิง เมิงมาได้ไงวะ” แล้วทำกูต้องทำเสียงอ่อยเหมือนคนผิดด้วยวะ กูไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย แค่ออกมานอนเนี่ย
“....” มันไม่ตอบผม แต่ส่งสายตาดุๆมาแทน เจี๊ยก! กูมีพ่อเพิ่มอีกคนรึไงวะเนี่ย
“สวัสดีครับ” พี่หมอพูดเสียงนิ่ง พลางยื่นมือมาตรงหน้า อ้ไนท์มันก็มีมารยาทพอจะปล่อยเสื้อผม แต่เสือกทะลึ่งมาบังตัวผมไว้แล้วค่อยยื่นมือออกไปจับตอบ พร้อมกล่าวทักทาย
“สวัสดีครับ ผมชื่อไนท์ เป็นเพื่อน ‘สนิท’ เวย์” เออ ย้ำจริงเว้ย ไอ้ห่-นี่ แล้วจะกอดคอกูเพื่อ? กูรู้แล้วว่าสนิทอ่ะ แม่งง ช้ำเว้ย
“ผมชื่อนัท เรียนหมออยู่ปีสี่” พี่หมอตอบยิ้มๆ แต่ตา อืม..ไม่รู้เว้ย ดูกันเอาเองเหอะ หมดอารมณ์เพราะไอ้คำว่า เพื่อนสนิท นี่แหล่ะ
“รู้จักกับไอ้เวย์ได้ไงครับ”
“พรหมลิขิตมั้ง” แกพูดแล้วยิ้มหวานทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี เออแฮะ นักเรียนแพทย์ก็เล่นมุกควายงงเป็นกับเขาด้วย
“ฮ่าๆ อ๊อก!” เสียงหัวเราะของผมต้องมีอันสะดุดลงเมื่อไอ้คนข้างตัวมันเล่นรัดคอผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ไอ้สาด เมิงจะฆ่ากูหรือไง
“ปล่อยเวย์ก่อนดีกว่ามั้ง” ขอบคุณครับพี่ ช่วยเอาตัวผมออกจาไปมันที อ๊อก! กูหายใจไม่ออกเว้ย
“เวย์มันชอบให้ผม ‘กอด’ พี่ไม่รู้หรือไง จริงไหมเวย์” ไม่จริ๊ง ไม่จริง เมิงหมายถึงกอดแบบไหนล่ะ กูจะได้ตอบถูก ถ้ากอดอย่างตอนนี้กูไม่ชอบ กู อ๊อก! มันรัดคอผมแน่นขึ้น พร้อมทั้งส่งสายให้ผมพยักหน้ายอมรับไปซะ ซึ่งผมคนไม่เคยยอมใครอย่างผมก็...
‘หงึกๆ’ พยักหน้ารับไปตามระเบียบ ทำให้ไอ้หมาบ้ามันแสยะยิ้ม แล้วปล่อยคอผมในที่สุด
“แฮ่กๆ” โอ๊ยย ใครมีอ๊อกซิเจนเม็ดไหมว้า สูดหายใจไม่ทันเว้ย
“เวย์ พี่ไปก่อนนะ แล้วเจอกันครับ” เออๆ รีบไปเหอะพี่ อย่าอยู่นานกว่านี้ ไม่แน่ว่าทั้งผมทั้งพี่อาจจะไม่รอด ผมยิ้มให้แกทีหนึ่งแต่ไม่มีอารมณ์บอกลา ขอผมบอกทักทายกับอากาศบริสุทธิ์อีกสักพักเถอะครับ โอ๊ยย เข้าจมูกมาเลยลูกพ่อ เข้ามา
“หวังว่าคง...ไม่ได้พบกันอีกนะครับ”
“หึ อย่าปล่อยให้คลาดสายตาแล้วกัน”
เอ๋! เหมือนได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ รึเปล่าครับ? เสียงเย็นๆ เหมือน...เหมือน....จ๊ากกก มหาลัยกูมีผีเหรอวะเนี่ย ม่ายยยย ไอ้เวย์ มึงหลอนเพราะสมองขาดอ็อกชิเจน รีบแดกอากาศเข้าไปซะ ไอ้ปัญญาอ่อน อ้าว! จะด่าตัวเองเพื่ออะไรวะกู?
----------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ชมน้องเวย์นะคะ ฮ่าๆ ปล่อยให้มันน่ารักของมันต่อไปล่ะกาน
สุขสันต์วันสงการนต์ทุกคนค่า
เรื่องนี้แต่งมาตั้งนานและ เพิ่งจะได้มีโอกาสมาลงที่นี่แล้วได้เสียงตอบรับขนาดนี้ ดีใจเวอร์ ฮ่าๆ
ขอบคุณชาวเล้าคร้าบบบบบบ
อ่อ ไวท์ไม่แน่ใจว่าปกติเขาลงกันยาวแค่ไหน ฮ่าๆ เอาตามความสามารถไวท์แล้วกันนะคะ