[เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)  (อ่าน 386854 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทิวลิปสีส้ม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
เปี๊ยกน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ  :o8: แต่คุณไพฑูรย์ท่าทางจะมีแต่คนขยาด  :laugh:
ดีแล้วๆ ให้มีแต่เปี๊ยกที่มองเห็นความน่ารักคนเดียวก็พอแล้ว
ขนาดคุณไพฑูรย์แกเฮี้ยบๆ ยังมีคนมาหลงเสน่ห์เยอะแยะเลยเพราะงั้นให้คนอื่นมองไม่เห็นก็ดีแล้ว  :laugh:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  :L2:

Narutear

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบแล้วกระโดดเกาะขาคนเขียน   :monkeysad:

เขียนอีกเยอะๆนะค่า อย่าเพิ่งทิ้งกันไป ให้ดีเขียนจนรวมเล่ม(แบบหนาๆ)เลยได้ยิ่งดี จะได้ซื้อเก็บ  :impress2:

ปล. ดิ้นๆๆๆๆๆ เขาจะเอาตอนต่อออออออออออออออ  :m31:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ตอนพิเศษหนึ่ง แสดงว่าต้องมีตอนพิเศษสองใช่ม๊า อร๊างงงงงงงดีใจๆ

อยากอ่านฝพาร์ทของเจ้าเปี๊ยกบ้างจัง ต้องน่ารักแน่ๆ!

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
ตอนพิเศษที่ทำให้ได้รู้ที่มาที่ไปแบบนี้ ยิ่งน่ารักขึ้นเข้าไปอีกค่ะ :-[
ขอบคุณมากๆ :pig4:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

ลุงงง ทำไมลุงน่ารักอย่างนี้เล่า 5555
ชอบเรื่องนี้มากๆคะ เสียดายจบซะแล้ว
ชอบคะๆ อยากอ่านตอนพิเศษเยอะๆ

ยังไงก็จะติดตามอ่านเรื่องต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากคะ ที่นำเรื่องราวดีมาให้อ่านกัน
+1คะ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :impress3:

น่ารักมากกกกเลยยย

แถมตอนจบมี  :m25: ด้วยยย

อิอิ

ตอนพิเศษก็น่ารักกกก

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 :haun4:
เพิ่งอ่านจบ คุณนพน่ารักมากๆเลย

ออฟไลน์ BiGgYDrIb

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ไล่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบรวดเดียว สนุกมาก เรื่องน่ารักๆไม่เครียด
นพรัตน์น่ารักจัง ในชีวิตจริงจะมีคนแบบนี้มั้ยนะ
เป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ แถมยังมั่นคงอีกตะหาก

คุณไพฑูรย์นี่ก็น่าอิจฉา มีเด็กมาติดพัน รักจริงหวังแต่งซะด้วย ^ ^

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :impress3: :impress3:

 นพโคตรน่ารั๊ก อ่ะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ความมั่นคงพ่วงความน่ารักพระเอกเราที่หนึ่ง  5555555

อยากฟังพระเอกเราเล่าเรื่องบ้างอ่ะ  อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






RanJeri

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบแล้วกรี๊ดดด คุณไพก็น่ารักแบบนิ่งๆ นพก็หล่ออ่านแล้วดูช่างเอาใจและอบอุ่น o18
พยายามจิ้นถึงหน้าตาคุณไพว่าจะเป็นแบบไหนก็นึกไม่ออก แต่ต้องดูดีม๊ากกก

อยากอ่านตอนพิเศษอีก :man1: :man1:

ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านค่า o13

akanae

  • บุคคลทั่วไป
มีบทเฉลยไหมคะ นพเก่งมาจากไหนกัน คุณไพ ของเรา เป็นหนุ่มไม่โสดซะทีน้าาาา เย่ๆ
คุณไพคงหน้าเด็กจริงๆ อ่ะนะคะ ใครๆ ก้อทักคงดูสักสามสิบต้นๆ ล่ะนะ แต่โถ สวรรค์ช่างทำร้าย
ให้คุณไพสายตายาวแล้วไม่มั่นใจซะงั้น ชอบฉากที่แมวอยุ่กับต้นกระบองเพชรค่ะ ดูอบอุ่นและน่ารักดีค่ะ
ชอบๆ จังเลยค่ะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ขอบอกว่าตอนพิเศษ ฮามากกกกกกก  :laugh:

ออฟไลน์ zakimi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
น่ารักน่าเอ็นดูนะ  นายนพ       แต่ตอนพิเศษอย่างฮาอ่ะ     ไม่มี นพเวอร์ชั่น  มาลงให้อ่านบ้างอ่ะ  อยากรู้ว่านายนพจะรู้สึกอย่างไง

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
«ตอบ #314 เมื่อ13-06-2011 00:45:35 »

อ่านแล้วเหมือนแอบฟังพชรนินทาเปี๊ยกอยู่เลย
ขำก็ขำ แต่ชอบมากกกกกกกกก

ได้ความรู้สึกอีกอย่างว่า คุณไพฑูรย์หล่อมาก เนี๊ยบ และนิ่งสุดยอด
มองในด้านนี้แล้วเทียบกับภาคปกติ
แปลว่าข้างนอก(ร่างกาย)แค่ สามสิบ ข้างใน(ความคิด) สี่สิบห้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2011 00:48:47 โดย fuku »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
อยากอ่านในมุมของนพ ไม่ก็ เอ็นซี ซักตอนไปเลย555+

ออฟไลน์ MimicClub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-3
 :-[  น่ารักจริงๆ คุณนพ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้เข้ามาย้ำว่า คนอายุ42อย่างคุณไพฑูรย์ ไม่แก่หรอกค่ะ(ถ้าไม่นับเรื่องสายตายาว)
ดูคุณป๊อบวราวุธ ผู้ประกาศช่อง3ไงคะ 39แล้ว หน้ายังกะเด็กปี3ปี4ป.ตรีแน่ะ
ดิฉันก็เลยจิ้นหน้าคุณไพฑูรย์โดยการเทียบเคียงกับหน้าคุณป๊อบอ่ะค่ะ
ดังนั้นนายนพเดินไปด้วยกันกับคุณไพฑูรย์ ก็จะดูไม่ต่างกันนักหรอก

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
วันนี้เข้ามาย้ำว่า คนอายุ42อย่างคุณไพฑูรย์ ไม่แก่หรอกค่ะ(ถ้าไม่นับเรื่องสายตายาว)
ดูคุณป๊อบวราวุธ ผู้ประกาศช่อง3ไงคะ 39แล้ว หน้ายังกะเด็กปี3ปี4ป.ตรีแน่ะ
ดิฉันก็เลยจิ้นหน้าคุณไพฑูรย์โดยการเทียบเคียงกับหน้าคุณป๊อบอ่ะค่ะ
ดังนั้นนายนพเดินไปด้วยกันกับคุณไพฑูรย์ ก็จะดูไม่ต่างกันนักหรอก

จริงๆ ผู้ชายอายุ40ต้นๆ ดูแลตัวเองดีๆ หน้าตาไม่แก่มากหรอกค่ะ ที่แน่ๆ ตีนกายังไม่ขึ้นแน่นอน เราๆ ชอบเทียบกับผู้หญิงที่"แก่ง่ายตายยาก" เลยรู้สึกว่าแก่กันมั้งคะ (แต่ผู้หญิงบางคนจะสี่สิบแล้ว หน้าตายังเหมือนยี่สิบกลางๆ อยู่เลยก็มีนะคะ เคยเจอ!!)

แหม.. ขนาด"ป๋าเบิร์ด" นี่ห้าสิบกว่าเข้าไปแล้ว หน้ายังปริ๊งอยู่เลย เพราะฉะนั้น คุณไพฑูรน์จะไป(หน้า)แก่ได้ยังไง ใช่ไหมล่ะคะ อิอิ

ปล. คุณป๊อบ39แล้วหรอค่ะ (แอบช็อก!!)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้เข้ามาย้ำว่า คนอายุ42อย่างคุณไพฑูรย์ ไม่แก่หรอกค่ะ(ถ้าไม่นับเรื่องสายตายาว)
ดูคุณป๊อบวราวุธ ผู้ประกาศช่อง3ไงคะ 39แล้ว หน้ายังกะเด็กปี3ปี4ป.ตรีแน่ะ
ดิฉันก็เลยจิ้นหน้าคุณไพฑูรย์โดยการเทียบเคียงกับหน้าคุณป๊อบอ่ะค่ะ
ดังนั้นนายนพเดินไปด้วยกันกับคุณไพฑูรย์ ก็จะดูไม่ต่างกันนักหรอก

จริงๆ ผู้ชายอายุ40ต้นๆ ดูแลตัวเองดีๆ หน้าตาไม่แก่มากหรอกค่ะ ที่แน่ๆ ตีนกายังไม่ขึ้นแน่นอน เราๆ ชอบเทียบกับผู้หญิงที่"แก่ง่ายตายยาก" เลยรู้สึกว่าแก่กันมั้งคะ (แต่ผู้หญิงบางคนจะสี่สิบแล้ว หน้าตายังเหมือนยี่สิบกลางๆ อยู่เลยก็มีนะคะ เคยเจอ!!)

แหม.. ขนาด"ป๋าเบิร์ด" นี่ห้าสิบกว่าเข้าไปแล้ว หน้ายังปริ๊งอยู่เลย เพราะฉะนั้น คุณไพฑูรน์จะไป(หน้า)แก่ได้ยังไง ใช่ไหมล่ะคะ อิอิ

ปล. คุณป๊อบ39แล้วหรอค่ะ (แอบช็อก!!)
ยังไม่เต็ม 39หรอกค่ะ คุณป๊อบเค้าเกิดปลายปี  เค้าเกิด 5 พฤศจิกายน 2515
ชิ..ผู้หญิงบางคนก็แก่ไม่ง่าย และตายไม่ยากนะ อิ อิ(แอบแอ๊บบบบ..นิดนึง)
อยากอ่านผลงานของคุณต่ออีกนะ








ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านตอนพิเศษแบบนี้ ทำให้รู้ว่า ลุงแกชวนสยองมากแค่ไหน  และเจ้าเปี๊ยกน่ารักมากแค่ไหนด้วย  ต้องชมคนแต่งว่า เขียนบรรยายออกมาได้ดีนะคะ

ปล. ไม่อยากให้เรื่องนี้จบลงเลย  :monkeysad:

ออฟไลน์ Kee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
นายเปี๊ยกน่ารักมากกกก ถึงรสนิยมจะแปลกไปหน่อยก็เถอะ...
แต่ถ้าได้แบบคุณไพฑูรย์นี่..เราให้อภัยได้   (เพราะน่ารักเว่อร์)

ปล. อยากอ่านเรื่องราวหลังจากนั้นของทั้งคู่ด้วยคะ   ขออีกสักหน่อย
ตอนนี้เหมือนจะยังหวานไม่สุดเลย   :m15:

ออฟไลน์ prettypearl

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
อ่านจากความคิดขอบพชรแล้ว (หรือพัชระหว่า  สักคนแหละ  :z2: )

นพน่ารักเว่อร์ๆอ่ะ โคตรจะดูแล อยากจะมีแบบนี้บ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ต้องเด็กขนาดนั้นนะ  o18

พิมพ์ว่าคุณลุงไม่แก่ขนาดนั้น  แต่ชอบบรรยายว่าตัวเองดูแก่อ่ะ

อย่าง hyde ณ larc en ciel ไงคะ 40 กว่าเข้าไปแล้ว ยังแป๊ะอยู่เลย แถมเดี๋ยวนี้ยังทำตัวแอ๊บอีกต่างหาก  :laugh:

คุณครูที่รร. สมัยมัธยมของพิมพ์ก็หน้าเด็ก แบบว่ารู้อายุครั้งแรกตกใจ  40 แล้วจริงง่ะ  หนูนึกว่า 20 กว่าๆ  o22

อยากอ่านมุมมองของนพบ้างอ่ะค่ะ  ทำไงถึงไปปิ๊งรักลุงไพฑูรย์ได้ 


bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วชอบคุณไพฑูรย์กับนพรัตน์จัง  :-[ +1 จ้า

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
จากพี่จิระภัทร์ ถึงน้องไพฑูรย์
   ถ้าไม่เคยเกิดมารูปหล่อพ่อรวย คงจะไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอก ครับ ผมจิระภัทร์ อย่าให้บอกนามสกุล เพราะบอกแล้วรับรองว่าจะต้องอึ้ง เอาเป็นว่าผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมาหน้าตาดี พ่อแม่มีเงินมีทองให้ใช้ไม่ขาดมือ เรียกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็ได้
   ผมเกิดมามีแต่คนพินอบพิเทา ด้วยมีทั้งนามสกุล ทุนพ่อทุนแม่ และหน้าตาระดับที่เรียกว่าโตขึ้นคงได้เป็นซูเปอร์สตาร์ หล่อยิ่งกว่าพี่เบิร์ด อ๊ะๆ พี่เบิร์ดยังเป็นรุ่นพี่ผมนะครับ ใครๆ เห็นผมก็ต้องเข้ามาเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็ไม่มีปฏิเสธ รีบหามาให้ทันที แหม.. แต่ผมไม่ใช่คนอยากได้อะไรกับใครเขาบ่อยๆ หรอก เพราะปกติก็มีคนเอามาวางไว้แทบเท้าอยู่แล้ว
   ชีวิตผมโรยด้วยกลีบกุหลาบ สมหวังในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความรัก เรียกว่าผมพอใจใคร เดี๋ยวได้มาครอบครองแน่นอน ชีวิตรักผมมันง่ายไปหมด ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น แน่นอน เพราะนามสกุลผม บวกหน้าตา บวกสารพัด ผมเลยมีทั้งชายและหญิงมาติดพัน แหม..ป๊อบขนาดนี้ ผมยังต้องกลัวอะไรอีก
   ครับ ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาจนอยู่มหาวิทยาลัยปีสาม วันนั้นเป็นวันรับน้องปีหนึ่งวันแรก ผมจำแม่นเลย เพราะคณะที่เราเรียนพอถึงปีสามมีธรรมเนียมว่าต้องไปรับน้องปีหนึ่ง ที่ผมจำแม่นเพราะเพื่อนที่สนิทกันโทรมาบอกว่า นายรีบมาดู มีน้องคนหนึ่ง แจ่มโคตร นั่นแหละ ผมถึงได้ถ่อไป ไม่มีสาวน่ารักผมไม่ไปทนร้อนหรอกนะ
   ปรากฏว่าน้องผู้หญิงที่เพื่อนผมบอกน่ะแจ่มจริงๆ แต่น้องผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กันสิ หน้าตาโคตรนิ่ง มองน้องผู้หญิงแล้วก็เลยมองเห็นไปด้วย ผมเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ เลยเรียกให้ออกมา
   “น้องผู้ชายที่นั่งอยู่ริมขวาสุดน่ะ ออกมาหน้าแถวหน่อยครับ”
   ไอ้เพื่อนที่ชวนมาทำท่าแปลกใจ มันคิดว่าผมจะเรียกน้องผู้หญิง แต่ผมบอกมันว่า อยากแกล้งไอ้น้องผู้ชายนี่ เห็นทำหน้านิ่งเชียว เพลงอะไรก็ไม่ยอมร้อง มือก็ตบไปงั้นๆ มันเลยเห็นด้วย แล้วน้องคนนั้นก็ลุกออกมา
   ที่ผมคิดอย่างแรกตอนนั้นคือ ขาวจังวะ ขนาดผมที่บ้านประคบประหงมอย่างดี ยังไม่ขาวขนาดนี้เลย น้องใส่ชุดนักศึกษามาพร้อม กางเกงรีดจนเป็นรอยจีบ เสื้อก็เรียบสนิท ติดกระดุมถึงคอ ผูกไทเรียบร้อย ผมเห็นแล้วอดทักไปไม่ได้
   “น้องครับ บ้านน้องทำร้านซักรีดหรือครับ?”
   น้องคนนั้นเหลือบตามามองผม ปกติรุ่นน้องเข้าใหม่ รุ่นพี่เรียกมันต้องหันมามองหน้าใช่ไหมล่ะ แต่ไอ้น้องคนนี้ มันไม่หัน มันแค่เหลือบตามามอง เกิดมาผมเพิ่งเคยถูกคนมองแบบนี้ เลยรู้สึกเกลียดขี้หน้าไอ้น้องนี่ขึ้นมาทันที
   “น้อง บ้านไม่สอนมารยาทหรือไง รุ่นพี่เรียกทำไมไม่หันหน้ามา” นั่นแหละ มันถึงได้หันมา เออ ขาวจริงๆ ปากงี้สีชมพูเลย ถ้าเป็นผู้หญิงจะบอกว่าน่ารักเลยนะ แต่นี่เป็นผู้ชาย แถมสายตาที่มองมานี่เรียกว่าเย็นชาสุดๆ เห็นแล้วโคตรหงุดหงิด
   “น้องชื่อไรครับ?”
   “ไพฑูรย์” โห... บอกชื่อเต็มยศ ป้ายชื่อมันก็เขียนไพฑูรย์ ผมเลยถามมันต่อ
   “น้องไม่มีชื่อเล่นหรือครับ?”
   มันไม่ตอบ ผมเลยพูดต่อ “งั้นพี่ตั้งให้ เป็นน้องไพนะครับ”
   เพื่อนผมนั่งขำ เพราะชื่อมันพอเรียกตัวหน้าโคตรเหมือนผู้หญิง ผมก็ขำนะ มันยืนนิ่งๆ จากนั้นก็เดินเข้ามา ระหว่างที่เรากำลังขำกันอยู่ จากนั้นก็....
   ผลัวะ!
   โรงอาหารที่ใช้เป็นสถานที่รับน้องเงียบกริบราวกับกดปุ่มปิดเสียง ผมน่ะนั่งอยู่นะ แต่หน้าหันเลย เจ็บจี๊ดที่แก้มโคตรๆ ตั้งแต่เกิดมาจะยี่สิบปี ผมยังไม่เคยโดนใครต่อยเลย อย่าว่าแต่ต่อย ถูกตียังนับครั้งได้ ผมตกใจจนอึ้งไปพักใหญ่ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที มันก็กลับไปนั่งที่เดิมแล้ว โมโหก็โมโหนะ ใจโคตรอยากจะเดินไปกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาต่อยเลย แต่เพื่อนๆ ห้ามเอาไว้
   “ใจเย็นๆ ภัทร์ เดี๋ยวเราจัดการให้แล้วกัน” พงษ์โพยมบอกผม หมอนี่เป็นประธานรุ่นครับ หน้าตามันไม่ได้หล่อเหลาอะไรเมื่อเทียบกับผม แต่มันดูดีแบบผู้ใหญ่ เพราะนิสัยง่ายๆ ไม่เรื่องมาก รับผิดชอบ และเข้ากับคนง่าย มันเลยได้รับคัดเลือกเป็นประธานรุ่นตั้งแต่ปีหนึ่ง
   “น้องไพฑูรย์ ออกมาหน้าแถวอีกรอบสิครับ” พงษ์โพยมออกโรงบ้าง ไอ้น้องไพฑูรย์ก็ลุกขึ้น เดินออกมาทั้งหน้าตายๆ อย่างนั้นแหละ ผมเห็นแล้วอยากเดินไปชกหน้ากลับจริงๆ ได้ยินเสียงพงษ์โพยมถามต่อ “น้องไปต่อยพี่เขาทำไมครับ?”
   “ผมไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อหน้า”
   มันตอบเสียงเรียบ แต่ฟังชัดเจนมาก ผมยังฉุนอยู่ ไม่อยากให้เรียกก็บอกดีๆ สิ ทำไมต้องต่อยกันด้วยวะ
   “น้องไม่ชอบก็ควรจะบอกพี่เขาก่อนสิครับ ไม่ใช่มาต่อยกันแบบนี้”
   ไอ้น้องไพฑูรย์พยักหน้ายอมรับ ผมนั่งฮึดฮัดมองหน้ามันอยู่ตรงเก้าอี้ รอว่าพงษ์โพยมจะทำอะไรกับมันต่อ แค่เรียกมาว่าแค่นี้ผมไม่พอใจหรอกนะ แก้มยังเจ็บแปลบๆ อยู่เลย
   “น้องเดินไปขอโทษพี่เขาดีๆ แล้วกัน จะได้ไม่มีปัญหากันวันหลัง” พงษ์โพยมว่า ไอ้น้องไพฑูรย์ยืนนิ่งๆ อยู่พัก แต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้ามา ผมก็นั่งวางมาด รอมันมาขอโทษ ตอนแรกกะให้มันกราบเท้าเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อนห้ามไว้ บอกว่าเอ็งก็เกินไป ผมเลยนั่งเฉยๆ ดูซิว่ามันจะขอโทษยังไง
   “ผมขอโทษ” มันพูดสั้นๆ แค่นี้ แถมก้มหน้าอีก ผมเลยทนไม่ไหวต้องพูดขึ้นมาบ้าง “จะขอโทษก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากันบ้างสิ จะได้รู้ว่าสำนึกผิดแล้ว”
   ไอ้น้องไพฑูรย์เงยหน้าขึ้นมาครับ มันมองผมเคืองๆ แล้วก็พูดอีกหน “ขอโทษครับ”
   ผมเกลียดขี้หน้ามันได้ถึงวินาทีนั้นเท่านั้นแหละครับ มันมองผมด้วยสายตาเคืองๆ นะ ดูยังไงก็ไม่เต็มใจขอโทษแน่ๆ แต่มันแก้มแดงด้วย ไม่รู้ว่าโกรธหรืออะไร แต่ผมนี่สิ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ตึกตึก แม่เจ้าโว้ย ทำไมรู้สึกว่ามันทำหน้าแบบนี้แล้วดูน่ารักขึ้นมาก็ไม่รู้ เด็กผู้ชายด้วยนะ อายุสิบแปดสิบเก้าแล้ว
   ผมอึ้งไปสักพัก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คนอื่นที่ดูอยู่ก็ลุ้น ลุ้นว่าผมจะพูดอะไร สุดท้ายผมเลยไล่มันกลับแถวไป
   “เออๆ กลับไปนั่งร้องเพลงที่แถวไป”
   ไพฑูรย์ยืนอยู่อีกพัก จนผมพูดต่อ “ไม่โกรธแล้ว ไปนั่งไป”
   นั่นแหละ มันถึงได้เดินกลับไป คราวนี้แทนที่ผมจะมองน้องผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างมัน ผมก็เปลี่ยนไปมองมันแทน มันไม่ยอมร้องเพลงจริงๆ ได้แต่ตบมือไปเรื่อยๆ ผมนั่งมองมันอยู่พัก ก็เรียกมันอีก
   “น้องไพฑูรย์ ทำไมไม่ร้องเพลงล่ะครับ”
   มันออกมายืนหน้าแถวสามรอบแล้ววันนี้ เรียกว่ารับน้องวันแรก เพื่อนคงรู้จักมันกันทั้งชั้นปี ไพฑูรย์ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบสั้นๆ “ผมร้องเพลงไม่เพราะ”
   โห...เพลงเชียร์ใครเขาสนใจความเพราะ ผมพูดต่อ “น้อง ไม่ได้ไปร้องเพลงประกวดนะ ร้องทำกิจกรรมน่ะ น้องเข้าใจคำว่ากิจกรรมมั้ย?”
   ไพฑูรย์พยักหน้า
   “เออ งั้นก่อนน้องกลับไปนั่ง ร้องนำเพื่อนๆ สักเพลง เอาเพลงเชียร์คณะก็ได้ เฮ้ย ปุ๋ม กลองให้น้องเขาหน่อยเด๊ะ”
   ไอ้ปุ๋มมือกลองจัดไปตามคำขอของผม ตีไปสักพัก น้องไพฑูรย์ยังไม่ยอมร้อง พงษ์โพยมเห็นแล้วท่าจะสงสาร เลยพูดขึ้นบ้าง “เดี๋ยวพี่ร้องเป็นเพื่อนแล้วกัน”
   แล้วมันก็เริ่มร้องเพลง โอ๊ย ไอ้พงษ์มันเสียงดีเวอร์ อย่างกับนักร้องเพลงปลุกใจ ผมล่ะนึกสงสัยว่าน้องไพฑูรย์ฟังมันแล้วจะกล้าร้องตามมั้ย ไพฑูรย์ยืนฟังพงษ์โพยมร้องเพลงสักพัก ก็ยอมร้องตาม พงษ์โพยมมันก็สมกับเป็นรุ่นพี่ พอน้องร้องมันก็เริ่มค่อยๆ เบาเสียง จากนั้นแหละ เราถึงได้รู้ว่าน้องไพฑูรย์หลงคีย์เพลงแบบสุดๆ ชนิดคาดไม่ถึงว่ามนุษย์โลกคนหนึ่งจะหลงได้ขนาดนี้
   น้องไพฑูรย์ร้องเพลงไปได้สักพัก พอเห็นพวกผมพยายามกลั้นขำ มันก็หยุดร้อง หันมามองเคืองๆ มองเพื่อนมันด้วย พวกเราเลยไม่มีใครกล้าขำให้มันเห็น เพราะกลัวถูกต่อย พงษ์โพยมท่าทางจะสงสารน้อง ไม่ก็อนาถใจกับความหลงคีย์ของมัน เลยบอกให้มันกลับไปนั่ง แล้วตบมือไปเฉยๆ ก็ได้
   ไพฑูรย์พยักหน้า มันขบปากนิดๆ แก้มแดงหน่อยๆ มองพวกผมอย่างเคืองๆ แล้วเดินกลับไปนั่งที่แถว ไม่รู้เพื่อนคนอื่นคิดไงนะ แต่ผมน่ะเตลิดไปเรียบร้อย ผมรู้สึกว่าไอ้น้องไพฑูรย์นี่น่ารักสุดๆ เป็นผู้ชายก็ไม่เกี่ยงแล้วล่ะ
   หลังจากนั้นผมก็มารับน้องทุกวัน หาเรื่องแกล้งน้องไพให้เขินหน้าแดงแล้วนั่งมองน้องกลับไปนั่งตบมือในแถว ไพฑูรย์ก็รู้นะว่าผมมองอยู่ มีหันมามองค้อนผมบ้าง แต่เจอกับสายตาจริงใจของผมเข้าไป น้องไพก็หลบตาทุกที ผมงี้ยิ่งชอบเข้าไปอีก เรียกว่าแกล้งแล้วชอบ ชอบแล้วเลยต้องแกล้งต่อ
   พอเข้าเปิดเทอม ผมก็ตามจีบน้องไพอย่างไม่อายฟ้าอายดิน สมัยนั้นเกย์ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนะ ผมเองก็ไม่เคยชอบผู้ชายหรอก มาชอบก็น้องไพนี่แหละ พอชอบแล้วจะให้กระมิดกระเมี้ยนมองเฉยๆ ก็ไม่ใช่นิสัยผมอีก ผมเลยจีบแบบโจ่งแจ้ง เดินไปหาที่ห้อง ชวนไปทานข้าว ซื้อดอกไม้ไปให้ เออ ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมยังไม่เคยลงทุนจีบใครทั้งตัวทั้งใจขนาดนี้เลย อย่างที่ว่า บ้านผมรวย นามสกุลผมก็ไม่ธรรมดา เรื่องที่ผมจีบน้องผู้ชาย เลยไม่มีใครกล้าว่า จะมีเตือนๆ หน่อยก็คงเป็นพงษ์โพยมนี่แหละ
   พอดีว่าตอนเปิดรหัส พงษ์โพยมได้ไพฑูรย์เป็นหลานรหัส เพราะเลขที่ตรงกัน สองคนนี่เลยสนิทกันเป็นพิเศษ ท่าทางน้องไพรำคาญที่ผมตามจีบด้วยมั้ง เลยชอบไปไหนมาไหนกับพงษ์โพยมบ่อยๆ เพราะมีแต่พงษ์โพยมคนเดียวนี่แหละที่กล้าตำหนิผมตรงๆ แถมผมก็เกรงใจมันด้วยสิ แหม...ถึงพงษ์โพยมมันจะไม่ได้รูปหล่อจัด บ้านมันก็ไม่ได้รวยมาก แต่มันมีรัศมีอำนาจในตัวมันเองนะ เรียกว่าเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกครองคนโดยเฉพาะ ขนาดผมยังเกรงใจมันเลย ดังนั้น น้องไพเลยอาศัยบารมีพี่พงษ์หลบผมได้เป็นระยะ แต่ผมมันพวกกัดไม่ปล่อยซะด้วยสิ เกิดมายังไม่เคยชอบใครขนาดนี้ ผมไม่ถอยง่ายๆ หรอก
   วันหนึ่ง ผมอาศัยช่วงจังหวะที่พงษ์โพยมไปเข้าเรียนคลาสวิชาเลือก แอบดอดมาหาน้องไพ ผมรู้ตารางเรียนน้องไพละเอียดยิบ รู้ว่าเรียนตรงไหนกี่โมง จะเดินจากตึกไหนไปตึกไหนเวลาไหน พอพงษ์โพยมไม่อยู่ ผมก็ดอดไปหาทันที
   “น้องไพจ้ะ ว่างคุยกับพี่สักครู่มั้ย?” ผมยืนหลบอยู่ตรงมุมเสา พอจังหวะที่ไพฑูรย์เดินมาก็เข้ามาดัก มั่นใจว่าอย่างน้อยน้องไพต้องตกใจจำทำหน้าตาน่ารักๆ ออกมาบ้างแหละ แต่ที่ไหนได้ คนที่ตกใจดันเป็นเพื่อนผู้หญิงที่เดินมาด้วยกันแทน ร้องกรี๊ดแล้ววิ่งไปหลบหลังน้องไพ เหมือนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด แต่หลบหลังน้องไพก็ดี ผมจะได้มองน้องไพได้ชัดๆ ไม่มีใครมายืนบัง
   ไพฑูรย์สูงสักร้อยเจ็ดสิบห้า ซึ่งเป็นความสูงมาตรฐานชายไทยในตอนนั้นแล้ว แต่เขาตัวบางมาก บางแต่ไม่ถือว่าผอมนะ อธิบายยังไงดีล่ะ เป็นพวกโครงสร้างเล็กล่ะมั้ง พอเห็นผมโผล่มาอย่างกะทันหันแล้ว น้องไพไม่เพียงแต่จะไม่ตกใจเท่านั้น ยังเดินหน้านิ่ง ตอบผมเสียงเรียบ “ไม่ว่างครับ ผมรีบไปเรียน”
   แล้วก็เดินผ่านผมไปเลย ท่าทางน้องไพจะชินกับการจีบแบบสายฟ้าแลบของผมเสียแล้ว เลยทำหน้านิ่งได้ขนาดนี้ เอาเถอะ ก็ผมเล่นตามตื้อเขาแบบนี้มาจะสองเดือนแล้วนี่นา แต่ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เมื่อไม่ยอมหยุดคุยดีๆ ผมหยุดเองก็ได้
   ไม่ใช่หยุดรังควานน้องเขานะ ผมจะหยุดไม่ให้น้องเขาเดินไปต่างหาก
   “พี่ภัทร์ ผมรีบ” ไพพูรย์เริ่มพูดอย่างมีโมโหเมื่อผมเล่นยืนขวางหน้า ชนิดถ้าไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองจะไม่ยอมให้ผ่าน
   “ไม่เป็นไร พี่รู้ วิชานี้อาจารย์ไม่เช็กชื่อ”
   “วันนี้ผมมีสอบ”
   “ตารางเรียนน้องไพสอบอาทิตย์หน้า พี่ดูมาแล้ว”
   “...............”
   “โดดเรียนไปกับพี่สักวันสิ”
   “พี่ภัทร์”
   “จ๋า”
   “ตรงผมพี่มีอะไรติดไม่รู้ หลับตาสิ เดี๋ยวผมปัดให้”
   อะไรติดหัวผมไม่รู้หรอก แต่พอคิดว่าน้องไพจะยื่นมือขาวๆ เรียวๆ มาปัดออกให้ผม ผมรีบหลับตาทันที รอว่าเมื่อไหร่น้องไพจะยื่นมือเข้ามา จะได้คว้าเอาไว้ไม่ปล่อย
   ปรากฏ... เงียบกริบ ผมยืนอยู่นานชักสงสัย เลยลืมตาขึ้นมา
   อ้าว น้องไพหายไปแล้ว หันไปมองอีกทีก็เห็นรีบวิ่งตื๋อขึ้นตึกไปอย่างกับหนีโจรงั้นแหละ เจอแบบนี้แทนที่ผมจะเซ็ง ผมยิ่งชอบ ชอบความฉลาดเอาตัวรอดนะ รู้จักใช้ความรักแบบหน้ามืดตามัวของผมให้เป็นประโยชน์ ยิ่งคิดยิ่งอยากได้น้องไพมาไว้ในครอบครองจริงๆ เล่นด้วยยากแบบนี้สิมันถึงจะสนุก
   ผมตะบี้ตะบันจีบน้องไพจนไม่ค่อยได้ไปซ้อมบาสฯซึ่งผมเล่นเป็นตัวจริงทีมคณะ เอาล่ะ คนเราจีบใครมันต้องสละอะไรบางอย่างไปบ้าง ในเมื่อผมไม่ยอมเสียเวลาเรียน ผมก็ต้องยอมเสียเวลากิจกรรมนั่นแหละ มนุษย์กิจกรรมดีเด่นอย่างผมมาหายไปแบบนี้ คนแรกที่เดือดร้อนไม่ใช่ใครอื่น พงษ์โพยมนั่นเอง
   พงษ์โพยมเป็นหนุ่มร่างใหญ่ นอกจากจะเป็นประธานรุ่นและเป็นที่นับถือของทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องแล้ว หมอนี่ยังเป็นกับตันชมรมบาสฯของคณะ พอเห็นผมโดดซ้อมขนาดนี้ ด้วยนิสัยรับผิดชอบสุดๆ เขาก็มาตามตัวผม บอกว่าวันนี้ให้เข้าซ้อมด้วย จะคัดตัวนักกีฬาใหม่ พอเห็นผมทำท่าอิดๆ ออดๆ เขาก็เลยต้องพูดต่อ   
   “ไพฑูรย์จะมาคัดด้วย ไปเข้าซ้อมนะ”
   พอพูดชื่อน้องไพออกมาเท่านั้นแหละ ผมเหมือนหมาได้กลิ่นกระดูก รีบตอบตกลงทันที เย็นนั้นผมไปถึงโรงยิมที่ใช้ซ้อมคนแรก พอพงษ์โพยมเห็นผมนั่งรออยู่ก็ขำพรืด ผมเลยต้องรีบถามเขา “นี่ พงษ์ ไม่ใช่ว่าอำเรานะว่าน้องไพจะมาน่ะ”
   “ไม่ได้อำ แค่ขำ นายดูจริงจังกับน้องเขาสุดๆ เลยนะ”
   “อ้อ แน่นอน นายไม่เคยเห็นเราจริงจังขนาดนี้ล่ะสิ”
   “อือ ปกติเราเห็นนายลอยไปลอยมา ไม่คิดว่าจะตั้งใจทำอะไรได้ขนาดนี้”
   ไอ้พงษ์โพยมมันหลอกด่าผมหรือไงนะนี่ เอาเถอะ ผมขี้เกียจเถียงกับมัน เลยหันไปซ้อมรอ เผื่อน้องไพมาถึง ได้เห็นลีลาการเล่นบาสฯของผมแล้วจะประทับใจ ยอมใจอ่อนกับผมสักนิดก็ได้
   ผมซ้อมบาสฯไป พงษ์โพยมก็กวาดพื้นโรงยิมไป เออดี ผมจะได้ไม่มีคู่แข่งแย่งสายตาจากน้องไพ พงษ์โพยมมันก็ดีอย่างนี้แหละ มันรู้ว่าเวลาไหนควรขึ้น เวลาไหนควรลงกับเพื่อน ผมว่านะ มันต้องเป็นคนชวนน้องไพให้มาคัดตัวแน่ๆ คงหวังให้ผมกลับมาเล่นบาสฯต่อล่ะมั้ง นึกแล้วก็ซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของมันจริงๆ รู้จักเอาของชอบมาล่อเพื่อน แบบนี้สิเรียกว่ารู้ใจกันจริง
   แล้วน้องๆ ก็ทยอยกันมาถึงทีละคนสองคน ผมงี้กวาดสายตาอย่างกับเรดาร์เรือดำน้ำ มองหาว่าน้องไพอยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา แล้วน้องไพก็เดินเข้ามา น้องใส่แค่กางเกงขาสั้นที่ยาวถึงเข่ากับเสื้อยืดธรรมดานะ แต่ผมมองตาค้าง สมองนึกไปว่าถ้าน้องไพได้ใส่เสื้อทีมที่เป็นแขนกุด แล้วกางเกงสั้นกว่านี้อีกนิด... ผิวน้องไพขาวขนาดนี้ ต้นขาต้นแขนคงขาวน่าดู ขนหน้าแข้งก็บ๊างบาง เอวก็สวย ก้นน่ะขนาดใส่กางเกงขาสั้นโคร่งๆ ยังพอเห็นเค้าว่าแน่นขนาดไหน เวลาใส่กางเกงนักศึกษาไม่ต้องพูด น้องไพใส่เสื้อกับกางเกงเข้ารูปพอดีเป๊ะ แต่ไม่ถึงกับรัดติ้วหรอกนะ ถึงอย่างนั้น คนที่จิตนาการบรรเจิดอย่างผม มีหรือจะมองภาพจากส่วนเว้าส่วนโค้งน้อยๆ พวกนั้นไม่ออก ว่าไปแล้วทั้งก้นทั้งเอวน้องเขาช่าง...น่าฟัดสุดๆ ผมชักไม่อยากคัดตัวนักบาสฯแล้ว เปลี่ยนไปคัดตัวนักรักบี้แทนได้ไหมเนี่ย ผมจะได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงน้องไพให้หนำใจไปเลย
   ไพฑูรย์เดินหน้าเฉยเข้ามาเช่นเคย แต่ผมงี้ยิ้มเป็นคนบ้า ระรี้ระริกทำท่าจะเดินเข้าไปหา เลยถูกพงษ์โพยมดึงตัวกลับมา
   “ภัทร์ ซ้อมไป รอน้องมาครบก่อน จะได้เริ่มคัดตัว”
   สมาชิกทีมมีกันราวๆ เจ็ดแปดคน ความจริงปีที่แล้วมีอยู่สิบสองสิบสามคน แต่พอขึ้นปีสี่ก็เลิกกันไปทำทีสิท เลยต้องรับน้องปีหนึ่งเข้ามาทุกปี พวกผมเองปีหน้าก็ต้องเลิกเล่น ไปทำทีสิทแล้วเหมือนกัน เรียกได้ว่าปีนี้จะเล่นกันเป็นปีสุดท้าย
   พวกเพื่อนๆ ร่วมทีมทยอยกันมาครบหลังจากนั้น พอเห็นหน้าผมก็พากันขำ คงรู้ล่ะสิว่าคนอย่างผมโผล่หน้ามาเพราะเหตุผลอะไร ถ้าไม่ใช่น้องไพสุดที่รักที่ยืนรออยู่กับพวกเด็กปีหนึ่งอีกสักเกือบสิบคนตรงมุมสนาม
   สมาชิกเก่ามากันก็ซ้อมกันอยู่สักสิบนาที เรียกว่าข่มขวัญรุ่นน้องที่มาคัดใหม่ โชว์ฝีมือกันเต็มที่ โดยเฉพาะผม เพราะกะอวดน้องไพอยู่แล้ว วันนี้เลยเล่นดุดันเป็นพิเศษ จนเพื่อนแซวกันให้ขรม ว่าระวังพรุ่งนี้จะไปเรียนไม่ไหว แต่คนอย่างผมซะอย่าง แค่นี้ไม่สะเทือนหรอก
   หลังจากซ้อมเรียกเหงื่อเสร็จ พงษ์โพยมก็เรียกน้องๆ มา ตอนแรกให้เริ่มจากวิ่งรอบสนามอบอุ่นร่างกายสองรอบ ไพฑูรย์ดันอยู่กลางแถวอีก จะมองก็มองไม่ถนัด โธ่เอ๋ย รู้งี้บอกพงษ์โพยมว่าให้น้องไพวิ่งรั้งท้ายก็ดี ผมจะได้ดู’ท้าย’ได้เต็มที่
   จากนั้นก็ให้วิ่งสไลล์อีกสองรอบ คราวนี้ผมได้ดูทั้งหน้าทั้งหลังน้องไพเต็มตา แหม..น้องไพพอออกแรงแล้วแก้มแดงยิ่งน่ารักเข้าไปอีก อบอุ่นร่างกายกันเสร็จ ยืดแข้งยืดขาสักพัก พงษ์โพยมก็สั่งให้น้องเลี้ยงลูกบาสฯอ้อมกรวยที่วางเอาไว้ เป็นการทดสอบขั้นแรก
   น้องปีหนึ่งปีนี้ฝีมือใช้ได้ ท่าทางทะมัดทะแมง แต่ละคนเคาะลูกบาสฯกันคล่องๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะน้องไพของผมที่ดูจะทำเอาพี่ๆ อึ้ง เออ นี่ไม่ใช่ผมพูดเข้าข้างเพราะไล่จีบน้องเขาอยู่นะ เราเห็นน้องไพ ขาวๆ ปากแดงๆ ท่าทางเรียบร้อยและเงียบๆ แบบนั้น ท่าทางไม่น่าจะเล่นกีฬาเก่ง ที่มาคงเพราะถูกพงษ์โพยมชวนมามากกว่า แต่พอเริ่มเคาะลูกบาสฯ โห...น้องเขาเคาะคล่องจริงๆ นะ เลี้ยงก็คล่อง อย่ากับว่าเล่นมานานแล้ว เห็นนิ้วเรียวขนาดนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเล่นบาสคล่องขนาดนี้ ไม่เคยนิ้วซ้นบ้างหรือไงนะ
   จบจากนั้นเราก็ลองให้น้องลองชู้ตลูกใต้แป้น ลองชู้ตลูกโทษกันให้ดู เราเริ่มเห็นกันแล้วล่ะว่ามีน้องหลายคนเคยเล่นบาสฯกันแบบจริงๆ จังๆ มาก่อน ไม่ใช่เล่นกันเอาสนุกอย่างเดียว แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นรวมไพฑูรย์ด้วย พอให้น้องลองกันสักพักแล้ว พงษ์โพยมก็เรียกพวกเราลงไปในสนาม แล้วแบ่งทีม โดยให้พวกผมเป็นตัวยืนกันอยู่ทีมละสองคน ที่เหลือเป็นน้องปีหนึ่ง เราแบ่งกันได้สี่ทีม เล่นกันทีมละสิบนาที ผมได้อยู่ทีมเดียวกับพงษ์โพยม ซึ่งเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ ส่วนผมที่ตัวใหญ่ล่ำสันรองลงมาเล่นตำแหน่งการ์ด น้องไพฑูรย์อยู่อีกทีม เพราะตัวเล็กท่าทางคล่องๆ เพื่อนผมที่อยู่อีกทีมเลยจัดให้เป็นปีก ผมก็หมายมั่นปั้นมือว่าคราวนี้แหละจะได้ล้วงลูกน้องไพพูรย์สักที
   เกมนั้นเป็นเกมแรกที่ผมได้มีโอกาสเล่นบาสฯกับน้องไพ พอลงสนามผมก็เล่นเต็มที่นะ ถึงผมจะหลักลอย แต่พอถึงเวลาเอาจริงผมก็จริงจังเหมือนกัน อีกอย่างผมเกรงใจพงษ์โพยมที่อยู่ทีมด้วยกันด้วยแหละ
   พอเริ่มเกมไปได้สักพัก เราถึงรู้ว่าน้องปีหนึ่งทั้งที่อยู่ทีมเราและทีมตรงข้ามปีนี้ฝีมือดีไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะไพฑูรย์ นี่ผมไม่ได้เข้าข้างนะครับ ไพฑูรย์เล่นบาสฯคล่องมาก ตัวเล็กๆ แต่คล่องเชียวล่ะ เหมาะกับตำแหน่งปีกจริงๆ ถึงอย่างนั้น พอสิบนาที่ผ่านไป ผลปรากฏว่าทีมของผมและพงษ์โพยมเป็นฝ่ายชนะ แน่นอนเพราะความเก่งเทพของผม และความหนาอึดของพงษ์โพยมที่เล่นเป็นเซ็นเตอร์ แค่ผมกับเขาใครก็แทบบุกเข้ามาไม่ได้แล้วล่ะ ต่อให้เป็นน้องไพก็เถอะ
   สรุปว่าเราได้น้องใหม่มาร่วมทีมอีกห้าคน แน่นอนว่าหนึ่งในนี้มีน้องไพของผมด้วย ตอนแรกเพื่อนๆ แซวกันว่าน้องไพท่าจะได้เข้าทีมเพราะเส้นผม แต่พอถึงตอนนี้ ทุกคนยอมรับว่าไพฑูรย์ฝีมือดีจริงๆ เรียกว่าเข้ามาได้เพราะฝีมือล้วนๆ
   เรามารู้กันตอนหลังว่าไพฑูรย์เคยได้เป็นตัวสำรองของทีมโรงเรียนเก่า ทั้งๆ ที่ฝีมือก็น่าจะลงเป็นตัวจริงได้ ผมมาถึงบางอ้อตอนที่พงษ์โพยมวิเคราะห์ให้ฟังในวันที่เริ่มซ้อมกันวันแรกหลังจากคัดตัวแล้วว่า น่าจะเพราะไพฑูรย์เล่นทีมเวิร์คไม่ค่อยดี ผมเลยนึกถึงตอนแข่งกันครั้งก่อน จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยจะส่งลูกให้ใครจริงๆ นั่นแหละ เรามานั่งปรึกษากันเกี่ยวกับแผนการซ้อมว่าจะทำอย่างไร แล้วพงษ์โพยมก็ได้บทสรุปเกี่ยวกับการละลายพฤติกรรมฉายเดี่ยวของน้องไพโดยให้น้องไพมาจับคู่ซ้อมกับผม
   แหม ผมล่ะอยากจะกระโดดจูบพงษ์โพยมจริงๆ ผับผ่าสิ แต่ขืนทำจริงมีหวังโดนต่อยฟันร่วงแน่
   น้องไพดูจะอารมณ์เสียที่ต้องมาจับคู่ซ้อมกับผม ทั้งๆ ที่ปกติพยายามหลบพยายามหนีแทบตาย พงษ์โพยมเลยอธิบายเหตุผลอย่างจริงๆ จังๆ ว่าไพฑูรย์จะต้องละลายพฤติกรรมเล่นคนเดียวของตัวเองให้หมด จับคู่กับผมน่ะเหมาะแล้ว เพราะไม่ค่อยถูกกัน ถ้าเล่นกับผมได้ ก็น่าจะเล่นกับคนอื่นได้ไม่มีปัญา
   แหม...ผมนะถู๊กถูกกับน้องไพนะ มีแต่น้องไพเท่านั้นแหละที่ไม่ถูกกับผม
   ในที่สุดไพฑูรย์ก็ยอมรับข้อเสนออย่างจำใจสุดๆ ผมเลยเลื่อนรายชื่อพงษ์โพยมมาอยู่ในอันดับเพื่อนรักสุดๆ เพราะทำให้ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับน้องไพแบบถึงเนื้อถึงตัว แบบนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนรักแล้วจะให้เป็นอะไรเล่า
   หลังจากนั้น ผมก็ตั้งใจมาซ้อมอย่างดี ไม่มีขาด แถมหยุดไปรังควานน้องไพที่ห้องเรียนแล้ว เพราะรู้ว่าไงๆ หลังเลิกเรียนก็ได้เจอน้องเขาอยู่ดี
   ไพฑูรย์ก็รับผิดชอบครับ ถึงจะรู้ว่าต้องมาฝึกคู่กับผม แต่ก็ไม่เคยเกี่ยง ไม่เคยมาสาย เรียกว่าแยกออกระหว่างความชอบส่วนตัว และหน้าที่ แบบนี้สิน่ารักจริง
   พงษ์โพยมให้พวกเราจับคู่กันซ้อมฟาสเบรก ผลัดกันส่งลูกผลัดกันชู้ตลูก เพื่อนๆ แซวว่าผมส่งบอลให้เบาลงหน่อย ส่งแรงเดียวน้องไพจะกระเด็น ผมก็เถียงไปว่าผมส่งไปด้วยความรัก น้องไพรับแล้วกระเด็นแปลว่าตกตะลึงในความรักของผม แต่ความเป็นจริงคือไพฑูรย์นั่นแหละที่ส่งลูกให้ผมแรงโคตรๆ อย่างกับปาใส่ พอซ้อมกันได้สักพักผมเลยแซวไปว่า
   “น้องไพไม่ต้องรักพี่ขนาดทุ่มความรักใส่แบบนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่รับไม่ไหว รักน้องไพกระเด็นไปแล้วจะเสียใจแย่”
   เพื่อนขำใหญ่ แต่ไพฑูรย์หน้านิ่งเป็นรูปปั้น เอาเถอะ หลังจากนั้นเขาก็ส่งลูกให้ผมเบาลง ไม่ปาใส่เหมือนตอนแรก ผมก็รู้จังหวะนะ ไม่แซวเขาต่อ กลัวเขาจะหันกลับมาปาลูกบาสฯใส่ผมอีก
   ผมกับไพฑูรย์จับคู่ซ้อมกันแล้ว ยังจับคู่กันเล่นทีมตลอด เรียกว่าผูกตัวติดกันเลยก็ได้ ตอนแรกน้องไพยังหยิ่ง ได้ลูกแล้วยังไม่ส่งให้ผมเหมือนเคย พอผมส่งซิกว่าให้ส่งมาก็ทำหน้าบึ้ง ตะบี้ตะบันเลี้ยงเดี่ยวไปโดนพงษ์โพยมกระแทกซะกระเด็น จนทุกคนเห็นว่าให้จับคู่กับผมน้องไพคงถือทิฐิจนไม่ยอมส่งลูกแน่ แต่พงษ์โพยมเชื่อมั่นในทฤษฏีตัวเองครับ พอซ้อมเสร็จก็พยายามมาคุยปรับความเข้าใจกับน้องไพเรื่อยๆ ผมก็พลอยมาร่วมวง นี่ไม่ได้ตั้งใจหลีนะครับ แต่ผมเองก็อยากได้คนดีๆ มาเข้าทีมเหมือนกัน ไพฑูรย์ฝีมือดี ติดอย่างเดียวที่เล่นทีมเวิร์คไม่ได้เรื่องนี่แหละ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   โดนพวกพี่ๆ ทั้งพงษ์โพยม ผม และคนอื่นๆ พูดกรอกหูทุกวัน ทิฐิของไพฑูรย์ดูจะเบาลงได้จริงๆ นั่นแหละ หลังๆ เขาเริ่มส่งลูกให้ผมแล้ว เราเข้ากันเรื่องเล่นบาสได้ดีขึ้น กระทั่งแค่มองตาก็รู้ว่าควรจะส่งให้ใครตอนไหน จนเพื่อนเริ่มแซวว่าผมคงจีบน้องเขาติดเพราะลูกบาสฯ
   ตำแหน่งเดิมของผมคือการ์ด มีหน้าที่ยืนคุมโซนด้านหลังคู่กับเซ็นเตอร์และการ์ดอีกคน พอถูกจับไปเล่นคู่กับไพฑูรย์ ซึ่งตำแหน่งเดิมที่เคยเล่นตอนอยู่โรงเรียนเก่าเป็นปีกอย่างที่ใครๆ เดา ผมเลยต้องพลอยขยับมาเป็นปีกด้วย จะได้ประสานงานกันเวลาทำเกมบุก ผมน่ะเล่นเป็นปีกยังพอไหว ถึงไม่คล่องเท่าน้องไพ แต่พอถึงโซนหลังฝ่ายตรงข้าม ก็เอาความหนาเขาเบียดแทรกเล่นลูกใต้แป้นได้เหมือนกัน ส่วนไพฑูรย์ก็อาศัยความคล่องชู้ตสามแต้มบ้าง ใต้แป้นบ้าง สลับกันไป โดยมีผมคอยช่วยสกรีนให้เวลาเข้าใต้แป้น
   แต่อย่างที่บอก ตำแหน่งเดิมของผมคือการ์ด แล้วพงษ์โพยมไม่อยากเปลี่ยนตำแหน่งผมอย่างถาวร เพราะผู้เล่นทีมเรามีปีกที่เก่งกว่าผมอยู่แล้ว ไพฑูรย์เลยต้องมาเล่นตำแหน่งการ์ดคู่กับผมด้วย ตอนแรกโคตรน่าสงสาร เพราะปีกที่เล่นอยู่คนเดิมถึงตัวไม่ใหญ่มาก แต่พอเทียบกับไพฑูรย์แล้วก็ดูตัวใหญ่ขึ้นมาทันที ปกติคนเล่นตำแหน่งการ์ดจะต้องตัวใหญ่สักหน่อย คอยบล็อกคอยกันไม่ให้ปีกฝ่ายตรงข้ามเข้ามาถึงพื้นที่ใต้แป้น แต่ไพฑูรย์ตัวเล็ก ยืนคุมเส้นใต้แป้นด้านหลังไม่ค่อยไหว พอปีกฝั่งตรงข้ามมาถึงทีไรก็เสร็จทุกที เพราะตัวไม่ใหญ่พอจะดันเอาไว้ แถมจะบล็อกลูกก็บล็อกไม่ทัน แต่น้องไพก็ปรับตัวเก่ง เรียกว่าผ่านการเล่นปีกคู่กับผมมาได้ เล่นการ์ดแล้วเสียเปรียบแค่เรื่องขนาดตัวแค่นี้ จิ๊บๆ สำหรับน้องไพ
   น้องไพเริ่มขยับตัวเองออกนอกเส้นหลัง แต่ยังไม่ดันขึ้นไปแทนตำแหน่งปีกนะ แค่เพิ่มพื้นที่เล่นให้ตัวเองสักหน่อย เพราะเบียดใต้แป้นสู้เขาไม่ได้ เลยต้องไปสู้กับเขาก่อนจะเข้ามาถึงใต้แป้น ตอนแรกผมกะว่าถ้าได้น้องไพมาร่วมทีมจะล้วงลูกให้เข็ด แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วว่า น้องไพล้วงลูกเก่งไม่แพ้กัน พูดให้ดูคิดลึกน้อยกว่านั้น ไพฑูรย์แย่งลูกเก่งครับ แย่งแบบไม่กลัวนิ้วซ้น เคาะๆ ลูกดูจังหวะกันอยู่ เผลอแว้บเดียวลูกหายแล้ว
   หลังจากเห็นว่าละลายพฤติกรรมฉายเดี่ยวของน้องไพสำเร็จแล้ว พงษ์โพยมเลยย้ายผมกลับไปเล่นตำแหน่งเดิม เลิกคอร์สฝึกจับคู่ที่ทำเอาผมมีความสุขหน้าบานมาได้ตั้งเทอมกว่า ผมก็แอบเซ็งนิดๆ เหมือนกันนะ แต่ก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องของทีมกับหน้าที่ และถึงผมจะไม่ได้จับคู่กับน้องไพแล้ว แต่พฤติกรรมที่น้องไพมีให้ผมตอนนี้ก็ดูจะเย็นชาน้อยลงกว่าช่วงแรกๆ ล่ะ ถึงอย่างนั้นก็อย่าคิดว่าผมจีบน้องเขาติดแล้ว ท่าทางคำว่าจีบติดยังห่างออกไปเป็นวาๆ สำหรับผม แค่น้องไพยอมให้ผมนั่งเยื้องๆ ตอนที่ทานข้าวรวมกันก็นับว่าบุญโขแล้ว
   ปีนั้นทีมคณะเราไปจนถึงรอบตัดเชือกในกีฬาภายในมหาวิทยาลัย แต่ก็แพ้รอบสุดท้ายให้กับแชมป์เก่าจนได้ ถึงอย่างนั้นพวกเราก็มีความสุขกันมาก ปิดร้านหมูกระทะเลี้ยงฉลองกันเป็นการใหญ่ เพราะปีก่อนๆ ทำได้แค่มาถึงรอบสี่ทีมเท่านั้นเอง
   พงษ์โพยมรับความดีความชอบไปเต็มๆ ในเรื่องนี้ไปเต็มๆ แบบไม่มีใครคัดค้าน เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการทำทีมมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แล้วประสบผลสำเร็จดีเสียด้วย เพราะทีมพัฒนาขึ้น จนเราอยากจะเล่นต่อกันอีกสักปี เผื่อจะได้ถ้วยแชมป์มาครอง แต่กิจกรรมก็กิจกรรม ปริญญาก็ปริญญาครับ อยากกันขนาดไหนก็ต้องสละที่ให้เด็กรุ่นใหม่มาสืบสานงานกันต่อ เรามองๆ แล้วพวกปีสองที่จะขึ้นปีสามปีหน้าก็ไม่ใช่ย่อยๆ คงจะสานต่อการพัฒนาและเจตนารมณ์ของกัปตันพงษ์โพยมต่อไปได้
   วันสุดท้ายของการซ้อม ไพฑูรย์ทำเซอร์ไพรส์ผม ด้วยการท้าชนผมตัวต่อตัว ตอนเข้าทีมใหม่ๆ ผมเล่นจับคู่กับเขาก็จริงนะ แต่ยังไม่เคยดวลกันตัวต่อตัวเลย พงษ์โพยมเปรยว่าเป็นการท้าชนระหว่างอนาคตปีกฝีมือดี กับอดีตสุดยอดการ์ดตัวเก่ง แต่เพื่อนคนอื่นแซวว่าสงสัยน้องไพอยากจะซัดลูกใส่หน้าผมมานานแล้ว ก่อนจะจากกันเลยขอสักที ส่วนผมนะ ผมว่าน้องไพคงซาบซึ้งกับการต้องจากผมในสนามบาสฯบ้างล่ะน่า เล่นกันมาขนาดนี้แล้ว เลยอยากจะทำอะไรคู่กับผมอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย
   เอาล่ะ ใครพูดอะไรไม่รู้ แต่พงษ์โพยมเปรยไว้ไม่ผิด ผมพอจะทระนงตัวได้ว่าเป็นสุดยอดการ์ดของทีม ถึงจะแพ้อีกคณะในรอบสุดท้ายก็เถอะ แล้วฝีมือน้องไพก็ไม่ธรรมดา เล่นเดี่ยวแบบนี้เห็นกันชัดสุดๆ เทคนิคลูกไม้แพรวพราวสมกับที่ฉายเดี่ยวมาเกือบตลอดจนมาเจอผมจริงๆ แต่ผมเล่นคู่กับเขามาเป็นเดือน รู้กันแทบหมดแล้วล่ะว่ามุขไหนเป็นยังไง ไม่ได้กินผมง่ายๆ หรอก
   เพื่อนที่นั่งดูกันอยู่ส่งเสียงแซวผมบ้างอะไรบ้างตามประสา ผมกับไพฑูรย์ยืนประจันหน้ากัน ดูซิว่าใครจะวอกแวกก่อน น้องไพก็มาหน้านิ่งเหมือนเดิมครับ ผมเองมียิ้มบ้าง พูดจากวนประสาทบ้าง แต่เรายังจ้องตากันเขม็ง แหม...เล่นกันมาสองเทอม เราถึงขั้นมองตารู้ใจแล้วล่ะ ผมรู้ว่าเขาจะยังไม่บุกทางนี้ เขาเองก็รู้ว่าผมยังไม่เปิดช่องให้เขาบุกเหมือนกัน
   เสียงเคาะลูกบาสฯสลับกับเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นโรงยิมดังให้ได้ยิน เราผลัดกันรุกผลัดกันรับจนเหงื่อเริ่มออก ไพฑูรย์โยกไปซ้ายทีขวาที เขาไวจริงๆ แต่ผมเดาสายตาเขาได้ จะไปทางไหนผมก็ดักได้หมด เพื่อนๆ เริ่มเงียบ เพราะมัวแต่อึ้งกับการเล่นเอาจริงเอาจังของพวกเราสองคน
   น้องไพแหย่จะเข้ามาเล่นใต้แป้นอยู่หลายรอบ ก็ยังบุกเข้ามาไม่ได้ ผมเองก็ยังแย่งลูกมาจากเขาไม่ได้เหมือนกัน เราก็ยังยังจดๆ จ้องๆ กันอยู่ สีหน้าเขานิ่งเหมือนเดิม เหงื่อเริ่มออก แก้มเริ่มแดงอีกแล้ว เสียงเคาะลูกบาสฯยังดังเป็นจังหวะ เท้าของเขาก็ยังขยับอย่างต่อเนื่อง คล่องจริงๆ ให้ตายสิ ถึงผมจะหลงเขาหัวปักหัวปำ แต่เล่นวัดฝีมือกันแบบนี้ ผมไม่อ่อนให้หรอกนะ เขาก็คงไม่หวังให้ผมอ่อนให้เหมือนกัน เพราะผมรู้ว่าเขานิสัยแบบนี้แหละ ผมเลยเลิกชอบเขาไม่ได้เสียที
   เสียงเคาะลูกบาสฯยังคงดังอยู่ ไพฑูรย์ขยับตัวโยกซ้ายโยกขวา ประจันหน้ากับผม จังหวะเดิมลีลาเดิม เสียงเคาะลูกบาสฯดังตึ๊บๆ พ่วงด้วยเสียงรองเท้าเสียดกับพื้นโรงยิม วินาทีนั้น ไพฑูรย์ก็หันหลังให้ผม ผมมองไม่เห็นตาเขาแล้ว..
   เสียงเคาะลูกบาสฯดังให้ได้ยินอีกครั้ง หลังจากนั้น....
   ผมเห็นไพฑูรย์กระโดด กระโดดโดยที่ยังหันหลังให้ผมอยู่ เขากระโดดสูงไม่ใช่เล่น ถึงอย่างนั้นระยะเท่านี้ผมไม่พลาดให้เขาแน่นอน แต่เขาหันหลังให้ผม...
   ผมเดาไม่ออกว่าเขาจะชู้ตลูกทางไหน
   จากนั้นผมก็เห็นเขาเอี้ยวตัวกลับมาด้านหลัง ผิวของเขาขาวอย่างกับขนปีกหงส์ คอก็ยาวเรียวได้รูป แล้วผมก็เห็นลูกบาสฯสีส้มหลุดจากมือเขา มือขาวๆ เรียวๆ ที่ไม่เคยเห็นซ้นเลยสักครั้ง
   สวบ!
   เสียงลูกบาสหล่นห่วงลอดตาข่ายก่อนจะตกลงสู่พื้นดังขึ้นด้านหลังผมที่ยืนอึ้ง เท้าของไพฑูรย์แตะพื้นนานแล้ว ผมเห็นเขากำลังยิ้ม...
   ผมตามจีบไพฑูรย์มาจะครบหนึ่งปีการศึกษา เห็นเขาทำหน้าหลายอย่าง แต่ไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย นี่คงเป็นการยิ้มครั้งแรก ที่สำคัญ เขาไม่ได้ยิ้มเยาะผม เป็นรอยยิ้มซื่อๆ ใสเหมือนแก้ว
   ขอบคุณ...
   ผมเหมือนได้ยินเขาพูดคำนี้ออกมาเลยล่ะ แค่มองตาเขานะ ทั้งโรงยิมเงียบกริบ ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรผมก็คว้าตัวไพฑูรย์มากอดหมับ คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมได้กอดเขาล่ะมั้ง แถมจะกอดทั้งที แทนที่ผมจะกอดด้วยอารมณ์เปลี่ยว ผมดันกอดเขาด้วยอารมณ์ซาบซึ้งและปลาบปลื้มในฐานะของรุ่นพี่เต็มๆ
   “นายนี่มันยอดจริงๆ “ ผมว่าและตบหลังเขาอย่างแรง ได้ยินเสียงไพฑูรย์หัวเราะแหะๆ จากนั้นเพื่อนๆ ก็ทยอยเข้ามา ตบไหล่ผมดังปึ๊ก แล้วแซวผม “เฮ้ย ภัทร์ แพ้แล้วฉวยโอกาสลวนลามน้องหรือไง”
   ผมเถียงขาดใจ “ไม่ได้ลวนลามโว้ย ฉันซาบซึ้ง ซาบซึ้งน่ะ พวกนายเข้าใจไหม ดูสิ ไอ้เด็กนี่มันล้ำหน้าพวกเราแท้ๆ อนาคตทีมเราต้องไปได้สวยแน่“
   “เออ งั้นนายปล่อยน้องเขาก่อน เดี๋ยวเขาสำลักเต่านายตาย” ไอ้เพื่อนอีกคนว่า ผมเลยยอมปล่อยไพฑูรย์ เขาเงยขึ้นมา หน้าแดงหน่อยๆ แล้วโค้งให้พวกผม “ขอบคุณพี่ๆ มากนะครับ”
   หลังจากนั้นทุกคนเลยไปรุมตบหลังตบไหล่ไพฑูรย์แทน
   วันนั้นหยุดหลีน้องไพแบบหน้าด้านหน้าทนอย่างที่เคยทำแบบปกติไปหนึ่งวัน เราไปกินเลี้ยงส่งท้ายกันที่ร้านหมูกระทะร้านเดิม จากนั้นก็ทยอยกันกลับบ้านกลับหอ ผมเดินอ้อยอิ่งทั้งๆ ที่เลยรถตัวเองไปแล้ว เพราะรอจะเจอกับน้องไพอีกสักรอบ น้องไพเดินคุยมากับพงษ์โพยมเช่นเคย พอเห็นผมเดินทอดหุ่ยอยู่ พงษ์โพยมก็รู้ใจ ปลีกตัวออกไปอย่างเงียบๆ เหลือผมกับน้องไพสองคนเดินกันริมถนน
   “น้อง..อืม..ไพฑูรย์ ไหนๆ วันนี้ก็เปิดเทอมวันสุดท้ายแล้ว ปีหน้าพี่คงไม่ได้มาเล่นบาสฯด้วยแล้ว เวลาว่างก็คงไม่ค่อยมีมาตามกวน เพราะต้องไปทำทีสิท”
   “อืม...”
   “พี่รู้ว่าปีที่ผ่านมาน้องรำคาญพี่ แต่พี่อยากจะบอกน้องว่า ยังไงพี่ก็ชอบน้องเหมือนเดิม ไม่เสียใจเลยที่ตามจีบน้อง รักน้องมาจนถึงตอนนี้ แล้วพี่ก็จะรักต่อไป”
   “อือ”
   “ไพ.....”
   “ผมจะกลับหอล่ะ พี่กลับไปที่รถเถอะ”
   ผมรู้ครับ ผมไล่จีบมาขนาดนี้ แต่ไม่เคยไปละลาบละล้วงชีวิตส่วนตัวของน้องไพถึงหอเลย แม้ผมจะอยากจับเขากดอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมมียางอายพอครับ แค่นี้ผมว่าเขาไม่ด่าผมฉอดๆ มันก็ดีแล้ว ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเดินคู่กับเขามาเรื่อยๆ
   “พี่ภัทร์...” ไพฑูรย์พูดขึ้นต่อจากนั้น “ผมชอบพี่ไม่ได้หรอก ผมชอบพี่แบบนั้นไม่ได้ พี่ไม่ใช่สเป็กผม”
   ผมอึ้งไปพักหนึ่ง รู้แล้วล่ะว่าเขาต้องตอบแบบนี้ ถึงเขาไม่พูด ผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาคิดแบบนี้ แต่....
   “ไม่เป็นไร พี่ชอบน้องไพ น้องไพไม่ชอบพี่ไม่สน พี่จะชอบ พี่อยากชอบ ให้พี่ชอบต่อไปเถอะนะ”
   “..............”
   “พี่รักน้องนะ”
   “ผมกลับหอนะพี่...”
   “.............”
   “โชคดีนะ” เขาพูด แล้วหันมาโบกมือให้ผม จากนั้นผมก็เห็นเขายิ้มหน่อยๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไป
   ผมเป็นคนเพิ่งถูกสลัดรัก เอาจริงๆ คือถูกเขาสลัดรักมานานแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ารัก อยากจะรักต่อ รักไปเรื่อยๆ เขาไม่รักผมก็ไม่เป็นไร ขอให้ผมได้รักเขาก็พอแล้ว
   สงสัยผมจะแอบโรคจิตแน่ๆ
--------------------------------------------------------------
   ถึงจะขึ้นปีสี่ ไม่ได้เล่นบาสฯด้วยกันแล้ว แต่พอมีเวลาผมจะแวะไปดูน้องไพซ้อมเป็นประจำ เรียกว่าเป็นแฟนใกล้ชิดติดขอบสนาม น้องไพมีคู่หูใหม่แล้ว เป็นปีกเหมือนกัน อยู่ปีสอง แต่หล่อน้อยกว่าผมเยอะเลย ผมเลยไม่หึงเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าน้องไพใจแข็งอยู่แล้ว แค่เล่นบาสฯด้วยกันไม่ทำให้น้องไพตกหลุมรักง่ายๆ หรอก ดูอย่างผมสิ พยายามมาตั้งหนึ่งปี ได้แค่ยิ้มกลับมาเท่านั้นเอง แต่แค่นั้นก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้วล่ะ
   น้องไพสวยไปทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ คนอื่นอาจจะมองว่าหล่อ แต่ผมจะมองว่าสวยของผม ใครจะทำไม ไพฑูรย์เป็นคนบุคลิกดีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่งตัวเนี๊ยบกริ๊บ กางนักศึกษาก็รีดจนเป็นจีบ เสื้อซักจนขาวจั๊วะ ใส่ชุดพอดีตัว เดินหลังตรงเด๊ะ อกผายไหล่ผึ่ง ขนาดเวลาซ้อมบาสแค่เดินลงสนามในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ ก็ดูอย่างกับนายแบบ เรียกว่าดูดีไปทุกจุดจริงๆ
   ขึ้นปีสองแล้วน้องไพดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่มีเขินหน้าแดงทำตาค้อนๆ แบบปีหนึ่งแล้วล่ะ แต่ยิ้มมากขึ้น พูดกับคนอื่นมากขึ้น มนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้น แต่ก็ยังเว้นระยะห่างกับคนอื่นเหมือนเดิม แหม...นี่แหละเสน่ห์ของน้องไพ ใครจะเข้าถึงได้ง่ายๆ ที่ไหน ขนาดหน้าด้านๆ อย่างผมยังทำอะไรเกราะน้ำแข็งของเขาไม่ได้เลย เพราะแบบนี้แหละผมถึงรักถึงหลงนัก
   คนสวยใจแข็งนี่เร้าอารมณ์นักล่ะ
   ปีสี่ ทีสิทโหด อาจารย์ที่ตรวจก็โหด นักศึกษาเตรียมจบอย่างพวกผมพากันฝ่อไปหมด ไม่มีอารมณ์จะไปอะไรกับใครที่ไหน อยากนอนลูกเดียว ขนาดผมที่คึกคักแข็งแรงมาตลอดยังพลอยฝ่อๆ แต่วันไหนได้ไปดูน้องไพซ้อมนะ ผมกลับมาคึกทุกที แหม... ไม่อยากบอกเลยว่า ช่วงนั้นผมใช้น้องไพเป็นเป้าเกือบตลอดเลยล่ะ คนอะไร สวยเป็นบ้า ดูมาสองปีแล้วยิ่งสวยขึ้นทุกวัน ผิวขาวเกรียมแดดลงหน่อยก็ไม่เป็นไร ยิ่งดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ปากยังแดงเหมือนเดิม หน้าสวยคอเรียว ผมตัดสั้นก็ดูทะมัดทะแมงดี แขนเรียวขาเรียว นิ้วงี้สวยสุดๆ เอวสอบ ก้นแน่นขนาดใส่กางเกงบาสฯหลวมๆ นะ ผมยังจ้องจนเห็นเชฟสวยๆ เห็นแล้วน้ำลายจะหกจริงๆ อยากจับฟัดตรงนั้นเลยล่ะ
   แต่ผมยังมีจิตสำนึกอยู่ครับ ในเมื่อน้องไพไม่ยอม ผมก็ไม่อยากขืนใจ ได้แต่หาโอกาสแต๊ะอั๋งไปตามเรื่อง แล้วเอาไปใช้ประกอบการเสริมสร้างจินตนาการเวลาอย่างนั้น แหม..มาย้อนคิดแล้วก็เขินเหมือนกันนะเนี่ย แต่ทำไงได้ ก็น้องไพน่ารักน่าหลงจริงๆ นี่นา
   วันรับปริญญาผม น้องไพมาถ่ายรูปด้วยตามประสารุ่นน้องที่ดี แน่นอนว่าเขาไม่ค่อยมาถ่ายรูปกับผมหรอก เกาะแจอยู่กับพี่รหัสอย่างพงษ์โพยมนั่นแหละ ก็สองคนนี่สนิทกันจะตาย ถ้าผมไม่รู้จักพงษ์โพยมดีนะ ผมคงหึงใส่ไปแล้วล่ะ แต่หมอนี่ชายแท้ แมนทั้งแท่ง แถมผมก็เกรงใจเขาสุดๆ เพราะฉะนั้น ยอมให้พงษ์โพยมสักคนแล้วกัน
   ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มีโอกาสผมก็จะดึงน้องไพมาถ่ายรูป น้องไพก็มาครับ ทำหน้าตายๆ ถ่ายรูปกับผม อ่ะ ไม่เป็นไร ไม่ทำหน้ารังเกียจก็พอ ผมรู้ ถ้าน้องไพไม่อยากมาถ่ายจริงผมลากยังไงก็ไม่มาหรอก นี่แหละความน่ารักของน้องไพ แหม... ถ้าทำได้อยากจะหอมแก้มสักฟอดจริงๆ นะ
   วันนั้นพงษ์โพยมพาน้องชายมาด้วย เห็นว่าจะเอ็นทรานส์เข้ามหาวิทยาลัยปีหน้านี่แหละ น้องเขาชื่อพรายโพยม ชื่อแปลกดีแท้ๆ เรียกแค่ชื่อหน้ายังหลอนๆ
   พรายโพยมตัวใหญ่เหมือนพี่ ขนาดเพิ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปดนะ หน้าตาหล่อเหล่าใช้ได้เลย นิสัยห้าวๆ คุยสนุกดี ผมเห็นก็นึกถูกชะตาอยู่ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหมอนี่ดูจะระริกระรี้กับ’พี่ไพฑูรย์’ จนออกนอกหน้า น้องไพก็ใจดีกับเด็กเหลือเกิน ถามอะไรก็ตอบ จะไปไหนก็พาไป ผมล่ะอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ นี่ถ้าผมเป็นเด็กปีหนึ่ง น้องไพจะใจดีกับผมแบบนี้ไหมนะ แต่เอาล่ะ ผมเป็นรุ่นพี่ แก่กว่าตั้งหลายปี ผมจะไปอิจฉาเด็กทำไม เด็กก็เด็กนั่นแหละ น้องไพใจแข็งอยู่แล้ว ยังไงๆ ก็ไม่อ่อนตามง่ายๆ หรอก
   หลังจากเรียนจบ ผมเริ่มกลับมาทำธุรกิจต่อที่บ้าน และเริ่มขยายกิจการของตัวเองด้วย ช่วงแรกๆ วุ่นวายน่าดู เลยขาดการติดต่อกับน้องไพไปพักหนึ่ง แต่พอปลีกตัว หาเวลาได้ ผมก็รีบแว้บไปหาน้องไพที่มหาวิทยาลัยทันที
   ชะช้า... ผมไม่อยู่ไม่กี่เดือน เจ้าพรายโพยมแอบดอดเข้าหาน้องไพซะแล้ว ได้ยินว่าเป็นหลานรหัสน้องไพซะด้วย แต่ผมเห็นน้องไพท่าทางมีความสุขดี ก็เลยขี้เกียจไปยุ่ง สำหรับผมความสุขของน้องไพสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็อดไม่ได้ต้องเตือน
   “น้องไพ คบเด็กไม่ดีหรอกนะ ระวังจะเจ็บอกเอา”
   ผมถือโอกาสที่เจ้าพรายโพยมไปเรียนแวะไปหาน้องไพที่ห้องเรียน น้องไพทำหน้างงๆ แบบโคตรน่ารัก ก่อนจะตอบผม “อือ”
   ผมไม่รู้ว่า’อือ’หมายความว่าอะไรกันแน่ แต่เอาเถอะ น้องไพเสียอย่าง แค่เด็กคงไม่ถึงกับทำให้กระทบกระเทือน
   ปีนั้นน้องไพพาทีมบาสฯคณะไปจนถึงศึกรอบตัดสิน แล้วชนะเสียด้วย ความจริงแล้วเพื่อนเขาอีกคนหนึ่งทำหน้าที่กัปตันนะ ส่วนน้องไพทำหน้าที่คล้ายๆ เลขาฯ คอยบริหารเวลาซ้อมของลูกทีม ผมว่าน้องไพเริ่มฝึกการบริหารจัดการคนจากชมรมบาสฯนี่แหละ แล้วหลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยด้วย ตอนแข่งน่ะ ถ้าสนามใกล้ แล้วผมว่างนะ ผมจะตามไปดูไม่มีพลาด
   น้องไพสวยเนี๊ยบเหมือนเคย ผมว่านะ ต้องมีคนอยากจีบเยอะแน่ๆ แต่มีเจ้าพรายโพยมคอยกันท่าอยู่ เลยไม่มีใครกล้าแหยมเข้ามามาก ผมไม่รู้สองคนนี่ไปถึงไหนกันแล้ว แต่สมัยนั้นคนเป็นเกย์ไม่กล้าเปิดเผยตัวกันนักหรอก จะมีก็คงผมนี่แหละ ผมเลยพอจะเบาใจว่าคงยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน ก็น้องไพใจแข็งแถมไว้ตัวขนาดนั้น คงไม่ยอมใครง่ายๆ หรอก
   แหม.. ถึงจะจีบไม่ติด แต่ผมก็หึงของผมเหมือนกันนะ
   ทีมบาสฯมหาวิทยาลัยเราไปได้ถึงรอบสี่ทีม ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนนั้นเลย ถึงแพ้แต่ผมว่าทุกคนคงดีใจกับผลงานในคราวนี้ ช่วงนั้นผมไม่ว่าง ติดเจรจาธุรกิจกับลูกค้า เลยให้คนเอาดอกไม้ไปส่งให้แทน ไม่รู้น้องไพจะรับไว้รึเปล่า แต่คงรับไว้แหละ แอบเอาไปทิ้งตอนหลังก็ไม่เป็นไร ให้ถึงมือน้องไพผมก็พอใจแล้ว หลังจากนั้นวันหนึ่ง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องไพ ใจความง่ายๆ สั้นๆ  ว่า “ขอบคุณนะครับ สำหรับดอกไม้” เห็นไหมล่ะ แบบนี้ไม่ให้ผมรักผมหลงได้ยังไง
   ไพฑูรย์เรียนจบ ก็ไปทำงานกับบริษัทบริษัทหนึ่ง ตอนงานรับปริญญาผมชวนเขามาทำงานด้วยนะ แต่เขาปฏิเสธ สงสัยกลัวโดนผมที่เป็นเจ้านายแต๊ะอั๋งแน่ๆ ส่วนพงษ์โพยม ตอนนั้นกำลังเริ่มๆ ทำธุรกิจตัวใหม่ เจียดเวลามาได้ช่วงสั้นๆ ผมเลยกระทุ้งให้ลองชวนน้องไพไปทำงานดู แต่น้องไพก็ปฏิเสธอีกแหละ ว่าน่าจะไม่ถนัด เอาล่ะ ในเมื่อทั้งผมทั้งพงษ์โพยมชวนไม่สำเร็จ เราก็ต้องปล่อยน้องเขาไป
   จากนั้นหนึ่งปี ผมได้ยินว่าพรายโพยมจะไปเรียนต่ออเมริกา ตอนที่ผมได้ข่าวผมนึกถึงน้องไพเลยนะ คือผมน่ะ จีบน้องไพมานานก็นาน ผมว่าผมพอมองความในใจของน้องไพออกนะว่าคิดอะไรกับพรายโพยม แต่เพราะน้องไพเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ผมเลยไม่รู้ว่าก่อนจะไปเรียนต่อ สองคนนี่ตกลงกันว่าไง แต่ช่วงนั้นผมยุ่งๆ อยู่กับธุรกิจ เพราะพงษ์โพยมเริ่มก่อร่างสร้างตัวได้พอสมควรแล้ว แต่ยังต้องการคนช่วย ผมที่คอยช่วยอยู่ห่างๆ เลยได้รู้ข่าวว่าพรายโพยมไปเรียนต่อนั่นแหละ
   ถึงจะยุ่ง แต่ข่าวน้องไพเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผมเสมอมา หลังพรายโพยมไปได้สักครึ่งปี ผมรู้ข่าวว่าไพฑูรย์ลาออกจากบริษัทเดิม แล้วเงียบไปเลย ผมงี้ใจหายวาบ ปกติน้องไพรับผิดชอบจะตาย แถมขยันสุดๆ ลาออกจากที่เก่าแล้วหายเงียบไปแบบนี้มันผิดปกติ ผมเลยโทรศัพท์หาเขา เขาก็ไม่รับสาย สุดท้าย ถึงผมจะรู้เต็มอกว่าไพฑูรย์ไม่ชอบให้ใครไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ผมก็ยังอุตส่าห์ตามไปหาเขาถึงที่พัก เพราะความเป็นห่วงล้วนๆ นั่นล่ะ
   พอไพฑูรย์เปิดประตูออกมา ผมงี้อึ้ง น้องไพน่ะสวย เฉียบ เนี๊ยบอยู่เสมอนะ ไม่เคยปล่อยตัวเองให้โทรมเลย แต่วันนี้น้องไพดูโทรมมาก แก้มก็ตอบลง หน้าก็ดูไม่ดี เรายืนมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป
   “ไพ... เพราะพรายใช่ไหม?”
   ไพฑูรย์ไม่ตอบคำถามผม เขาเงียบไปพักหนึ่ง แล้วพูดเสียงเรียบ “ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ”
   แล้วเขาก็ปิดประตู ผมยืนนิ่งไปเลยล่ะ โกรธน่ะโกรธสุดๆ เลย โกรธพรายโพยมนะว่า ทำไมถึงทิ้งให้น้องไพกลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าคนใจแข็งน่ะ เวลาอ่อนแล้วมันอ่อนยวบเลยล่ะ ผมโคตรโมโห ถ้าพรายโพยมอยู่ใกล้ๆ ผมคงซ้อมเขาไปแล้ว ค่าที่ทำร้ายจิตใจน้องไพรุนแรงขนาดนี้ แต่พรายโพยมไปอเมริกา แล้วผมก็ติดต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมเลยไปลงกับพี่ชายเขาแทน
   พงษ์โพยมดูท่าทางตกอกตกใจที่รู้ว่าน้องชายตัวเองคบกับน้องรหัสเก่า ผมงี้อยากจะต่อยเขาแถมไปด้วย ค่าที่ซื่อบื้อ แต่เอาล่ะ ผู้ชายแท้ๆ ใครมันจะนึกว่าน้องตัวเองเป็นเกย์กับน้องรหัสล่ะ ผมไปอาละวาดใส่พงษ์โพยมเสียยกใหญ่ สมัยนั้นโทรศัพท์ที่ใช้โทรไปต่างประเทศยังไม่ค่อยได้เรื่อง ผมเลยขอที่อยู่พรายโพยมจากเขา กะว่าจะเขียนจดหมายไปด่าสักปึ๊งหนึ่ง เอาให้น้ำตาร่วงคากองกระดาษ แต่พงษ์โพยมขอไว้ ว่าไหนๆ พรายโพยมก็ไปไกลขนาดนั้นแล้ว เขาอยากให้น้องชายตั้งใจเรียนให้คุ้มกับที่อุตส่าห์หาเงินส่งไป เออ ผมสงสารความพยายามของมัน แล้วก็พอจะเข้าใจว่าพรายโพยมยังเด็ก อาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่าคนใจแข็งอย่างไพฑูรย์มีใจกับเขาขนาดนี้ ถึงผมจะโมโหกระฟัดกระเฟียด แต่ผมโตพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่เขียนจดหมายไปด่าพรายก็ได้ แต่ผมจะบังคับให้พงษ์โพยมรับผิดชอบน้องไพแทน
   แต่ไม่ใช่หมายถึงให้เอาน้องไพมาเป็นแฟนนะครับ ผมหมายถึงให้ดึงน้องไพกลับมาจากความโศกเศร้าต่างหาก
   ผมน่ะรู้อยู่เต็มอกว่าผมคงช่วยน้องไพจากเรื่องนี้ไม่ได้แน่ เพราะน้องไพเกลียดขี้หน้าผมมาแต่ไหนแต่ไร ถึงอกหักก็อย่าหวังว่าจะยอมให้ผมเขาไปดามหัวใจ ดูแล้วก็น่าจะมีแต่พงษ์โพยมนี่แหละที่เขาเกรงใจอยู่ ถ้าชวนมาทำงานอาจจะยอมมาก็ได้ ถึงจะแสลงใจว่าเป็นพี่ชายพรายก็เถอะ แต่พงษ์โพยมมันน่าจะมีวิธีการของมันอยู่แหละ
   พงษ์โพยมก็รับปากกับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ มันความรับผิดชอบสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมว่าต่อให้ผมไม่บังคับให้มันทำอะไรสักอย่าง มันก็คงจะทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ด้วยตัวมันเองอยู่ดีนั่นแหละ
   หลังจากนั้นมันก็ชวนน้องไพมาทำธุรกิจด้วย เห็นไหมล่ะ ถ้ามันออกปากเองอย่างจริงจัง น้องไพต้องมาแน่นอน น้องไพก็สมเป็นคนสวยใจแข็ง มาทำงานได้สักพักก็อาการดีขึ้น เรียกได้ว่ากลับมาเนี๊ยบ เฉียบ เย็นชาเป็นเจ้าชายน้ำแข็งเหมือนเดิมแล้ว ผมมันคนแฟร์ๆ ตอนน้องไพช้ำผมไม่ซ้ำหรอก แต่เมื่อน้องไพดีแล้ว ก็ได้เวลาของผม
   ผมตามไปตามตื้อตามจีบน้องไพตามสูตร สำหรับผมแค่ได้เห็นหน้ายังไม่พอหรอก เพราะน้องไพจะทำหน้าเฉยๆ ใส่ผม เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ล่ะ ผมอยากเป็นคนพิเศษกว่านั้น ดังนั้น ผมโผล่ไปดีไร จะมีประโยคน้ำเน่าแบบสมัยเรียนติดไปด้วย ขอแค่เห็นน้องไพมองผมเคืองๆ ก็พอ จะได้รู้ว่าผมก็เป็นคนพิเศษกับเขาเหมือนกัน ถึงจะเข้าข่ายหน้าด้านเป็นพิเศษก็เถอะ ผมพอใจของผม ใครจะทำไมล่ะ หลังๆ พอเห็นว่าชักจะหนักข้อ พงษ์โพยมเลยออกมารับหน้าผมแทน แต่แบบนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงผมกับเขาต้องเจรจาธุรกิจกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนเขาไม่อยู่ ผมก็ดอดเข้าไปหาน้องไพ ให้น้องไพค้อนใส่ ให้น้องไพไล่
   ผมนี่ท่าจะโรคจิตเข้าขั้นเลยนะเนี่ย
   วันหนึ่ง ผมได้ข่าวมาว่าน้องไพรับผู้ช่วย ก็พงษ์โพยมนั่นแหละเป็นคนรับให้ ถึงน้องไพจะทำงานฝ่ายบุคคล แต่ก็ยังฉายเดี่ยวตลอด เห็นว่ามีเลขาฯอยู่อีกแค่หนึ่งคนเท่านั้นเอง เลขาฯคนนั้นก็สวย แต่น้องไพไม่สนหรอก ผมเชื่อ ดังนั้นผมเลยนอนใจมาหลายปี จนได้ข่าวเรื่องผู้ช่วยนี่แหละ
   ได้ยินว่าผู้ช่วยที่รับมาใหม่เป็นผู้ชาย อายุรุ่นลูกผมแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายนะ รู้ๆ อยู่น้องไพเป็นคนยังไง ผมเลยอดห่วงไม่ได้ กลัวน้องไพจะเผลอใจอ่อนทำประวัติศาสตร์ซ้ำร้อยอีก
   ดังนั้น พอพงษ์โพยมไม่อยู่ ผมเลยฉวยโอกาสตามปกติ แวะมาดูน้องไพกับผู้ช่วยคนใหม่สักหน่อย
   อืม... เจ้าเด็กที่มาเป็นผู้ช่วยน้องไพหน้าตาหล่อเหลาไม่เบาจริงๆ แต่สู้ผมตอนหนุ่มๆ ไม่ได้หรอก ปัญหาคือ ผมไม่หนุ่มแล้ว และตอนหนุ่มๆ น้องไพก็ไม่เคยมองผม คิดแล้วเจ็บแค้นฟ้าดินจริงๆ สร้างน้องไพลงมาให้ผมหลงรักหัวปักหัวปำ แต่น้องไพไม่สนผมเอาเสียเลย สงสัยฟ้าดินจะลงโทษ ค่าที่ผมรักมักง่ายไปก่อนหน้านั้นล่ะมั้ง
   ผมรู้น้องไพน่ะใจแข็ง ยิ่งอายุเยอะยิ่งแข็งแกร่ง แต่ใครจะไปรู้ล่ะ น้องไพยิ่งมีจุดอ่อนเรื่องเด็กๆ อยู่ แถมสายตาเจ้าเด็กผู้ช่วยนั่น น่าระแวงเสียไม่มี เห็นก็รู้แล้วว่าคิดไม่ซื่อกับน้องไพแน่ๆ ช่วยไม่ได้ น้องไพดันเกิดมาสวย เฉียบ เนี๊ยบขนาดนี้ ใครมันจะไม่หลงเสน่ห์ ดูอย่างผมสิ ตามจีบมาเป็นยี่สิบปีแล้ว ยังเลิกไม่ลงเลย พอเห็นหน้าสวยๆ แล้วใจมันละลายทุกที คนอะไร สวยไม่สร่างจริงๆ
   หลังจากได้เจอผู้ช่วยนั่นแล้ว ผมก็ลงทุนไปสืบประวัติ เอาให้รู้ว่าเป็นลูกใคร มีพี่น้องกี่คน ทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง เผื่อเอาไว้น่ะ คราวก่อนพรายโพยมผมยังไม่ได้จัดการให้สาสมกับที่ทำกับน้องไพไว้ แล้วเรื่องมันก็ผ่านมานานมาก จนน้องไพคงไม่คิดอะไรแล้วล่ะ แต่คราวนี้มันใกล้ตัว ผมก็แค่เตรียมไว้ก่อน เผื่อเจ้าเด็กนี่เกิดทำร้ายจิตใจน้องไพเข้า ผมจะได้จัดการให้เข็ดหลาบ
   ถึงน้องไพไม่ใช่แฟนผม แต่ผมรักผมหวงของผมนะเนี่ย
   ระยะหลังมานี่ น้องไพท่าทางดูมีความสุขขึ้น ไอ้เจ้าผู้ช่วยนั่นไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย อยู่ไม่กี่เดือนก็ทำลายเกราะน้ำแข็งของน้องไพซะราบคาบแล้ว แหม..ผมอิจฉาก็อิจฉานะ แต่จะทำไงได้ มันหัวใจของน้องไพนี่ ผมใช้เวลายี่สิบปียังเข้าไม่ถึง มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัวจริงๆ ด้วยสินะ แต่เอาล่ะ น้องไพไม่ชอบผม ไปชอบคนอื่นก็ไม่เป็นไร ขอให้ผมได้ชอบน้องไพต่อไปก็พอ.. แต่คนอื่นน่ะ อย่าได้ริอาจทำน้องไพของผมน้ำตาตกในเชียว ถ้าผมรู้ ผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่
   ก็น้องไพน่ะ เป็นแก้วตาดวงใจของผมเลยนี่นา
-------------------------------------------------------

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
 :z13:
เห็นความรักฝังแน่นของคุณภัทรแล้วนับถือเลย
คนอะไรจะรักหนักแน่นมั่นคงได้ขนาดนี้
แต่ก็นะคนมันไม่รักยังไงก็ไม่รัก
แล้วตอนนี้น้องไพก็เจอคนดีแล้ว
พี่ภัทรก็มองหาคนดีของตัวเองได้แล้วมั้ง
อยากเห็นคนรักจริงเจอคู่ดีๆมั้งจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2011 10:09:07 โดย nara555 »

ออฟไลน์ lee-jeans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านตอนพิเศษของพี่ภัทร์แล้วชอบมากกกกกกกก
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแค่ตัวที่มาเรียกความฮาให้กับนิยายเรื่องนี้
แต่พอมาอ่านตอนนี้ แบบว่า ชอบพี่แกมากค่ะ
ชอบที่รักน้องไพตลอดไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นห่วงเป็นใยแทนเสมอ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :กอด1:

ปล.รีเควสตอนพิเศษของนพรัตน์หน่อยจ้า  :impress2:

ออฟไลน์ Kee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
พี่ภัทร์เป็นคนดีไรอย่างนี้เนี่ยยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด