ตอนที่ 25
โรงเรียนในวันถัดมาเงียบเหงา แม้จะมีเบซซี่ที่มารออยู่เหมือนวันก่อน แต่ก็แค่เดินตามกันเข้าโรงเรียน
“พี่ข้าวพองไปนอนพักที่ห้องพยาบาลมั้ยคะ วันนี้หน้าซีดมาก”
หนุ่มตัวเล็กส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก”
“แล้วตอนเย็นพี่จะไปงานพี่แป๋มมั้ยคะ ขอเบซซี่ติดรถไปด้วย”
ข้าวพองพยักหน้า “ตอนเที่ยงจะโทรหาป๋อม แล้วค่อยคุยกัน”
“เช้านี้ยังไม่ได้คุยกันหรือคะ” เบซซี่ถาม
“คุยกันแล้ว แต่บอกว่าเมื่อคืนนิติเวชยังไม่ให้รับแป๋มกลับมา ต้องรอเที่ยง”
เบซซี่พยักหน้ารับรู้ แล้วจับมือข้าวพองไว้ “คนที่ทำอย่างนั้นกับพี่แป๋มจะต้องถูกลงโทษ”
ข้าวพองพยักหน้า บอกให้เบซซี่ขึ้นตึกเรียน ส่วนตัวเองเดินไปอีกฝั่ง
ก้าวเข้าไปในห้องเรียน ที่โต๊ะเรียนตัวหน้ามีคนวางดอกไม้ไว้ กับเทียนสีขาว มีทั้งที่อยู่ในแก้วใส และที่จุดวางไว้บนเชิงเทียนเล็กๆ บ้างไหม้หมดไปแล้ว บ้างยังเผาไหม้อยู่
หัวหน้าห้องเดินมาหา ถามว่าเตรียมของมาหรือเปล่า ข้าวพองพยักหน้าเปิดกระเป๋าเรียน หยิบรูปภาพมาวางพิงพนักเก้าอี้ วางดอกไม้ และเทียนบนโต๊ะ แล้วจุดเทียน
มีเสียงพึมพำแสดงความเสียใจ และคำปลอบใจอยู่รอบๆ แต่ข้าวพองเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินไปนั่งประจำที่
ก่อนเข้าเรียนไม่นานนัก ไทนี่ก็มาถึง หนุ่มฮ่องกงวางดอกไม้ที่โต๊ะเรียนของแป๋มแล้วมานั่งข้างซ้ายมือของข้าวพองเหมือนเคย
แต่ที่นั่งด้านขวาและด้านหน้าว่างเปล่า
ห้องเรียนเงียบกริบ
ทั้งที่แป๋มไม่ใช่คนช่างคุย แต่พอไม่มีแป๋มอยู่ด้วยกลับเงียบอย่างบอกไม่ถูก
หน้ากระดาษว่างเปล่า หมุนปากกาในมือไปเรื่อย ดวงตามองแต่ดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะเรียนตัวหน้า เริ่มคาบเรียนที่ 2 ได้ไม่ถึง 10 นาทีข้าวพองก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้อง อาจารย์ที่ปรึกษาที่กำลังบรรยายอยู่หน้าชั้นเรียน หันไปบอกให้หัวหน้าห้องตามมาด้วย แต่หนุ่มตัวเล็กบอกว่าไม่เป็นไร อยากอยู่คนเดียวสักพัก
ยังได้ยินอาจารย์เตือนว่า อย่าออกไปนอกเขตโรงเรียน
เดินลงมาจากตึกเรียน วนไปที่โรงอาหาร แล้วกลับไปที่ห้องสมุด รู้ว่าแป๋มไม่กลับมาแล้ว แต่ก็ยังอยากเห็นหญิสาว ผมเปีย สวมแว่นคนนั้นวิ่งเข้ามาโวยวายว่า เรียนหนังสือเสียบ้างอย่ามัวแต่เที่ยวไปวันๆ
ถ้ามีเหตุให้ต้องหาแป๋ม ก็หาที่ 2 แห่งนี้แหละไม่ต้องไปที่อื่น
เผื่อจะเจอ.....
เผื่อว่าทุกอย่างคือความฝัน....
แต่เมื่อเดินไปถึงห้องสมุด ข้าวพองเห็นเกียยืนคุยอยู่กับนายตำรวจคนหนึ่ง
คนตัวโตหันมามองแล้วส่งยิ้มทักทายจากในระยะไกล บ่งบอกว่าไม่มีอะไรที่รอดพ้นไปจากสายตาได้
เพียงแค่เห็นว่าเกียทำตามที่สัญญาไว้ ข้าวพองก็ยิ้มได้
ยอมรับว่าแป๋มจากไปแล้ว.....
และจะไม่เป็นเหมือนแม่กับพี่เพชร….
หนุ่มตัวเล็กพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้องเรียน
อาจารย์ประจำชั้นถึงกับถอนหายใจ เมื่อเห็นข้าวพองเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง หนุ่มตัวเล็กยิ้มขื่นๆ แล้วเดินเข้าไปกอดอาจารย์ไว้ ซุกหน้าลงกับไหล่บาง เมื่อมือเหี่ยวย่นลูบที่แผ่นหลังหยาดน้ำตาก็ไหลซึม
พักเที่ยง เบซซี่กับเพื่อนๆ ก็มารอข้าวพองอยู่ที่หน้าตึก หญิงสาวจ้องมองดวงตาช้ำของข้าวพองตรงๆ
“พี่ข้าวพองยังมีเบซซี่อยู่นะคะ”
“ใช่ รวมถึงเจ้าพวกนี้ด้วย” ข้าวพองชี้ไปที่กลุ่มเพื่อนทั้งห้อง “แพนิคกันไปหมด”
“ไม่แพนิคได้ยังไง” หัวหน้าห้องบอก “จู่ๆ ก็ลุกออกไปจากห้องกลับมาก็ร้องไห้”
เบซซี่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุเมื่อจับมือเดินข้างกันไปที่โรงอาหาร และไม่ยอมแยกไปไหน ทั้งเตือนให้ข้าวพองโทรหาป๋อมเมื่อกินอาหารเสร็จ
ป๋อมบอกว่ารับแป๋มไปวัดแล้ว ส่วนเรื่องอื่น จะเล่าให้ฟังเมื่อเจอกัน
ข้าวพองวางสายแล้วหันไปบอกเพื่อน ทุกคนก็รีบโทรบอกที่บ้าน ส่วนหัวหน้าห้องไปแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษา
หนุ่มตัวเล็กรู้สึกเหมือนสายลมอุ่นที่พัดผ่าน จนหันไปยิ้มให้กับเบซซี่
“ขอบใจมากนะ”
เบซซี่ยิ้มกว้าง “หนูก็แค่นั่งอยู่ข้างพี่”
ข้าวพองยิ้มขอบใจ
“พี่ยังมีอะไรอยากบอกหนูอีกหรือเปล่าคะ”
ข้าวพองลังเล แล้วพยักหน้าให้เบซซี่เดินตามออกมาคุยห่างจากเพื่อนคนอื่น
“พี่อยากขอโทษเรื่องที่ผ่านมา”
“เรื่องไหนคะ เรื่องไอรีนน่ะหรือ หนูก็แค่น้อยใจที่พี่ชอบคนแก่ แต่หนูไม่สนหรอก พี่ยังไม่ได้แต่งงานกับเขานี่” เบซซี่ไม่สนใจจริงๆ
“พี่ไม่ได้ชอบไอรีนแบบคนรัก” ตอนเริ่มต้นพูดคำแรกมันยากเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ แต่พอพูดต่อไป น้ำหนักที่มันถ่วงไว้ก็เบาลง “ส่วนเบซซี่...”
“พี่ก็ไม่ได้ชอบเบซซี่แบบคนรักเหมือนกัน” เบซซี่บอกขณะที่หันไปมองทางอื่น “หนูไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้นะคะ ว่าหนูเป็นได้แค่น้องสาว เพราะถ้าพี่ชอบหนูสักนิด พี่จะไม่ควงกับเขาต่อหน้าหนู”
“ขอโทษ” ข้าวพองพูดจากใจจริง “แต่พี่ก็ยังมีเรื่องที่จะขอร้องเบซซี่ด้วย” หนุ่มตัวเล็กพูดต่อไปอย่างระมัดระวัง “ป๋อมน่ะ เพิ่งจะเสียแป๋มไปพี่อยากให้เบซซี่ช่วย...ดู..ป๋อม”
“อะไรนะคะ” เบซซี่ทำเสียงสูง จนข้าวพองรีบยกมือ
“ไม่ใช่ให้ไปเป็นแฟนกับป๋อม แต่ป๋อมกับแป๋มน่ะเป็นแฝดกัน แล้วเบซซี่ก็คุยกับแป๋มบ่อยๆ เวลาที่ป๋อมมันมาโรงเรียนหรือไปเจอกันวันเสาร์พี่ก็อยากให้เบซซี่ชวนป๋อมมันคุย ไม่อยากให้คิดถึงน้อง” ข้าวพองรีบอธิบาย แล้วลดเสียงลง “ป๋อมเคยบอกกับพี่ว่า พี่เลือกไอรีนเพื่อทดแทนแม่กับพี่เพชร พอไม่มีพวกเขาแล้ว ชีวิตพี่ก็ไหลไปเรื่อยไม่มีจุดหมาย พี่ไม่อยากให้ป๋อมเป็นแบบนั้น”
เบซซี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น “ไม่ได้แปลว่าพี่เจอคนที่ชอบอย่างจริงจังใช่มั้ยคะ”
ข้าวพองส่ายหน้า “จริงๆ นะเบซซี่ พี่ไม่รู้อะไรสักอย่างที่มันเกี่ยวกับตัวพี่เอง”
สาววัยรุ่นดูไม่ค่อยแน่ใจ “เบซซี่จะทำเท่าที่ทำได้ค่ะ”
หนุ่มตัวเล็กคลี่ยิ้ม “ขอบใจมาก”
เมื่อละสายตาจากเบซซี่ที่กำลังคุยกันอยู่ ในที่ห่างออกไป ไทนี่หว่องเพื่อนใหม่ กับบิ๊กหว่องคนที่เป็นเพื่อนเก่ามาหลายปีกำลังยืนคุยกันอยู่แล้วหันมามองทางนี้ ถัดออกไปตรงมุมอาคารเรียน กลุ่มแก๊งของไมเคิลเด็กติดยากำลังคุยกันแล้วมองมาทางนี้ มองต่อไปขึ้นไปที่ชั้น 2 ของตึกเรียนม.6 แมทธิว เด็กเรียนคู่แข่งของป๋อม คนที่อาศัยยาเสพติดเป็นตัวช่วยกำลังมองมาเหมือนกัน
เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก แต่มันก็กลับติดผนึกอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งของสมอง
ข้าวพองลูบหน้าตัวเองแรงๆ บอกขอบใจเบซซี่อีกครั้งแล้วเดินกลับมาที่ห้องเรียน
เขียนชื่อเกียไว้ที่ปกสมุดเรียน
อย่างน้อยก็จะทำให้จำได้ว่า มีเรื่องต้องกลับไปคุยกับคนนี้
ปกติแล้วบิ๊กหว่องที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันมานานจะนั่งหลังห้อง แต่บ่ายวันนี้บิ๊กหว่องขยับมานั่งทางขวามือแทนที่ป๋อม ส่วนไทนี่หว่องนั่งอยู่ทางซ้ายมือเหมือนเคย ขณะที่เก้าอี้ด้านหน้าที่เป็นของแป๋ม ยังมีดอกไม้กับน้ำตาเทียนเหลืออยู่
“คิดถึงเกียหรือ” บิ๊กหว่องถาม
“หือ อะไร” ข้าวพองหันมาถามเพื่อน ที่ชี้ไปที่ชื่อของเกียหน้าปกสมุดเรียน “อ๋อ เจอกันอยู่ทุกวัน จะคิดถึงทำไม”
“อ้าว ก็เห็นเขียนชื่อ”
“เขียนไว้กันลืมต่างหาก” ข้าวพองบอก
ไทนี่ที่นั่งอยู่อีกข้างถามบ้าง “ทำไมล่ะ ข้าวพองขี้ลืมหรือ”
2 หว่องชวนคุย ในสิ่งที่ข้าวพองเองก็กำลังกลุ้มใจอยู่
“พักนี้มันมึนๆ งงๆ เป็นบ้าบออะไรไม่รู้จนรำคาญตัวเอง”
ไทนี่หว่องพยักหน้าช้าๆ หยุดคำถามเมื่ออาจารย์เข้าห้องเรียน
เลิกเรียนเกียยืนรออยู่ตรงที่เดิม ยังไม่รู้ว่าเกียทำอย่างไร วันนี้ถึงได้ไม่เห็นไอรีน แต่ไว้ถามเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเขียนชื่อเกียไว้ที่ปกสมุดแล้ว
ตอนนี้อยากคุยกับป๋อมก่อน
วัดนั้นอยู่ใกล้บ้านของป๋อมแป๋ม
บริเวณกลุ่มศาลาสวดอภิธรรมมีคนไม่มากนัก ส่วนศาลาที่สวดแบบจีนก็มีเอกลักษณ์พิเศษ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา เกียพาข้าวพองกับไทนี่ และเบซซี่ไปเคารพศพ แล้วบอกให้ข้าวพองไปคุยกับป๋อม โดยมีเบซซี่ตามไปด้วย แต่กลับเรียกไทนี่ให้อยู่คุยกัน
หนุ่มฮ่องกงกวาดตามองไปรอบๆ “ประเพณีจีนเขาไม่ได้จัดแบบนี้”
เกียพยักหน้า “เพราะนี่เป็นการจัดแบบไทย-จีนไง”
แต่ไทนี่หว่องยักไหล่ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ที่จริงป๋อมก็ไม่ได้นั่งอยู่ห่างจากคนอื่นในศาลา เพียงแต่แยกออกมานั่งอยู่คนเดียว ส่วนข้าวพองกับเบซซี่ถึงจะตามมานั่งอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้ชวนคุย จนเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันก็ทยอยมาถึง
ยังคงมีคำพูดแสดงความเสียใจ และเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่แป๋มทำ หรือไม่ทำ
แต่ป๋อมยังคงมองไปข้างหน้า ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กระทั่งพิธีในคืนแรกจบลง ป๋อมถึงได้หันมาหาเพื่อนตัวเล็ก
“แป๋มไม่อยู่แล้ว”
ข้าวพองส่ายหน้า “อยู่สิ แป๋มยังอยู่ในใจมึง เหมือนที่กูมีแม่กับพี่เพชรอยู่ในใจกู...ตลอดไป”
*-*จบตอนที่ 25*-*
มาอีกทีวัน อังคารนะครับ
.น้ำชา.