รอบที่6 บทเรียน
นับตั้งแต่วันที่อาคมมาเป็นการ์ดส่วนตัว อิหนูก็ดูจะสงบเสงี่ยมมากขึ้นจนน่าสงสัย ตื่นเช้าไปเรียน แวะเที่ยวกับเพื่อนบ้างแต่ก็เป็นแค่การกินข้าวธรรมดาแล้วตรงกลับตึกมาให้ป๋าเอ็นดู เหล่าผู้มากวัยรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวดีต้องวางแผนป่วนเอาไว้ แต่เลือกที่จะนิ่งเฉยเพื่อรอดูท่าที
มันเป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด การ์ดสองคนนอกจากอาคมเริ่มชะล่าใจ อาทิตย์ต่อมาปัญหาเกิด มิทไปเรียนตามปกติพอถึงเวลากลับดันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย การหลบหนีของเด็กคนนี้นับว่าสูงจนน่าทึ่ง หากเป็นพวกวัยรุ่น แก๊งอันธพาล พวกผู้ดี(พอ)มีเงินจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแน่นอน แต่มันไม่ใช่กับมืออาชีพอย่างพวกเขา
“วันนี้คุณหนูสลัดการ์ดอีกแล้วครับ อยู่ในเขตของเราช่วงค่ำๆ น่าจะกลับมาที่ตึก”
หนุ่มไทยร่างสูงใหญ่ ยืนรายงานเจ้านายหลังโต๊ะทำงานอย่างนอบน้อม เสียงพลิกเอกสารกับแอร์เย็นฉ่ำ ชวนให้รู้สึกกดดัน ยิ่งเวลาทำงานผิดพลาดความน่ากลัวเพิ่มขึ้นเท่าทวี การ์ดสองคนก้มหน้าตัวหดเหลือสองนิ้ว ในขณะที่อาคมยังคงนิ่งขรึมเช่นเดิม
“ครั้งที่หกแล้วใช่มั้ย” ไนท์ที่ยืนเป็นเลขาเลิกคิ้วถามขึ้น อาคมพยักหน้าตอบรับแบบง่ายๆ
“ครับ”
ปึบ!
เสียงปิดแฟ้มให้สองการ์ดใจกระตุกวูบ ลูเซียสเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองก่อนเท้าคางยกยิ้มมุมปากเหมือนจะพอใจมากกว่าโกรธ สองการ์ดเลยหายใจหายคอได้สะดวก
“จิ้งจอกซนซะจริง คิดเหรอว่าประท้วงแบบนี้จะช่วยอะไรได้”
“จะเอาไงต่อบอส ช่วงนี้เสี่ยนั่นเริ่มจะเคลื่อนไหวก่อกวนเราหนักข้อขึ้น ฉันคิดว่า...” ไนท์ไม่ทันพูดจบประโยค บอสใหญ่ยกมือดักไว้ก่อน
“นายจะบอกว่ามิทอาจเป็นเป้าหมายของพวกมันสินะ” น้ำเสียงเรียบเฉยราวกับกล่าวถึงคนที่ไม่มีความสำคัญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ติดเด็กจะเป็นจะตาย
มือหนาวางบนโต๊ะไม้เนื้อดี นิ้วยาวขึ้นข้อชัดเจนดูแข็งแกร่งเคาะโต๊ะเป็นจังหวะพลางครุ่นคิด ก่อนจะเอนกายเอนพิงพนักอย่างผ่อนคลาย ทุกคนเลือกที่จะเงียบเพื่อรอคอยคำตอบ
“ไม่ต้องทำอะไร แค่คอยจับตาดูไว้ก็พอ มีอันตรายถึงชีวิตค่อยเข้าไปช่วย คงถึงเวลาที่เด็กน้อยจะได้รับบทเรียนราคาแพง...”
ท้ายประโยคกดเสียงต่ำ บรรดาลูกน้องพากันขนลุกซู่ ความเด็ดขาดเย็นชาเปี่ยมไปด้วยอำนาจคือสิ่งที่ลูกน้องทุกคนรู้ดียิ่งกว่าใคร ไนท์กลอกตาไม่แปลกใจกับคำตอบของลูเซียส ฝั่งอาคมในใจลึกๆนึกค้านเพราะยังไงเสียเด็กคนนั้นก็เป็นเพียงแค่เด็กธรรมดาที่โชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธคำสั่งจึงรับคำโดยดี
การเป็นเด็กมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่าย บอสถูกใจขนาดนี้ มีแนวโน้มว่าจะเลี้ยงดูในระยะยาว ยังไงก็ต้องรู้ถึงสถานะของตัวเองเอาไว้บ้าง ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวมิทรี่เอง การกระทำเอาแต่ใจมีแต่จะทำให้ตายไวขึ้นเท่านั้น
ระหว่างที่ทางนี้กำลังพูดคุยกันด้วยบรรยากาศอึมครึม อีกด้านเหมือนหนังคนละม้วน เด็กน้อยผู้เป็นเป้าหมายยังคงเที่ยวเล่นไม่รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
ยามถึงเวลากลับ เจ้าตัวนึกแปลกใจที่ไม่มีการ์ดคนไหนมาตามตัวอย่างทุกที ใจพาลนึกไปว่าคงจะเริ่มเอือมระอากับเด็กแบบเขาแล้วมั้ง
ผมสลัดความคิดไร้สาระในหัวทิ้ง เดินเข้าตึกขึ้นไปยังห้องลูเซียสเมินเฉยต่อสายตาแปลกๆ จากเหล่าชายชุดสูท ต่อให้ไม่ใช่ปีศาจอ่านใจก็เดาออก คนพวกนี้คงกำลังดูถูกผมอยู่หรือไม่ก็เวทนาสงสาร ซึ่งผมไม่ต้องการความรู้สึกพวกนั้น ดูถูกแล้วยังไง สงสารแล้วทำไม เห็นมานักต่อนักแล้ว แค่ความรู้สึกมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ สิ่งที่จะช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากจริงคือการยื่นมือไปช่วยเหลือไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมต่างหาก ดังนั้นเจ้าพวกที่ดีแต่มองแต่คิด ไม่จำเป็นต้องสนใจ
ลิฟท์เปิดออก เผยทางเดินและห้องรับรองขนาดย่อม ประตูไม้แบบสองบานอยู่เบื้องหน้า ผมเปิดแง้มฝั่งหนึ่งแทรกตัวเข้าไปพบกับความเย็นของแอร์ที่แตกต่างจากอุณหภูมิด้านนอกเหมือนอยู่คนละโลก กลิ่นบุหรี่เจือจางคละเคล้ากลิ่นเหล้าดีกรีแรงดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่ไปแล้ว
“เที่ยวเล่นสนุกมั้ย”
ดวงตาสีอ่อนหันไปตามต้นเสียง ร่างกำยำนั่งเอนกายเหยียดขาสบายบนเก้าอี้ตัวยาวสุดนุ่ม ความรู้สึกหมั่นไส้พุ่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ก็งั้นๆ” ตอบแบบไว้ตัวเรียกเสียงหัวเราะทุ้มในลำคอ เจ้าบ้านกระดิกนิ้วเรียกให้เข้าไปหา ถึงเวลาที่ผมต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
เสียงครางผะแผ่วดังสะท้านในห้องกว้าง ลูเซียสไม่เคยเลือกที่ นึกพอใจตรงไหนก็ทำตรงนั้น ร่างสูงเพรียวโยกขย่มอยู่บนกายหนา กางเกงสแล็คถูกถอดทิ้งบนพื้น ท่อนบนยังคงเป็นเสื้อนศ.หลุดลุ่ย กระดุมทุกเม็ดโดนปลดออกเผยแผงอกขาวเนียนปรากฎรอยจูบแดงประปราย สะโพกสอบมีแต่รอยแดงของนิ้วมือ
“ฮ้า...ขอพักหน่อย”
“ฮืมม พักสิ”
ปากบอกอนุญาตแต่พลิกกายมาอยู่ด้านบนทั้งยังค้างคา สองแขนแกร่งช้อนข้อพับขาให้เปิดกายรองรับอีกครา อีกครา และอีกครา...ผลสุดท้ายอิหนูผู้น่าสงสารก็ถูกใช้งานจนหมดแรง นอนหอบหายใจเหนื่อยอ่อนอยู่บนเก้าอี้ ลูเซียสฟื้นพลังจูบหนักๆ ที่ลำคอขาวแล้วกัดดูดจนเป็นรอยจ้ำแดง
“ให้เวลาพักสองชั่วโมง ฉันจะกลับไปทำงานต่อ”
สิ้นคำก็เดินตัวปลิวเข้าห้องทำงานไป ทิ้งซากแห่งกามารมณ์ไว้เบื้องหลัง ผมผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือเสยผมชื้นเหงื่อที่ปรกหน้า สองชั่วโมงงั้นเหรอ ยังไม่พอที่จะขยับตัวออกจากตรงนี้ด้วยซ้ำ!
ท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่โกรธเคืองเรื่องที่ผมสลัดการ์ดเป็นว่าเล่น แต่มาเอาคืนทบต้นทบดอกแบบนี้มันชวนกระอักตายเป็นบ้า พรุ่งนี้ไม่มีเรียนด้วย ถูกขังอยู่ใต้ร่างลูเซียสทั้งวันแน่นอน รู้งี้เที่ยวให้เต็มอิ่มก่อนกลับมาก็ดี
“หมดสภาพเลยสิ”
วาจาเยาะเย้ยแบบนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“ว่างงานแล้วเหรอถึงมาทับถมกันได้คุณมือขวา”
อ่า...เหนอะหนะไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงล่าง อยากอาบน้ำแต่ไม่มีปัญญาลุกไป ผมนอนหงายยกแขนก่ายหน้าผากหันมองไนท์ที่เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มปึกหนึ่ง ความอายมันหายไปตั้งแต่ลูเซียสเล่นหนังสดต่อหน้าลูกน้อง ช่างเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง เรียกง่ายๆ ว่าหน้าหนาหน้าทนดีจริงๆ
“ว่างที่ไหน โดนกินจนสมองเลอะเลือนรึไง” เลิกคิ้วมองเหมือนผมเป็นพวกไม่เต็ม น่าโมโหทั้งเจ้านายและลูกน้อง “เอ้า เช็ดตัวซะ” ยังมีแก่ใจวางแฟ้มเดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำมาโยนให้ผม ความใจดีเล็กๆ ของเขาล่ะ
“ไม่คิดจะช่วยกันหน่อยเหรอ”
รับผ้าขนหนูมาเช็ดตามตัวปิดท้ายตรงหว่างขากับด้านหลัง แม้ไม่ดีเท่าอาบน้ำแต่ก็ยังดีกว่านอนเลอะอยู่ที่เดิม ไนท์กวาดสายตามองร่างผม ผงกหัวขึ้นลง
“เอาตามตรงนะ หุ่นนายนับว่าใช้ได้ ไม่แปลกที่ลูเซียสจะถูกใจ แต่พอดีว่าไม่ใช่สเปคฉัน” โบกมือเหมือนไล่ตัวเหลือบไร เจ้าตัวคว้าแฟ้มเดินเข้าไปในห้องทำงาน จังหวะที่ประตูเปิดออก ใบหน้าคมเข้มอย่างคนต่างชาติ แสยะยิ้มให้ผมก่อนถูกบดบังด้วยประตูตามเดิม
แสดงว่าที่ผมคุยกับไนท์คงจะได้ยินหมดทุกอย่าง เอาล่ะ เตรียมตัวเตรียมใจรับศึกหนักอีกสองชั่วโมงให้หลังได้เลย
ช่วงเวลาที่อิหนูโดนลงโทษ ไม่ต่างจากสรวงสวรรค์ของเหล่าการ์ดผู้อับโชค ทำงานมาหลายปีดีดัก ไม่เคยปวดหัวเท่าตามดูแลวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่พวกเขาไม่สามารถแตะต้องหรือทำอะไรได้เลย ให้ไปฆ่าคนยังสะดวกใจกว่า
ผมโดนขย้ำจมเตียง ไนท์ไม่ยื่นมือมาช่วยใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยเข้าใจว่านี่คือบทลงโทษจากความซุกซนของผม วิธีการของลูเซียสไม่ทำให้เจ็บตัวแต่ทรมานแทบขาดใจ กินบ้างไม่กินบ้าง ตอดเล็กตอดน้อย บางครั้งเวลาทำงานช่วงพักดื่มกาแฟก็มาแหย่ผมที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง นึกคึกหน่อยก็อุ้มเอาไปทำงานด้วย
มีอย่างที่ไหนให้ผมสวมชุดคลุมอาบน้ำนั่งตัวสั่นสะท้านเพราะโดนรังแกอยู่บนตัก ส่วนตัวเองตรวจเอกสารสบายใจเฉิบ ไนท์หมั่นไส้จนเกือบจะสาดกาแฟที่พี่อาคมชงมาเสิร์ฟใส่หน้าบอสตัวเอง
ถามว่าพอผมหลุดพ้นจากห้วงเวลาแห่งความทุกข์ตรมจะสำนึกไหม ตอบเลยว่าไม่! ผมยังคงสลัดการ์ดทิ้งเป็นว่าเล่นเหมือนเดิม จนพักหลังรู้สึกเหมือนมีใครคอยเฝ้ามองการติดตามของผมตลอด ทีแรกเข้าใจว่าเป็นคนของลูเซียส แต่เอาเข้าจริงกลับไม่ใช่
คนพวกนั้นมักถอยห่างทันทีที่ผมมีพี่อาคมประกบอยู่ข้างกาย และจะโผล่มาช่วงผมอยู่ตามลำพัง ดูท่าว่าคำสาปของการเป็นอิหนูมาเฟียจะเริ่มสำแดงฤทธิ์ ไม่ว่าคนพวกนั้นต้องการอะไร ต้องไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมและลูเซียสแน่ ด้วยเหตุนี้ แม้ผมจะสลัดการ์ด แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในอาณาเขตของลูเซียสตามที่พี่อาคมพูดกรอกหูมา
เจ้าตัวเคยเปรยๆ เอาไว้ว่าหากเกิดเหตุไม่ชอบมาพากล ให้ผมวิ่งเข้าไปในผับหรือกิจการใดก็แล้วแต่ของพวกเขาซะ ไม่รับประกันว่าจะรอดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของผม
แล้วสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี ผมกำลังวิ่งสี่คูณร้อยอยู่ในตรอกซอกซอยใกล้กับผับของลูเซียส เพราะอยู่ในช่วงกลางวันผับเลยยังไม่เปิด คนก็น้อยจนน่าใจหาย จะหนีไปทางอื่นก็ไม่ทันแล้วด้วย ผมจำได้ว่าตัวเองไม่ได้สลัดการ์ดทิ้งไว้ไกลนะ
ทำไมคนพวกนั้นถึงยังหาตัวผมไม่เจออีกล่ะ จะย้อนกลับทางเดิมก็ถูกดักหมด การซ่อนตัวอยู่เฉยๆ ก็ไม่ต่างจากเป้านิ่ง สมองหมุนเร็วจี๋ คิดหาวิธีเอาตัวรอดสุดกำลัง สองขายังวิ่งไม่หยุดพัก เสียงฝีเท้าดังไล่หลังเข้ามาใกล้ทุกขณะ ตัวผมเริ่มหนักอึ้ง หยาดเหงื่อไหลชโลมกายจนปอยผมเปียกลู่แนบใบหน้า
สภาพร่างกายของผมไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเพิ่งผ่านศึกกับลูเซียสมาไม่กี่วัน ผมวิ่งลุยฝ่ากองขยะ ผลักแผ่นไม้ลังกระดาษที่วางพาดไว้ให้ล้มลงมาขวางทาง ชะลอพวกนั้นให้ถึงตัวผมช้าลงสักหนึ่งวิก็ยังดี อะไรใกล้มือจับขว้างแบบไม่หันหลังมอง
เหล่าชายฉกรรจ์ใช้แขนปัดขยะพวกนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี ดวงตาจ้องแผ่นหลังที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้าด้วยความหงุดหงิด เจ้าเด็กบ้านี่มันวิ่งไวอย่างกับปรอท แถมยังรู้ซอยเล็กซอยน้อยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะพยายามต้อนให้จนมุมยังไงก็เล็ดลอดออกไปได้เสมอ
ถ้าไม่ได้รับคำสั่งมาว่าให้จับเป็น พวกเขาคงควักปืนมายิงทิ้งให้มันรู้แล้วรู้รอด การจับตัวจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด โอกาสที่ได้รับมาอย่างยากเย็นนี้ต้องทำให้สำเร็จ หากพลาดนั้นเท่ากับอีกฝ่ายไหวตัวทัน คิดจะลักพาตัวหลังจากนั้นคงยากขึ้นเป็นสิบเท่า
สายตาเหลือบเห็นเศษอิฐริมกำแพงด้านหน้า พลันเกิดความคิดบางอย่าง เขาหยุดวิ่งให้ลูกน้องนำหน้าไปแล้วหยิบอิฐก้อนนั้นขว้างใส่เป้าหมาย แม้จะไม่โดนเต็มๆ อย่างที่หวัง แต่ก้อนหินลอยเฉียดขาทำให้การวิ่งสะดุดลงชั่วขณะ จังหวะนั้นเองเหล่าลูกน้องโถมกายกระโจนรวบตัวจนร่างเพรียวล้มกระแทกพื้น
คนโดนชาร์จใส่ยกแขนกันหัวตามสัญชาตญาณ ความเจ็บร้าวไล่ตามตามท่อนแขนจนถึงหัวไหล่ เสียงร้องโอดโอยไม่ได้รับความสนใจ แขนทั้งสองข้างถูกจับไขว้หลังมัดด้วยเชือก
“หนีเก่งนักนะ”
ท่อนขาหนักซัดเข้ากลางท้องระบายความหงุดหงิด จุกเจ็บจนสมองตื้อคิดอะไรไม่ออก ได้แต่สำลักอากาศคายน้ำลายออกมานอนพังพาบบนพื้น
“ปิดปากแล้วเอาตัวมันไป เสี่ยรอนานแล้ว”
หัวหน้าตะโกนสั่งลูกน้องจัดการใช้ผ้ามัดปากแบกขึ้นบ่าเดินออกจากซอกโดยให้อีกคนคอยดูต้นทาง หลังมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครสังเกตการกระทำของพวกเขา รถตู้ที่ถูกจอดรอไว้อยู่เปิดประตูออกรับทุกคนออกจากสถานที่นั้น หารู้ไม่ว่า ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนๆ หนึ่งตลอด
มือหยิบโทรศัพท์กดโทรออก รอจนสัญญาณรอสายเงียบไปจึงเปิดปากรายงาน
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณไนท์คำนวณไว้ครับ พวกมันลงมือทันทีที่พวกเราออกห่าง”
/ดี สะกดรอยตามไป จำไว้ หากยังไม่ถึงตายห้ามเข้าไปช่วยจนกว่าฉันจะไปถึง/
เสียงทรงอำนาจดังลอดมาตามสาย บอส คุณช่างเด็ดขาดและเลือดเย็นจริงๆ
“ทราบแล้วครับ”
อาคมรับคำส่งสายตาให้ขับรถตามไป รอจนกระทั่งอีกฝ่ายวางสายถึงเก็บมือถือพลางยกมือนวดหว่างคิ้ว
“ยาพาราสักเม็ดมั้ยครับ” ลูกน้องที่นั่งข้างคนขับหันมาถามคนตำแหน่งสูงกว่าด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้อง...เฮ้อ ฉันคงไม่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าการ์ดเท่าไหร่ ดันใจอ่อนเป็นห่วงเด็กคนนั้น”
สองการ์ดยิ้มออกมา คนขับมองผ่านกระจกหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพเทิดทูน
“ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เท่าคุณอาคมหรอกครับ” อีกฝ่ายที่เป็นดั่งอาจารย์ของพวกเขาทุกคน เอาใจใส่ลูกน้อง ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด เคร่งขรึมสมเป็นผู้นำ
“ใช่ๆ ผมว่าลูกพี่หลงกับลูกพี่ไมค์เองก็คิดแบบเดียวกัน จะว่ายังไงดี เด็กคนนั้นมีเสน่ห์แบบแปลกๆ ไม่ใช่เรื่องอย่างว่านะครับ!” เขาไม่กล้าคิดแบบนั้นกับเด็กของบอสใหญ่ เขายังรักชีวิตตัวเองอยู่นะ
เพื่อไม่ให้ความหมายดูอันตรายเกินไป เขาเลยเสริมอีกประโยค ”ถ้าให้อธิบาย คงชวนให้รู้สึกเอ็นดู...มั้งครับ”
คนขับพยักหน้าเห็นด้วย อาคมมองตาปริบๆ หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ยามนึกถึงเด็กจอมซน ทั้งที่ปกติเป็นคนยิ้มยาก ก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นคมกริบ บรรยากาศจริงจังที่แผ่ออกมาทำให้สองการ์ดไม่กล้าพูดเล่นต่อ
นั่นสินะ... คนประเภทเดียวกัน มักดึงดูดกันเอง ในบรรดาลูกน้องทุกคนของบอสส่วนใหญ่มีอดีตไม่ค่อยดีนัก อย่างหลงกับไมค์ ลูกศิษย์สองคนแรกของเขาที่สอนวิชาการต่อสู้และถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้ ทุกวันนี้อาคมยังจำวันแรกที่เจอสองคนนั้นได้ดี
“เจ้าเด็กสองคนนั้นกลับมาวันนี้ บอสคงให้พวกนั้นลงมือด้วย พวกเราเองก็ต้องทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด ตามต่อไป อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว หากทำงานพลาด คงจะรู้นะว่าต้องเจอกับอะไร”
“ครับ!!”
สองการ์ดกลืนน้ำลายอึก ในความใจดีมีความโหดเหี้ยมซ่อนอยู่ ไม่เช่นนั้นคงเป็นหนึ่งในคนที่บอสใหญ่ไว้ใจไม่ได้ แต่เพราะแบบนั้นแหละที่ทำให้พวกเขาชื่นชมมากกว่าเดิม
อาคมออกอาการเอือมเล็กๆ กับสายตาระยิบระยับที่กำลังเจอ เขายังคงจับจ้องไปยังรถคันหน้าเขม็ง แข็งใจไว้นะเจ้าหนู...