ต่อค่ะ
ช่วงที่3 วันที่17/06/11
หลายวันต่อมา....
"ไม่พี...อย่านะ....พีปล่อยสองนะ ฮือๆๆ.."
"เป็นของพีนะ พีรักสอง พีไม่ยกสองให้ใคร"
"พีปล่อยนะ...พี่หนึ่ง...พี่หนึ่งข่วยสองด้วย พี่หนึ่ง!!!"
"
พี่หนึ่ง!!!"
"สองครับ สอง..."
สองได้ยืนเสียงใครคนหนึ่งเรียก เสียงทุ้มอบอุ่น เสียงที่คุ้นเคย ก่อนที่จะรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ตบลงบนแก้มเบาๆ สองส่ายหน้าไปมา รู้สึกเหงื่อท่วมกาย พอลืมตาขึ้นก็พบดวงหน้าคมสันที่ฉายแววตระหนกไม่แพ้กัน
"เฮ้...สอง..สองครับ" เสียงทุ้มยังพยายามเรียกอย่างนุ่มนวล สองกระพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าคนที่ยันตัวขึ้นมา เพื่อเรียกสอง กำลังเอามือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้
ดวงตาโตเบิกโพลงเล็กน้อย พอเห็นว่าตนเองแค่ฝันไป หยาดน้ำใสก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว ฝันร้าย ฝันร้ายที่ไม่ยอมหายไปโดยง่าย หลายวันแล้วที่ฝันแบบนี้
"ชู่...ไม่เป็นไรแล้วนะครับ" ใครบางคนที่นอนข้างกันเอานิ้วเกลี่ยน้ำตาบนแก้มใส แล้วจัดการรวบร่างของสองเข้าไปนอนซบอกอุ่น
สองหลับตา รับรู้ถึงความแข็งแรงของอกหนาที่สะท้อนขึ้นลงมั่นคง กลิ่นกายที่คุ้นเคย ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน
"สองไม่เป็นไรฮะ แค่ฝันร้าย ทำไมยังฝันอยู่ก็ไม่รู้"
"ไม่เป็นไรแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว สองต้องลืมมันนะ" คนพูดเอามือโอบร่างเล็กแล้วลูบหลังแรงๆ
"ฮะ...พี่หนึ่ง...พีจะติดคุกมั้ยฮะ"
"ไม่หรอกครับ พียังเป็นเยาวชน ยอมรับผิด ศาลก็จะลดหย่อนให้ ยิ่งไม่เคยมีคดี ก็ไม่ติดคุกง่ายๆ" หนึ่งตอบคนตัวเล็ก แอบเหนื่อยใจเล็กน้อย เข้าใจว่าพีเป็นเพื่อนกัน ถึงเมามายแค่ไหนก็ไม่ควรทำแบบนี้ มันเป็นการกระทำที่สามารถตัดเพื่อนกันได้เลยด้วยซ้ำ แต่หนึ่งไม่คิดเลยว่าคนในอ้อมกอดของเขาตอนนี้จะสามารถให้อภัยได้ แถมยังเอาใจไปห่วงเค้าได้อีก
"พีเป็นเพื่อนสอง สองรู้ว่าพีคงทำเพราะเมา"
"อืม..พี่ก็ไม่รู้นะครับ พีอาจชอบสองมากก็ได้นะ"
"เหรอฮะ...สองไม่สน สองมีพี่หนึ่งคนเดียว"
"ครับ พี่ทราบครับ" หนึ่งเอามือลูบที่หลังของคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจุมพิตหัวทุยๆที่คลอเคลียอยู่ตรงปลายคาง
"พี่หนึ่ง...สองไม่กล้าหลับตา สองกลัวฝันอีก"
"ไม่เป็นไรนะ พี่จะกอดสองไว้แบบนี้นะ จนกว่าคนดีของพี่จะหลับ"
"พี่หนึ่งไม่เมื่อยเหรอฮะ"
"หึ..สบายมากครับ พี่ว่าสองต้องรีบหลับ พรุ่งนี้เป็นวันดีนะครับ พี่ไม่อยากให้คนสำคัญของพี่ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า"
พอฟังถึงตรงนี้คนตัวเล็กก็ต้องแก้มแดง เอาหน้าซุกกับอกหนามากขึ้น
"คุณพ่อกับคุณแม่พี่หนึ่งไม่น่าลำบาก"
"ท่านอยากทำให้ถูกต้องน่ะ"
"ไม่อยากเชื่อว่าคุณพ่อพี่หนึ่งจะเปลี่ยนใจได้เลยนะฮะ"
"ก็สองของพี่เป็นคนดีไงครับ" คนพูดแถมด้วยจุมพิตที่หัวทุยอีกหนึ่งที
"จริงๆสองต้องนอนที่บ้านใช่มั้ยฮะ"
"ก็ถ้ายังฝันร้ายแบบนี้ เวลาสองนอนที่บ้าน พี่คงไม่กล้ากอดสองแบบนี้ ไม่งั้นได้โดนไข้โป้งคุณพ่อของสองแน่เลย" หนึ่งหัวเราะเบาๆ คนตัวเล็กเงียบไปแล้ว
เรื่องราวคราวนี้ทำให้หนึ่งรู้ซึ้งขึ้นอีกข้อว่า ลุงอ้วนเป็นคนมีอิทธิพลไม่น้อย และเป็นคนจริง ลุงอ้วนกำชับให้ตำรวจที่รู้จักกันช่วยปิดเรื่อง แต่ยังให้ทำตามแผนสอบสวนทุกขั้นตอน หลังจากนั้นลุงอ้วนยังบุกถึงบ้านของคู่กรณี หนึ่งจำได้ว่ามารดาของสองได้เล่าให้ฟัง บิดาของสองเป็นคนกว้างขวางเพราะชอบช่วยเหลือเงินทองเพื่อนฝูง หรือเรื่องอะไรที่พอช่วยได้ก็จะช่วยๆกันไป จึงทำให้หลายๆคนที่บิดาของสองเคยช่วยไว้ต่างก็นับถือ บวกด้วยนิสัยที่ตรงไปตรงมา ฆ่าได้หยามไม่ได้ ทำให้เป็นที่รักในหมู่เพื่อนนักเลง พ่อแม่่ของพีเองก็สนิทกัน พอทราบการกระทำของลูกก็ถึงกับเดือดร้อนลากตัวพีมาขอขมาบิดาของสองทันที ซ้ำยังจะให้พีมาขอขมาสองอีกด้วย แต่ตอนนั้นบิดาของสองบอกให้พีรอให้สองหายก่อน เพราะเห็นว่าสองเองก็ไม่ได้โกรธเกลียดพีถึงขนาดไม่อยากมองหน้า สุดท้ายหลายวันหลังจากคนตัวเล็กของเขากลับบ้านได้ พีก็พาพ่อแม่มากราบขอขมาอย่างถูกต้อง
ผลสรุปคือ พีกับสองยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่สำหรับหนึ่งแล้ว เขายังรู้สึกโกรธแค้นในการกระทำของเด็กหนุ่มอยู่ ก็ถ้าใครได้เห็นสภาพของสองตอนนั้น ก็แทบอยากจะฆ่าไอ้เด็กนั่นให้ตายคามือ ภาพของคนรักกำลังถูกกระทำชำเรา เขายังจำได้เต็มตา หนึ่งเดินเข้าไปกระชากร่างเด็กหนุ่ม ตอนนั้นเขาเหมือนปิศาจร้ายที่อยากจะฉีกร่างเหยื่อตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆไม่เหลือดี เขาต่อยพีไปหลายหมัดจนล้มลง จำได้ว่ายังเอามือตบหัวพีด้วยโทสะ ใจหนึ่งอยากจะยกเท้ากระทืบให้จมพื้นทรายตรงนั้นด้วยซ้ำ หนึ่งรู้สึกเหมือนเห็นพีเป็นสัตว์ร้ายที่แฝงเข้ามาในคราบเด็กหนุ่ม พอคิดได้ว่าพีเองก็เมาจนขาดสติ ตอนนั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้เขาได้อีกแล้ว หนึ่งจึงหยุดทำร้ายพี เด็กนอนเลือดกลบปาก ถ้าเขาทำร้ายพีต่อด้วยโทสะ พีก็อาจจะตายเพราะบอบช้ำก็ได้ สุดท้ายเขาเองนั่นแหละที่เป็นสัตว์ร้าย หนึ่งเช็ดเลือดที่มุมปากหลังจากที่โดนพีสวนไปหนึ่งหมัด แล้วก็หันไปอุ้มร่างที่นอนสิ้นสติขึ้นมาแนบอก จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก็รู้สึกได้ว่าร่างเล็กกำลังร้อนเหมือนไฟ หนึ่งจึงรีบพาส่งโรงพยาบาลแล้วก็แจ้งตำรวจ
ช่วงที่สองนอนโรงพยาบาลไม่ได้สติ เขาก็คอยเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา ถึงขนาดอ้อนวอนเจ้านายขอลาพักร้อนทั้งๆที่เพิ่งเข้าทำงานต่อได้เพียงหนึ่งเดือน โชคดีที่เขาเป็นคนเอางาน เวลาทำงานก็ทำจนไม่คิดชีวิต เจ้านายจึงยอมหยวนๆให้ แต่เขาก็ยังตุ้มๆต่อมๆ ว่าจะลาได้ถึงแค่ไหน เพราะตอนนั้นเรื่องผ่านไปได้สองวัน แต่สองก็ยังไม่ฟื้น จนวันที่สามนั่นล่ะ ที่คนตัวเล็กของเขาฟื้นขึ้นมาตอนกลางคืน ขณะที่เขากำลังหลับเอาหน้าซบอยู่ข้างคนป่วยสุดที่รัก ก็ได้ยินเสียงคนละเมอร้องให้เขาช่วย เขาลุกพรวดหัวใจหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า รีบเรียกร่างเล็ก พยายามตบแก้มเบาๆให้ฟื้นขึ้นมา พอเจ้าตัวเล็กลืมตาก็ร้องไห้จ้า กอดเขาแน่นเป็นลูกลิง ผ่านไปอีกวันสองก็ขอคุณหมอกลับบ้านซะเอง ด้วยเหตุผลว่าอยากกลับมานอนบ้าน หมอเห็นไม่เป็นอะไรก็ยอมให้กลับบ้าน เพราะบาดแผลหายดีแล้ว เหลือแต่รอยฟกช้ำ พอกลับไปนอนที่บ้าน หนึ่งซึ่งอยู่โรงแรมก็ถูกโทรตาม เจ้าตัวเล็กแอบบอกว่านอนไม่หลับเพราะฝันร้าย นอนน้ำตาไหลทั้งคืน แล้วเขาจะทำไงได้ล่ะ สุดท้ายก็ขออณุญาตบิดากับมารดาของสองพาเจ้าตัวมานอนด้วยกันซะเลย โชคดีที่ท่านทั้งสองเข้าใจ จึงยอมปล่อยตัวสองมาให้เขา จริงๆเขาจะนอนที่บ้านน้องเลยก็ได้ แต่ยังรู้สึกเกรงใจ และเห็นว่าไม่สะดวกจะทำอะไรก็ต้องระวังไม่ให้เกินงาม
สู้พามานอนแบบนี้จะดีซะกว่า ต่อให้คนตัวเล็กหวาดกลัวแค่ไหน เขาก็ปลอบได้จนถึงเช้า
แล้วก็เหมือนฟ้าจะสดใสมากขึ้น เมื่อวันต่อมามารดาของหนึ่งก็โทรมาบอกว่าบิดาของเขายอมรับข้อเสนอแล้ว คือให้หนึ่งคบกับสองได้ แต่หนึ่งต้องเข้ารับช่วงกิจการต่อในส่วนของหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เขายินดีขึ้นไปอีก คือบิดาและมารดาของเขากำลังจะลงมาที่บ้านของสอง เพื่ออะไรน่ะเหรอ ก็เพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เพื่อทำให้คนน่ารักเป็นของเขาอย่างแท้จริง คุณแม่ของเขาเตรียมแหวนหมั้นไว้แล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อหูเลยด้วยซ้ำ ว่าสองและเขาจะได้รับความกรุณาขนาดนี้ มารดาของหนึ่งแอบกระซิบบอกหนึ่งว่า เรื่องนี้บิดาของเขาเป็นคนจัดการเองเลย ท่านเป็นคนคุยเรื่องนี้กับบิดาของสอง คงจะเป็นตอนนั้น ตอนที่เกิดเรื่อง สองยังอยู่ที่โรงพยาบาล มารดาของหนึ่งบอกว่า ผู้ใหญ่ตกลงกันว่า ให้หนึ่งหมั้นน้องไว้ รอจนน้องเรียนจบแล้วก็แต่งให้เรียบร้อย คนที่เชิญมาในงานก็จะเป็นคนที่สนิทกันจริงๆ หนึ่งดีใจมาก นานแค่ไหนเขาก็รอได้ แค่นี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว หนึ่งจัดการเดินเรื่องลาออกจากงานอย่างถาวร เจ้านายของเขาแอบบ่นอยู่บ้าง แต่พอได้ยินว่า หนึ่งจะจัดการสะสางโครงการระยะยาวที่รับไว้อีกสองโครงการให้เสร็จด้วยตัวเอง โดยคิดค่าแรงตามเนื้องาน ในฐานะพนักงานว่าจ้างพิเศษ ซึ่งก็พอจะคุยกันได้ เพราะว่าเจ้าของบริษัทรู้จักกับพ่อของหนึ่ง เรื่องนี้จึงไม่มีปัญหาอีก ตอนนี้ก็เท่ากับว่า หนึ่งกำลังว่าง และรอเข้าเป็นผู้บริหารในบริษัทของครอบครัว ทุกอย่างลงตัวแล้ว ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องพรุ่งนี้ หนึ่งคิดไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายกลายเป็นเขาเสียเองที่ไม่ได้หลับ แถมยังเผลอเอามือไปลูบหลังเจ้าตัวเล็กเข้าให้อีก
"พี่หนึ่งยังไม่หลับเหรอฮะ" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับเอามือยันอกเขาขึ้นมามองทำตาปริบๆอยู่ในความมืด
"เอ่อ..พี่กำลังดีใจน่ะ เรื่องพรุ่งนี้ สองตื่นเต้นมั้ย"
"อืม...ก็...ฮะ ไม่รู้สิ ต้องรอถึงพรุ่งนี้ก่อนล่ะ สองยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้"
"ถ้าเปิดไฟ พี่ต้องเห็นใครบางคนแก้มแดงอยู่แน่ๆ" หนึ่งแอบล้อเบาๆ ก่อนเอื้อมมือไปบีบจมูกเล็ก
"อื้อ..เจ็บ ไม่พูดด้วยแล้ว นอนฮะนอน"
คนตัวเล็กลงไปนอนซบอกอีกครั้ง หนึ่งหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม...
...............................................
พอรุ่งเช้า หนึ่งก็ต้องรีบตื่นแต่ไก่โห่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เขารีบปลุกคนตัวเล็กที่ยังงัวเงียตั้งแต่ตีห้า หนึ่งไม่รู้ว่าเมื่อคืนจริงๆแล้วสองหลับไปตอนกี่โมง แต่ที่แน่ๆมันคงล่วงเลยไปนานพอดู ไม่งั้นทำไมคนตัวเล็กถึงทำตัวปวกเปียกอย่างนี้
"ยังไม่เช้าเลยฮะ ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ"
"ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่ทันนะ พี่ยังไม่อยากโดนด่า อืม..ถ้าใครบางคนไม่ยอมตื่นพี่จะปลุกด้วยวิธีของพี่แล้วนะ" หนึ่งสีหน้าเจ้าเล่ห์
"อื้อ.."ใครอีกคนยังงัวเงีย ซุกหน้าลงหมอนนุ่มใบใหญ่ เอาขาก่ายกอดไว้
หนึ่งค่อยๆก้มลง ริมฝีปากฉกตรงเข้าไปที่ปากคู่สวยซึ่งซุกอยู่ตรงหมอน ใช้เวลาไม่นานปลายลิ้นก็สามารถชอนไชเข้าไปได้อย่างง่ายได้ และตอนนั้นเอง ขนตายาวๆก็กระพือพรึ่บๆ ฝ่ามือขาวๆรีบผลักอกของเขาออก
"ฮื่อ..ตื่นแล้วๆ ไปแล้วฮะ ไปแล้ว" สองลุกขึ้นนั่ง เอามือขยี้ตางัวเงีย
"ครับ มาเร็ว เดี๋ยวพี่ไปส่งก่อนนะ"
หนึ่งรีบพาคนตัวเล็กลุกขึ้น ไม่ต้องเก็บข้าวของ วันนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ร่างกายกับหัวใจ เขาพาคนงัวเงียลงไปข้างล่างโรงแรม พอดีก็เจอกับพี่นุช หนึ่งแปลกใจมาก ไม่คิดว่าพี่สาวจะมาด้วย แถมยังทราบจากพี่นุชว่า พี่ชายคนโตก็มาด้วย รวมทั้งบิดามารดาของเขา ตอนนี้มารดาของเขาอยู่ที่บ้านเจ้าตัวเล็กแล้ว กำลังช่วยมารดาของสองเตรียมของสำหรับทำบุญตอนเช้า พอรู้อย่างนี้หนึ่งก็ไม่มีเวลาคิดอะไรอีก เขารีบลากคนตัวเล็กจับยัดใส่รถแล้วก็พาไปส่งบ้านเจ้าตัว ไปถึงก็เห็นมารดาของเขายืนทำตาเขียวปัดๆ บอกว่าไม่รู้จักเวลา เขาเองได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนดันคนงัวเงียให้เดินเข้าบ้าน แล้วก็รีบเผ่นกลับมาเตรียมตัวที่โรงแรม
พอกลับมาถึงพี่นุชก็เอาชุดสูทมาเตรียมไว้ให้ หนึ่งยังมีโอกาสได้คุยกับพี่ๆตามประสาพี่น้องท้องเดียวกัน เคยเล่นด้วยกัน รู้สึกเหมือนวันคืนเก่าๆหวนกลับมาอีกครั้ง
"หนึ่ง...แกเก็บไว้ให้ดีๆนะ แม่เค้าตั้งใจเลือกมาก"
สุดท้ายก่อนออกจากโรงแรม บิดาของเขาก็ยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงให้ มันเป็นของสำคัญมากๆ สิ่งที่บ่งบอกถึงความรักของบิดามารดา ความเมตตาทั้งหมดที่มีให้เขา แม้แต่ตอนนี้กล่องใบนี้ก็ถูกหยิบยื่นมาให้จากบิดาของเขา คนที่เคยต่อว่า ว่าเขาเป็นคนเอาแต่ใจ คนที่ตราหน้าว่าเขาถูกตามใจจนเคยตัว แต่สุดท้าย คนๆนี้ก็เมตตาเขา ให้โอกาสในสิ่งที่เขาขอ หนึ่งรับมาทั้งรอยยิ้ม บิดาเอามือข้างหนึ่งตบที่ไหล่ของเขาเบาๆเป็นกำลังใจ
หนึ่งเปิดมันออกมา แหวนทองคำขาวประดับเพชรน้ำงาม ขนาดใหญ่พอกับตัวเรือนสะท้อนแสงแวววาว ท้าทายสายตาของผู้ที่จับต้อง การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แสดงถึงคุณค่าของผู้สวมใส่ หนึ่งมองมันด้วยความตื้นตันใจ เขาจัดการปิดฝากล่องแล้วใส่มันไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ในตอนเช้าทุกคนเข้าร่วมกันในพิธีทำบุญ ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี พิธีจัดขึ้นไม่ได้เอิกเกริกยิ่งใหญ่ แต่อบอุ่นและเป็นกันเอง ทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม หนึ่งได้ทำบุญร่วมกับคนตัวเล็ก หนึ่งใส่สูทสีเทาสวมเชิ้ตสีชมพูหม่นไว้ด้านใน เขาผูกเนคไทสีขาวมันทอจากไหมอย่างดี ดูภูมิฐานและสง่าผ่าเผย กางเกงสีเดียวกับเสื้อสูท ส่วนคนตัวเล็กของเขาใส่สูทสีครีมเสื้อสีขาว กางเกงสีครีมเข้าชุด ดูแปลกตาไม่น้อย เจ้าตัวเล็กได้แต่ทำแก้มแดงเพราะไม่ชินที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ พอหลบจากผู้คนได้สักพักก็เอาแต่บ่นว่าอายๆ ได้แต่เอามือปิดหน้า ถามแต่ว่าจะทำยังไงดีไม่ให้อาย เขาเองก็หัวเราะขำๆจะคว้าตัวมากอดไว้ก็กลัวเสื้อผ้าของร่างเล็กจะยับซะก่อน พอหลบมาอยู่ด้วยกันไปไม่ถึงสามนาทีก็โดนจับแยกอีก คราวนี้น้องสองของเขาหายไปเลย มารดาของเขาบอกว่าต้องไปเตรียมตัวทำพิธีหมั้นแล้ว เขาเองก็เช่นกัน เขาก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกันนี่
หนึ่งนั่งรอฤกษ์ยามเข้าห้องพิธี และตอนนั้นเอง เขาก็ทราบว่า ลุงสิทธิ์เป็นเถ้าแก่ให้เขาครั้งนี้ ลุงสิทธิ์คือคนที่บิดาของเขาเคารพอย่างมาก หนึ่งรีบเข้าไปไหว้ขอบคุณ เขาเองเพิ่งทราบว่าสองก็รู้จักลุงสิทธิ์ด้วย นี่เจ้าตัวเล็กของเขาโ่ด่งดังขนาดนั้นเชียว
พอถึงพิธีเขาก็เดินเข้าห้องที่ถูกจัดขึ้น ของหมั้นที่มารดาของเขาเตรียมไว้ถูกจัดวางใส่พานอย่างสวยงาม มันมีมูลค่าไม่น้อยเลยในสายตาของหนึ่ง มีทั้งสร้อยทองและเครื่องเพชร รวมถึงเงินสด หนึ่งไม่อยากจะคาดเดาว่ามันเท่าไหร่ มารดาของเขาให้หนึ่งเอากล่องแหวนวางลงบนพานที่ถูกจัดเป็นรูปกลีบดอกไม้บานออก มันทำจากกลีบกุหลาบหลายๆอันเย็บติดกับใบเขียวๆ หนึ่งไม่แน่ใจว่าคือใบอะไร แต่เท่าที่คาดเดาจากสายตา คงต้องใช้ความพยายามมากๆในการทำ
นั่งรอเพียงอึดใจ มารดาของสองก็พาคนสำคัญของเขาลงมา คราวนี้คนน่ารักถึงกับทำให้เขาตะลึง เจ้าตัวเล็กเปลี่ยนชุดอีกแล้ว แก้มใสๆแดงเรื่อไปถึงใบหู ดวงตาโตหลุบต่ำ สองใส่ชุดสีขาวสะอาด สูทขาวสะอาดเข้ากับกางเกงขายาว ด้านในคือเชิ้ตผ้ามันสีเท่าหม่น แบะคอเสื้อเผยอกขาวๆชวนล่อสายตา เจ้าตัวเล็กคลานต้วมๆลงมานั่งพับเพียบเรียบร้อยข้างๆเขา ก้มหน้างุดไม่ยอมมองใครเลย
พิธีเริ่มขึ้น ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการเอาสินสอดมาตั้งไว้ตรงกลางเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีอะไรบ้างที่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวเอามาหมั้นในครั้งนี้ เถ้าแก่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนจัดการเรื่องนี้โดยมีบิดามารดาของเขาและสองนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย หลังจากนั้น พวกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานก็เอาดอกไม้มงคลที่เตรียมไว้โรยลงบนพานของหมั้น ขั้นตอนสุดท้ายลุงสิทธิ์ก็ยกพานแหวนยื่นให้หนึ่ง หนึ่งยิ้มแล้วรับแหวนมา เขาเอื้อมมือไปเกาะกุมมือบางข้างซ้ายของคนตรงหน้า เจ้าตัวลอบสบตาเขาครั้งหนึ่ง ใบหน้าใสแดงระเรื่อก่อนก้มลงข่มความเขินอาย เขาค่อยบรรจงสวมแหวนเพชรน้ำงามลงบนนิ้วนางเรียวสวย ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวต่างๆที่เขาและคนๆนี้ร่วมเผชิญกันมา จะทำให้เขามีวันนี้ได้ วันที่เขามีความสุขที่สุด หนึ่งรื้นไปด้วยน้ำตา อบอุ่นใจ คนที่เขารักไม่เคยทอดทิ้งเขาสักคน คนในครอบครัว แม้จะผ่านไปแค่ไหน ต่างคนต่างแยกย้าย แต่สุดท้ายทุกคนก็ยังคิดถึงกัน ที่สำคัญไม่มีใครรังเกียจที่เขาเป็นแบบนี้ ทุกคนรักในสิ่งที่เขาเป็นและรักในคนที่เขารัก สำหรับสอง เด็กน้อยของเขา สองเป็นเหมือนน้ำใสสะอาดที่หล่อเลี้ยงหัวใจของหนึ่ง น้ำบ่อนี้ไม่เคยเหือดหาย และยังเต็มเปี่ยมพร้อมสำหรับหนึ่งเสมอ สองทำให้เขาเข้มแข็ง เขาได้รู้ว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อใครอีกคนมันสำคัญแค่ไหน หนึ่งเอื้อมมือไปที่ใบหน้าขาวสะอาดแต่ซับสีเลือดแดงไปทั่ว เขาโน้มกายเข้าไปก่อนจุมพิตเบาๆที่หน้าผากมน เพียงแค่นั้นก็เรียกเสียงเฮฮาให้กับคนในงานได้อย่างดี บรรยากาศหวานชื่นมื่น ตอนท้ายของงานก็มีการจัดเลี้ยงเล็กๆ วันนี้บิดาของสองปิดร้านเลี้ยงฉลอง ลุงอ้วนเชิญทุกคนไปที่ร้านตอนค่ำๆ ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้าย ทั้งบิดามารดาของเขาและของคนตัวเล็กจะเข้ากันได้ดี ลุงอ้วนและบิดาของหนึ่งถึงกับกอดคอกันเลยทีเดียว...
"เหนื่อยมั้ยครับ"
"ฮื่อ..นิดหน่อยฮะ"
"พี่ซับเหงื่อให้นะ" หนึ่งเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่หัวเตียง ตอนนี้เขากับเจ้าตัวเล็กหลบออกมาได้อีกครั้ง เพราะแค่อ้างว่าน้องเหนื่อย มารดาของเขาก็รีบบอกให้พาสองมานั่งพัก
"ขอบคุณฮะ" สองเอาหัวทุยพิงไหล่แข็งแรง
"วันนี้สองน่ารักจัง" หนึ่งอมยิ้ม
"บ้า พอแล้ว แค่นี้ก็อายจะแย่แล้วนะ" คนตัวเล็กนั่งตัวตรง เพียงแค่เห็นสายตาระยิบระยับของคนที่นั่งใกล้ๆก็เริ่มอายขึ้นมาอีก
"อายอะไรกันนักหนา วันนี้วันของเรานะ" หนึ่งหยิกจมูกคนขี้อาย
"ก็..ไม่รู้อ่ะ พี่หนึ่งไม่อายเหรอ...พี่หนึ่งทำได้ไงอ่ะ"
"55+ ไม่รู้สิ พี่แค่มีความสุข สองมีความสุขมั้ยครับ"
"สุขสิฮะ สองมีความสุขมาก สองไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้ สองไม่คิดว่าทุกคนจะทำเพื่อเราขนาดนี้"
"ครับ ต้องขอบคุณพวกคุณพ่อคุณแม่นะ ท่านใจดีกับเราจริงๆ"
"เอ่อ...พี่หนึ่งฮะ แต่...คืนนี้ขอสองนอนกับพี่หนึ่งนะ"
"หึๆ ได้สิ..นอนตลอดไปเลยนะ ห้ามหนีไปนอนที่อื่น ไม่งั้นจะตามไปตีก้น"
"บ้า.." คนตัวเล็กก้มลง แกล้งทำเป็นมองแหวน
"สวยมั้ยครับ" หนึ่งกอดร่างบางไว้หลวมๆโยกตัวเบาๆ
"สวยฮะ สวยมากๆเลยฮะ"
คนตัวเล็กบอกคนตัวสูงที่นั่งซ้อนหลัง ร่างเล็กพิงที่หน้าอกแกร่ง มือบางทาบลงบนลำแขนของอีกคนที่พาดมาบนตัวหลวมๆ สองโยกตัวตาม หลับตาลงซึมซับความสุข เสียงของคนด้านหลังยังหัวเราะเบาๆ เสียงนุ่มทุ้มลึก อบอุ่นถึงหัวใจ...
http://www.4shared.com/embed/549120883/61ffa4b9Darling.....Avril Lavigne
Darlin, you're hiding in the closet once again.
Start smiling...
I know you're trying, real hard not to turn your head away
Pretty darlin...
Face tomorrow, tomorrow's not yesterday
Yesterday, oh oh
Chorus:
Pretty please, I know it's a drag
Wipe your eyes and put up your head
I wish you could be happy instead
There's nothing else I can do
Then love you the best I can
yeah yeah yeah yeah
Darlin, I was there once a while I go...
I know, that it's hard to be stuck with people that you love, when nobody trusts
Chorus:
Pretty please, I know it's a drag
Wipe your eyes and put up your head
I wish you could be happy instead
There's nothing else I can do
Then love you the best I can
Yeah-i-yeah, yeah yeah
That I can
Oh oh oh
Bridge:
You're not the only one who's been through
I've been there alone and now so are you
I just want you to know why you know it's not your fault
It's not your fault...
Oh, oh, you're fault, you're fault
It's not your fault
You're fault, You're fault, You're fault...
Chorus:
Pretty please, I know it's a drag
Wipe your eyes and put up your head
I wish you could be happy instead
There's nothing else I can do
Then love you the best I can
That I can... Oh oh oh
Darlin, you're hiding in the closet once again. Start smiling...
อวสานแต่..................
เดี๋ยวแถมตอนพิเศษให้ หึๆ
ยังมะได้ตรวจคำผิดเลยอ่ะ ถ้ามีขออภัยด้วย