┤S i n c e r e├
ตอนพิเศษ : Déjà Vu
เสียงโห่ร้องยินดีข้างสนามบอลดังลั่น ทันทีที่กรรมการเฉพาะกิจเป่านกหวีดหมดเวลา
“ชนะเว้ยยย!” ไอ้ต๊อดแหกปากลั่นใส่หน้าผมที่นั่งเดี้ยงอยู่ข้างสนาม จากนั้นหันไปอีกทางที่พี่ชายฝาแฝดผมยืนหอบอยู่ เขย่าไหล่วีหงึกหงักไปด้วยจนศีรษะคลอน “วีแม่งสุดยอด! แฮตทริก! ทำได้ไง ลูกสุดท้ายเกือบไม่ทัน โอ้ยกู..โคตรบีบหัวใจเลย”
“อา..สงสัยฟลุคน่ะ” วีพึมพำตอบ จากนั้นก็หัวเราะน้อย ๆ ทั้งที่ยังหายใจทางปาก แก้มแดงระเรื่อ เสื้อยืดชุ่มเหงื่อแนบไปกับเนื้อตัวเขา น่ารักสุด ๆ จนต้องเอาขาเขี่ยไอ้ต๊อดออกไปห่าง ๆ ด้วยความหวง
“มีไรเชี่ยวิน” มันหันมาทำตาขวางใส่
“เลิกเขย่าพี่กูได้แล้ว” ผมบ่น จ้องหมอนั่นตาเขียว หวงปรอทจะแตกกลางอากาศร้อนระอุอยู่แล้ว พูดมากก็ไม่ได้อีก เดี๋ยววีเขิน แล้วตอนเขินม้วนยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ให้คนอื่นเห็นเข้าบ่อย ๆ ผมคงอกแตกตาย
“ก็มึงแม่งไร้ประโยชน์” ต๊อดว่าพร้อมส่งสายตาหยามเหยียด “ลงมาเล่นได้หน่อยเดียวเดี้ยงแล้ว ถ้าพี่มึงไม่ได้มาเชียร์ด้วยจะทำไง”
ผมยักไหล่ แม้จะจริงของมันนิดหน่อย ผมก็ดันพลาดเองที่โดนอีกทีมยันขาเดี้ยงไปเลย แม้จะยังพอวิ่งไหว แต่วีกลับทำหน้าเป็นห่วงแล้วบอกเดี๋ยวลงแทนให้ ไม่อยากจะโวยวายเลยว่าตอนถอดเสื้อเปลี่ยนกันต่อหน้าประชาชีนั้นผมวิตกจริตขนาดไหน ลำพังตัวเองไม่อะไรหรอก แต่วีก็ต้องถอดต่อหน้าคนอื่นมันข้างสนามด้วยนี่สิ ยืนบังเต็มที่ยังไงก็เชื่อว่าคงไม่พ้นสายตาสอดรู้สอดเห็นแน่ ๆ แต่อย่างน้อยก็ถือว่ายังดีที่ครั้งก่อนไม่ได้ทำรอยอะไรไว้มากนัก
ลงไปได้ไม่เท่าไรวีก็ยิงประตูแรกได้แล้ว ลูกที่สองนั้นนัวเนียกันอยู่หน้าประตูแล้วมาเข้าเท้าเขาพอดี ส่วนลูกสุดท้ายเป็นลูกโทษก็ยิงเข้าอีกตอนเกือบหมดเวลา...เชื่อวีเลย
วีเล่นกีฬาเก่ง..ผมลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรนะ ต้องเป็นเพราะบุคลิกน่ารักของเขาแน่ ๆ จึงทำให้หลงลืมความจริงที่ว่าอยู่เรื่อย
หลังเกมจบ วีกับเพื่อนแก๊งเตะบอลของผมตบหัวตบหลังกันสนุกสนานอีกครู่ใหญ่ ทิ้งผมเป็นหมาหัวเน่าอยู่ข้างสนามไปเลย ทีมชนะก็ดีใจหรอกนะ แต่เห็นคนรักโดนเสือสิงห์กระทิงควายรุมล้อมแล้วระแวงโคตรเลย สุดท้ายผมก็ตัดสินใจใช้มารยาไม้เด็ด เดินกะเผลกเข้าไปกลางวง จากนั้นก็เอ่ยกับเขาด้วยเสียงออดอ้อน
“วี..กลับยัง” ผมพึมพำอย่างน่าสงสาร พูดเองแม่งยังสงสารตัวเองเลย อนาถอะไรจะขนาดนี้ ว่าพลางก้มลงมองข้อเท้าที่เริ่มบวมขึ้นมานิดหน่อย
“อ๋า..” เขาอุทานเบา ๆ น่ารักอีกแล้ว “เจ็บสินะ..นายเดินไหวหรือเปล่า”
“มันสำออย!”
ไอ้บาส! ผมก่นด่ามันอยู่ในใจ ทำรู้มาก!
“อา..ไหว” ผมพยักหน้าหงอย ๆ “ไม่เท่าไหร่หรอก”
ถ้อยคำนั้นส่งผลกับวีในทิศทางตรงกันข้าม ผมรู้เรื่องนั้นดีที่สุด ทันทีที่ผมพูดจบ วีก็รีบเข้ามาประคองแบบไม่ต้องร้องขอ ยกแขนผมขึ้นมาคล้องไว้บนไหล่และคอตัวเอง เลยทำเนียนกระแซะไปอีกนิด
วีทำหน้ายุ่ง หันไปบอกลาเพื่อนคนอื่นที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันโดยไม่ถามผมสักคำว่าจะไปเลี้ยงฉลอง...ฉลองบ้าอะไร แค่เตะบอลขำ ๆ กันเท่านั้นเอง แต่ให้อภัยได้เพราะวีขอตัวกลับก่อนเฉยเลย บอกว่าเดี๋ยวพาผมไปพักดีกว่า เห็นบาสส่งสายตาหมั่นไส้สุดชีวิตเลยเชียว หมอนี่แหละตัวอันตราย ผมไม่มีทางลืมเด็ดขาดว่ามันเคยดึงวีไปจูบ ต่อให้จะอ้างเหตุผลว่าประชดพี่จูนอะไรนั่นก็เถอะ โคตรเด็กเลย
เราขึ้นแท็กซี่กลับอพาร์ตเม้นต์ หลังจากวีคะยั้นคะยอให้ผมไปหาหมอแต่ไม่สำเร็จ ทำดื้อไปเรื่อย ในเมื่อรู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นอะไรมากมายขนาดนั้นสักหน่อย ทำสำออยอย่างที่บาสบอกจริงนั่นละ
“ปวดมากไหม” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเมื่อเรามาถึงห้อง ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าบนพื้นแล้วยกข้อเท้าผมขึ้นมาดู “..บวมเลย”
แย่เลย..มุมนี้มองเห็นผ่านคอเสื้อเขาไปถึงแผ่นอกด้วยละ
“เดี๋ยวเอาน้ำแข็งประคบนะ”
วีทำท่าจะลุกขึ้น แต่ผมดึงแขนเขาไว้ก่อน
“หือ?”
“วี..ความจริงแล้ว...”
ผมพึมพำ นึกภาพตอนเขาวิ่งอยู่ในสนาม ตอนยืนหอบ ตอนที่เหวี่ยงขาส่งลูกลอยเข้าไปตุงตาข่ายทำคะแนนแรกให้ทีม ตามด้วยเสียงโห่ร้องให้ลั่นจากกองเชียร์...
ทั้งที่วีก็แข็งแรงแบบนี้..แล้วทำไมถึงยอมให้ผมเสมอเลยนะ ผมทำตัวไม่แฟร์เลยใช่หรือเปล่า?
“...เวลาเราทำกัน...”
วีเลิกคิ้ว กะพริบตาปริบ ๆ พวงแก้มขึ้นสีแดงเหมือนตอนเพิ่งจบการแข่งขันใหม่ ๆ
“..แล้วนายก็รับตลอดเลย”
“...หะ...หา...?” เขาอ้าปากพะงาบ “..วิน...นายพูดเรื่องอะไรน่ะ”
“เรื่องบนเตียงไง” ผมเฉลยอย่างหน้าด้าน ดึงวีเข้ามากอดไว้หน้าตาเฉย เอาจมูกซุกบนหน้าท้องเขาผ่านเสื้อบอลแนบเนื้อ กล้ามเนื้อก็มี ถึงไม่ชัดแต่ก็รู้สึกได้ว่ามี...น่ากัดชะมัด...ไม่สิ...นั่นไม่ใช่ที่ผมอยากบอกเขาเสียหน่อย ผมตั้งสติใหม่แล้วเริ่มพูดต่อ “..นายรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า ที่ฉันเป็นคน...อืม...ใส่...ตลอดเลย”
วีเงียบไปเลย แต่หัวใจเขางี้เต้นแรงอย่างกับกลอง เอาหน้าแนบอยู่อย่างนี้ยิ่งได้ยินชัดแจ๋ว
“...คือ..ฉันมาคิดดู...ก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับนายเลย...พอมีอะไรกันแล้ววีก็จะเจ็บไปถึงอีกวัน..”
อกวีจะระเบิดแล้วผมว่า เสียงตุ้บ..ตุ้บ ดังลั่นเลยเชียว
“...ฉะ...ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“ทำไมเสียงนายดูไม่มั่นใจเลย”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ นะ”
“..แล้วตอนทำไม่เจ็บเหรอ...”
“ไม่หรอก”
“จริงอะ” ผมถามย้ำ เงยขึ้นสบตาเขา หน้าวีแดงเป็นมะเขือเทศเลย “บอกตรง ๆ อย่าโกหก”
“...อ่า...” วีเสมองไปทางอื่น “...กะ...ก็นิดหน่อย...”
“นั่นไง”
“นิดเดียว” เขารีบกำชับ “..นิดเดียวจริง ๆ นายอย่าคิดมากเลย”
“คิดสิ” ผมยิ่งกอดเขาแน่น “...ฉันรักวีนะ...แล้วจะไม่ให้คิดได้ไง”
“...วิน..”
“...จะสลับกันบ้างก็ได้...”“...”
“...ลองดูไหมล่ะ”
หลังผ่านพ้นช่วงเวลาวัดใจเกือบนาที วีก็เอ่ยถามเสียงสั่น
“...ดะ..ได้จริงหรือ?”
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แต่กลับคำตอนนี้ไม่ทันแล้วมั้ง ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ หลับหูหลับตาตอบ ๆ ไปเถอะ
“..ได้”
“...วิน...”
เท่านั้นแหละ..มันก็เลยเริ่มขึ้น
เสื้อผ้าเราหลุดจากร่างทีละชิ้น ความจริงที่ว่าวีตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อยยังเหมือนเดิม เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงอีกอย่างคือเขาก็เป็นผู้ชายแข็งแรงคนหนึ่ง
วีควานมือบนแผ่นอกผมงุ่มง่ามแบบคนไม่มีประสบการณ์รุก (แต่ก็สู้ตาย) เอาจมูกซุกลงบนซอกคออย่างรักใคร่เหมือนลูกแมวขี้อ้อน น่ารักโคตรเลย ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังคิดจะเสียบผมตามคำเชื้อเชิญเข้าแล้วจริง ๆ
ผมหิ้วปีกเขาขึ้นมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับสายตา ถึงวีจะเป็นคนเริ่มเองแต่ก็ยังหน้าแดงไปหมด ลามไปถึงกระทั่งต้นคอ น่ารักเกินไปแล้ว น่ารักจนทำเอาผมอยากผลักเขาลงกับโซฟาแล้วกระโจนขึ้นคร่อมแทนเหมือนทุกครั้งที่ผ่าน ตอนนั้นเองที่วีถามขึ้นมาเสียงอ่อน
“...จะเอาแบบนี้จริง ๆ เหรอ”
อา...ถ้ากลับคำตอนนี้ก็ต้องกลายเป็นมนุษย์ปลิ้นปล้อนไม่รักษาสัญญาน่ะสิ
“...วิน?”
ในที่สุดผมก็พยักหน้าจนได้ เอื้อมมือไปดึงขอบกางเกงบอลเขาลงจากเอว แยกขาตัวเองให้อีกหน่อยอย่างใจกล้า ก่อนจะโน้มคอเขาลงมาดูดเม้มที่ริมฝีปาก
“..อือออ...”เสียงวีก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย ผมเพลินกับริมฝีปากเขามากทีเดียว จนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเบียดแทรกเข้ามาในช่องทางด้านหลังนั่นละ
“..อึ้ก!”“วิน..” วีชะงักไป มองผมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นิ้วมือเขายังค้างอยู่ข้างในนั้นไม่ยอมขยับ “...หะ..ให้หยุดไหม..”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก...จากนั้นส่ายหน้าช้า ๆ ขยับตัวเข้าหาเขามากขึ้น พลางคิดไปด้วยว่าปกติวีต้องรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ทุกครั้งเวลาจะมีอะไรกันเลยหรือ
ผมคว้ามืออีกข้างของเข้าขึ้นมา จูบเบา ๆ ที่ข้อมือแล้วพยักพเยิดให้เขาทำต่อ วีลังเลอีกอึดใจกว่าจะเริ่มขยับนิ้วอีกครั้ง นี่มันรู้สึกประหลาดโคตร ๆ เลย
“...วี..”
“...อือ...” เขารับคำเสียงแผ่ว โน้มตัวลงแนบริมฝีปากบนหน้าผากผม ขณะที่จำนวนนิ้วก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าไรแล้วก็ไม่รู้..แต่มันไม่ใช่นิ้วเดียวเหมือนตอนแรกแน่ ๆ “...จะ...จะทำเบา ๆ ...แต่ถ้านายอยากให้หยุดก็บอกฉันนะ...”
ผมใจสั่นฉิบหายวายป่วงเลยตอนนั้น ไม่เห็นเคยรู้เลยว่าไอ้คนเป็นฝ่ายรับจะรู้สึกอะไรแบบนี้ คือทุกทีผมอยากทำก็ทำเลย แถมวียังว่าง่ายมาตลอด อะไรก็ยอมไปหมด พอเจอเองบอกตรง ๆ ว่าใจแป้วไประดับหนึ่งเลยเชียว
ไม่ถึงนาทีให้หลัง ผมก็ได้ตระหนักว่าไอ้ที่ใจแป้วตอนแรกยังนับว่าเร็วเกินไป
นิ้วมือของเขาถอนออกจากตรงนั้น ก่อนมันจะถูกแทนที่ด้วยอะไรอย่างอื่น
“..วี”
“..จะ..เจ็บเหรอ..” วีถามตะกุกตะกัก ทั้งหน้าแดงจัดไปหมดขณะที่ประคองใบหน้าผมเอาไว้ด้วยมือสั่น ๆ “...ฉะ..ฉันไม่ทำก็ได้นะ...”
ผมเม้มปาก มองนัยน์ตาฉ่ำเยิ้มของเขาก็ยังอยากจับฟัดอยู่ดี ต่อให้จะกำลังเป็นฝ่ายโดนทำเองอยู่ตอนนี้ สุดท้ายก็หลับหูหลับตาบอกตัวเองว่าเอาวะ วียอมให้ผมมาตั้งเยอะแยะ ผลัดกันบ้างจะเป็นไรไป
“ไม่เป็นไรอะ วีทำต่อดิ” ผมพึมพำ แต่วียังเงอะงะ ผมเลยพยายามช่วยด้วยการคว้าสะโพกเขาเต็มไม้เต็มมือแล้วกดเข้าหา ก่อนจะหลุดเสียงร้องประหลาดออกมาเอง
แม่งจุกเลย!“...วิน..”
เสียงเขาอ่อนโยนเสมอ แถมตอนนี้ยังฟังดูตระหนกนิดหน่อยด้วย โอ้ยโคตรน่ารัก แต่ไอ้ข้างล่างมันก็เจ็บ ๆ จุก ๆ อยู่จริง กว่าวีจะขยับตัวได้แต่ละครั้งก็ยิ่งกระท่อนกระแท่นไปหมด
“...วิน...นาย..ยะ...อย่าเกร็งสิ...” เขากระซิบเสียงสั่น “...ฉัน...ขยับไม่ได้นะ...”
ผมก็ว่าไม่เกร็งแล้วนะ แต่ก้มลงมองตัวเองอีกทีก็โอย..ขาสั่น โคตรเกร็งอยู่เลยนี่หว่า สุดท้ายไม่รู้จะทำไงดีเลยดึงเขามากอดไว้แน่น ฉกจูบเอาเป็นเอาตาย จะได้ลืมไอ้ที่แน่น ๆ อยู่เบื้องล่างไปสักหน่อย
วีส่งเสียงครางต่ำ..หรือไม่ก็อาจเป็นเสียงผมเอง แต่ช่างมันเถอะ เสียงใครก็ไม่รู้แล้วตอนนี้ เนื้อตัวเขาร้อนผ่าวไปหมด ใบหน้าและไฝที่หางตาก็โคตรเซ็กซี่ ปากน่าจูบจนเหมือนจะหยุดแทะเล็มไปเรื่อยไม่ได้ ยิ่งตอนหายใจหอบผ่านริมฝีปากแดงเจ่อ ๆ นั่นทำผมแทบสติหลุดไปเลย
ร่างเราบดเบียดเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า เม็ดเหงื่อเกาะพราวบนผิวของผมและเขา เสียงคราง กลิ่นกาย ไอร้อนและทุกสัมผัสแนบแน่นจนแยกแทบไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร วีหอบหนักขึ้นเรื่อย กดตัวเองลงแนบชิด และสะโพกผมก็ยกขึ้นตอบรับเช่นกัน ทั้งที่ตอนแรกยังเกร็งแทบแย่อยู่เลย
“..อา...วะ...วิน....”
เขากระซิบตะกุกตะกัก หัวคิ้วขมวดมุ่น หยาดเหงื่อหยดลงจากปลายคาง มือกำต้นแขนผมไว้แน่น จากนั้นก็ระบายลมหายใจยาว
หยาดหยดอุ่น ๆ ไหลลงมาตามต้นขาผมเมื่อเขาถอนร่างกายตัวเองออกช้า ๆ นัยน์ตาหรี่ปรือเหลือบมองมาที่ผม ก่อนเจ้าตัวจะชะงักไปเมื่อเห็นว่ามันยังไม่สิ้นสุดดี
“...นายยังไม่เสร็จเลย”
“...อา..” ผมพยักหน้าน้อย ๆ เริ่มหนักใจแล้วว่าจะยังไงต่อกันดีล่ะทีนี้
“...เอาไงดี...” วีถามเสียงสั่นด้วยคำถามเดียวกับที่ผมเพิ่งถามตัวเอง ก่อนจะเสนอต่อด้วยสีหน้าลังเล “...ฉะ...ฉันทำให้ไหม..”
ผมเหลือบมองวีที่ตอนนี้เหมือนจะตัวแดงไปทั้งร่างแล้ว เขาเอื้อมมือเข้ามาเพื่อจะช่วย แต่ลองคิดดูแล้ว ผมว่าเอาอย่างอื่นที่ไม่ใช่มือดีกว่า
“วิน!?”
เขาร้องขึ้น ท่าทางตกใจเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายถูกผลักลงไปหงายหลังเสียเอง
“คราวนี้ฉันทำบ้างได้ไหม”
“..หะ..หา?”
“ผลัดกันไง” ผมพึมพำ จับต้นขาเขาให้แยกออก ตั้งใจว่าจะถนอมให้ดีเลย รู้ซึ้งขึ้นมาเชียวว่ามันยังเจ็บค้างอยู่จริง ๆ
“วิน” วีร้องปรามเสียงแข็ง ซึ่งเรียกว่าผิดปกติมาก แถมยังผลักผมกลับเต็มแรงให้ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ท่าเดิมอีกต่างหาก...นี่คือผิดปกติมาก ๆ ในระดับเหนือธรรมดา
“..ไม่เอาแล้ว” เขาร้องขึ้น
“ไม่เอาอะไร?” ผมนอนงงเป็นไก่ตาแตก มีวีนั่งคร่อมอยู่ด้านบน
“ต่อไปนี้ให้ฉันเป็นคนทำเถอะ”
“หา?”
วีทำสายตาจริงจัง โน้มตัวลงมาหาผม อะไรบางอย่างเขี่ยอยู่แถวช่องทางด้านหลังอีกครั้ง เล่นเอาขนที่ต้นคอลุกชัน
“เราทำต่อจนกว่านายจะเสร็จ..มันเสร็จจากข้างหลังได้ไม่ใช่หรือ? จากนี้นายเป็นฝ่ายรับตลอดไปเถอะนะ”
“หา!?” ผมอุทานอีกครั้งอย่างโง่เง่าที่สุดในชีวิต วีผู้น่ารักของผมพูดอะไรออกมา “...ดะ..เดี๋ยวก่อ—!”
“..จะอ่อนโยนนะ..” วียิ้มละมุน ก่อนจะจับขาผมแยกออกอีกครั้ง แล้วกระแทกสิ่งนั้นเข้ามาทีเดียวจนสุด
“อ๊ากกกกก!!!”“วิน!?”
ผมหอบหนักจนแทบหายใจไม่ทัน ใจเต้นโครมครามเหมือนอกจะระเบิดออกมาให้ได้ หยีตาสู้แสงที่สาดเข้ามาพอดีอย่างงุนงง ใบหน้าคุ้นเคยของวีและเพื่อนของผมในชุดเตะบอลโน้มลงมาดูด้วยความเป็นห่วงระคนขำขัน ไอ้ต๊อด ไอ้บาส คนกันเองทั้งนั้น
“วิน...นายฝันร้ายกลางวันแสก ๆ เลยหรือ?”
ผมยันกายขึ้นนั่ง เหลียวมองไปรอบตัวอย่างวิตกจริต นี่ผมทำอะไร..อยู่ที่ไหนนะ...เมื่อกี้ยังเตะบอลในสนามอยู่เลย แล้วตอนนี้...
“แข่งเสร็จแล้วนะ” วียิ้มละมุน ช่วยประคองผมให้ลุกขึ้นนั่งดี ๆ “แต่นายหลับเฉยเลย”
“อา..” ผมยกมือเกาท้ายทอย ใช่แล้ว ผมวิ่ง ๆ เตะบอลอยู่แล้วโดนสกัดเข้าจนข้อเท้าแพลง วีที่มาเชียร์เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวจะเปลี่ยนตัวลงเล่นแทนให้เพราะไม่มีใครแล้ว ผมนั่งมองเขาวิ่งอยู่ในสนามอยู่ดี ๆ ดันเผลอหลับเฉยเลย แถมยังฝันอะไรโคตรน่ากลัวที่จำไม่ค่อยได้อีก
“วีแม่งสุดยอด! แฮตทริก! ทำได้ไง ลูกสุดท้ายเกือบไม่ทัน โอ้ยกู..โคตรบีบหัวใจเลย”
..อืม..ประโยคนั้นของไอ้ต๊อดมันคุ้น ๆ จังนะ
“อา..สงสัยฟลุคน่ะ” วีหัวเราะ
แต่คำพูดนี้ของวีก็คุ้น ๆ เหมือนกัน ไปได้ยินจากไหนนะ? ผมนั่งนึกไปด้วยขณะเอาขาเขี่ยไอ้ต๊อดไปห่าง ๆ ด้วยความหวงพี่ชาย หมอนั่นจับวีเขย่าตัวไปมาใหญ่เลย
“มีไรเชี่ยวิน” มันหันมาทำตาขวาง
“เลิกเขย่าพี่กูได้แล้ว”
ผมเคยพูดประโยคนี้มาก่อนหรือเปล่าเนี่ย..
ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อ อากาศร้อนชะมัด ข้อเท้าก็เจ็บหน่อย ๆ แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไร หลังจากไอ้ต๊อดบ่นผมอีกสองสามประโยคก็หันไปเฮฮากับเพื่อนในทีมต่อ นัดกันว่าจะไปเลี้ยงที่ไหนสักแห่ง ซึ่งวีก็ดูเออออไปด้วย
ชักหวงแล้วสิ
ผมลุกขึ้นเดินกะเผลกไปหาวี อ้อนเขาให้พากลับดีกว่า
วีหันมาทำสีหน้าเป็นห่วง ช่วยประคองผมไว้ ยกเลิกที่ว่าจะไปกินกันต่อทันที ได้ยินบาสด่าว่าสำออย แต่ช่างหัวมันเถอะ กลับแล้วจะทำเนียนงอแงใส่เขาเยอะ ๆ เลย ว่าแต่วีเก่งจริง ๆ ยิงเข้าไปตั้งสามประตู ปล่อยผมหลับอยู่ริมสนามเฉย
ตอนนั้นเองที่รู้สึกเหมือนมันกำลังจะมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง..แต่นึกไม่ออกว่าเป็นเรื่องอะไร
ช่างเถอะ ผมส่ายหน้า เลิกสนใจ ขึ้นแท็กซี่ไปกับวีซึ่งคอยประคองเกือบตลอด ปฏิเสธเขาที่คะยั้นคะยอให้ไปหาหมอก่อนอย่างดื้อดึง ผมไม่ได้เป็นอะไรเยอะแยะสักหน่อย แค่อยากอ้อนเขาเท่านั้นเอง ส่วนไอ้เรื่องอะไรที่คาใจโดยไม่รู้สาเหตุนั่นก็ขี้เกียจคิดมันแล้ว
เดี๋ยวกลับถึงห้องคงนึกออกเองมั้ง- จบ(เถอะ) -
แก้คิดถึงนะคะ 55555
ด้วยรักค่ะ >3<
อ๊ะ ใช่ พอดีวาดรูปแฝดเล่นไว้อีกเยอะเลย เดี๋ยวขอแถมแปะแฟนอาร์ตของแถมที่รีพลายถัดไปนะคะ ^^