บทที่ 20
“ไปอาบน้ำสิ เล่นจนเหงื่อชุ่ม เหนียวตัว” พี่นาฏยบอก ระหว่างที่พวกหนุ่มประมงเดินไปทางหลังโรงยิมที่ทำเป็นห้องอาบน้ำสำหรับพวกนักกีฬา
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีชุดเปลี่ยน” ความจริงก็แอบเครียดว่าหรือพวกพี่เขาจะเหม็นถ้าเกิดเขาไม่อาบขึ้นมา
“เอานี่ไป”
เสื้อยืดตัวใหญ่ตัวหนึ่งพร้อมกางเกงขาสั้นแบบยางยืดตัวใหม่ถูกยื่นมาให้พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก นาฏยเป็นคนที่พกเสื้อผ้าเผื่อเอาไว้ในกระเป๋ากี่ฬาอยู่แล้วอย่างน้อยสองชุด เลยทำให้มีชุดสำรองให้อีกฝ่ายยืม แม้จะรู้อยู่แล้วว่าไซด์ต่างกันมาก แต่คิดว่าก็ดีกว่าปล่อยให้น้องใส่ชุดตัวเดิม ทำให้เหนียวๆตัวได้
กระพริบตามองปริบๆ
“ไม่เป็นอะไรครับ”
“รับไป” ยัดใส่มือเลย “แล้วรีบไปอาบน้ำสิ” ดันหลังเล็กไปทางห้องอาบน้ำด้านในสุด
จมูกเล็กๆได้กลิ่นหอมๆจากเสื้อผ้าของพี่นาฏย มันคือกลื่นประจำ จมูกเล็กแอบฟุดฟิดไปตามเสื้อยืดเนื้อนุ่ม หูได้ยินเสียงแว่วจากข้างนอก คงเป็นพวกพี่เอ็ดพี่เตที่มาอาบน้ำ
อาบไม่นานมาก (แต่มั่นใจว่าสะอาดนะเออ) ก็เดินออกมาในชุดเสื้อตัวหลวมยาวเลยเอวไปอีก กางเกงยืดขนาดตามตัว แต่ว่าความยาวนี่เหมือนฮิปฮอป แร๊พโย่วมากเพราะมันเลยเขาลงไปถึงแข้ง โอย สภาพแม่งไม่ไหวเลย เหมือนขโมยเสื้อผ้าพ่อมาใส่
“อุบ...” เอ็ดมันด์ถึงกับหลุดหัวเราะ คนอื่นๆอมยิ้มกันใหญ่ แม้แต่คนหน้านิ่งยังแอบลอบยิ้ม
คือมันไม่ได้น่าเกลียดเลย เหมือนเด็กฮิปฮอปดูดีไปอีกแบบ ถ้ามีหมวกแก๊ปหน่อยนะคงเหมือนพวกที่ชอบมาซ้อมเต้นตามถนนคนเดิน
“Ready Hip Hop boy?” ถึงเกรดอิ้งพื้นจะร่อแร่ แต่ก็ฟังออกนะเฟ้ยย มาบงมาบอยอะไรงะ
“พร้อมเสมอ” เรื่องกินฟรีละขอให้บอกนะ
“กล่องข้าวอยู่นี่นะ” นาฏยชี้ไปที่หลังรถ ขณะสายตายังคงจ้องถนนตรงหน้า จันทร์เจ้ามองไปข้างตัวเองก็เห็นถุงผ้าอยู่
“พรุ่งนี้ทำให้พี่บ้างสิ” จันทร์เจ้าย่นจมูกใส่คนที่นั่งเบาะหน้า
“ไม่อาวววว”
“อะไรๆ เดี๋ยวนี้กล้าปฏิเสธ เมื่อก่อนหงิมๆนะ”
ใครบอกว่าเขาหงิมล่ะ “ว่าใครครับเนี่ย”
โดนค่อนแคะเล็กน้อยระหว่างทางไปห้างสรรพสินค้าที่เด็กมหาลัยเขาไปประจำ ส่วนรถพี่เตเตขนเพื่อนอีกสามคนมาด้วย
“ไปลง” คนขับรถไล่ลงละ “ไปจองที่ก่อนไป เดี๋ยวกูไปหาที่จอด”
เอ็ดมันด์เดินนำคนตัวเล็กมาถึงหน้าร้านพร้อมกับจิ้มโทรศัพท์นัดแนะกับรถอีกกลุ่มไปด้วยว่าถึงร้านแล้วกำลังจองคิวร้าน
“เจ็ดครับ” บอกพนักงานหน้าร้านไป ได้รับบัตรคิว
อีก20คิว
แม่เจ้า กลับบ้านกินเถอะ รอนานขนาดนี้
แต่ก็อย่างว่าแหละ โปรนี้ปีหนึ่งมีครั้งหนึ่ง คนถึงแห่มากิน ยิ่งพอมีการตลาดใหม่เปลี่ยนรูปแบบเตาย่างแล้วดว้ยนะ อือหืออออ
บอกเลยว่าทำการตลาดดีมาก
พอพี่นาฏย พี่เตเตมาและคนอื่นๆมา คราวนี้คนในร้านคนที่ยืนรอนอกร้านมองตามกันเป็นแถว ส่วนใหญ่ก็เด็กมหาลัยเขาทั้งนั้นแหละไม่ใช่คนอื่นคนไกล
อีกอย่างคงมองเขาที่แต่งตัวแปลก อายก็อายแต่ไม่รู้จะทำไง เลยยืนตัวลีบอยู่ข้างกระจกแทน
“อ่า น้องเจ้ายังไม่รู้จักพวกนี้สินะ” พี่เตเตชี้ไปทางเพื่อนอีกสามคน “นี่ท็อป นิว เอ็ม”
จันทร์เจ้ายกมือสวัสดีอีกฝ่าย แม้จะพอคุ้นหน้าคุ้นตาบ้างแต่ก็ยังไม่เคยคุยจริงจังเพราะพี่นาฏยส่วนใหญ่อยู่กับแค่พี่เอ็ดกับพี่เตเต
“ดีครับๆ”
“คนนี้ใช่ไหม?” เสียงพี่นิวเย้าแหย่เพื่อนหน้าตาย กระทุ้งสีข้างร่างสูงที่ยืนทำหน้านิ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องล่าถอยเพราะว่าพี่นาฏยยืน
นิ่งมองอย่างเดียว ไม่หือไม่อืออะไรเลย แต่เพื่อนๆก็ยังชอบแกล้งแหย่พี่นาฏยนะ
อยากรู้ว่าบรรดาเพื่อนๆพี่เขานี่ มีใครปกติเหมือนพี่เตเตสักคนไหม อยากรู้
รออยู่นานเกือบสี่สิบห้านาทีก็ถึงคิว แต่ไม่รู้พวกพี่เขาไปหิวมาจากไหนไม่รู้เพราะกว่าจะถึงคิวเล่นเอาแฮมเบอร์เกอร์ที่เดินไปซื้อมายืนกินกันหมดถุงไปแล้ว คือกินแล้วแต่ยังสามารถกินต่อได้อีก แต่ละคนกระเพาะน่ากลัวมาก
ได้โต๊ะก็จัดแจงที่นั่งเรียบร้อย ร่างเล็กโดนให้นั่งมุมในสุดเพราะไม่มีใครอยากนั่ง ทุกคนอยากนั่งข้างนอกมันไม่อึดอัด เขานั่งเสร็จ ตามมาด้วยร่างใหญ่ของพี่นาฏย ตามมาด้วยพี่ท็อป อีกฝั่งก็ผู้ชายสสามคนเบียดกันหน่อย พี่เอ็ดมันด์ขอนั่งหัวโต๊ะคนเดียวเพราะตัวใหญ่สุด
จันทร์เจ้าจิ้มโทรศัพท์บอกเพื่อนผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียวว่ากำลังกินข้าวเย็นอยู่ที่ห้าง วันนี้อชิระต้องไปทำธุระกับทางบ้านเลยไม่ได้มาด้วย มันโอดใหญ่ว่าอยากกินฟรี พอบอกเอ็ดมันด์ อีกฝ่ายเลยขอโทรศัพท์เขาไปแล้วพิมพ์ด่าไอ้อัชมันในนั้นเลย เสร็จแล้วก็คืนกลับมา
“มาดูนี่ดิ” เตเตส่งโทรศัพท์ให้เพื่อนดู
‘สองแต้ม!’ #มุ้งมิ้งกว่านี้มีอีกไหม #พี่นาฏยน้องเจ้าคือเรียล #สาววายตายอย่างสงบ #พี่ก็อุ้มน้องก็ชู๊ต *ภาพพี่นาฏยอุ้มเขาดังค์แป้น*
496 likes 243 comments
‘โอยยยย พลาดแรงมาก ทำไมฉันไม่ไปโรงยิม’
‘อยู่ในเหตุการณ์ค่า บอกเลยว่าน่ารักมาก พี่นาฏยอยู่ก็อุ้มน้องขึ้นไปเลย’
‘น้องโดนพี่เอ็ดแกล้งก่อนค่า พี่นาฏยคงทนไม่ได้ต้องมาช่วยเลย’
‘น้องน่ารักมาก’ *รูปน้องถูกพี่อุ้มเอว น้องยิ้มกว้างตบมือแปะๆ*
‘กี๊ซซซซซซซ พ่นไฟๆ อยากไป’
‘ประมงปีสามนี่ไม่ธรรมดา’ *รูปกลุ่มตอนกำลังหัวเราะกัน*“พวกมึงนี่คือเรียล?” ท็อปยักคิ้ว
ร่างสูงใหญ่ยิ้มมุมปาก “แล้ว?”
ใบหน้าเล็กหันขวับไปมอง พี่นาฏยหมายความว่าไง?
“เฮ้ย จริงจัง?”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของกูกับน้องว่ะ”
จบ!
จันทร์เจ้าอ้าปากค้างเรียบร้อย ความร้อนวิ่งแล่นขึ้นมาบนใบหน้า ก้มหน้างุดไม่กล้าสบสายตาล้อเลียนของคนอื่นในโต๊ะเลย
รู้สึกว่า...ดีใจ…คนที่เขามีความสุขเขามีความรู้สึกเหมือนตอนนี้ที่เขากำลังรู้สึกอยู่ไหมนะ
ใจชื้นที่ว่าพี่นาฏยไม่ได้รังเกียจเขาและไม่รังเกียจความรู้สึกที่เขามีให้
“น...นี่ครับ…” ร่างเล็กรวบรวมความกล้าคีบหมูชิ้นโตที่ย่างแล้ววางลงจานของอีกฝ่าย
นาฏยชะงักเล็กน้อยก่อนยิ้มจางๆให้ มือใหญ่คีบเข้าปาก ทำให้น้องยิ้มเขิน
“อร่อย”
พี่นาฏย...จันทร์เจ้าครางชื่ออีกฝ่ายในใจ
คนเราจะตกหลุมรักคนคนเดิมได้กี่ครั้งกันนะ?
“งั้นกินเยอะๆนะครับ” มือเล็กคีบมาเติมในจานของอีกฝ่ายเพิ่มอีก
หลังจากนั้นภาพที่ออกมาคือร่างเล็กๆจะคอยคีบของอร่อยไปวางในจานอีกฝ่ายเรื่อยๆไม่มีขาด แถมยังเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในโต๊ะเพื่อไม่ให้โดนล้อมากไปกว่านี้
แค่นี้ก็ไม่รู้แล้วว่า…
ระหว่างกะทะทำแบบใใหม่ของร้านกับหน้าเขา...อันไหนจะร้อนกว่ากัน!
“เฮ้ย ไปไหมวะ” อชิระเพื่อนรักส่งไอโฟนที่มีหน้าเพจเฟสบุ๊ครีวิวอะไรสักอย่าง
“ตามรอยพระบาท เที่ยวเขื่อนของพ่อ” จันทร์เจ้าพูดออกเสียง
เคยเห็นมาเหมือนกันที่มีให้นั่งรถไฟไปเที่ยวเขื่อป่าสักฯแล้วก็แลนด์มาร์กสำคัญคือรางรถไฟกลางน้ำที่คนไปถ่ายรูปกันเยอะ เห็นคนแชร์มาก็เยอะ
“วันไหนล่ะ” จะว่าไปก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
รถไฟไทย...ไม่ได้นั่งนานแค่ไหนแล้วนะ?
นั่งครั้งล่าสุดคงต้องย้อนไปหลายปีก่อนตอนนั่งไปเที่ยวอยุธยาละมั้ง แต่ก็จำไม่ค่อยได้ละ
“เสาร์” เพื่อนเปิดปฏทินชี้ให้ดู “สนไหม?”
“เออ ก็ได้” ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว “ชวนใครไปบ้างวะ”
“มึงอยากให้ใครไปล่ะ?”
อชิระโดนเพื่อนตัวเล็กเตะตัดขาเข้าให้ มันแกล้งร้องโอดโอยจนน่าเตะซ้ำแรงๆอีกรอบ
“ไอ้ห่า”
“เอ้า ก็มึงถามกูก็ตอบ”
ทำหน้าเหนื่อยใจใส่มัน “ขอดีๆ”
“ยังไม่รู้ เพิ่งมาชวนมึงคนแรก” เห็นเป็นเพื่อนสนิทเลยมาชวนก่อนคนแรกเลยนะเนี่ย
จันทร์เจ้าเบ้ปาก ควรจะซึ้งกับมันดีไหมเนี่ยอยากรู้
“ชวนพวกแพนไหม? เปเปด้วย”
“เอาดิ” อชิระอะไรก็ได้อยู่แล้วง่ายๆ
จันทร์เจ้าเห็นเพื่อนโอเคเลยไลน์ไปหาเพื่อนแต่ละคน หลังจากนั้นไม่เกินสามชั่วโมงก็มีคนตอบมา
แพนกับเอกอยากไปแต่ยังไม่แน่ใจ ส่วนเปเปไปแน่นอน อชิระพยักหน้าส่งๆไปหลังจากเพื่อนตัวเล็กบอกมา
Nathya: หนีเที่ยว?
ใครหนีเที่ยว?
คิ้วเล็กขมวดเล็กน้อยตอบกลับไป เดี๋ยวนี้มันเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทุกวันๆจะมีแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นบนหน้าจอบาง
เวลาจากอีกฝ่าย
บางครั้งก็มาช่วงเที่ยงๆ ไปกินข้าวหรือไม่ก็รออยู่โรงอาหารเป็นต้น ถ้ามาช่วงเย็นๆก็จะมีพวกเลิกกี่โมง อยู่ที่ไหน ถ้าดึกๆก็แบบนอนหรือยัง ไปนอนได้แล้วดึกแล้ว
มาสั้นๆไม่ได้มาบ่อยๆแต่ว่าทำให้เขายิ้มทุกเวลา
TheMoonChanChao: ครับ? *สติกเกอร์แมวหน้างง*
Nathya: วันเสาร์จะไปไหน? เห็นไอ้เตบอก
TheMoonChanChao: อ่าครับ ใช่ ไอ้อัชชวนนั่งรถไฟไปเขื่อนป่าสักครับ
Nathya: ตามรอยในหลวงรัชกาลที่9นะหรอ?
TheMoonChanChao: ใช่ครับ พี่นาฏย
เอ่อ...อยากชวนไปแต่ไม่กล้าพิมพ์ นิ้วๆพิมพ์ๆลบๆ สุดท้ายก็ยังไม่กล้ากดส่งไปสักที จนเพื่อนร่างสูงที่นั่งอยู่มองด้วยสายตาระอา
“มา กูพิมพ์ให้”
“เฮ้ย!” ไอ้เชี่ยอัช ไอ้ส้นตีน เอาโทรศัพท์มา
มือใหญ่ดันไหล่เพื่อนตัวเล็กไม่ให้เข้ามาใกล้ ส่วนตัวเองกดหน้าจอด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย พอกดส่งเสร็จก็ส่งคืนให้พร้อมหัวเราะ
ใบหน้าเล็กบูดบึ้งใส่เพื่อน เบิกตากว้างเมื่อเห็นข้อความที่ไอ้เพื่อนตัวดีมันพิมพ์ไป
TheMoonChanChao: ไปด้วยกันไหมครับ?
เชี่ย! จะแก้อะไรก็ไม่ทันแล้ว ขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วด้วย โฮฮฮฮฮ
Nathya: อยากให้ไป?
กรี๊ดดดดด ใครสอนให้พี่นาฏยตอบแบบนี้ จันทร์เจ้าอยากจะทึ้งผมตัวเองด้วยความเขินทั้งหมดที่มี จะให้ตอบยังไงล่ะว่า...อยากให้ไปด้วยกัน
TheMoonChanChao: แล้วแต่พี่นาฏยเลยครับ
ตอบเลี่ยงๆเอาไว้ เหลือพื้นที่ให้เขาเลิกเขินบ้าง
Nathya: ตอบมาแค่ว่า...อยากให้ไป...หรือ...ไม่อยากให้ไป
ไม่ตอบได้ไหมครับ นิ้วเล็กๆไม่กล้ากดพิมพ์อะไรลงไปต่อเลย ในใจอยากจะพิมพ์ลงไปค่สี่ตัวอักษรเท่านั้น…
อ -ย - า - ก
สุดท้ายรวบรวมความกล้าทั้งหมด กลั้นใจพิมพ์ตอบอีกฝ่ายลงไป
TheMoonChanChao: อยากครับ
เช้าตรู่ของวันเสาร์วันหนึ่งที่มันควรจะเป็นวันที่ได้นอนพักผ่อนสบายใจ แต่ร่างเล็กๆของนายจันทร์เจ้าขาต้องรีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะว่าวันนี้ไอ้อัชเพื่อนตัวดีชวนไปเที่ยวเขื่อนป่าสักฯ
ลงมาจากข้างบนก็เห็นป่าป๊าหม่าม้าตื่นแล้วเพื่อมาเตรียมตัวเตรียมของที่จะเปิดร้านอาหารตามสั่งเป็ปกติอยู่แล้ว เขาทักทายบุพการีทั้งสองที่ เดินเร็วๆไปที่ครัวเพื่อหยิบของ
หมูทอดร้อนๆที่หม่าม้าตื่นมาทอดเผื่อไว้ให้ ยังมีหมูฝอยเจ้าอร่อยที่บ้านเขาเป็นลูกค้าประจำ เดินไปดูหน้าเตาก็เห็นซึ้งนึ่งข้าวเหนียวใบย่อมมีข้าวเหนียวหุงสุกอุ่นๆอยู่ข้างใน จันทร์เจ้าจัดแจงจัดหมูทอด หมูฝอยและข้าวเหนียวเป็นชุดๆตามจำนวนคน
จากทริปที่ว่าจะไปกันเองกลายเป็นทริปใหญ่กว่าที่คิดเพราะว่ามีทั้ง เขา ไอ้อัช ไอ้แพน ไอ้เอก เปเป พี่นาฏย พี่เอ็ด พี่เตเต พี่ท็อป พี่นิว รวมสิบคนพอดี แถมไอ้เอกมันไปอ่านตามรีวิวมาเขาบอกว่ารถไฟนำเที่ยวขบวนนี้ไม่มีตู้เสบียงเลยจะไม่มีอะไรขายระหว่างทางเพราะฉะนั้นเลยต้องเตรียมของกินไปกินระหว่างเอง
เขาเลยตัดสินใจทำข้าวเหียวหมูเอาไว้ให้ครบจำนวนเผื่อหิวกลางทางและเผื่อใครที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วย ส่วนอาหารกลางวันค่อยไปกินเอาที่เขื่อนป่าสักเลยทีเดียว
จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นาฬิกาบอกเวลาหกโมงสิบห้าพอดี เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
รถยนต์คันสวยของนายหัวน้อยแห่งซีซีกรุ๊ปมาจอดหน้าบ้านของจันทรเจ้าตามเวลาที่เจ้าตัวบอกไว้พอดี จันทร์เจ้าวิ่งออกไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย
“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้พี่ที่เปิดกระจกออกมา
“ป๊าม้าคุณตื่นยัง?”
“ตื่นแล้วครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมลงไปสวัสดีหน่อย”
จอดรถไปสักพัก แล้วเดินตามลูกชายเจ้าของบ้านเข้าไปสวัสดีบุพากรีอีกฝ่ายพร้อมบอกว่าจะพาน้องไปเที่ยวกับเพื่อนๆและตอนเย็นจะพากลับมาส่งที่บ้านให้ คุณนทีและคุณนัยนาก็ยิ้มรับอย่างยินดี บอกให้เที่ยวให้สนุก
มือใหญ่ช่วยยกกระเป๋าผ้าสองใบที่ข้างในเป็นกล่องพลาสติกใส่ข้าวเหนียวหมูไว้เป็นชุดๆขึ้นรถตัวเอง จันทร์เจ้าปิดประตูบ้านก่อนจะพาร่างตัวเองขึ้นนั่งข้างคนขับ
“กินอะไรมายังครับ?” ถามคนขับหน้าดุ
“ยัง แต่ไม่เป็นอะไรเดี๋ยวค่อยไปกินบนรถไฟทีเดียว”
พี่นาฏยตั้งใจว่าจะเอารถไปจอดที่จอดรถของสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือ ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าหัวลำโพง
ตอนเช้ารถไม่ค่อยติดแต่มันยังรู้สึกง่วงอยู่เลย เผลอหาวเบาๆระหว่างที่รถเคลื่อนตัวอยู่ตรงที่จ่ายค่าผ่านทางของทางด่วน
“ง่วงก็นอนก่อน” ผ้าห่มผืนบางที่อยู่ด้านหลังถูกส่งมาให้คนนั่ง
หัวกลมๆส่ายจนผมกระจาย
“อื้อ ไม่เป็นอะไรครับ นั่งเป็นเพื่อนพี่นาฏย”
นาฏยหัวเราะในลำคอมองกระต่ายแคระแก้มป่อง ไม่ง่วงอะไรละนั่น ตาปรอยเชียว
สุดท้ายเห็นทีเด็กแก้มป่องจะไม่ได้นั่งอยู่เป็นเพื่อนอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะว่าพอรถขึ้นทางด่วนมาได้ไม่เท่าไร เจ้าตัวก็หลับปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้ว
ปล่อยให้คนขับขับรถชิลๆท่ามกลางกลิ่นหอมอ่อนๆของข้าวเหนียวหมูทอดคนเดียว
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++
มาแล้วค่ามาแล้ววววว พี่นาฏยน้องเจ้าขามาแล้วววว
ตอนนี่ยังมุ้งมิ้งๆเอื่อยๆอยู่ ตอนหน้าเราจะพานั่งรถไฟไปเที่ยวเขื่อป่าสักกันค่า
แอบเม้าหน่อย...มีใครไปมาแล้วบ้างคะ? คนเขียนเพื่งมีโอกาสไปมาเลย
ตามรอยในหลวงรัชกาลที่เก้า นั่งรถไฟไปเที่ยวเขื่อนของพ่อมาค่า สวยมากๆ เลยอยากจะพาพี่นาฏยน้องเจ้า บรรดาผองเพื่อนและคนอ่านทุกท่านไปเที่ยวด้วยกันเลย
ตอนหน้าอย่าพลาดนะค่า นอกจากพาเที่ยวแล้วยังมีทีเด็ดอยู่อีก แต่ขออุบไว้ก่อน ต้องติดตามกันตอนหน้านะครัชชชช
ขอบคุณที่ติดตามกระต่ายแคระและพี่หมีมาตลอดค่า
ขอบคุณทุกการติดตามค่า
เลิฟ
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=tsปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า