เสียงโทรศัพท์แผดสนั่นขึ้นทำให้ร่างที่ซุกซบกันอยู่สะดุ้งตื่น ริช ควานมือไปรับสายก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะปลุกคนในอ้อมแขนให้ตื่นขึ้นมาด้วย
“ฮัลโหล...”
“ริช...ตกลงนายจะมางานได้หรือเปล่า?”
“งานเลี้ยงอะไร?”
“งานวันเกิดฉันไงฉันไง”
“หา!เออจริงสิ...ไปสิ...นี่กี่โมงแล้ว”
“หกโมงกว่า เรารอนายอยู่คนเดียวนะ”
“โทษที ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้...เอ่อ...พาใครบางคนไปด้วยได้ไหม?”
“ได้สิรีบมานะ”
“เดี๋ยวเจอกัน”
ริชก้มลงมองร่างในอ้อมแขนที่ยังหลับตาพริ้มแต่เขารู้ว่าเด็กหนุ่มตื่นแล้ว ริชก้มลงไซร้จมูกไปตามซอกคอขาว ราเชลหดตัวหนีด้วยความลืมตัว
“ฮายย...ตื่นแล้วนี่ ลุกไหวไหม ถ้าลุกไหวไปเที่ยวกันดีกว่า”
“ไป...ไปไหนครับ?”
“ไปงานเลี้ยงบ้านเท็ดกัน เท็ดจัดงานวันเกิด เขาอยากให้เธอไปด้วยนะ”
“ผมเหรอครับ ทำไมคุณเท็ดรู้ละว่า...เอ่อ...ผมอยู่นี่”
“เขาต้องรู้สิ ว่าฉันควรอยู่กับใครเวลานี้”
“หมายความว่าไง?”
“อย่าอารมณ์เสียน่า เท็ดเขารู้เรื่องที่เธอป่วยอยู่ที่นี่เท่านั้นแหละ”
“...ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร” ราเชลตอบอุบอิบทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเดือดโมโหที่คิดว่าริชโอ่เรื่องที่นอนกับเขา แต่พอรู้ว่าเข้าใจผิดก็นึกอายที่มองริชในแง่ร้าย ทั้งๆที่ริชช่วยดูแลเขามาตลอดเวลาที่เขาป่วย
“แล้วตกลงว่าจะไปงานวันเกิดเท็ดไหม?”
“ไปครับ...แต่ผมไม่มีเสื้อผ้า”
“ไม่ต้องห่วง ฉันให้เขาจัดไว้ให้แล้ว ไม่ใช่จัดไว้สำหรับไปงานอะไรหรอก แค่เสื้อลำลองเฉยๆน่ะ”
“ขอบคุณครับ”
งานเลี้ยงในครอบครัวพอลลิ่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย ริชพยายามชวน
ราเชลออกไปที่สวนแต่ราเชลเขินสายตาของบิดามารดาเท็ดจึงไม่ยอมออกไปด้วยและแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับเท็ดแทน ริชหน้างอแล้วลุกออกไปคนเดียว
ราเชลรีรออยู่ครู่หนึ่งจึงลุกตามออกไป
“ริช…เอ่อ…โกรธผมเหรอ?”
“ก็มันน่าโกรธไหมล่ะ…เราเป็นคนรักกันนะราเชล แล้วทำไมต้องทำท่ารังเกียจฉันขนาดนั้นด้วย”
“ผมไม่อยากให้ครอบครัวคุณเท็ดเขามองเราไม่ดี”
“เธอเอาแต่หนีฉันตลอด แต่ทีกับเท็ดเธอยิ้มหวานเชียว อย่าบอกนะว่าสนใจเขา เท็ดน่ะเขาไม่สนใจคนอื่นหรอกนอกจากกาย”
ชื่อกายทำให้หัวใจชุ่มชื่นฟุบแฟบลง ราเชลนิ่งไปนานกว่าจะรวบรวมกำลังใจถามริชเบาๆ
“จนป่านนี้แล้ว…แต่ดูใครๆก็ยังคิดถึงคุณกายกันอยู่นะครับ”
“แน่ล่ะ…กายน่ะน่ารัก แสนดี แล้วก็ไม่ขี้งอนไร้เหตุผลเหมือนเธอหรอก”
ริชตอบห้วนๆ ความเงียบเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ริชเหลือบมองหน้านวลที่บัดนี้ซีดขาวอย่างตกใจ เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายความรู้สึกของราเชล แต่เพราะอารมณ์หึงหวงทำให้เขาพลั้งปากประชดไป
“ราเชล…เอ่อ..”
“ผมจะเข้าไปข้างในก่อนนะครับ” ราเชลผลุนผลันกลับเข้าไป ริชขยับจะตามแต่ทิฐิทำให้เขาหยุดยืนเฉย
“แสนงอนดีนัก ดีปล่อยให้งอนเสียให้เข็ด” ชายหนุ่มวิ่งออกไปก็ทันทีเมื่อได้ยินเสียงรถ ทันได้เห็นท้ายรถของเด็กหนุ่มอยู่ลิบๆ
“เกิดอะไรขึ้นริช…ทำไมจู่ๆราเชลก็กลับไปดื้อๆอย่างนั้น?”
“ช่างปะไร…อยากงอนก็งอนไปเลย ยิ่งง้อยิ่งทำฤทธิ์ ปล่อยให้ร้องไห้ให้เข็ดเสียบ้างก็ดี” ริชประชดแต่ก็หน้าขับรถออกไปอีกคน
..................................
อารมณ์โมโหแกมน้อยใจทำให้เผลอขับรถเร็ว ราเชลจึงถูกรถสายตรวจเรียกจอด เด็กหนุ่มใจหายเพราะเกิดมาเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
“คุณขับรถเร็วนะครับ…ถนนแถวนี้ค่อนข้างพลุกพล่าน ขับเร็วขนาดนี้จะเกิดอันตรายได้”
“ขอโทษครับ…ผม…ผมรีบไปหน่อย”
“ขอใบขับขี่ด้วยครับ”
“ครับ” ราเชลส่งใบขับขี่ให้ นายตำรวจทั้งสองเรียกเด็กหนุ่มออกมา ให้เป่าตัวตรวจจับแอลกอฮอล์ แต่ไม่พบอะไร จึงให้ใบสั่งเรื่องขับรถเร็ว
ราเชลไปนั่งใจระทึกบนสถานี คราวที่แล้วเขามาสถานีตำรวจเพราะหนีริชมา คราวนี้ก็เพราะหนีริชมาอีกแหละ คนที่ถูกจับมากมายจนเขาแปลกใจ จนได้ยินตำรวจบ่นกันถึงแก็งค์ซิ่งรถที่ถูกจับเด็กหนุ่มถึงเข้าใจ
ราเชลนั่งตัวลีบเมื่อมีนักซิ่งร่างยักษ์สองสามคนปราดเข้ามาใกล้เขา ดีที่ตำรวจนายหนึ่งกันออกไป
“มีอะไรกัน?”
“ ขับรถเร็วครับสารวัตร กำลังจะเสียค่าปรับ”
“งั้นเหรอ…เอ…เธอนี่หน้าคุ้นๆนะ…เราเคยเจอกันหรือเปล่าเนี่ย?”
“ไม่เคยครับ”
“แหมสารวัตรเห็นคนสวยหน่อยละไม่ได้เชียวนะ”
“เฮ้ย!ฉันคุ้นหน้าเจ้าหนูนี่จริงๆนะ”
“ผู้หญิงไม่ใช่หรือครับ?”ร้อยเวรทำหน้าเหมือนกับตำรวจคนที่จับความเร็วเขาตอนเห็นใบขับขี่
“ผมเป็นผู้ชายครับ” ราเชลเสียงแข็ง หน้าแดงด้วยความโกรธ
“ไหนขอดูหน่อยสิ…ราเชล เวลล์บอน …ฮ้า!เด็กคนนั้นนี่เอง”
“คนไหนครับ?”
“เรื่องมันตั้งนานแล้วตั้งแต่ฉันย้ายมาประจำที่นี่ใหม่ๆ ไงหนูน้อยคุณย่าเธอสบายดีหรือเปล่า”
“ครับ..เอ่อ..ผมเคยเจอคุณด้วยเหรอครับ…ทำไมผมจำไม่ได้?”
“ฮะๆๆ…จะไปจำได้ได้ยังไง ตอนนั้นเธอเพิ่ง 4-5ขวบเท่านั้นเอง แถมยังถูกทำร้ายจนปางตาย ตอนที่ฉันไปอุ้มออกมาเธอนอนตาลอยคว้างจนฉันใจหายหมด”
“ผม…ผมเคยถูก…ทำร้ายเหรอครับ” ราเชลใจหายวูบ เกือบหลุดคำว่าโดนข่มขืนออกไปถ้าไม่เห็นสายตาที่มองมาอย่างสนใจของตำรวจคนอื่นๆ
“ใช่…แต่ตอนนี้สบายดีแล้วใช่ไหม…ฝากบอกคุณย่าเธอด้วยว่าว่างๆฉันจะไปเยี่ยมนะ…อ้าว!นั่นจะรีบไปไหน…ว้า!ไปซะแล้ว”
..................................
เสียงเปิดประตูโครมพร้อมกับร่างบางที่วิ่งถลาเข้ามาอย่างไร้-มารยาททำให้ท่านผู้หญิงแห่งตระกูลเวลบอร์นมองหลานชายด้วยดวงตาตำหนิ
“คุณย่า…บอกผมหน่อยว่าแม่ผมตายยังไง?”
“เป็นบ้าไปแล้วหรือราเชล เข้าห้องก็ไม่รู้จักเคาะประตู แล้วนี่ยังจะมาถามเรื่องไร้สาระอีก”
“ไม่!บอกผมสิคุณย่าว่าแม่ตายยังไง?”
“แม่เธอรถคว่ำ รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม?”
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหมคุณย่า…พ่อ…พ่อเจตนาฆ่าแม่กับชู้”
“ราเชล…หยุดพูดจาไร้สติได้แล้ว ไปเอาเรื่องบ้าบอแบบนี้มาจากไหน?”
“เบลบอกผมว่าแม่ตาย ส่วนชู้รักของแม่เป็นบ้า ย่าขังเขาไว้แล้วเขาก็ข่มขืนเอลล่า…มันจริงไหมครับย่า”
“เชื่ออะไรกับคนบ้า...ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องบ้าๆกับเธอแล้ว”
ใบหน้าเหี่ยวย่นซีดขาวขึ้นมาทันที นางเวลบอร์นผุดลุกขึ้นเดินหนี ราเชล วิ่งตามไปคว้าแขนเธอไว้แน่น
“บอกผมหน่อยคุณย่า…ว่าสิ่งที่ผมรู้มันไม่จริง บอกผมหน่อยคุณย่า…ฮึก…บอกผม”
“นี่จะมาถามให้มันได้อะไร?”
“ก็แสดงว่าจริงสินะ…แสดงว่าจริงใช่ไหม?…ผู้ชายคนนั้นเป็นลุงผม ลุงชาลีเป็นชู้รักของแม่จริงๆเหรอครับ”
“แล้วมันก็เป็นพ่อแกด้วยไง”
เสียงตวาดจากเบื้องหลังทำให้ราเชลชาวาบทั้งตัว เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาเรียกว่าพ่อมาตลอด 18 ปี
“หมายความว่า…ผม…ไม่ใช่…ลูก..”
“แกไม่ใช่ลูกฉัน…ไม่เคยใช่….”ชาร์ลตวาดสวนทันควัน ใบหน้าอูมแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลเขาก็ดื่มหนักเพราะความกดดันที่เดินไม่ได้
“หยุดนะชาล์ล แกพูดอะไรบ้าๆ ราเชลเป็นลูกแกนะ”
“คุณแม่จะโกหกไปถึงไหน คุณแม่ก็รู้ดีว่ามันเป็นลูกไอ้ชาลี มันไม่ใช่ลูกผม”
“…ไม่จริง…” ราเชลครางเสียงแผ่วด้วยความตกใจมากกว่าจะคิดปฏิเสธ
“จริงสิ…แล้วรู้ไหมทำไมแกต้องมีหมอมาตามดูตลอดก็เพราะแกเกือบต้องตายเพราะพ่อแกนั่นแหละ…ฮะๆๆ พ่อที่เป็นบ้ามันเกือบฆ่าแกนะรู้ไว้ซะ” ชาร์ลไสรถเข็นเข้ามาประจันหน้ากับแอนนาและราเชลด้วยสีหน้าสะใจ
“ชาร์ลถ้าแกเมาก็ไปนอนซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“คุณแม่จะปกป้องมันทำไมนักหนา ก็แค่ลูกกาฝากจะเลี้ยงมันไปถึงเมื่อไหร่?”
ราเชลเย็นวาบทั้งตัวราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าออกจากบ้านมาได้อย่างไร เด็กหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อตำรวจสายตรวจมาเคาะกระจกรถ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจอดรถและฟุบหน้าร้องไห้อยู่นานแค่ไหนแล้ว
“คุณครับ…เมาหรือเปล่าครับ?”
“…เปล่าครับ…ผม…ไม่ได้ทานเหล้า…”
“แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ไม่…ไม่เป็นอะไรครับ…ผมปวดศีรษะก็เลยหยุดพักครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“ถ้าคุณไม่เป็นผมขอตัวก่อน” นายตำรวจคนนั้นถอยออกไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพอดี ราเชลมองเบอร์ที่โชว์อย่างประหลาดใจ
“ครับ...ราเชลพูด”
“คุณรีบมาที่บ้านนะครับ คุณริชเกิดเรื่องแล้ว”
“เรื่องอะไร ริชเป็นอะไร?”
“....”
ยังไม่ทันรู้เรื่องว่ามีอะไรฝ่ายนั้นก็วางสายไปทันที เสียงอู้อี้ฟังดูแปลกๆ แต่ราเชลห่วงริชเกินกว่าจะสนใจ
บอร์ดี้การ์ดต่างหันมองราเชลอย่างประหลาดใจที่เห็นเด็กหนุ่มลงจากรถด้วยท่าทางร้อนรน
“มีอะไรครับคุณราเชล?”
“เกิดอะไรขึ้นกับริช ริชเป็นอะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“เกิดอะไร...เอ่อ...ผมก็ไม่ทราบครับ...คือ....”
“โธ่เอ๊ย! ริชอยู่ที่ไหนรู้ไหม?”
“อยู่ห้องทำงานครับ...พอดีมี...ไปซะแล้ว...อะไรกันหว่า...”
ราเชลวิ่งตัวปลิวไปก่อนที่จะทันฟังให้จบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมคนของริชเหมือนไม่รู้ว่าริชกำลังเดือดร้อน
ยังไม่ทันถึงห้องทำงานเสียงริชหัวเราะก็ดังลอดออกมาเพราะประตูห้องถูกแง้มอยู่ ราเชลชะงักตัดสินใจแอบดูแทนที่จะเข้าไปทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปหรือไม่ ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มเย็นวาบทั้งตัว
ร่างบางอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าโถมเข้ากอดรัดร่างหนา ราเชลรู้สึกเหมือนโลกตีกลับขึ้นหน้าเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของร่างเปลือยเปล่าชัดเจน
“…ลอว์ลี่…ทำไม...”
เสียงครางของราเชลไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ น้ำตากลบตาจนมองอะไรแทบไม่เห็น ราเชลหันกลับร่างกายสั่นเทิ้มจนแทบเดินไม่ไหว ในหัวว่างเปล่าโหวงเหวง
‘คนรัก...เพื่อนรัก...ไม่มีอีกแล้ว...เราไม่เหลือใครอีกแล้ว’
..................................
ราเชลนอนเหม่อตาลอยคว้าง...เขาไม่มีที่ให้ไปอีกแล้วนอกจากที่นี่คอนโดที่ซื้อเพื่อพักระหว่างที่มาทำงานแทนบิดา เด็กหนุ่มพลิกตัวไปมาอย่างทุรนทุราย ยานอนหลับ3เม็ดที่เขากินเข้าไปไม่ได้ช่วยให้เขาหลับได้เลย ตายังแข็งค้าง ภาพของริชกับลอว์ลี่ยังติดตาไม่หาย ความเจ็บปวดที่รุมเร้าทำให้เด็กหนุ่มต้องคู้ตัวขดแน่น ในสมองอึงอลด้วยเรื่องเลวร้ายที่ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เบลเล่าจะเป็นความจริง แต่ถ้อยคำหยาบหยามของบิดายังดังก้องอยู่ในหู ขนาดบิดาแท้ๆยังทำร้ายเขาได้ ไม่แปลกเลยที่โลกนี้จะไม่มีใครรักเขาจริงแม้แต่คนเดียว
‘เรามันสกปรก…เราถูกพ่อตัวเองข่มขืนตั้งแต่เด็ก…มิน่าถึงไม่มีใครรักเราเลย…ในโลกนี้ไม่มีใครรักเราเลยเหรอนี่…แล้วเราเกิดมาเพื่ออะไร?…พระเจ้าครับ…ท่านให้ผมเกิดมาทำไม?’
ราเชลเกลือกกลิ้งไปบนที่นอนด้วยความทรมาน ในอกเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ RRRRRRRRRRR…..
เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ อาจจะเป็นคุณย่า …อาจจะเป็นริช…หรืออาจจะเป็นหมอที่เป็นห่วงเขา
“ฮัลโหล”
“ราเชลนี่ผมเองนะ…เกิดอะไรขึ้นจู่ๆก็รีบร้อนกลับไป ผมโทรเข้ามือถือแต่คุณปิดเครื่อง โทรมาที่คอนโดก็ไม่มีคนรับสาย นี่ผมเกือบถอดใจแล้วนะ โชคดีจริงๆที่เจอคุณพอดี”
“ใคร…นั่นใครพูดน่ะ…ไม่ใช่ริชนี่?”
“ผมเอง…เท็ดไง…จำเสียงผมได้ไม่ได้เหรอ?”
“เท็ด…เท็ด…ช่วยผมด้วย”
“ราเชลเป็นอะไรไป!” เสียงร้องไห้ที่ดังลอดเข้ามาพลอยให้เท็ดร้อนใจไปด้วย
“เท็ดอยู่ที่ไหน…ผมจะไปหา”
“ผมไปหาคุณดีกว่าราเชล รออยู่ที่ห้องนั่นแหละ”
“ไม่!ผมจะไม่อยู่ที่นี่…ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว…เท็ดอยู่ที่ไหน…บอกผมที ผมจะไปหา…ผมเจ็บจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว…เท็ดช่วยผมที”
“เอาอย่างนี้ราเชล ลงมารอผมที่ห้องรับรองก็ได้ ผมจะไปหา อย่าขับรถดีกว่านะมันอันตราย รออยู่ที่คอนโดนั่นแหละ”
“ผมจะรอนะ…เท็ดต้องมาหาผมนะ…อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว”
“ผมไปแน่ราเชล ผมสัญญา…เดี๋ยวเจอกัน”
ราเชลทิ้งโทรศัพท์ลงวิ่งออกไปทั้งที่ไม่ได้สวมรองเท้า ยังไม่ทันถึงลิฟต์ร่างสูงๆก็เดินสวนมาเสียก่อน ราเชลชะงักกึกด้วยความตกใจ
‘ไม่ๆ…เรายังไม่พร้อม…เราทนให้ริชบอกเรื่องเขากับลอว์ลี่ตอนนี้ไม่ไหวแน่…’
ราเชลหันกลับวิ่งหนีไปทางบันไดหนีไฟแต่ริชตามไปกระชากตัวกลับมาเสียก่อน
“จะไปไหนราเชล เจอหน้าก็วิ่งหนีดื้อๆเลยนะ?”
“ปล่อยผม…ผมจะไปธุระ”
“รู้สึกว่าธุระของเธอมันจะร้อนเหลือเกินนะ…”
ตาคมกวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แสงทางเดินค่อนข้างสลัวแต่ก็พอสังเกตเห็นว่าราเชลไม่ได้สวมรองเท้า แถมกระดุมเสื้อก็หลุดลุย
“รีบเสียจนไม่มีเวลาติดกระดุมเสื้อด้วยซ้ำ…อย่างนี้คงไม่มีเวลาคุยกับฉันสินะ?”
“ไม่ๆ…ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้น”
“ต้องคุย!”
“ไม่…ปล่อยผม…ผมจะรีบไป…ป่านนี้เขารอผมแย่แล้ว”
“อ้อ!มีนัด”
“ใช่ผมมีนัด…ผมขอตัว”
“ทำไมหื๋อราเชล?...ฉันคนเดียวสนองให้เธอไม่ถึงใจหรือไง ถึงต้องแล่น
ออกไปหาคนอื่นกลางดึกขนาดนี้…หรือว่าชอบแบบหมู่ก็ได้นะฉันจะเรียกบอร์ดี้-การ์ดมาให้ รับรองว่าดุเด็ดเผ็ดมันสมใจเธอแน่”
คำพูดของริชเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลาหลังหัก ราเชลหมุนตัวกลับไปและเหวี่ยงมือและเท้าเข้าใส่สุดแรง
“นี่ราเชล...หยุดนะ...บอกว่าให้หยุด!”
ริชเบี่ยงตัวหลบและคอยปัดป้องแต่ไม่ตอบโต้ รอจนพายุหมัดเบาลงจึงรวบแขนเรียวไว้ได้ ชายหนุ่มดันร่างที่กำลังดิ้นรนกดกับผนังและใช้ท่อนขาตรึงร่างกายส่วนล่างของเด็กหนุ่มไม่ให้ขยับ
“หยุดเสียที อย่าให้ฉันโมโหมากไปกว่านี้นะ!” ริชเขย่าไหล่บางแรงๆหวังให้ราเชลหยุดอาระวาด
ราเชลไม่ได้ร้องไห้แต่คำรามอยู่ในลำคอ ดวงตาโตลุกโพลงด้วยความคั่งแค้นและเจ็บช้ำ ใบหน้าซีดจนแทบเขียว ฟันขาวกัดปากแน่นจนเลือดค่อยๆไหลซึมลงมา ริชรีบคว้าคางมนบีบให้คลายออก
“หยุดนะราเชล! อย่าทำแบบนี้ เธอจะทำร้ายตัวเองทำไม?”
ราเชลไม่ได้ตอบโต้ หูของเขาอื้อด้วยเสียงเสียดสีที่ดังสะท้อนไปมา ความคับแค้นขมขื่นจากการได้รับรู้อดีตที่น่าอับอายน่าขยะแขยงของตัวเอง บวกกับความเสียใจที่ถูกคนรักและเพื่อนสนิททรยศบีบคั้นมาหลายชั่วโมง ทำให้บางอย่างในตัวเขาขาดผึงออก
ราเชลได้ยินเสียงตัวเองกรีดร้อง ดัง...และโหยหวน แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกเหมือนในตัวเขาแยกออกมาจากกัน ร่างกายเขากรีดร้องดิ้นรนและพยายามทำร้ายคนตรงหน้า แต่จิตใตเขากลับขาวโพลนและค่อยๆว่างเปล่า สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและเจ็บปวดของริช
.................................
แล้วเจอใหม่คะ