Ep. 26
[รบ]
เปิดเทอมชั้นปีที่สี่...
ผมมาเรียนในสภาพที่ไม่ต่างอะไรจากซอมบี้เดินได้ แม้ว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวจะเต็มไปด้วยความสดใสของน้องๆ เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งพี่ๆ บางคน...แต่ผมก็ไม่สามารถทำใจสดใสกับคนอื่นๆ ได้อยู่ดี
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตลอดช่วงเวลาปิดเทอม...มันผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นความฝัน
ผมได้แฟนมาหนึ่งคน ได้เพื่อนกลุ่มใหม่มาอีกหนึ่งกลุ่ม...แต่ไม่มีสิ่งใดมายืนยันได้เลยว่าคนเหล่านั้นแม่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ทั้งๆ ที่วันนี้พวกมันก็เปิดเทอมเหมือนกัน...
ไม่มีใครจากร้านแบล็คแพ็คที่มาเรียนตอนวันเปิดเทอมเลยหรือยังไงกัน
วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า (ครับ...มอผมมีเรียนตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม) ไอ้เบียร์มันเป็นคนลงทะเบียนให้ผมกับคนอื่นๆ ในกลุ่มเพราะพวกเราจะได้เรียนเสกเดียวกันอีกทั้งมันก็ยังรู้อีกด้วยว่าผมยุ่งมาก...มันลงให้ผมโดยที่ไม่ถามผมสักคำว่าผมอยากเรียนวิชาเลือกอะไรบ้างในเทอมนี้ ซึ่งถ้ามันถามล่ะก็...ผมก็คงจะตอบไปอย่างง่ายๆ นั่นแหละว่าเรียนอะไรก็ได้ที่เหมือนเพื่อนในกลุ่ม
“สวัสดีครับ” ชู้ตทักผมพร้อมกับขนมเต็มอ้อมแขน “เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ผมตอบ “เดี๋ยวช่วยแจกนะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ชู้ตกับแม่ทำขนมมาแจกคนในคณะเพราะรู้ว่าคนในคณะมีส่วนช่วยมันกับแม่อย่างมาก...ไอ้เบียร์กับไอ้จุนบอกขอบคุณใครหลายๆ คนอย่างไม่ถือตัวพร้อมๆ กับแจกขนมไปด้วย ผมเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน การได้คุยกับคนในคณะที่ใต้ถุนทำให้ผมลืมความกังวลเรื่องแฟนตัวเองไป
...แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
“นี่รบ...ได้ข่าวว่าช่วงนี้สนิทกับธนูเอกดนตรีเหรอ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงกลายไปเป็นพนักงานร้านของพวกเอกดนตรีได้ล่ะ”
“ธนูหล่อล่ำมากเลยใช่มั้ย กรี๊ดดดด”
“ทำไมถึงอยู่กับธนูได้อ่ะ...ใส่ชุดเกราะไปทำงานทุกวันหรือเปล่า อารมณ์ธนูขึ้นๆ ลงๆ สุดๆ ไปเลยนะ”
คำถามเหล่านั้นเป็นสิ่งยืนยันเพียงสิ่งเดียวว่าเรื่องราวของผมกับพวกเอกดนตรีที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมมันเป็นเรื่องจริง ไอ้เบียร์ ไอ้ชู้ต และก็ไอ้จุนเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้นแทนผม เพราะผมยังไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาแจกแจงว่าผมกับคนพวกนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพราะผมมีเรื่องให้เครียดอยู่มาก...มากจนผมรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว
“อุ๊ย”
“กรี๊ดดดดดด พวกเอกดนตรีมาแล้ว”
“โอ๊ยยย หล่อขึ้นกันมากเลยอ่ะ”
“เดี๋ยวก่อนนะ ธนูเป็นอะไร!”
“ใครทำอะไรธนู เอ๊ะ หรือเขาไปขี่รถล้มมา”
“ทำไมธนูถึงได้...”
ผมค่อยๆ หันไปมองหน้าคณะช้าๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงเหล่านั้น...ก่อนที่น้ำตาผมจะไหลช้าๆ เมื่อผมเห็นว่าใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเพื่อนของมันโดยใช้ไม้ค้ำยันเพื่อการทรงตัว
แฟนผม...กลับมาแล้ว
ผมส่งถาดขนมไปให้เพื่อนก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาธนู...เพื่อนๆ ของมันหลีกทางให้ผมอย่างรู้งาน
ธนูส่งไม้ค่ำไปให้ไอ้ก้องได้ทันในระหว่างที่ผมกำลังจะถึงตัวมัน จากนั้นมันอ้าแขนรอผมได้ทันอย่างพอดิบพอดี...
“ไง” ธนูกระซิบข้างหูผม...พร้อมๆ กับฝังใบหน้าของมันเข้ากับซอกคอของผม
“คิดถึง” ผมผละออกพร้อมกับจับใบหน้าของมัน...น้ำหูน้ำตาของผมไหลเต็มไปหมดอย่างไม่อายใคร “คิดถึงมากๆ เลย”
“กูก็...”
ปากธนูยังไม่ได้ขยับเป็นคำพูด...แต่ผมก็พุ่งใบหน้าเข้าไปจูบมันอย่างดูดดื่มแล้ว
ผมไม่รู้ว่าธนูต้องกวักมือเรียกให้ไอ้ก้องเข้ามาช่วยมันทรงตัว...ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมอยากทำก็เท่านั้น
ผมดีใจ...ที่มันกลับมา
ดีใจ...จนบรรยายเป็นคำพูดไม่ไหว
[โต๊ะผู้หญิงปีสอง เอกทัศนศิลป์] “กรี๊ดดดดดดด”
“อะไรนั่นน่ะ”
“เป็นแฟนกันเหรอ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
[โต๊ะผู้หญิงปีสี่ เอกการแสดง]
“อ้าว อิรบมันได้กับธนูได้ยังไง”
“มันได้กับธนู...ธนูเนี่ยนะ”
“งงในงงเลยกู...”
“แล้วคนที่มันเคยควงทั้งหลายทั้งแหล่นั่นล่ะ”
“ธนูไม่ใช่สเป็กมันไม่ใช่เหรอ”
“มันต้องขยายความเรื่องนี้แล้ว...”
[โต๊ะผู้ชายปีสี่ เอกดนตรี]
“เฮ้ย ดูนั่นสิ”
“ธนูแม่งไม่เบาว่ะเฮ้ยยย”
“เหยดโด้...ได้ลูกครึ่งเฉย”
“เพื่อนกูโคตรไม่ธรรมดา”
“อยากฮอตให้ได้สักครึ่งของธนูมัน...ดูซิ เจ็บไปทั้งตัวแม่งก็ยังดูดี”
[โต๊ะเพศทางเลือก คณะศิลปกรรมศาสตร์ หลายๆ เอกรวมกัน]
“ผีแหกกกกกก”
“โอ้มายก็อด”
“ว็อทเดอะฟัค”
“กรี๊ดดดดดดดด อิลิตเติ้ลบี มึงมาดูเร็ว รบกับธนู รบกับธนู กรี๊ดดด กรี๊ดดดดด”
“โซแดมน์ฮอตสุดๆ ไปเลยค่ะคุณขา...”
“โอ๊ย อิทิงกี้วิงกี้ กูอยากไปจูบกับเขาบ้าง”
“ทำไมร้อนแรงอะไรกันขนาดนั้นน่ะ...ดูการแลกลิ้นอย่างมีชั้นเชิงนั่นสิ”
“รู้สึกอยากมีผัวเลยค่ะ”
“ใจแม่มาเหลือเกิน”
“กูอิจฉาตาร้อนนนนนนนนน”
[การ์ด]
ในที่สุดรบก็กลับมายิ้มกว้างได้อีกครั้งหนึ่ง
ธนูมันตั้งใจปิดบังรบเรื่องที่มันฟื้นในช่วงเวลาสามวันสุดท้ายก่อนเปิดเทอม เนื่องจากมันต้องการพักร่างกายให้ได้มากที่สุดเพราะมันอยากมาเซอร์ไพรส์รบที่มหา’ลัย...และแล้วเพื่อนผมมันก็ได้เซอร์ไพรส์รบจริงๆ
หลังจากฉากจูบดูดดื่มได้จบลงไป...เรา...กี่คนวะ ผมนับแป๊บ...
เราทั้งหมดเก้าคนก็ได้มานั่งอยู่ในโรงอาหารติดแอร์ที่เกือบจะว่างเปล่าเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่ไปเรียนกันหมด สิ่งแรกที่พวกเราทำคือถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน โดยเฉพาะรบกับธนูที่โดนถามจากเพื่อนของอีกฝ่ายมากที่สุด
เพื่อนรบเป็นฝ่ายถามธนู
เพื่อนธนูเป็นฝ่ายถามรบ
ผมไม่ลืมที่จะเล่าถึงวีรกรรมที่สุดแสนจะน่ากลัวของรบให้ไอ้ธนูมันฟังก่อนหน้าที่มันจะมาเจอรบ...ตอนแรกมันก็ทำสีหน้าไม่เชื่อ แต่เมื่อก้อง ยุ และก็โฮมมาช่วยผมยืนยัน มันก็ได้แต่อึ้ง
คงไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะซ่อนอิทธิฤทธิ์เอาไว้แบบนั้นล่ะสิท่า...
“ให้อีกชั่วโมงนึงเท่านั้นนะ” หลังจากที่รบมันรู้ว่าธนูขอหมอออกมาชั่วคราว มันก็เอาแต่มองนาฬิกา เพื่อที่ธนูจะได้กลับไปนอนให้หมอรักษาตามเดิม
“ไม่เอา” เพื่อนผมเอียงคอไปซบกับไหล่ของรบ “อยากอยู่กับมึงนานๆ”
“ถ้ามึงหายมึงจะได้อยู่กับกูอีก...ตราบนานเท่านานเลย”
“...”
“นะ รีบกลับโรงพยาบาลได้แล้ว”
“มึงไปส่งกูได้มั้ย”
ผมกับเพื่อนโดนไอ้ธนูเทเฉยเลย...
“นะ อยากให้มึงไปส่งกู” หัวหน้าแก๊งของผมแม่งโคตรอ้อน
“เบียร์ วันนี้กูคงต้องโดดเรียนว่ะ” รบหันไปบอกกับเพื่อนของมัน
เบียร์ยักไหล่ “ไม่ต้องบอกก็รู้”
“งั้นไปกันเถอะ” รบเริ่มพยุงธนูให้ลุกขึ้นยืน...
“ธนู แล้วพวกกู...” ผมส่งเสียงถาม...แต่ผมก็ไม่กล้าถามต่อเมื่อเห็นสายตาของรบ ขอย้ำ...สายตาของรบนะครับ ไม่ใช่ธนู
มันทำเรากลัวมันจนหัวหด...ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่รบหัวร้อนจนขาดสติ แต่ผมก็รู้ว่าเพื่อนๆ มันไม่ได้พูดเว่อร์เกินจริงเท่าไหร่นักหรอก
“กูไปนะ” รบบอกลาเราทุกคน...
ผมหันไปมองก้องแล้วบ่นเบาๆ “กลัวธนูคนเดียวชีวิตมันสนุกไม่พอใช่มั้ยพวกเรา”
“ทำไงได้” ก้องเอื้อมมือมาจับมือผม “คนที่มีอะไรเหมือนๆ กันย่อมเกิดมาคู่กัน ไอ้สองคนนั้นมันมีความน่ากลัวเหมือนกัน”
“มึงกับกูมีอะไรเหมือนกันวะ” ผมอดสงสัยไม่ได้
ใบหน้าที่ใช้ความคิดอย่างหนักของก้องทำเอาผมหลุดยิ้ม
“เรารักกันไง”
“...”
“รักกับรักมันก็เป็นสิ่งที่เหมือนกันนะ”
“กล้าใช้คำว่ารักแล้วเหรอ” ผมแซว
“มึงยังไม่รักกูหรือไงเล่า”
“ก็...” ผมทำท่าคิด “คิดว่าน่าจะเริ่มๆ รักแล้วนะ...”
“มึงเป็นความรักของกูหรือเปล่าวะยุ”
“แล้วมึงเป็นความรักของกูหรือเปล่าวะโฮม”ก้องหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้ยุกับไอ้โฮมที่ส่งเสียงล้อเลียนผมกับก้อง...ก่อนที่มันจะลุกขึ้นไล่เตะไอ้สองคนนั้นอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่มันทำอยู่ร้านไม่มีผิดเพี้ยน
ไอ้เบียร์ ไอ้ชู้ต และก็ไอ้จุนได้แต่มองตามพวกเราด้วยความงุนงงว่าพวกเราเล่นอะไรกันอยู่...
[รบ]
ผมเดินไปเดินมาในห้องพักของธนูหลังจากที่มันกลับมาอยู่ในลุคคนป่วยบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง
มันแม่งก็ดื้อ...ไม่รู้จะอยากเซอร์ไพรส์ผมทำไมกัน ทั้งลำบากและก็อันตรายมากแต่แม่งก็ทำ
นี่นทีไม่ได้บอกไม่ได้เตือนมันเลยหรือยังไง
“มึงใส่ชุดนักศึกษาแล้วหล่อดีจัง” คนบนเตียงผู้ป่วยชมผม...มันยังคงมีร่างกายที่ไม่ปกติ ฉะนั้นการออกเสียงของมันจึงยังฟังดูเหนื่อยๆ อยู่ “ไม่ได้เห็นนานแล้ว”
“แค่เกือบสามเดือนเอง” ผมยิ้มตอบ
“นั่นสิเนอะ”
“มึงอยู่ในชุดคนป่วยแล้วก็หล่อดีนะ”
“...”
“แต่อย่าใส่อีกเลยจะดีกว่า...”
มันยิ้มเบาๆ เพราะรู้ความหมายคำพูดของผม ใครจะไปอยากให้มันใส่ชุดคนป่วยกัน เพราะนั่นหมายความว่ามันไม่สบายและต้องอยู่ใกล้ๆ หมอให้หมอรักษา
“ตอนกูหลับ...กูฝันด้วย”
“อื้อ ฝันว่าไงบ้าง” ผมลดเสียงทีวีลงเพื่อที่จะได้ฟังคำพูด
“ฝันว่าเราแต่งงานกัน”
ผมหันไปมองไอ้ธนูอย่างทึ่งๆ “จริงป่ะวะ”
“จริง”
“...”
“แม่งดูมีความสุขมากเลย”
“ในความฝันของมึงมีอะไรบ้างที่ต่างจากตอนนี้” ผมดึงเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เตียงผู้ป่วยเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดธนูมากที่สุด
“มึงแก่ขึ้น”
“กูไม่น่าถามเลย” มันคือความผิดพลาดชัดๆ
“มึงแก่ขึ้นกูก็แก่ขึ้นเหมือนกัน”
“แล้วยังไงอีก”
“เราอยู่ในบ้านที่มีสนามหญ้ากว้าง”
“...”
“พวกไอ้การ์ดชอบมาแฮงก์เอาท์บ่อยๆ ทำเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลย โคตรไม่มีความเกรงใจ”
“เป็นความฝันที่แม่งไม่ต่างจากความจริงเท่าไหร่เลยนะ”
“นั่นสิ” ธนูเอื้อมมือมาจับมือผม “ในความฝันเราทั้งคู่แค่โตขึ้น...แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกัน แบบเดิม เหมือนเดิม”
“...”
“เราทำแบบความฝันของกูได้มั้ยวะ เพราะในความฝันกูมีความสุขมากเลยนะ”
“มึงกำลังขอให้กูอยู่กับมึงไปจนแก่เหรอวะธนู” ผมแกล้งเลิกคิ้วสูงเพื่อกระเซ้าเย้าแหย่อีกฝ่าย “แบบนี้นี่มันขอแต่งงานทางอ้อมชัดๆ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นมึงจะตอบว่าไงล่ะ”
“ไอ้น้อง!” เสียงของนทีทำให้ผมกับธนูต้องรีบปล่อยมือกัน จู่ๆ นทีก็โผล่เข้าในห้องโดยไม่มีการเคาะประตู ซึ่งนั่นทำให้ธนูหัวเสียมาก
มันกำลังหาของเพื่อที่จะเขวี้ยงไปใส่พี่มัน...
“โทษที” นทีขอโทษน้ำเสียงแห้ง “ขอรบกวนเวลานิดหน่อย”
“มีเหี้ยอะไร” ธนูกลับมามีเสียงโหดอีกครั้งหนึ่ง
ให้ตาย...ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ยินเสียงนี้มานานมาก...มากจริงๆ
แปลกแต่จริงที่ผมคิดถึงเสียงนี้แฮะ
“มีคนจะขอโทษมึงน่ะ”
ผมได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากนอกห้อง ทันใดนั้น...ร่างปวกเปียกของใครคนหนึ่งก็เข้ามานอนแอ้งแม้งอยู่ในห้องในสภาพที่ถือว่าแย่โคตรๆ
คนคนนี้โดนซ้อมจนสะบักสะบอม...
“คุกเข่าซะ” นทีสั่งคนคนนั้น...มันค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพร้อมๆ กับคุกเข่าต่อหน้าเตียงของธนู “นริศ ลูกน้องไอ้แพง”
คนที่เป็นตัวการที่ทำให้ธนูกับนทีต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเจ็บหนักนี่เอง...
ผมกัดฟันกรอด...มือของผมกำหมัดแน่นพร้อมจะเข้าไปเสยคางไอ้นริศห่านี่ แต่ธนูเป็นคนเอื้อมมือมาคลายกำปั้นของผม
“จะเท่ไปไหนวะแฟนกู” ธนูแซวพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“มันทำมึงเจ็บ”
“ต่อไปให้กูจัดการเรื่องนี้เองนะ มึงไม่ต้องเข้าไปยุ่งแล้ว”
“แต่ว่า...”
“กูคือคนที่ต้องดูแลมึง ดูแลเพื่อน...”
“...”
“ขอบคุณที่ทำหน้าที่นั้นแทนกูนะ...แต่มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
คำว่าแอลฟาลอยเข้ามากระแทกหัวผมอย่างจัง...มันต่างหากคือแอลฟาหรือจ่าฝูงที่แท้จริง ผมก็แค่เป็นคนรักของมันทีเผลอทำหน้าที่แทนมันไปครั้งหนึ่งก็เท่านั้นเอง
ท่าทางมันจะซีเรียสเรื่องนี้มาก เพราะงั้นผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว...
“เอาไง” นทีถาม
ผมแอบเห็นสายตาที่ธนูมันมองนริศ มันเป็นสายตาน่ากลัวเกินกว่าสายตาที่มันใช้ข่มขู่เพื่อนๆ ของมันมากหลายต่อหลายเท่านัก
เชื่อว่าเป็นสายตาที่มันไม่เคยที่จะใช้มองผม...
มันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ข่มขู่ โมโห และคาดโทษ จนนทีเองถึงกับต้องกระแอมเพื่อไล่บรรยากาศที่สุดแสนจะน่าอึดอัด
นริศสบตากับธนูไม่ถึงสามวินาที...หลังจากนั้นมันก็หงอจนคอมันตก
“ว่ายังไง” นทีถามย้ำ
“เอามันไปให้พ้นๆ หน้ากู” ธนูสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด
นทีพยักเพยิดสั่งคนให้มาเก็บร่างของนริศ...มันโบกมือลาผม จนธนูต้องกระชากเสียงใส่
“มึงก็ออกไป คนเขาจะสวีตกัน”
“รู้แล้วล่ะน่า”
แม้แต่พี่มันก็ยังโหดใส่...นี่ถ้าวันเวลาผ่านไป...ผมจะโดนมันโหดใส่ผมบ้างมั้ยเนี่ย
“เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ” ธนูหันมาคุยกับผมต่อ
เสียงหวานๆ ของไอ้ธนูนี่มันยังไงกัน...ทำไมแม่งเปลี่ยนเสียงได้ไวขนาดนั้น
“หา”
“มึงจะตอบว่าไง จะอยู่กับกูไปตลอดทั้งชีวิตมั้ย”
“คือ...กูยังปรับตัวไม่ทัน”
“อะไรวะ” มือของธนูเริ่มเอื้อมไปหาของกิน...ผมจึงช่วยมันหยิบเอาจานผลไม้ส่งไปให้
“เมื่อตะกี้มึงโหดมากนะ”
“โหดเหรอ” มันเคี้ยวชมพู่ด้วยท่าทางสบายๆ “ตรงไหน”
พ่อง...มันทำคนอื่นเขาขนหัวลุกแบบที่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ
“โหดจนมึงกลัวเลยหรือเปล่า”
เอาอีกแล้ว...เกมของผมกับธนูมันเริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว “กูจะกลัวมึงทำไม”
“ก็นั่นน่ะสิ ในเมื่อมึงไม่เคยกลัวอยู่แล้ว มึงก็ไม่เห็นต้องปรับตัวอะไร”
“...”
“ยังไงกูก็ไม่กล้าโหดกับมึงอยู่ดี”
ผมยิ้มก่อนจะเขย่งตัวไปกัดเสี้ยวชมพู่อีกฝั่งที่ธนูมันยังไม่ได้กัด...ทำให้ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันมาก
ธนูส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะโยนชมพู่ทิ้ง...แล้วเราสองคนก็จูบกัน...ซึ่งเป็นจูบอีกครั้งของวัน
“ถามอะไรหน่อยสิ” ธนูเอ่ยขึ้นตอนเวลาเกือบสามทุ่ม...ผมกับมันจัดการไล่คนที่คิดจะมาเยี่ยมทั้งหมดออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งครอบครัวของเรา
ครับ...รันลากแดดดี้กับแม่ของผมมาเยี่ยมธนูแล้วเมื่อช่วงเย็น ส่วนพ่อของธนูกับนทีก็มากันแล้วในช่วงหัวค่ำ
ส่วนเพื่อนๆ นั้นผมใช้เวลาหว่านล้อมค่อนข้างเหนื่อย โดยเฉพาะพวกฝูงของไอ้ธนูนี่แหละ พวกมันติดจ่าฝูงของมันมากจนผมต้องเผลอส่งสายตาขู่ไป...ในที่สุดพวกมันก็ยอมจนได้
เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เองว่าผมก็มีสายตาที่ใช้ข่มขู่ได้เหมือนกัน...
“ว่าไง” ผมเอียงใบหน้าขึ้นไปมองคนป่วย...มันเรียกให้ผมมานอนบนเตียงกับมัน ซึ่งผมก็ขัดใจมันไปแล้ว แต่ธนูมันไม่ยอม
“แอลฟาคืออะไรวะ”
ผมเผลอยิ้มออกมา... “ทำไมจู่ๆ ถึงได้ถามล่ะ”
“กูเห็นมึงเขียนไว้ที่ใต้รูปโพลารอยด์ของกู”
“...”
“มันหมายถึง...จ่าฝูงใช่มั้ยวะ”
“ใช่”
“เท่ดีนะ”
“จริงๆ แล้วรันเป็นคนเริ่มน่ะ” ผมเล่าให้ฟัง...ธนูเริ่มกอดผมแน่นขึ้น “มันชอบดูซีรี่ส์ที่มีมนุษย์หมาป่า จากนั้นมันก็ปลื้มจ่าฝูงซึ่งเขาเรียกกันว่าแอลฟา พอมันเห็นมึง...มันก็ฝังใจไปเลยว่ามึงคือแอลฟาในจินตนาการของมัน”
“มึงก็ด้วยนี่” ธนูทักท้วง
“หา”
“ถ้ามึงไม่คิดว่ากูเป็นแอลฟา...มึงคงไม่เขียนคำว่ามายแอลฟาใต้รูปกูหรอก”
โอย...ช่างเป็นเรื่องที่น่าอาย ทำไมไอ้บ้านี่ต้องเก็บรายละเอียดขนาดนี้ด้วย ให้ตายสิ
“ก็มึงเหมือนแอลฟาจริงๆ” ผมอดที่จะบ่นอุบไม่ได้
“ยังไงบ้าง”
“นี่มึงจะฟังจริงๆ เหรอ” ผมเฉไฉ “นอนดีกว่ามั้ย...จะได้หายไวๆ แล้วก็ออกไปข้างนอกไง”
“จะอยู่ในโรงพยาบาลหรือนอกโรงพยาบาลมันก็ไม่ต่างกันถ้ามีมึง...” ธนูลอยหน้าลอยตา “มึงคงไม่ทิ้งกูให้อยู่ในนี้อย่างโดดเดี่ยวอยู่แล้ว มึงติดกูจะตาย”
ไอ้ห่านี่... “สรุปก็คือมึงจะไม่ยอมหายไวๆ”
“ไม่ใช่” มันรีบพูด “กูจะหายไวๆ เพื่อมึงอย่างแน่นอน”
“...”
“ตอบมาสิ อยากฟังจริงๆ นะ”
“ก็...มึงเป็นผู้นำของเพื่อน” ผมตัดสินใจพูดในที่สุด
“แล้วไงอีก”
“เพื่อนๆ รักและก็เคารพมึง”
“อ่าฮะ”
“มึงแข็งแรง คล่องแคล่ว ฉลาด...รักพรรคพวก”
“แอลฟามีคุณสมบัติแค่นั้นจริงๆ น่ะเหรอ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย”
“มันยังมีอีก” ผมกระแอมแล้วพูดต่อ “แอลฟาจะรักเดียวใจเดียว”
“...”
“รักแบบผูกใจ ผูกจิตวิญญาณ”
“...”
“เหมือนกับจะมีคู่แค่คนเดียวไปตลอดชีวิต” ผมหันไปมองธนูที่กำลังมองใบหน้าของผมอยู่ “ฟังดูคล้ายกับมึงมั้ย”
ยอมรับว่าผมลุ้นกับคำตอบของธนูมาก...
“คิดว่าไงล่ะ”
โอย...ยังจะย้อนถามอีก
“ไม่รู้” เสียงของผมฟังดูกระเง้ากระงอดไปซะฉิบ
“หึ” ธนูยิ้ม “มันก็ฟังดูเป็นกูดีนะ”
ผมปลื้มมากซะจนเผลอหอมแก้มธนูเป็นรางวัล
“ที่จริง...กูว่าผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่แอลฟาหรอก” ธนูลูบแก้มของผมเล่นๆ
“ทำไมคิดงั้น”
“ก็ถ้ากูเป็นแอลฟาจริงๆ ทำไมกูยังรู้สึกอยู่ใต้บัญชาของใครบางคนอยู่ได้”
“มึงหมายถึง...พ่อของมึงเหรอ”
โป๊ก
ธนูเคาะหัวของผมเบาๆ
“มึงต่างหาก” มันพูดกับผมพร้อมกับเอานิ้วจิ้มที่อกของผม “มึงต่างหากคือแอลฟาที่แท้จริง เรียลแอลฟา...”
“...”
“คนที่เป็นคนรักของแอลฟาแม่งยิ่งใหญ่กว่าแอลฟาอีก กูขอนั่งยันนอนยันเลย”
มันทำผมปลื้มอีกแล้ว... “จริงเหรอวะ”
“ก็เออสิ”
“...”
“ผู้นำที่แท้จริงคือเมียแอลฟาเว้ย ไม่เชื่อลองไปถามแอลฟาทุกคนบนโลกดูสิ”
“บังเอิญว่ากูรู้จักแอลฟาอยู่คนเดียว” ผมต่อปากต่อคำยิ้มๆ
“แต่...มึงไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนๆ กู คนในฝูง...”
“...”
“มันออกจะ...น่าอายนิดหน่อย”
“...”
“รู้กันแค่สองคนก็ดีนะ”
ผมเชื่อว่าผมเข้าใจมันเป็นอย่างดี... “ถ้ากูคิดจะปากสว่างเรื่องนี้ล่ะ...”
“มึงก็เดินมาหากูก่อน” ธนูเอ่ย “เพราะกูจะจูบปิดปากมึงเอง”
เราสองคนหัวเราะให้กันและกันฟังในความมืด...จากนั้นเราทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันไม่หยุดไม่หย่อนถึงเรื่องแอลฟาต่างๆ นานา ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมากและก็เพลินจนลืมเวลาซะจนผมต้องสะกิดเตือนธนูให้มันหลับพักผ่อน...
ผมมองมันที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ผม...
แม้จะปลื้มใจมากกับสิ่งที่มันเพิ่งพูดกับผม...หาว่าผมเป็นแอลฟาที่แท้จริง แต่เชื่อมั้ยครับว่าสำหรับผมแล้ว...มันต่างหากที่คือผู้นำ คือคนที่ผมยอมรับว่าทั้งเท่ ฉลาดและก็มีความสามารถ ผมมันก็แค่ฝ่ายสนับสนุนมันคนหนึ่งที่บังเอิญเป็นคนรักของมันและมันก็แค่เกรงใจเฉยๆ
สุดท้ายแล้ว...ผมก็จะยังคงเป็นแค่ผู้ตามของมันอยู่ดี
เฮ้อออออออ จากเมื่อก่อนที่แข่งฉิบหายว่าใครจะอยู่เหนือกว่าใคร บัดนี้มันยกให้ผมอยู่เหนือมัน แต่ผมกลับยอมที่จะอยู่ใต้มัน...กลายเป็นคนที่อยู่รองมันลงไปซะงั้น
ทุกอย่างมันเริ่มมาจากคืนนั้น...คืนที่เป็นวันเกิดของผมอย่างนั้นใช่มั้ย...
ผมขอบอกเลยว่าธนูแม่งเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย to be continued