เปย์ครั้งที่ ๗
[ครึ่งหลัง]
“ผักเยอะมากเลย บางอย่างไอ้ดำก็ไม่รู้จัก แต่มันก็น่าลองชิมสุดๆ เลย ก่อนอื่นเลือกน้ำยาดีกว่า เริ่มจากอะไรดีน้า” หลังจากพูดจบดำก็กวาดสายตาไปยังน้ำยาทั้งแปดชนิด ต้องยอมรับว่าน้ำยามีเยอะมากจริงๆ เพราะไอ้ดำรู้จักแค่ แกงเขียวหวาน น้ำพริก ซาวน้ำ และน้ำยากะทิเท่านั้น ส่วน น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว แกงไตปลา กับน้ำยาใต้ไอ้ดำจะค่อยๆ ชิมล่ะ จะได้รู้จักทุกอย่างเล้ย
อย่างแรกที่ตัดสินใจคือเริ่มกินจากของที่ตัวเองรู้จักก่อน แล้วจึงทดลองลิ้มรสของที่มีรสชาติแปลกใหม่ และในบรรดาน้ำยาทั้ง 4 ชนิด แกงเขียวหวานไก่ก็ถูกตาต้องใจดำมากที่สุด ก็ดูสิ ไก่ชื้นใหญ่มาก เนื้อขาวๆ ตัดกับน้ำแกงสีเขียวช่างเย้ายวนใจ เรียกน้ำลายให้ไหลได้ไม่ยากเลย
ซึ่งนอกจากชิ้นไก่ขาวอวบแล้วสิ่งที่สะดุดตาคือฟักหวาน โดยปกติจะนิยมใช้มะเขือเปราะ แต่มันไม่ค่อยเข้ากับขนมจีนสักเท่าไหร่ ไอ้ดำก็เลยชอบกินเป็นกับข้าวมากกว่า แต่พอใส่ฟักหวานลงไปมันก็น่าลิ้มลองไม่น้อย ขอลองชิมหน่อยเถอะ มันจะอร่อยขนาดไหนนะ ไอ้ดำหิวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ซู๊ดดด
ดำอยากกินเนื้อไก่เยอะๆ แต่คิดอีกทีก็เกรงใจว่าคนมาทีหลังจะไม่ได้กิน เพราะติดนิสัยจากที่ต้องแบ่งของกินกับคนอื่นๆ เขาจึงตักขึ้นมาเพียง 2-3 ชิ้น เน้นตัดฟักหวานมากกว่า สิรินเห็นภาพนั้นก็ยิ้มเอ็นดู สายตาที่บ่งบอกว่าอยากฟาดเนื้อไก่ขาวๆ ให้เรียบ แต่กลับตักขึ้นมาเพียงน้อยนิดนั่นช่างติดกันเสียเหลือเกิน
“ตักเท่าที่อยากกินได้เลย ถ้ามันหมด เดี๋ยวพนักงานก็เอามาเติม” สิรินบอกออกไป เพราะกลัวเจ้าตัวเล็กจะนั่งเสียดายทีหลัง นิสัยชอบแบ่งปันก็น่ารักสิน่า แต่เขาชอบเห็นดำยิ้มกว้างแบบเต็มที่มากกว่า
“ไอ้ดำตักได้จริงๆ เหรอครับ” คนตัวเล็กตาวาว จับจ้องใบหน้าของสิรินด้วยความหวัง เพียงเห็นใบหน้านั้นส่งรอยยิ้มอบอุ่นมากให้ กับเสียงตอบรับจากลำคอนั่นดำก็รีบจ้วงตักเนื้อไก่ตามความอยากในทันที
ทั้งเนื้อไก่ ทั้งฟักหวาน ถูกตักจนพูนจาน แทบไม่เหลือพื้นที่ให้วางผักลงในจานแม้แต่น้อย แต่ดำก็ยังก้มหน้าก้มตาเลือกผักอย่างตั้งใจ
ผักชีลาว ใบโหระพา ถั่วฝักยาว แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วงอก หัวปลี มะระ ผังบุ้ง ผักกาดดอง...
เอ ไอ้ดำจะใส่อะไรลงไปดีนะ เลือกยากจัง
หลังคิดอยู่นานดำก็ตัดสินใจใส่ใบโหระพาที่ช่วยเพิ่มความหอมของน้ำแกง ถั่วฝักยาวหันเป็นชิ้นเล็กๆ และผักกาดดอง ดำคิดว่าความเปรี้ยวของมันน่าจะเข้ากับแกงเขียวหวานได้ดี
“กลับไปที่โต๊ะกัน” สิรินตักเสร็จก่อนดำได้สักพัก เพราะเขามีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว ไม่ได้ใช้เวลาเลือกนานเหมือนดำ พอเห็นว่าดำเลือกตักขนมจีนเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น พร้อมพาดำเดินกลับไปนั่งที่
จากนั้นก็หยิบแก้วเปล่า ไปตักน้ำ ก่อนจะไปก็ไม่ลืมถามดำว่าอยากกินน้ำอะไร แต่เจ้าหมาก็อาสาจะไปตักให้ และเมื่อตกลงกันไม่ได้เสียที ทั้งคู่จึงเกินไปตักพร้อมๆ กัน
สิรินเปิดกระติกน้ำแข็ง ตักน้ำแข็งหลอดขนาดเล็กลงในแก้วทั้งสองใบยืนให้ดำ
“ขอน้ำเก๊กฮวย” ดำรีบมองป้ายทีเขียนไว้ แต่ด้วยทักษะการอ่านที่อ่อนด้อย ทำให้มันใช้เวลาจับจ้องตัวหนังสือตรงหน้านานมากทีเดียว
“อันนี้” ดำชี้นิ้วไปยังถังใส่น้ำ 1 ใน 3 ถังที่วางอยู่ ก่อนจะหันมามองสิรินด้วยสายตาลุ้นระทึก ไอ้ดำเลือกถูกรึเปล่านะ ต้องถูกล่ะน่าก็อันนี้อ่านว่าเก๊กฮวย เอหรือไอ้ดำจะอ่านผิด โอ๊ย ไม่มั่นใจเลย รู้อย่างนี้ไอ้ดำตั้งใจเรียนมากกว่านี้ก็ดี โธ่ หลวงตาถ้ากลับไปไอ้ดำจะตั้งใจเรียน สำนึกผิดแล้วครับ
“ถูกต้อง” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นหลังจากที่มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของดำจนพอใจ ต้องยอมรับว่าเขาอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ต้องเก็บเอาไว้เพราะสถานที่ไม่อำนวย
“เย้ๆ ไอ้ดำเก่ง” ดำเริงร่า ชูแก้วขึ้นเหมือนชูถ้วยรางวัล ดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้นไปรอบร้าน
“ครับๆ คนเก่ง” ว่าเสร็จก็ลูบหัวให้รางวัล ส่วนคนรับรางวัลก็ทำท่าล่องลอยไปซะแล้ว
“หึหึ...กดน้ำเสร็จแล้วก็กลับไปที่โต๊ะนะ” สิรินเดินกลับไปที่โต๊ะ ปล่อยให้ดำยืนเหม่อเป็นปลื้มกับความฉลาดของตนอยู่คนเดียว พอเห็นคนตัวสูงเดินไปดำก็ได้สติรีบกดน้ำของสิรินและของตนทันที สิรินเองเมื่อเดินหันหลังก็แอบยิ้มขำกับท่าทางร้อนรนของดำเป็นอย่างยิ่ง...ก็ไปบอกแล้วว่าเจ้าตัวเล็กมันน่าแกล้ง
ในระหว่างที่ดำกำลังกดน้ำใส่แก้วก็มองเห็นถ้วยที่เต็มไปด้วยเนื้อผลไม้สีน้ำตาลวางอยู่ อยากรู้ก็อยากรู้แต่ไม่กล้าหยิบมาลองชิม แต่พอหันซ้ายหันขวาเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็รีบหยิบชิ้นเนื้อผลไม้มากินทันที
เนื้อลำไยล่ะ ไอ้ดำนึกว่ามีแค่น้ำนึกเสียดายอยู่เชียวที่แท้ก็มีแยกไว้ให้ตักนี่เอง แถมยังนุ่มชุ่มน้ำสุดๆ ถ้ายิ่งกินกับน้ำลำไยแล้วล่ะก็ต้องเข้ากันมากแน่ๆ
ไม่ว่าเปล่าดำรีบตักเจ้าเนื้อลำไยลงแก้วทันที ถึงอยากตักลงแก้วคุณสินด้วยแต่ก็คิดได้ก่อนว่าแก้วของสิรินคือเก๊กฮวย ใส่ไปมันก็ไม่เข้ากัน สุดท้ายก็ตัดใจแล้วรีบเกินกลับโต๊ะทันที เดี๋ยวให้คุณสินชิมจากแก้วไอ้ดำก็ได้ ไม่มีปัญหา ฮ่าๆ ไอ้ดำนี่ฉลาดจริงๆ ต่อไปต้องได้รางวัลจากคุณสินเยอะๆ แน่เลย
สิรินแปลกใจไม่น้อยที่ดำเดินตามมาช้ากว่าที่คิดไว้ แต่พอมองแก้วที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อลำไยเกือบครึ่งแก้วนั่นก็เข้าใจได้ทันที ช้าเพราะตักเนื้อลำไยนี่เอง แต่มันก็ประจวบเหมาะกับเวลาที่เขาสั่งอาหารเพิ่มจากพนักงานเสร็จพอดี
หลังจากนั้นทั้งสองก็ลงมือทาน สิรินเลือกกินซาวน้ำ น้ำยาสีขาวมีรสหวาน แต่กินกับเครื่องเคียงที่ร้านเตรียมไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ขิงอ่อน สับปะรด กระเทียมซอย กุ้งแห้ง ก็ล้วนแล้วแต่สร้างรสสัมผัสที่แตกต่างกัน ยิ่งเพิ่มรสด้วยมะนาวก็จะทำให้รสชาติมีทั้งความหวานของซาวน้ำ ความเปรี้ยวของมะนาว ทั้งยังได้ความเผ็ดจากขิง และรสหวานอมเปรี้ยวจากสับปะรด เรียกได้ว่าเป็นน้ำยาขนมจีนแบบโบราณที่สร้างสรรค์ให้กินได้อย่างหลากหลายรสชาติในจานเดียว เป็นการสร้างสรรค์รสชาติได้อย่างไม่ซ้ำแบบ ทั้งอร่อยและสนุกในการเลือกปรุงรส สิรินยกให้เป็นหนึ่งในของโปรดของเขาเลยทีเดียว
ดำจดจ้องท่าทางที่ยิ้มบางๆ ของสิรินจึงรู้ว่าสิรินชอบซาวน้ำไม่น้อย และดูอร่อยมากทีเดียว ดีล่ะจานต่อไปไอ้ดำจะตักซาวน้ำบ้าง ตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพก็จ้วงขนมจีนแกงเขียวหวานแบบพูนจานนั่นเข้าปากในทันที
รสชาติของน้ำกะทิที่ละลายในปากมีทั้งความหวานความมัน เป็นกะทิที่เลือกได้เหมาะสมมากทีเดียว ทั้งเนื้อไก่ยังเป็นแบบไม่มีกระดูกยิ่งกินได้อย่างไม่มีสะดุด ส่วนฟักหวานก็เข้ากับขนมจีนแบบสุดๆ ความนุ่มของเนื้อฟักทั้งยังสามารถซึมซับน้ำแกงได้เป็นอย่างดีนั่นทำให้มันเข้ากับขนมจีนยิ่งกว่ามะเขือเปราะเสียอีก ถูกปากไอ้ดำสุดๆ ไปเลย
ในระหว่างที่กินอยู่นั้นเมนูอาหารที่สิรนสั่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ไก่ทอดงาสีเหลืองทองที่คลุกเคล้างาขาวก่อนนำไปทอดเป็นเมนูทานเล่นที่ชวนล้ำลายไหลเสียจริงๆ จากนั้นก็ตามมาด้วย ยำปลาดุกฟู และเปาะเปี๊ยะขนมจีนกุ้ง
ดำสนใจอาหารตรงหน้าจนต้องเงยหน้าจากจานขนมจีนที่หมดลงไปแล้วกว่าครึ่งจานมามองของกินตรงหน้า แล้วมองหน้าสิรินด้วยสายตาออดอ้อน ดังจะพูดว่า
ขอไอ้ดำกินด้วยนะครับคุณสิน นะนะ...นะครับ
เห็นแบบนั้นสิรินก็ดึงจานเหล่านั้นมาชิดจานขนมจีนของตน พร้อมมองหน้าดำไปด้วย ใบหน้านิ่งๆ ที่ดำเดาอารมณ์ไม่ได้นั่นทำให้ดำใจเสีย สายตาจึงทั้งออดอ้อน ทั้งตัดพ้อที่สิรินไม่ให้กินด้วย
“ฉันสั่งมาให้ดำกิน เอาสิ หึหึ” ว่าจบคนขี้แกล้งก็ดันจานกลับไปไว้ตรงกลาง แกล้งแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ ...ถึงจะชอบสีหน้าหลากหลายรูปแบบของดำ แต่เขาก็ชอบใบหน้ายิ้มแฉ่งนั่นที่สุดแล้ว
“คุณสินนน แกล้งไอ้อีกแล้ว” ปากว่าแต่ส้อมกลับจิ้มลงไปบนไก่ทอดงาที่หมายตาเอาไว้ เคี้ยวไปแก้มปล่องไป ไม่รู้ว่ากำลังงอนหรืออร่อยกับรสชาติของไก่กันแน่
“ตกลงจะงอนหรือจะกิน หือ” สิรินเย้า ดูทำสีหน้าเข้าพิลึกกึกกือไปทุกที...แต่เขาก็ชอบ
“ตอนแรกงอน แต่พอกินแล้วเลิกงอนครับ อร่อยแทน อื้ม เนื้อได้นุ่มจัง อร่อยสุดๆ แถมงายังเพิ่มความมันได้ดี ไอ้ดำชอบ” เชื่อเลยจริงๆ งอนเองหายเองเสร็จสรรพ จะน่ารักก็ให้พอดีหน่อย เจ้าตัวเล็กเอ๊ย
แต่ถึงจะบอกว่าน่ารักขนาดไหนสงครามบนโต๊ะอาหารก็มีบ้าง เมื่อคนขี้แกล้งยังแกล้งไม่หยุด อย่างเช่น
ปึก
ส้อมจิ้มลงไปในจานที่ว่างเปล่า ทั้งที่จ้องมองเปาะเปี๊ยะขนมจีนกุ้งเอาไว้ตั้งแต่ที่เคี้ยวยำปลาดุกฟูอยู่ในปาก พอเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม เปาะเปี๊ยะชิ้นสุดท้ายก็อยู่บนส้อมของสิรินเสียแล้ว
“คุณสินอะ” ดำโอดครวญ นั่นเปาะเปี๊ยะชิ้นสุดท้ายเชียวนะ ไอ้ดำหมายตาไว้ตั้งนานแล้วนะ คุณสินใจร้าย
“ใครเร็วก็ได้ไปไม่รู้เหรอ หืม” ปากดำอ้าพะงาบๆ เถียงไม่ออก รู้อย่างนี้ไอ้ดำตักมาใส่จานไว้แต่แรกก็ดี
“อ้าปากสิ” แต่พอเห็นคนตัวเล็กทำหน้าหงอยสิรินก็ยอมแพ้ยื่นของกินให้ถึงปากเลยทีเดียว
“อ้า” ยิ่งดำอ้าปากรอเหมือนเด็กๆ รอกินข้าว ใจของเขายิ่งอ่อนยวบ จัดการสั่งเพิ่มแล้วป้อนดำทีละชิ้นๆ ทันที
สุดท้ายดำก็กินเปาะเปี๊ยะขนมจีนกุ้งไปถึง 5 จานอย่างอิ่มหนำสำราญ และขนมจีนอีก 6 จาน แบบพูนจนแทบล้น ครบทุกน้ำยาตามที่ตั้งเป้าไว้ พุงเล็กๆ นั่นก็ปล่องออกมานอกเสื้อจนสังเกตได้ แต่ก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดีว่าดำยัดลงไปได้อย่างไร ตกลงกระเพาะนั่นเป็นหลุมดำสินะ
สิรินเองกินไปได้แค่ 2 จาน เท่านั้น เพราะเขากินของทานเล่นในระหว่างที่รอดำกิน จำนวนขนมจีนจึงลดเช่นนี้เอง โดยปกติใครๆ ก็คงไม่ต่างจากสิริน แต่ดูแล้วคงเว้นดำไว้หนึ่งคน เพราะดูเหมือนว่าจะทฤษฎีแบบไหนก็วัดขนาดกระเพาะของดำไม่ได้...
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับขนมจีนเรียบร้อย สิรินก็พาดำกลับห้องพัก แต่เพราะรถติดกว่าที่คิดเอาไว้ เขาจึงต้องขับลัดเลาะตามซอยเพื่อหลบเลี่ยงรถติดบนท้องถนน แม้จะอ้อมไปบ้างแต่ถึงก่อนเสี่ยงไปติดแหง็กบนทางด่วน หรือถนนสายตรงแน่นอน
ดำมองทางที่ไม่คุ้นเคยแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับตีตื้นขึ้นมาในอก จากความไม่คุ้นเคยแปรเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคยอย่างน่าแปลกประหลาด เหมือนมีเสียงบางอย่างบอกให้เขาตรงไปทางนั้น ตรงไปทางที่สิรินกำลังมุ่งไป หัวใจลุ้นระทึกอย่างไร้สาเหตุ มันเต้นแรงจนเขาแทบขาดใจ
อีกนิด ตรงไป ตรงนั้น จะถึงแล้ว ข้างหน้านั่น!
“คุณสินหยุดรถ”
เอี๊ยดดดด
สิรินหยุดรถทันทีที่ดำบอกพร้อมที่หันไปเหมือนจะพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออกไป ยังดีที่เขาขับในเขตชุมชนทำให้การหยุดรถไม่ได้รุนแรงมากนัก ดำจึงเพียงตัวโยกมาด้านหน้าเล็กน้อย ไม่ได้หัวโขกเข้ากับรถแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นแล้วคนตัวเล็กคงบาดเจ็บไม่น้อย
“คุ-คุณสิน คุณสิน เปิดประตู เปิดประตูให้ไอ้ดำ! ” ดำร้อนรน เพราะประตูเป็นล็อกแบบไฟฟ้าทำให้ไม่อาจเปิดประตูออกไปได้
“ดำ ดำเป็นไร” สิรินเริ่มห่วงหนัก เพราะเหมือนดำคุยไม่รู้เรื่อง คนตัวเล็กเพียงทุบกระจก และพยายามผลักประตูรถเท่านั้น ไม่ได้หันมาสนใจหรือฟังเขาแม้แต่น้อย
“คุณสิน คุณสิน ได้โปรดให้ไอ้ดำลงไป นะ ขอร้องล่ะ คุณสิน” ดำยังคงโวยวาย ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปยังด้านนอก ความรู้สึกที่ตีตื้นในใจสั่งให้มันรีบลงไปโดยเร็ว ข้างหน้านั่นจะถึงแล้ว วิ่งไปตรงนั้น
สิรินเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ตัดสินใจเปิดประตูรถก่อนจะวิ่งตามดำลงไป เพราะพอเขาเปิดประตูดำก็วิ่งเข้าไปในวัด ใช่แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าวัดแห่งหนึ่ง ดำวิ่งเข้าไปด้านในโดยไม่หันมองรอบข้าง สิรินคิดว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่ดำทะลุมิติมา
จะผิดหรือไม่นะถ้าผมจะบอกว่า...ขออย่าให้ดำกลับไปเลย
ความคิดที่เห็นแก่ตัวนี้เขาจะให้ดำรู้ไม่ได้เด็ดขาด เขาช่างเป็นผู้ชายที่ใจร้ายจริงๆ ใจร้ายจนถึงขั้นอยากจะกักขังดำเอาไว้ให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว...
ดำวิ่ง วิ่งตรงไปด้านหน้าไม่หยุด ภาพวัดยามเย็นที่ทอแสงอาทิตย์อ่อนๆ แปรเปลี่ยนเป็นวัดขนาดเล็กที่ทำจากไม้ ภาพวัดที่ดำเคยอาศัยอยู่ซ้อนทับกับภาพอันวิจิตรงดงามตรงหน้า จนในที่สุดเขาก็หยุดวิ่ง มองสังเกตรอบกายจนในที่สุดภาพวัดเก่าๆ ก็ซ้อนทับกันอย่างสมบูรณ์
“ดำ ไอ้ดำเอ๊ย ชีวิตเอ็งช่างสั้นนัก” ชายชราในชุดสีเหลืองปรากฏขึ้นด้านหน้าของดำ ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความใจดีนั่นดูปลงจากสิ่งที่เกิดขึ้น
“หลวงตา” ดำมองภาพตรงหน้านั้นก่อนจะคุกเข่าลงยกมือไหว้หลวงตาที่เขาคุ้นเคย เสียงอันแผ่วเบาเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตะลึง
“เป็นอย่างไรอยู่ทางนั้นสุขสบายดีไหม”
“สบายดีครับ คุณสินดีกับไอ้ดำมาก ไอ้ดำไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน เพื่อนๆ ของคุณสินก็ใจดี...แต่ก็มีคนนิสัยไม่ดีอยากทำร้ายคุณสิน ไอ้ดำจะจัดการคนพวกนั้นให้หมดเลย! ” ได้ทีก็ฟ้องเสียหน่อย ไอ้ดำไม่ได้คุยกับหลวงตามานานมากแล้ว คิดถึงจัง
“ดีๆ ชีวิตของเอ็งได้เริ่มต้นใหม่เพราะโยมสิน จงใช้ชีวิตเพื่อชายคนนั้นซะเถอะ” หลวงตาเอ่ยเป็นความนัย จนดำไม่อาจเข้าใจได้
“หลวงตาหมายความว่าอย่างไร ไอ้ดำไม่เข้าใจ...ไอ้ดำจะไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ” ดำกระวนกระวายรีบถาม เมื่อร่างของหลวงตาค่อยๆ เลือนหาย
“ปั๊ดโถ่ ยังอยากกลับมาอีกหรือ เด็กดื้อๆ อย่างเอ็งอยู่ข้างชายคนนั้นดีที่สุดแล้ว ทางนั้นต้องการเอ็งมากกว่าทางนี้ จงจำเอาไว้” ว่าจบร่างของหลวงตาก็หายไปจนหมดสิ้น ภาพวัดเก่าก็หายไปเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม
“หลวงตาเดี๋ยว เดี๋ยวหลวงตา...ไอ้ดำคิดถึง” ดำวิ่งตามภาพเหล่านั้น พยายามคว้าเอาไว้แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น ไอ้ดำไม่เข้าใจ แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหลวงตาที่เป็นเหมือนพ่อแล้วไอ้ดำก็เจ็บที่หัวใจ
“ดำ” สิรินเรียกคนตัวเล็กจากด้านหลัง เขาวิ่งตามมาทันแล้ว แต่ก็เห็นเพียงตอนที่ดำลุกขึ้นแล้วเรียกหลวงตาเท่านั้น
ร่างนั้นหันกลับมาตามเสียงเรียก น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“คุณสิน คุณสิน ไอ้ดำจะไม่ได้เจอหลวงตาแล้ว ฮึก ฮือ” ดำเริ่มร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ เขาไม่ได้กลั้นเสียงร้องไห้ ปล่อยอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดออกมาเท่านั้น
สิรินแทบใจสลาย เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้ดำมีสีหน้าแบบนี้ ไม่ชอบที่ดำต้องเสียน้ำตา ไม่ชอบที่รอยยิ้มจางหายจากใบหน้าเช่นนี้แม้แต่น้อย
ร่างสูงรีบก้าวเท่าเข้าไปหา ก่อนจะดึงร่างเล็กๆ ที่กำลังสั่นเทานั่นมากอดเอาไว้ กระชับอ้อมแขนถ่ายทอดความห่วงหาไปให้อย่างเต็มกำลัง ลูบหัวลูบหลังปลอบโยนอย่างไม่อายสายตาใคร หวังเพียงให้ใบหน้ายิ้มแฉ่งกลับมาเท่านั้น
“ฉันอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ ดำ อย่างร้องไปเลยนะ ฉันขอร้อง”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
***********************
มาแล้วค้าา รอนานเลยนะคะ
กรีนมัวไปกินขนมจีนอยู่เลยมาช้า 55
ล้อเล่นค่ะ กรีนไม่สบายมั้งคิดว่าน่าจะใช่ค่ะ
ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นอะไร ร่างกายเพลียมาก
ตื่นมาก็ปวดหัว จี๊ดๆ สมองเบลอสุดๆ พอเลิกงานกลับห้องก็หลับเป็นตาย
ช่วงนี้คิดว่าร่างกายค่อนข้างแย่ค่ะ แต่ก็คิดว่าน่าจะไม่ใช่ไม่สบาย
งง ตัวเองเบาๆ เอาเป็นว่า จะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ
ขอโทษด้วยที่บางทีหายไป ด้วยเพราะมีธุระเยอะแยะมากมายเหลือเกิน
แต่จะอัพจนจบแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วง
เจอกันตอนหน้าจ้า