ตอนที่ 20 : เร่งทำคะแนน
“สงสัยรึเปล่าว่าทำไมทางตำรวจถึงตามรอยได้ทุกครั้ง” นิฌานถามผมด้วยสีหน้านิ่งสงบแต่ดวงตาแฝงคำถามให้ฉุกคิด ท่าทางนั้นช่างน่าวางใจและเชื่อถือ แต่สำหรับผมนั้น...
อยากต่อย! อยากต่อยจะแย่แล้ว!!
“น้องเจอย่านิ่งสิครับ” นิฌานเห็นผมเงียบก็เลิกคิ้ว หลุดจากบทบาทที่กำลังแสดงชั่วคราว “ท่องไว้ว่าต่อยไม่ได้ ถ้าต่อยหน้าพี่ กองเช็กเมทในฝันของน้องเจล่มแน่ๆ”
“ผมยังไม่ทันส่งโทรจิตเลย พี่ฌานรู้ได้ไงว่าผมอยากต่อย”
“ก็น้องเจกำกระดาษจนยับย่นซะขนาดนั้น...ดีนะพี่จำได้หมดแล้ว อยากจะฉีกระบายอารมณ์ก็ตามใจเลยครับน้องเจ แค่อย่าต่อยหน้าพี่ก็พอ” พูดจบนิฌานก็ยิ้มแป้นแล้นกวนประสาทอย่างเต็มที่ ทั้งที่ควรจะเหนื่อยหนักแต่ทุกครั้งเวลาเตรียมเข้ากองเช็กเมทดาราชื่อดังช่างอารมณ์ดีเกินหน้าเกินตาเหลือเกิน! นี่หรือคือการจี๋จ๋า เขาพยายามแกล้งผมต่างหาก!
“เอ้า ต่อบทสิครับน้องเจ หรือให้พี่เริ่มเล่นใหม่ดี” นิฌานถามความเห็นผมก่อนจะกระแอมไอ จากนั้นคนยิ้มหน้าเป็นก็กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่นิฌาน ชาญชัย “สงสัยรึเปล่าว่าทำไมทางตำรวจถึงตามรอยได้ทุกครั้ง”
แต่เป็นตัววายร้าย!!
ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องของนิฌานครับ หลังผ่านสัปดาห์นรกมาได้ วันพรุ่งนี้เขาก็ต้องเข้ากองถ่ายเช็กเมทอีกครั้ง โดยต้องถ่ายทำติดต่อกันเพื่อตุนตอนจนทางผู้กำกับวางใจ จากนั้นจึงค่อยเข้ากองสลับกับทำงานนอกแบบสบายอุรา
ส่วนสาเหตุที่ผมนั่งจ๋องอยู่ตรงโซฟา ถือบทหน้าคร่ำเคร่ง ก็เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้ากองตั้งแต่ตีห้า!
รีบร้อนก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคืออยากได้ฉากช่วงเช้ามืดต่างหาก ผมเลยต้องเก็บของมานอนค้างคอนโดอีกคืน และอาจอีกหลายคืนจนกว่าจะพ้นช่วงวิกฤต
โชคดีที่ผมจัดตารางงานกะให้เจ้าของห้องนอนเต็มอิ่มอยู่แล้ว วันนี้เลยเลิกงานเร็ว มีเวลาให้นิฌาน ชาญชัย ถือบทซึ่งเพิ่งได้รับเมื่อสองวันก่อนเดินท่องวนไปมา....วนรอบโซฟาผมเนี่ย! ถ้าเป็นคุณจะทนไหวมั้ยครับ หลังจากนิฌานเดินลูบคางผ่านหน้ารอบที่สิบเก้า ผมก็ยอมทำตามความต้องการของเขา โดยการออกปากถามว่า... ‘พี่ฌานอยากให้ผมช่วยต่อบทมั้ย’
ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม ที่มาของภาพผมนั่งขมวดคิ้วถือปึกกระดาษในตอนนี้ เพราะนิฌานซึ่งท่องจำได้แม่นยำแทบจะยัดบทใส่มือผมโดยไม่ให้กลับคำ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง...บนพื้น
เจ้าของห้องนั่งพื้น ส่วนแขกนั่งโซฟา
มันแหม่งๆ นะว่ามั้ย
ผมแย้งแล้วเพราะเป็นเด็กดีมีมารยาท แต่คนชอบตามใจนั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะเดินไปหาเชือกให้ผมช่วยมัดมือไขว้หลัง สวมบทหัวหน้าองค์กรซึ่งปลอมตัวเป็นพี่ชายมิสเตอร์เอสที่ถูกขังในห้องปิดตาย ถูกมัดติดกับเสาป้องกันการหลบหนี
เพราะห้องนี้ไม่มีเสา อุปกรณ์สมมติจึงเป็น...เอ่อ...ขาเก้าอี้
มองนิฌานที่นั่งบนพื้น มือมัดอยู่กับขาเก้าอี้แล้วผมยอมใจกับความแน่วแน่ หันมาตั้งอกตั้งใจกับการต่อบท แต่ใครเลยจะเชื่อ...ว่าทันทีที่เขาออกปาก ผมก็อารมณ์ขึ้นแล้ว!
เพราะหัวหน้าองค์กรนั้นปลิ้นปล้อนสิ้นดี!
เหมือนกับนิฌาน ชาญชัยไม่มีผิด! สมแล้วที่ถูกเลขาคมสันวางตัวไว้...ผมนึกคนอื่นมาแสดงบทนี้ได้ดีเท่านี้ไม่ออกจริงๆ!
คล้ายจะเห็นเขาส่งโทรจิตทักท้วงราวเมื่อยมือเต็มทน ผมเลยรีบก้มอ่านข้อความในกระดาษทันควัน
“คุณพี่รู้อะไรก็รีบพูดมาเถอะ โดนสงสัยจะแย่แล้วนะ” ประโยคที่ผมพูดความจริงแล้วเป็นของธนัท หนึ่งในแก๊งพระเอกซึ่งค่อนข้างเอนเอียงมาทางพี่ชายมิสเตอร์เอส เพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมเลยเอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด ผิดกับความเป็นจริงที่...
ย้อนความกันสักนิด การปรากฏตัวของพี่ชายมิสเตอร์เอสทำให้พระเอกสงสัย จนธนัทต้องจับคุณพี่ชายมัดมือกับเสาเพื่อจับตามอง ต้องยกข้าวยกน้ำมาให้จนสนิทสนมในระดับหนึ่ง นิฌานมักเอ่ยถามถึงเรื่องน้องชายเสมอ จึงไม่แปลกหากธนัทวางใจ และกลายเป็นคนกลางเมื่อพระเอกจงใจหาเรื่อง
ทำไมถึงหาเรื่อง?
ยังจำได้ใช่มั้ยครับว่าระหว่างนิฌานโดนขัง พระเอกก็ออกไล่ล่าองค์กรเหมือนเดิมตามปกติ ก็สมาชิกที่ตามรอยจนไปปะทะกับตำรวจไงครับ พระเอกไม่มีทางปล่อยให้คนคนนี้หลุดมือจึงลุยเดี่ยวโดยทิ้งธนัทกับพายเฝ้าพี่ชายมิสเตอร์เอสและรายงานสถานการณ์เป็นระยะ แต่...การบุกที่ควรจะราบรื่นก็โดนขัดขวางอีกครั้ง!
ด้วยพวกตำรวจเจ้าเก่าเจ้าเดิม!!
พระเอกโมโหมาก ตำรวจมาได้ตรงจังหวะประหนึ่งดักรอกันขนาดนี้จึงเชื่อว่าต้องมีสายในแก๊งตัวเอง แล้วจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คนแปลกหน้าซึ่งอ้างว่าเป็นญาติของเพื่อนสนิท...
ข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้ เพราะนิฌานปรากฏตัวครั้งแรกก็ตอนตำรวจมาเจอจนต้องหลบหนี เรื่องบังเอิญไม่มีโลก นั่นอาจเป็นการจัดฉาก!
และ...ใช่ นั่นไม่ใช่ความบังเอิญ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่การจัดฉาก มันคือการฉวยโอกาสต่างหาก!
เพราะหัวหน้าองค์กรกับตำรวจเป็นปรปักษ์ต่อกันโดยสิ้นเชิง!!
กลับมาที่ปัจจุบัน พระเอกที่จำใจล่อถอยกลับมาเล่าสิ่งที่เผชิญให้ธนัทฟัง ทำให้เพื่อนซี้เริ่มสงสัย แต่กระนั้นก็เชื่อใจคุณพี่ชาย จึงแทรกกลางหวังไกล่เกลี่ยประนีประนอม
แต่คุณพี่ชายกลับถามตรงประเด็นจนชวนสะอึก!
“สงสัยรึเปล่าว่าทำไมทางตำรวจถึงตามรอยได้ทุกครั้ง”
นิฌานเล่นได้หน้านิ่งเหลือเกิน นิ่งจนสามารถตีความได้ทั้งด้านดีและร้าย เมื่อพระเอกได้ยิน ก็มั่นใจในทางลบแล้ว แต่ธนัทยังคงยืนขวาง สบโอกาสให้คนถูกจับมัดเอ่ยเสริมอีกประโยค
“เพราะฝ่ายตำรวจมีคนขององค์กรแฝงอยู่ไงล่ะ”
ราวโยนระเบิดลงมากลางดง
คำตอบของนิฌานสร้างความเงียบงันแก่สามหนุ่มแก๊งพระเอก แต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป ก่อนธนัทจะเป็นฝ่ายสนับสนุนความเห็น
“ที่คุณพี่พูดก็มีเค้านะ” ซึ่งแน่นอนว่าคนพูดคือผม ต้องมาเรียกนิฌานว่าคุณพี่ โคตรอยากตบปากตัวเองเลย ทำไมนะทำไม ธนัทถึงต้องเข้าข้างคนคนนี้ด้วย ทั้งที่...ทั้งที่...
พอเห็นประโยคถัดมา ผมก็กุมขมับ
“ไม่เอาแล้วพี่ฌาน ผมพูดต่อไม่ได้! พี่ซ้อมหน้ากระจกเถอะ อย่าซ้อมกับผมเลย!”
เหมือนเด็กน้อยงอแงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ แต่อย่าโทษผมเลย ก็ผมน่ะรักมิสเตอร์เอส ต้องมาพูดเป็นเชิงเห็นดีเห็นงามกับตัวร้าย ผมทำใจไม่ได้จริงๆ!
แต่นิฌานกลับนิ่งสงบ สายตาจ้องตรงอย่างเตรียมใจโดนกล่าวหาแต่กระนั้นก็พร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
นั่นเป็นสายตาของ....พี่ชายมิสเตอร์เอส
ครั้งแรกก็ว่าได้ที่ผมเผชิญหน้ากับนิฌานยามแสดงด้วยสมาธิอันแน่วแน่จนลบคราบของคนเจ้าเล่ห์กวนประสาทเสียราบคาบ ความตั้งใจนั้นทำให้ผมเลิกโวยวาย ก่อนจะก้มหน้าอ่านบทของธนัทต่อ
“พวกเราเคยสงสัยข้อนี้แล้วตั้งแต่เมื่อก่อน”
ธนัทเห็นด้วยกับความเห็นของนิฌาน ทว่า...
“แต่มิสเตอร์เอสหาไม่เจอ!” พระเอกเชื่อมั่นในสหายที่ล่วงลับ เมื่อก่อนใช่ว่าไม่เคยสงสัยพวกตำรวจ เพราะหลายคดีที่เกี่ยวพันกับองค์กรมักเงียบหายไปเฉยๆ แต่เมื่อมิสเตอร์เอสสืบไม่พบ จึงปัดข้อสงสัยนั้นทิ้ง!
ต้องเล่นสองบทในเวลาเดียวกัน เถียงกันไม่พอยังคนละอารมณ์อีก ผมคลับคล้ายว่าตัวเองเป็นโรคสองบุคลิก
“น้องชายฉันหาไม่เจอก็ไม่แปลก” แต่นิฌานไม่คิดแซวกับท่าทางตะกุกตะกัก เดี๋ยวพูดช้าพูดเร็วของผม เขาเอ่ยต่อทันควันไม่ยอมเว้นช่วง แสดงความจริงใจในทุกคำเอื้อนเอ่ย ทั้งยังสบตาไม่ยอมหลบเลี่ยง จนคนถูกจ้องอดสั่นสะท้านไม่ได้ “เพราะประวัติของคนคนนั้นสะอาดมาก เป็นคนขององค์กรที่แฝงตัวเข้ามาในกรมตำรวจนานหลายสิบปีไต่เต่าจนได้ยศสูง แถมยังมีครอบครัวเป็นฉากหน้า เป็นหัวหน้าที่ลูกน้องเคารพรัก”
ใจผมสั่นไหว ไม่ใช่ว่าหลงรักเขา แต่ผมกำลังถูกการแสดงของเขาดึงดูดเข้าเต็มเปาจนเชื่อหมดใจ
คนคนนี้...คือพี่ชายของมิสเตอร์เอสจริงๆ!
“แล้วคุณรู้ได้ยังไง” คราวนี้ผมพูดบทของพาย แฮกเกอร์ซึ่งนั่งฟังมานานไม่คิดมีส่วนร่วม แต่เมื่อเกี่ยวพันถึงสิ่งที่ตัวเองยังหาทางเชื่อมโยงไม่เจอ ก็อดแทรกขึ้นมาไม่ได้
“เพราะเห็นน่ะสิ ในวันที่โดนใช้ล่อน้องชายมาติดกับ ฉันเห็นคนคนนั้นด้วยตาตัวเอง” พลันใบหน้าของนิฌานเผยความเจ็บปวดที่เก็บกลั้น เทียบกับแก๊งพระเอกซึ่งค่อนข้างได้รับผลกระทบจากการสูญเสียแล้ว นิฌานจะค่อนข้างเก็บอารมณ์มากกว่า อาจเพราะมีอายุมากกว่าคนอื่นๆ และด้วยลักษณะนิสัยที่มีอะไรก็มักเก็บไว้ในใจเหมือนมิสเตอร์เอสผู้เป็นน้องชาย
“แล้วทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ!” ผมถามแทนพระเอกของเรื่องด้วยความอินจัด ใช่ ทำไมไม่พูดให้ไวกว่านี้ ปล่อยพระเอกไปตามรอยจนโดนตำรวจดักตั้งหลายรอบ แถมยังเกือบบาดเจ็บกลับมาอีก แฟนคลับใจหายวาบนะรู้มั้ย!
“เพราะพวกเธอระแวงฉัน ถ้าพูดไปกลัวจะเป็นการป้ายความผิดน่ะสิ” นิฌานอธิบายอย่างใจเย็น ชวนให้อารมณ์คุกรุ่นของคนฟังสงบลงเพื่อใคร่ครวญ “คนคนนั้นคือคนที่ติดต่องานกับพวกเธอมาตลอด และเป็นคนที่สร้างความดีความชอบในการบุกองค์กรใต้ดิน ถ้าพูดไปแต่แรก จะเชื่อฉันหรือ”
แน่นอนว่า...ไม่เชื่อ
พลันความเงียบเข้าครอบงำ ไม่ใช่ว่าผมลืมบท แต่เพราะตรงนี้แก๊งพระเอกกำลังใช้สมองทบทวนกันอยู่
“เห็นมั้ย ไม่เชื่อกันจริงด้วย” นิฌานขยับยิ้มขื่น ราวรู้แต่แรกว่าต้องเป็นแบบนี้ ถึงได้ไม่พูดออกมา ถึงได้ไม่กล้าเอ่ยเตือน จนกระทั่งพระเอกประสบปัญหาแล้ววิ่งมาเค้นคอให้จำต้องพูด “ลองคิดดูให้ดีแล้วกัน ว่าหลังจากแยกตัวทำไมถึงถูกตำรวจไล่ตามหนักขนาดนี้ แค่เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอ ห่วงว่าจะฆ่าคนร้ายอย่างเดียวหรือ ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นมิตรกันจริงทำไมไม่ปล่อยให้พวกเธอจัดการเรื่องนี้เองล่ะ แต่เพราะอยากให้คนร้ายหนีรอดไปต่างหาก ถึงได้พยายามถ่วงแข้งถ่วงขาโดยอ้างความยุติธรรม!”
น้ำเสียงตอนท้ายนั้นแฝงความเจ็บแค้นชิงชัง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจากพระเอกขึ้นหลายเท่า
เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไป
และเข้าเค้าอย่างอัศจรรย์
“ขังฉันต่อก็ได้ แต่แนะนำให้ลองจับตาคนคนนั้นให้ดี” นิฌานเอ่ยอย่างหวังดี แม้จะแทบเป็นเหน็บชา กินข้าวไม่สะดวก โดนจับตาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งพระเอก ได้ตามล้างแค้นให้น้องชาย...เขาย่อมทนได้ “ถึงประวัติจะขาวสะอาด ไม่มีการติดต่อใดๆ ให้ผิดสังเกต แต่การกระทำจะต้องส่อพิรุธออกมาแน่นอน”
ตั้งแต่ต้นจนจบ คนคนนี้ไม่แม้แต่จะหลบสายตา
“เชื่อฉันเถอะ”
จึงไม่แปลกหากพวกพระเอกจะลองเชื่อสักครั้ง...ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน พี่ชายมิสเตอร์เอสก็ถูกปล่อยตัวในที่สุด
กลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญตามล่าองค์กร!!!
ผมกำบทแน่นจนกระดาษยับย่น พร้อมกัดปากขณะมองหน้านิฌานที่ค่อยๆ คลายตัวเองจากตัวละคร
คนตีหน้าจริงจังมาตลอดพลันคลี่ยิ้มหวานหยดเตรียมกระเซ้าแซว
“เป็นไงครับน้องเจ พี่เล่นดีมั้ย”
“เล่นดีมาก!” ผมพูดเสียงดังอย่างเจ็บใจ ไอ้ชมก็อยากจะชม แต่ความคับแค้นใจมันมีมากกว่า “ดีมากจนผมสงสารพวกพระเอก พี่ฌานคนใจร้าย! พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง พี่หลอกพระเอกจนเชื่อสนิทใจได้ยังไง!”
นิฌานหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ผมไม่เคยเห็นเขาทำงานแล้วยิ้มแย้มอย่างสบายอกสบายใจขนาดนี้มาก่อนเลย
“ถ้าจะด่าก็ด่าคนเขียนบทสิครับ มาด่าพี่ได้ยังไง น้องเจไม่ยุติธรรม”
“กีพี่ฌานเป็นคนเสนอไอเดียพี่ชายมิสเตอร์เอสก่อนนี่” ผมพูดพลางมองเขาที่นั่งขยุกขยิกจนอดถามไม่ได้ “พี่ฌานเป็นอะไร”
“พี่แก้เชือกไม่ออก” คนตัวโตกว่าแต่นั่งพื้นเงยมองพลางยิ้มแห้ง
“โกหก” ผมแย้งอย่างรู้ทัน และก็เป็นตามจริง นิฌานชูมือสองข้างซึ่งเป็นอิสระขึ้น ก็ผมเป็นคนมัดเอง ปมเชือกไม่ได้ผูกด้วยซ้ำแค่ทบไปทบมาหลวมๆ จะแก้ไม่ออกได้ยังไงล่ะ เรียกร้องความสนใจชัดๆ
“แต่นแต้น”
แม้จะโดนจับไต๋ได้แล้ว แต่คนหน้าไม่อายก็ยังแถเนียนสร้างความรื่นเริงต่อไปราวเล่นกลแก้เชือก
“ดึกแล้ว เตรียมนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้ากองเช้าซะด้วย น้องเจไหวนะครับ”
“ผมน่ะไหวอยู่แล้ว พี่ฌานนั่นแหละ อย่าซ้อมบทจนดึกเกินไปนะ” ผมเอ่ยอย่างเป็นห่วง รู้ว่าลับหลังคนตัวโตต้องท่องบทต่ออย่างขะมักเขม้น เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและรวดเร็วในวันพรุ่งนี้
“พี่กลัวทำได้ไม่ดี”
“พี่ฌานทำได้ดีมาก ดีจนผมเชื่อสนิทใจ และผมเชื่อว่าคนดูก็จะเชื่อ” ผมจับปลายเสื้อเขาขณะพูด หวังสร้างความมั่นใจ เพราะคิดว่าเขาคงกังวลทุกครั้งเวลาเข้ากอง กลัวแสนกลัวจะโดนตำหนิทำให้ความกล้ากลายเป็นความฝังใจ
“เมื่อกี้พี่ไม่ได้เล่นใหญ่เกินไปใช่มั้ย”
“สายตาพี่ทรงพลังมาก สุดยอดแล้วครับ” ผมยกนิ้วโป้งชมเชย เรียกเสียงถอนหายใจจากนิฌาน แต่นั่นเป็นแค่การเล่นละคร! บ้าเอ๊ย ผมไม่น่าหลงกลเลย เพราะเพิ่งจะคลายมือไม่ทันไร ผมก็ผงะติดโซฟาเพราะจู่ๆ เขาก็พุ่งตัวเข้าหา ใบหน้าใกล้กันระยะประชิดจนน่าหวาดเสียว ผมมองริมฝีปากเขาเป็นอันดับแรก เตรียมใช้วิชาป้องกันตัวทันทีหากถูกฉวยโอกาสเป็นครั้งที่สอง!
ครั้งก่อนยังเนียนได้แต่ครั้งนี้อย่าหวังเลย!
แต่นิฌานไม่ได้ทำอะไรผม หมายถึง ไม่ได้จู่โจมในแง่อกุศลอย่างที่เข้าใจ เพราะสิ่งที่เขาทำ...คือการประคองแก้มผมด้วยสองมือ เหอๆ ดูจะมันมือดีเหลือเกินนะ แก้มผมนุ่มก็บอกมา
“พี่ฌานทำอะไร...” ผมพยายามคาดเดาว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เลยยอมให้แก้มสองข้างโดนประทุษร้ายต่อไป
“พี่แทบจะรอเข้ากองวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว น้องเจรู้มั้ย พี่ไม่เคยนั่งนับวันที่จะไปทำงานอย่างดีใจแบบนี้มานานมากแค่ไหน ทุกๆ วันที่ทำไปเหมือนเป็นหน้าที่ พี่ยิ้มแย้มหาทุกคนก็เหมือนสวมหน้ากาก แต่ตอนนี้พี่สนุกมาก มีความสุขมากเลย!”
ผลคือนิฌานเล่นใหญ่มากจนปรับอารมณ์ไม่ทัน
แต่เห็นเขายิ้มร่า ลูบแก้มผมไถไปมาอย่างร่าเริงสดใส ผมก็นั่งกอดเข่าพลางตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
“เพราะเช็กเมทคาดเดาไม่ได้ไงครับ”
ถามติ่งซีรีส์อย่างผม คำตอบก็ต้องอวยกันอยู่แล้ว!
“ใช่ครับ เพราะเช็กเมทคาดเดาไม่ได้ ท้าทายให้พี่กลับมามีไฟในการทำงานอีกครั้ง น้องเจรู้มั้ย ยี่สิบปีในวงการบันเทิงมันไม่สนุกเลย หลายครั้งพี่เบื่อแสนเบื่อ ท้อแสนท้อ อยากจะออกจากตรงนี้ใจจะขาด แต่เพราะรักชอบการแสดงถึงไม่ไปไหน”
“พี่ทำถูกแล้ว” ผมพยักหน้าหงึกหงัก หวังสลัดมือปลาหมึกติดหนึบทิ้ง แต่ทำไม่สำเร็จ
“เรื่องของแม่ทำให้ยิ่งเครียด ทำงานแต่ละครั้งต้องคอยห่วงว่าจะถูกขัดขวาง ถูกทำให้เป็นข่าว ถูกสร้างเรื่องป้ายสีใส่ร้าย แต่ตอนนี้ได้ทำในสิ่งที่รักโดยไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง กับบทบาทตัวร้ายที่แปลกใหม่ มันดีมาก!”
เห็นเขากระตือรือร้นขนาดนี้ ผมก็เผลอยิ้มตาม
“เพราะน้องเจ พี่เลยได้ทำสิ่งที่รัก กับคนที่รัก” ยิ่งพูดแววตาของนิฌานก็ยิ่งเปล่งประกายวาวระยับ ตอนแรกคิดว่าเขาตื่นเต้นตื่นตา แต่ที่ไหนได้...เป็นเพราะผมตกหลุมกับดักแล้วต่างหาก! เขาจงใจล็อกไม่ให้หลบเลี่ยง เพราะจะพูดจาหน้าอายให้เขินกันอีกแล้วน่ะสิ!
“ฉะนั้นพรุ่งนี้ต้องมองพี่คนเดียว ห้ามมองใครนะครับ”
บอกทีว่าไอ้ทั้งหมดที่พล่ามมา มันเกี่ยวกับคำขอร้องครั้งนี้ตรงไหน
จับแพะมาชนแกะ เรียกร้องความเห็นใจเพื่อให้ผมคล้อยตามชัดๆ!
“มองอัครเดชก็ไม่ได้เหรอครับ ผมเชียร์ฝั่งพระเอกนะ”
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะพี่แสดงเพื่อน้องเจ ถ้าไม่มองไม่สนใจกัน พี่คงหมดเรี่ยวหมดแรง ไฟคึกมอดดับ พี่คงแสดงได้ดีเท่าเมื่อกี้ไม่ได้แน่หากไม่มีกำลังใจจากคนสำคัญ”
ตอแหล!!!ผมมองคนที่จากไฟลุกโชกช่วงกลายเป็นแห้งเหี่ยวทันตาแล้วอยากจะตะโกนด่าซึ่งหน้าเหลือเกิน แสดงดีอย่างนี้คงไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง!
“พี่ฌานเล่นใหญ่ไปรึเปล่า”
“น้องเจยังชมอยู่เลยว่าสายตาพี่ทรงพลัง เป็นไงครับ ทรงพลังพอมั้ย”
คนละเรื่องเดียวกันแล้วมั้ย!ผมขยับตัวอึกอัก มือไม้อยู่ไม่สุขเดี๋ยวแตะเดี๋ยวชักกลับไม่กล้าประทุษร้ายนักแสดงที่ต้องเข้ากองแต่เช้าตรู่ ทำได้เพียงจ้องตากลับ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์
สายตาของนิฌานนั้นจับจ้องมาด้วยความรักเปี่ยมล้น ทั้งรักทั้งหลง มองแต่ผมคนเดียวไม่เผื่อให้ใครอื่น ยกเป็นคนสำคัญเหนือหิ้งบูชา เทินเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมอย่างภักดี
“อย่าหลบตาสิน้องเจ!”
“ปล่อยผมนะ!”
“ตอบรับก่อนสิ ทำไมครับ ทนสายตาพี่ไม่ได้แล้วเหรอ จะกลับคำชมกันแล้วเหรอ”
แผนจู่โจมอะไรกันเนี่ย! ผมรู้ตัวช้าจริงๆ ที่ตกหลุมทำคะแนนของนิฌานอีกจนได้ แถมยังเป็นวิธีแสนหน้าอาย ไม่ได้สารภาพรักโต้งๆ ออกมาสักคำแต่ทำให้ผมหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“โอเค!”
“โอเคอะไรครับ”
“ผมจะมองแค่พี่ฌาน ปล่อยผมได้แล้ว”
เมื่อเป็นอิสระ ผมก็จับหน้าอกพร้อมหอบหายใจตัวโยน ทำไมถึงได้เหนื่อยยิ่งกว่าตอนโดนพี่จิลากไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าอีกวะเนี่ย
“หยุดหัวเราะเลยนะ ชิ้ว ไปนอนได้แล้วพี่ฌาน!”
“รับทราบครับผม!” นิฌานรับคำหนักแน่น ไม่ยักต่อว่ากันสักคำที่โดนผมโบกมือไล่ รีบวิ่งเข้าห้องก่อนจะโดนผมกระโดดต่อยเข้าจริงๆ ข้อหากวนประสาท
แถมยังกวนใจกันด้วย ฮึ่ม!
“ซวยแล้วไง!”
ธนัทสบถลั่นเมื่อพายสะกิดเรียกให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดว่าจุดซ่อนตัวของพวกเขาถูกบุกรุกด้วยกลุ่มคนในเครื่องแบบ!!
อย่าเพิ่งงงกันว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้พวกเรามาออกกองนอกสถานที่กันครับ เพราะเป็นฉากบู๊สนั่นของแก๊งพระเอก ทำให้ผมพลอยตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นเอฟเฟคอลังการต่อหน้าต่อตา
ภาพของคนในเครื่องแบบที่ประกาศให้มอบตัว แต่ยิงสวนทันทีเมื่อได้ยินเสียงต้องสงสัย ยิ่งยืนยันคำของพี่ชายมิสเตอร์เอสว่าหัวหน้าตำรวจซึ่งเคยติดต่อกันมาตลอดเป็นคนร้าย มาถึงตอนนี้ แม้จะอยากขังนิฌานให้นานกว่านี้อีกนิดก็ทำไม่ได้ ธนัทรีบปล่อยตัวคุณพี่ชาย ขณะที่พระเอกโบกมือให้พายนำทาง ส่วนตัวอัครเดชถือปืนปิดท้าย
แม้จะได้รับการเชื่อใจระดับหนึ่ง แต่นิฌานก็ห้ามถืออาวุธใดๆ อยู่ดีทั้งที่ตกในสถานการณ์น่าหวาดหวั่น เสียงยิงปืนตอบโต้ดังเป็นระยะ จากที่คอยระวังไม่กล้าทำร้ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่กล้าลงมือกับผู้พิทักษ์กฎหมาย เอาแต่หลบหนีอย่างเดียวของแก๊งพระเอก เมื่อรู้ว่าคนกลุ่มนี้มีส่วนข้องเกี่ยวการตายของมิสเตอร์เอส อัครเดชก็ไม่มีความลังเลใดๆ ในการยิงสวน ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดหมายเอาชีวิต
พระเอกช่างเท่บาดใจ ทุกการต่อสู้เป็นไปอย่างแม่นยำและดุดันแข็งแรง เพราะหากไม่เอาจริง ตำรวจกลุ่มนี้อาจจะเผลอพลั้งมือฆ่าพรรคพวกโดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุก็เป็นได้!
“ทางนี้คุณพี่ชาย!”
ขึ้นชื่อว่าจุดซ่อนตัว จะไม่มีทางหนีลับได้ยังไง พายลอดรั้วข้ามไปถนนอีกฝั่ง พอดีกับรถคันหนึ่งที่จอดตรงหน้า รถคันนี้ถูกควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าซึ่งเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากคอมพิวเตอร์ในมือพายนั่นเอง
ธนัทผลักตัวนิฌานขึ้นรถไปทันที ก่อนจะหันมากวักมือเรียกพระเอกที่ยังยิงโต้ตอบกันอยู่ รถคันนี้จอดเลียบแม่น้ำ เผยภาพพระอาทิตย์กำลังขึ้น สวยงามจับใจ
เมื่อสมาชิกขึ้นรถอย่างปลอดภัยทุกคน พายก็กดปุ่มระเบิด
เพียงพริบตาบ้านไม้ร้างแสนผุผังจนน่ากลัวว่าไม่มีใครกล้าอยู่ก็ถล่มลงมา หากเป็นสายตาคนภายนอก อาจคิดว่าบ้านหลังนี้โทรมพร้อมจะพังอยู่แล้ว แต่สำหรับกลุ่มคนที่ติดอยู่ด้านใน ย่อมรู้ว่าสาเหตุมาจากระเบิดลูกเล็กๆ ที่ติดกับเสาต้นหลักต่างหาก
“คุณพี่ไม่เป็นอะไรนะ” เมื่อรถเริ่มขับไปไกล ธนัทซึ่งนั่งเบาะหลังกับนิฌานก็หันมาสำรวจคนข้างตัว ส่วนพระเอกกับพายนั่งด้านหน้า คอยดูเส้นทางหลบหนี
“ไม่เป็นไร” นิฌานตอบ ก่อนจะเหลียวมองหลัง มองอดีตบ้านหลบภัย
เมื่อธนัทมองตามสายตานั้นก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้
“พวกเรากะใช้แผนหลบหนีนี้ตอนพวกองค์กรตามเจอ คิดไม่ถึงว่าต้องใช้กับพวกตำรวจ!”
“แต่หลายคนไม่คุ้นหน้าเลยนะ” พายเอ่ยแทรก เพราะไม่ได้เข้าข้างฝั่งพระเอกสุดกู่ และไม่ได้ผูกพันกับมิสเตอร์เอสจนเชื่อมั่นในตัวคุณพี่ชาย จึงมองสถานการณ์ได้อย่างเป็นกลางที่สุด “หัวหน้าคนนั้นก็ไม่โผล่มา”
“ตั้งใจฆ่ากันขนาดนี้ จะกล้าโผล่หัวมาได้ยังไงล่ะ เจ้าคนพวกนี้ก็เหมือนส่งมาเป็นหน่วยกล้าตาย ลงมือโหดเหี้ยม ขืนส่งคนคุ้นเคยกับพวกเรามาก็ทำไม่ได้ขนาดนี้หรอก” ธนัทฉุนเฉียวจัด ก่อนจะตบบ่าพี่ชายมิสเตอร์เอส “ถ้าไม่ได้คุณพี่ช่วยเตือนคงแตกตื่นลนลานแย่ ขอบคุณนะ”
นิฌานไม่ตอบ แต่เมื่อหันไปมองท้องฟ้าที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้น แสงที่สาดส่องนั้นก็ตกกระทบเงาใบหน้าเผยภาพมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
เพราะตำรวจที่บุกมานั้นไม่ใช่ตำรวจจริง
แต่เป็นคนขององค์กรสวมเครื่องแบบตบตาหลอก เพื่อให้คำป้ายสีของเขาน่าเชื่อถือขึ้นต่างหาก!
“คัต!”
ทันทีที่ผู้กำกับสังคัต ผมก็ยืนประสานมือตรงหน้าอกด้วยความซาบซึ้งน้ำตาจะไหลอยู่หลังจอมอนิเตอร์ ภาพที่ปรากฏออกมานั้น...สวยมาก! ดูลึกลับ น่าค้นหา มีความร้ายกาจแฝงอยู่ แต่กระนั้นก็น่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดาว่าคนคนนี้คือใคร ช่างเต็มไปด้วยปริศนาที่จุดประกายให้นักคิดอย่างผมคลุ้มคลั่งแทบบ้า นี่มันจะสนุกเกินไปแล้ว! ทุกสิ่งอย่างเหนือการคาดเดาเกินไปแล้ว!!
“โห น้องเจอึ้งเลยเหรอ” รู้ตัวอีกที นิฌานซึ่งโดนแดดส่องหน้าเทคเดียวผ่านด้วยอินเนอร์ที่ส่งมาอย่างแรงกล้าจนผู้ชมสะท้านสะเทือนก็กลายเป็นคนเจ้าชู้นักหยอกซะงั้น “มองแต่พี่รึเปล่า ไม่ใช่ว่าเผลอมองอัคนะ”
“ผมก็มองพี่ฌานนั่นแหละ”
“ดีใจจัง”
“ผมมองเพื่อจับผิดต่างหาก” ผมกอดอก หรี่ตามองคนยิ้มระรื่นตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ นับเป็นคนที่มีดีให้อวด เพราะถ้าไม่นับครั้งแรกที่โดนติ นิฌานก็ไม่เคยทำพลาดเกินสามเทคอีกเลย
แต่ผมรู้หรอกน่าว่ามาจากความมุ่งมั่นทำการบ้านของเขา
นิฌานอยากให้ผลงานเรื่องนี้ออกมาดีที่สุด
เพื่อให้ตัวเขาได้ก้าวผ่านความกลัว และเพื่อ...ตัวผมด้วย
“น้องเจคิดอะไรครับ ทำไมจู่ๆ ก็หน้าแดง”
“ผมร้อนต่างหาก” พูดจบก็หยิบพัดพับซึ่งพกติดกระเป๋าเสมอออกมาบริการนิฌานไม่ให้เหงื่อออกเยอะเกิน เพราะเขายังต้องถ่ายต่ออีก ระหว่างนั้นคนในกองก็เดินสวนกันไปมา พวกเราอยู่ในเต็นท์รวม นักแสดงนำทั้งหมดก็พักกันอยู่ในนี้
"นานๆ ทีจะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น สวยดีนะครับพี่ฌาน”
เพราะกะหลบหน้ายียวนของนิฌานพอดี สายตาผมเลยไปหยุดกับภาพแสนสวยงามด้านข้าง ภาพของพระอาทิตย์ที่ขึ้นระหว่างตึกสองตึก นับเป็นโลเคชั่นที่ตรึงตาไร้ที่ติ เหมาะกับการแง้มตัวตนแท้จริงของหัวหน้าองค์กรเอามากๆ
“เพราะน้องเจชอบนอนอุตุน่ะสิ”
ถะ...เถียงไม่ออก!เด็กดีที่ต้องเรียนตอนเช้า ทำงานตอนกลางคืนอย่างผม ถ้าเลือกได้ก็ขอนอนจนเต็มอิ่ม จะมีอารมณ์สุนทรีย์แหกขี้ตามาชมพระอาทิตย์ขึ้นทำไมล่ะเอ้อ
“พี่ฌานก็ไม่เคยสนใจเหมือนกันแหละน่า”
“ใครว่า พี่มองพระอาทิตย์ขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้วต่างหาก ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก...ตารางชีวิตก็ผิดเพี้ยน นอนในกองกินในกอง นั่งมองภาพนี้หลายต่อหลายครั้ง ตอนแรกก็สวยอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นก็บาดตา...”
คำพูดอุปมาอุปไมยสมเป็นเจ้าคารม เขาต้องการจะสื่อว่าเข้าวงการบันเทิงแรกๆ ก็สวยหรูดูดี แต่เมื่อผ่านไปหลายปีก็เจ็บปวดเหลือแสน
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”
“ไม่รู้สินะ” นิฌานยักไหล่ “ก็ตอนนี้พี่มีพระอาทิตย์ดวงใหม่ที่น่ามองกว่าหลายเท่า แถมไม่ร้อนไม่แสบตา คอยส่องสว่างนำทางในทุกๆ วันอยู่นี่นา”
ผมถืงกับมือกระตุกแทบเอาพัดพับฟาดกบาลเขาเลยทีเดียว
เบื่อคนเจ้าเล่ห์! รุกจีบซึ่งหน้ากลางกองยังไงไม่ให้มีคนสงสัย!!
และเบื่อตัวเองชะมัดที่ดันรู้ทุกความหมายแอบแฝงของเขาทุกประโยคเลยเนี่ย จะโง่บ้างก็ได้เจตริน!!
--------------------
อย่าแปลกใจทำไมน้องเจเขินบ่อยจัง คือน้องเจเนี่ย ไม่เคยคิดเรื่องความรัก ปิดกั้น ปฏิเสธมาตลอด พอลองเปิดใจ รับอิพี่ฌานมาพิจารณา โดนรุกบ่อยมากๆ เข้า ก็จะเขินตามประสบการณ์อันต่ำต้อยของน้องแหละค่ะ น้องไม่ชินกับความรู้สึกแบบนี้!
ความให้ดอกไม้โดยไม่มีคนสะดุดตา ความบอกรักโดยไม่ให้คนในกองฉุกใจ #น้องเจที่น่าลัก
เพจนักเขียนกัดผ้าเช็ดหน้าอิจฉาคนมีความรักTwitter :
@MajaYnaja